พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 10.รมณีย์

10.


เมื่อเขาเข้าไปถึงคุณพ่อกับคุณอรวรรณ ผู้เป็นเมียคนที่ท่านอยู่กินด้วยในปัจจุบัน ก็ปรายตามองมายังเขาที่แต่งตัวผิดกับสภาพของงาน เขารู้ว่าสายตานั้นเป็นการตำหนิ บริกรรู้ดีว่าเขาเป็นใคร ก็เป็นถึงลูกชายคนโตกับเมียเก่าของเจ้าของโรงแรม มีรึที่เขาจะเข้าไปในงานนี้ไม่ได้

เมื่อมีแก้วน้ำหลากสีหลายคุณสมบัติมาให้เขาเลือก ด้วยยังรู้สึกว่าชีวิตมีความหวังกับเรื่องหัวใจขึ้นมาเขาจึงเลือกเพียงน้ำเปล่า จิตใจของเขายามนี้ไม่ได้สนใจอยู่กับใครทั้งนั้น เพราะใครๆ ที่เดินขวักไขว่อยู่ในงาน ถ้าจะสนใจเขาก็คงสนใจที่ว่าเขาเป็นใคร และจะพาให้ตัวเองได้ประโยชน์จากเขาในสายตาของคุณพ่อได้มากเพียงไหน

เมื่อมีแก้วอยู่ในมือแก้เขิน เขาจึงเดินไปยกมือทำความเคารพผู้เป็นพ่อและภรรยา

“มาแล้วรึ งานจะเลิกแล้ว”

“อย่าไปว่าแกซิคะให้เกียรติมาในงานเราก็ดีแล้ว”

คุณอรวรรณปรายตามายังเขาอย่างมีจริตเหมือนเคย เขาเลิกคิ้วทำนองว่าขอบคุณแล้วยิ้มให้ที่มุมปาก ทุกคนรู้ว่ายิ้มแบบนี้เป็นยิ้มที่กวนที่สุดของเขาล่ะ

“พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”

พูดจบ นายชัยทัต วงศ์ชัชวาลย์ก็เดินนำเลี่ยงไปหาผู้หญิงสวยเพราะแต่ง ซึ่งอยู่ในชุดชุดเดรสราตรีสีแดงเพลิงสะดุดตา

เมื่อไปถึง เขารู้ทันทีว่าพ่อต้องการอะไร

“หนูรมณีย์ ลูกสาวคนเดียวของอาณรงค์เดช”

รมณีย์ปรายตามองหนุ่มผมยาว ที่มีผมหยิกขมวดกลมอยู่กลางกระหม่อมแล้วยิ้มที่มุมปาก

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

“เช่นกันครับ”

สายตาของชัชชัยจ้องมองตาหญิงสาวที่มีชายรูปงามยืนอยู่เคียงข้าง ด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างนึกสนุกเช่นกัน

“รมณีย์ลูกสาวคนเดียวของคุณอาณรงค์เดชไปเรียนอยู่เมืองนอกเสียนาน นี่กลับมานั่งแท่นเป็น Gm บริษัท รู้จักกันไว้ เผื่อแกอยากเปลี่ยนใจจากศิลปินผมยาวมาใส่สูทเป็นผู้บริหารกับเขาบ้าง”

“ทำไมคุณพ่อเชื่อว่าคุณรมณีย์จะเปลี่ยนใจผมได้ละครับ” สายตาของเขาพูดพลางมองไปยังหญิงสาว ที่แสร้งเฉไฉไปมองบนเวทีบ้าง

“นั่นซิคะคุณลุง”

รมณีย์หันกลับมาสนทนากับผู้ใหญ่ เมื่อเห็นว่าเรื่องพ่อลูกนี้มีตนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

“คนวัยเดียวกันไงหนู บางทีเห็นคนวัยเดียวกันทำงานยากๆ มันอาจจะไปท้าทายอารมณ์หนุ่มของลูกชายคนโตของลุงบ้างก็ได้”

ผู้เป็นพ่อเน้นและย้ำ คำว่า ‘ลูกชายคนโต’ เพื่อให้เขาได้สำนึกด้วย คนจีนนั้นหวังฝากธุรกิจไว้กับลูกชายมากกว่าลูกสาวที่เกิดขึ้นจากภรรยาคนที่สองถึงสามคน

เขาเองไม่ได้คิดถึงตรงนั้น เขารู้ว่าเขาและแม่ได้ไปแค่ไหนและควรจะพอใจกับสิ่งที่มีอยู่หรือไม่ เมื่อแม่เลือกเดินออกไปจากชีวิตพ่อ พร้อมกิจการสำนักพิมพ์ที่ผลิตนิตยสารรายปักษ์ แม่ก็คงไม่อยากให้เขาเข้ามาวุ่นวายในสมบัติส่วนตรงนี้อีกแล้ว

แต่พ่อก็พูดเสมอว่า ทุกอย่างที่พ่อมีอยู่นั้น จะมีส่วนหนึ่งที่ต้องตกเป็นของเขา และพ่ออยากให้เขาเข้ามาดูแลทั้งส่วนงานของโรงแรม งานอสังหาริมทรัพย์ หรืองานอื่นๆ ที่ไม่รู้ใครต่อใครช่วยขยับขยายมันออกไป รวมถึงงานเปิดตัวน้ำหอมกลิ่นหลอกลวงจิตใจคนในคืนนี้ด้วย

เขาไม่ต้องการอะไรที่นี่ พอใจแค่งานที่ต้องเกี่ยวเนื่องกับคุณแม่ หรือต้องนั่งแท่นเป็นผู้บริหารสำนักพิมพ์เมื่อถึงเวลา เขาเองคงจะมีความสุขมากกว่า

พ่อเดินออกไปเพราะมีคนเข้ามาทัก ส่วนผู้ชายหน้าตาดีคนนั้นเลี่ยงขอตัวไปห้องน้ำ เขากับรมณีย์จึงประจันหน้ากันก่อนขำเล็กๆ แล้วแสร้งจ้องตากันหวานๆ เพื่อให้คนอื่นๆ เห็นว่า แผนของพ่อคงสำเร็จไปแล้ว

“มาได้ไง เป็นลูกชายคนใหญ่คนโตก็ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยนะ”

ชัชชัยยักไหล่

“ก็คุณไม่เคยถาม”

ชัชชัยเท้าความหลัง ซึ่งตอนนั้นเขาอายุเพียงสิบสองปี ไปต่อชั้นมัธยมที่อังกฤษ ในกิจกรรมของวัดไทยที่นั่น ทำให้เขากับรมณีย์ผู้หญิงสบายๆ โก๊ะๆ เอาแต่ใจตัวเอง ด้วยถือว่าเป็นลูกเศรษฐี จากเคยเขม่นกันเพราะเขาก็ไม่ชอบอะไรที่สวยแพงแต่ดูไร้สติ ต่อมารมณีย์ก็พิสูจน์ให้เขาเห็นว่า เธอนั้นเป็นเพื่อนกับเขาได้และพร้อมที่จะลุยในทุกสถานการณ์เช่นกัน หกปีที่ได้รู้จักกัน เขากับเธอคุยกันทุกๆ เรื่อง ยกเว้น เรื่องธุรกิจทางบ้าน กับเรื่องหัวใจ ซึ่งรมณีย์รู้ว่า เธอไม่ใช่สเปคของเขาและเขาก็ไม่ใช่สเปคของเธอเช่นกัน
และวันเวลาที่เขากลับมาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่เมืองไทย ในระดับปริญญาตรีและโท ได้เปลี่ยนรมณีย์ผู้หญิงที่เคยแต่งตัวปอนๆ ให้เป็นสาวสังคมโฉบเฉี่ยว

“มีแฟนหรือยัง” รมณีย์ถามตรงๆ

“เกือบจะมีแล้ว” ชัชชัยก็ตอบไม่อ้อมค้อมเหมือนกัน

“คุณล่ะ ใครเหรอ” เขาปรายตาไปทางกลยุทธที่ยืนขรึมมองดูพิธีกรดำเนินรายการอยู่บนเวที

“ถ้าบอกไปจะว่ากันไหม”

“ใครล่ะ”

“พนักงานในบริษัท”

ชัชชัยยิ้มๆ รู้ว่ารมณีย์นั้นเอาแต่ใจตัวเองแค่ไหน คุณพ่อของเธอคงห้าม แต่เธอคงไม่ฟังเช่นกัน

“ถ้าเขารักคุณ ถ้าคุณรักกัน ผมก็ยินดีด้วย”

“ฉันรักเขาฝ่ายเดียว” น้ำเสียงนั้นบอกให้รู้ว่าเธอเอาชนะผู้ชายคนนั้นได้แน่นอน

“ผมคงตกข่าวสังคมไปนานนะ ไม่รู้ว่าซุบซิบกันแค่ไหนแล้วเรื่องนี้”

รมณีย์แย้มริมฝีปากที่แต่งแต้มสีแดงสดไว้แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาให้พ้นจากตัวเอง

“ตกลงเท่าที่รู้มาคุณอรวรรณเขามีแต่ลูกสาวไม่ใช่เหรอ แถมเรียนอยู่เมืองนอกทั้งหมด แล้วตัวเอง”

“ผมลูกเมียแรกครับ เลิกกันไปนานแล้ว แม่ผมก็บรรณาธิการบริหารหนังสือเลดี้วีค”

“เครือนี้ไม่ใช่แค่เล่มเดียวนี่” รมณีย์เองก็เร็วในข่าวสังคมเช่นกัน

“เล่มนั้นดังสุดไง”

“แล้วทำงานอะไร”

“ผมก็ศิลปินผมยาวตะลอนๆ ออกไปหาอะไรแถวๆ ต่างจังหวัดมาเขียนมาเล่าไปกึ่งๆ สารคดีกึ่งท่องเที่ยว แล้วแต่จะบ่นออกไปในแต่ละฉบับ ฝีมืองั้นๆ อาศัยมีพื้นที่ให้ใช้”

ชัชชัยถ่อมตน จริงๆ นั้นงานเขียนของเขามีผู้ติดตามอ่านกันมาก พอรวมเล่มก็ขายดี พิมพ์ซ้ำก็หลายครั้ง

“น่าสนุกนะ”

“วันหนึ่งคงต้องหันกลับมานั่งมองตัวเลข”

“แต่เลดี้ก็แข็งพอตัวนี่”

“ครับ ปิดวันนี้ยังมีกินไปตลอดชาติเลย ถ้าอยู่กันแบบชาวเขาบนดอยสูง”


เมื่องานเลิกโดยที่นักข่าวได้ภาพเขากับรมณีย์ไปหลายภาพ แค่นั้นพ่อเขาคงพอใจ แล้วหนุ่มคนนั้นล่ะนักข่าวจะไปตีข่าวว่าอย่างไร

ชัชชัยเลี้ยวรถมุ่งตรงไปยังถนนลาดพร้าวซอย 71 นึกเป็นห่วงมาลีเหลือเกิน แต่แค่โทรศัพท์ไปหาก็คงยังไม่หายคิดถึงหรอก นึกถึงดวงตาของเธอที่ชายตามามองดูหน้าของเขาในตอนที่เขาสวมแว่นทับแล้วแกล้งนอนหลับ มาลีมีใจให้เธอบ้างหรือเปล่าหนอ ตอนที่ไหว้พระด้วยกันบนพระจุฬามณีเจดีย์นั่นก็อีก อยากให้มีใครสักคนถ่ายรูปให้จังเลย อยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก

แล้วรถก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบ้านซึ่งปิดไฟเงียบ อยากนั่งมองบ้านหลังนี้อยู่ตรงนี้ แต่แค่นี้ก็คงดีกว่าได้แต่คิดถึงเหมือนเมื่อก่อน


ด้วยห้องนอนไม่ได้อยู่ติดกับฝั่งถนน มาลีจึงไม่ได้รู้ว่ามีใครคนหนึ่งชะแง้คอยาวมองหา จิตใจของมาลีตอนนี้วิ่งฉิวกลับไปที่อุ้มผาง แม่โทรมาหาเมื่อตอนหัวค่ำ บอกว่าพี่อนันต์กับป้าทะเลาะกัน เรื่องที่พี่อนันต์จะขอเข้ามาเรียนต่อปริญญาโทในกรุงเทพฯ บ้าง

มาลีรู้ว่านั่นไม่ใช่เหตุผลอันแท้จริง แต่เป็นเหตุผลที่ใครคนหนึ่งกำลังทำตามอำนาจของหัวใจตัว นึกแล้วก็งุนงงกับการตัดสินใจเช่นนั้นเหมือนกัน อยู่ที่นั่นพร้อมทุกอย่างทั้งฐานะและคู่ครองที่สมฐานะกัน พี่อนันต์มีแต่จะสุขสบาย

มาลีหายใจเฮือกๆ เธอนอนไม่หลับ และไม่จำเป็นจะต้องปล่อยให้ตัวเองทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้ หญิงสาวตัดสินใจลุกขึ้นเปิดประตูห้องเปิดไฟที่ส่องทางบันได เดินอ้อยอิ่งลงจากชั้นบน มีหนังสือสักเล่มอ่านมันคงพอคลายเหงาไปได้บ้าง

เมื่อเปิดไฟห้องรับแขก มาลีอยากเปิดโทรทัศน์ก็ไม่ติดกับภาพเคลื่อนไหวใดๆ ชีวิตเธอมีแต่งานกับหนังสือเรียนและหนังสือพิมพ์มาหลายปีแล้ว คืนนี้คงฆ่าเวลาด้วยหนังสือนิตยสารดีกว่า

มาลีรู้ว่าเล่มที่เปิดอ่านเมื่อตอนเย็นนั้นมีเรื่องของชัชชัย วงศ์ชัชวาลย์ หญิงสาวจึงเลือกหยิบเล่มที่อยู่ด้านล่างขึ้นมา


แสงไฟจากห้องรับแขกทำให้ชัชชัยรู้ว่ามาลีนั้นนอนไม่หลับเป็นแน่ เขาเองก็คงนอนไม่หลับเช่นกัน ตัดสินใจยกโทรศัพท์ทันที

มาลีได้ยินโทรศัพท์มือถือของตนดังอยู่ที่ชั้นสอง หญิงสาวรีบละนิตยสารแล้วรีบวิ่งขึ้นไป แต่ด้วยอารามรีบร้อน ทำให้เท้าเหยียบพลาดลื่นจนหน้าแข้งฟาดกับบันได

“อู้ยยยย”

เสียงโทรศัพท์ยังคงดัง มาลีนึกแต่ว่าต้องเป็นแม่แน่ๆ เลย ถ้าไม่รับสายแม่ก็จะเป็นห่วง หญิงสาวจึงโขยกเขยกขึ้นห้องไปจนได้ เมื่อกดรับแล้วเสียง ‘อู๊ยยย’ นั้นยังคงอยู่ เพราะที่หน้าแข้งมีเลือดออกซิบๆ เธอรู้สึกขัดๆ ที่ข้อมือจนต้องใช้มือข้างซ้ายถือโทรศัพท์

“เป็นไรมาลี” น้ำเสียงนั้นตกอกตกใจ

“อ้าว คุณเองนึกว่าแม่ มีไร” น้ำเสียงที่ตอบกลับไปนั้นห้วนๆ สั้นๆ ทันที

“เป็นผมแล้วเป็นไร แล้วคุณเป็นไร มีอะไรหรือ”

“ไม่ได้มีอะไร แค่ตกบันได”

“หนักไหมนั่น”

“นิดหน่อย”

“ไม่นิดหรอก ต้องหนักแน่ๆ เลย ไม่งั้นไม่ร้องอยู่อย่างนั้นหรอก”

“ถ้าหนักแล้วคุณช่วยอะไรได้”

เธอตอกกลับไปอย่างมีอารมณ์ขึ้นมา รู้สึกไม่ค่อยดีเสียแล้ว อีตานี่ คบหาอยู่กับพี่สาวเธอแท้ๆ แต่ทำมาเป็นห่วงเป็นใย ใช้น้ำเสียงแปลกๆ จนน่ากลัว น้องเมียกับพี่เขย เธอไม่อยากจะคิดหรอก

“ผมอยู่หน้าบ้านคุณนี่นะ เปิดประตูให้หน่อย”

เมื่อได้ยินมาลีตกใจแทบทิ้งโทรศัพท์ ใจของมาลีเต้นแรง ความเจ็บปวดที่หน้าแข้งหายไป มือที่คิดว่าซ้นเริ่มเป็นปกติ แต่ใจของเธอนี่ซิ

“เปิดทำไม จะมาทำไม กลับไปเถอะ”

มาลีค่อยๆ เดินลงบันไดมายังห้องรับแขกแล้วแง้มดูว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า เธอเห็นเขาอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม เพียงมีเสื้อคลุมเหมือนสูทคลุมทับเดินไปเดินมามีสายตาห่วงใยแลมาในบ้าน

“คุณเป็นอย่างไรบ้างมาลี ทำไมเงียบ” ปลายสายยังดูเป็นห่วง มาลีนิ่งคิด

“ไม่เป็นไรแล้ว หายแล้วค่ะ กลับไปเถอะค่ะ” ตัดสินใจใช้น้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด พวกผู้ชายถ้ายิ่งร้ายใส่ก็ยิ่งอยากเอาชนะ

“ไม่เป็นไรแน่นะ”

“ค่ะ กลับไปเถอะค่ะขอบคุณนะคะ”

มาลีกดปิดโทรศัพท์ในทันที เธอไม่สนใจแล้วว่าเขาจะไปแล้วหรือยังไม่ไป เธอคว้านิตยสารเล่มนั้นได้แล้วรีบปิดไฟ โขยกเขยกขึ้นห้องไปทันที


แม้จะอยากกลับบ้านนอนแต่กลยุทธก็ทนรบเร้าของรมณีย์ไม่ไหว ออกจากงานเปิดตัวน้ำหอมแล้วเธอขอร้องให้เขาไปนั่งเป็นเพื่อนฟังเพลงใน canta bella club สถานที่ฟังเพลงของผู้มีอันจะกิน ซึ่งชีวิตนี้ เขาคงไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่าความหรูหราฟุ่มเฟือยของชนชั้นสูงนั้นเป็น
อย่างไร แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ต้องการให้ชีวิตก้าวเดินมาถึงจุดนี้สักนิด

ถ้าเขาร้องขอต่อพระเจ้าได้ แค่กุลกัญญา ไม่เป็นโรคร้าย เขาก็ยินดีที่จะอยู่บ้านหลังเล็กๆ แล้วทำงานเก็บเงินสร้างฐานะไปตามขั้นตอนของชีวิตชนชั้นกลาง แต่ความฟุ่มเฟือยหรูหรานี้แก้วละเท่าไหร่ แม้ไม่ได้จ่ายเองแต่เขาก็รู้สึกไม่ชื่น บางทีเขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นของเล่นของผู้หญิงคนนี้เหมือนกัน

“ดูคุณยุทธไม่มีความสุขเลยนะคะ”

“ครับ”

เขาตอบตามตรง รมณีย์ยังคงยิ้มระรื่นไร้ทุกข์ร้อนเหมือนเดิม แล้วเธอก็เล่าถึงประสบการณ์ชีวิตของเธอในต่างแดนให้กลยุทธได้รับฟัง เขาก็ได้แต่ครับๆ ทำตัวคล้ายกับหุ่นยนต์ไร้ชีวิตชีวา

“น่าเบื่อเหรอคะ”

“ครับ”

เขาทำท่าหาวให้คุณรมณีย์ได้เห็นอีก แต่หญิงสาวหาได้สนใจกับภาพเหล่านั้น เธอยังคงฟังและฮัมเพลงสากลอย่างคนที่ถือดี กลยุทธนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ แต่เมื่อนึกถึงปัญหาที่จะตามมา กุลกัญญายังต้องใช้เงินรักษาตัวอีกเดือนละสองหมื่น ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ อีก น้องสาวเขาชอบเสื้อผ้าสวยๆ ทันสมัย แม้แต่จะเป็นของไม่แพงแต่กุลกัญญาก็ซื้อบ่อย ไหนจะหนังสือนวนิยายที่ซื้อเข้าบ้านอีกสัปดาห์ละหลายเล่มเป็นเงินหลายพัน เขาอยากจะห้ามปราม แต่ว่านั่นคือความสุขสุดท้าย นั่นคือความหวังที่จะทำให้กุลกัญญามีชีวิตอยู่ต่อไป

เมื่อนึกได้ดังนั้น กลยุทธคว้าแก้วบรั่นดีขึ้นแล้วดื่ม อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป เขาหันไปยิ้มให้กับคุณรมณีย์นึกอยากจะคลุกวงในกับเธอ แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาเป็นใครและเธอเป็นใคร หากเธอคิดจะแกล้งเขา อะไรมันก็เกิดขึ้นได้

เมื่อตอนกลางคืน คุณรมณีย์มาส่งกลยุทธที่บ้านในเวลาเกือบสามนาฬิกาของวันใหม่ ทำให้ในยามเช้าที่เคยเป็นปกติของเขาผิดเพี้ยน

“พี่ยุทธสายแล้วนะคะยังไม่ไปทำงานอีกเหรอ”

เป็นกุลกัญญาที่เปิดประตูหอบผ้าห่มเข้ามาหา แม้เสียงของเธอจะดูสดใสแต่น้องสาวของเขาก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ พี่ชายต่อได้เช่นกัน

เมื่อขยับตัวดูนาฬิกาจึงรู้ว่าเป็นเวลาเกือบสามโมงเช้า กลยุทธสะดุ้งพรวดพราดขึ้นมาทันที เอาไงดีๆ เขาครุ่นคิดอยู่อย่างนั้น ลาครึ่งวัน หรือจะลาทั้งวัน ลาป่วยดีที่สุด กำลังจะควานหาโทรศัพท์มือถือ พอดีกับสายเรียกเข้าร้องเสียงดังลั่น เขาดูเบอร์ทันที

“เฮ้ยเจ้านายหายหัวไปไหนวะ” เป็นเสียงของสุชิน เขาถอนหายใจออกมา

“ป่วยว่ะ”

“ทำไรมาป่วยGm รู้หรือยังวะ อย่าบอกนะว่าอยู่ด้วยกันเพราะเขาก็ยังไม่มา”

“ทะลึ่งพูดมากจริงๆ ระวังปากไว้บ้างนะชิน”

“เออ รู้น่า ว่าไงจะลาอะไรแน่ครับ ลากิจหรือลาคลอด ผมจะได้แจ้งฝ่ายบุคคลเขาถูก”

“ลาป่วยแล้วกัน ขอบใจมากนะ”

“เปลี่ยนเป็นเลี้ยงอาบน้ำสักมื้อดีกว่าว่ะ” สุชินหมายถึงให้พาไปอาบอบนวด

“เออ ถูกหวยแล้วจะเลี้ยงให้ แค่นี้นะ” ไม่รู้ว่าปลายสายว่าอย่างไรแต่เขาขอปิดโทรศัพท์ก่อน


มาลีขยับตัวตื่นตอนที่แสงแดดสาดผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาในห้อง หญิงสาวพลิกตัวควานหานาฬิกาปลุกที่นำมาจากอุ้มผาง เมื่อรู้ว่าตัวเองตื่นสาย ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาหาทันที เป็นคนขี้เกียจไม่ได้ เธอจะปล่อยให้ความสะดวกสบายมาครอบงำชีวิตไม่ได้ จะต้องตื่นอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อสลัดผ้าห่มพับจัดที่นอนเข้าที่แล้ว เธอจะทำอะไรดี กวาดบ้านถูบ้านงานพวกนี้เธอยอมรับว่าไม่ถนัดนัก มันดูธรรมดาไป หากใช้กำลังขับรถ คิดอะไรโต้ตอบกับคนมันน่าสนใจหน่อย

เมื่อจัดการธุระส่วนตัวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาลีก็แต่งตัวลงมาจากชั้นบน สิ่งแรกที่เธอทำคือ ไปแง้มดูที่ผ้าม่าน รถของชัชชัยยังจอดนิ่งอยู่ที่เดิม หมายความว่าอย่างไรนะ มาลีเริ่มใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือว่าเขาคิดรวบหัวรวบหางเธออีกคน

มาลีมองหาใครสักคนที่จะช่วยเธอ ใครจะช่วยเธอได้ ดีนะที่อีตานั่นไม่มีกุญแจเข้าบ้าน ไม่งั้นเธอก็คงจะถูกเขาข่มขืน มาลีเริ่มคิดไม่ดีไปต่างๆ นานา และเหมือนเขาจะรู้เพราะกริ่งสัญญาณเรียกคนในบ้านดังขึ้น มาลีเดินไปเดินมาอย่างพลุ่งพล่าน

“ตื่นหรือยัง สายแล้วนะแม่คุณ” เขาตะโกนเข้ามา

มาลียังเต้นเร่าๆ ว่าแล้วสายตาของเธอก็มองเห็นไม้กวาด ถือไว้ด้วยแล้วกัน เผื่อมีอะไร

มาลีกลั้นใจดึงม่านให้กว้างแล้ววิ่งไปเปิดประตูหลังบ้าน แล้ววิ่งกลับมาที่ประตูบ้านเปิดมันออกไป ชัชชัยยืนหน้านวลอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นลายพราง รองเท้าผ้าใบของคอนเวิร์สกับเสื้อยืดคอกลมสีส้มปรี๊ด คนละตัวกับเมื่อวาน แสดงว่าเขากลับบ้านไปแล้ว มาลียิ้มแห้งๆ ให้ก่อนจะทิ้งไม้กวาดและถือกุญแจไปไขล็อกประตูรั้ว

“มาทำไมแต่เช้า”

“เที่ยงแล้ว นอนกินบ้างกินเมืองเลยนะ ทำไมตื่นสาย เป็นไงบ้าง” สายตาของเขาสำรวจเรือนกายของเธอทันที มาลีรีบเบี่ยงตัวหลบ

“ถามว่าเป็นไรไม่ได้ชมว่าสวยสักหน่อยยืนบิดอยู่ได้” เขาพูดตรงๆ มาลีหันกลับมาทำหน้าคว่ำใส่ทันที


“หายแล้ว แค่เขียวๆ ถลอกนิดหน่อย คนบ้านนอกอย่างฉันตายยากไม่สำออยเหมือนคนกรุงหรอก อีกอย่างสำออยไปก็ไม่มีใครสนใจ”

“รู้ได้ไงว่าไม่มีใครสนใจ”

ว่าพลางเดินผ่านเธอเข้าไปในบ้านอย่างไม่ต้องเชื้อเชิญ มาลีมองไปยังบ้านของพี่ศรีวรรณซึ่งปิดสนิท ถ้ามันปล้ำเธอ ตะโกนออกไปใครจะช่วย บ้านข้างๆ อีกหลังล่ะ เงียบสนิท ดูจะเป็นบ้านร้างด้วยซ้ำ

แต่เขาคงไม่ทำร้ายเธอหรอก เมื่อปลอบใจตัวเองแล้ว มาลีจึงเดินตามเข้าไป ชัชชัยอยู่ในครัว เปิดตู้เย็นตรวจตราของกินในนั้นเหมือนเป็นเจ้าของบ้านด้วยซ้ำ

“กินข้าวเช้าหรือยัง”

“เพิ่งตื่น” มาลีเสียงอ่อย รู้สึกว่าตัวเองผิดต่อแผนการดำเนินชีวิตอย่างไรก็ไม่รู้

“จำได้เปล่าเคย บอกผมว่าไง”

“จำได้”

“อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา สิ่งเหล่านี้มันคือคาถาที่จะนำพาแห่งความเป็นเศรษฐี” เขาร้องเป็นเพลงน้ำเสียงเดียวกับเทียรี่ เมฆวัฒนา เลยทีเดียว

มาลีรู้ว่าสิ่งที่เขาตอกย้ำนั้น ยังน้อยกว่าตอนที่เธอไปร้องเพลงปลุกเขาที่บ้านพักหลังเก่าริมแม่น้ำ ตอนนั้นเธอเคาะกระป๋องกระแป๋งให้จังหวะด้วยซ้ำ อีตานี่มันจำทุกๆ อย่างที่เธอทำไว้กับตัวได้หมดเลยเหรอ

“ไข่หมด หมูไม่มี ไม่มีอะไรเลย มีแต่อาหารลิง”

แม้แต่คำว่าอาหารลิง เธอนั่นแหละที่โยนกล้วยให้เขาตอนที่รถติดหล่ม แล้วเขาเข็นรถจนหมดแรง เมื่อนึกถึงความหลังและน้ำเสียงห่วงใยของเขาในปัจจุบัน น้ำตามันพานจะไหลออกมาเสียให้ได้

“เป็นอะไรเงียบไป ปกติเสียงแจ้วๆ เลย เถียงคำไม่ตกฟาก”

“คิดถึงบ้าน” มาลีโกหก

“เดี๋ยวก็ดีเองแหละ ไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย แล้วทุกอย่างจะดีเอง ไปออกไปข้างนอกกัน”

“ไปไหน” มาลีมีสีหน้าฉงน

“อยากไปหรือเปล่าล่ะ”


มาลีชั่งใจ มันคงดีกว่าอยู่บ้านหรอก ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้จักเขาเสียเมื่อไหร่ สนิทกันด้วยซ้ำ แต่ที่นี่มันเป็นกรุงเทพฯ หากเขาพาเธอไป มาลีเริ่มลังเล แต่เขาเดินไปปิดประตูหลังบ้านลงกลอนเสียแล้ว

อยู่ก็ไม่ปลอดภัย งั้นออกไปข้างนอกดีกว่า มาลีรีบเดินไปชักม่านแล้วรีบคว้ากุญแจเดินออกจากบ้านทันที

“ออกจากบ้านเอากระเป๋าสตางค์ติดตัวไปหรือเปล่า”

เขามาตะโกนถามที่หน้าประตู มาลีรีบตบกระเป๋ากางเกงขายาวของตัวเองทันทีเช่นกัน

เขายิ้มนิดๆ พอรู้ว่า เจ้าหล่อนคิดอะไร แต่แบบนี้แหละที่เขาชอบ



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ธ.ค. 2554, 16:30:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ธ.ค. 2554, 16:30:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1946





<< 9.ชัชชัย   11."รวยแล้วดีอย่างไร" >>
แว่นใส 1 ธ.ค. 2554, 16:56:13 น.
ใครคือพระเอกกันนะ


รอให้เป็นเล่ม 1 ธ.ค. 2554, 17:49:28 น.
นั่นสิ


ปอยอะนะ 1 ธ.ค. 2554, 19:47:50 น.
สนุกคะ ชอบมาลีมากๆ


เดิมเดิม 1 ธ.ค. 2554, 19:49:39 น.
คุณกลยุทธอย่างคิดอะไรง่ายๆ นะ


คิมหันตุ์ 1 ธ.ค. 2554, 22:14:59 น.
สงสารคุณยุทธ คุณชัชก็จริงใจ เห้อหนักจ๊ายหนักใจ


minafiba 1 ธ.ค. 2554, 22:53:08 น.
^_^


roseolar 2 ธ.ค. 2554, 22:57:32 น.
ยังคงเป็นแฟนคลับลับๆของคุณชัชเสมอ มาลีจ๋าแอบหวั่นไหวไปกับคุณชัชบ้างยังเอ่ย

PS.แอบลุ้นให้รมณีย์สมหวัง จะเป็นไปได้มั้ยน้อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account