กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ

ตอน: ตอนที่ 22 เงินตราแลกหัวใจ

บทที่ 22
เงินตราแลกหัวใจ

‘ผู้หญิงหน้าด้าน ฉันขอสาปส่งแกไปชั่วชีวิต’

ปิ่นแก้วกดลบข้อความทันทีเมื่ออ่านจบ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตลอดทั้งวัน ต้องคอยนั่งลบข้อความบั่นทอนกำลังใจที่แววดาวขยันพิมพ์ส่งมาให้เธอไปกี่สิบครั้ง หนักเข้าหญิงสาวจึงตัดสินใจกดปิดโทรศัพท์ โยนมันลงบนโต๊ะอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี

“เฮ้อ...ทำไมเราต้องเจอกับเรื่องพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมาด้วยนะ” ปิ่นแก้วรำพึงแผ่ว เอนหลังลงกับเก้าอี้โซฟาพลางหลับตาอย่างเหนื่อยล้า

หลายวันมานี้ เธอพยายามหลบเลี่ยงโทรศัพท์จากราเมศมาโดยตลอด อีกทั้งยังตั้งใจว่าจะตัดขาดจากเขาชนิดตัดบัวไม่เหลือใยอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด ตรงกันข้ามหัวสมองกลับวนเวียนอยู่แต่เรื่องของราเมศเกือบตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่วันเดียว

หลังจากที่พบกันครั้งสุดท้ายที่หาดชะอำ ปิ่นแก้วก็ต้องทนแบกรับความเจ็บปวดในใจเมื่อพบว่าราเมศมีผู้หญิงอีกคนยืนอยู่เคียงข้าง อีกทั้งเขายังดูเหมือนจะยังมีใจผูกพันกับแววดาวอย่างไม่อาจตัดขาดอีกด้วย....

“ทำไมเราถึงรู้สึกเจ็บหัวใจแบบนี้ล่ะ” ปิ่นแก้วเฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอนั้นคืออะไรกันแน่

มันคือ ‘ความรัก’ อย่างนั้นใช่หรือเปล่า

“ไม่มีทางหรอก คนแบบนั้นเราจะรักเขาได้ยังไงกัน”

หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง ราวกับต้องการย้ำเตือนตัวเองให้คอยอยู่ห่าง ๆ ราเมศเข้าไว้ ความเจ็บช้ำจากความรักครั้งก่อน ทำให้ปิ่นแก้วไม่กล้าที่จะฝากหัวใจเอาไว้กับใครอีก ถึงแม้ว่าจะรู้สึกดี ๆ กับราเมศก็ตาม แต่ถ้าเขามีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว

หญิงสาวก็ไม่มีทางพาตัวเอง...เข้าไปเป็นมือที่สามของใครเป็นอันขาด


“ไม่สบายหรือเปล่าคะคุณปิ่น ทำไมวันนี้สีหน้าท่าทางไม่ค่อยสดชื่นเลย”

เสียงผู้จัดการร้านแผนกเสื้อผ้ายี่ห้อดังในห้างสรรพสินค้ากล่าวทัก หลังจากที่เห็นสีหน้าบุตรสาวทายาทบริษัทนำเข้าเสื้อผ้ารายใหญ่ ที่วันนี้อุตส่าห์เข้ามาเดินสำรวจตลาดสินค้าด้วยตัวเองถึงที่

“เปล่าหรอกค่ะ เมื่อคืนแค่นอนดึกไปหน่อยเท่านั้นเอง” ปิ่นแก้วเลี่ยงตอบไปทางอื่น ขณะก้มหน้าก้มหนาเช็คความเรียบร้อยของสินค้าที่เพิ่งเข้ามาถึง “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วเคยติติงเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีค่ะคุณปิ่น” อีกฝ่ายส่ายหน้าปฏิเสธ “ส่วนใหญ่ออกจะชอบ จนต้องกลับมาซื้ออีกด้วยซ้ำไป”

“เหรอ”

“ว่าแต่วันนี้คุณปิ่นมาเดินคนเดียวเหรอคะ”

“...พอดีออกมาเดินซื้อของก็เลยแวะมาน่ะ เดี๋ยวช่วยเอาเสื้อผ้าชุดนี้ห่อใส่ถุงกระดาษให้หน่อยนะ ฉันจะเอากลับไปฝากคุณพ่อ”

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

ผู้จัดการร้านยื่นมืออกไปรับชุดเสื้อผ้าจากมือของหญิงสาว ก่อนใช้ให้พนักงานขายหน้าร้านเอาไปจัดการห่อใส่ถุงให้เรียบร้อย ขณะที่ยืนรอปิ่นแก้วจึงเดินดูสินค้าแผนกอื่นไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งมาหยุดอยู่บริเวณหน้าร้านจิวเวอรี่ราคาแพง มองดูเครื่องประดับเพชรเม็ดงามภายในตู้กระจกด้วยความสนใจ

“หน้าอย่างเธอ สนใจของพวกนี้เหมือนกันเหรอ” น้ำเสียงยิ้มเยาะ กับเสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกพื้นหนัก ๆ ทางด้านหลัง ทำให้ปิ่นแก้วเหลียวกลับไปมองพร้อมกับขมวดคิ้ว

“คุณแววดาว” เธอเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าปราศจากอารมณ์ใด ๆ

นางแบบสาวสวย รูปร่างเย้ายวนภายใต้ชุดแซกรัดรูปสีแดงเลือดนก ปล่อยผมยาวเป็นเส้นตรงจรดกลางหลังหยัดยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย เดินกอดอกเยื้องกรายเข้ามาหาปิ่นแก้วพร้อมกับกระเป๋าหนังยี่ห้อดังราคาเรือนแสน ใบหน้าสวยจัดด้วยเครื่องสำอาง ปรายตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

“เจอกันอีกแล้วนะนางแมวขโมย สงสัยว่าดวงของฉันกับเธอมันคงสัมพันธ์กัน หรือไม่ก็คงเป็นคู่อริกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแล้วสิท่า...ว่ายังไงล่ะ คนอย่างเธอมีเงินทองมากพอมาเดินดูเพชรกับเขาด้วยเหรอ น่าขำจริง ๆ”

ปิ่นแก้วขมวดคิ้วโก่งสวยเข้าหากัน อย่างเธอเนี่ยนะ ไม่มีเงิน ได้ยินแล้วอยากหัวเราะให้งอหาย

ดูท่าว่าแม่แววดาวคนนี้จะรู้จักเธอน้อยไปหน่อยซะแล้ว

ถ้าคุณหนูทายาทธุรกิจร้อยล้านอย่างเธอ คิดอยากจะสวมใส่เครื่องประดับเพชรขึ้นมา ต่อให้ขนชุดเครื่องเพชรราคาแพงลิบลิ่วมาให้เลือกทั้งร้าน ก็ไม่มีชิ้นไหนที่แพงเกินกว่าที่เธอจะหาซื้อมาใส่ไม่ได้หรอก

“เปล่าหรอก วันนี้ฉันมาเดินดูเสื้อผ้าต่างหาก ว่าแต่คุณเถอะทำไมวันนี้ถึงมาเดินคนคนเดียวซะล่ะ พ่อมาลัยสามชายคนนั้นหายไปไหนซะแล้ว กลับมาจากชะอำไม่ทันไรก็โดนเมินซะแล้วเหรอ”

เมื่ออีกฝ่ายชอบจิกกัดนัก ปิ่นแก้วก็เลยช่วงสนองตอบให้ด้วยวาจาเจ็บแสบไม่แพ้กัน

“แก...นี่หาว่าฉันถูกคุณราเมศทิ้งงั้นเหรอ ใครกันแน่ อย่ามาทำปากดีสู่รู้หน่อยเลย” แววดาวถลึงตาเข้าใส่

“ฉันไม่ได้สู่รู้ เพียงแต่พูดไปตามที่เห็นเท่านั้นเอง ขอโทษทีเถอะนะวันนี้ฉันธุระยุ่ง ไม่ว่างมาเดินลอยชายทะเลาะกับคุณหรอก”

ปิ่นแก้วทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไปอย่างไม่ต้องการมีเรื่อง แววดาวจึงฉวยโอกาสพูดจาทับถมเพราะคิดว่าเธอกลัวจนหัวหด

“อิจฉาฉัน จนไม่กล้าสู้หน้าล่ะสิ...อย่างว่านั่นแหละนะ คนที่แอบลักขโมยกินของคนอื่นก็ต้องร้อนตัวเป็นธรรมดา นี่แหละน้า อยากเสนอหน้าไม่เข้าเรื่องดีนัก คนอย่างราเมศน่ะถึงจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ก็ไม่พ้นมือฉันหรอกนะรู้ไว้ด้วย”

คำพูดลอย ๆ แต่เสียดแทงเข้าไปถึงหัวใจของคนฟัง จนรู้สึกเจ็บแปลบไปหมดทั้งตัวและหัวใจ ปิ่นแก้วเม้มปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดถากถางเหล่านั้น

“งั้นเหรอ” ร่างบางเหลียวกลับไปยิ้มให้ “ก็ดีแล้วนี่ ต่อไปก็ช่วยจับคนของตัวเองให้แน่น ๆ หน่อยล่ะ จะได้ไม่ต้องเที่ยวไล่ตามตื้อคนอื่นเขา”

แววดาวเลิกคิ้วสูงอย่างผิดหวัง ดวงตาเป็นประกายราวกับงูพิษ

“นี่คงคิดว่าเขาตามตื้อเธองั้นสิ แม่สาวน้อยร้อยชั่ง” เธอยิ้มเยาะ แต่ปิ่นแก้วได้แต่ยืนนิ่งไม่ตอบคำถาม “แหม...น่าสงสารจังเลยนะ เธอคงยังไม่รู้จักนิสัยผู้ชายคนนั้นดีล่ะสิท่า จะบอกอะไรให้นะว่าคนอย่างราเมศน่ะ เขาไม่เคยจริงจังกับใครหรอก ขอเพียงมีใครสักคนคอยอยู่เคียงข้าง มอบความสุขให้กับเขาได้แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”

“แล้วเธอมาบอกฉันทำไม”

“ฉันแค่อยากเตือนเธอให้รู้ไว้เท่านั้นแหละ” แววดาวยักไหล่ “ผู้หญิงอย่างเธอฉันเห็นมาเยอะแล้ว ทุกครั้งที่ราเมศนอกใจฉันแล้วไปควงผู้หญิงคนอื่น สักพักเดี๋ยวเขาก็กลับมาเอง เพราะฉะนั้นถ้าเธอจะควงกับเขาอีกฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ...”

น้ำเสียงของแววดาวน่าหมั่นไส้ เสียจนปิ่นแก้วนึกอยากตบหน้าสวย ๆ นั่นขึ้นมาสักฉาดสองฉาดแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะอย่างไรเสียเธอก็ขึ้นชื่อว่ามีสิทธิ์ในตัวราเมศทุกประการ…

ซึ่งแตกต่างไปจากเธอ

“ขอบใจที่เป็นห่วง แต่เก็บคำพูดพวกนั้นไว้ใช้กับตัวเองเถอะ” ปิ่นแก้วตอบเสียงเย็นชา

“ชิ พวกไม่เจียมตัว” แววดาวทำตาลุกวาว แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรผู้จัดการร้านจิวเวอรี่ก็หันมาเห็นปิ่นแก้วเข้า จึงรีบเดินเข้ามาทักทายด้วยอากัปกิริยาของคนคุ้นเคยทันที

“อ้าว สวัสดีครับคุณปิ่นแก้ว ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้วนะครับเนี่ย” ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน หน้าตาท่าทางสะอาดสะอ้านเดินเข้ามาทักทาย สร้างความแปลกใจให้แก่แววดาวไม่น้อย

“สวัสดีค่ะคุณบดินทร์” หญิงสาวพนมมือไหว้อย่างคนมีมารยาท

“วันนี้เข้ามาตรวจงานคนเดียวหรือครับ”

“ค่ะ พอดีคุณพ่อท่านติดธุระปิ่นก็เลยมาคนเดียว”

“ดีจริง ๆ เลย เข้ามาในร้านก่อนสิครับ วันนี้ผมมีชุดเครื่องเพชรแบบใหม่เข้ามาอยู่พอดี ถ้าไม่รังเกียจจะลองรับเอาไปพิจารณาก่อนก็ได้นะครับ”

หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มรับ ส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ดีกว่าค่ะ วันนี้ปิ่นแค่มาเดินซื้อของเฉย ๆ เอาไว้วันหน้าค่อยหาเวลามาดูใหม่ก็แล้วกัน คุณอาไม่ต้องเกรงใจปิ่นหรอกค่ะ เชิญตามสบายเลย อีกเดี๋ยวปิ่นก็จะกลับแล้ว ขอบคุณมากนะคะ”

“น่าเสียดายจัง” อีกฝ่ายเผยรอยยิ้มผิดหวัง “ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวไปดูแลลูกค้าทางด้านโน้นก่อนนะครับ ฝากเรียนคุณเดชาด้วยว่าครั้งหน้าผมจะหาโอกาสเข้าไปเยี่ยมท่าน”

“ค่ะ”

ภาพการสนทนาระหว่างบุคคลทั้งสอง จนกระทั่งผู้จัดการร้านเดินผละจากไป ทำให้นางแบบสาวถึงอึ้งจนพูดไม่ออก ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายควรจะต้องเข้ามาทักทายเธอก่อนเป็นอันดับแรก แต่คนที่ได้รับความเอาใจใส่กลับกลายเป็นหญิงสาวแต่งกายด้วยชุดกระโปรงธรรมดา ๆ ไม่ได้หรูหราเลิศเลออะไรเลย

“นี่มันอะไรกัน” แววดาวทำหน้าไม่พอใจ หันไปจ้องหน้าปิ่นแก้วอย่างไม่อยากเชื่อ “เธอรู้จักกับผู้จัดการร้านเครื่องเพชรด้วยเหรอ”

ปิ่นแก้วซ่อนรอยยิ้ม แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถาม

“ก็แค่ทักทายธรรมดา ไม่เห็นแปลกตรงไหน”

“อย่ามาทำไก๋นะ ก็เมื่อกี้ฉันเห็นเขา...เอ่อ” แววดาวไม่กล้าพูดต่อ ท่าทีที่ผู้จัดการร้านจิวเวอรี่ชื่อดังที่มีต่อปิ่นแก้ว ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้เธอรู้ถึงสถานการณ์อะไรหลาย ๆ อย่าง

“คุณบดินทร์ก็แค่เข้ามาทักทายฉัน ตามประสาลูกค้าประจำเท่านั้นเอง” เธอเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนเดินผละกลับไปยังแผนกเสื้อผ้านำเข้าเพื่อกลับไปเอาของ ๆ ตนเอง

แม้ว่าการเผชิญหน้ากันครั้งนี้ ปิ่นแก้วจะเป็นฝ่ายชนะ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกดีใจหรือภูมิใจเลยแม้แต่น้อย หัวสมองของเธอยังคงวนเวียนอยู่กับคำพูดของแววดาว และยังคงสลักแน่นอยู่ภายในใจ...ย้ำเตือนตัวเองถึงทางเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกัน ระหว่างเขาและเธอ


สัญญาณโทรศัพท์ที่ขาดหายไปหลังจากที่พยายามติดต่อไปหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววกังวลจนคนรอบข้างรู้สึกได้ หลายวันมานี้ราเมศพยายามติดต่อปิ่นแก้ว หวังจะขอพบเธอเพื่ออธิบายถึงปัญหาความเข้าใจผิดที่หาดชะอำเมื่อคราวก่อน แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรับโทรศัพท์จากเขา ราวกับต้องการปฏิเสธความสัมพันธ์ไม่ยอมพบเจอหน้ากันไปตลอดชีวิต

“ให้ตายสิ ไม่เข้าใจผู้หญิงเลยจริง ๆ” ราเมศเอ่ยเหมือนบ่น

ไม่ช้าบานประตูห้องทำงานก็เปิดออก พร้อมกับร่างของเพื่อนสนิทก้าวเดินเข้ามาภายในห้องด้วยสีหน้า แววตาไม่บ่งบอกอารมณ์เหมือนอย่างเคย

“นายมาก็ดีแล้วเตชิต ฉันกำลังมีเรื่องจะปรึกษาอยู่เชียว”

“เรื่องอะไรล่ะ” เตชิตก้าวเข้าไปนั่งบนเก้าอี้โซฟา สายตาจับจ้องอยู่บนโต๊ะทำงานนิ่ง “ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิงละก็ คุณหญิงวิมลชื่นก็ฝากให้ฉันมาบอกข่าวนายเหมือนกัน”

ชื่อของคุณหญิงป้า ส่งผลให้คนฟังขมวดคิ้ว

“คุณหญิงป้าพูดอะไรกับนาย”

เตชิตถอนหายใจยาว เอนหลังลงกับพนักพิงเค้นหาคำพูดกล่าวออกมา โดยหวังว่าราเมศจะออกอาการช็อกไปเสียก่อน

“คุณหญิงวิมลชื่นฝากให้ฉันมาบอกกับนายว่า ให้เตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงานในวันอาทิตย์หน้าที่กำลังจะมาถึง”

ราวกับมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมายังโต๊ะทำงานที่ราเมศกำลังนั่งอยู่จนทรุดลงไปทั้งแถบ หลังจากที่เพื่อนรักนำข่าวสำคัญมาประกาศบอกให้รับรู้ ด้วยสีหน้าท่าทางจริงจังราวกับกำลังเจรจาเรื่องธุรกิจ

ราเมศตวัดสายตาคม ๆ ขึ้นมองคนพูด หากว่านี่เป็นยามปกติชายหนุ่มคงลุกขึ้นสวนหมัดกับเพื่อนรักพร้อมเสียงหัวเราะไปเรียบร้อยแล้ว

“นายพูดเล่นใช่ไหม”

“เปล่า” เตชิตกล่าวเสียงราบเรียบ ยกมือขึ้นขยับเน็คไทให้คลายลงเล็กน้อย “ฉันพูดเรื่องจริง เมื่อวานนี้คุณหญิงวิมลชื่นโทรศัพท์ขอให้ฉันไปพบ เพื่อถามเรื่องที่นายไม่ยอมโผล่หน้ากลับไปยังคฤหาสน์รัตนะโสภาสิริ รวมถึงเรื่องที่นายบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับโทรศัพท์ ดูท่าครั้งนี้คุณหญิงป้าจะโกรธนายมาก ก็เลยสั่งให้ฉันมาบอกนายเรื่องการแต่งงานแทน”

“แล้วยังไง” ราเมศวางปากกาลงบนโต๊ะ ขมวดคิ้วเข้าชนกัน “นายก็เลยมาที่นี่เพื่อนำข่าวนี้มาบอกฉันงั้นสิ”

เตชิตเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงยิ้มรับ

“นายก็รู้นี่ว่าฉันปฏิเสธคุณหญิงไม่ได้”

“ให้ตายเถอะ” ร่างสูงภายใต้ชุดสูทผู้บริหาร ยกมือขึ้นกุมหน้าผาก

รู้อยู่แล้วว่าเตชิตต้องตอบแบบนี้ สำหรับเรื่องอื่นเขาพอจะไหว้วานหมอนี่ได้อยู่หรอก ยกเว้นก็แต่เฉพาะเรื่องคุณหญิงป้าที่เคยมีบุญคุณกับเตชิตตั้งแต่สมัยเรียนจนกระทั่งเติบโตมาด้วยกัน เพราะฉะนั้นต่อให้เป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญสักแค่ไหน ขอเพียงเป็นคำสั่งประกาศิตของคุณหญิงวิมลชื่น เตชิตก็ยินดีที่จะทำตามไม่มีเกี่ยง ถึงแม้ว่าจะเป็นการเอาใจออกห่างเพื่อนอย่างเขาก็ตามที

“จนป่านนี้แล้ว ยังไม่เลิกล้มความคิดบ้า ๆ อีกหรือนี่” ราเมศถอนหายใจหนักหน่วง รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

นับตั้งแต่วันที่เขากลับมาจากงานสัมมนาที่ชะอำ คุณหญิงวิมลศิริก็ขยันโทรศัพท์หาเขาวันละหลายสิบหนพร้อมทั้งให้คนนำรูปถ่ายหญิงสาวหน้าตาดีหลายคนมาให้เขาเลือก ราวกับต้องการบีบบังคับให้เขาต้องเลือกแต่งงานกับผู้หญิงสักคนเพื่อสร้างรากฐานให้มั่นคงสำหรับการผลิตทายาทสืบทอดธุรกิจของตระกูลที่แสนน่าปวดหัว จนเป็นเหตุให้ชายหนุ่มต้องลี้ภัยออกมาอยู่คอนโดข้างนอกจนกว่าเรื่องยุ่ง ๆ จะยุติ

แต่ที่ไหนได้ หลังจากที่อีกฝ่ายรู้ว่าวิธีการหว่านล้อมใช้ไม่ได้ผล กลับไปเข้าทางคนปากหนักแต่ทำจริงอย่างเตชิตให้มากดดันเขาจนได้

“นายก็รู้นี่ว่าคุณหญิงเป็นพวกไม่ไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ” เตชิตทวนความจำให้ “แถมยังเคยลั่นวาจาไว้ด้วยว่า ถ้ายังไม่เห็นนายแต่งงานกับผู้หญิงดี ๆ ก็จะไม่ยอมยกมรดกให้เป็นอันขาด”

ราเมศส่ายหน้าอย่างปลง ๆ

“แม้แต่นายก็ยังเป็นไปด้วยหรือยังไง เรื่องมรดกอะไรนั่นมันใช้บังคับฉันไม่ได้หรอกนะเตชิต”

“ฉันรู้”

อีกฝ่ายยิ้มรับ รู้ดีอยู่แล้วว่าคนอย่างราเมศถึงแม้จะไม่มีเรื่องมรดกเข้ามาเกี่ยวข้อง ธุรกิจที่เขาบริหารและสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองก็มากมายเกินพออยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เพื่อนรักต้องหนักใจก็คือเรื่องสุขภาพของคุณหญิงวิมลชื่นต่างหาก นับตั้งแต่เจ้าบ้านตระกูลรัตนะโสภาสิริสิ้นบุญไป คุณหญิงป้าก็เป็นญาติสนิทคนเดียวที่เหลืออยู่อีกทั้งยังเป็นผู้มีพระคุณที่เคยให้ความอุปถัมภ์ค้ำชูเขาจนกระทั่งกลายเป็นนักธุรกิจอนาคตไกลได้จนถึงทุกวันนี้

ความจริงเขาเองก็ไม่ได้นึกรังเกียจการสละโสดนักหรอก เพียงแต่การแต่งงานสำหรับราเมศไม่ใช่เพียงแค่การร่วมใช้ชีวิตเล่น ๆ แต่เขาต้องการใครสักคนที่พอจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ เป็นคนพิเศษที่สามารถกุมทั้งตัวและหัวใจของเขาเอาไว้ ไม่ให้โลดแล่นใช้ชีวิตตามอำเภอใจอย่างที่แล้ว ๆ มา

“นายจะทำยังไงต่อ คิดจะหนีแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ หรือไง” เตชิตถามเสียงเรียบ ดวงตาจับจ้องเพื่อนรักอย่างต้องการคำตอบ

ราเมศเอนหลังลงกับพนักพิง เคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด ใบหน้าหล่อเหลาอธิบายไม่ถูกว่าควรทำยังไงดี รู้ดีว่าสักวันเรื่องแบบนี้ก็จะต้องมาถึง เพียงแต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลาอันสมควรเท่านั้น

“พรุ่งนี้ฉันจะลองหาทางคุยกับเธอดู”

“...ผู้หญิงที่นายเคยให้เล่าฟังน่ะหรือ”

เตชิตลองเดา เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาก็พอรู้เลา ๆ มาบ้างแล้วว่าราเมศกำลังสนใจคบหากับหญิงสาวคนหนึ่งแต่ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก หากแต่ดูจากสีหน้าแววตาของเพื่อนรักในยามนี้ เห็นทีคงเดาได้อย่างเดียวแล้วว่าอีกฝ่ายคงตกหลุมรักสาวน้อยหน้าหวานคนนั้นเข้าเต็มเปา

“นายแน่ใจนะว่าเธอจะยอมโอเคด้วย”

ราเมศถอนหายใจยาว บอกตามตรงว่าเรื่องนี้เขาเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ อีกทั้งช่วงระยะเวลาที่เขากับปิ่นแก้วเพิ่งจะมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันก็เพิ่งจะเริ่มต้นได้ไม่นานมานี้เอง แต่นั่นไม่ใช่คำตอบของชายหนุ่ม เนื่องจากราเมศรู้ดีว่าหัวใจของเขากำลังเรียกร้องอะไรอยู่

“ไม่รู้สิ แต่สำหรับฉันคิดว่าโอเคถ้าเป็นคนนี้” ราเมศยอมรับกับตัวเอง

ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องแต่งงานหรือสละโสดกับผู้หญิงคนไหน เนื่องจากยังไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกมีความสุขกับการใช้ชีวิตคู่หรือมองเห็นคุณค่าความรักมาก่อนเลยแม้แต่คนเดียว คนอย่างเขาไม่เคยต้องวิ่งไล่ตามความรักเพราะไม่เคยคิดว่ามันมีอยู่จริง

นอกเสียจากเวลาที่เขาอยู่กับปิ่นแก้ว

เวลาที่อยู่กับเธอ หญิงสาวมักทำให้เขามีรอยยิ้มและอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างประหลาด ใบหน้าสวยหวานรูปไข่กับดวงตากลมโตน่ารัก ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าหากต้องแต่งงานกับใครสักคน ถ้าหากว่าอีกฝ่ายเหมือนกับเธอล่ะก็ การแต่งงานที่เคยคิดว่าน่าเบื่อก็คงจะมีความสุขได้เหมือนกัน หลังจากคิดทบทวนอยู่นานในที่สุดราเมศก็มั่นใจได้ว่าเขาตกหลุมรักหญิงสาวแสนน่ารัก เอาแต่ใจคนนี้เข้าเสียแล้ว

“ฉันสะดุดรักเธอ เข้าอย่างจังเลยล่ะ”

คำตอบของเพื่อนรัก จุดประกายรอยยิ้มบนเรียวปากเตชิตขึ้นมาทันที

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินคำพูดนั้นจากปากนาย ในที่สุดก็ติดบ่วงนางฟ้าเข้าจนได้”

ราเมศหัวเราะเบา ๆ พลางเคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่าเรื่องของความรู้สึกของเขาจะค่อนข้างชัดเจน แต่นั่นไม่ได้หมายความรวมถึงปิ่นแก้วด้วย เนื่องจากภายหลังจากที่กลับมาจากหาดชะอำ ปิ่นแก้วก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมพูดจา ไม่ว่าเขาจะพยายามโทรฯหาเท่าไหร่เธอก็ไม่ยอมรับสาย

“ติดปัญหาอยู่ที่ตอนนี้เธอไม่ยอมคุยกับฉันน่ะสิ นับตั้งแต่กลับมาจากหาดชะอำเธอก็เอาแต่หลบหน้าตลอด แถมยังปฏิเสธไม่ยอมให้ฉันเข้าพบมาตั้งหลายวันแล้วด้วย”

“นายไปทำอะไรให้เขาโกรธหรือเปล่า”

ราเมศขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด “ความจริงแล้ว...ก็พอจะเดาเรื่องได้อยู่หรอก”

“เรื่องคุณแววดาวงั้นสิ”

เตชิตถามกลับอย่างตรงไปตรงมาเนื่องจากรู้นิสัยของอีกฝ่าย แถมข่าวคราววีรกรรมที่นางแบบสาวเคยก่อเอาไว้ ก็มากพอที่จะทำให้เตชิตได้ยินข่าวคราวง่าย ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาสืบอีกด้วย

“นั่นแหละที่เป็นปัญหา” ราเมศยกมือขึ้นกุมขมับอย่างหนักใจ

ฟังจากน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังของราเมศ ก็ทำให้เตชิตพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังทุกข์ใจขนาดหนัก ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้มีโอกาสเห็นสีหน้าแบบนี้ของชายหนุ่ม โดยปกติแล้วราเมศมักมีรอยยิ้มและอารมณ์ขันอยู่เสมอ หากแต่ครั้งนี้ต่างออกไป แต่จะเนื่องด้วยอะไรนั้น...คงมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่จะให้คำตอบได้

“เรื่องนี้ฉันคงช่วยอะไรนายไม่ได้หรอก นอกเสียจากว่านายจะรีบทำอะไรให้มันจบลงก่อนงานแต่งวันอาทิตย์หน้า”

“พูดเป็นเล่นไป นี่อย่าบอกนะว่าแม้แต่นายก็เป็นไปกับคุณหญิงป้าด้วย” ราเมศตวัดสายตาไปยังเพื่อนรักที่นั่งปั้นหน้าเรียบสนิท ราวกับทองไม่รู้ร้อน

“ฉันยังไม่ทันได้พูดสักคำ”

“นายไม่ได้พูดก็จริง แต่ถ้าเป็นคำขอร้องของคุณหญิง ก็ยินดีที่จะทำตามโดยปราศจากข้อโต้แย้งอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” ราเมศแค่นเสียงประชด

เตชิตเพียงแต่ยิ้ม ๆ ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ

“ให้ตายสิ นายเป็นเพื่อนฉันแน่นะ”

“ใจเย็น ๆ สิ ฉันเองก็ใช่ว่าอยากจะเห็นนายเดือดร้อนหรอกนะ เพียงแต่อยากให้รีบจัดการเคลียร์ตัวเองให้มันเรียบร้อยเท่านั้นเอง”

เตชิตกล่าวน้ำเสียงจริงจัง ที่พูดอย่างนี้เพราะได้ข่าวแว่ว ๆ มาว่านางแบบสาวยังไม่ยอมตัดอกตัดใจ ทั้งยังคอยวนเวียนมาหาราเมศถึงบริษัทอยู่บ่อย ๆ ทำให้เกิดปัญหาคาราคาซังอย่างไม่มีวันจบสิ้น นิสัยส่วนตัวของเพื่อนสนิททำไมเตชิตถึงจะไม่รู้ คนอย่างราเมศต่อให้ไม่ชอบผู้หญิงคนไหน ก็ไม่มีทางเอ่ยปากไล่หรือปฏิเสธด้วยท่าทีตรงไปตรงมาเด็ดขาด และด้วยนิสัยส่วนนี้เองที่เป็นเหตุให้แววดาวฉวยโอกาสยื้อความสัมพันธ์ไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ

ผิดกับตัวเขาที่ไม่เคยเปิดโอกาสให้สาว ๆ เข้าถึงตัวมากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยประสบกับปัญหาเรื่องทำนองนี้ เพียงแต่ไม่มากเท่ากับราเมศเท่านั้นเอง

“อย่าลืมนะราเมศ ผู้หญิงไม่ได้เป็นสิ่งของที่นายจะครอบครองได้ง่าย ๆ งานนี้ถ้านายไม่คิดจะทุ่มทั้งตัวและหัวใจ ก็อย่าหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่นายคิดเลย”

***********************
นายราเมศโดนเข้าจนได้ค่ะ งานนี้
สมน้ำหน้า ปนสงสารนิด ๆ แฮะ

เบลินญา





เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ย. 2554, 14:43:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ย. 2554, 14:43:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2259





<< ตอนที่ 21 ปากไม่ตรงกับใจ   ตอนที่ 23 ตามล่า หาความรัก >>
ameerahTaec 17 พ.ย. 2554, 15:06:42 น.
คิคิ ราเมศหลงรักหนูปื่นเข้าเต็มเป้า หมั่นไส้แววดาวจริงจัง


เบลินญา 17 พ.ย. 2554, 16:20:12 น.
นางร้ายขี้อิจฉาค่ะ อิอิ


Zephyr 18 พ.ย. 2554, 00:00:28 น.
ไม่จัดการเด็ดขาดเองนี่นายเมศ ต้องเลือกแล้วนะว่าจะถนอมน้ำใจคู่ควงแล้วให้คนที่รักเสียใจ หรือ ตัดขาดไปซะแล้วไปเริ่มต้นใหม่นะจ๊ะ เพลย์บอยจริงป่ะเนี่ย บริหารไม่ได้เรื่องเลยอ่ะ


violette 18 พ.ย. 2554, 02:19:08 น.
สมน้ำหน้า ไม่เคลียร์เลยสักนิด ช่วยไม่ได้ที่ปิ่นจะหนี
โง่กับเรื่องนายๆนะนายราเมศ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account