อรุณสวัสดิ์หัวใจ # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
ความรักก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่เป็นไม่ได้ทุกข์ยิ่งกว่า
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..

ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ

รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ

"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..

ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย

"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 11

11

ในวันว่างสายบัวยังคงนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องอาหาร และถ้าอยากได้กลเม็ดเด็ดพรายจริง ๆ ก็ลุยเข้าไปขอเรียนกับคุณนันทพร ผู้ไม่หวงความรู้

“เสน่ห์ปลายจวัก ผัวรักจนตัวตาย”

“แต่คุณนันทพรก็ไม่มีใคร”

“มี เคยมี “

“ตอบเหมือนคนบ้านโน้น” สายบัวลองแย๊บ คนฟังไม่พูดต่อ เรื่องนั้น

“อย่าไปทุกข์ร้อนนัก ถึงรักไม่มาใช่ว่าเราจะตาย อยู่คนเดียวแสนสบาย แต่ไม่สนุก เคยกลุ้มอยู่เหมือนกันนะแม่สายบัวรอเก้อ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะรู้แล้วว่า มีเรื่องอื่นให้ทำนอกจากเรื่องของความรักความใคร่”

สายบัวทำหน้าฉงน

“ฉันไปวัดฝึกสมาธิ มีเรื่องตื่นเต้นกว่ารัก ๆ ใคร่ ๆ เอาไว้โอกาสดี ๆ ฉันจะพาเธอไปฝึกไปไหม เดี๋ยวนี้สาว ๆ เข้าวัดกันเยอะนะ ถ้าเธอเข้าอีก คนรับรองเลยว่าที่วัดแตกแน่”

“บัวไม่ดังขนาดนั้นหรอกค่ะ”

“ใครว่าไม่ดัง หรือดัง เธอรู้ไหมว่าเธอน่ะดังในทางดี ผิดกับลูกบ้านโน้นเป็นนางเอกซะเปล่า แต่ดังแบบเน่า ๆ ฉันละกลุ้มแทนคุณหมอกมลจังเลย นี่ก็ได้ข่าวว่าตบกับดารารุ่นแม่เข้าอีก ไม่รู้เอานิสัยใจร้อนมาจากไหน”

สายบัวฟังเงียบ ๆ ไม่อยากแสดงความคิดเห็น เพราะรู้ว่าความคิดเห็นที่ออกไปนั้นดีไม่ดีในวันข้างหน้ามันอาจจะย้อนกลับมาเล่นงานเธอก็ได้


แสงไฟที่ส่องมาประทบเปลือกตาทำให้สายบัวต้องกระพริบตาถี่ ๆ แล้วเพ่งมองไปยังจุดโฟกัสอีกครั้ง การทำหน้านิ่ง แล้วแสดงออกทางสายตาที่ดูมั่นใจเด็ดเดี่ยวนั้น ทำให้ผู้คนยิ่งอยากเห็นสายบัวใช้ใบหน้าและดวงตานั้น รับบทอื่นที่ไม่ใช่สายบัวดูบ้าง

“บัวมีงานละครสนใจไหม” พี่ต้นถามขึ้นขณะขับรถมารับสายบัวออกไปทำงาน วันนี้แม้มีเงินพอจะซื้อรถมือสอง แต่สายบัวก็ยังไม่แม้แต่จะคิด

“ไม่สนใจค่ะ”

คนถามทำหน้าแปลกใจ เหตุผลที่บอกกับพี่ต้น คือไม่ถนัด แต่เหตุผลในใจ รู้ว่าที่มีวันนี้ได้เพราะคุณอาภัสวรรณให้โอกาส หากก้าวเดินไปทับเส้นทางที่คุณอาภัสวรรณเป็นอยู่อย่างชำนาญ เธอจะได้ขึ้นชื่อว่าอกตัญญู

เมื่อเดินมาถึงวันนี้ สายบัวรู้ว่าข้างในวงการไม่ได้มีแต่สิ่งเลิศหรู มันเป็นมายา ชวนให้หลงใหล แล้วมันก็นำพาความทุกข์แบบไม่รู้สึกตัว เธอพอใจเพียงเดินแบบและถ่ายภาพกับเสื้อผ้าแสนจะธรรมดา ไม่หวือหวา โชว์เนื้อนม ส่วนสัด

“เธอนะเธอ น้ำขึ้นก็ไม่รีบตัก”

“เปิดก๊อกเอาก็ได้”

“ย่ะ แม่คนมักน้อยสันโดษ แม่พอเพียง ไร้เดียงสา ตรูละเบื่อ”
สายบัวไม่ต่อปากต่อคำ ก็ชีวิตที่เป็นอยู่นี้มันไม่ได้อยู่ในห้วงแห่งความคิดเลย เคยคิดแต่ว่า เป็นคนใช้ เรียนจบ มีงานทำ ค่อย ๆ เก็บเงินสะสมไป กับคุณหมอ หากมันเป็นไปไม่ได้ เธอก็จะกลับไปอยู่บ้าน อยู่เหมือนตากับยายเคยอยู่ เมื่อเกษียณตัวเองจากงาน เช้ามาเตรียมของใส่บาตร สาย ๆ เย็น ๆ รดน้ำพรวนดินพืชผักสวนครัว ถ้ามีแรง มีทุนมากหน่อย อาจจะปลูกผักในมุ้งจะได้ไม่ต้องใช้สารเคมีไล่ฆ่าพวกแมลง ได้เวลาก็ใส่ตะกร้ามัดท้ายรถจักรยานปั่นไปขาย เป็นค่าเนื้อสัตว์โปรตีน ค่าน้ำค่าไฟ

คิดถึงบั้นปลาย แล้วเธอรู้สึกว่า แค่นี้ก็พอ

เมื่อวางตัวเช่นนี้ เป็นธรรมดา ย่อมถูกหมั่นไส้ จากเพื่อนนางแบบด้วยกัน บ้างก็ว่าเธอเรื่องมาก เพราะอะไรยิ่งยาก ก็ยิ่งมีค่า

ค่าตัวของสายบัวจัดว่าสูง โดยเฉพาะแบบที่มีเสื้อผ้าน้อยชิ้น ใจเมื่อฝึกตบะ จึงถูกวัดด้วยโลภะ ดีที่เธอไม่เคยนึกฝันถึงบ้านบนชั้น 38 กลางเมือง ไม่เคยฝันถึงรถยุโรปราคาหลายล้าน หรือหินแกร่งที่เรียกว่าเพชรแพรวพราว หรือเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่แค่ปกปิดกันอายทำให้อุ่น แต่ราคาของมันวัดกันด้วยแบบและยี่ห้อที่พยายามบอกว่ามันทันสมัย

ขอบคุณตากับยาย หากเธอไม่ได้เกิดและโต กับความพอเพียงเช่นนั้น เธออาจจะทะเยอทะยาน อยากเป็นเด็กของใครบางคนที่มาเสนอเงินให้คนโลภมากอยากจะรวยทางลัด เพื่อวันหน้าที่ดีกว่า

หมอคนเดียวเท่านั้น คือที่สุดในหัวใจ

“ฉันเบื่อจะเป่าขลุ่ยให้เธอฟังจริง ๆ แต่เอาเถอะเมื่อไม่ถนัดก็ไม่เป็นไร ทำงานอย่างที่ถนัดให้ดีที่สุดแล้วกัน พี่ดีใจนะบัวที่ถึงวันนี้บัวก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”

“ค่ะ” สายบัวยิ้มพร้อมกับพนมมือ

“ขอบคุณพี่ต้นนะคะที่ดูแลบัวเป็นอย่างดี”

“ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่ที่ตัวนางแบบด้วยบัว บางคน พี่เลี้ยง ผู้จัดการมันก็อยากให้เด็กมันดี แต่เด็กมันแรดเรียกพี่ ใครห้ามใครบอกอย่างไรมันก็ฉุดไม่อยู่หรอก พี่อยู่ในวงการมานาน รู้เห็นอะไรที่มันเน่าสนิทมาแยะแล้น ทำตัวดี ๆ เดี๋ยวก็มีคนมีชาติมีตระกูลมาเห็น แล้วก็อัพตัวเองไปตามเวลา ดีไม่ดีอาจจะได้เป็นนักธุรกิจอะไรต่อมิอะไรไป ถึงวันนั้นก็อย่าลืมพี่ต้นนะ”

“ค่ะ”

“ได้ข่าวเนตรนภัสบ้างไหม”

“ได้ มีอะไรหรือคะ” ถามทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่านางแบบคนนั้นมีข่าวควงคุณอารักษ์ลูกชายเจ้าของบ้านซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ไปเต้นรำด้วยกัน ข่าวทำนองนี้ของคุณอารักษ์เข้าหูให้ได้ยินมาตลอด ก่อนหน้าเนตรนภัสหรือก็มีริต้านางแบบลูกครึ่งจากเนเธอแลนด์ โม้นา นั่นก็อีกคน แล้วทุก ๆ คนก็หายไปเป็นข่าวกับคนอื่น ๆ

“เป็นข่าวช่วย ๆ กัน ก็ชีกำลังจะตกเพราะนักข่าวจับได้ว่ามีเสี่ยเลี้ยง ชีก็เลยมาพึ่งใบบุญไฮโซให้ช่วยเหลือ แล้วก็กลบข่าวเก่า ส่วนข่าวของสายบัวในตอนนี้ก็คือคอนเวิร์สกับอารักษ์แล้ว”

สายบัวถอนหายใจออกมา

“แล้วตากล้องนามปัฐมโชติว่าอย่างไรมันเหล่เธออยู่นี่”

“เหล่ก็เหล่ไป พี่อย่าไปสมรู้ร่วมคิดกับเขาแล้วกัน บัวไว้ใจพี่นะคะ บัวถึงไม่เอาวิลาวัลย์กับดินมาป้วนเปี้ยนอีกแล้ว และอีกอย่าง ดินก็เร่งจะทำคะแนนให้ได้เกียรตินิยม”

“ว้าว หนุ่มบ้านนอกของพี่ นึกถึงแล้วเปรี้ยวปาก”

“บัวให้พี่เป็นแม่สื่อให้วิลาวัลย์นะคะ”

“เอ่อรู้น่า ขอชิมนิดหน่อยไม่ได้หรือ”

“ได้นะมันได้ แต่บัวกลัวดินติดใจพี่ แล้วเพื่อนบัวมันจะผิดหวังได้”

“พูดดีก็เป็นแฮะ แล้วทำไมไม่พูดดี ๆ กับคุณอารักษ์เขาบ้างฮะ”

พูดถึงความสัมพันธ์ของอีกคน สายบัวจำต้องสงบปากทันที




สายบัวรู้สึกว่าชีวิตนั้นช่วงนั้นของเธอเหมือนเดินย่ำอยู่บนกลีบกุหลาบ ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด เพราะมันเป็นเทอมสุดท้าย และที่สำคัญ

“มีอะไรหรือพี่ดวงตา”

“ดวงใจจ้ะจำผิดคนแล้ว” คนในเขตบ้านใหญ่ทำท่ามีความลับ สายบัวจำต้องลุกไป

“คุณหมอโกมุทกลับมาแล้ว”

สายบัวใจเต้นแรง แรงกว่าครั้งที่เธอยืนอยู่บนเวทีประกวดด้วยซ้ำ

“แว่ว มาว่า เลิกกับคุณดุจเดือนแล้วชัวร์ เพราะกลับเข้าบ้านมาคนเดียว “

เธออยากจะยิ้มแต่ก็จำต้องเก็บไว้

“หรือคะ”

ถอยออกมาแล้ว รีบเดินไปหาคุณชวนชม

“คุณหมอกลับมาแล้ว”

“ระงับความดีใจไว้บ้างซิ”

“เธอเลิกกับคุณดุจเดือนจริง ๆ”

คุณชวนชมยกมือทาบอก

“เป็นไปได้อย่างไร”

“พี่ดวงตาบอกว่า เห็นบ้านใหญ่ล้งเล้งกัน คงจะจริง”



ค่ำวันนั้น สายบัวไปชะแง้ที่ห้องเก่าของคุณหมอ หวังว่าเขาจะเปิดประตูแล้วเดินออกมามองที่ระเบียงบ้าง แต่เงียบ หนึ่งวัน สองวันผ่านไป สายบัวได้ยินคนบ้านใหญ่พูดว่า

“คุณหมอออกไปทำงานแล้ว เธอรักงาน รักคนไข้จะตายไป”

คุณหมอจะรู้ไหมว่ามีใครคนหนึ่งเฝ้ารออยู่ตรงนี้ มานานหลายปี ทำตัวดีก็เพื่อคุณหมอ แล้วน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจก็แล่นเข้ามาแทนที่อีกจนได้

“เฮ้ย รักเขาข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่งพึงหลีกเลี่ยง”

“คุณอารักษ์”

สายบัวหันกลับไปพร้อมกับสายตาที่เขียวปั๊ด บอกให้รู้ว่าเบื่อหน่ายกับปากและเรื่องที่ชอบมายุ่งเรื่องส่วนตัว แต่สายบัวก็คิดว่า คงเป็นเพราะฤทธิ์ของสุรายาเมาเป็นแน่ จึงทำให้วันนี้เขากล้าเข้ามาแขวะให้สนุกปากเหมือนที่เคยทำ

“อย่างเธอไม่ใช่สเป็คเขาหรอกสายบัว ฉันรู้จักเขาดี พอ ๆ ที่รู้จักตัวเอง”

“หมายความว่าอย่างไร” สายบัวขบกรามจนแน่น

“เห็นชอบรายไหน ก็รายนั้น ขาวนำ ดูเธอซิ ถึงจะเป็นนางแบบค่าตัวสูง แต่เธอก็ไม่ใช่สเป็คเขาหรอก”

ใบหน้าของสายบัวร้อนผะผ่าว หญิงสาวเมินหน้าไปอีกทางเป็นลักษณะว่าไม่อยากได้ยินได้ฟังอะไรทั้งนั้น

“ฉันเป็นเธอ ฉันย้ายออกจากที่นี่ไปแล้ว อุตส่าห์อยู่รอเขานะ หวังว่าเขากลับมาคงเห็นคุณค่า แต่ฉันว่าเธอเดินหมากผิดเสียแล้ว คิดดูเถอะสายบัว คนมีชาติมีตระกูลมีการศึกษาสูงระดับเมืองนอกเมืองนาอย่างเขา รึจะสนใจเด็กในบ้าน”

“คุณอารักษ์”

“เดี๋ยวนี้มีขึ้นเสียง จะบอกอะไรให้นะสายบัว ฉันรู้มานานแล้วว่าเธอชอบหมอโกมุท และฉันก็บอกกับหมอโกมุทไปแล้วว่า เธอเป็นคนของฉัน อย่าได้มาข้องเกี่ยวเด็ดขาด”

“คุณอารักษ์”

“เรียกฉันสามรอบสี่รอบกลัวจำชื่อฉันไม่ได้หรืออย่างไร”

“ทำไมเธอไม่มองฉันบ้างนะ ฉันด้อยกว่าหมอโกมุทตรงไหน” คำพูดนั้นสายบัวรู้ว่าพูดเพียงเพื่อแทะโลมให้เธอหวั่นไหวเท่านั้น หาได้ออกมาจากใจจริง ตราบใดที่เขายังไม่ชนะ ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันถอยอย่างเด็ดขาด

“คุณเมาแล้ว ขึ้นข้างบนไปเถอะค่ะ” สายบัวข่มอารมณ์เอาน้ำเย็นเข้าลูบ ผู้ชายกักขฬะมักมากในกาม คงมองเห็นเธอเป็นเหยื่อ

ดารานางแบบในวงการกี่คนต่อกี่คนที่เคยมีข่าวพัวพันกับคนตรงหน้า หากคนเรารักกันยอมพลีกายให้กันเพราะรูปลักษณ์และทรัพย์สมบัติ เพื่อนในวงการของเธอเหล่านั้นก็คิดไม่ผิดหรอกที่ติดบ่วงไฟเสน่หาของผู้ชายคนนี้ แต่เธอไม่ได้คิดคบหากับใครเพราะองค์ประกอบเหล่านี้ เขาอาจแค้นที่เธอไม่ยอมติดกับดัก

“ถึงเมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน อันเมาเหล้าเช้าสายก็หายไปแต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน” ว่ากลอนสุนทรภู่กระทบกระเทียบแล้วคุณอารักษ์ก็เดินหนีไป

สายบัวอยากจะร้องไห้ แต่ก็นึกขำกับท่าขี้เมาปากมากของเขา



“เย้ ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จแล้ว เย้ ๆ” สายบัวกับวิลาวัลย์กระโดดกอดกันหน้าบอร์ดประกาศผลคะแนน และคนที่ยืนยิ้มชื่นยินดีอยู่ใกล้ ๆ จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ดนุสรณ์

“ดินยินดีกับเธอทั้งสองคนด้วยนะ”

ความสัมพันธ์ของดนุสรณ์และวิลาวัลย์ก็ยังเหมือนเดิม

“เขาไม่ก้าวมาสักก้าวเดียว แล้วฉันจะก้าวไปได้อย่างไร”

“แล้วเธอนึกชอบเขาบ้างไหมล่ะวิลาวัลย์”

“ผู้ชายขี้ตืดนะหรือ ก็ดีนะ เก็บเงินเก็บทองอยู่มือ ได้ไปทำพ่อบ้านคงรวย แต่ฉันเป็นคนใช้เงินเก่ง”

“พ่อของลูกนะจ๊ะ หาดี ๆ อย่างนี้ได้ที่ไหน เธอเห็นดินเคยชายตาแลผู้หญิงคนไหนบ้างไหม”

“ก็เขามีแต่เธอนี่บัว ส่วนฉันเขาก็มีสงสารบ้าง แต่ฉันก็คือฉัน หากผู้ชายไม่ชอบ ก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องเสนอตัวเต็มที่ เสียศักดิ์ศรีมืออาชีพเปล่าๆ จริงๆ อีกอย่าง ฉันคิดว่าคบหาแบบเพื่อนนี่ก็ดี หากวันหนึ่ง ดินรู้ความจริงก็คงไม่โกรธไม่เกลียดฉันเหมือนคนอื่น ๆ”

“วันนี้ฉลองใหญ่บัวเป็นเจ้าภาพเอง กินได้ไม่อั้น”

“ที่ไหน”

“บุฟเฟ่บนใบหยกทาวเวอร์ทู”

“เออ ดีกว่าไม่ได้เลี้ยง” ว่าแล้วทั้งสามคนก็ออกมาจากมหาวิทยาลัยมาเรียกแท็กซี่ ขณะที่แท็กซี่กำลังขับออกจากหน้ารามเพื่อพาลูกค้าไปสู่ที่หมาย

โครม!!

“ฉิบหายแล้วกู” คนขับอุทานออกมาเสียงอย่างดัง สายบัวเองก็ใจหายวาบ ข้างหน้าที่รถแท็กซี่ไปจูบน่ะเป็นรถเบนซ์ราคาหลายล้านเชียวนะ และนี่ก็คือเหตุผลที่สายบัวไม่คิดเป็นเจ้าของรถแม้มีเงินมากพอ

ขณะที่แท็กซี่กำลังตกตะลึงอยู่นั้น เจ้าของรถก็ลงจากรถมาหาด้วยใบหน้าบึ้งตึง แต่ถึงกระนั้น ใบหน้านั้นก็ยังทำให้สายบัวใจเต้นแรง หญิงสาวยกมือทาบอกพร้อมกับเปล่งอุทานเบา ๆ

“คุณหมอโกมุท”

“ลงมาคุยกันหน่อย” แท็กซี่จำต้องลงไปตามความต้องการของเจ้าของรถคันงามที่ส่งเสียงเข้มแกมบังคับ สายบัวมองสีหน้าและท่าทางที่คุณหมอล้งเล้งแล้วคิดว่าจะตัดสินใจลงจากแท็กซี่แล้วไปต่อคันใหม่ดีหรือไม่

“เอาไงบัว หมอคนบ้านเธอไม่ใช่เหรอ ไม่ไปช่วยพี่คนขับเขาหน่อยล่ะ”

“อย่าเลยวิ ปล่อยให้เขาเล่นไปตามบทบาทเถอะ” ว่าแล้วสายบัวก็ควักเงินแบงก์พันวางไว้บนเบาะคนขับแล้วพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองที่นั่งอยู่เบาะหลังค่อย ๆ แอบลงแล้ววิ่งไปข้างหลังทันที เหตุผลของเธอนั้นก็คือ เธอไม่ต้องการเห็นภาพที่ไม่เคยเห็นจากตัวของคุณหมอสักนิดเดียว



ในงานวันรับพระราชทานปริญญาบัตร สายบัวหวังที่จะได้เห็นเงาของคุณหมอโกมุท อยากให้เขามาร่วมยินดีกับเด็กกะโปโล ซึ่งมาจากบ้านนอก จากเด็กรับใช้ถีบตัวเองมาจนเป็นนางแบบเพราะโอกาส ส่วนปริญญานั้นได้มาด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ แต่ก็ไร้เงา จะโทษใครได้เป็นเพราะตัวเธอเองที่กล้าไม่สุดโต่ง

หากวันที่เธอแกล้งไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แล้วระบุคุณหมอนาม นายแพทย์โกมุท เมื่อได้พบหน้ากัน เธอรู้สึกประหม่าและหมอเองก็ไม่ได้มีทีท่าสนใจใยดีเธอมากนัก

“ดีใจด้วยนะกับงานที่เธอไม่คาดฝัน” หมอพูดกับเธอเพียงเท่านั้น

สายบัวจ้องหน้า กี่ปีความรู้สึกที่ได้พบคุณหมอก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“สบายดีนะคะ”

“ถ้าหมอไม่สบาย แล้วจะรักษาคนไข้ได้อย่างไร”

“จริงของหมอ” สายบัวพูดแก้เก้อ
ออกมานั่งรอผล ดูคนไข้ที่แวะเวียนเข้าไปแล้วกลับออกมา

“เรียบร้อยแล้วครับ คุณไม่มีอะไรผิดปกติ”

“แม้แต่หัวใจ” สายบัวจ้องหน้า คุณหมอเมินสายตาไปทางอื่น

“ขอบคุณนะคะ” สายบัวหมายถึง เพราะคุณหมอทำให้เธอสู้จนมีวันนี้วันที่ได้รับปริญญาบัตรบอกเกียรติทางการศึกษากับเขาบ้าง

“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย เธอก็ถือว่าเป็นคนในบ้าน ไม่ต้องจ่าย ฉันจัดการให้เอง” คุณหมอเข้าใจไปอีกทาง เธอจึงไม่กล้าที่จะบอกเล่าว่าเธอเรียนจบปริญญาแล้ว อยากมาเชิญคุณหมอไปร่วมแสดงความยินดีและถ่ายรูปเคียงกันเพื่อเป็นที่ระลึกถึงคุณค่าของความรัก

“ใจลอยอีกแล้วสายบัว”

เป็นเสียงของวิลาวัลย์ ซึ่งสวมชุดครุยยืนอยู่ข้าง ๆ ดนุสรณ์และคนในหมู่บ้านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกชายคนเล็กของผู้ใหญ่บ้าน เธอส่งข่าวไปว่าเธอก็รับพระราชทานปริญญาบัตรพร้อมกับดิน ป้าจำปาจึงได้ติดสอยห้อยตามผู้ใหญ่บ้านมาร่วมแสดงความยินดีกับหลานสาวด้วย

“เห็นไหมเธอมีโอกาสดี ๆ จนได้” ป้าจำปาโผเข้ากอดหลานสาวแล้วก็ร้องไห้ด้วยความปลาบปลื้มใจ

“ตากับยายอยู่คงดีใจที่เธอทำสำเร็จ รู้ไหมสายบัว ใคร ๆ ที่บ้านก็เอ่ยถึงเธอกันทั้งนั้น รักษาเนื้อรักษาตัวนะ อย่าให้มีเรื่องเสื่อมเสียใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อตากับยายและวงศ์ตระกูลของเรา”

“เพื่อวงศ์ตระกูลเพียรกสิกรรมหรือพี่”

“ไม่ต้องมาพูดหรอกแม่ดาวเรือง หล่อนเองก็ดีแต่ปาก ทำขายหน้านักเชียว อยู่มาจวนจะแก่ตาย พอริจะมีผัวก็ไปกันซะง่าย ๆ อายลูกอายหลานมั่งไหมนะ”

น้าดาวเรืองเงียบ สายบัวรู้ ว่าความจำนนนั้นเกิดขึ้นจากการใคร่ครวญดีแล้ว และน้าดาวเรืองก็ไม่ได้เลือกคนผิดแต่อย่างใด


ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ สายบัวก็ไม่ได้เห็นแสงไฟในห้องคุณหมอสว่างอีกเลย คุณหมออยู่ที่ไหนทำอะไรอยู่กับใคร ทุกข์เหลือเกินที่รู้ว่า ไม่มีโอกาสทำลายกำแพงหัวใจคุณหมอโกมุทเข้าไปได้ ผู้หญิงหากสวยดีมีคุณค่า ผู้ชายสนใจต้องเข้ามา เธอบกพร่องตรงไหนคุณสมบัติเช่นเธอนี่ คุณหมอยังไม่ต้องการอีกหรือ

เจ็บหัวใจเสียจริง ยิ่งมารู้ข่าวว่า กลายเป็นหนุ่มเพลย์บอย ไร้หัวใจ ไร้รัก เปลี่ยนผู้หญิงควงไป เรื่อย ๆ เธอรอเขาอยู่ตรงนี้ ไยเขาไม่ชายตาแลให้เธอได้ชื่นใจสมรอสักนิด

อาการน้อยเนื้อต่ำใจเกิดขึ้น

“ฉันเห็นเขาด้วยสายบัว นั่งดื่มอยู่คนเดียว มาซิ”

เมื่อวิลาวัลย์โทรมาบอก หัวใจของสายบัวเต้นผิดปกติ วันที่ไม่มีงาน ในยามวิกาล เธอไม่เคยออกไปนอกบ้านสักครั้ง สถานที่อโคจร อาจนำมาซึ่งหายนะทางชื่อเสียง แต่วันนี้เมื่อรู้ว่าคุณหมอนั่งทำหน้าเศร้า เธอจำต้องไป อยากรู้ว่าคนมีสมบัติพร้อมแล้วยังทุกข์ตรมด้วยเรื่องอะไร
คนเช่นเธอพอจะทำให้สุขได้บ้างไหม

แต่เมื่อไปถึง พบว่าที่นั่งข้างคุณหมอเป็นหญิงสาวสวยสดนั่งคลอเคลีย สายบัวเจ็บจี๊ดทั้งหัวใจ ไยเขาไม่คิดหันมาหาเธอ ‘ไม้ขีดไฟก้านเล็ก ๆ’

“ขอโทษที่ไม่ได้โทรไปบอกว่า” วิลาวัลย์พลอยมีหน้าตาที่ทุกข์ร้อนไปด้วย

“ช่างมันเถอะ” สายบัวคว้าแก้วเหล้าของวิลาวัลย์ขึ้นมาดื่ม ทั้งที่เคยสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ใช้มันบำบัดความทุกข์

“ตัดใจเถอะบัว มีคนดี ๆ รักเธอ รอเธออยู่นะ”

“ใคร”

“ดินไง”

“ฮึ” สายบัวยิ้มเยาะ

“ถ้าไม่ได้อยู่กับคนที่เรารัก ก็ไม่คิดอยากจะอยู่กับใครหรอก”

“ถึงเป็นน้อยเธอก็ยอมรึสายบัว ผู้หญิงที่ยึดมั่นในประเพณีอย่างเธอยอมเป็นน้อยเขารึ”

สายบัวไม่ตอบ

ถ้าตอบก็คือไม่ยอม แต่เธอพอใจที่ได้มีสิทธิ์รักใครสักคน แม้เขาคนนั้นไม่รู้ ไม่สนใจแต่เขาก็เป็นกำลังใจให้กับเธอ ทำให้เธอมีความหวัง มีพลังก้าวไปข้างหน้า

“ถ้าเธอเปิดใจให้คนอื่น ๆ บ้าง เธอคงมีความสุขมากกว่านี้นะ”

“คงเป็นกรรมของฉันมั้งวิลาวัลย์”

สายบัวกระดกเหล้าหมดแก้ว แล้วจ้องมองไปบนเวที ความรู้สึกสับสนชั่วดีแล่นเข้ามา และเสียงเพลงแว่วหวานที่นักร้องขับกล่อมก็ทำให้เธอชื่นมาชั่วขณะ

“เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย แอบรักดอกทานตะวัน แรกแย้มยามบาน อวดแสงตะวัน ช่างงดงามเกินจะเอ่ย ดอกเหลืองอำพัน ไม่หันมามอง แม้เหลียวมา ยังไม่เคย ไม้ขีดเจ้าเอ๋ย เลยได้แต่ฝัน ข้างเดียว”

“โลกกลมจริง ๆ ไม่คิดว่าจะได้พบสายบัวที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กดีของคุณชวนชมจะดื่มเป็นด้วย” สายตาของคุณอารักษ์มองสายบัวอย่างกระหยิ่มใจ

“คุณอารักษ์มากับใครหรือคะ” วิลาวัลย์ชวนคุยด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย

“มาคนเดียวครับ แต่ไม่เคยกลับคนเดียวสักที”

“ถ้าคุณอารักษ์กลับบ้านคนเดียว วันนั้นพระอาทิตย์คงไม่กล้าขึ้นจากขอบฟ้าหรอกค่ะ”

“ชื่อเสียงผมดีขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“ก็ดีขนาดสาว ๆ ส่วนใหญ่มองตาเป็นมันหากเห็นคุณอารักษ์เดินมา” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ พลางจ้องมองคนที่พยายามไม่สนใจคนที่ยืนอยู่



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 เม.ย. 2554, 21:34:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 เม.ย. 2554, 21:34:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 2127





<< ตอนที่ 10   ตอนที่ 12 >>
ก้อนอิฐ 15 เม.ย. 2554, 22:03:14 น.
คุณอารักษ์แอบแรง.....แต่ไม่บอกเค้าไปตรงๆ

คุณหมอ...ก็ยังมีเวลาว่างมาปล่อยอารมณ์อีกนะคะ


Pat 16 เม.ย. 2554, 10:19:04 น.
สายบัว ความหวังมีได้ แต่อย้่่าใช้้ำทำลายตัวเองนะ ไหนๆก็เดินมาถูกทางแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account