Missing Love
(ภาคต่อของพาย) เมื่อเขาทำรักหายไปจนมาเจอเธอ และเธอตั้งใจพลาดความรักเพื่อความสำเร็จ แล้วเขาจะทำให้เธอหันมาสนใจความรักได้อย่างไร
Tags: พาย แจ็คลีน

ตอน: ML003

Missing Love ตอนที่ 3

แต่ละครอบครัวย่อยเริ่มเข้ามาในส่วนคฤหาสน์ธีโอฟาสเต้ ลีโอเนลพามาแต่แม่ และไม่ยอมให้พ่อมาด้วย เพราะกลัวจะมีเรื่องไม่ดีมากกว่าที่ควร ส่วนน้องสาวเขาไม่อยู่ ร็อกแซนได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจยาว เมื่อได้เจอน้องชายคนที่สามและสี่ จนกระทั่งน้องชายคนสุดท้าย

“มันเกิดเรื่องได้ยังไง” ร็อกแซนถามน้องชายคนที่สามก่อน

“ก็เพราะใครบางคนไม่รู้จักสั่งสอนให้ลูกชายหัวเองหุบปากน่ะสิ” กาเบรียลตอบพี่สาวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ต้องตอบ

“แก่ๆ กันแล้ว ท่านพี่ทั้งสองยังไม่เลิกทะเลาะกันอีกเหรอครับ” แอนโตเนย์ส่ายหน้าช้าๆ

“เรื่องนี้หนูไม่ผิดนะคะ ท่านพ่อท่านแม่ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” อันนาเอลรีบบอกพ่อแม่ตัวเอง แก้ตัวอย่างใจเย็น

“เอาเถอะ มันก็เป็นเรื่องไปแล้วล่ะนะ” แอนนาเบลมองเพื่อน ลูกๆ และหลานๆ ของสามีแล้วส่ายหน้า

“ผมบอกแม่แล้วว่าผมไม่ได้ทำอะไร แม่ก็ไม่เชื่อ เรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยแล้วก็ลามปามใหญ่โตน่ะครับ แค่นั้นจริงๆ” ลีโอเนลพยายามอธิบายให้แม่ฟังตั้งแต่แรกแล้ว เขาคอยกันไม่ให้พ่อเข้ามายุ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย เพราะมองดูเป็นเรื่องไร้สาระ

“เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะท่านพี่ซีริลหาเรื่องท่านพี่แจ็คลีนก่อนนะคะ” อันนาเอลบอกพ่อแม่ถึงต้นเหตุเรื่องราวทั้งหมด

“นี่เธอหาว่าฉันหาเรื่องแจ็คเหรอ ฉันเปล่าเลยนะ แค่จะชวนไปเล่นเทนนิสเพื่อผ่อนคลายบ้างก็เท่านั้น” ซีริลแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

“ผ่อนคลายอะไรล่ะ ก็ว่าท่านแม่ของท่านพี่แจ็คลีนป่าวๆ ยั่วโมโหชัดๆ ท่านพี่แจ็คลีนก็ฉุนขาดน่ะสิ” อันนาเอลพูดความจริง “อย่าปิดปากน้องนะ เพราะน้องได้ยินเต็มๆ เลย ต้องให้พูดไหมว่าพูดอะไรบ้างน่ะ”

ซีริลมองอันนาเอลแบบเข่นเขี้ยว ขณะที่เรมองด์รู้สึกเหมือนเห็นภาพในอดีต เพราะน้องชายเขาก็ปกป้องพี่ชายคนที่สามแบบนี้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“พอเถอะๆ เรื่องมันแล้วไปแล้วก็น่าจะจบกันนะ” พายพยายามไกล่เกลี่ย ไม่อยากให้เด็กทะเลาะกันมากกว่าเดิม เรื่องผู้ใหญ่ตีกันเป็นปัญหาโลกแตก

“ทำเป็นพูดดี เธอน่ะตัวดี สอนลูกไม่ให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ น่าจะสอนให้เคารพคนที่อายุมากกว่าบ้าง” เรมองด์ได้ทีก็ยอกย้อนพายเข้าให้

“จะมากไปแล้วนะ เรมองด์ ที่แจ็คไม่เคารพลูกนาย ก็เพราะลูกนายมันทำตัวไม่น่าเคารพล่ะสิ นายควรจะทำเป็นตัวอย่างก่อนนะ ไม่งั้นก็ไม่มีสิทธิมาว่าลูกฉัน เพราะแม้แต่นาย ยังไม่รู้จักเคารพคนที่เป็นพี่อย่างฉันเลย” กาเบรียลก็ย้อนรอยแทนภรรยา

เรมองด์เถียงไม่ออกจึงทุบกำแพงไม้ใกล้ๆ เสียงดัง

“ท่านลุงไม่ควรว่าท่านพ่อของผม” ซีริลออกปากปกป้องพ่อตัวเอง

“ทำไมจะไม่ได้ ก็ท่านลุงเรมองด์ทำตัวแบบนั้นจริงๆ นี่” แจ็คลีนได้ทีก็ปกป้องพ่อตัวเองเหมือนกัน

“หยุดนะ!! ฉันต้องคอยห้ามพวกเธออีกสักกี่ครั้งกันนะ เจอหน้ากันทีไร ไม่ทำเรื่องหนึ่งก็ทำเรื่องหนึ่ง ยังไงท่านปู่ท่านย่าของพวกเธอก็อายุมากแล้วนะ อย่าทำให้ท่านทั้งสองคนต้องเครียดเรื่องลูกหลานได้ไหม ท่านพี่ฌองจะไม่ห้ามหลานๆ เลยเหรอคะ” ร็อกแซนต้องออกปากแทนพี่ชายที่เงียบอยู่นาน

“ห้ามก็เท่านั้น เดี๋ยวๆ ก็เอาอีก แก่แล้วอยากเถียงอะไรกันก็เถียงกันให้พอเลย” ฌองโอบไหล่ภรรยาแล้วไม่สนใจ ทั้งหมด แม้แต่อองรีลูกชายคนเล็กของเขา ก็ยังต้องส่ายหน้า เพราะทั้งหมดเจอหน้ากันทีไรเป็นต้องทะเลาะกันทุกครั้งไป

“แก่กะโหลกกะลา” พายส่ายหน้าช้าๆ

“นี่เธอว่าฉันเหรอ” กาเบรียลฟังภาษาไทยออก จึงถามภรรยาอย่างมึนๆ

“ก็มันจริงไหมล่ะ เจอหน้าเป็นทะเลาะกันทั้งปีทั้งชาติ ถ้านายไม่อยากแก่กะโหลกกะลาก็หยุดเถอะ นายก็รู้ว่าน้องนายน่ะเห่าเก่งกว่าหมาอีก จะไปแข่งกับมันให้เหนื่อยทำไม ลูกสาวแม่ด้วย พอได้แล้ว อย่าลดตัวลงไปทำเหมือนเขาสิ” พายพูดกับลูกสาวเป็นภาษาไทย

แจ็คลีนฟังแล้วพยักหน้า ก่อนหลุดปากพูดเป็นภาษาฝรั่งเศส “ค่ะ หนูลืมไป ไม่น่าลดตัวลงไปต่อปากต่อคำด้วยเลย รักท่านแม่จังเลยค่ะ”

“นี่เธอว่าฉันต่ำต้อยกว่าเธอเหรอ จะมากไปแล้วนะ แจ็คลีน ยังไงฉันก็อายุมากกว่าเธอนะ” ซีริลกำลังจะต่อปากต่อคำอีกหลายคำ ปู่กับย่าเข้ามาเมื่อรู้จากพ่อบ้านว่าลูกหลานกำลังปะทะคารม

“พอสักที หัดอายคนอื่นเสียบ้างนะ คนในครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ต้องให้ทะเลาะกันไปจนตายหรือไง” ธีโอดอร์พูดกับหลานชายและมองหลานสาวอย่างดุๆ เช่นกัน

“ไปทานข้าวกันเถอะ” บอนแนร์เบื่อปัญหาระหว่างลูกคนที่สามกับลูกคนที่สี่มากพอกับสามี แต่กระนั้นก็ต้องทำใจเพราะยังไงก็รักลูกทั้งคู่ไม่น้อยไปกว่ากัน

ทั้งหมดจึงยุติเรื่องเหล่านี้ชั่วขณะ และตลอดเวลาที่ทานอาหารต่างก็โดนธีโอดอร์คอยห้าม ไม่ให้พูดเรื่องที่ทะเลาะกันอยู่ จึงทำให้ทานอาหารผ่านไปด้วยดี จนกระทั่งโดนเรียกไปยังห้องนั่งเล่น

“ขอให้หยุดเรื่องที่สโมสรแค่นี้ อย่าได้ทะเลาะกันอีกเลย ยังไงก็สายเลือดเดียวกัน” ธีโอดอร์พูดขึ้น หลังจากได้เครื่องดื่มสุดท้ายกันแล้ว

แจ็คลีนรับคำก่อนใคร และพูดขอโทษซีริลขึ้นก่อน “ขอโทษที่พูดไม่ดีถึงแม่ท่านพี่ซีริลค่ะ” เวลาพูดเธอมองไปยังปู่มากกว่าจะมองไปยังซีริล

“เธอไม่ตั้งใจพูดก็ไม่ต้องพูดก็ได้นะ” ซีริลพูดอย่างหาเรื่อง

“ท่านพี่ซีริลน่าจะขอโทษท่านพี่แจ็คลีนนะคะ เพราะท่านพี่ก็พูดไม่ดีถึงท่านแม่ของท่านพี่แจ็คลีนเหมือนกัน” อันนาเอลพูดขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าซีริลไม่ยอมขอโทษ

“ทำไมฉันต้องขอโทษในเมื่อฉันพูดความจริง” ซีริลดื้อแพ่งไม่ยอมขอโทษขึ้นมาซะงั้น

“ช่างเถอะ แอน คนเรามารยาทไม่เหมือนกัน แม้จะเกิดในตระกูลเดียวกัน แต่การอบรมก็แตกต่างกันอยู่นั่นแหละ คนเราถึงมีสามัญสำนึกที่แตกต่างกันไง” แจ็คลีนพูดพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อยอมถอยแล้ว อีกฝ่ายไม่ถอยเธอก็ไม่จำเป็นต้องยอมให้อีก

“เอาน่า แต่ขอแก้ข่าวนิดนึงนะ ฉันไม่เคยสอนให้ลูกสาวฉันมีอะไรกับผู้หญิงด้วยกัน เพราะงั้นอย่าพูดความไม่จริงออกมาอีกล่ะ ไอ้เด็กปัญญาอ่อน” พายพูดขึ้นทำให้ซีริลโกรธขึ้นมาทันที

“กล้าพูดได้นะ อาจจะทำจริงก็ได้ใครจะรู้” เรมองด์เข้าข้างลูกชาย

“หลานพูดแบบนี้กับแจ็คลีนเหรอเนี่ย เรมองด์ แทนที่ลูกจะดุลูกชายตัวเองกลับให้ท้ายแบบนี้ ลูกนั่นแหละที่ใช้ไม่ได้” บอนแนร์ฟังแล้วก็เริ่มเข้าใจเหตุการณ์ขึ้นมาทันที

“หนูเป็นพยานได้ค่ะ ท่านพี่ซีริลยังพูดเรื่องไม่งามต่อหน้าท่านพี่แจ็คลีนอีกหลายคำ” อันนาเอลเข้าข้างลูกพี่ลูกน้องอย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นเรื่องความถูกต้อ งเธอก็ไม่ยอมเหมือนกัน

“พอ แอน อย่าทำให้เรื่องมันไปกันใหญ่ได้ไหม” แอนนาเบลดุลูกสาว

“แต่ท่านแม่คะ ท่านพี่ซีริลไม่มีน้ำใจนักกีฬา ท่านพี่แจ็คลีนอุตส่าห์พูดขอโทษก่อน ทั้งที่ท่านพี่ซีริลเป็นคนเริ่มพูดจาไม่ดีก่อน ท่านพี่ซีริลก็ควรถูกอบรมด้วยสิคะถึงจะถูก นิสัยเสียจะได้ไม่ติดตัวไปจนตาย” อันนาเอลพูดตามตรงจนแอนโตเน่ย์ต้องยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองเพื่อปิดบังรอยยิ้ม เพราะดูเหมือนลูกสาวจะกล้าพูดไม่แตกต่างจากแม่เท่าไรนัก

“นี่เธอว่าพี่เหรอ แอน” ซีริลเป็นตะลึงเพราะน้องสาววัยสิบสามกำลังพูดจาว่ากล่าวเขา

“เปล่าค่ะ แอนก็เพียงพูดความจริง ท่านพี่อายุสิบแปดแล้วทำไมไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เลยละคะ การพูดจาหาเรื่องพี่น้องที่เป็นสุภาพสตรีเป็นเรื่องไม่ดีนะคะ อีกอย่างเงินเดิมพันที่ลงเอาไว้ อย่าลืมจ่ายด้วยนะคะ” อันนาเอลเตือนทุกอย่างพร้อมกัน

“ช่างสอนลูกนักนะ แอนโตเน่ย์ นายให้ลูกมาว่าลูกพี่ป่าวๆ แบบนี้ได้ยังไง” เรมองด็หันไปดุน้องชายบ้าง

“ท่านพี่อย่าเปลี่ยนเรื่องดีกว่า แอนน่ะ ยังเด็กก็จริงแต่ก็คิดอ่านได้เอง ในเมื่อลูกท่านพี่เป็นคนยกเรื่องพูดความจริงมาพูดเอง ไม่ใช่แอนเริ่มก่อนนะครับ อีกอย่างท่านพี่ก็ไม่ควรสอนให้ลูกตัวเองพูดว่าป้าสะใภ้ คนที่น่าจะอายน่าจะเป็นท่านพี่มากกว่า” แอนโตเน่ย์พูดขึ้นประเด็นเช่นเดียวกับพี่ชาย และโอบไหล่ลูกสาวราวกับสนับสนุนกันเต็มที่

“พอซะทีได้ไหม ทะเลาะกันอีกจนได้” ร็อกแซนนั้นนึกอายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะแต่ไหนแต่ไร ลูกหลานบ้านนี้ก็เริ่มแบ่งพรรคแบ่งพวก

“ท่านแม่ครับ ผมว่าแอนพูดถูก คนเราเมื่อได้พูดอะไรไปก็ควรจะรู้จักรับผิดชอบสิ่งที่พูด ซีริลพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามศักดิ์ศรีของน้าสะใภ้ แล้วยังแจ็คลีนอีก พอแข่งเทนนิสแพ้แจ็คลีน ยังพูดจาหาเรื่องอีก แจ็คลีนปกป้องศักดิ์ศรีของแม่ตัวเอง ยังโดนหาเรื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก เนี่ยไม่เรียกว่าสุภาพชนหรอกนะครับ” ลีโอเนลที่เป็นหลานชายคนโตพูดแจกแจงด้วยอีกคน ทำให้ทุกคนเงียบไปถนัด

เรมองด์กัดกรามแน่นมองลูกชายแล้วส่ายหน้า ก่อนออกคำสั่ง “ขอโทษทั้งสองคนซะ”

ซีริลมองหน้าพ่อ ก่อนจะสะบัดหน้าหนี และพูดอย่างไม่เต็มใจนัก “ขอโทษ”

“อย่าลืมเรื่องเงินพนันด้วยนะคะ” อันนาเอลทักทวงตามประสาเด็ก

“รู้แล้วน่า” ซีริลบ่นๆ ก่อนหันไปทางอองรี “ท่านพี่เอาให้แจ็คกับแอนสิครับ”

อองรีหยิบเช็คเงินสดทั้งสามใบออกมาแล้วยื่นให้แจ็คลีน “เธอกับแอนเอาไปแบ่งกันเองก็แล้วกันนะ”

“แหม เป็นการพนันที่ไม่ค่อยคุ้มแต่ก็ดีค่ะ” อันนาเอลแบ่งกับแจ็คลีนคนละพันยูโร

“เอาส่วนของท่านพี่ซีริลไปหมดเลยละกัน ขอบใจที่ช่วยพูดให้พี่นะ” แจ็คลีนหอมแก้มน้องสาวทั้งสองข้าง หยิบแต่เช็คของตัวเองคืนแล้วส่งเช็คอีกสองใบส่งให้น้องสาว

“ขอบคุณค่ะ ท่านพี่แจ็คลีน” อันนาเอลรีบกระโดดเข้ากอดพี่สาว ก่อนจะเอาเช็คมายื่นให้แม่เก็บไว้

“ลูกเอาเงินสองพันยูโรมาจากไหน แม่ไม่เคยให้ลูกมีเงินติดตัวเยอะแบบนี้นะ” แอนนาเบลดูตัวเลขบนเช็คแล้วนึกอยากตีลูกสาวนิดๆ

“หนูก็แอบเก็บไว้บ้างค่ะ ก็ท่านแม่เก็บเงินหนูเข้าธนาคารหมดเลยนี่คะ” อันนาเอลแก้ตัวได้น่ารัก ก่อนจะยิ้มสวยให้กับพ่อ

“เอาล่ะ เรื่องที่เกิดขึ้น ทางสโมสรขอไม่ให้เราไปที่นั่นสามอาทิตย์แทนการตักเตือนนะ ปู่ขออย่าให้พวกเราก่อเรื่องอีกก็แล้วกัน แค่รุ่นพ่อทะเลาะกันก็หนักพออยู่แล้ว รุ่นลูกก็อย่าได้ทะเลาะกันอีกเลยนะ อย่างที่ปู่บอกเสมอ ยังไงเราก็สายเลือดเดียวกัน” ธีโอดอร์ตักเตือนหลานๆ อีกเล็กน้อย มองหลานๆ จัดการปัญหาได้ก็โล่งใจ

“ลีโอเนล หลานเป็นพี่ใหญ่ของน้องๆ ได้ดีจริงๆ ลูกสอนลูกชายได้ดีมากนะ พูดแล้วก็นึกถึงกับซาร์ฌอง มิคาเอล แล้วก็พาทริค จะว่าไปวันนี้มอร์กานไม่มาเหรอ” ธีโอดอร์พูดถึงหลานคนอื่นๆด้วย

“มอร์กานอยู่อิตาลีค่ะ” ร็อกแซนบอกพ่อ เพราะลูกสาวส่งไปเรียนออกแบบด้านรองเท้าเมื่อเย็น

“พาทริคเข้าค่ายฝึกซ้อมร้องเพลงค่ะ” แอนนาเบลพูดแทนลูกชายที่เข้าค่ายร้องเพลงอยู่ยังไม่กลับ ขณะที่เจ้าคู่แฝดที่เป็นลูกสาวติดพ่อมากกว่าจะชอบร้องเพลง

ซาร์ฌองนั้นเป็นลูกคนโตของฌอง และเข้ารับราชการทหารเรืออยู่ในกองทัพฝรั่งเศส จึงไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไรนัก แต่ก็เป็นความภาคภูมิใจของปู่ย่า ที่มีหลานชายรักชาติ

“ท่านพี่มิคาเอลอยู่เมืองไทยค่ะ อาทิตย์หน้าถึงจะกลับ” แจ็คลีนพูดแทนพี่ชาย แล้วก็มองพ่อแม่ที่นั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไรอีกตั้งแต่ทุกอย่างสงบลง

เจ้าบ้านพูดอีกเล็กน้อย ก่อนปล่อยให้ลูกหลานกลับบ้านไปทำหน้าที่ของตัวเอง แม้ธีโอดอร์จะเสียดายเล็กน้อยที่ลีโอเนลเลือกครอบครัวทางพ่อ มากกว่าจะเข้ามาช่วยเหลือบริหารกิจการน้ำหอม หากเขาก็เข้าใจได้ เพราะลีโอเนลก็เป็นหลานชายคนเดียวของทางนั้น จึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงได้มาก ขณะที่มอร์กานรักแฟชั่นและคงไม่มีทางทำธุรกิจส่งออกแน่นอน

แจ็คลีนรอจนทุกคนกลับ ค่อยเดินเข้าไปหาปู่กับย่า แล้วก็ถอนสายบัวขอโทษอีกครั้ง “หนูเสียใจที่ก่อเรื่องในวันนี้ค่ะ หนูจะพยายามควบคุมตัวให้ดีกว่านี้”

“รู้ไหมว่าพ่อหนูกับพ่อซีริลก็ทะเลาะกันตั้งแต่เด็กจนโต ปู่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยจริงๆ ก็ขอให้หลีกเลี่ยงกันบ้างนะ สงสารซีริลบ้าง หลานก็รู้ว่าเขาต้องเจอกับอะไร” ธีโอดอร์เตือนหลานสาวอ้อมๆ

แจ็คลีนอยากพูดแต่ก็พูดไม่ได้นัก แม้จะเคยฟังแม่พูดมาหลายครั้ง เรื่องที่ไม่ควรหาเรื่องคนอื่นเพียงเพราะตัวเองมีปมด้อย การระรานคนอื่นไม่ใช่เหตุผลที่จะกลบเกลื่อนปมด้อยของตัวเอง

“หนูจะพยายามค่ะ” แจ็คลีนไม่รับปาก แต่ก็พูดได้เพียงแค่นั้น

“เฮ้อ ดีที่มิคาเอลไม่อยู่ พี่ของหลานคงต่อยปากซีริลอีกแน่” บอนแนร์รู้ว่าหลานชายคนนี้ไม่เคยยอมอ่อนข้อให้กับคนที่มาว่าพ่อแม่ ก่อนจะอ้าแขนทั้งสองข้างให้หลานสาวเข้ามาสู่อ้อมกอด “ต้องวางใจให้เย็นกว่านี้นะ หลานรัก อีกไม่กี่ปีหลานก็จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องรู้จักควบคุมตัวเองให้มากนะ”

“ค่ะ หนูจะพยายาม” แจ็คลีนไม่พยายามพูดโต้แย้งกับปู่ย่า เพราะรู้ดีว่าทั้งสองท่านไม่ชอบให้พูดโต้แย้ง จึงได้แต่รับคำและเดินไปขึ้นรถกับพ่อแม่

อองรีรับรู้เหตุการณ์อย่างเงียบๆ แจ็คลีนเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ฉลาดมากสำหรับเขา เธอรู้จักวางตัวในสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี แม้จะมีหลุดบ้างด้วยความที่ยังเด็กอยู่มาก ทว่าเขาเชื่อว่าสักวันแจ็คลีนจะต้องเป็นสุภาพสตรีชั้นสูงที่สง่างาม และน่านับถือได้อย่างแน่นอน

เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็ชักไม่แน่ใจว่า...อนาคตของเขาจะเป็นเช่นไร

******************************


เสียงเพลงไพเราะ บรรยากาศโรแมนติก ในร้านอาหารหรูกลางใจกรุงปารีสเป็นสถานที่ที่ผู้ใหญ่มักนัดพบพูดจากันตามโอกาสอันควร เขาไม่เข้าใจว่าเธอมาที่นี่เพื่ออะไร เพราะเธออายุเพียงสิบหกเท่านั้น

เขามองไปตรงทางเข้า และแอบสืบจนรู้ว่าเธอนั่งที่โต๊ะไหน เขาเลือกนั่งที่โต๊ะใกล้ๆ และหันหลังให้กับโต๊ะของเธอ เขาเห็นเธอเดินเข้ามา พร้อมกับเด็กหนุ่มผมสีแดง ท่าทางกรุ่มกริ่ม ดูเก้ๆ กังๆ ราวกับไม่ชอบสถานที่ที่เป็นทางการแบบนี้

เธอมองเคลย์ตันที่นั่งลงโดยไม่ดึงเก้าอี้ให้เธอ แล้วก็ได้แต่ส่ายหนน้า ก่อนจะปล่อยให้กัปตันห้องอาหารเลื่อนเก้าอี้ให้เธอ เธอนั่งลงแล้วมองเมนูเพื่อสั่งอาหารเรียกน้ำย่อย ก่อนจะมองเคลย์ตันที่ท่าทางเบื่อๆ เซ็งๆ

“ทำไมเราไม่ไปนั่งร้านที่ดูสบายๆ มากกว่านี้นะ” เคลย์ตันพูดกับเธอเมื่อมีโอกาส

“ร้านโปรดของฉัน” แจ็คลีนแกล้งพูดไปอย่างนั้น เธอรู้ว่าพ่อพาแม่มาบ่อยๆ ถึงแม่จะไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก แต่ที่นี่เป็นร้านโปรดของพ่อ เพราะอาหารฝรั่งเศสที่นี่ได้ชื่อว่าเป็น...สุดยอดอาหารฝรั่งเศสเลยทีเดียว

“จริงๆ ถ้าเราทานอาหารร้านที่สบายๆ กว่านี้ เธอก็จะได้ผ่อนคลายด้วยไง จากนั้นเราก็ไปเที่ยวผับต่อ เธอคงรู้จักผับดีๆ สินะ” เคลย์ตันยังหวังให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปโดยไว

“ไม่รู้จักสักที่ ฉันไม่ได้รับอนุญาต ให้ไปในสถานที่แบบนั้นยามวิกาลจนกว่าจะอายุสิบแปด ถึงเธอจะอายุสิบแปดไม่เท่าไร แต่เธอคงเที่ยวมาเยอะพอดูสินะ” แจ็คลีนพูดประชดนิดๆ เพราะรู้ข่าวมาพอสมควร หลังจากพยายามหลีกเลี่ยงแต่ก็ต้องมา เพราะเจอกับลอเรตต้าโดยบังเอิญ และก็โดนจับนัดให้แบบไม่ตั้งใจนัก

เธออาจปฏิเสธได้...แต่ก็ต้องการให้เคลย์ตันเลิกวุ่นวายกับเธอด้วย

“อาหารที่นี่ก็แพงมากด้วยนะ แค่ไวน์ก็หลายยูโรแล้ว แต่ช่างเถอะ พ่อแม่ฉันจ่ายไหวอยู่แล้วล่ะ” เคลย์ตันยักไหล่นิดๆ ราวกับจะอวดรวยใส่เธอ ให้เธอเห็นว่าเขาสามารถจ่ายได้และเป็นหนุ่มที่น่าสนใจ

ผิดกับความคิดจริงๆ ของแจ็คลีน เพราะเธอรวยพอสมควร จนไม่สนใจเงินทองของฝ่ายชาย และระหว่างการสนทนาก็น่ารำคาญ เพราะเคลย์ตันพูดสองแง่สองง่ามกับเธอตลอดเวลา

“พอทีเคลย์ตัน ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเสียมารยาทกับฉันแบบนี้ พูดแต่เรื่องชวนขึ้นเตียง ในสมองของนายมีเรื่องอื่นบ้างไหม” แจ็คลีนก็สิ้นสุดความอดทน เมื่อถูกชวนกลับบ้านหลายครั้ง

“โธ่! เธอก็เครียดเกินไป ฉันก็พูดเล่น แหย่นิดๆ น่า อย่าคิดมากสิ” เคลย์ตันยิ้มไม่สนใจเท่าไรนัก รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าเบื่อกว่ารูปลักษณ์ที่เห็น ถ้าไม่ติดว่าสวยรวยเก่งล่ะก็ เขาก็ไม่อยากจะสนใจเท่าไรนัก เพราะนอกจากคุณสมบัติทั้งหมด แจ็คลีนเป็นผู้หญิงที่น่าเบื่อเอาการ

โชคดีที่อาหารมาลงโต๊ะ แจ็คลีนจึงทานอาหาร เพื่อลดความเบื่อหน่าย และทุกวินาที เธอก็หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะยอมมาทานอาหารค่ำกับเคลย์ตัน

ทรงธรรมค้นพบว่า เขามีความอดทนอย่างเหลือเชื่อ ที่ต้องฟังเด็กหนุ่มที่เธอมาด้วย คอยเกี้ยวเธอในเชิงทะลึ่งอยู่หลายครั้ง และพบว่า เธอมีความอดทนที่จะลดลงได้เรื่อยๆ เช่นกัน แม้เขาจะสังเกตเห็นว่าเธอพยายามอดทนแค่ไหน

“ไปเต้นรำกัน เธอ” เคลย์ตันยื่นมือให้เธอ เดินออกไปบนฟลอร์เต้นรำ

เมื่อเต้นรำไปสักพัก แจ็คลีนก็ค้นพบว่าเคลย์ตันเต้นรำได้ห่วยแค่ไหน และเมื่อถึงเพลงช้า เคลย์ตันลดมือลงบีบสะโพกเธออย่างแรงจนเธอสุดจะทน ผละออกจากเขา และตบหน้าเขาอย่างแรง

“ไปตายซะ!” แจ็คลีนเดินออกจากฟลอร์ทันทีแล้วกลับมายังที่โต๊ะ เก็บข้าวของและเตรียมออกไปจากห้องอาหาร แต่ทรงธรรมจับข้อมือเธอเอาไว้

“คุณอีกแล้วเหรอ” แจ็คลีนจำได้ทันทีว่าใคร และพยายามสะบัดมืออย่างเร็ว

“ปล่อยมือคู่ควงผมนะ” เคลย์ตันเข้ามาผลักอกทรงธรรมที่นั่งอยู่ และยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมือแจ็คลีนง่ายๆ

“อะไรกัน!” ชายหนุ่มผมสีทองอีกคนเข้ามาแทรกกลาง และมองแจ็คลีนอย่างตำหนิ ก่อนจะพูดกับฝ่ายชาย “ปล่อยมือแจ็คลีนเดี๋ยวนี้นะ กล้าดียังไงมาจับมือถือแขนสุภาพสตรีแบบนี้”

“ใช่” เคลย์ตันมองดูชายหนุ่มหน้าตาดีผมสั้นสีทองแล้วนึกว่าเจอพวก

“คุณด้วย ถอยไปให้ห่างจากแจ็คลีน คุณทำตัวไร้มารยาทอย่างที่สุดกับมาดมัวแซลธีโอฟาสเต้ได้ยังไง” อองรีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนมองที่มือของทรงธรรมเป็นเชิงย้ำเตือนอีกครั้ง

“แกยุ่งอะไรด้วยวะ” เคลย์ตันเห็นว่าอีกฝ่ายเข้ามายุ่งก็หาเรื่องด้วย

“อเมริกัน!” อองรีพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก ก่อนจะจับมือแจ็คลีนแยกจากทรงธรรม แล้วหันไปทางคู่ควงที่มาด้วย “รอที่โต๊ะก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องญาติผมก่อน”

“อย่ายุ่งน่า อองรี ฉันจัดการทุกอย่างได้” แจ็คลีนพูดกับญาติผู้พี่ ก่อนจะหันไปทางเคลย์ตัน “หวังว่าคงไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีกนะ แล้วก็คุณด้วย อย่ายุ่งกับฉันอีก”

แจ็คลีนเดินไปหยิบกระเป๋าของตนเอง ก่อนพยักหน้ากับผู้ติดตาม ผู้ติดตามคนหนึ่งจ่ายเงินค่าอาหารแล้วเดินตามแจ็คลีนออกไปทันที

อองรีมองหนุ่มชาวไทยที่เข้ามาวุ่นวายกับญาติเขา ก่อนจะเดินตามญาติไปจนทันและคว้าแขนเอาไว้ “เธอจะรีบไปไหนของเธอน่ะ”

“ฉันก็จะกลับบ้านฉันน่ะสิ แค่นี้ยังขายหน้าไม่พออีกหรือไง” แจ็คลีนบอกก่อนจะยืนกอดอกด้วยความหงุดหงิด

“ผู้ชายแบบนั้น เธอยังออกมากับมันได้ นึกอายเป็นด้วยเหรอ ไม่คิดเลยว่าหลานรักของท่านปู่ท่านย่าจะทำตัวได้เสื่อมเสียแบบนี้” อองรีได้ทีตำหนิญาติอย่างรุนแรง

“เป็นบ้าอะไรของนาย! แค่มาทานอาหารค่ำกับผู้ชาย มันเสียหายตรงไหนไม่ทราบ แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นหลานรักของท่านปู่ท่านย่าด้วย ฉันก็เป็นหลานท่านเหมือนๆ กับนายแล้วก็หลานทุกคน คิดได้แค่นี้รึไง ฉันจะกลับล่ะ ไร้สาระ” แจ็คลีนรำคาญที่ญาติหลายคนคิดว่าการที่เธอได้อยู่ใกล้ชิดกับปู่ย่า เป็นเพราะเธออยากประจบเอาสมบัติ ไม่ใช่เพราะความรัก

“อย่าว่าฉันไร้สาระนะ เธอไม่มีสิทธิว่าฉันไร้สาระ” อองรีบีบแขนแจ็คลีนอย่างแรงจนเจ้าตัวเจ็บ

“ปล่อยนะ อองรี ฉันเจ็บ” แจ็คลีนพยายามแกะมือเขาที่กำลังโกรธ ก่อนจะย้ำ “ฉันเจ็บนะ”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ทรงธรรมเห็นผู้ติดตามเธอรีรอไม่เข้าไปช่วย เขาจึงเข้ามาช่วยแทน “จะยังไงคุณก็ไม่ควรทำเธอเจ็บแบบนี้นะ ผมว่าไม่ดีแน่”

“ยุ่งอะไรด้วย แจ็คลีนเป็นญาติฉัน” อองรีมองทรงธรรมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างดูถูก แต่ก็ได้สติมากพอจะปล่อยมือ แล้วเดินหนีอย่างรังเกียจ

แจ็คลีนนวดแขนข้างที่โดนอองรีจับเอาไว้ ก่อนจะพยักหน้ากับเบเนดิกซ์ “กลับกันเถอะค่ะ”

“ทำไมบอดี้การ์ดคุณถึงไม่ห้ามเขาล่ะ ถึงเป็นญาติกัน ก็ไม่น่าปล่อยให้เขาทำร้ายคุณ” ทรงธรรมถามอย่างสงสัย

“ฉันเพิ่งมีเรื่องกับญาติอีกคนคราวก่อน เบนช่วยฉันเอาไว้ แล้วโดนตำหนิอย่างแรง ครั้งนี้ฉันเลยห้ามเขาเอาไว้น่ะ ขอบคุณคุณที่ช่วยฉันเอาไว้ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก อองรีเป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉัน เขาไม่ทำอะไรฉันหรอก” แจ็คลีนบอกเขา ก่อนนึกขึ้นได้ “คุณตามฉันมาจากเมืองไทยเหรอ”

ทรงธรรมหัวเราะนิดๆ ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ “ก็ไม่เชิงหรอก แต่ครั้งก่อนยังไม่ได้คุยกับคุณเลยนี่ ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไมคุณหลบหน้าผม แต่ผมไม่คิดจะทำอะไรในเชิงชู้สาวกับคุณหรอกนะ จริงๆ ตอนนั่งอยู่ที่โต๊ะ ได้ยินคุณคุยกับเด็กหนุ่มคนนั้น แล้วก็อยากต่อยสักหมัด เพราะพูดจาไม่ให้เกียรติคุณสักนิด”

“ช่างเถอะ ฉันก็พยายามอดทน แม่เขากับแม่ฉันเป็นเพื่อนกันน่ะ เฮ้อ ดูจากความพยายามของคุณแล้ว เอาเถอะ ในเมื่อคุณอยากจะคุยกับฉันนักละก็” แจ็คลีนหยุดคำพูดเอาไว้ คิดทบทวนก่อนจะถามอีกครั้ง “จากความพยายามของคุณน่ะ เราไปนั่งที่ลอบบี้โรงแรมใกล้ๆ นี่แล้วค่อยคุยกันก็แล้วกัน”

เบเนดิกซ์รับฟังแล้วพยักหน้ากับคนอื่น ก่อนเดินตามเจ้านายไปยังรถ “คุณคงมาถูกนะคะ” เธออธิบายทางแล้วก็ขึ้นรถ ก่อนจะออกรถไปยังโรงแรมใกล้ๆ นี้

เมื่อถึงลอบบี้โรงแรม แจ็คลีนนั่งอยู่ก่อนแล้วรอเขา จนกระทั่งเขาเดินเข้ามา เธอก็ลุกขึ้นยืนให้ แล้วต่างฝ่ายต่างก็นั่งลงพร้อมกัน

“ว่ามาสิคะ” แจ็คลีนถามขึ้น

“ผู้ชายคนที่คุณไปทานอาหารด้วยเป็นเพื่อนชายของคุณหรือเปล่า” ทรงธรรมถามสิ่งที่อยากจะรู้ตรงๆ

“ไม่ใช่ค่ะ ก็แค่คนรู้จักกัน ทำไมคุณต้องสนใจเรื่องผู้ชายที่ฉันรู้จักหนักหนานะคะ ในเมื่อคุณไม่ได้คิดกับฉันแบบชู้สาว และเป็นเรื่องที่ไม่ควรคิดอย่างยิ่ง เพราะว่าฉันยังอายุไม่ถึงสิบแปด” แจ็คลีนเบื่อจะพูดอ้อมค้อมก็พูดตรงๆ จะได้ไม่ต้องมามัวอ้ำอึ้งกันอยู่ เธอเจอเรื่องมามากพอแล้วสำหรับคืนนี้

“บอกตามตรง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่สนใจ ยังไม่ได้คิดละเอียดมาก และคิดว่าผมกับคุณก็เป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอ” ทรงธรรมหาทางเป็นเพื่อนกับเธอก่อนที่จะคิดมากเรื่องอื่น ด้วยวัยของเธอ เขาก็ว่ายังไม่เหมาะสมที่จะคิดแบบอื่นนอกจากเพื่อน

“เพื่อน?” แจ็คลีนฟังแล้วก็อึ้งๆ ไปเช่นกัน ไม่คิดว่าเขาจะมาในแนวเพื่อน “ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนมากนักหรอกค่ะ คนวัยเดียวกัน เขาคิดว่าฉันน่าเบื่อ นอกจากเป็นตุ๊กตาสวยๆ ให้มอง ที่เหลือน่าเบื่อหมด เพราะฉันหาเงินได้มากกว่า สนใจแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องสำหรับพวกเขา แต่ช่างเถอะ ถ้าคุณคิดจะเป็นเพื่อนกับฉันจริงๆ คงไม่เสียหายอะไร”

“ค่อยโล่งอกหน่อย รู้ไหมมีแต่คนคิดว่าผมจะเข้าหาคุณ เพราะผมชอบเด็กเอ๊าะๆ แต่บอกได้เลย ผมไม่ได้คิดแบบนั้น แค่คิดว่าได้รู้จักคุณก็เป็นเรื่องที่เพลินดี” ทรงธรรมบอกตามตรงอย่างที่เขารู้สึก

แจ็คลีนค่อยยิ้มออกได้ ก่อนจะยื่นมือที่สวมถุงมือลูกไม้ยาวออกมาจับมือกับเขา “เป็นเพื่อนกัน”

“เป็นเพื่อนกัน” ทรงธรรมหัวเราะอย่างเอ็นดู ที่ดูเหมือนเธอจะเข้าใจอะไรง่ายขึ้น เขาจับมือเธออย่างเป็นมิตร ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ดึกแล้วยังไม่กลับบ้านพ่อแม่ไม่ว่าเอาเหรอ”

“ไม่ค่ะ ก็มากับเบน ท่านไม่ว่าหรอกค่ะ อีกอย่างยังไงก็คงยังไม่นอน รอพี่ชายก่อนค่ะ” แจ็คลีนบอก เพราะรู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงพี่ชายคงลงจากเครื่อง

“พี่ชายไปเที่ยวกลับดึกยังรออยู่อีกเหรอ” ทรงธรรมถามราวกับเธอเป็นเด็กเล็ก

“ไม่ใช่ค่ะ พี่ชายกลับมาจากเมืองไทย บอกว่าวันนี้จะซื้อของมาฝาก จริงๆ ก็ไม่ให้รอแต่ฉันรักพี่ชายมาก แล้วก็คิดถึงมากด้วย ปกติไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน พี่ชายฉันเป็นสมาชิกวงร็อค ต้องออกคอนเสิร์ตแล้วก็ทัวร์ไปทั่วค่ะ” แจ็คลีนบอก ก่อนบอกให้เบเนดิกซ์สั่งนมให้ดื่ม

“ขอผมด้วยได้ไหมครับ มาที่นี่ ถ้าไม่ได้อรัญ ผมก็ไม่รู้จะสั่งอะไรเหมือนกัน พูดภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยมีใครตอบเท่าไร” ทรงธรรมบอกเธอตามจริงแบบไม่ต้องกลัวอาย เพราะการพูดจาเปิดเผยทำให้สานความเป็นเพื่อนได้ง่าย

“อย่างนี้แหละค่ะ เป็นปกติ” แจ็คลีนตอบสั้นๆ ก่อนจะนั่งนิ่งรอให้เขาเป็นฝ่ายพูด

ทรงธรรมเห็นเธอนิ่งก็รู้ว่าเธอไม่อยากเป็นคนเริ่มพูดก่อน จึงต้องคอยชวนคุย “พรุ่งนี้วันเสาร์คุณมีธุระที่ไหนไหม เผื่อคุณจะพาผมเที่ยวได้บ้าง”

“คุณคงไม่ได้มาปารีสเพื่อจะเที่ยวหอไอเฟลหรอกนะคะ” แจ็คลีนย้อนถามดักทางแล้วก็ยิ้มนิดๆ

“งั้นถามใหม่ ปกติวันหยุดคุณทำอะไร” ทรงธรรมถามใหม่ เพราะดูเหมือนเธอจะไม่อยากไปไหนกับใครสักเท่าไรนัก ถ้าไม่จำเป็น

“ปกติถ้าไม่ไปสโมสรกับคุณปู่ ก็จะอยู่บ้านค่ะ แต่พรุ่งนี้ฉันกับพี่ชายจะอยู่บ้านทั้งวันค่ะ คิดว่าคงไม่ไปไหนแน่ ถึงคุณจะชวน ฉันก็คงไม่ไป อย่างที่บอก ฉันกับพี่ชายไม่ค่อยมีเวลาร่วมกัน เพราะงั้นถ้ามีโอกาส เราก็จะหากิจกรรมทำด้วยกัน ว่าแต่คุณเถอะ อยู่ปารีสจะไปเที่ยวที่ไหนเหรอคะ” แจ็คลีนถามยิ้มๆ เพราะยังไงเธอก็คงไม่ไปกับเขาแน่นอน

ทรงธรรมเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเธอแล้วก็ได้ยิ้มเอ็นดู เหมือนเธอจะใสซื่อแต่ก็รู้ว่าเขาตั้งใจชวนเธอไปเที่ยว จึงต้องทำใจ เพราะเหตุผลของเธอก็ใช่ว่าจะไม่น่าฟังนัก

“ไม่รู้จะไปไหนดีเหมือนกันครับ มาตั้งอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ไปไหนเลย แต่จริงๆ ก็เพราะเมื่อก่อนเที่ยวจนทั่วแล้วมากกว่า ก็เลยไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนอีกดี กิจกรรมก็มีไม่มาก อยู่ที่โรงแรมหรือไม่ก็หาหนังสืออ่าน แต่ไม่เป็นไร วันอาทิตย์คุณคงว่างใช่ไหม” ทรงธรรมพูดไปหลายเรื่องจนวกกลับมาเรื่องเธอจนได้

แจ็คลีนมีท่าทีครุ่นคิดก่อนพยักหน้ารับ “ค่ะ”

“งั้นเป็นเพื่อนผมเดินเล่นหน่อยได้ไหม คงไม่เป็นไร ถ้าเพื่อนกับเพื่อนจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง” ทรงธรรมอธิบายก่อนที่เธอจะคิดมากกว่านั้น

“งั้นคุณคงสะดวกให้เบนกับคนอื่นๆ ไปด้วยสินะคะ” แจ็คลีนงัดไม้ตายออกมา เรื่องจะอยู่กับเธอตามลำพังคิดใหม่ได้เลย เพราะเธอก็ไม่ปรารถนาอยู่กับผู้ชายคนไหนตามลำพังเหมือนกัน

เท่าที่ฟังพ่อเล่า ทั้งพ่อ ทั้งแม่ และพี่ชายเธอเป็นกลุ่มคนที่เจ้าชู้พอควร ทั้งสามคนจึงกลัวว่าเธอจะกลายเป็นแพะรับบาปอยู่คนเดียว และจะกลายเป็นว่าถูกล่อลวงในเรื่องต่างๆ ไป

ทว่าแจ็คลีนก็มีคมเขี้ยวของตัวเองไม่น้อย เมื่อเธอปรารถนาจะอยู่กับพ่อแม่ และพี่ชายไปแบบโสดสนิท เธอจึงต้องตั้งมั่นใจแข็งให้มากที่สุด

“ตกลงครับ ดีเหมือนกัน จะได้ไม่มีใครว่าผมพยายามหลอกลวงคุณ” ทรงธรรมประเมินจากหลายครั้งที่เจอหน้ากัน เพราะแม้แต่คนสนิทเขายังเข้าใจอย่างนั้น มีหรือเธอกับคนใกล้ชิดเธอจะไม่คิดแบบนั้น

“ฉันคิดว่า ถ้าคุณไม่งานยุ่งมากนัก และอยากมาเที่ยวฝรั่งเศสสนุกล่ะก็ ลองเรียนภาษาฝรั่งเศสดูสิคะ เพลินดีนะคะ” แจ็คลีนนะแนะ ก่อนพูดคุยอีกเล็กน้อย มองเวลาแล้วเธอก็รู้ว่าควรกลับบ้าน จึงบอกลา

ทรงธรรมมองเด็กสาวแล้วยิ้มนิดๆ เป็นเด็กสาวที่ระมัดระวังตัวอย่างเหลือเชื่อ และไม่ทะนงตนเองจนประมาท ถึงแม้เรื่องที่มากับเด็กหนุ่มจะเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ แต่ดูๆ เธอก็เอาตัวรอดได้ดีไม่น้อย

******************************

สวัสดีค่ะ
สาวน้อยของเราก็หัวสมองว้าวุ่นได้ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายมาตลอดนะคะ

sirinda
คุณ ร้อยวจี --- มาโพสวันจันทร์กับวันพฤค่า อิอิ
คุณ anOO --- ไม่ค่อยได้ตื้อใคร แต่จะตื้อเฉพาะคนที่สนใจเท่านั้นค่า อิอิ
คุณ ตุ๊งแช่ --- 555+ คนแก่ก็นิสัยดีค่ะ
คุณ สายลมแห่งรัก --- ใช่ค่ะ อุอุ
คุณ หนอนฮับ --- แจ็คน่าจะถอดถุงมือแล้วขว้างใส่ จากนั้นก็ท้าดวลดาบกันแบบสมัยก่อนค่ะ อิอิ
คุณ XaWarZd --- แจ็คเป็นสาวจีบยากเหรอคะ อิอิ
คุณ tuktuk --- ^^ มาเรื่อยๆ ค่ะ อิอิ
คุณ Pat --- :D

jj-book
คุณ นอนดูดาว --- 555+วิธีที่ไม่ต้องเสียเวลาทะเลาะกันไงคะ อิอิ
คุณพี่ chakansi --- 555+ อย่าใช้กำลังเลยพี่สาว ใช้ความรักดีกว่า หงิหงิ

bloggang
คุณ คนชอบเที่ยว --- ค่า ^^



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ธ.ค. 2554, 11:03:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ธ.ค. 2554, 11:03:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1908





<< ML002   ML004 >>
sai 1 ธ.ค. 2554, 11:24:00 น.
โอ๊ยเจอญาติแบบนี้ อยากจะซัดปากแรงๆซะที หึยยย



maplezaa 1 ธ.ค. 2554, 12:16:21 น.
แจ็คหน้าจะซัดปากอองรีบ้างน่ะ

ญาติแต่ละคนหน้าซัดปากมากกก


tuktuk 1 ธ.ค. 2554, 12:17:20 น.
ธรรมชาติของครอบครัวใหญ่เนอะ


ตุ๊งแช่ 1 ธ.ค. 2554, 12:50:54 น.
ชีวิตสาวน้อยก็วุ่นวายไม่แพ้พี่ชายเลยแฮะ ...


ร้อยวจี 1 ธ.ค. 2554, 13:09:14 น.
ท่าทางจะมีนายคิดมากเพิ่มมาอีกคนหรือเปล่าเอ่ยค่ะ สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ


jink 1 ธ.ค. 2554, 13:35:56 น.
อองรีน่ารักที่สุด อิอิ ผิดมั้ยเนี่ยที่จะเปลี่ยนข้างไปชอบอองรีอ้ะค่ะ


kaeka 1 ธ.ค. 2554, 15:18:39 น.
แจ็คคงคิดว่าชีวิตมีแต่หุ้นยังง่ายกว่าอีก อิอิ


สายลมแห่งรัก 1 ธ.ค. 2554, 17:17:25 น.
เป็นสาวน้อยที่ฉลาดมาก


anOO 1 ธ.ค. 2554, 17:19:35 น.
ญาติๆ บ้านนี้ แรงๆ กันทั้งนั้นเลย


หนอนฮับ 1 ธ.ค. 2554, 23:48:02 น.
หนอยยยยยย...ญาติแบบนี้วอนโดนตบปากนะเนี่ย....แต่สวยๆ อย่างแจ๊คอย่าได้แคร์สื่อคะ....อย่าลดตัวไปยุ่งอย่างที่พายบอกแหละ ดีแระ


kaeka 2 ธ.ค. 2554, 13:15:37 น.
คุณเพลิงวารีจ๋า...โครงการหนังสือทำมือชุดแรกยังเลื่อนการจองต่อใช่รึเปล่าจ๊ะ ยังไม่หมดเขตใช่รึเปล่าจ๊ะ พอดีเพิ่งจะพ้นวิกฤตน้ำท่วมมาเลยจ้า ...จองไว้ในชื่อ t.kamon35นะจ๊ะ


Pat 4 ธ.ค. 2554, 20:33:21 น.
ญาติแบบนี้ตัดขาดไปเล้ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account