พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 11."รวยแล้วดีอย่างไร"

11.

เมื่อมาลีขึ้นนั่งเรียบร้อยพร้อมกับดึงเข็มนิรภัยมาคาดโดยที่คนขับไม่ต้องเตือน ชัชชัชก็ส่งหนังสือแผนที่เส้นทางทางรถของกรุงเทพมหานครมาให้ มาลีรับมาถือไว้แล้วมองหน้าเขา สายตาของเธอมีคำถาม

“จะได้ไปไหนมาได้สะดวกขึ้น เมืองมันใหญ่จะเสียเวลาคลำทางเปล่าๆ หลงทาง ‘รัก’เสียเวลา หลงติดยาเสียอนาคต”

แปร่งๆ หู แต่มาลีหาได้สนใจ ด้วยหนังสือแผนที่เส้นทางถนนในกรุงเทพฯ ใหม่เอี่ยมที่อยู่ในเมืองน่าสนใจมากกว่า

“ขอบคุณค่ะ” น้ำเสียงนั้นอุบอิบออกมาจากลำคอ

“พูดใหม่ซิ” เขาเสียงดังเหมือนคุณครูที่คอยพร่ำสอนศิษย์

“ขอบคุณค่ะ” เสียงของมาลีดังขึ้นอีกนิดพร้อมหยาดน้ำตาเกือบไหล

“ให้มันได้อย่างนั้น ทำตัวเป็นเด็กน่ารักๆ แบบนี้ ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ลำบาก ผู้ใหญ่รักซะแล้วสบายไป”

แม้จะฟังแปร่งๆ หูอีกครั้ง แต่มาลีหาได้เก็บใส่ใจมาครุ่นคิด

“จะพาไปไหน”

“ใจกลางกรุงเทพฯ มหานคร เธอคิดว่าเป็นที่ไหน”

“วัดพระแก้ว”

“ถูกต้องแล้วคร้าบ”

เขาพูดพลางออกรถอย่างนุ่มนวล จนมาลีรู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยล่องสู่สรวงสวรรค์ทีเดียว
ภาพวัดพระแก้วและพระราชวังหลวงที่เคยเห็นจากสื่อต่างๆ ตั้งแต่จำความได้ วันนี้แล้วซินะ เธอจะได้ไปกราบขอพรองค์พระแก้วมรกต ขออะไรดีล่ะ มาลีเริ่มครุ่นคิด เธออยากกลับไปอยู่ที่อุ้มผาง อยากมีรีสอร์ตเป็นของตัวเอง อยากให้แม่แข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย น้องชายของเธอไม่เกเรตั้งใจเล่าเรียนหนังสือ


เมื่อรถแล่นไปตามถนน ซึ่งชัชชัยบอกกับเธอว่าเป็นถนนลาดพร้าว ซึ่งเขาสอนให้เธอดูวิธีดูว่าซอยไหนอยู่ฝั่งไหน โดยฝั่งขวาของถนนขารถวิ่งออกจากเมืองจะเป็นเลขคู่ และฝั่งซ้ายเมื่อรถบ่ายหน้าเข้าเมืองจะเป็นเลขคี่ สลับกันไปอย่างนี้

เขาพูดถึงราคาตั๋วรถเมล์ ชนิดของรถเมล์ รถตู้ แท็กซี่ และรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ให้เธอรู้ก่อนที่จะเลือกใช้บริการ จนกระทั่งรถคันใหญ่ของเขาแล่นขึ้นตึกไปสู่ลานจอดรถ มาลีมีสีหน้าแปลกใจ จนกระทั่งเขาบอกว่า

“เราจะเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน แล้วจะไปต่อรถไฟลอยฟ้า รถเมล์ รถตุ๊กๆ วันนี้ทั้งวัน ผมจะพาคุณใช้บริการรถทุกอย่างที่กรุงเทพฯ มี”

“ขอบคุณค่ะ”

มาลีตอบเสียงดังฟังชัดก็ยังไม่เท่ากับท่าพนมมือแล้วกระแทกเข้าใส่อย่างเริงร่า

“ดีมาก” เขาอยากจะดึงเธอเข้ามาจูบหน้าผากเสียให้ได้

“พร้อมหรือยัง” เขาถามเมื่อล็อกรถแล้วสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นหลัง

มาลีชูสองนิ้วให้พร้อมกับยิ้มกว้าง เขาพาเธอเดินลงจากลานจอดรถแล้วเข้าสู่ทางลงรถไฟฟ้าใต้ดิน ตรงป้ายบอกเส้นทางเดินรถ เขาชี้ให้เห็นถึง สถานีต่างๆ พร้อมชื่อเรียก สอนให้ดูวิธีคิดเงินก่อนไปแจ้งที่ซื้อตั๋ว เมื่อซื้อตั๋วได้ ‘ชิบ’ มาแล้วเขาขอเอกสารจากเจ้าหน้าที่อีกแผ่นแล้วส่งให้มาลี ซึ่งมีหนังสือแผนที่อยู่ในมืออีกเล่ม

“สมกับเป็นคนเขียนหนังสือสารคดีเลยจริงๆ” มาลีเปรยให้เขารับรู้ความรู้สึก เมื่อเขาพาเธอไปยืนรอขบวนรถไฟฟ้า

“ตื่นเต้นไหม” เขาถามเสียงแผ่วเบา

มาลีอยากจะบอกว่าใจเธอเต้นแรงผิดปกติ แต่เธอคิดว่าสั่นหัวปฏิเสธคำถามนั้นเสียดีกว่า

“โกหก” เขาคาดเดาความรู้สึกหญิงสาว

“รู้ได้ไง” มาลีสารภาพ

“ก็คุณหายใจแรงๆ แล้วหน้าอก” เขาปรายตาต่ำลงมา มาลีรีบกระชับเสื้อคลุมทันทีเช่นกัน

“คิดไปเองนะ ไม่ได้คิดอะไรเลย ก็คุณหายใจแรงซะขนาดนั้น ผมไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ นะจะได้ไม่รู้ว่า ความตื่นเต้นเป็นอย่างไร เหงื่อมือก็ออก”

“ฉลาดจริงๆ”

มาลีชมเขาอีกครั้ง เขาทำหน้าเก๋ไก๋โดยปรายตามองไปทั่วๆ ซึ่งมาลีก็เห็นว่ามีหนุ่มสาวรวมถึงคนทำงานมากมายใช้บริการรถไฟฟ้า แม้เป็นยามสายอย่างนี้ พวกเขายังดูเร่งรีบลุกลนอย่างเห็นได้ชัด มาลีนึกถึงลูกทัวร์คณะสุดท้ายของเธอขึ้นมา มีใครไปทำงานสายบ้างหนอ

รถไฟฟ้าวิ่งเข้าสถานีเสียงสัญญาณร้องเรียกแล้วประตูก็เปิดออก ผู้โดยสารก้าวออกจากรถ ชัชชัยจึงถือโอกาสจับข้อมือหญิงสาวให้เดินตามเขาไป อย่างไม่ทันจะปฏิเสธน้ำใจที่ไม่บริสุทธิ์นั้น

เมื่อเข้าไปแล้ว แม้ที่นั่งจะว่างสองที่แต่ชัชชัยก็ยืนโดยให้มาลีเป็นฝ่ายนั่งแล้วเขาก็ส่งกระเป๋าสะพายให้มาลีได้อุ้มไว้

มาลีเฉไฉมองทางอื่น แต่สายตาของชัชชัยนั้นยังอยู่ที่ใบหน้าของหญิงสาว จนมาลีรู้สึกไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองดู

เสียงอินเตอร์คอมฯ ดังแจ้งบอกสถานีที่รถจะแล่นไปถึง

‘สถานีรัชดาฯ’มาลีดูแผ่นพับในมือ รถไฟฟ้าจอด

‘สถานีรัชดาฯโปรดใช้ความระมัดระวังในการก้าวออกจากรถ’

ผู้คนไหลออกไปแล้วเข้ามาใหม่ สถานีแล้วสถานีเล่าจนมาลีเริ่มคุ้นชิน ใจที่เต้นไม่เป็นส่ำเริ่มเป็นปกติ เธอกำลังปรับตัวสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ถ้าไม่ได้เขา

แล้วเสียงของนันทาที่แปร๋นๆ ก็แล่นออกมาจากห้วงความทรงจำ

‘ดูแลแฟนฉันให้ดีๆ ล่ะ คุณหนูนะเธอ อย่าให้มดไต่ไล่ตอมหรือเป็นอันตรายเด็ดขาด’

มาลีมองดูเท้าของคุณหนู อยากจะเงยหน้ามองดูดวงตายาวรีระยิบระยับของเขา แต่เธอก็เงยหน้าไม่ขึ้น จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงประกาศว่า ‘สถานีสีลม โปรดใช้ความระมัดระวังในการก้าวออกจากรถ’ แล้วตามด้วยภาษาอังกฤษที่เธอจับคำพูดไม่ได้เพราะเร็วเกินไป

เขาใช้มือจับกระเป๋าเป็นเชิงเตือนให้มาลีรู้สึกตัวว่าจะต้องออกจากรถไฟฟ้า มาลีลุกขึ้นจังหวะนั้นรถยังจอดไม่นิ่ง ทำให้มาลีเซเข้าหาตัวเขา ดีแต่ที่เธอระวังตัวกับสภาพไม่เอื้อของการเดินทางเป็นประจำ ทำให้กำลังขาสามารถพยุงตัวเองไว้ได้

เมื่อรถหยุดเขาถือวิสาสะจับมือเธอดึงออกมาจากรถอีกครั้ง เธออยากจะสะบัดแต่ก็เห็นว่ามีหลายคู่ที่ปฏิบัติต่อกันอย่างนี้ และเมื่อออกมาแล้วเขาก็ปล่อยมือเธอเอง อย่างไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด

“ที่นี่สถานีสีลม นั่นโรงแรมดุสิตธานี ถนนทั้งเส้นตรงหน้าเราเรียกว่าถนนสีลม ย่านธุรกิจที่สำคัญของเมืองไทย บนตึกสูงมีสำนักงานตั้งอยู่มากมาย แล้วนั่นคือสถานีรถไฟลอยฟ้าศาลาแดง เราสามารถต่อรถไฟฟ้าไปยังสถานีอ่อนนุชและจตุจักรได้ ตอนนี้คุณหิวแล้วใช่ไหม ขึ้นตึกไปหาอะไรทานกันก่อน”

ว่าพลางเขาก็เดินนำเธอไปยังตึกที่ชื่อสีลมคอมเพล็กซ์ เขาเดินนำผ่านสินค้าขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นที่มีร้านอาหารที่เรียกว่า ‘ฟู้ดเซ็นเตอร์’ มาลียืนคว้างจ้องมองดูร้านขายอาหารที่เรียงราย ชัชชัยเดินไปแลกคูปองสำหรับซื้ออาหารแล้วนำมาส่งให้

“ร้อยเดียวคงพอ”

มาลีทำท่าจะหยิบกระเป๋าสตางค์จากกระเป๋าตัวเองส่งให้ เขาตีสีหน้าให้รู้ว่า ไม่ยอมจะรับเงินนั้น มาลีเดินเนือยๆ ไล่ดูรายการอาหารที่ตนต้องการ


“เฮ้ย เฮ้ย ดู ดู”

สุชินพยักพเยิดหน้าและส่งสายตาให้สมศักดิ์กับวรรณา ที่นั่งทานอาหารมื้อกลางวันอยู่ด้วยกันมองไปยังทิศทางที่ตนต้องการ

“นั่นมันมาลีนี่หว่า” สมศักดิ์พูดเสียงดังออกมาแถมทำท่าว่าจะลุกขึ้นไปทักด้วยซ้ำ

“อ๊ะ เฮ้ยมากับใครวะ” สุชินชะงักพลางดึงสมศักดิ์ไว้เช่นกัน

“คุ้นๆ หน้า” วรรณาพยายามใคร่ครวญ

“มากับใครวะออกจากป่ามาได้อย่างไรวะเนี่ย ดีนะเว้ยที่ไอ้ยุทธไม่มาเห็น ถ้าเห็นคงเจ็บจี๊ด” สมศักดิ์ทำสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยเพื่อน

“เจ็บจี๊ดอะไร ตัวเขาเองกลับมาจากที่นั่นก็เป็นเหมือนเดิม ผู้หญิงจะลากไปตรงไหนก็ได้” วรรณาค่อนให้

“หน้าต่างมีหูประตูมีช่องคุณวรรณ” สุชินทำหันซ้ายหันขวา

ยามนี้คนทั้งบริษัทต่างเพ่งมองมายังแผนกบัญชีและการเงิน จู่ๆ ดอกฟ้าดันโน้มลงดินอย่างไม่ได้นึกถึงสถานะของตน แล้วนิยายเรื่องนี้ทุกคนก็เลยอยากรู้ว่าจะจบลงอย่างไร ถ้ากลยุทธได้ขึ้นเป็นเขยขวัญจริงๆ แน่นอนว่า ลูกน้องในใต้บังคับบัญชาน่าจะขยับขยายตำแหน่งตามๆ กันได้ไม่ยาก

“ตกลงเราจะทักหรือไม่ทักดี” สมศักดิ์ยังใคร่ครวญ

“ทักซิ ไม่ได้เสียหายอะไรนี่”

ว่าแล้ววรรณาก็ลุกขึ้น เดินดิ่งไปหาหนุ่มสาวสองคน ที่นั่งโต๊ะร่วมทานอาหารกลางวันด้วยกันโดยมีท่าทีสนิทสนม


“คุณวรรณา”

มาลีรีบละช้อนแล้วลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหน้าหมวยในชุดสูทกระโปรงสั้นเดินเข้ามาหา

“โลกกลมจริงๆ เลย”

วรรณารับไหว้พลางปรายตามองหนุ่มผมยาว ที่ขมวดผมเป็นก้อนกลมไว้กลางกระหม่อม

“มาได้อย่างไรน้องมาลี”

“จะเข้ามาเรียนต่อค่ะพี่”

สายตาของมาลีพยายามไม่แลเหลือบไปหาใครบางคน แต่แล้วเธอก็เห็นว่ามีอีกสองหนุ่มที่โบกมือไหวๆ เป็นเชิงให้รู้ว่าเห็นนะ ทักทายกันนะ มาลียิ้มรับ สลดวูบเมื่อไม่เห็นหน้าคนสำคัญ

แล้วมาลีก็หันมาสนใจพูดคุย บอกเล่าเรื่องของตนเองเพียงน้อยนิดให้กับคุณวรรณา ก่อนที่เจ้าหล่อนจะขอแยกตัวกลับออกไปทำงานพร้อมเพื่อนชายทั้งสองคน


“ลูกทัวร์เที่ยวสุดท้าย” มาลีนั่งลงเมื่อทั้งสามคนเดินออกจากฟู้ดเซ็นเตอร์ไปแล้ว

“โลกกลมจริงๆ มีใครที่คุณอยากเจอบ้างไหม”

เขารู้ว่ามีมาลีรู้จักคนในกรุงเทพฯ มากมาย มาลีปฏิเสธโดยการโคลงศีรษะ

“คุณเปลี่ยนไปนะ เมื่อก่อนดูร่าเริงแจ่มใส เหมือนยืนเหยียบอยู่บนโลกทั้งโลก”

มาลีมองหน้าคนถาม แล้วยิ้มนิดหนึ่ง

“ตอนนี้ละคะ”

“เหมือนแบกโลกไว้ รู้ไหมว่าตัวเองนะยิ้มแล้วสวยขึ้นเป็นกองเลยนะ”

น้ำเสียงเขานั้นก็ยังไม่เท่าดวงตาที่จ้องอยู่ที่ริมฝีปากหญิงสาว มาลีเองก็อยากจะบอกว่า เขาเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ตอนนั้นเขากับเธอเหมือนเด็กที่คิดแต่จะแกล้งกัน เธอเองก็สนุกที่ได้บริการหนุ่มผมยาวที่ปากดี เมื่อวานเขาก็ยังปากดี แต่วันนี้ดวงตาของเขาแพรวพราวนัก

มาลีเสก้มลงมองดูปกหนังสือ แล้วเขาก็แย่งไปแล้วก็พลิกกระดาษไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้จุดที่เขาจะพูดคุยด้วย

“ตอนนี้เรานั่งอยู่ตรงนี้นะ”

เมื่อนั่งอยู่ตรงกันข้ามกัน เขาจึงถือโอกาสขยับก้นมานั่งเก้าอี้อีกตัว เพื่อชี้ให้มาลีได้เห็นถึงจุดที่เขาและเธอนั่งอยู่

“เห็นไหมนี่ถือถนนรัชดาฯ จุดที่รถไฟฟ้าวิ่งยาวมาจนถึงถนนพระรามที่สี่ นี่ถนนลาดพร้าวบ้านเรา”

‘บ้านเรา’ สะดุดหูมาลีทีเดียว เราในที่นี้หมายถึง เราทั้งสามคนงั้นหรือ มาลีขยับเก้าอี้ออกห่างทั้งที่ตาก็ยังมองอยู่ที่ปลายนิ้วมือเรียวขาวสะอาดของเขา


เมื่อจัดการมื้อกลางวันในฟู้ดเซ็นเตอร์แล้วเขาก็พามาลีนั่งรถไฟฟ้า บีทีเอส ครั้งนี้มาลีตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นเพราะได้เห็นบรรยากาศทั้งสองข้างทางไปจนถึงวิธีเปลี่ยนขบวนรถไฟที่จะวิ่งต่อไปยังสถานีราชเทวี

เมื่อลงที่สถานีราชเทวีแล้ว เขาก็พาเธอลงมานั่งรถบัสธรรมดา ด้วยอากาศร้อนและร่างกายยังไม่คุ้นชิน ทำให้มาลีรู้สึกวิงเวียนศีรษะจนพะอืดพะอม ยิ่งรถเบรกๆ แล้วขยับวิ่งตามกัน มาลีจึงได้รู้ว่านี่คืออาการเมารถ ชัชชัยนึกขำ เพราะมาลีไม่เมารถที่วิ่งบนถนนคดโค้งบนภูเขาแต่มาเมารถตรงนี้ เขาตัดสินใจพาหญิงสาวลงจากรถแล้วเรียกรถแท็กซี่

แม้อาการจะดีขึ้น แต่มาลีก็ยังรู้สึกว่าภาพพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วที่อยากมานั้น พร่ามัวไปหมด ชัชชัยตัดสินใจประคองหญิงสาวข้ามถนนไปยังม้านั่งใต้ร่มมะขามริมสนามหลวง แล้วรีบวิ่งไปซื้อน้ำเย็นผ้าเย็นรวมถึงยาหม่องและยาดมมาให้

เมื่อได้รับการประคบประหงมแบบหนุ่มกับสาวในสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาแล้ว มาลีก็ถึงกับเรอออกมา

“เป็นลมจริงๆ แหละ”

หญิงสาวสลัดศีรษะไปมา

“ต่อไปเธอจะต้องผจญกับสิ่งเหล่านี้นะ ต้องปรับตัวให้ได้”

เมื่อได้ยินมาลีรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาอีกแล้ว เพราะใคร? ถึงทำให้ชีวิตเธอเป็นอย่างนี้ เธออยู่อุ้มผางก็ดีอยู่แล้ว เพราะเรื่องงี่เง่านั้นแท้ๆ เลย มาลีสูดลมหายใจเข้าปอด เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะสู้ จะต้องเข้มแข็ง จะไม่ยอมให้ใครที่ไหนมามองว่าเธออ่อนแออีกต่อไป

“ขอบคุณนะคะ”

มาลีเสียงดังขึ้น หญิงสาวกระแอมแล้วก็ลุกขึ้นขยับเนื้อตัวเตะแข้งเตะขา

“เป็นไร”

ชัชชัยมองท่าทีจากเนือยๆ เป็นคล้ายแสร้งเข้มแข็งแล้วมีสีหน้าแปลกใจ เขาจ้องดูหน้ามาลี แต่หญิงสาวพลิกตัวหลบสายตาของเขา โดยเสว่าอยากดูมุมอื่นของบริเวณนี้แทนตรงที่เดิม

“สู้ๆ” แล้วเสียงของเขาก็ทำให้มาลีขำกิ๊กๆ ขึ้นมา

“ต่อไปฉันจะสู้ ไปข้ามถนนกัน ทางเข้าตรงนั้นใช่ไหม”

มาลีชี้ไปยังประตูที่มีทหารยืนอยู่แต่มีผู้คนเดินเข้าเดินออกกันเป็นสาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ


เมื่อเบียดเสียดผู้คนไปยังที่ว่างสำหรับสักการะพระแก้วมรกต แล้วมาลีก็นั่งท่าเทพธิดาพนมมือหลับตาระลึกนึกถึงคุณของพระรัตนตรัย

‘ขอได้กลับไปอยู่อุ้มผาง มีเงินไปเปิดรีสอร์ตเป็นของตนเองทีเถิด ขอให้แม่แข็งแรง ขอให้น้องไม่เกเรตั้งใจเรียนหนังสือ ขอให้’ มาลีพยายามครุ่นคิด ‘ขอให้ ขอให้’ ใบหน้าของกลยุทธที่มีรอยยิ้มพิมพ์ใจผุดขึ้นมา แล้วมาลีก็สลัดทิ้ง รู้ว่าไม่ควรที่จะร้องขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้น หัวใจของตนในยามนี้ยังไม่มีใคร แล้วมาลีก็ได้ยินเสียงกระแอมไออันคุ้นเคย เธอไม่รู้จะขออะไร

มาลีลืมตาขึ้นนั่งมองเครื่องสักการะที่อยู่รายรอบองค์พระปฏิมา มองภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง แม้ผู้คนจะพลุกพล่านผุดลุกผุดนั่ง แต่ที่นี่ก็ทำให้จิตใจของตนนั้นสงบและชุ่มฉ่ำคล้ายกับว่าเธอนั่งอยู่ที่ริมลำธาร

“ไปลุก”

ชัชชัยลุกขึ้นก่อนจะจับต้นแขนของมาลีให้ลุกขึ้นตาม เมื่อเดินตามกันออกมาแล้วเขาก็ถามมาลีว่า

“อธิษฐานขออะไร”

“ขอให้ได้สามีรวยๆ” มาลีบอกไม่ตรงกับความเป็นจริง คนฟังชักสีหน้าทำตาขวางเข้าใส่ทันทีเช่นกัน

“รวยแล้วดีอย่างไร”

“เราก็สบายไปไม่ต้องทำงานให้เหนื่อยยาก”

“อยากได้จริงๆ อ่ะ” เขายังซักไซ้ มาลีแกล้งพยักหน้าตอบรับ “นิสัยใจคอไม่สำคัญเลยหรือ”

“ขอรวยมาก่อน นิสัยดูอีกทีไง ถ้ารวยแล้วนิสัยไม่ดีก็ไม่เอาหรอก”

“ตกลงเลือกที่นิสัยหรือรวย”

“นิสวย” นิสัย+รวย มาลีตอบกวนๆ กลับไป

“อยากถ่ายรูปไหม”

เขาเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเดินไปตามระเบียงคด มาลีเพ่งมองลวดลายปูนปั้นอันวิจิตรบรรจง แล้วครุ่นคิดถึงคนที่ทำงานเหล่านี้ คนทุกๆ คนเกิดมาเพื่อมีหน้าที่ที่ถูกกำหนดมาแล้วอย่างนั้นหรือ

“คิดไร” เขายังชวนคุย

“ก็น่าถ่ายรูปเก็บไว้นะ” มาลีตอบคำถามเดิม

“ถ่ายไหม” เขาถามซ้ำ

“อยากถ่ายไหมล่ะ” มาลีมีอารมณ์ที่จะกวนเขากลับไปเหมือนเดิม

“ถ้าอยากให้ถ่ายก็จะถ่าย ถ้าไม่อยากให้ถ่ายก็ไม่ถ่าย แต่บางทีถ้าไม่มีอารมณ์ถ่ายก็ไม่ถ่าย ถึงเธออยากจะถ่าย” ชัชชัยเล่นลิ้นคืนไปบ้าง มาลีครุ่นคิดตามแล้วยี้หน้าเข้าใส่ “ฉันอยากถ่ายแล้ว คุณอยากถ่ายไหมล่ะ”

ชัชชัยทำหน้าครุ่นคิด แล้วก็แลเหลือบมาสบตาหญิงสาวที่มีแววเว้าวอน “ถ่ายเอาบุญให้ก็ได้”


หลังจากออกจากวัดพระแก้ว เขาพาข้ามถนนชี้ให้ดูมหาวิทยาลัยศิลปากร แล้วก็พาเดินผ่านร้านรวงข้ามถนนมายังท่าช้าง แล้วชี้ให้ดูว่านั่นคือถนนไปท่าพระจันทร์ สุดถนนนั้นคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาพามาลีไปยังเรือข้ามฟากจ่ายเงินแล้วไปยืนรออยู่บนโป๊ะ

มาลีเริ่มเข้าใจอารมณ์ของนักท่องเที่ยวก็วันนี้เอง ความตื่นตาตื่นใจแม้สิ่งเหล่านั้นจะไม่ได้สวยงามมากมายหรือมีข้อบกพร่องไม่ใช่ปัญหา ปัญญาที่เกิดจากการได้เห็นได้ยินได้กลิ่นต่างหาก คือภาพความทรงจำอันดี

เรือข้ามฟากพามายังท่าน้ำวัดระฆัง ที่มาลีเคยได้ยินถึงกิตติศัพท์หลวงพ่อโต พรหมรังษี แม้เรือจะแล่นฝ่าระลอกคลื่น ชัชชัยก็ยังคงกดชัตเตอร์ถ่ายภาพมาลีกับวัดระฆังและวัดอรุณฯ สัญลักษณ์ของประเทศไทยไปอย่างไม่ได้สนใจผู้โดยสารอื่น ที่จ้องมองอย่างนึกขันกับการแสดงออกทางความรู้สึกที่เรียกว่า ‘รัก’ ของคนหนุ่มสาว

มาลีเองก็มีอารมณ์จ้องมองดูที่เลนส์และยิ้มกว้างหันหน้าสลับซ้ายขวาเล่นกล้อง โดยหารู้ไหมว่าภาพเหล่านั้นมันไม่ได้ถูกบันทึกแค่ระบบดิจิตอล แต่มันถูกบันทึกทั้งหมดลงบนหัวใจของคนถ่ายเลยทีเดียว

เมื่อเรือเทียบท่า ชัชชัยรีบก้าวมาหาแล้วฉุดแขนมาลีให้ลุกขึ้นเดินตาม แม้ไม่เข้าใจกับการกระทำนั้น แต่มาลีก็เริ่มคุ้นชินกับการแสดงความเอาใจใส่ของเขา โดยที่ไม่ได้เฉลียวใจว่า นั่นคือวิธีที่เขากำลังแสดงความรักออกมา


วันนั้นทั้งวันมาลีรู้สึกว่าตนเองใช้พลังไปอย่างมากมายมหาศาล แต่ด้วยสถานที่ที่เขาพาไปทั้งหมดนั้นมันเป็นสถานที่ที่เธอได้ยินมาตลอด เธอจึงมีพลังที่จะก้าวตามขายาวๆ ของเขาไปเรื่อยๆ ออกจากวัดระฆัง เขาพาขึ้นรถตุ๊กๆ ไปยังวัดอรุณฯ แล้วก็พาข้ามฟากกลับมายังท่าเตียนแวะวัดโพธิ์ นั่งรถตุ๊กๆ กลับมายังศาลหลักเมือง อธิบายถึงความสำคัญว่าทำไมต้องมาสักการะฝากเนื้อฝากตัวเองกับหลักเมือง

หลังจากนั้นเขาก็พามาลีนั่งรถตุ๊กๆ ไปยังวัดชนะสงคราม ช่วงเย็นย่ำพระอาทิตย์ลาแสง ไฟฟ้าบนถนนข้าวสารก็เรืองแสงส่องถนน เผยให้เห็นวิถีชีวิตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

อาหารค่ำมื้อนั้น แม้มาลีไม่ได้คิดไว้ว่าจะเป็นพิเศษอะไร แต่เขาก็ทำให้มาลีเซอร์ไพรส์ด้วยร้านในซอยหลังธนาคารออมสิน แยกคอกวัว ซึ่งเป็นตึกสูงสี่ชั้นซึ่งทุกๆ ชั้นก็มีสไตล์ที่แตกต่างกัน

ร้านพระนครบาร์ โดยเฉพาะชั้นที่ 4 ตบแต่งเพียงโต๊ะเก้าอี้ที่ทำจากปีกไม้สัก มีตะเกียงสลัววางอยู่ตรงกลาง และไฟสว่างส่ององค์พระเจดีย์ที่อยู่บนภูเขาทองของวัดสระเกศ

สายลมเย็นๆ พัดมา กรุงเทพฯ มุมนี้ทำให้มาลีรู้สึกผ่อนคลาย


รถของชัชชัยแล่นออกจากหน้าบ้านไปแล้ว มาลีไม่ได้ร้อนรนรีบไขกุญแจเข้าบ้านด้วยรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา สายตาของเขาทำให้เธอหวั่นไหว แต่เมื่อนึกถึงนันทาทำให้มาลีเก็บเขาไว้ในใจไม่ได้ มาลีพยายามสลัดทุกสิ่งอันที่เขามอบให้ออกจากหัวสมอง เป็นไปได้หรือที่เพียงวันเดียว

เพียงวันเดียว มาลีนึกถึงผู้ชายที่ชื่อกลยุทธคนที่เคยฝากคำว่า ‘คิดถึง’ ไว้กับเธอ นั่นก็แค่เพียงคืนและวันเท่านั้นที่เธอได้อยู่ใกล้ชิดเขา

ถ้าหัวใจจะมีรักเธอก็ไม่อยากเจ็บปวด ถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าบ้าน แล้วมาลีก็ต้องแปลกใจ ก็ก่อนจะออกไปจากบ้านหนังสือที่เธออ่านไว้ไม่ได้จัดเก็บเรียงเหมือนเดิม พื้นนั้นก็ไม่ได้ถูจนมีกลิ่นหอมจนกระทั่งเดินไปยังในครัวมาลีก็รู้ถึงว่ามีร่องรอยของคนทำความสะอาด

มาลีไปเปิดตู้เย็นในนั้นมีเนื้อหมู ผักคะน้า ไข่ไก่และเครื่องปรุงรสสำเร็จอีกหลายชนิด เป็นความคิดของใครนะ พี่ศรีวรรณทำตามคำสั่งของเขาหรือว่าพี่นันทา



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ธ.ค. 2554, 15:55:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ธ.ค. 2554, 15:55:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 2169





<< 10.รมณีย์   12."หนูขาไม่สวย" >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 8 ธ.ค. 2554, 15:56:53 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ..สำหรับ กลยุทธ กับ ชัชชัย นี่กินกันไม่ลงจริง ๆ ...จริง ๆ ผมชอบเขียนแนว หนึ่งหญิงสองชาย แบบอารมณ์สับสน ๆ มันก็สนุกอีกแบบหนึ่ง..


saralun 8 ธ.ค. 2554, 16:18:52 น.
กำลังสนุกเลยคะ....อยากรู้ตัวพระเอกแล้วคะ ^^
แต่แอบเชียร์ชัชชัย อิอิ


คิมหันตุ์ 8 ธ.ค. 2554, 16:20:31 น.
ง่าาาาาาา น่าสงสาร อีกหนึ่งหนุ่มนะคุณเฟื่องถ้าต้องผิดหวังอ่ะ


เดิมเดิม 8 ธ.ค. 2554, 17:12:53 น.
สองหนุ่มสูสี ขอเชียร์ กลยุทธค่ะ แต่นายชัชชัยก็น่ารัก เอ๊ะๆ


แว่นใส 8 ธ.ค. 2554, 19:44:37 น.
ใครเป็นพระเอกกันแน่นะ


mottanoy 8 ธ.ค. 2554, 22:36:20 น.
เชียร์ชัชชัย,
ชอบผู้ชายแนวนี้อ่ะห่ามแต่แอบหวาน


minafiba 8 ธ.ค. 2554, 23:33:38 น.
^_^


ปอยอะนะ 10 ธ.ค. 2554, 15:31:36 น.
ขอสองคนเลยละกันแบบว่าไม่อยากให้ใครผิดหวัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account