พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 9.ชัชชัย

9.


“โทรหาน้องมาลีบ้างหรือเปล่าวะ” สมศักดิ์ถามพลางพยายามจ้องอยู่ที่ดวงตาคนต้องตอบ กลยุทธทำเป็นไม่ได้ยินคำถามนั้น มือและสายตาของเขาจับอยู่ที่กองเอกสารตรงหน้า ทำเหมือนมีเรื่องวุ่นวายต้องทำอีกมากมาย

“เลิกงานไปร้องเพลงกันไหม”

คนถามเปลี่ยนเรื่อง คนเป็นหัวหน้างานถอนหายใจออกมาก่อนเงยหน้ามองดูนาฬิกาตั้งโต๊ะ

“โอเค ผมไปทำงานก่อนก็ได้ครับ คิดอะไรไม่ออกอย่ามาปรึกษาผมแล้วกัน” พูดจบสมศักดิ์ก็ลุกออกจากโต๊ะของหัวหน้าฝ่ายบัญชีไป

เมื่อสมศักดิ์ลุกออกไปแล้วกลยุทธนิ่งมองโทรศัพท์มือถือ อยากกดหามาลีแต่ก็ไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร บอกว่า ‘คิดถึง’ สารภาพความรู้สึกจากใจออกไป เพื่ออะไร ไกลกันขนาดนั้น จะทำให้เธอเป็นทุกข์มากกว่า

“คุณกลยุทธคะ”

เป็นวรรณาที่ส่งเสียงเข้ามา คนเป็นเจ้าของห้องที่กั้นเพียงด้วยพาติชั่นสีเทาพยักหน้าอนุญาต

“รูปถ่ายค่ะ วรรณอัดมาให้แล้ว ทั้งหมด 50 รูป คูณ 2.5 เท่ากับ 125 บาท บวกค่า ดำเนินการอีก 75 บาท สองร้อยพอดีค่ะ”

กลยุทธเงยหน้ามองคนรายงาน อยากจะแยกเขี้ยวเข้าใส่ แต่ก็ทำได้เพียงยิ้มนิดๆ จนตาเป็นประกาย และชั่วที่เขาชักสีหน้า เพียงอึดใจนั้นก็ทำให้วรรณาใจสั่นไหวเหมือนเช่นทุกครั้ง

“ล้อเล่นค่ะ เอามาแค่ร้อยเดียวพอ”

“ขอบคุณมากนะครับ” ว่าพลางส่งแบงก์ร้อยให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า

วรรณาออกไปแล้ว กลยุทธรีบคลี่รูปออกดูอย่างลวกๆ รูปแล้วรูปเล่า หามีรูปของมาลีที่แตะเอวและซบที่ต้นแขนของเขา

“เจ้านาย”

สุชินยิ้มกรุ้มกริ่มเดินเข้ามาหา กลยุทธรีบผลักรูปไปให้พ้นมือแล้วจับปากกาทำทีว่าง่วนอยู่กับงานตรงหน้าเหมือนเคย

“ผมเอางานมาส่งครับ” สุชินยื่นแฟ้มงานวางลงบนโต๊ะแล้วเลี่ยงออกไป

กลยุทธมองบัญชีแยกประเภทตรงหน้า แล้วถอนหายใจออกมา งานของเขาไม่มีวันจบสิ้น อยากหางานสบายกว่านี้ แต่งานที่สบายแรงและหัวสมอง เงินก็น้อย

เงินน้อย ไม่พอค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นทุกๆ วัน

ความอดทนอดกลั้นเท่านั้นจึงจะทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง

เขาเปิดดูทีละหน้าจนกระทั่ง พบว่ามีรูปเขากับมาลีซ่อนอยู่ด้านใน พวกมันรู้ความในใจและกำลังล้อเล่นอยู่กับเขา แลผ่านพาติชั่นไปอย่างคนมีชนักติดหลัง เห็นว่าทุกคนยังนั่งทำงานกันโดยไม่มีทีท่าอะไร เขายิ้มที่มุมปากนิดๆ ก่อนจะก้มดูรูป ที่ทำให้ใจของเขาสดชื่นขึ้นมา

มาลีซบลงเกาะเอวและซบลงที่ต้นแขนของเขาตอนถ่ายรูปเพื่ออะไรนะ คงคิดจะแกล้งเขา กลยุทธมองโทรศัพท์มือถือตัวเองอีกรอบ ถ้าคิดถึงแล้วทำไมต้องอดทนด้วยเล่า มันไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะบอกความในใจ

พลันโทรศัพท์ภายในสำนักงานก็ดังขึ้น

“คุณกลยุทธคะ”

เมื่อเขายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูเสียงของคุณรมณีย์ ลูกสาวคน

เดียวของท่านประธาน ซึ่งดำรงตำแหน่ง ‘GM’ ของบริษัทก็ดังขึ้น เมื่อได้ยินยอมรับกับตัวเองว่า ความประหม่าเข้ามาเยือนทันที

“ครับคุณรมณีย์”

แม้อายุของหญิงสาวจะน้อยกว่าเขา แต่ด้วยตำแหน่งหน้าที่ทำให้เขาต้องอ่อนน้อมเข้าหา

“เรียกเสียเต็มยศอีกแล้วนะคะ รมมี่บอกคุณแล้วว่าให้เรียกรมมี่ได้เป็นกรณีพิเศษ คุณก็ไม่ฟัง”

ชายหนุ่มไม่ต่อปาก หญิงสาวจึงพูดต่อเสียเอง

“คืนนี้มีงานเลี้ยงเปิดตัวสินค้าของบริษัท mcy คุณพ่อท่านไม่ว่าง รมมี่อยากให้คุณไปเป็นเพื่อนจังเลยค่ะ”

“ครับ”

“งั้นสองทุ่มรมมี่ไปรับคุณที่บ้านนะคะ”

กลยุทธอยากจะปฏิเสธ แต่หญิงสาวก็ไม่ให้โอกาส “ตามนี้นะคะ”

หญิงสาววางหูโทรศัพท์ลงทันที กลยุทธถอนหายใจออกมา ทำอย่างไรดีนะกับเรื่องของคุณรมณีย์ เธอตามตื๊อเขาอย่างเปิดเผยจนไม่เหลือมาดของนายสาวที่มีอำนาจเหนือทุกคนในบริษัท แม้แต่คุณพ่อของเธอก็ดูเห็นดีเห็นงามให้ลูกสาวคบหากับเขา

เขาจนก็เจียมตัวว่าจน แต่ดูเหมือนสะพานทองฝังเพชรเส้นนั้นไม่ได้สนใจว่าที่ตนทอดให้ข้ามเป็นใคร กลยุทธถอนหายใจอีกครั้ง ช่วงนี้และอีกนานทีเดียว เงินเท่านั้นจึงจะสามารถต่อชีวิตของกุลกัญญาได้ เขาเล่นตัวไม่ได้ เขาปฏิเสธน้ำใจคุณรมณีย์ไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วเขาจะโทรหามาลีไปทำไมกัน


ในเวลาบ่ายสี่โมงเย็น รถคันใหญ่ที่เจ้าของเป็นผู้ขับเองแล่นเข้ามาจอดยังหน้าบ้านที่น่าจะเรียกว่า ‘ทาวเฮ้าส์’ อย่างที่มาลีเคยเห็นในโฆษณา ยอมรับกับตัวเองว่าตื่นตาตื่นใจตลอดการเดินทางเลยทีเดียว คำว่า ‘รถติด’ เธอกำลังจะได้สัมผัสกับมัน เธอจะทนอยู่ได้อย่างไร ชั่วที่นั่งอยู่ในรถคันใหญ่ เธอเห็นรถเมล์โดยสารมีคนแน่นไปหมด แถมที่ริมถนนผู้ที่ยืนรอรถอยู่ก็ต้องผจญกับฝุ่นและควัน มาลีไม่อยากลงจากรถ เพราะรู้แล้วว่าอากาศที่ไม่บริสุทธิ์มันเป็นเช่นไร

อุ้มผางอำเภอเล็กๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติมีป่าผืนใหญ่โอบล้อม อีกกี่มากวันหนอเธอจึงจะได้กลับบ้าน มาลีนึกถึงลำธารน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาดำผุดดำว่าย นึกถึงแม่กับมารุต นึกถึงกิจการงานที่ตัวเองเคยรับผิดชอบ ป่านนี้ใครจะเป็นดำเนินการให้มันสำเร็จโดยดี

“ถึงแล้วครับ”

คนขับหันมาหาเธอ พลางหาวและบิดขี้เกียจอย่างไม่ได้สนใจบุคลิกตัวเองต่อหน้าหญิงสาว มาลีไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเอง

“ลงรถซิ”

เขาว่าพลางเปิดประตูฝั่งตัวเองไปบิดขี้เกียจ ก็ตั้งแต่ถึงสามแยกแม่สอด พอรถถึงปั๊มน้ำมันเขาก็เปลี่ยนมาขับให้มาลีเป็นคนนั่ง แล้วเขาก็ชวนคุย แถมพาแวะเที่ยวชมซากโบราณสถานที่วัดช้างล้อมเมืองเก่ากำแพงเพชร พอมาถึงนครสวรรค์เขาก็พาขึ้นไหว้พระจุฬามณีเจดีย์วัดคีรีวงศ์ ตอนแรกเขาจะพาไปบึงบอระเพ็ดด้วยแต่มาลีไม่อยากไป จนกระทั่งเขาขับรถยิงยาวเข้าสู่กรุงเทพฯ

มาลีซึ่งอยู่ในชุดกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อยืดคอโปโลเข้ารูปสีน้ำตาล หันซ้ายหันขวา มองสภาพบ้านปูนมีหน้าต่างแบบกระจกติดเหล็กดัดในพื้นที่แคบๆ ของพี่นันทา แล้วนึกถึงบ้านไม้ในพื้นดินโล่งๆ ที่อุ้มผาง มาลีถอนหายใจออกมา ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า ชัชชัยเปิดประตูด้านหลังหยิบกระเป๋าเพียงใบเดียวของเธอออกมา นึกถึงระยะเวลาเกือบเจ็ดชั่วโมงที่ได้อยู่ด้วยกัน

เขาก็เป็นคนดีมีน้ำใจคนหนึ่ง ทั้งที่เมื่อก่อนเธอเองก็ไม่ค่อยได้ พูดจาดีกับเขานัก แต่เขากลับเอาใจเธอ แวะซื้อขนมให้กินตลอดทางทีเดียว

“เข้าบ้านกัน”

“คุณชัช”

ขณะที่ชัชชัยไขประตูบ้าน ผู้หญิงคนหนึ่งผมหยิกยาวระต้นคอวัยสักสี่สิบกว่าก็โผล่พ้นรั้วบ้านที่ติดกันร้องทักขึ้น

“อ้าวพี่ศรีวรรณ หวัดดีครับ” เขาหันมาหามาลี

“มาลีนี่พี่ศรีวรรณ เพื่อนบ้านที่แสนดีของเรา” มาลียกมือไหว้ พี่ศรีวรรณยกมือไหว้ตอบพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร

เมื่อทักทายแนะนำตัวกันแล้ว ชัชชัยก็เปิดประตูบ้านด้านในให้ มาลีเดินตามเข้าไป พบห้องรับแขกที่มีโซฟากับโต๊ะกระจกตรงกลาง โทรทัศน์เครื่องใหญ่มากกว่ายี่สิบนิ้วกับเครื่องเสียงตั้งเด่นรับหน้า ที่ผนังด้านหนึ่งมีรูปของเจ้าของบ้านครึ่งตัวยิ้มกว้างอยู่ในชุดที่คลุมมิดชิด ท่ามกลางหิมะขาวโพลนที่อยู่บนภูเขา

ความสุขนี้ของนันทามีน้ำพักน้ำแรงของเธอด้วย

“บ้านนี้ไม่ใหญ่มากแต่ดีกว่าอยู่คอนโดแหละ ข้างหลังมีห้องน้ำและก็ห้องครัว ข้างบนมีเพียงสองห้องเท่านั้นเอง ไปขึ้นไปดูห้องเธอกัน”

ว่าแล้วเขาก็ทำท่าจะขึ้นบันได มาลีชักเริ่มหวั่นใจ เธอจะขึ้นไปข้างบนกับเขาอย่างนั้นหรือ

“เดี๋ยวฉันขึ้นไปดูเองดีกว่า คุณกลับไปเถอะ” มาลีบอกตามตรง

“กลัวผมซิ”

“ไม่ได้กลัว แต่ต้องระวังไว้หน่อย ผู้ชายไว้ใจได้ที่ไหน แถมอยู่ด้วยกันสองต่อสองใครจะมองเป็นอย่างไรก็ได้นะ”

“ถูกของคุณ แต่บางทีเราเท่านั้นที่รู้ว่าเราทำอะไรกันหรือเปล่า เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจด้วยว่า กรุงเทพฯ ไม่ใช่ อุ้มผาง อย่าแคร์ปากคนมากนัก”

พูดจบเขาก็เดินกลับมานั่งที่โซฟาพร้อมกับเปิดโทรทัศน์ดูอย่างเป็นกันเองมากๆ

“ไม่กลับบ้านเลยหรือ”

“อ้าวคุณจะไม่ให้ผมนั่งพักเลยหรือ ขับรถมาเหนื่อยนะ” ไม่พูด
เปล่า เขาล้มตัวลงนอนหลับตาทันที

มาลีหิ้วกระเป๋าตัวเองเดินขึ้นชั้นบน หล่อนพอเดาออกว่า ห้องของตนควรจะเป็นห้องไหน เพราะเมื่อพ้นบันไดไปแล้วก็พบห้องน้ำตรงส่วนกลาง ทางขวามือดูเป็นห้องใหญ่ ต้องเป็นของเจ้าของบ้าน ห้องเล็กทางซ้ายนั้นแน่นอน

มาลีบิดลูกบิดเข้าไป พบที่นอนบนเตียงเดี่ยว มีตู้เสื้อผ้าใบย่อม มีโต๊ะเครื่องแป้ง มีราวไม้สำหรับตากผ้าเช็ดตัว สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานคล้ายบ้านพักที่อุ้มผางไม่มีผิด ขาดแต่อะไรนะ

โต๊ะหนังสือสักตัว แต่ยังไม่จำเป็นสำหรับเธอเพราะข้างล่างที่เห็นก็มีโต๊ะอาหารที่ทำจากไม้สัก ถ้าทายไม่ผิดลุงต้องซื้อมาจากแม่สอดเอามาให้แน่ๆ

มาลีวางกระเป๋าแล้วไปเปิดตู้เสื้อผ้า พบว่าในนั้นมีผ้าเช็ดตัวผืนสีน้ำเงินมีเสื้อผู้ชายแขวนอยู่ในไม้แขวนหลายตัว มีกางเกงขาสั้น ที่ลิ้นชักมีกางเกงใน มีกางเกงบ็อกเซอร์ และมีเครื่องประทินผิวที่บอกว่าเป็นยี่ห้อของผู้ชายใช้

ของใครกัน?


มาลีลงมาจากชั้นบน พบว่าชัชชัยปิดประตูบ้านและเปิดเครื่องปรับอากาศจนเย็นฉ่ำ หน้าจอโทรทัศน์มีแต่ภาพเคลื่อนไหวหากแต่เสียงนั้นถูกปิดลง เขาเปิดทำไมกัน ถือวิสาสะได้ดีจริงๆ ก็เค้าทั้งสองคนนั้น คนกรุงเทพฯ คงทดลองอยู่ด้วยกันแล้ว การไม่เอาของใช้ส่วนตัวไปไว้ด้วยกันนั่นก็เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?

เมื่อเห็นเขานอนหลับ มาลีเดินไปทางในครัว เหมือนในหนังสือบ้านและสวนที่เธอเคยเห็น มันมีอ่างล้างจาน ตู้เก็บถ้วยชามจานแก้วช้อนที่เป็นระเบียบ นันทาทำบุญมาด้วยอะไรหนอ ถึงได้สุขสบายอย่างนี้ ออกมาจากอุ้มผางตั้งแต่จบชั้นประถมศึกษา ได้เรียนต่อในโรงเรียนประจำ แล้วก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย ย้ายมาอยู่หอพัก พอเรียนจบก็ขอเงินมาซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ขับ
นานๆ ทีจึงจะได้กลับบ้าน ป้ากับลุงก็หาได้สนใจ

พอหล่อนมีแฟน นายชัชชัยนี่ก็หาใช่คนธรรมดาเสียที่ไหน ผิวพรรณหน้าตาเอยออฟชั่นต่างๆ อันได้แก่กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ รวมถึงบัตรเครดิตที่รูดเติมน้ำมันใส่รถยนต์คันหรู เสื้อผ้านั่นก็อีกถึงแม้จะแบบธรรมดาแต่เธอก็ดูออกว่ามันเป็นของมียี่ห้อ

มาลีเปิดตู้เย็นพบว่ามีอาหารจำพวกขวดน้ำผลไม้ แยม ขนมปัง เค้กและผลไม้สด รวมถึงเครื่องสำอางครีมบำรุงผิวพรรณอีกหลากหลายยี่ห้อ

ใช้เงินอย่างนี้ซิน่า ถึงได้รบกวนไปทางบ้านเป็นประจำ

เธอจะทนอยู่กับคนฟุ่มเฟือยอย่างพี่นันทาได้ไหมหนอ


ชัชชัยไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองหลับไปนานแค่ไหน แต่เมื่อลืมตาตื่นเขาพบว่ามาลีนอนกอดอกซุกตัวอยู่ติดกับผนังห้อง เขาหัวเราะที่มุมปาก นึกอยากจะหาผ้าห่มไปคลุมให้ แต่เขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาแล้วนั่งมองมาลีอยู่อย่างนั้น มันนานจนกระทั่งเจ้าตัวเริ่มรู้สึกตัวแล้วสะดุ้งพรวด มีสีหน้ามึนงง เขาหัวเราะทันที

“ที่ไหน” มาลียังงงกับสถานที่

“กรุงเทพฯ ถึงกรุงเทพฯ แล้ว เธอทำไมไปหลับตรงโน้นล่ะ ไม่นอนบนห้อง”

“ก็”

“โอเคผมจะกลับแล้ว มีปัญหาอะไรโทรไปหาได้นะ อยู่คนเดียวได้นะ อีกสองวันนันทาจะกลับมา ช่วงนี้ก็หาอะไรทำกินไปก่อน สำรวจในครัวหรือยังมีอะไรกินไหม”

“มี” มาลีตอบตามตรง

“กลัวผีไหม”

“ไม่กลัว” มาลีตอบไม่ตรงกับใจ

“ไม่กลัวก็ดีแล้วล่ะ ถ้ากลัวก็แย่เลยเพราะบ้านข้างๆ กันฝั่งโน้น เขาถูกรถชนตายเมื่อไม่กี่วันเอง” พูดจบเขาก็ทำท่าจะลุกขึ้น มาลีรีบลุกขึ้นตาม

“คุณโกหกฉันใช่ไหม”

“จะโกหกไปทำไมล่ะ ฮู้เธอนี่”

“ก็ฉันเคยโกหกคุณ”

ชัชชัยขำนึกถึงตอนที่เขาไปหาข้อมูลเขียนสารคดีที่อุ้มผางแล้วมาลีคนนี้แหละที่ยำเขาเสียเละ ไม่โกหกเปล่า กลางคืนยังทำผีมาหลอกเขาอีก มันน่าตีก้นนักเชียว “ยอมรับแล้วซิ”

“มันแค่นึกสนุกนะ” มาลีเสียงอ่อย

“งั้นผมอยู่เป็นเพื่อน เอาไหม”

“ไม่เอาหรอก กลับไปเถอะ”

“ผมน่ากลัวกว่าผีอีกเรอะเนี่ย”

“ผีทำให้ผู้หญิงท้องไม่ได้นี่” เมื่อได้ฟังเหตุผลของมาลี ชัชชัยขำกิ๊ก

“เออไปก็ได้” ว่าแล้วเขาก็เปิดประตูออกไป ก้มลงสวมรองเท้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าหญิงสาว

“มีอะไรโทรไปหานะ เป็นห่วง”

สายตาจากวงหน้าเรียวยาวในกรอบผมหยิกมัดเป็นก้อนกลมคล้ายซาลาเปาไว้ข้างหลังระยิบระยิบ


เขาเดินออกไปเปิดประตูรั้วแล้วไปยังบ้านพี่ศรีวรรณ มาลีไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรก่อนมาที่รถแล้วขับออกไป พักเดียวเท่านั้นพี่ศรีวรรณก็เดินเข้ามาหา

“น้องมาลี ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ มาๆ มาคุยกันหน่อยซิ เป็นมาอย่างไร”

มาลีเล่ารายละเอียดแต่สวนดีของเหตุที่มาที่นี่ให้ฟัง “แล้วทางนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ”

“คุณชัชเธอใจดี ส่วนนันทาก็ดี นี่นะฝีมือทำความสะอาดบ้านนี่พี่ทำนะ เสื้อผ้าเอยอะไรเอยพี่รับทำหมดเลย”

“ถึงว่า” มาลีก็งงๆ ว่าทำไมเป็นระเบียบเรียบร้อยนัก “เขาสองคนเอ่อ”

“อันนี้พี่ก็ไม่รู้อะนะ แต่เห็นคุณชัชมาค้างที่นี่บ่อยๆ”

“ถ้าป้ากับลุงรู้จะว่าอย่างไร”

“เรื่องธรรมดาน้องมาลี ว่าแต่น้องเถอะเข้ามาอยู่อย่างนี้ พี่บอกตามตรงนะ พี่กลัวมีปัญหาระหว่างพี่น้องขึ้นมา”

“หนูจะระวังตัวค่ะ”

“ต้องระวังให้มากๆ ด้วย คุณชัชเธอคารมดี อย่าไปหลงคารมเขาล่ะ เอ้อ งั้นพี่ไปก่อนนะ มีอะไรก็วิ่งไปหาได้”


เมื่อศรีวรรณออกไปแล้ว มาลีเดินตามไปล็อกประตูรั้ว เมื่อกลับ เข้ามาที่ประตูบ้านพบว่า มีลูกกุญแจพวงที่คุณชัชชัยไขไว้ห้อยอยู่ด้วย มาลีครุ่นคิดว่าเป็นของใคร ของเขาที่ลืมไว้ให้เธอใช้ไปก่อนหรือว่าของพี่สาวเธอที่ฝากเขาไว้ เมื่อดึงลูกกุญแจออกมาแล้ว มาลีเดินมานั่งบนโซฟาตัวที่เขาเพิ่งลุกจากไป ไออุ่นประหลาดลอยมาสัมผัส มาลีคว้าหมอนพิงที่เขาหนุนมากอดไว้

ยามนี้ มาลีคิดถึงบ้าน แต่เธอจะอ่อนแอไม่ได้ ต้องเข้มแข็ง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นนิตยสารสีสวยสดที่วางอยู่ในชั้นใต้โต๊ะกระจก มาลีจึงหยิบขึ้นมาพลิกดูด้านใน จนกระทั่งไปเจอคอลัมน์ไลฟ์สไตล์

นายชัชชัย วงศ์ชัชวาลย์ ลูกชายเพียงคนเดียวของชัยทัต วงศ์ชัชวาลย์ มาลีเห็นบ้านของเขา เห็นห้องนอนมีมุมที่เป็นลายพรางแบบของป่าไม้

“ผมชอบไปเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติ ไปเที่ยวป่าเขา มุมนี้สำหรับตรงนั้น แล้วมุมนี้ผมไปเจอที่หนึ่ง เขาทาสีผนังบ้านพักเป็นภาพทิวเขาไล่สีกัน ชอบครับ ก็เลยทำมันออกมา”

มาลีดูรูปทั้งสองบานในหนังสือมุมหนึ่งเป็นลายพรางสีเขียวสีน้ำตาล อีกมุมเป็นภาพไล่เฉดสีน้ำตาลไปหาสีที่มันสว่างๆ มองดูก็จะรู้ว่าเป็นทิวเขา ที่เหนือภูเขาแสงสว่างคล้ายแสงจากพระอาทิตย์ยามเช้าเป็นกระจายนิดๆ สวยทีเดียว

‘มุมนี้ผมตั้งชื่อไว้ว่า พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาวครับ ผมชอบภาพนี้ที่สุด’

“พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว”

มาลีเย็นยะเยือกในหัวอกทันที ภาพนั้น มาลีเพ่งมองอีกครั้ง เธอพาเขานั่งรถไปดูพระอาทิตย์ขึ้น วันนั้นด้วยคุ้นเคยกันแล้ว เธอจึงตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านพักกับเขาเพียงลำพัง ด้วยอยากให้เขามีกิจกรรม เธอจึงเตรียมเตาแก๊สกระป๋องกับกาต้มน้ำ และถ้วยแก้วกับกาแฟซองไปด้วย

แต่พอขับรถไปถึงดอยหัวหมด ฝนเจ้ากรรมก็พรมลงมา เธอที่นั่งอยู่ในรถถึงกับกอดอกเช่นเดียวกันกับเขา จนกระทั่งถึงเวลาตีห้าครึ่งฝนก็ขาดเม็ดท้องฟ้าเปิด กิจกรรมที่เธอตั้งใจมาทำดำเนินไป ท่ามกลางเสียงชัตเตอร์ที่เธอได้ยินอย่างต่อเนื่อง

‘กาแฟได้แล้วค่ะเจ้านาย’ ตอนนั้นเขาเป็นเจ้านายเธอจริงๆ เพราะเขาจ่ายให้เธอเป็นรายวัน วันหนึ่งถึงห้าร้อยบาท ช่วงวันธรรมดา แถมเป็นฤดูฝนด้วย เธอถือว่าเป็นมหาโชคมหาลาภทีเดียว

‘ดีมาก ทำงานดีๆ อย่างนี้ต้องเพิ่มเงินค่าแรงให้’

ตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้าทุกๆ ครั้งที่มองมายังวงหน้าของเธอ มาลีพลิกกลับมาหารูปของเขาอีกรอบ หน้าเขาหวานทีเดียว ปากแดงได้รูป ดวงตายาวรี คิ้วคมเข็ม หากตัดผมสั้นๆ จะเป็นอย่างไรนะ ทำไมพ่อแม่เขาไม่ว่าเขาหรืออย่างไร ทำไมถึงได้ปล่อยให้ลูกชายทำตัวแปลกคนธรรมดาได้ขนาดนี้

หลังจากขับรถออกจากบ้านของนันทามาแล้ว ชัชชัยก็มุ่งตรงไปยังโรงแรมที่คุณพ่อของเขาจัดงานทันที แม้ไม่เต็มใจ ไม่อยากไป แต่เมื่อพ่อถึงกับโทรมาเองอีกรอบ เขาก็ขัดไม่ได้เช่นกัน

รถบ่ายหน้าเข้าที่จอดรถ ชัชชัยลงจากรถไปเปิดท้าย หยิบสูทเทียมสีดำมาดมกลิ่นก่อนจะสลัดไล่กลิ่นซึ่งมันไม่มีผลอะไรเลย แต่เขาหาได้สนใจ

ใครๆ ก็รู้ทั้งเมืองว่าเขามีลักษณะนิสัยอย่างไร ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้เป็นศิลปินวาดรูป แต่งานที่เขาเลือกทำนั้นก็มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่แตกต่าง ค่ำไหนนอนนั่น หลังรถมีเต็นท์ มีเตาแก๊สกระป๋องมีกาต้มน้ำ มีถุงนอน บ่อยครั้งไปที่เขาเที่ยวไปหาข้อมูล แล้วแวะนอนกับหลวงพี่หลวงพ่อตามวัดข้างถนน

บ่อยครั้งไปที่เขาขับรถยนต์ขนจักรยานไปปั่นเล่นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติคือสิ่งที่เขาแสวงหา แต่ถึงกระนั้นด้วยเป็นคนทันสมัย และการที่ยังมีคุณแม่เพียงคนเดียวที่ให้ความห่วงใยและเขาต้องห่วงใยตอบแทน ทำให้เขายังขาดสังคมเมืองที่ทำประโยชน์ทางการเงินให้กับเขาไม่ได้

ลำพังเงินรายได้จากงานนักเขียนสารคดี คงไม่มีปัญญาไปซื้อรถและเติมน้ำมันหรือเงินที่สามารถจะทำบุญให้กับโรงเรียน ที่เห็นว่าขาดแคลนอุปกรณ์กีฬาหรือบางสิ่งบางอย่างที่จำเป็นนั้น คงจะต้องนั่งปั่นต้นฉบับกันทั้งชีวิต แต่จะปั่นได้ไงถ้าไม่ไปเห็นกับตาได้ยินกับหูได้กลิ่นจากจมูก เขาจะบรรยายเรื่องราวของคนต่างจังหวัดออกมาตัวหนังสือและภาพให้สมจริงได้อย่างไร

ใครๆ ก็ว่าเขาโชคดีที่ได้เที่ยวพร้อมกับทำงาน เพื่อนหลายคนทำนายว่าสักวันเขาจะได้เมียเป็นคนบ้านนอก ‘เมียเป็นคนบ้านนอก’ เขานึกถึงมาลีขึ้นมาอีกแล้ว

“ฮัลโหล”

เขาจะไม่ปล่อยให้หัวใจร่ำร้องหาโดยไม่ทำอะไรอีกแล้ว วันนี้มาลีสาวบ้านป่ามาอยู่ในเมืองตามเสียงของหัวใจของเขาแล้ว เขาจะสานต่อ เขาจะไม่ยอมให้เธอหลุดลอยไปอย่างเด็ดขาด

“มีอะไร” เป็นคำพูดห้วนๆ ที่ทำให้เขาขำๆ นิดๆ

“อยู่ได้นะ กินข้าวหรือยัง”

“แล้วเกี่ยวอะไรด้วย”

“กลัวไม่มีแรงสู้กับผีนะซิ มีอะไรในตู้เย็นกินไหม นันทาเขาไดเอ็ท ไม่กินอาหารอย่างเราๆ หรอก เขากินแต่อาหารเม็ด ในตู้เย็นเขาจะมีแต่ผลไม้ อาหารลิงทั้งนั้น”

“บอกทำไม” เสียงปลายสายดูมีอารมณ์ขึ้นมา

“ก็ กลัวเธออยากกลับไปเป็นลิงนะซิ ร้องไห้อีกเปล่า”

เมื่อพูดจี้ใจดำไปแล้วเขาได้ยินเสียงสะอื้นฮักๆ ตอบกลับมาทันที

“เฮ้ย ทำไมขี้แยอย่างนี้วะ”

“ก็ฉันไม่เคยจากแม่จากบ้านไปไหนนี่ คุณไม่มาเป็นฉัน คุณไม่เข้าใจหรอก”

ชัชชัยนึกในใจว่า จะ ‘โอ๋’ อย่างไรดี เจ้าหล่อนถึงจะเงียบเสียงลงได้ คงเหงา คงว้าเหว่

“พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยวในเมือง จะได้ไม่รู้สึกแย่ๆ เอาไหม”

ปลายสายเงียบไปแต่เสียงสะอื้นยังคงมี

“เอานะ คุณคงเหงา ผมเข้าใจ แต่ให้คุณระลึกไว้เสมอว่ามีผมคนหนึ่งแหละนะที่เป็นเพื่อนคุณในกรุงเทพมหานครนี้ เมืองมันใหญ่คนมันแยะ อาจจะกลัว แต่ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นนะ นึกถึงชัชชัยคนนี้ไว้”

แปลกใจตัวเองเหมือนกันพูดคำหวานไปได้อย่างไรตั้งมากมาย

“ขอบใจนะ แค่นี้นะ”

ว่าแล้วสาวเจ้าก็ตัดสายไปทันที ชัชชัยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะรีบสาวเท้าไปในงานด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้อยากเข้าไปเลย


///////// ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ ////////////////



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ย. 2554, 17:58:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ย. 2554, 17:58:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1906





<< 8.“ยังอารมณ์ร้อนเหมือนเดิม”   10.รมณีย์ >>
สายลมแห่งรัก 27 พ.ย. 2554, 18:26:10 น.
เอ...ใครคือพระเอกอะ ชักจะเทใจให้นายชัชซะแล้ว


minafiba 27 พ.ย. 2554, 18:58:40 น.
^_^


แว่นใส 27 พ.ย. 2554, 19:59:45 น.
พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว เหมือนชื่อเรื่องเลยนี่นา นายชัชเป็นพระเอกไหมเนี่ย


เดิมเดิม 27 พ.ย. 2554, 20:19:56 น.
9 ตอนแล้วยังหาพระเอกไม่เจอเลย


คิมหันตุ์ 28 พ.ย. 2554, 00:07:52 น.
เค้าลางว่าเป็นคุณชัช สินะ พ่อพระอาทิตย์เนี่ย


saralun 28 พ.ย. 2554, 10:04:15 น.
ชอบชัชชัยด้วย...อิอิ


Pat 28 พ.ย. 2554, 22:13:26 น.
อิอิ สงสัยชอบอีกคน แต่พระเอกเป็นอีกคน(เดาไปเรื่อย)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account