พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 6.“ผู้หญิงเราสำคัญที่สุดก็ตอนนี้แหละลูก"

6.

มาลีไม่มั่นใจว่าความรู้สึกตัวลอยๆ ขณะเดินขึ้นบ้านนั้นเกิดจากแอลกอฮอล์หรือว่าเขาคนนั้น หญิงสาวเปิดประตูห้องเข้าไป พบว่าแม่กับมารุตนอนคลุมโปงอยู่ในมุ้งเรียบร้อย

มาลีเดินไปยังหน้าต่าง มองลอดออกไปยังลานหน้าห้องพัก สมศักดิ์กับสุชินยังคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ส่วนกลยุทธนั้นนั่งผิงพนักเก้าอี้มองดาวบนฟ้าแล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเหมือนคนที่กำลังต่อสู้กับความคิด

‘อยากจะไปอยู่ใกล้เธอ อยากเอาใจฝากไว้ที่เธอ ส่งผ่านตาที่อ่อนหวานของเธอ อยากจะไปอยู่ใกล้เธอ และจะคอยส่งยิ้มให้กัน อยากเป็นคนที่สำคัญของเธอ...’

แล้วเสียงเพลง ‘ใกล้’ ของปุ๊กกี้ ที่คุณวรรณาร้องด้วยน้ำเสียงใสๆ เมื่อตอนหัวค่ำ ก็มาเคาะประตูหัวใจของมาลี

“มาลียังไม่นอนอีกหรือ” แม่ผงกศีรษะจากหมอนมาเรียกลูกสาว

“จะนอนแล้ว แม่หลับก่อนเลย”

“ชอบเขาเหรอ” แม่ถามตรงๆ

“เขาจีบหนูนี่แม่”

มาลีรับสารภาพออกไปแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะเดินมาเปิดมุ้งแล้วมุดเข้าไปยังที่นอนของตนเอง

แม่พลิกตัวกลับมาหาลูกสาวที่นอนนิ่งแต่หายใจหนักๆ

“ผู้หญิงเราสำคัญที่สุดก็ตอนนี้แหละลูก แต่อย่าใจร้อน ดูกันไปเรื่อยๆ ทางมันไกล หัวใจก็จะใกล้กันยาก”

“มีคำคมด้วยหรือแม่”

“ก็เห็นขายขนมจีบลูกสาวแม่มาหลายรายแล้ว เพียงแต่รายนี้แม่รู้สึกว่าหนูจะเล่นด้วยก็เท่านั้น นอนๆ เถอะ เขาก็คงเหมือนกับทุกๆ คน ผ่านมาแล้วก็หายเงียบไป”

แม่เงียบเสียง แต่มาลียังนอนไม่หลับ

//////////////////////////////////

ในเวลาประมาณตีห้าครึ่ง มาลีสะดุ้งตื่นขึ้นมาตามความเคยชิน หญิงสาวรีบลุกขึ้น เพราะต้องออกไปจัดการกับถ้วยแก้วจานชามชุดสุดท้ายที่อยู่บนโต๊ะกลางสนาม แล้วเตรียมหุงข้าวสวยและข้าวต้มสำหรับเลี้ยงลูกทัวร์กรุ๊ปที่นอนพัก เมื่อมาลีขยับ แม่ก็ขยับลุกขึ้นตาม

“นอนต่อไปก็ได้เดี๋ยวหนูจัดการเอง”

“ตื่นนานแล้วนอนไม่ค่อยหลับ” คนเป็นแม่พูดเสียงเบาๆ

มาลีลุกออกจากที่นอนหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำอุ่นแล้วออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ภายในเวลาไม่กี่นาทีแล้วมาลีก็ลงจากบ้านไปยังลานรอบกองไฟ แล้วเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่า ที่ตรงนั้นโล่งคล้ายกับว่าไม่มีใครสักคนนั่งกินเหล้ากันในยามค่ำคืน แล้วมาลีก็ได้คำตอบเมื่อเห็นเขาคนนั้นเดินอ้อยอิ่งอยู่ที่ลำธารทางด้านข้างหลังเรือนพัก มาลีรีบสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหา

“ตื่นแต่เช้าเลยคุณกลยุทธ”

เขารีบหันกลับมาหาด้วยใบหน้าเปื้อนด้วยรอยยิ้ม มาลีเองก็ยิ้มกรุ้มกริ่มตอบกลับเช่นกัน

“นอนไม่หลับ ก็เลยต้องลุกออกมาเดินเล่น”

มาลีใช้สายตาสำรวจไปทั่วเรือนกาย เขาแต่งตัวดีอยู่เสมอ ใบหน้านั้นนวลเนียนผิวสะอาดดูมีชาติตระกูล

“ขอบคุณนะคะ อุตส่าห์เก็บโต๊ะให้”

“ก็ไม่อยากทำให้เธอเหนื่อยแต่เช้า อันที่จริงพวกเราต้องร่วมกันรับผิดชอบด้วย คงไม่มีกรุ๊ปไหนขอให้เอาโต๊ะออกไปตั้งข้างนอกหรอกใช่ไหม”

มาลีพยักหน้ารับ รู้สึกขอบคุณกับความเข้าใจในงานบริการของเธอ

“นอนหลับสบายดีนะคะ” มาลีชวนคุย

“ถ้าบอกว่านอนไม่หลับล่ะ”

“ฉันก็นอนไม่ค่อยหลับ” มาลีเข้าใจนัยยะนั้น

“คิดเรื่องอะไร” เขารุกเร้าพลางเดินมาหาจนมาลีได้กลิ่นกรุ่นแห่งกายหนุ่ม

“คิดว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง”

“วันนี้ใช่ไหม” เขายิ้มหม่นๆ ให้ มาลีพยักหน้ารับ

“แล้วเป็นอย่างไร” เขาถามคืน

มาลีมองสายน้ำที่ไหลระเรื่อยไม่เคยได้หยุดพักเลย มันไหลไปไหนนะ เข้าท้องนา เข้าไปยังโรงผลิตน้ำประปาแล้วก็ไหลมาหาเธอที่บ้านพักหรือเปล่า

“ก็เหมือนทุกๆ วัน ทำงานหาเงินส่งน้องเรียน”

“แล้วอนาคตตัวเองล่ะ”

“ฉันลิขิตมันเองไม่ได้ทั้งหมดหรอกค่ะ”

“ทำไมเธอไม่เข้ากรุงเทพฯ ไปเรียนต่อหรือไปหางานอื่นทำ”

“เพื่ออะไรคะ” มาลีรีบถาม

“เพื่ออนาคตอันสุกใสกว่านี้หรือเปล่า”

“จริงๆ แล้วฉันพอใจที่นี่ เพียงแต่ฉันไม่ได้อยากอยู่ในฐานะลูกจ้างเขาเท่านั้นเอง” มาลีรับสารภาพออกไป

“บางทีเราคิดว่าเรากำหนดชีวิตเราได้ แต่เมื่อชีวิตดำเนินไป บางครั้งเราจึงได้รู้ว่า เราไม่สามารถกำหนดชีวิตเราได้เลย”

เมื่อได้ยินถ้อยคำนั้น มาลีครุ่นคิดพลางสบตาคู่สวยเพื่อค้นหาฃความหมายแห่งนัยยะนั้น แล้วเขาก็ผ่อนลมหายใจออกมา

“ถ้าเข้ากรุงเทพฯ แล้วอย่าลืมโทรหาผมบ้างนะ”

มาลีไม่ตอบคำถามนั้น เขาส่งนามบัตรให้ทันที มาลีดึงมายืนนิ่งมอง ทั้งชื่อจริง นามสกุล ตำแหน่ง บริษัท ที่ตั้ง พร้อมเบอร์โทรศัพท์และอีเมล

//////////////////////////////////

“ชินมึงดูซิวะ ไอ้ยุทธมันอาการหนักนะโว้ย”

สมศักดิ์ปลุกเพื่อนให้มองลอดหน้าต่างห้องพักออกไป สุชินที่นอนอยู่บนพื้นรีบลุกขึ้นแล้วนั่งมองภาพเพื่อนรักกับหญิงสาวสวยชาวบ้านป่า

เขาเห็นรอยยิ้มเปื้อนอยู่ที่ใบหน้าของกลยุทธพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่ม วรรณาออกมาจากห้องน้ำร่วมยืนดูด้วยอีกคน

“เจ็บจี๊ดไหมคุณวรรณ” สมศักดิ์ตั้งคำถาม คนถูกถามจึงค้อนให้

“เจ็บอะไรล่ะ วรรณเจียมใจมานานนมแล้ว แต่วันไม่คิดว่าเขาจะเป็นเอาได้มากถึงเพียงนี้ก็เท่านั้น”

“เนื้อคู่กันมั้ง” สุชินเปรยออกมาแล้วล้มตัวลงนอนต่อ

“เมื่อคืนมันเกณฑ์พวกผมให้ช่วยเก็บแก้วจานชามแถมยกโต๊ะเก้าอี้กลับไปที่เก่าให้มาลีด้วยนะ” สมศักดิ์เล่าต่อ

วรรณาถอนหายใจออกมา เจ็บจี๊ดอย่างที่พวกหนุ่มๆ ว่าไว้ แต่เธอก็เจียมใจมาตลอดเหมือนกันว่าเขาไม่เคยชายตาแลเธอเลยสักนิด ทำไมกับมาลีคนนี้ แต่ระยะทางคงเป็นปัญหาและอุปสรรค

“พวกคุณอาบน้ำแล้วเก็บเสื้อผ้าจะได้เดินทางต่อ เดี๋ยวจะถึงกรุงเทพฯ ดึกดื่น”

วรรณารีบเปลี่ยนเรื่อง เมื่อคืนนี้เธอนอนบนเตียงฝั่งติดห้องน้ำคนเดียว กลยุทธนอนอีกเตียงคู่กับสมศักดิ์ส่วนสุชินเอาผ้าห่มลงมาปูนอนที่พื้นห้อง

ใจจริงถ้าสมศักดิ์ไม่นอนกับกลยุทธเมื่อคืนเธอก็อยากแอบเบียดเข้าไปในใต้ผ้าห่มของกลยุทธดูบ้างอยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าเธอ ‘ฟรี’ กับเขา เขาจะปฏิบัติกับเธออย่างไร

เมื่อสลัดอารมณ์ เอาแต่ใจตนออกแล้ว วรรณาก็ถอนหายใจออกมาเป็นผู้หญิงมีแต่เสียกับเสียเท่านั้น

“ไอ้ศักดิ์เมื่อคืนมึงมุดผ้าห่มคุณวรรณเขาหรือเปล่า”

“บ้าซิ กูมุดคุณวรรณจะได้ถีบกูกระเด็นออกมา”

“ดีแล้วที่ไม่ไปมุดไม่งั้นโดนจริงๆ แหละ” วรรณารีบปรามไว้ พอถูกไล่เข้าจริงๆ เธอก็ไม่กล้าพูดเพื่อเปิดโอกาสให้หนุ่มๆ พวกนี้

“แล้วตกลงไอ้ยุทธมันไม่ชอบคุณรมณีย์หรือไงวะ”

สุชินยังตั้งข้อสงสัย สมศักดิ์ยังนั่งมองคนคู่นั้นที่เดินมายังโรงครัว กลยุทธช่วยมาลีจัดถ้วยจัดจานสำหรับอาหารเช้าอย่างไม่ถือว่าตัวเองเป็นลูกค้าของที่นี่

“มันก็คงเจียมตัวเอง อีกอย่างไอ้ชิน ถ้ามันก้าวเข้าไป มันก็คงไม่มีความสุขหรอก ลูกสาวคนเดียวแถมเอาแต่ใจตัวซะขนาดนั้น มันคงเดินตามตูดเขาต้อยๆ ไอ้ยุทธมันไม่ใช่คนหัวอ่อนนะโว้ย”

“ข้อนั้นกูเข้าใจ แต่โอกาสเปิดสำหรับมันแล้ว มันจะก้าวเข้าไปหรือเปล่า”

“ถ้าเป็นพวกคุณล่ะ” วรรณารีบถามความคิดเห็น

“ผมก็รีบกระโจนลงไปซิ” สุชินตอบตามตรง

“ผมคงคิดหนักเหมือนกัน” ว่าพลางจ้องหน้าวรรณาสายตานั้นเปิดเผยความในใจ วรรณาจึงต้องเสทำเป็นสะบัดผมหยิกที่ยาวระต้นคอ

“พนันกันไหมว่าไอ้ยุทธจะเลือกทางไหน” สุชินนึกสนุก

“เท่าไหร่” สมศักดิ์ร้องถามราคาต่อรอง

“บ้าแล้วพวกคุณ เอาความรักของเพื่อนมาพนันขันต่อใช้ได้ที่ไหน”

“ผมยังพนันกันเลยว่าไอ้ศักดิ์จะเอาชนะใจคุณได้ไหม” สุชินบอกความลับ วรรณาตวัดสายตาดุให้อีกหน

“ชีวิตฉันไม่ใช่เวทีมวยนะจะได้มาพนันกัน”

“ก็พนันกันไปแล้ว ไอ้ยุทธมันบอกว่าได้ ผมก็เอาไม่ได้” เมื่อได้ยินวรรณารู้สึกเจ็บจี๊ดเข้าไปอีก “แล้วเรื่องนี้คุณศักดิ์รู้เรื่องด้วยหรือเปล่า”

วรรณาจ้องหน้าสมศักดิ์อย่างกับจะกินเลือกเสียให้ได้

“ถ้ารู้แล้วมันจะสนุกหรือ” สุชินออกรับแทน ถ้าบอกว่าไอ้ศักดิ์รู้ด้วยมีหวัง ไอ้ศักดิ์ก็จะแห้วตลอดไปแน่ๆ ผู้หญิงยิ่งเดินเข้าใกล้มากๆ ก็จะยิ่งเล่นตัว

“ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะคุณวรรณ” สมศักดิ์รีบออกตัวบ้าง

“ดีล่ะ งั้นใครที่เล่นว่าไม่ได้ก็เตรียมรับทรัพย์ได้เลย แต่ว่าพนันกันเป็นอะไรเนี่ย”

“อาบน้ำอ่างหนึ่ง ไม่กี่บาทหร้อก” สุชินบอกตามตรง ที่นี้ส่งผลให้วรรณาถึงกับร้อง ‘อ้าย’ แล้วตีเผียะที่ต้นแขนสุชินทันที

“แล้วงานนี้มึงจะพนันอะไรไอ้ชิน” สมศักดิ์วกกลับมาที่เรื่องเดิม

“เหมือนเดิม”

“โอ๊ย กูก็เล่นไม่ได้ซิ” สมศักดิ์พูดให้เพื่อให้ตัวเองดูดี สุชินปรายตามามองทางวรรณาที่ยังหน้ามุ่ยอยู่

“งั้นเปลี่ยนเป็นเลี้ยงรถตู้ไปเที่ยวทะเลสองวันแล้วกัน”

“รวมน้ำมันด้วยไหม” สมศักดิ์ถาม

“แค่ค่ารถพอ น้ำมันไม่ต้อง หารเหมือนเดิมดีแล้ว”

“งั้นกูเอาว่าไอ้ยุทธหนีคุณรมณีย์ไม่พ้นว่ะ”

“งั้นกูก็ต้องเอาตรงกันข้าม” พูดจบสุชินก็ถอนหายใจออกมา

เขามั่นใจว่า กลยุทธหนีคุณรมณีย์ไม่พ้นเหมือนกัน แต่ทำไงได้ เมื่อสมศักดิ์เลือกก่อนเขาก็คงจะต้องยอมเสียเงิน เพราะดันพลั้งปากชวนไปเสียแล้ว แต่จะนานอีกกี่วันหนอ กว่าที่เรื่องพวกนี้จะรู้ผล

วรรณาเมื่อเห็นว่าสองหนุ่มจะอาบน้ำแต่งตัวจึงรีบเลี่ยงออกไปจากห้องพัก กลยุทธเมื่อช่วยมาลีจัดโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับมายังห้องพักเพื่อเก็บของลงกระเป๋า สมศักดิ์กับสุชินที่กำลังแต่งตัวอยู่นั้นถึงกับช่วยกันกระแอมไอคล้ายคนที่ป่วยหนักหรือไม่ก็แพ้อากาศเย็นยะเยือกในยามเช้า“เอาแน่หรือวะไอ้ยุทธ”

“กูก็แค่ถูกชะตากับน้องเขาเท่านั้น”

“จริงอ่ะ” สมศักดิ์ยังคงจ้องดูดวงตาที่เรียกว่าหน้าต่างของหัวใจนั่น กลยุทธไม่ตอบ

“กลับไปนี่เรื่องพวกนี้พวกกูต้องปิดปากเงียบเลยไหม” สมศักดิ์รองหยั่งดูความคิดของเพื่อน กลยุทธชะงักมือ แล้วก็ตอบว่า

“แล้วแต่”

“แหมพูดให้กูคิดเอง อีแบบนี้ก็ประมาณว่าถ้าพวกกูพูดไป วันหนึ่งมึงเป็นใหญ่ขึ้นมา พวกกูจะกระเด็นใช่ไหม” สุชินพูดนำทางเรื่องของอนาคต

“คงไม่หรอก”

“หมายความว่าไง มึงจะตกร่องป่องชิ้นกับมาลีงั้นหรือ” สุชินชักเรือกลับมายังทิศทางที่ต้นต้องการ

“พวกมึงพูดเองเออเองหมดทุกอย่างเลยนะเนี่ย เร็วๆ เก็บผ้าลงกระเป๋าแล้วยกไปขึ้นรถตู้ หลังจากนั้นก็รีบไปที่โรงอาหาร”

“ใจไม่หายหรือวะ” สมศักดิ์ยังแหย่

“อือ ใจหาย แต่ก็ต้องกลับ บางทีเรื่องแบบนี้มันก็ต้องอาศัยเวลา”

“และวาสนาด้วย” สุชินขัดขึ้นมา

กลยุทธครุ่นคิดตาม สำหรับเขา คงเป็นเช่นนั้นจริง รมณีย์หรือมาลี มันขึ้นอยู่กับเวลาและวาสนาจริงๆ

//////////////////////////////////


เมื่อรถตู้เคลื่อนออกจากบ้านพักไปมาลีก็ถอนหายใจออกมา หญิงสาวเม้มปากแล้วเงยหน้ามองฟ้าหลับตาแล้วลืมตามองดูทิวต้นไม้ เธอคือคนอุ้มผางเธอจะต้องอยู่ที่นี่ หาความสุขที่นี่ให้ได้ ใจที่วิ่งตามรถคันนั้น อีกไม่กี่วันมันก็จะกลับมาเหมือนเคย เมื่อพยายามสลัดอารมณ์ว้าเหว่ แล้วมาลีก็เดินถือเงินพร้อมสมุดบัญชีเดินขึ้นไปหาป้าและลุงที่นั่งดื่มกาแฟกันที่โต๊ะอาหารบนเรือนใหญ่

มาลีส่งเงินและบัญชีไปให้ป้า

“เรียบร้อยดีนะ” คนเป็นป้าชวนคุย มาลีรู้ว่าต่อไปเธอจะได้ยินเรื่องอะไร แต่คนที่พูดกลับไม่ใช่ป้าแต่เป็นลุงของเธอนั่นเอง

“ลุงกับป้าปรึกษากันแล้ว เปิดเทอมหน้าจะให้หนูเข้ากรุงเทพฯ ไปอยู่กับนันทาแล้วก็เรียนต่อ”

ใบหน้าของมาลีตึงขึ้นมาทันที มันมีคำถามแต่เธอก็เอ่ยออกมาไม่ได้

“แม่เธอกับมารุตจะอยู่ที่นี่เหมือนเดิม ทำงานช่วยกันเหมือนเดิม ได้เท่าไหร่ลุงไม่หัก ลุงอยากให้หนูมีอนาคตที่ดีกว่านี้ ลุงกับป้าจะส่งเสียหนูจนกว่าจะเรียนจบปริญญาตรีแล้วหางานทำที่นั่นได้ ส่วนที่นี่เดี๋ยวอนันต์เรียนจบเขาจะกลับมาบริหารแล้วก็ดูแลแทน”

“ค่ะ”

มาลีรับคำได้แค่นั้น เมื่อเห็นทั้งคู่เงียบและนิ่งดูสีหน้าของเธอ มาลีจำต้องรีบหาเรื่องอื่นมากลบความรู้สึกไม่ให้ผู้ใหญ่รู้ว่าเธอไม่พอใจ

“หนูจะเข้ากรุงเทพฯ เมื่อไหร่คะ”

“อีกสักเดือนดีไหมแม่” ผู้เป็นสามีหันไปถามภรรยา

“เดี๋ยวขอถามนันทาก่อนแล้วกัน นี่ก็จะต้นกุมภาพันธ์แล้ว มีนาก็เริ่มสอบเข้าเรียนที่ต่างๆ เพราะฉะนั้นน่าจะเข้าไปก่อน ไปให้คุ้นกับสถานที่ ส่วนที่นี่ก็เป็นช่วงทัวร์เงียบแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร เธอไม่มี

ปัญหาอะไรใช่ไหม”

“ค่ะ ไม่มี”

เมื่อหมดเรื่อง มาลีขอตัวออกมา หญิงสาวเดินไปยังริมลำธารนั่งลงที่ม้านั่งแล้วค่อยๆ ปล่อยน้ำตาให้รินออกมา ชีวิตเธอ เธอเลือกทางเดินให้ชีวิตไม่ได้เลยรึ

แล้วเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น แม้ไม่ได้เซฟไว้ แต่มาลีก็จำได้ว่าเป็นเบอร์ของวรรณา

“มาลี” เป็นเสียงของวรรณา

“คะ” เมื่อมาลีขานรับเสียงอื้อๆ คล้ายโทรศัพท์เปลี่ยนมือก็เข้าหูให้ได้ยิน

“มาลี” เป็นเสียงของสมศักดิ์ มาลีงงๆ ว่าเขาจะคุยอะไรกับเธอหรือว่าลืมอะไรไว้

“มาลี มีคนลืมของไว้อ่ะ”

“อะไรคะ ของใคร” มาลีใจคอไม่ดี เพราะตอนนี้คนงานเข้าไปทำความสะอาดห้องแล้ว หากมีลืมของไว้ถ้าไปถามแล้วพวกเขาบอกว่าไม่มี เธอเองก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน

“ของสำคัญด้วยนะ มาลีรีบกลับไปดูให้หน่อย เร็วๆ” มาลีลุกขึ้นก้าวเท้ายาวๆ ไปยังเรือนพัก

“อะไรของใคร” น้ำเสียงที่ถามกลับไปร้อนรน

“หัวใจของไอ้ยุทธมันอ่ะ” แล้วมาลีก็ได้ยินเสียงหัวเราะครืนของคนทั้งรถก่อนที่สายจะตัดไป

“บ้า”

ใบหน้าของมาลีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที

//////////////////////////////////


เมื่อรู้อนาคตของตนเอง มาลีกลับไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเหมือนเมื่อวันก่อน กรุงเทพฯ เธอจะได้เข้ากรุงเทพฯ มาลีหยิบนามบัตรที่กลยุทธให้ไว้มาดู มันคือใยรักที่เขาให้เธอคิดสานต่อเอง หรือว่าเธอกับเขา เนื้อคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกัน มันเป็นลิขิตจากสวรรค์อย่างนั้นหรือ หนทางห้าร้อยกว่ากิโลเมตร ภูเขาหลายร้อยลูกกำลังจะหายไป เพียงเธอไปอยู่ที่โน้น เธอกับเขาก็จะมีโอกาสสานความสัมพันธ์ มาลีรู้สึกว่าหัวใจของตนเองนั้นเกือบจะแน่นในหัวอก

วันนั้นทั้งวันมาลีรู้สึกว่าโลกที่อุ้มผางเป็นสีชมพูทีเดียว จนกระทั่งเวลาที่ใกล้พระอาทิตย์ตกดิน มาลีได้ยินเสียงโทรศัพท์อีกรอบ คราวนี้เป็นเบอร์ของคุณกลยุทธที่มาลีเซฟลงเครื่องไว้นั่นเอง

“พวกเราถึงจังหวัดตากกันแล้วนะ กำลังนั่งทานข้าวเย็นกัน” เขารายงาน

“ไปเที่ยวไหนมาบ้างคะ”

“ไปแวะน้ำตกพาเจริญ ทานข้าวกลางวันกันที่นั่น พอออกมาก็จอดรถถ่ายรูปเล่นกันที่ไร่กุหลาบ แล้วก็แวะไปที่น้ำตกนางครวญ ไปตลาดริมเมย แล้วคุณวรรณก็พาเลยไปน้ำพุร้อนแม่อุษา น้ำร้อนดี ลงแช่กันทุกคนเลย”

น้ำเสียงของคนเล่าคล้ายต้องการจะ ‘แชร์’ กิจกรรมให้ปลายสายได้ร่วมรับรู้ จนกระทั่ง

“ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”

มาลีรู้สึกว่าไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกับเขาทั้งที่เธออยากจะได้ยินเสียงของเขา ทางปลายสายก็เงียบเสียงลงชั่วอึดใจเช่นกัน

“คิดถึงผมบ้างไหม”

มาลีคิดไม่ถึงว่าเขาจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา แต่เขาก็เอ่ยมาแล้ว หรือเขาคิดถึงเธอจนทนกับอำนาจหัวใจของตนไม่ได้ ใจของมาลีสั่นหวิว เธอจะตอบกลับไปว่าอย่างไรดี คำว่า ‘คิดถึง’ คำเดียวมันเอ่ยไม่อยาก แต่มันจะดูว่าเธอใจง่ายไปหรือเปล่านะ มาลีอึกอัก ไม่กล้าตอบ แล้วเธอก็ได้ยินเสียงของใครสักคนเล็ดลอดมาล้อคนที่อยู่ปลายสาย

“แค่นี้ก่อนนะ จะเดินทางกันต่อแล้ว”

สัญญาณเงียบไป มาลีกุมโทรศัพท์ค้างไว้อยู่ตรงหัวใจ เขากล้าจีบเธอ แต่เขาไม่กล้าให้ใครรับรู้ มาลีครุ่นคิดก่อนจะระบายลมหายใจออก

พักเดียวโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ แต่คราวนี้เป็นเบอร์ของวิจักษ์

“มีอะไร” มาลีส่งภาษาถิ่นกลับไป

“คิดถึง” วิจักษ์คงกลั้นใจพูดคำสำคัญออกมา แต่มาลีกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด

“ขอบใจ มีอะไรอีกไหม”

มาลีรีบตัดบท เธอไม่อยากให้ความหวังกับเขาแม้เพียงเล็กน้อย เพราะถ้ามันไม่สมหวังความเจ็บก็จะมาเยือนอย่างแน่นอน

“ทำไมคุยกับเค้านานๆ ไม่ได้เหรอ”

“ก็เปลืองค่าโทรศัพท์ซิ มีเงินจ่ายหรือไง”

“เค้ามันจนใช่ไหมมาลีถึงไม่ชอบ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะวิจักษ์ มาลีบอกตั้งกี่ครั้งแล้ว มาลีให้จักษ์ได้แค่คำว่าเพื่อน”

“เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเค้าจนจะเพราะอะไร” น้ำเสียงฝ่ายนั้นเริ่มดังขึ้นอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่

“อะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่เพราะความจนแล้วกัน คือมันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยไง จักษ์เข้าใจไหม”

“ไม่เข้าใจ เอาเป็นว่า เค้าคิดถึงแล้วกันแค่นี้นะ”

“เดี๋ยว” มาลีรั้งเขาไว้ ตอนแรกเธอตั้งใจจะไม่บอก แต่เมื่อนึกถึงความเป็นพี่เป็นน้อง นึกว่าเขาต้องห่วงใยชะเง้อแลหาเมื่อเธอหายไป เธอจำเป็นต้องบอกให้เขารู้

“พี่วิจักษ์ อีกไม่กี่วันมาลีก็จะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วนะ” น้ำเสียงของมาลีจริงจังและคำเรียกที่มีคำว่า ‘พี่’ นำหน้าตามอายุที่แท้จริงนั้น ทำให้วิจักษ์รู้ว่าเขาจะเล่นไม่ได้เช่นกัน

“มาลีจะไปไหน” น้ำเสียงนั้นเกือบจะเป็นตะเบ็ง

“ลุงกับป้าจะให้มาลีไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ”

“เรื่องเดียวกันกับเรื่องของอนันต์ใช่ไหม”

มาลีนิ่งไปอึดใจ เธอจะตอบกับวิจักษ์ว่าอย่างไรดีนะ

“มาลีไม่ได้อยากไปใช่ไหม ถ้ามาลีไม่อยากไป แล้วมาลียอมทำไมมาลียังอยู่ที่อุ้มผางได้ เพียงแต่รับรักกับพี่แล้วให้เวลาพี่ได้สร้างฐานะ แค่นี้อนันต์ก็เข้ามายุ่มย่ามกับมาลีไม่ได้แล้ว” วิจักษ์แทนตัวเองว่าพี่เช่นกัน

มาลีเงียบเสียงในขณะที่วิจักษ์ยังคงหว่านล้อมหาทางออกให้

“ให้เวลาพี่ได้ไหมมาลี ขอเวลาพี่สักพัก”

อันที่จริงมาลีก็ไม่ได้รังเกียจเรื่องที่เขารวยหรือจนหรอก หน้าตาของวิจักษ์ถือว่าดีทีเดียวเพียงแต่เธอไม่มีใจให้เขาเท่านั้นเอง “ทำไมเงียบละมาลี กำลังคิดอะไรอยู่ใช่ไหม”

“ค่ะ”

“มาลีค่ำนี้พี่จะเข้าเมืองนะ”

“วันหยุดของพี่หรือ”

“ออกไปได้ จะขอหัวหน้าออกไป อยากไปคุย อยากไปเห็นหน้ามาลี มีอะไรเราค่อยคุยกันนะ”

มาลีไม่ตอบ “แค่นี้นะมาลี ค่ำๆ พี่จะเข้าไปหา”

มาลีถอนหายใจออกมา อย่างไรเสียวิจักษ์ก็เป็นได้แค่ ‘พี่’ เท่านั้น



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ย. 2554, 17:11:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ย. 2554, 17:13:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 2019





<< 5. “ไปไหนต่อ”   7.กุลกัญญา >>
แว่นใส 21 พ.ย. 2554, 17:40:59 น.
น่าลุ้นเหมือนกันนะ


minafiba 21 พ.ย. 2554, 21:20:45 น.
^_^


คิมหันตุ์ 22 พ.ย. 2554, 00:13:07 น.
สู้ต่อไปหนูมาลี


เดิมเดิม 22 พ.ย. 2554, 09:36:45 น.
ชอบเรื่องนี้ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account