Missing Love
(ภาคต่อของพาย) เมื่อเขาทำรักหายไปจนมาเจอเธอ และเธอตั้งใจพลาดความรักเพื่อความสำเร็จ แล้วเขาจะทำให้เธอหันมาสนใจความรักได้อย่างไร
Tags: พาย แจ็คลีน

ตอน: ML004

Missing Love ตอนที่ 4

เช้าวันอาทิตย์เขาต้องนิ่งอึ้ง เพราะพี่ชายเธอยืนอยู่ไม่ห่างจากน้องสาวนัก และสายตาที่มองเขานั้นช่างน่าหวาดเสียวเสียเหลือเกิน เพราะดูเย็นชาเสียนี่กระไร

น้องสาวติดพี่ชายและพี่ชายยังหวงน้องสาวอีกด้วย...

“ไปสนามแข่งรถกับพี่ดีกว่าน่า” มิคาเอลบอกน้องสาวแล้วมองอย่างไว้เชิง

“ไม่ค่ะ แจ็คว่าจะไปดูหนังสือที่ร้านสักหน่อย ท่านพี่จะไปด้วยไหมคะ” แจ็คลีนกอดแขนพี่ชายแน่นเป็นเชิงอ้อน ผิดกับภาพที่ทรงธรรมเคยเห็น

“ไปสิ แล้วแต่แจ็คก็แล้วกัน วันนี้พี่ให้เวลาเต็มที่เลย” มิคาเอลพูดอย่างขวางนิดๆ เพราะไม่อยากให้คนอายุมากกว่าเป็นรอบเข้าใกล้น้องสาวเขานัก

ถ้าน้องสาวอายุสักยี่สิบ เขาอาจจะปล่อยไปบ้าง แต่นี่อายุยังไม่เข้าเกณฑ์ผู้ใหญ่ เขาก็ไม่อยากให้มีปัญหา หรือลองผิดลองถูกกับชีวิตจนเกินไปนัก

“คุณคงไม่ว่านะคะ” แจ็คลีนพูดแล้วยิ้มที่มุมปากนิดๆ ดูรั้นหน่อยๆ ซนนิดๆ ไม่ใช่บุคลิกผู้ใหญ่อย่างที่เขาเคยเห็นในตอนแรก

อารมณ์ที่แตกต่าง...สร้างสรรค์ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป

ทรงธรรมเดินตามเด็กสาวกับเด็กหนุ่มเข้าร้านหนังสือ ทานชากาแฟ โดยไม่พูดมากนัก ราวกับเขาเป็นส่วนเกิน และโดนมิคาเอลเหน็บแนมอยู่ในที เมื่อแจ็คลีนเผลอ

“ถึงคุณจะบอกกับแจ็คว่าคุณอยากเป็นเพื่อน แต่ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่เพื่อนหรอกนะ วันนี้อาจแค่เพื่อน วันหน้าผมว่าคุณหวังมากกว่าเพื่อน” มิคาเอลพูดเมื่อน้งสาวขอตัวไปห้องน้ำ

“วันหน้ายังไม่ชัด แต่วันนี้แค่เพื่อนแน่นอน น้องสาวคุณยังเด็กเกินไปที่จะมีความรักอย่างนั้นเหรอ คุณถึงกลัวนัก” ทรงธรรมพูดกับพี่ชายเธอเป็นการหยั่งเชิง

“ผมไม่อยากให้น้องสาวผมคบหากับผู้ชายในเชิงชู้สาวก่อนอายุยี่สิบ เพราะผมก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงอายุต่ำกว่ายี่สิบ คุณเข้าใจหรือยัง” มิคาเอลพูดชัดแฝงจุดประสงค์ที่ต้องการปกป้องน้องสาว

“ผมก็เห็นด้วยกับคุณ ผมไม่ใช่เด็กแล้ว ผมทำอะไรคิดถึงวันข้างหน้า ถ้าสมมติผมมีลูกสาว ผมก็ไม่อยากให้ลูกสาวผมมีอะไรกับคนรัก ที่ยังไม่แน่ว่าจะคบกันนานแค่ไหนตั้งแต่อายุสิบหกหรอกนะ เรื่องนั้นเชื่อใจผมได้” ทรงธรรมก็พูดชัดเจน

เขาสนใจเด็กสาวคนนี้จริง...แต่ยังอยู่ในช่วงที่ว่าทำความรู้จักมากกว่า

มิคาเอลยื่นมือออกมาเพื่อจับมือกับอีกฝ่าย และทรงธรรมก็ยื่นมือออกมาเช่นกัน เมื่อทั้งคู่จับมือกัน มิคาเอลก็พูดขึ้น “สัญญาลูกผู้ชาย คุณจะไม่แตะต้องน้องสาวผมก่อนอายุยี่สิบ”

“สัญญาลูกผู้ชาย ผมจะให้เกียรติเธอราวกับน้องสาวของผมเลยทีเดียว ไม่ต้องห่วงข้อนั้น” ทรงธรรมจับมือแน่น แสดงว่าเขาจะรักษาสัญญา

“ทำอะไรกันคะ” แจ็คลีนเข้ามาเห็นพี่ชายจับมือกับชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วงุนงง

“เปล่า แค่ทำข้อตกลงอะไรกันหน่อย” มิคาเอลบอก ก่อนลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้น้องสาว

ต่อให้เขาไม่ชอบทำอะไรยุ่งยาก แต่เขาก็ยินดีทำในสิ่งที่น้องสาวเขาชอบ ทั้งเรื่องมารยาทและการเอาใจใส่ เขามีน้องสาวคนเดียวย่อมต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจอย่างดีเยี่ยมแน่นอน

“ข้อตกลงอะไรเหรอคะ” แจ็คลีนถามขึ้น

“สัญญาลูกผู้ชายน่ะ ช่างเถอะ อย่าไปสนใจ เพราะไงพี่ก็ไม่เคยไว้ใจใครเท่าเบนอีกแล้วล่ะ ทหารเก่ายังไงก็ไว้ใจได้มากกว่า แจ็คจะปลอดภัยในทุกที่ที่มีเบนและพรรคพวก” มิคาเอลตักขนมมาทาน และดื่มชาอย่างเฉื่อยชา เขานั่งที่เก้าอี้และปล่อยผมยาวให้ปลิวไปตามลม โดยรวบผมไว้กลางหัวพอไม่ให้มาปิดบังดวงหน้าสวยหวานของเขา

ลมพัดกลิ่นหอมที่ผสมผสานอย่างลงตัวมาที่ทรงธรรม เขาเคยได้กลิ่นหอมแปลกจากแจ็คลีนแล้ว ส่วนของมิคาเอลดูจะมีกลิ่นหอมของผู้ชายผสมมาด้วย บางครั้งเขาก็รู้สึกทึ่งกับความสามารถในการใช้น้ำหอมของคนตระกูลนี้เสียเหลือเกิน

“ก่อนจะกลับพาไปเลือกน้ำหอมหน่อยได้ไหมครับ” ทรงธรรมพูดขึ้น

สองพี่น้องมองหน้ากันแล้วหัวเราะ ก่อนแจ็คลีนเป็นคนตอบ “พูดจริงเหรอคะ”

“ครับ กลิ่นน้ำหอมที่คุณใช้หอมดี ผมรู้มาว่าเป็นกลิ่นที่มีลักษณะพิเศษ ผลิตขึ้นตามคำสั่ง ปกติผมไม่สนใจน้ำหอมเท่าไร แต่พอมาได้กลิ่นหอมจากคุณทั้งสองแล้วก็รู้สึกทำให้ผ่อนคลายได้ด้วย” ทรงธรรมบอกตามใจคิด

“ที่เราใช้ไม่ใช่แค่น้ำหอมหรอกครับ เครื่องหอมทั้งหมดที่ใช้จะใช้หัวน้ำหอมพิเศษ ทั้งสบู่แชมพูแทบทุกอย่าง” มิคาเอลอธิบาย ยังไม่รวมถึงข้าวของเครื่องใช้จิปาถะที่สั่งทำเป็นพิเศษสำหรับแต่ละคนอีก

“คุณปู่เป็นคนรอบคอบ ดังนั้นในเครือของเราจึงมีธุรกิจที่ใช้หัวน้ำหอมอยู่หลายอย่าง เราผลิตพวกสบู่แชมพูบางอย่างด้วยค่ะ รับออกแบบเป็นพิเศษสำหรับกลุ่มขนาดเล็ก ส่วนที่เป็นอุตสาหกรรม เราจะเน้นที่น้ำหอมเป็นหลักค่ะ” แจ็คลีนอธิบายอย่างภาคภูมิใจ เพราะยังมีกลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือนขนาดเล็กที่เหมาะสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และ

“มองตลาดในหลายรูปแบบจริงๆ” ทรงธรรมมองแนวคิดแล้วก็ดูจะไม่น่าแปลกใจนัก

“จะให้ไปแข่งกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มาวางขายอยู่ทั่วโลก เราก็ทำ ไม่จำเป็นต้องทำตลาดขนาดนั้น เพียงน้ำหอมอย่างเดียว เราก็กำไรมหาศาลแล้ว คุณปู่บอกว่าจะสั่งซื้อก็กลัวความลับทางการตลาดรั่วไหล จึงซื้อบริษัทขนาดย่อมเอาไว้ทำของเฉพาะล็อตพิเศษ และของที่เน้นคุณภาพดีกว่าค่ะ ตลาดอาจแคบกว่า แต่กำไรงามให้พอเลี้ยงตัวอยู่ได้ไม่ขาดทุนก็พอค่ะ” แจ็คลีนอธิบายได้ดีกว่าพี่ชาย เพราะพี่ชายแทบไม่สนใจงานธุรกิจเลย

“แบบนั้นซับซ้อนกว่า บางธุรกิจหวังจะกอบโกยในทุกเครือจนเดินแผนพลาดกันมาเยอะ ดูท่าทางคุณปู่ของคุณคงมองการณ์ต่างๆ เอาไว้หมดแล้วสินะครับ” ทรงธรรมวิจารณ์ตามความเข้าใจ

“ก็ถือหุ้นกันเอง บริหารง่าย แบ่งส่วนเข้าตลาดหุ้นตามควร ไม่หวังกอบโกยแค่ช่วงเวลาหนึ่ง เน้นพัฒนาให้ยืนอยู่ได้นานๆ สร้างเอกลักษณ์เฉพาะ นี่แหละค่ะที่คุณปู่สอนเสมอ” แจ็คลีนพูดแล้วก็ยิ้มอย่างสนุกสนาน

“แค่ฟังพี่ก็ง่วงแล้วล่ะ แจ็คเก่งนะ จำมาได้หมด” มิคาเอลส่ายหน้าอย่างไม่รู้เรื่อง เพราะคนละวงการกัน เขาจึงไม่ค่อยใส่ใจนัก “แต่ยังไงถ้าสักวันพี่ต้องบริหารบริษัทเพลงต่อจากพ่อ จะจ้างแจ็คเนี่ยแหละไปเป็นซีอีโอ”

แจ็คลีนยกมือขึ้นปิดปากเวลาหัวเราะ ก่อนจะตีที่แขนพี่ชาย “จ้างเนี่ย ฟรีใช่ไหมคะ”

“ก็แจ็ครวยอยู่แล้วนี่ ทำไมพี่ต้องจ่ายค่าจ้างด้วยล่ะ รวยกว่าพี่อีก” มิคาเอลหัวเราะเมื่อโดนน้องสาวตีเข้าที่แขน ก่อนจะดึงน้องสาวมาหอมแก้มหนักหน่วงอย่างเอ็นดู

ทรงธรรมขมวดคิ้วนิดๆ ถ้าไม่บอกว่าเป็นพี่น้องกันละก็ เขาอาจคิดว่าทั้งคู่เป็นคนรักกันก็ได้

“งั้นต้องจ่ายค่าจ้างโดยมาเป็นหมอนข้างให้แจ็ค เมื่อแจ็คต้องการก็แล้วกัน” แจ็คลีนพูดและหัวเราะอยู่เช่นเดิม หยอกล้อตามประสาพี่น้องที่สนิทกันมาก

“นั่นไง สุดท้ายก็ต้องจ่ายค่าจ้างอยู่ดี” มิคาเอลโอบไหล่น้องสาว แล้วมองทรงธรรมที่จ้องเขากับน้องไม่วางตา เขายิ้มที่มุมปากอย่างกวนๆ นิดๆ เพราะเขารู้ว่าผู้ชายมักขยาดกับพี่น้องที่รักกันมาก

“เอาล่ะค่ะ เดี๋ยวจะพาไปเลือกน้ำหอมที่โชว์รูมโซลอนจ์ก็แล้วกันนะคะ” แจ็คลีนบอก ก่อนสั่งเช็คบิล แล้วไปยังร้านน้ำหอมทันที

ทรงธรรมทดลองกลิ่นจนหัวหมุน ก่อนจะขอความช่วยเหลือจากเด็กสาว “ไม่ไหว ดมจนมึนไปหมดแล้ว ช่วยเลือกหน่อยได้ไหมครับ”

แจ็คลีนเห็นแล้วก็รู้ในทันทีว่าชายหนุ่มดูจะไม่สันทัดด้านน้ำหอมเท่าไรนัก จึงรับปากช่วย

มิคาเอลส่ายหน้าช้าๆ เพราะนั่นเป็นเรื่องที่ผู้ชายอย่างเขามักไม่สันทัด เขาถอยออกมายืนดูอยู่ห่างๆ เขาได้เลือกน้ำหอมตอนอายุสิบห้า คิดๆ แล้วก็ปวดหัวเหมือนกัน กว่าจะเจอน้ำหอมที่ถูกใจ และใช้มาจนถึงเดี๋ยวนี้

แม้เขาจะเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเปลี่ยนน้ำหอมที่ชอบ เขาเลือกอย่างง่ายๆ ตามที่แม่บอก นั่นคือเลือกให้ง่ายเข้าไว้ ดมกลิ่นที่ทำให้อยู่แล้วสบายก็พอ

แจ็คลีนเลือกอยู่พักหนึ่ง ก่อนยื่นให้เขาทดลองดู และเมื่อทรงธรรมทดลองดมทั้งสองกลิ่น ก็พยักหน้าให้กลิ่นที่ใกล้เคียงกับกลิ่นของมิคาเอลที่สุด...ราคาก็กำลังพอดี

“ผมจะสั่งทำพวกสบู่ แชมพูเอามาทดลองใช้ก่อนได้ไหมครับ” ทรงธรรมถามเด็กสาวเด็กหนุ่มทั้งสองคน

“เรื่องพวกนี้ถามแจ็คดีกว่านะครับ” มิคาเอลค่อนข้างสบายๆ กับมารยาทของอีกฝ่ายมากขึ้น เพราะทรงธรรมปฏิบัติกับเขาและน้องสาวอย่างให้เกียรติและเป็นผู้ใหญ่ แทนที่จะทำราวกับพวกเขาเป็นเด็กวัยรุ่นธรรมดา

“อืม เดี๋ยวให้เบอร์ติดต่อผู้แทนการขายให้นะคะ” แจ็คลีนหันไปทางเบเนดิกซ์รับเอาคอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็กออกมา แล้วกดหาหมายเลขข้อมูล ก่อนจะส่งให้เบเนดิกซ์นำไปให้อรัญที่อยู่ด้านหลังทรงธรรมอีกที

“ขอบใจมากที่มาเป็นเพื่อนนะ ลากคุณสองคนไปไหนมาไหนทั้งวัน ผมไม่ค่อยมีเพื่อนอยู่ที่ปารีสนี่เท่าไรเสียด้วยสิ” ทรงธรรมพูดตามตรง เขาปลีกวิเวกมานาน จนกระทั่งมาเจอเด็กสาวท่าทางน่าสนใจคนนี้

“ไม่เป็นไรครับ ยังไงซะ ผมก็ต้องคอยเอาใจน้องสาวคนเดียวของผมอยู่แล้ว” มิคาเอลพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ

เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้น และมิคาเอลที่นั่งหันหน้าไปทางประตู ก็เจอญาติที่ไม่ค่อยชอบหน้าเข้าอย่างจัง ก่อนมองอีกฝ่ายสบตาและโอบเอวพาหญิงสาวเข้ามาทักทาย

“แหม อยู่ทั้งคู่เลยเชียว ไงล่ะ พาเพื่อนแม่มาซื้อน้ำหอมหรือไง” ซีริลได้ทีก็พูดจาประชดประชัน

“แล้วนายพาคู่ควงมาซื้อน้ำหอมหรือไง” มิคาเอลมองหญิงสาวที่ญาติพามาด้วยก่อนจะยิ้มหวานหยด หยอกแกมหยิกได้น่าดู แล้วทำเป็นถามขึ้น “ลิ่วล้อมา แล้วเจ้านายไม่มาด้วยเหรอ”

“หุบปากนะ! มิคาเอล อย่าพูดจาดูถูกฉันนะ” ซีริลพยายามควบคุมอารมณ์เต็มที่

“ก็เห็นปกติติดสอยห้อยตามอองรีอย่างกับอะไรดีนี่ แล้วยังพูดแทนอย่างกับลิ่วล้อ นึกถึงว่าทนายหน้าหอซะอีก” มิคาเอลพูดยิ้มๆ แต่ซีริลเดินเข้ามาจะต่อยเขา เขาจึงจับข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้ “อย่าดีกว่า นึกว่าฉันจะกลัวหรือไง”

ซีริลถูกญาติคว้าข้อมือเอาไว้ทัน และยังเหวี่ยงมือเขาอย่างแรง ยืนขึ้น มองเขาอย่างเหนือชั้นกว่า

“ท่านพี่ทั้งสอง อย่าทะเลาะกันในร้านได้ไหมคะ ท่านปู่สั่งเอาไว้ยังไง ลืมกันแล้วเหรอ” แจ็คลีนพยายามไกล่เกลี่ย ไม้เบื่อไม้เมาทั้งสองคน

“แหม ใครจะไปจำคำสั่งท่านปู่ได้แม่นเท่าหลานรักอย่างเธออีกล่ะ” ซีริลหาเรื่องพี่ไม่ได้ก็หาเรื่องน้องแทน

“หุบปากเลยนะ! อย่าหาเรื่องน้องสาวฉัน” มิคาเอลชี้หน้าญาติอย่างหงุดหงิด แต่ติดที่น้องสาวพูดขอเอาไว้ว่าอย่ามีเรื่องในร้าน เขาจึงทำแค่นั้น ไม่งั้นเขาคงดึงคอเสื้อแล้วชวนออกไปต่อยนอกร้านแล้ว

“โธ่เอ๊ย! ก็แค่นั้นละนะ ใครจะอยากหาเรื่องน้องสาวนายกัน” ซีริลมองชายหนุ่มชาวไทยอย่างสำรวจ ก่อนจะพูดประชด “คนไทยอีกแล้ว รักชาติไทยกันเสียเหลือเกินนะ”

“พูดดีๆ ไม่รู้เรื่องก็ออกไปนอกร้านกันเลยดีไหม” มิคาเอลถามน้ำเสียงเย็นลง แสดงว่าพร้อมหาเรื่องกว่าเดิมแล้ว

“อยากโดนนักข่าวถ่ายรูปร็อคเกอร์นักเลงหรือไง แต่ไม่ล่ะ เพราะฉันยังไม่อยากถูกเหมารวมว่าเป็นร็อคเกอร์สวะๆอย่างนาย” ซีริลพูดไม่ทันขาดคำ

มิคาเอลก็ชกอีกฝ่ายหน้าคว่ำ “ถึงไม่อยากได้ก็จัดให้ตามที่ใจอยาก”

เขาถูกโจชัวกันเอาไว้ ดีที่ปิแอร์เข้ามาห้ามโจชัวไม่ให้แตะต้องเจ้านายเขามากไปกว่านั้น อีกทั้งมิคาเอลชกทีเดียวก็หยุดไว้ได้ แม้อยากจะต่อยอีกหลายทีก็ตาม

มิคาเอลสะบัดเสื้อจัดให้เข้าที่ ก่อนจะยื่นมือไปให้น้องสาวจับ “กลับกันเถอะ ก่อนจะมีเรื่องมากไปกว่านี้”

แม้จะถูกนักข่าวถ่ายเอาไว้ แต่เขาก็ไม่สนใจนัก แค่ได้สะใจที่ได้ชกหน้าญาติก็พอ

“ไอ้มิคาเอล!!” ซีริลอยากจะหาเรื่อง แต่ดีที่โจชัวยึดเขาเอาไว้ได้เสียก่อน เขาจึงได้แต่โมโหอยู่อย่างนั้น

ทรงธรรมเดินตามเด็กสาวและเด็กหนุ่มออกไป ก่อนจะหันไปถามอรัญ ว่าเมื่อครู่เด็กหนุ่มสองคนพูดอะไรกันบ้างจนเข้าใจสถานการณ์

“ขอบใจมากนะครับที่ช่วยเลือกน้ำหอม” เขาพูดขึ้น ก่อนที่จะแยกจากกัน เพราะดูเหมือนสองคนพี่น้องจะอยากกลับบ้านกันแล้ว

“ไม่เป็นไร ก็สนุกดีครับ ได้ต่อยปากคนก็ผ่อนคลายแบบนี้แหละ” มิคาเอลพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ลาเลยนะคะ” แจ็คลีนบอกลาอย่างหนักใจ เพราะเย็นนี้อาจมีโดนอบรม และเมื่อเขาเริ่มเดินออกจากตรงนั้น เธอก็พูดกับพี่ชาย “ท่านพี่ไม่น่าเลย รู้อยู่ว่าท่านปู่ไม่ชอบให้มีเรื่อง”

“ก็รู้แต่อดไม่ได้สักที ปากมันเห่าเก่งกว่าหมาซะอีก” มิคาเอลพูดฝรั่งเศสปนไทยให้วุ่น แต่ก็รู้สึกสะใจอยู่

“คราวก่อนน้องก็มีเรื่องกับซีริล ท่านปู่ก็ดุเอา นี่ท่านพี่ยังมีเรื่องกับเขาอีก จะโดนดุหรือเปล่าก็ไม่รู้” แจ็คลีนพูดตามประสาเด็กชอบเอาใจผู้ใหญ่

“ช่างประไร โดนจนไม่รู้จะโดนเท่าไรแล้วล่ะ คิดไปก็ปวดสมองเท่านั้น” มิคาเอลเปิดประตูให้น้องสาว ก่อนจะปิดลงแล้วเดินไปขึ้นรถอีกฝั่ง แล้วปล่อยให้ปิแอร์ขับออกไป โดยมีเบเนดิกซ์นั่งอยู่ข้างๆ “จริงๆ นะ พี่ไม่เห็นด้วยที่ซีริลเที่ยวหาเรื่องคนอื่น แล้วทุกคนก็เอาแต่บอกว่าให้สงสารมัน ไม่น่าไปเรียกมันเป็นพี่แบบนั้นเลย มันยังไม่เห็นว่าพี่เป็นพี่มันเลย”

“โธ่ ท่านพี่ก็ ท่านแม่ก็บอกอยู่เสมอว่าอย่าเอาตัวเองไปเปรียบกับซีริลนี่คะ คนเราต้องรู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนและมีจุดยืนอยู่ตรงไหน แจ็คก็พยายามเตือนตัวเองนั่นแหละค่ะ” แจ็คลีนต้องพยายามควบคุมสติของตนเองอยู่ตลอด ไม่งั้นคงมีเรื่องกับซีริลไม่หยุดหย่อน ก่อนจะหัวเราะนิดๆ

“อะไรน่าขำเหรอ” มิคาเอลถามขึ้น

“ก็จริงอย่างที่ท่านพี่ว่า สะใจที่เห็นท่านพี่ต่อยปากซีริลสิคะ ต้องบอกแอนซะแล้ว แอนคงชอบ” แจ็คลีนหัวเราะชอบใจและถูกพี่ชายจูบที่เรือนผมอย่างแสนรัก เพราะความน่ารักของน้องสาว

มิคาเอลดูเป็นอเมริกันมากกว่าฝรั่งเศส และดูติดดินมากกว่าน้องสาวมาก ขณะที่แจ็คลีนดูเป็นลูกคุณหนูผู้ดี กิริยามารยาทดูเป็นชนชั้นสูง แต่การแต่งกายของทั้งสองนั้นถูกจัดให้ดูสุภาพและเป็นทางการอยู่เสมอ เพื่อความสะดวกในหลายเรื่องด้วยกัน

อย่างน้อยทั้งคู่ก็รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรให้ดูดี...

******************************


สโมสรแห่งเดิมยังคงเต็มไปด้วยสมาชิกอันทรงเกียรติ ทั้งพ่อค้าวานิชต่างๆ ก็ดูจะสนทนากันอย่างถูกคอในส่วนที่เป็นห้องอาหาร แต่คนที่อึดอัดกลับเป็นเด็กสาววัยสิบหก ที่ถูกจับมานั่งกับผู้ใหญ่สองคน และเด็กหนุ่มวัยเดียวกันอีกคน

แจ็คลีนรู้ดีว่านี่เป็นสถานการณ์ไหน และเมื่อมองเด็กหนุ่มอีกคนที่แลดูอึดอัดไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะต่างก็ถูกผู้ใหญ่จับคู่ให้อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

“สเตฟานเรียนอยู่ที่โรงเรียนกินนอน นานๆ กลับมาทีก็อยากให้รู้จักกันเอาไว้น่ะ” ตาของสเตฟานแนะนำหลานชาย

“ดีเหมือนกัน มีเพื่อนรุ่นเดียวกันก็ดี จะได้คุยกันรู้เรื่อง” ธีโอดอร์พูดคุยกับเพื่อนอย่างมีนัยยะ

“สเตฟานลงไปเล่นเทนนิสในสนามกันดีไหม” แจ็คลีนถามขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงจากความน่าอึดอัด

“ดีเหมือนกัน” ต่อให้ชอบไม่ชอบ เขาก็ยังดีใจที่ได้หลุดจากสายตาของตากับเพื่อนตา

“ขอตัวก่อนนะคะ ท่านปู่” แจ็คลีนลุกขึ้นแล้วหอมแก้มปู่ข้างหนึ่ง และบอกลาแทบจะทันที “ขอตัวก่อนนะคะ”

“ไปเถอะ” ธีโอดอร์กับเพื่อนเห็นเด็กๆ เข้ากันได้ก็โล่งใจ

สเตฟานก็ลุกทันทีเหมือนกัน และเดินตามเธอไปที่สนามเทนนิส ก่อนจะพูดขึ้น “แปลกๆ นะ เธอว่าไหม แต่ช่างเถอะ ฉันขอไปเล่นหมากรุกทางโน้นดีกว่า ขอตัวนะ”

“ตามสบาย” แจ็คลีนโล่งใจที่สเตฟานก็ไม่อยากอยู่กับเธอ เช่นเดียวกับเธอที่ไม่อยากอยู่กับเขา ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับเบเนดิกซ์ แล้วชวน “เบนเล่นด้วยกันนะคะ ขี้เกียจหาคู่ซ้อมค่ะ”

“ได้ค่ะ” เบเนดิกซ์รับคำ ก่อนจะพากันเดินไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และออกมาในชุดเล่นเทนนิสด้วยกัน

“ท่านพี่แจ็คลีน” อันนาเอลเห็นพี่สาวก็รีบเข้ามาหอมแก้มทักทายอย่างดีใจ พร้อมลากพาทริคคู่แฝดมาด้วย “กว่าจะลากพาทริคออกมาได้ แทบแย่ค่ะ”

“เปลี่ยนชุดแล้วมาเล่นเทนนิสกับพี่ไหม เล่นคู่ก็ได้นะ พาทริคคู่กับพี่ เบนคู่กับแอน เล่นสนุกๆ นะ อย่าเอาเป็นเอาตายละกัน” แจ็คลีนบอกน้องสาวกับน้องชาย

“โอเคครับ ท่านพี่ ผมกับแอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” พาทริคชอบมาสโมสรด้วยเหตุผลเดียว คือ ได้ออกกำลังกาย เขาให้ความสำคัญกับพลังเสียงของตัวเอง และการออกกำลังทำให้เขามีร่างกายที่แข็งแรง ปอดที่ทรงพลังและยังได้ฝึกสมาธิด้วย

แจ็คลีนรอน้องคู่แฝดอยู่ข้างสนาม ก่อนจะหาสนามว่างๆ แล้วเริ่มเล่นเทนนิสกันอย่างผ่อนคลาย

“ได้ข่าวว่าท่านปู่พยายามจับคู่ท่านพี่กับหลานชายเพื่อนเหรอคะ” อันนาเอลได้ข่าว เพราะซีริลนั่งคุยกับพี่คนอื่นๆ อย่างเยาะเย้ย

แจ็คลีนจึงเสียสมาธิ และทำให้เสียแต้มไป ก่อนจะหยุดถาม “ใครบอกน่ะ พี่ก็เพิ่งรู้วันนี้เอง”

“ท่านพี่ซีริลพูดกับท่านพี่อองรี แล้วยังหัวเราะด้วยค่ะ พูดประชดเหมือนกับท่านพี่แจ็คลีนจะหาคู่ควงดีๆ ไม่ได้” อันนาเอลพูดไปด้วยเล่นไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน

แจ็คลีนเล่นอย่างสับสน เพราะเสียสมาธิ ก่อนจะฟังคู่แฝดโต้แย้งกันแทน

“หยุดทำให้ท่านพี่แจ็คลีนเสียสมาธิได้แล้ว แอน” พาทริคเห็นการเล่นติดขัดก็เตือนคู่แฝด

“ไม่ใช่สักหน่อย ก็แค่ชวนคุย เล่นไม่ได้จริงจังนี่ ต้องใช้กลยุทธ์อะไรอีกล่ะ” อันนาเอลพูดตรงตามนิสัย เพราะไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนสมาธิของพี่สาวแม้แต่น้อย

“เอาล่ะ พี่พักก่อน เล่นกันไปก่อนนะ” แจ็คลีนหยุดการเล่นแล้วเดินไปนั่งที่ข้างสนาม ขณะที่เบเนดิกซ์ก็เห็นว่าควรเล่นแบบหนึ่งต่อหนึ่ง จึงหยุดบ้าง

พาทริคก็เล่นเทนนิสกับอันนาเอลต่อ ทั้งสองคู่แฝดเล่นด้วยกัน ทะเลาะกันบ้าง ตามประสาคนที่มีความคิดแตกต่างกัน

แจ็คลีนหันไปคุยกับเบเนดิกซ์ เพราะไม่รู้จะคุยกับใคร พี่ชายก็ไม่อยู่ที่ปารีส และถึงอยู่ก็หาข้ออ้างไม่มาที่สโมสรได้เรื่อยๆ “แปลกไหมคะ อยู่ๆ ทำไมท่านปู่ถึงนึกอยากจะจับคู่ให้ฉัน”

เบเนดิกซ์หยุดใคร่ควรเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “คงเพราะเรื่องนายทรงธรรมกับนายเคลย์ตันละค่ะ คุณแจ็คลีน อย่าคิดมากเลย”

“ก็ได้ค่ะ หวังว่าจะไม่จริงจัง” แจ็คลีนส่ายหน้า ก่อนจะมองคู่แฝดที่เริ่มทะเลาะกันแล้ว จึงเดินเข้าไปห้าม “เล่นกันดีๆ สิ”

“ก็พาทริคสิคะ เสริฟแต่ลูกเสริฟที่แอนตีไม่ได้” อันนาเอลรีบฟ้องพี่สาว

“ใครว่าล่ะ ก็เธอน่ะ มัวแต่เอาเวลาไปทำอะไรก็ไม่รู้ แทนที่จะหัดเล่นให้ดีกว่านี้” พาทริคก็โวยคู่แฝดตัวเอง

“พอเถอะ มาเล่นคู่ดีกว่านะ” แจ็คลีนต้องไกล่กลี่ย เพราะปล่อยให้คู่นี้เล่นกันเองทีไร เป็นต้องทะเลาะกันตลอด แต่ถ้าเล่นคู่เบเนดิกซ์ก็เหนื่อยหน่อย เพราะอันนาเอลเล่นไม่เก่งเท่าไรนัก

“วันหลังไปออกรอบกันสักเกม” อันนาเอลบอกคู่แฝดที่ไม่ชอบเล่นกอล์ฟ

พาทริคส่ายหน้าก่อนเข้าประจำที่ และความวุ่นวายก็จบลง เพราะทั้งแจ็คลีนกับเบเนดิกซ์พยายามช่วยให้ทั้งสองประนีประนอมกัน

******************************


ความวุ่นวายในชีวิตแจ็คลีนไม่จบลงง่ายๆ เพราะอยู่ๆ ปู่ย่าก็มาที่บ้านและพูดคุยกับพ่อเธอ โดยไม่มีแม่ ซึ่งเดินทางไปทำงานที่นิวยอร์ค

“อะไรนะครับ” กาเบรียลถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้ฟังผิดไป

“อยากให้แจ็คลีนหมั้นกับสเตฟานไว้ก่อน พ่อรู้จักตาของสเตฟานมานาน ชื่อเสียงดีไม่มีข้อเสียอะไร สเตฟานเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่เกเร ขยันขันแข็ง” ธีโอดอร์บอกลูกชายอย่างใจเย็น

“แม่ก็เห็นด้วยกับพ่อ ไม่อยากให้หลานมีข่าวเสียๆ หายๆ นี่ก็เข้าวัยรุ่นแล้วด้วย เป็นผู้หญิงกลัวจะมีปัญหา” บอนแนร์ไม่พูดพาดพิงถึงหลานสาวคนโต ที่เปลี่ยนคู่ควงอย่างเพลิดเพลิน แต่ว่าหวังอะไรไม่ได้มากนัก เพราะครอบครัวทางสามีของลูกสาวเป็นคนดูแลมากกว่า

“แจ็คยังเด็กเกินกว่าจะหมั้นหมายกับใครนะครับ” กาเบรียลปฏิเสธอ้อมๆ และรู้สึกโชคดีที่ลูกสาวไม่ได้มานั่งอยู่ในที่นี่ด้วย

“ลูกคงอยากปรึกษากับภรรยาของลูกก่อน พ่อแม่จะให้เวลาตัดสินใจ อย่าเพิ่งปฏิเสธเลยนะ แม่คิดว่าน่าจะเป็นการดีที่แจ็คลีนจะได้รู้จักผู้ชายดีๆ สักคน” บอนแนร์อ่านท่าทางที่จะปฏิเสธออก จึงดักทางเอาไว้ ดีกว่าให้ปฏิเสธโดยไม่ได้คิดให้ดี

กาเบรียลได้แต่นิ่งอึ้ง นี่มันยุคไหนแล้ว...คงเป็นคำพูดที่เขาจะได้ยินจากภรรยาของเขา หากเขาก็รู้ดีว่าพ่อแม่เขาเป็นยังไง จึงได้แต่รับคำ แล้วเปลี่ยนเรื่อง

เขาไม่จำเป็นต้องปรึกษาภรรยาก็รู้คำตอบ และคนที่จะตอบก็ไม่ใช่เขากับภรรยา แต่เป็นลูกสาวเขามากกว่า ไม่มีทางที่แจ็คลีนจะยอมหมั้นแน่นอน ไม่ว่าจะกรณีไหน แล้วเจ้าลูกชายก็คงไม่ยอมให้น้องสาวหมั้นแน่นอน

คำตอบชัดเจน...เพียงแต่ปฏิเสธทีหลังจะรักษาน้ำใจได้ดีกว่า

เขาจำเป็นต้องยอมและทำเป็นว่าจะปรึกษาภรรยาก่อน แล้วมองส่งพ่อแม่กลับคฤหาสน์ จากนั้นเขาก็ทิ้งตัวที่เก้าอี้อย่างเหนื่อยๆ ไม่ว่าจะโตแค่ไหนพ่อแม่ก็ยังต้องการมีส่วนร่วมในชีวิต แต่เขาก็ยอมรับได้ เพียงแต่ต้องไม่มากเกินไปเท่านั้น

เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง ทำให้เขาต้องมองต้นเสียง เพราะตอนนี้เหลือเพียงเขากับลูกสาวเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่ปารีส ขณะที่ภรรยากับลูกชายต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องทำงานของตนเอง

“ไง ลูกรัก” กาเบรียลอ้าแขนออกให้ลูกสาวมานั่งข้างๆ จูบเรือนผมสีทองของลูกสาว แล้วหอมแก้มเบาๆ อย่างแสนรัก เขาภูมิใจที่ภรรยาได้มอบลูกสาวที่น่ารักและนิสัยดีมากคนหนึ่งให้เขา

“เรียนวันนี้ก็เหมือนเมื่อวานค่ะ ก็เรื่อยๆ ค่ะ วันนี้เราเล่นฮาร์ฟด้วยกันไหมคะ หรือท่านพ่อเบื่อแล้ว เพราะเมื่อวานก็ซ้อมฮาร์ฟมาทั้งวัน” แจ็คลีนถามด้วยความเป็นห่วง

“พ่อมีเรื่องจะพูดกับลูกน่ะ วันนี้ท่านปู่ท่านย่าของลูกมาหาพ่อ เรื่องจะให้ลูกหมั้นกับสเตฟาน เดอลาครัวซ์ ลูกคิดยังไง” กาเบรียลมองลูกสะดุ้ง มีสีหน้าตะลึงงัน ก่อนเปลี่ยนเป็นโกรธจัดอย่างเห็นได้ชัด “พ่อรู้ว่าลูกต้องปฏิเสธ เอาไว้อีกสองสามวัน พ่อจะบอกท่านปู่ท่านย่าของลูกเอง”

“ขอบคุณค่ะ” แจ็คลีนกำมือแน่นอย่างโกรธจัด เพราะอยู่ๆ ก็จะให้หมั้นกับคนที่เพิ่งเห็นหน้ากันแค่ครั้งเดียวก็ทำให้เธอโมโหมาก ก่อนจะพูดขึ้น “อองรีกับซีริลต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ๆ ใส่ไฟกันดีนัก อยากจะกรี๊ดจริงๆ”

“ใจเย็นๆ ลูก ไม่ต้องกลัวว่าพ่อแม่จะบังคับให้ลูกหมั้นกับหลานของเพื่อนท่านปู่ พ่อก็เคยเจอมาเหมือนกัน แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้ ให้เราไม่ยอมสักอย่าง ใครก็บังคับไม่ได้” กาเบรียลลูบผมสีทองอ่อนหนุ่มของลูกสาวอย่างทนุถนอม

เขากับภรรยาเลี้ยงดูลูกสาวมาอย่างดีไม่แตกต่างจากลูกชาย วิธีอาจผิดกันบ้าง เพราะเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงนั้นแตกต่างกันอยู่แล้ว

“คอยดูนะ! ถ้าแจ็คไม่เห็นแก่หน้าท่านปู่ท่านย่าละก็ จะให้เบนจับมาซ้อมเสียให้เข็ด” แจ็คลีนพูดจาโลดโผนก่อนจะหัวเราะออกมา เมื่อนึกภาพอองรีกับซีริลถูกจับซ้อม

“นั่นไงลูกพ่อ อารมณ์ดีไวเสียจริง” กาเบรียลจูบแก้มลูกสาวอย่างสบายใจ เมื่อเห็นลูกสาวอารณ์ดีขึ้น

“แค่ได้จินตนาการก็ได้ระบายออกแล้วค่ะ นึกภาพท่านพี่ซีริลโดนเบนซ้อมก็สนุกค่ะ อยากเห็นท่านพี่ซีริลอ้อนวอนขอให้เบนหยุดจัง” แจ็คลีนหัวเราะคิกได้น่ารัก สมวัย

กาเบรียลเห็นลูกหัวเราะได้ก็ค่อยโล่งใจ ก่อนจะถาม “ไม่คิดว่าอองรีจะเป็นฝ่ายขอร้องบ้างเหรอ”

“ไม่ค่ะ อองรีเป็นคนหยิ่งทะนงตน ไม่มีวันร้องขอให้หยุดแน่หรอกค่ะ คนนั้นน้ำนิ่งไหลลึก” แจ็คลีนพูดคล้ายกับจะชื่นชมญาติ

“แหม นี่ถ้าพ่อไม่รู้ว่าระหว่างลูกมีอะไรกัน พ่อคงคิดว่าลูกชื่นชมอองรีนะ” กาเบรียลพยักหน้าช้าๆ พูดปกติ

“ส่วนดีของอองรีก็มีค่ะ เสียอย่างเดียว ชอบจับผิด แต่ก็เก็บเงียบไม่พูดมาก คงเพราะไปเจอแจ็คอยู่กับเคลย์ตัน แล้วก็คุณทรงธรรมด้วย เรื่องถึงได้วุ่นวายไปใหญ่” แจ็คลีนสรุปเหตุผลที่โดนจับคู่ได้ในที่สุด

“เคลย์ตันไหน ทรงธรรมไหน” กาเบรียลไม่รู้เรื่องหนุ่มๆ ที่เข้ามาขายขนมจีบลูกสาวเท่าไรนัก

“เคลย์ตัน ลูกชายของคุณลอเรตต้า เพื่อนท่านแม่ยังไงละคะ แล้วก็คุณทรงธรรมนี่ พ่อคงไม่รู้จัก เป็นพี่ชายของซับพลายเออร์หัวน้ำหอมที่เมืองไทยค่ะ” แจ็คลีนจึงต้องอธิบายให้พ่อฟัง

“แล้วทำไมอองรีถึงคิดว่าสองคนนี่มาจีบลูกล่ะ” กาเบรียลถามเอาความอย่างจริงจังมากขึ้น

“เจอกันที่ร้านอาหารครั้งหนึ่ง บังเอิญคุณทรงธรรมมาที่ปารีส แล้วก็ไปเจอกันตอนที่หนูไปทานอาหารกับเคลย์ตันค่ะ แต่จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ คนรู้จักกันทั้งนั้น แล้วหนูก็ไม่ได้คิดอะไรกับเลย์ตันนะคะ เรื่องมันก็เลยลุกลามกันไปใหญ่ ช่างมันเถอะค่ะ วุ่นวายเกินไป” แจ็คลีนพยายามตัดปัญหา เพราะยังไงซะก็เชื่อว่า พ่อแม่ไม่วันให้เธอโดนจับคลุมถุงชนแน่นอน

“ไม่มีอะไรก็ดี ขออย่าให้มีก็พอ เอาล่ะ ไปเล่นฮาร์ฟกับพ่อเถอะ พ่ออยากรู้ว่าลูกสาวพ่อยังเล่นฮาร์ฟได้ดีเหมือนเดิมหรือเปล่า” กาเบรียลยิ้มนิดๆ ก่อนพยุงลูกสาวลุกขึ้นไปห้องซ้อมดนตรี แต่ไม่ใช่ที่อยู่ห้องใต้ดินอย่างพวกลูกชาย เป็นห้องที่มองเห็นสวนสวย บรรยากาศดี

“หนูซ้อมเล่นทุกวันล่ะค่ะ ฮาร์ฟเป็นอีกอย่างที่หนูสนใจ” แจ็คลีนพูดตามใจคิดขณะถูกพ่อโอบเอว

เธอได้รับการปกป้องและให้ความรักมากเหลือล้น จนไม่คิดว่าความรักแบบชายหญิงจะสูงค่ามากพอ ทำให้เธอยอมละทิ้งส่วนใดส่วนหนึ่งของความรักความอบอุ่นในครอบครัว

******************************

สวัสดีค่ะ ขอโทษที่มาช้านะคะ
พอดีเรื่องที่บ้านยังมีอีกค่ะ
-*- ใครมาเล่าเรื่องแบบเดียวที่เกิดขึ้นในชีวิต
Bz คงไม่เชื่อ แต่พอเจอกับตัวเองก็อึ้งไปถนัดเลยค่ะ
555+ รสชาติของชีวิตจะดีหรือร้ายอยู่ที่วิธีคิดอย่างเดียวเลยค่ะ
ขอบคุณที่อดทนรอคอยและติดตามนิยายมาตลอดนะคะ

sirinda
คุณ sai --- 555+ซัดให้ปากแตกดีไหมคะ อิอิ
คุณ maplezaa --- ปากจัดแต่รักจริงนะคะ
คุณ tuktuk --- ใช่ค่ะ หลากหลายทางพันธุกรรม อิอิ
คุณ ตุ๊งแช่ --- อ่ะแน่นอนค่ะ อิอิ ต้องวุ่นวายนิดนึง
คุณ ร้อยวจี --- คิดมากแน่ค่ะ 555+
คุณ jink --- ไม่ผิดค่ะ ไม่ผิด อองรีก็ดีค่ะ หุหุ เสียดายเป็นญาติใกล้ชิด อิอิ
คุณ kaeka --- 555+ หุ้นง่ายกว่าคนใช่ไหมคะ (ยังมีอยู่นะคะ ขอตั้งสติ เริ่มต้นใหม่ก่อนค่ะ แล้วจะประกาศอีกที
แจ็คคงคิดว่าชีวิตมีแต่หุ้นยังง่ายกว่าอีก อิอิ
คุณเพลิงวารีจ๋า...โครงการหนังสือทำมือชุดแรกยังเลื่อนการจองต่อใช่รึเปล่าจ๊ะ ยังไม่หมดเขตใช่รึเปล่าจ๊ะ พอดีเพิ่งจะพ้นวิกฤตน้ำท่วมมาเลยจ้า ...จองไว้ในชื่อ t.kamon35นะจ๊ะ
คุณ สายลมแห่งรัก --- สาวน้อยที่เริ่มจะมึนด้วยค่ะ อิอิ
คุณ anOO --- แรง *-* แต่ชอบค่ะ
คุณ หนอนฮับ --- อิอิ เพื่อสีสันค่ะ ต้องมีเรื่องแรงๆ บ้าง หุหุ
คุณ Pat --- ตัดญาติยากค่ะ แจ็คค่อนข้างจะรักครอบครัวนิดนึงค่ะ อิอิ

jj-book
คุณ นอนดูดาว --- แจ็คโดนลวนลาม หุหุ
คุณพี่ chakansi --- 555+ ขวดไม่ใกล้มือเสียด้วยสิคะ

dek-d
คุณ Persephone --- ขอบคุณค่ะ ^^ ดีใจๆ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ธ.ค. 2554, 02:52:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ธ.ค. 2554, 02:52:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1899





<< ML003   ML005 >>
XaWarZd 8 ธ.ค. 2554, 04:46:32 น.
น่าปวดหัวแทนจริงๆ


ตุ๊งแช่ 8 ธ.ค. 2554, 09:21:29 น.
สาวน้อยร้อยชั่ง จะโดนคลุมซะ สงสัยต้องหาถุงสวยๆหน่อยน๊า อิอิ


anOO 8 ธ.ค. 2554, 13:25:12 น.
555 อย่างแจ็ค คงจับคลุมถุงชนยากนะ
ถุงคงจะกระจุยกระจายก่อนได้คลุม


ร้อยวจี 8 ธ.ค. 2554, 21:30:07 น.
นายคิดมากร่วมมือกับนายปมด้อยขี้อิจฉาอะไรจะเกิดขึ้น ห้าห้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account