พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 8.“ยังอารมณ์ร้อนเหมือนเดิม”

8.


“สวัสดีค่ะ”

เป็นเสียงของมาลีที่กดรับสายเรียกเข้า ขณะดันตัวขึ้นจากฟูกเก่าๆ ในบ้านไม้โบราณของพี่สาวของแม่ที่ตั้งอยู่บนถนนหลังที่ว่าการอำเภอแม่สอด

“สวัสดีครับ”

ปลายสายพูดแค่นั้นแล้วเงียบเสียงลง มาลีนิ่งฟังว่าเขาหรือใครคนนั้นจะพูดอะไรต่อไป แต่อีกฝ่ายก็จงใจเงียบเพื่อให้เธอต้องพูดซ้ำ

“ขอสายใครคะ”

“มาลีครับ”

“พูดอยู่ค่ะ มีอะไรหรือคะ”

“คิดถึงครับ”

มาลีเงียบไปเมื่อได้ยินประโยคนั้น ‘คิดถึง’ ใครอีกเนี่ยที่โทรมาอำให้งุนงง มาลีนึกถึงบรรดาเพื่อนของคุณกลยุทธขึ้นมา

“เงียบเลย” ปลายสายทักกลับมาอีกประโยค

“ไม่มีอะไรจะวางนะคะ”

“ทำไมจะไม่มีล่ะ ไม่มีจะโทรหาหรือ”

มาลีพยายามจับน้ำเสียง หญิงสาวพลิกโทรศัพท์กลับมาดูเบอร์อีกรอบ ไม่คุ้นเลย ใครกันนะ ลูกทัวร์ทริปไหนกันแน่

“ถ้าไม่บอกจะวางสายแล้วนะ” มาลีใช้ไม้ตาย

“ตอนนี้อยู่ที่ไหน”

“ทำไม” มาลีเสียงดังขึ้นเล็กน้อย แล้วปลายสายก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสนุกๆ ว่า

“ก็อยากรู้”

แล้วมาลีก็กดสายทิ้งในทันที และอึดใจต่อมา โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีก เป็นเบอร์เก่า มาลีกดรับอีกรอบ ถ้าคราวนี้ยังยียวนเป็นอันว่าเธอจะด่ากลับไปแน่

“ยังอารมณ์ร้อนเหมือนเดิม”

“ไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ” มาลีแหวเข้าใส่

“โอเค ไม่ใช่เพื่อนก็ไม่ใช่เพื่อน ผมชัชชัยครับ จำแฟนเก่าไม่ได้เหรอ”

มาลีอึ้งไปเมื่อได้รับรู้

“โทรมาทำไม”

“โทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ ผมจะไปรับคุณที่หมอชิตแทนนันทา”

“แล้วพี่นันทาไปไหนเสียล่ะ”

“ไปธุระต่างประเทศกะทันหัน เขาบอกให้ผมช่วยรับภาระนี้แทนด้วย ตกลงตอนนี้อยู่ที่ไหน”

“แม่สอด” มาลีตอบไปตามตรง


“รู้แล้วว่าอยู่แม่สอด จองตั๋วหรือยัง”

“จองแล้ว”

“คืนตั๋วได้ไหม”

“ทำไม”

“ผมก็อยู่แม่สอดจะกลับกรุงเทพฯ ในตอนเช้าพอดี จะให้ไปรับที่ไหน” เขาถามรวบรัด

มาลีอึ้งไป เธอจะทำอย่างไรดีนะ

“อย่าคิดนาน ตอบมาเร็วๆ”

“ทำไมฉันต้องไปกับคุณด้วย”

“ก็ถึงอย่างไรผมก็ต้องไปรับคุณที่หมอชิตอยู่แล้ว ทำไมคุณจะนั่งไปกับผมในตอนนี้เลยไม่ได้”

เมื่อได้ฟังน้ำเสียงยอกย้อนกลับมา มาลีจำต้องถอนหายใจเพื่อข่มอารมณ์ ด้วยพอรู้ว่าคนปลายสายนั้นฝีปากคารมก็ใช่ย่อยเหมือนกัน

“มาถูกเหรอ”

“โทรศัพท์เขามีไว้ใช้ ไม่ใช่มีไว้ดูนิ ไปถูกอยู่แล้ว พรุ่งนี้จะไปรับตอนสามโมงเช้านะ คืนนี้อนุญาตให้ร้องไห้ขี้มูกโป่งอีกคืน”

“รู้ได้ไงว่าฉันจะร้องไห้ขี้มูกโป่งอีกคืน”

“รู้แล้วกัน แค่นี้นะ ฝันดีโดยที่ไม่ต้องมีผมในฝัน เพราะพรุ่งนี้เราจะต้องเจอกันอยู่แล้ว”

“เข้าข้างตัวเองจริง” มาลีพูดยังไม่ทันจบ ปลายสายก็ตัดสัญญาณไปทันที มาลียิ้มออกมา

อีตาชัชชัย ไอ้หนุ่มผมยาวหน้าเหมือนจิ้งจก แต่งตัวอย่างพวกศิลปินเพื่อชีวิต ปากคอเราะร้าย คารมหมาหยอกไก่เป็นที่หนึ่ง

เมื่อนึกถึงเขาอารมณ์จะร้องไห้ขี้มูกโป่งอย่างที่เขาบอกไว้ก็หายไป จริงๆ เธอร้องไห้จนเหนื่อยแล้วนั่นเอง

เมื่อเช้าพอตื่นมา เธอก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับไปยังบ้านที่ตั้งอยู่หมู่บ้านแม่กลองเก่า พอไปถึงเธอก็บอกเล่าเรื่องของเธอให้ญาติของพ่อได้รับรู้ ย่าของเธอให้ศีลให้พร แล้วเธอก็ขึ้นเรือนเปิดประตูไปลากระดูกผู้เป็นพ่อ แค่ได้เห็นรูปและแววตาห่วงใยของพ่อ บวกกับความวังเวงของสถานที่ เธอก็ร้องไห้ฮักๆ ออกมา กลิ่นไม้เก่ากับอากาศบริสุทธิ์ในอุ้มผางเธอจะไม่ได้สูดดมอีกแล้ว

เมื่อกลับมาถึงบ้านเห็นกระเป๋าที่วางบนพื้น เห็นหน้าของแม่และน้องชาย มาลีก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว จนกระทั่งคนงานขับรถยนต์มาส่งเธอที่ท่ารถสองแถวมาแม่สอด เมื่อเห็นสายตามีคำถามของคนรู้จักมาลีก็ร้องไห้ขึ้นมาอีก

มันแค้นใจ มันน้อยใจ ทำไมเธอไม่ภาคภูมิใจกับคำตอบที่ว่า ‘ไป

เรียนต่อในกรุงเทพฯ’ เอาเสียเลย

เมื่อดึงสติกลับ มาลีกดโทรศัพท์หานันทาเพื่อเช็กดูว่านายชัชชัย พูดจริงหรือว่าหลอกต้มกับเธอ ปลายสายคล้ายโทรศัพท์ปิดสัญญาณ มาลีถอนหายใจออกมา สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมพี่นันทาถึงได้ยอมให้คนรักของตนมาวุ่นวายกับน้องสาวตัวเองได้


เมื่อนาฬิกาบอกเวลาตีห้ามาลีก็พลิกตัวลืมตาอย่างเคยชิน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไป เช้าวันนี้เธอนอนลืมตาฟังเสียงนกที่เริ่มร้องจิ๊บจั๊บ แล้วพรุ่งนี้ในกรุงเทพฯ ละชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร

ขณะกำลังจัดการกับอาหารเช้าที่เรียกว่าข้าวต้ม ซึ่งป้าเป็นคนลุกทำใส่บาตรและเหลือแบ่งไว้ให้เธอ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาอีก

“จะไปรับแล้ว ให้ขับรถไปตรงไหน” แล้วเขาก็บอกโรงแรมที่เขาพัก

มาลียื่นโทรศัพท์ให้ป้าบอกเส้นทางในเมืองแม่สอดแก่ปลายสาย อึดใจใหญ่ๆ เขาก็ขับ รถโตโยต้า สปอร์ต ไรเดอร์สีน้ำเงิน คันที่มาลีคุ้นตา มาจอดที่หน้าบ้าน พอลงจากรถเขาก็ยกมือทำความเคารพป้าของมาลี แล้วก็แลเลยมาหาคนที่เขามารับด้วยยิ้มกว้างๆ มาลียิ้มตอบแบบไม่เต็มวงหน้านัก

อันที่จริงเธอก็ดีใจเมื่อได้เจอเขา แต่เมื่อนึกถึงว่าเขากับพี่นันทานั้นมีความสัมพันธ์กันแบบไหน การระมัดระวังตัวสำรวมกายจึงเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ

ด้วยเคยอยู่ด้วยกันมาสิบกว่าวันในอุ้มผางเมื่อต้นปีที่แล้ว ทำให้มาลีมั่นใจว่า คนมีเจ้าของหัวใจแล้วคนนี้นั้น กะล่อนเจ้าชู้ใช่เล่นอยู่เหมือนกัน

“มีของแค่นี้หรือ” เขาร้องถามเมื่อเห็นกระเป๋าผ้าเพียงใบเดียวของหญิงสาว

“แค่นี้ล่ะค่ะ” มาลีตอบเสียงสะบัด เพราะคำว่า ‘แค่นี้’ เธอรู้สึกว่าเป็นการดูถูกกันชัดๆ

เมื่อพูดจบเขาเดินมาคว้ากระเป๋าแล้วเลี่ยงไปเปิดประตูด้านหลังแล้ววางมันลงไป ก่อนจะมาพยักหน้าให้มาลีรู้ว่าเดินทางต่อไปเลย

มาลียกมือไหว้ลาผู้เป็นพี่สาวของแม่อีกรอบ

“ตั้งใจเรียนนะ เรียนให้จบหางานทำดีๆ ให้ได้ แล้วค่อยมารับแม่กับน้องไปอยู่ด้วย”

มาลีรับคำก่อนจะเข้าไปนั่งในรถด้านที่เข้าเปิดประตูรอเธออยู่

“ขอบคุณค่ะ” มาลีบอกเขาไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

เมื่อคนขับเข้าประจำที่แล้ว เขาก็ดึงเข็มขัดนิรภัยออกมาคาดก่อนจะมองไปยังผู้โดยสารสาว

“ในเมืองตำรวจจับ”

มาลีจำต้องดึงเข็มขัดมารัดตัวเองอย่างทุลักทุเลบ้าง เขาทำท่าจะเอื้อมมาช่วยแต่มาลีหันกลับไปมองตาขวางเข้าใส่

“ทำเองได้”

“งั้นก็ทำเอง”

พูดจบเขาก็กระชากรถออก จนผู้โดยสารที่ยังไม่ทันระมัดระวังตัวถึงกับเสียหลักหน้าคะมำไปข้างหน้า

“โทษที”

มาลีรู้ว่าเขาแกล้งเธอ ก็เธอเองนั่นแหละที่เคยแกล้งเขามาก่อน สงสัยอีตาชัชชัยนี่จะไม่ลืมกรรมที่เธอได้เป็นคนก่อไว้ก่อนเป็นแน่

“นึกอย่างไรเข้าไปเรียนต่อ ก็เคยบอกไม่ใช่รึว่าไม่ชอบกรุงเทพฯ”

“เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน ว่าแต่คุณเถอะ ทำไมถึงมาแม่สอดได้”

“ก็ บังเอิญ เมื่อวานนี้อยู่ที่แม่สะเรียง พอดีนันทาโทรมา ก็เลยขับรถดิ่งมาที่นี่”

อันที่จริงเขาไม่ได้อยู่อำเภอแม่สะเรียง ซึ่งเป็นอำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่อยู่ติดกับจังหวัดตาก เขาอยู่ที่อำเภอปาย ที่อยู่ทางเหนือตัวจังหวัดขึ้นไปอีกร้อยกว่ากิโลเมตรด้วยซ้ำ

ตามโปรแกรมแล้วเขาจะต้องเข้าเมืองเชียงใหม่จะนอนที่นั่นหนึ่งคืนแล้วถึงจะบึ่งรถกลับกรุงเทพฯ แต่เมื่อนันทาปรึกษาเรื่องน้องสาวที่กำลังจะเดินทางมาหา ในขณะที่ตนเองติดธุระไปสิงคโปร์กะทันหัน เขาจึงขันอาสาเสียเอง ก็คนเคยคุ้นเคยกันแล้วจะปล่อยให้ไปเด๋อๆ ด๋าๆ ในกรุงเทพฯ ได้อย่างไร

เมื่อได้ฟัง มาลีก็คิดอีกทางหนึ่งว่า ‘ดีจังเลยคู่รักคู่นี้ พออีกคนเสนออะไรมา พี่ก็สนองทันที’

“ตกลงจะไม่บอกว่าไปทำไม เพราะอะไร มีเหตุอะไรหรือเปล่า”

“มี แล้วคุณช่วยอะไรฉันได้”

“แล้วรู้ได้ไงว่าผมช่วยอะไรคุณไม่ได้”

มาลีระบายลมหายใจออกมาอีตาหน้าจิ้งจกผมหยิกยาวปรกไหล่นี่ พ่อคุณพูดได้ไม่หยุดหย่อนเหมือนเคย

มาลีนึกถึงวันที่เธอได้พบกับเขาเป็นครั้งแรก เมื่อกลางปีที่แล้ว นันทาโทรมาหาแล้วบอกกับเธอว่า จะส่ง ‘คนรัก’ มาให้เธอดูแลช่วยอำนวยความสะดวก ในช่วงที่เขากำลังเก็บข้อมูลทำผลงานสารคดีชิ้นสำคัญส่งอาจารย์ก่อนเรียนจบ

เขาขับรถคันนี้เข้ามาที่สายน้ำใสรีสอร์ต แจ้งชื่อเสียงนามสกุล บอกจุดประสงค์ที่เดินทางมาที่อำเภออุ้มผาง เธอจัดแจงเปิดห้องพักให้ เขาดึงข้อมูลที่ค้นมาได้จากหนังสือและสื่อต่างๆ ให้เธอได้รับรู้แล้วเขาก็แจ้งหน้าที่ของเธอ ซึ่งจะต้องพาเขาสำรวจตามข้อมูลเดิมและที่ตกสำรวจในข้อมูลที่ชาวบ้านรู้กัน และที่สำคัญที่ทำให้เธอตาโตนั่นก็คือ จำนวนเงินว่าจ้างที่เขาเสนอมา

เวลาสิบวันที่เขาอยู่กับเธอ ทั้งเส้นทางล่องแก่ง น้ำตกทีลอซู น้ำตกทีลอเล หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงทั้งหมดในอำเภออุ้มผางที่รถพอเข้าถึง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร รวมถึงสถานที่น่าสนใจในเชิงธรรมชาติทั้งหมดในอุ้มผาง เธอกับเขาและคนงานชาวพม่าอีกสองคนร่วมเดินทางด้วยกัน หากสถานที่ตรงนั้นต้องพักค้างคืน

ด้วยเป็นช่วงฤดูฝน ปัญหาและอุปสรรคจึงมีมากมาย แต่เธอก็พาเขาฝ่าฟันจนได้ข้อมูลทั้งเรื่องที่เขียนและภาพถ่ายอย่างสมบูรณ์ ยอมรับว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจคนหนึ่ง แต่บางทีเธอก็รู้สึกรำคาญในคารมแบบ ‘ยียวนกวนประสาท’ ของเขา

“กินข้าวหรือยัง” มาลีร้องถามเมื่อรถกำลังจะแล่นผ่านวงเวียนออกจากเมือง

“เคยกินแล้ว”

เจอคำตอบแบบนี้ขึ้นมาคนถามก็ถึงกับลมออกหูเหมือนกัน แล้วมาลีก็เอนศีรษะกับพนักพิงแล้วหลับตา แต่พอดีกับเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น

“แม่ เดินทางแล้ว อยู่บนรถกับคุณชัชชัย แฟนนันทา”

“อ้าวมาได้อย่างไร แล้วไปกันอย่างไร”

“ก็ เขาบังเอิญผ่านมาพอดี แล้วให้หนูคืนตั๋วรถ”

แม่ยังพูดถึงความเหมาะสม และเตือนให้เธอได้ระวังตัวเองไว้ มาลีรับคำก่อนว่างโทรศัพท์ลง

“เมื่อกี้ว่าไงนะ อะไรแฟนนันทา”

มาลีหันไปมองหน้าคนถามแล้วนิ่งเสีย จำเป็นด้วยหรือที่เธอต้องอธิบายเรื่องของคนสองคนที่เขาก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี ถ้าไม่ได้มีอะไรกันแล้วพี่นันทาจะเอ่ยปากมาได้อย่างไร แล้วเขาเองจะมาทำธุระแทนพี่สาวเธอได้อย่างไร

“ตกลงไปทำอะไรที่กรุงเทพฯ” เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“พี่นันทาไม่ได้บอกคุณเหรอ” มาลีย้อนถาม

“บอกแค่ว่าจะไปเรียนต่อ”

“รู้แล้วจะถามทำไมอีก”

“อยากรู้จะเรียนคณะอะไร”

“ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่อยากเป็นครูควรเรียนคณะอะไร”

“เลือกไว้ที่ไหนล่ะ”

“ราม แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาที่นั่นหรือเปล่า”

“แล้วคิดถึงที่ไหนบ้าง”

“ฉันไม่รู้อะไรเลย ยังไม่ทันได้คิดอะไรทั้งสิ้น” มาลีบอกตามตรง

“มีเรื่องอะไรที่อุ้มผางหรือเปล่า”

เขาวกกลับมาหาเรื่องที่อยากรู้ มาลีหันไปมองใบหน้าครึ่งเสี้ยว ที่มองเห็นจมูกโด่งเป็นสันไม่ใหญ่โตจนน่าเกลียดเหมือนผู้ชายบางคน

“ไม่มี” น้ำเสียงของคนตอบแผ่วเบา

“ไม่เล่าก็ไม่เป็นไร”

“จะถึงกรุงเทพฯ ประมาณกี่โมง” มาลีถือโอกาสเปลี่ยนเรื่อง

“อยากให้ถึงกี่โมงล่ะ”

มาลีหันขวับไปหาทันที คุยกับอีตานี่ทีไรเป็นอย่างนี้ทุกที เขามักจะตอบด้วยคำถามอย่างนี้ มันกวนประสาทจริงๆ

“อยากแวะเที่ยวไหนไหมล่ะ เคยไปไกลสุดแค่ไหน”

“ดูถูกกันว่าคนบ้านป่านะซิ”

“หรือไม่จริง”

“อ้าย” มาลีแทบจะรั้งสติไว้ไม่อยู่ หญิงสาวสะบัดหน้าเข้าหากระจก มองไปยังทิวเขาที่อยู่ระหว่างทาง

“แวะศาลเจ้าพ่อพระวอแล้วกัน”

ไม่มีเสียงตอบจากคนขับ สายตาจากดวงตายาวรีอยู่ใต้คิ้วเข้มที่หัวคิ้วเกือบจะชนกัน จ้องตรงไปข้างหน้า ท่าทางดูรถนั้นคล้ายจะปรือๆ เหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอนอย่างนั้น

“ง่วงหรือเปล่า” มาลีนึกเป็นห่วงขึ้นมา

“ไม่ง่วง” ปากพูดไปพร้อมกับหาวออกมา

“แน่นะ” มาลีถามย้ำ

“แน่ซิ คุณนี่ เชื่อคำพูดผมบ้างไหมเนี่ย”


มาลีสงบปากจนกระทั่งรถคันใหญ่ไปจอดที่หน้าศาลเจ้าพ่อพระวอ ซึ่งมีประวัติความมาว่า ท่านเป็นนักรบชาวกะเหรี่ยง สมเด็จพระนเรศวรทรงแต่งตั้งให้เป็น นายด่านอยู่ที่ด่านแม่ละเมา เพื่อคอยป้องกันข้าศึกมิให้ข้ามเข้ามาได้ พระวอเป็นทหารที่กล้าหาญชาญชัยมาก ได้ออกรบกับกองทัพพม่าที่พยายามจะยกทัพผ่านด่านแม่ละเมาเข้าสู่เมืองตาก จนต้องตายอยู่ในเทือกเขาแทบนั้น

เมื่อลงจากรถมาลีเดินไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนและประทัดตามที่เคยปฏิบัติ เมื่อครั้งเดินทางเข้าเมืองกับป้าและลุง เมื่อได้เครื่องบูชาแล้วหญิงสาวไปหยุดอยู่ด้านหน้ารูปเคารพของท่าน แล้วตั้งจิตกล่าวคำบูชาตามป้ายหินเบื้องหน้า

หลังจากนั้นเธอก็หลับตาอธิษฐานจิต ขอให้องค์ท่านช่วยดลบันดาลให้การเดินทางออกจากป่าไปสู่เมืองใหญ่ในครั้งนี้ ประสบแต่ความสุขความเจริญให้สมความปรารถนาด้วยเถิด

เมื่อก้มกราบและถอยออกไปเพื่อเดินไปยังลานจุดประทัด มาลีก็พบว่าสารถีของตนนั้นเดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าของเขานั้นมีหยดน้ำเกาะพราวสร้างความชื่นฉ่ำ

“ง่วงนอนซิ” มาลีร้องถาม

ชัชชัยซึ่งอยู่ในชุดกางเกงลายพรางตัวหลวมกับรองเท้าผ้าใบสีดำ เสื้อยืดคอกลมพอดีตัวสีน้ำเงินเข้มไม่ตอบคำถามนั้น เขาเดินมาหาแย่งประทัดจากมือหญิงสาวมาถือไว้แล้วใช้ไฟแช็กจากกระเป๋าจุดที่ใต้พวงสีแดงทันที

เสียงดังปังระรัวจนมาลีต้องรีบวิ่งหนี เขาทำท่าจะวิ่งตาม แต่มาลีร้องวี้ดว้ายไล่เสียก่อน

“คนบ้า” มาลีตำหนิ เมื่อเขายิ้มปากกว้างเห็นฟันเรียงเป็นระเบียบเดินมาหา

“เดี๋ยวเปลี่ยนขับหน่อยนะ ง่วงนอนจังเลย”

“เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือทำอะไร” มาลีอยากรู้ความเป็นมาของเขาบ้าง

“ไม่ได้ทำอะไร”

เขาปากแข็ง จะบอกได้อย่างไรว่า ขับรถจากเมืองปายมาที่แม่สอด ระยะทางตั้งหลายร้อยกิโลเมตร แถมยิ่งบนเขาซึ่งต้องวิ่งด้วยความระมัดระวังและต้องใช้กำลังโหนพวงมาลัยเป็นอย่างมาก และถ้าบอกไปจริงๆ เธอจะรู้สึกอะไรบ้างหนอ?


รถคันใหญ่ที่มาลีเป็นสารถีแล่นไปบนถนนที่ลัดเลาะอยู่บนขนเขาด้วยความเร็วไม่มากนัก ด้วยเธอเองนั้นยังไม่คุ้นกับถนนเหมือนเส้นอุ้มผาง-แม่สอด และอีกอย่างเธอก็อยากให้เขาหลับตาลงให้สบายๆ ไม่โคลงศีรษะไปมาเพราะแรงเหวี่ยงของรถ

เมื่อมีทางตรงบ้าง มาลีลอบมองใบหน้าหวานในกรอบผมหยิกยาวที่รวบไว้บริเวณท้ายทอย

หากหมอนี่ตัดผมสั้นๆ จะเป็นอย่างไรนะ มาลีนึกถึงดาราผู้ชายผมหยิกอย่างตุ้ย ธีรภัทร นายชัชชัยถ้าไว้ผมทรงนั้นคงจะหล่อไม่เบาทีเดียว ยังไม่ทันที่มาลีจะจินตนาการว่าเขาได้แต่งตัวในชุดอีกแบบจะดูดีอย่างไร เสียงโทรศัพท์มือถือของคนนอนหลับก็ดังขึ้น มาลีได้แต่มอง ไม่กล้ารับ จนกระทั่งเจ้าของตื่นงัวเงียขึ้นมาแล้วคว้ามันไว้แนบหู

“คร้าบๆ คุณแม่ คร้าบๆ ทราบคร้าบ” แล้วเขาก็วางโทรศัพท์ลงก่อนจะถอนหายใจออกมา
พ่อต้องการให้เขาไปงานเปิดตัวน้ำหอมของคุณอรวรรณ โดยโทรมาขอกับแม่ แม่จึงต้องโทรหาเขาอีกที

“ถึงไหนแล้วเนี่ย”

“ถึงที่เห็น” มาลีแกล้งกวนประสาทเขากลับไปบ้าง

เขาเพ่งมองดูหลักกิโล “อ้าว นี่มันทางไปเชียงใหม่แล้วนี่ เธอเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาที่ถนนใหญ่”

“ถนนไหน” มาลีมีสีหน้างุนงง

“ก็ถนนจากแม่สอดออกมาถึงทางหลวงหมายเลข 32 เธอเลี้ยวซ้ายหรือขวา”

“ยังไม่ถึง คุณดูหลักกิโลเมตรดีๆ ซิ ถนนยังวิ่งสวนทางกันอยู่เลย ถึงฉันจะคนบ้านป่าแต่ฉันก็เคยไปตากหรอกน่า”

มาลีเถียงเสียงดังขึ้นมา พลางคิดในใจว่า หมอนี่มันอย่างไรของมันนะ ได้อำแล้วสนุกอารมณ์งั้นหรือ

แล้วชัชชัยก็ล้มตัวปรับเบาะเอนนอนแล้วดึงแว่นตาสีดำมาสวมทับดวงตา เขาตะแคงตัวเข้าหาคนขับแล้วกอดอก ภายใต้เลนส์สีดำนั้นคนขับไม่มีทางรู้เลยว่า มีสายตาของเขาไล่เรื่อยอยู่บนใบหน้าได้รูปของเจ้าหล่อน

...ครึ่งปีแล้วซินะที่เขาไม่ได้เห็นหน้าของมาลี ดอกไม้งามแห่งอุ้มผาง คิดถึงทุกวัน แต่ระยะทางนั้นไกลแสนไกล จำต้องหักใจ แต่ในที่สุดสวรรค์คงมีตาจึงได้ส่งเธอมาหาเขาอีกรอบ และรอบนี้เขาจะไม่ยอมให้มาลีดอกไม้ที่มีแต่ความบริสุทธิ์ผุดผาดดอกนี้หลุดมือไปอย่างแน่นอน



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ย. 2554, 14:27:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ย. 2554, 14:27:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1928





<< 7.กุลกัญญา   9.ชัชชัย >>
เดิมเดิม 25 พ.ย. 2554, 15:53:16 น.
มาอีกหนึ่งคนที่หมายปองดอกไม้ป่า


แว่นใส 25 พ.ย. 2554, 16:16:42 น.
ใครคือตัวจริงกันแน่นะ อยากรู้จริง


Sansanook 25 พ.ย. 2554, 19:57:35 น.
มาอีกหนึ่งตัวละคร น่าสนๆ


minafiba 25 พ.ย. 2554, 20:50:47 น.
^_^


saralun 26 พ.ย. 2554, 00:08:10 น.
คนไหนจะเป็นตัวจริงน้าาาา


Pat 27 พ.ย. 2554, 08:19:23 น.
อ่านทีเดียวสองวันค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account