อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 5

ตอนที่ 5
“แกพูดใหม่อีกทีซิ”

“ฉันจะเลิกกับพี่พัด”

“อีกทีซิ”

“ไม่! ไอ้ตาลแกให้ฉันพูดมาห้ารอบแล้วนะ ฉันไม่พูดแล้ว!”ดาวเหนือบอกอย่างหงุดหงิด เพราะหลังจากที่บอกกับเพื่อนว่าเธอจะเลิกกับพัดยศ รุ่นพี่ที่เป็นคนรักของเธอ อีกฝ่ายก็ขอให้เธอพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่นั่น ตรีทิพย์หยิกแขนตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ฝันไป

“โอ๊ย!”

“บ้าไปแล้วเหรอแก อยู่ดีก็หยิกตัวเอง”ดาวเหนือมองการกระทำของเพื่อนอย่างขำ ก่อนจะโดนคนบ้ามองค้อน หญิงสาวโวยวาย

“ฉันไม่ได้บ้า แกต่างหากที่บ้าไอ้ดาว ทำไมอยู่ดีก็จะเลิกกับพี่พัด หรือว่าพี่พัดเค้านอกใจแก!”

“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก หยุดก่อน” ดาวเหนือบอกก่อนจะเอามือปิดปากเพื่อนรักที่ทำท่าจะเดามั่วซั่วอีกแล้ว แล้วจึงพูดต่อ ”พี่พัดเป็นคนดี แต่คนที่ไม่ดีคือฉันต่างหาก”

“แกมีคนใหม่งั้นเหรอ ใครอ่ะ หล่อไหม” ตรีทิพย์รีบถามอย่างไม่รอคำตอบจากเพื่อน ดาวเหนือส่ายหัวกับการชอบคิดไปเองของเพื่อน

“ถ้ามีก็ดี จะได้มีข้ออ้างในการบอกเลิก แต่ฉันไม่มี ตาล พี่พัดเป็นคนดีเกินไป เขาควรจะได้มีความสุขกับผู้หญิงที่รักเขา ซึ่งไม่ใช่ฉัน”เธอบอกกับเพื่อน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน ตรีทิพย์เลิกเล่นเมื่อเห็นท่าทีจริงจังของเพื่อน ร่างโปร่งที่น้อยกว่าเพื่อนทรุดตัวนั่งข้างๆแล้วนั่งฟังเงียบๆ

“ฉันรู้สึกอึดอัดเวลาที่พี่เขาคอยมาเอาอก เอาใจ มันเหมือนกับว่าฉันหักหลังเขา เขาทุ่มใจให้ฉัน แต่ฉันไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับพี่เขา ไม่เคยเลยด้วยซ้ำ”

“หมายความว่าแกไม่ได้รักพี่พัดงั้นเหรอ แล้วตอนนั้นแกรับรักเขาทำไม”ตรีทิพย์ถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะเธออยู่ร่วมเหตุการณ์มาตลอดนับแต่ตอนที่พัดยศบอกรักเพื่อนของเธอแล้วอีกฝ่ายตอบตกลง จากวันนั้นจนวันนี้เป็นเวลาหลายปีแล้ว แล้วทำไม...

“เพราะแรงยุไง แล้วก็ตอนนั้นลองคบดูก็ไม่เสียหลายฉันรู้สึกแบบนั้น แต่ฉันไม่เคยรักเขา แอบคิดเหมือนกันว่าบางทีเพราะอาจจะยังไม่รู้ใจตัวเอง เลยคบต่อมาเรื่อยๆ กะว่าจะไปหาคำตอบให้ตัวเองตอนป่า ไม่นึกว่าพี่พัดจะตามไปด้วยแต่มันก็ทำให้ฉันได้รู้นะ ว่าจริงๆแล้วพี่พัดเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้น”ดาวเหนือสารภาพตามตรง เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกดีที่ต้องทำร้ายจิตใจผู้ชายที่ดีกับเธอและรักเธอที่สุดคนนั้น แต่หากยังดื้อคบกันต่อไปคนที่เจ็บปวดที่สุดในภายหลังก็เขาเอง

หญิงสาวคิดว่าวิธีนี้ต้องเป็นทางออกที่ดีที่สุดแต่ติดที่ว่าไม่รู้จะพูดอย่างไรให้อีกฝ่ายเข้าใจ เพราะยังไงซะอีกฝ่ายก็เป็นเพื่อนของพี่รหัสที่เคารพและหากจะพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจก็เกรงว่าจะมองหน้ากันไม่ติด อาจจะลามไปถึงเหล่ารุ่นพี่รหัสก็เป็นได้ เธอจึงได้มาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่ตอนนี้นั่งหน้ามุ่ย

“แกนะแก ไม่น่าเลย ถ้าตอนนั้นไม่ตอบรับพี่พัด ปล่อยให้เขาอกหักเสียตั้งแต่ตอนนั้น ป่านนี้เขาคงลูกสามไปแล้วมั้ง”ตรีทิพย์บอกกับเพื่อนเสียงขุ่น

“เว่อร์ไป”

“ไม่เว่อร์ แกไม่รู้เหรอไงว่าที่บริษัทพี่พัดเองน่ะมีสาวจ้องจะเคลมพี่เขาตั้งเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่วอกแวก แต่แกกลับ... เฮ้อ! ฉันล่ะเครียดจริงๆ แล้วนี่แกยังไม่ได้คุยกับพี่พัดเลยใช่ไหม”

“ก็ถ้าบอกแล้วจะมาหาแกทำไม กะจะมาให้แกช่วยคิดหน่อยว่าจะบอกกับพี่เขายังไงดี”ดาวเหนือบอกเรียบๆ ไม่มีแววเศร้าในน้ำเสียง ตรีทิพย์มองเพื่อนนิ่งๆก่อนตัดใจ

“เอาก็เอา แต่แกไม่คิดจะคุยเพื่อปรับความเข้าใจหรือไม่ก็ลองให้พี่เขาเปลี่ยนท่าทีอะไรเงี้ยก่อนเหรอ”หญิงสาวถามซ้ำเพื่อเพื่อนรักจะเปลี่ยนความตั้งใจ หากแต่ไม่ได้ผล ดาวเหนือยังคงยืนยันความตั้งใจของตนอย่างแน่วแน่ จึงยอมแพ้

“งั้นแกก็บอกพี่เขาไปว่าขอห่างกันสักพักแล้วกัน ยังดีกว่าไปเลิกเลยที่เดียว สงสารพี่เขา”

“ก็ดี ฉันยังอยากให้เป็นพี่น้องกันได้อยู่ ไม่อยากจะจบกันแบบมองหน้ากันไม่ติด”ดาวเหนืออย่างเห็นด้วยกับคำแนะนำของเพื่อน ก่อนที่ทั้งคู่จะทิ้งปัญหาไว้เบื้องหลังแล้วหันไปคุยเล่นกันจะกระทั่งมารดาของตรีทิพย์กลับมาจากไปจ่ายตลาด หญิงสาวจึงได้เข้าไปอ้อนขอทานข้างเย็นด้วย ซึ่งมารดาของอีกฝ่ายก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะเธอเองก็เข้านอกออกในบ้านหลังนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย


“ยายตาลไปเรียกพี่เขามากินข้าวด้วยกันสิลูก จะได้รู้จักกับดาวด้วย”ร่างบอบบางของคุณตรีเนตร มารดาของเพื่อนบอกกับลูกสาวของตนที่เตรียมจะกินอาหารโชยกลิ่นหอมบนโต๊ะแล้ว ก่อนจะหันกลับมาคุยกับเธอ “ดาวยังไม่เคยเจอพี่ตฤณเลยใช่ไหมลูก”

“โอ๊ย! จะไปเคยเจอได้ไงล่ะแม่ ดาวมันมาบ้านเราทีไรคลาดกับพี่ตฤณตลอด ถ้ามันไม่ว่าง พี่ตฤณก็ออกค่าย แปลกดีเนอะ แกมาบ้านฉันออกบ่อยแต่ยังไม่เคยเจอกหน้าพี่ชายคนโตของฉันเลย”ท้ายประโยคตรีทิพย์ออกความเห็นกับเพื่อนรักที่นั่งฟังอยู่ ก่อนจะร้องออกมาเมื่อโดนแม่หยิกหมับเข้าให้ที่แขน

“บอกให้ไปตามพี่เขาไง ไปได้แล้ว โอ้เอ้อยู่นั่นแหละลูกคนนี้เนี่ย”

“จ้า จ้า ไปแล้วจ๊ะ”ว่าแล้วก็เผ่นแผล๊วไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ดาวเหนือหันมาทางคุณตรีทิพย์ก่อนเอ่ยถามข้อสงสัย

“พี่ตฤณคนที่เป็นสัตวแพทย์ใช่ไหมค่ะ แม่”

“ใช่แล้วจ๊ะ เดี๋ยววันนี้คงได้เจอ รายนั้นเขาเปิดร้านหมอหมาอยู่แถวนี้แหละจ๊ะ ซอยนี้มันซอยใหญ่ทำเลดี แล้วก็คนในหมู่บ้านชอบเลี้ยงหมากันทุกคน งานก็เลยยุ่ง”

“เมื่อตอนบ่ายดาวมาคุยงานแถวนี้ก็เจอโกลเด้นท์ตัวหนึ่งมันวิ่งเข้าใส่ ลงไปกองกับพื้นเลย”เมื่อพูดถึงสัตวแพทย์หญิงสาวจึงย้อนความไปถึงเรื่องเมื่อตอนบ่ายให้คุณตรีเนตรฟัง ซึ่งอีกฝ่ายถึงกับอุทานอย่างตกใจพลางวิ่งมาหาร่องรอยบาดเจ็บอย่างห่วงใย ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่ทำให้เธออยากจะมาบ้านของตรีทิพย์มากกว่าอยู่ที่บ้านของตัวเอง ขนาดคุณตรีเนตรเป็นแค่แม่เพื่อนแต่ท่านก็ยังห่วงใยเธอมากกว่าบุพการีแท้ๆของเธอเอง ดังนั้นเธอจึงรีบพูดต่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล

“แต่ไม่เป็นอะไรแล้ว พอดีว่าเจ้าของเจ้าแสบนั่นตามมาด้วย เขาก็ขอโทษแล้วดาวก็ไม่ได้เป็นอะไรมากด้วย”

“ดีแล้วล่ะลูก ผิวสวยๆเป็นรอยไปล่ะแย่เลย บ้านนี้ก็เลี้ยงหมาพันธุ์เดียวกันอยู่ด้วยนะ แต่ดาวคงไม่ค่อยได้เห็นหรอกลูกเพราะเจ้าตัวนั้นติดสอยห้อยตามเจ้าของตลอดทั้งวัน”คุณตรีเนตรบอกยิ้มๆ ซึ่งเธอก็ยิ้มรับ ก่อนที่ตรีทิพย์ซึ่งไปตามพี่ชายจะเดิยหน้าตูมกลับมาแล้วยังไร้วี่แววของบุคคลที่สั่งให้ไปตามตัวมา

“อ้าว! แล้วพี่ตฤณล่ะยายตาล”คุณตรีเนตรถามลูกสาวเมื่อไม่เห็นว่าลูกชายคนโตตามมาด้วย ตรีทิพย์กระแทกตัวนั่งก่อนจะรีบฟ้องทันที

“พี่ตฤณบอกว่าให้กินกันไปก่อน พอดีมีคนไช้ด่วนเข้ามา ไอ้เราก็เลยว่าจะช่วยเสียหน่อย ดันมาบอกว่าอย่าเลยยายตาล เราน่ะมันกระโดกกระเดก พอกับไอ้ตัวแสบเดี๋ยวจะมาทำยุ่ง กลับบ้านไปกินข้าวกับแม่ก่อนไป๊! ดู๊ ดู!พี่ตฤณนะแม่ ตาลอุตส่าห์มีน้ำใจอยากจะช่วย เชอะ! คราวหน้าถ้าต้องไปต่างจังหวัดนะจะปล่อยให้ไอ้ตัวแสบมันอดข้าวเสียให้เข็ด”

“แล้วกัน โกรธเจ้าของแล้วทำไมไปลงที่สัตว์เลี้ยงซะล่ะ แต่ก็จริงของพี่เขา ปล่อยเขาไปเดี๋ยวก็มากินกันเองน่ะแหละ เอาเลยลูกดาวไม่ต้องรอพี่เขาแล้ว”คุณตรีเนตรแหย่ลูกสาวเล่น ก่อนจะหันมาชวนให้เธอเริ่มทานอาหาร โดยไม่ใส่ใจอาการงอนของลูกสาวคนเล็ก

“แม่อ่ะ แล้วเมื่อไหร่แกกับพี่ฉันจะได้เจอกันล่ะเนี่ย”

“เอาน่า ถ้าฉันยังคบแกอยู่ยังไงก็อาจจะได้เจอกกันสักวัน ไม่แน่ถ้าเจอกันแล้วแกอาจจะได้ฉันเป็นพี่สะใภ้ก็ได้ใครจะไปรู้”

ดาวเหนือพูดเล่นๆกับตรีทิพย์อย่างไม่คิดอะไร ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปสนใจอาหารหน้าตาน่าทานบนโต๊ะพลางคุยสัพเพเหระไปเรื่อย แต่หารู้ไม่ว่าคนบนฟ้ามักจะชอบเล่นตลกกับชีวิตมนุษย์ธรรมดาอย่างน่าประหลาดใจ...


“กลับมาแล้วหรือครับ น้องดาว”เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูดังขึ้นเหนือศีรษะ ดาวเหนือที่กำลังก้มแกะเชือกรองเท้าอยู่เงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ต้องลอบถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร ร่างโปร่งส่งยิ้มแกนๆให้คนรักหนุ่มที่ส่งยิ้มอบอุ่นกลับพร้อมซ่อนความเจ็บปวดไว้ในใจได้อย่างดี

“พี่พัดมานานแล้วหรือ”

“ตั้งแต่บ่ายครับ เห็นแม่บุษบอกว่าน้องดาวออกไปข้างนอกพี่ก็เดาได้ว่าคงไปทำงานก็เลยนั่งรอ”ชายหนุ่มตอบก่อนจะแย่งกระเป๋าใส่แบบของอีกฝ่ายมาถือแล้วเดินนำเข้าไปข้างใน ไม่รอให้เธอได้คัดค้าน ดาวเหนือมองตามหลังเขาไปอย่างหนักใจ ก่อนจะพยายามทำใจแข็งเพื่อที่จะได้บอกในสิ่งที่คิดไว้กับตรีทิพย์ในวันนี้

“พี่พัด ดาวมีเรื่องอยากคุยด้วย”

“น่าเสียดายจังเลยดาว แต่วันนี้พี่คงต้องไปแล้งล่ะ นึกได้ว่ามีเอกสารสำคัญที่ยังไม่ได้เซ็น”พัดยศตัดบทก่อนจะส่งยิ้มมาให้ แล้วเดินออกไปทางหน้าบ้านโดยมีดาวเหนือเดินตามออกมา ชายหนุ่มหันกลับมาบอกบางอย่างที่ทำให้ดาวเหนือต้องเครียด

“อ่อ ดาวครับพี่จะไปดูงานที่ต่างประเทศสักอาทิตย์นะครับ ดาวอยากได้อะไรไหม?”

“ไม่ล่ะ แล้วพี่พัดไปเมื่อไหร่ พรุ่งนี้ดาวขอคุยเรื่องที่จะคุยวันนี้ได้ไหม”

“คงไม่ได้ครับ เพราะพรุ่งนี้มีประชุม แล้วก็ตอนเย็นก็ต้องเดินทางแล้ว วันนี้พี่แค่อยากมาเห็นหน้าดาวก่อนจะไม่ได้เจอนาน”

“ถ้าอย่างนั้นไม่คุยหลังพี่พัดกลับมาก็แล้วกัน งั้นก็โชคดีนะ ดาวส่งแค่นี้”

“ครับ ฝันดีนะครับคนดี”พัดยศบอกตามหลังคนรักสาวไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนรอยยิ้มที่แสร้งทำจะจางหายไปหลังจากอีกฝ่ายลับสายตา เขาทุบกำปั้นลงกับฝากระโปรงรถอย่างเจ็บปวด ลางสังหรณ์บอกได้ว่าคนรักสาวจะพูดอะไร แต่ด้วยความที่รักมากจึงพยายามหาทางเลี่ยง ซึ่งการไปดูงานก็เข้าทางพอดี อย่างน้อยก็ยังพอยืดเวลาไปได้บ้างแต่เขาก็รู้ดีว่าไม่ได้ตลอดไป สักวันวันนั้นต้องมาถึง...

พัดยศยังคงก้มหน้าหลับตาข่มความปวดใจลงไป หวังจะให้มันลงไปลึกที่สุดเท่าที่จะลึกได้และก่อนที่เขาจะทำสำเร็จ เสียงหวานที่ออกแนวลังเลก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง

“เอ่อ พี่พัดเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“ไม่เป็นอะไรครับน้องจันทร์ เผอิญพี่กำลังหากุญแจรถอยู่”ชายหนุ่มตอนพี่สาวคนที่สองของคนรักเสียงเรียบ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ หากแต่คุณครูสาวก็พอจะมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังฝืนยิ้มอยู่ หญิงสาวพยายามทำใจกล้ายื่นมือไปกุมมืออีกฝ่ายไว้พร้อมยิ้มให้กำลังใจ

“ไม่ว่าพี่พัดจะกำลังกลุ้มใจเรื่องอะไรอยู่ จันทร์จะขอเป็นกำลังใจให้พี่ฝ่าฟันมันไปให้ได้นะคะ หากอยากจะเล่าล่ะก็จันทร์ยินดีรับฟังค่ะ”พัดยศมองมือบางที่กุมเขาอยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองพี่สาวของคนรักที่เขาไม่ค่อยจะได้คุยด้วยเท่าไหร่ ก่อนจะค่อยปลดมือออกแล้วส่งยิ้มขอบคุณไปให้

“ขอบใจมากนะครับน้องจันทร์ แต่พี่ไม่เป็นอะไรจริงๆ พี่ไปก่อนนะครับ”

“ขับรถระวังๆนะคะ”ชายหนุ่มยิ้มรับก่อนจะออกรถออกไปจากหน้าบ้านของคนรักสาว โดยมีพรายจันทร์มองตามไปจนท้ายรถลับหายไป ร่างบางถอนหายใจ ดวงตาฉายแววปวดร้าวก่อนจะรำพึงออกมาเบาๆ

“เมื่อไหร่เขาจะหันมามองเราบ้างนะ”


“นังแวว”

“ขา คุณตะวัน มีอะไรจะให้แววรับใช้เหรอคะ”เสียงหวานเลี่ยนของสาวใช้เจ้าเนื้อดังขึ้นประจบเจ้านายสาวคนสวยที่กำลังมองข้างนอกหน้าต่างอยู่ ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างพอใจกับสิ่งที่ได้เห็นก่อนจะบอกกับคนที่รอรับคำสั่งอยู่

“ฉันว่ามันได้เวลาลงมือจัดการกับนังดาวตกแล้วละ”

“จริงเหรอคะ อู๊ย!แววรอมานานแล้วคะ บอกตรงๆนะคะไม่ได้ประจบ...”แววรีบคลานเข้าไปหาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างพร้อมฉีกยิ้มประจบ แล้วรีบพูดต่อ “...แต่แววหมั่นไส้แม่นั่นมากๆ เวลามองแววแต่ละทีนะคะ แววละอยากจะเข้าไปตบ ตบ ตบ แล้วก็ตบ”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันให้แกได้ออกแรงแน่ แต่มันต้องหลังจากที่ฉันมั่นใจแล้วว่าหมากทุกตัวเดินมาเข้าทางของฉันจนหมดแล้วน่ะสิ”ตะวันฉายเดินกลับมานั่งสบายๆบนเตียงของตน ดวงตาเรียวฉายชัดถึงความสะใจในแผนการที่ตนคิดไว้ รวมไปถึงความพอใจในสิ่งได้เห็นเมื่อครู่เพราะนั่นมันหมายความว่าแผนการของเธอเริ่มต้นขึ้นแล้ว

“ไม่นึกเลยว่าแกจะเดินมาอยู่บนกระดานของฉันง่ายๆอย่างนี้นังดาว ทีนี้ล่ะแกจะได้รู้ซะทีว่าดาวอย่างแกไม่มีทางจะมาเทียบรัศมีดวงตะวันอย่างฉันได้ ที่อยู่ของแกบนโลกนี้มันไม่มีหรอกนังดาว!!!”


ยามมืดอันอึมครึมได้ผ่านพ้นไป ดวงตะวันอันแสนสดใสก็ทอแสงอันอบอุ่นทั่วผืนแผ่นดิน ดาวเหนือลุกขึ้นมาจากเตียงช้าๆ มือเรียวยกขึ้นแกะหนังยางที่ผูกเส้นผมสีน้ำตาลยาวเป็นลอนไว้ไม่ให้เกะกะยามนอนออก แล้วสะบัดเบาๆสองสามครั้งจนเข้าทรง ร่างโปร่งบิดขี้เกียจจนพอใจแล้วก็ค่อยๆลงจากเตียงแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดที่จะใส่ในวันนี้ออกมา ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

ผ่านไปไม่นานหญิงสาวก็กลับออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน แขนยาวแต่พับขึ้นไปจนถึงศอก ชายเสื้อถูกทับไว้ด้วยกางเกงยีนส์ขาเดฟสีซีด มือโปร่งกำลังสาละวนอยู่กับการถักเปียให้กับตัวเอง ก่อนจะปิดท้ายด้วยการนำเชือกหนังสีมาผูกแทนยางรัดผม ร่างโปร่งสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองในกระจกก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าผ้าใบโปรดแล้วออกไปจากห้อง

คุณบุษบากำลังเดินเข้าบ้านมาหลังจากนำแกงเขียวหวานที่ตนทำขึ้นไปให้ที่บ้านใหญ่รีบถามลูกสาวทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลงัจะออกไปข้างนอก

“จะไปไหนน่ะลูกดาว”

“ไปหาตาล”ดาวเหนือตอบสั้น ก่อนจะก้มหน้าก้มตาผูกเชือกรองเท้าผ้าใบ โดยไม่ทันเห็นหน้าตาของมารดาที่ออกอาการไม่พอใจ คุณบุษบามองลูกสาวที่ยังไงก็ไม่คิดจะไปหางานทำ เอาแต่ไปเที่ยวกับเพื่อนทั้งวัน

“อะไรกันเมื่อวานก็ไปบ้านยายตาลมา แถมอยู่รบกวนเขาทั้งวัน วันนี้ก็จะไปอีกแล้วเหรอเรา เกรงใจเขาบ้างเถอะนะยายดาว”

“แม่ตาลเขาไม่ว่าอะไร เขายังบอกด้วยว่าจะไปค้างกี่วันก็ได้”

“เขาพูดเพราะต้องการรักษามารยาทต่างหาก”คุณบุษบาบอก ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆลูกสาวที่ยังคงผูกเชือกรองเท้าต่อไป

“ดาว เชื่อแม่เถอะนะ ไปขอโทษคุณพ่อแล้วยอมทำงานที่บริษัทนะลูก”คุณบุษบาพูดออกไปอย่างที่ใจนึก แต่นางคิดผิดเพราะคำพูดนั้นเปรียบเหมือนน้ำมัน ยิ่งราดเข้าไปบนกองไฟอารมณ์ของดาวเหนือที่กำลังลุกเบาๆอยู่ให้โชนขึ้นมาอย่างน่ากลัว ดาวเหนือผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตากร้าวแข็งก่อนจะบอกกับมารดา

“ไม่มีทาง! ดาวไม่ชอบธุรกิจแม่ก็รู้ แล้วทำไมแม่ต้องมาบังคับให้ดาวทำในสิ่งที่ดาวไม่ชอบ เขาไม่ได้มีลูกแค่คนเดียว แค่ดาวไม่เขาไปช่วยกิจการของครอบครัวมันก็คงไม่ล้มครืนลงมาหรอก พี่จันทร์ยังไปเป็นครูได้แล้วทำไมดาวจะทำตามที่ใจต้องการไม่ได้ แม่เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า แล้วก็ไม่ต้องไปรบกวนพี่จันทร์ แม่มิน หรือว่าคุณย่าให้มาช่วยพูดเลย เพราะยังไงซะคำตอบของดาวก็คือ ไม่! ไม่ว่าคนถามจะเป็นใครก็ตาม” ร่างโปร่งพูดจบแล้วก็เดินออกไปที่รถของตัวเองทันทีไม่สนใจมารดาที่กำลังตะโกนเรียกอยู่เลยแม้แต่น้อย รถญี่ปุ่นขนาดกะทัดรัดแล่นออกไปจากหน้าบ้านอย่างรวดเร็วตามอารมณ์ของคนขับ

คุณบุษบามองตามลูกสาวไปอย่างเจ็บปวด เธอเองก็รู้จักลูกสาวดีแม้จะไม่ดีที่สุดอย่างที่แม่คนอื่นเป็นแต่เธอก็ยังรู้ว่าขณะที่พูดอยู่นั้นอีกฝ่ายกำลังเสียใจอยู่ ใช่! ลูกสาวเธอกำลังเสียใจ แต่ด้วยความที่หญิงสาวพยายามทำตัวว่าไม่แยแสคนในบ้าน จึงไม่เคยแสดงท่าทางว่าเสียใจกลับแสดงออกมาให้ตรงกันข้ามตลอด หากเป็นคนนอกคงดูไม่ออก เธอแค่ต้องการให้พ่อลูกเข้าใจกันเพื่อทดแทนช่วงเวลาที่เธอและสามีเพิกเฉยดาวเหนือเมื่อตอนยังเด็กเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของตะวันฉายในตอนนั้น ทำให้เพิกเฉยต่อดาวเหนือลูกสาวของตนเอง จนสุดท้ายความสุขก็เลยถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดอย่างที่เป็นอยู่ ร่างผอมของคุณบุษบายังคงยืนอยู่ที่เดิมขณะพูดกับอากาศที่ว่างเปล่า ไร้เงาของลูกสาวตรงนั้นว่า

“ดาว พ่อเขารักหนูนะลูก แม่อยากเห็นวันที่หนูกับพ่อเข้าใจกัน อย่าให้วันนั้นเป็นวันสุดท้ายของชีวิตแม่เลยนะ แม่ขอร้อง”



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 เม.ย. 2554, 21:46:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 เม.ย. 2554, 21:46:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1785





<< ตอนที่ 4   ตอนที่ 6 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account