กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ

ตอน: ตอนที่ 26 พรหมลิขิต

บทที่ 26
พรหมลิขิต

“คุณเตชิต ดีใจจังเลยค่ะที่พบคุณอีก มาลัยคิดถึงคุณม้าก..มาก”

สาวสวยร่างเล็ก แต่งกายด้วยชุดเสื้อยืดสายเดี่ยวกระโปรงยีนรัดรูปจีบคอจีบคอพูดด้วยความดีใจ ไม่แยแสสักนิดว่าจะมีใครยืนอยู่ด้านข้าง

เตชิตพยายามรักษาท่าทีสุภาพบุรุษ ด้วยการฝืนยิ้มให้กับเธอ พร้อมกับยกมือข้างที่ยังเป็นอิสสระขึ้นแกะปลายนิ้วเรียวเหนียวนั้นออก ม่านนทียืนมองด้วยสีหน้าทางทางเรียบเฉย ไม่แสดงอาการกรุ่นโกรธแต่อย่างใด

“คุณมาลัย กรุณาปล่อยมือเถอะครับ” เตชิตเน้นย้ำทุกถ้อยคำ

“ทำไมละคะคุณเตชิต มาลัยอุตส่าห์คอยคุณตั้งหลายวัน รู้ไหมคะว่ามาลัยทรมานใจแค่ไหนที่ไม่ได้เจอหน้าคุณ พอรู้ว่าคุณนำเงินกลับมาไถ่ถอนที่ดินคืนให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มาลัยก็รีบวิ่งออกมาหาทันทีเลย”

เตชิตชำเลืองมองไปทางม่านนที ที่ซึ่งเจ้าตัวทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ ร่างสูงจึงได้แต่ถอนหายใจยาวคิดหาทางออกอย่างหนัก

“พอเถอะครับคุณมาลัย”

“คุณเตชิต มาลัยคิดไว้ไม่ผิดเลยว่าคุณต้องกลับมาช่วยพวกเรา คุณเป็นเจ้าชายในฝันของมาลัยนะคะ มาลัยรักคุณ”

ถ้อยวาจาไม่อายฟ้าอายดินของสาวสวยประจำชุมชน ทำให้คนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ถึงกับส่ายหน้าด้วยความระอาใจ เพราะต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าสิ่งที่มาลัยต้องการจริง ๆ นั้นไม่ใช่แค่เจ้าชายในฝัน แต่เป็น ‘เงิน’ ที่อยู่ในกระเป๋าของชายในฝันนั่นต่างหาก

“คุณมาลัย ฟังผมอธิบายก่อน” เตชิตต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ที่จะดึงตัวถอยห่างออกมา

“นะคะคุณเตชิต ขอแค่มาลัยได้อยู่ใกล้ ๆ คุณ จะเป็นที่หนึ่งหรือที่สองรองจากยายน้ำก็ได้ทั้งนั้น” หญิงสาวร่ำร้อง จนม่านนทีเริ่มเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ดวงตาคู่สวยจับจ้องอยู่บนใบหน้าคมคาย ราวกับต้องการคำตอบเดี๋ยวนั้น

เตชิตยิ้มเฝื่อน โชคดีที่คนอย่างเขารู้จักเตรียมตัวมาล่วงหน้า ราวกับคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าเหตุการณ์ทำนองนี้จะต้องเกิดขึ้นเข้าสักวัน ร่างสูงสวมชุดสูทจึงตัดสินใจยืนหันหน้าเข้าหาสาวสวยร่างเล็ก สารภาพความในใจด้วยสีหน้าท่าทางขึงขัง

“ฟังผมนะครับคุณมาลัย สิ่งที่คุณเข้าใจมาทั้งหมดนั้นเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด” ชายหนุ่มกล่าวเสียงจริงจัง “เงินที่ผมนำมามอบให้แก่ครูวิภาไม่ใช่เงินส่วนตัวของผม แต่เป็นเงินกู้ที่ผมบากหน้าไปขอกู้หนี้ยืมสิน มาจากเจ้าหนี้เงินกู้รายใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลต่างหาก”

“อะไรนะคะ” มาลัยถามกลับ ราวกับได้ยินไม่ชัด

เตชิตจึงแสร้งเล่นละครต่อ ด้วยการตีหน้าเศร้าถอนหายใจยาว

“ต้องขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้คุณเข้าใจผิด แต่ที่ผมทำมาทั้งหมดก็เพราะต้องการเอาชนะใจคุณน้ำ ด้วยการแสร้งทำตัวเป็นคนรวย มีรถยนต์ยี่ห้อหรูขับ ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ของผมเลยแม้แต่อย่างเดียว”

“...!!?”

สาวสวยร่างเล็กถึงกับหน้าถอดสี รู้สึกเหมือนสวรรค์ที่รอท่าอยู่พังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา ม่านนทีหันไปมองหน้าคนตัวสูง ในขณะที่เจ้าตัวแทบกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่

“นะ...นี่แปลว่า ของทุกอย่างไม่ใช่ของคุณงั้นเหรอคะ” มาลัยชี้นิ้วไปยังรถยนต์ยี่ห้อหรู รวมไปถึงนาฬิกาฝังเพชรที่ประดับอยู่บนข้อมือของชายหนุ่ม

“ครับ นี่เป็นของเลียนแบบที่ผมซื้อมาจากร้านริมถนน ถึงมันจะไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่แต่ก็พอใส่อวดใครต่อใครได้สบาย” เตชิตยิ้มรับอย่างเสียไม่ได้ ทำท่าจะถอดนาฬิกาแสนแพงออกและยื่นส่งให้แก่เธอ “ถ้าคุณไม่รังเกียจ จะลองเอาไปให้ร้านตีราคาดูก็ได้นะครับ”

“ไม่ดีกว่าค่ะ มาลัยเกรงใจคุณ” หญิงสาวปฏิเสธเสียงรัว รู้สึกหนักอกหนักใจขึ้นมากะทันหัน “อันที่จริง...มาลัยไม่ได้รังเกียจเรื่องพวกนี้หรอกนะคะ”

แม้จะผิดหวังอย่างหนัก แต่มาลัยก็ยังหวังว่าชายหนุ่มจะยังพอเหลือสมบัติเป็นชิ้นเป็นอันอยู่บ้าง

“ถ้างั้นก็ดีครับ ผมจะได้เบาใจหน่อย”

“เบาใจ” มาลัยทวนคำ “เรื่องอะไรเหรอคะ”

ใบหน้าคมคายยิ้มรับ นัยน์ตาเป็นประกาย “ก็เรื่องหนี้สินจำนวนหนึ่งล้านสองแสนบาท ที่ผมกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายยังไงละครับ ลองมีคุณมาลัยคอยอยู่เคียงข้างช่วยแบ่งเบาภาระอย่างนี้ ผมก็ค่อยสบายใจหน่อย”

คราวนี้หญิงสาวถึงกับหน้าซีดเผือดด้วยความช็อก รู้สึกรังเกียจ ‘เจ้าชายในฝัน’ ขึ้นมาทันทีทันใด

“เอ่อ..มาลัยว่าเรื่องนั้นไม่ค่อยดีมั้งคะคุณเตชิต” เธอตะกุกตะกัก “เรื่องที่มาลัยพูดออกไปเมื่อกี้นี้ มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเอง”

หญิงสาวร่างเล็กถอยห่างออกมาช้า ๆ

“คุณมาลัย”

“ขอโทษนะคะคุณเตชิต มาลัยนึกได้ว่ามีธุระด่วนต้องรีบไปทำ เอาไว้คราวหน้าเราค่อยหาเวลาคุยกันใหม่นะคะ ขอตัวก่อน”

พูดจบมาลัยก็รีบเดินหนีไปออกไปจากที่ตรงนั้นแทบไม่ทัน ทิ้งให้เตชิตยืนมองตามอย่างเดียวดายอยู่ตามลำพัง ม่านนทีกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ เดินตรงเข้ามาศอกสีข้างคนตัวสูงเบา ๆ โทษฐานแสดงละครตบตาได้แนบเนียน เสียจนน่าหมั่นไส้

“ร้ายนักนะคุณนี่ ปั่นหัวมาลัยเสียจนเขาวิ่งหนีไม่ทันเลย”

“ความจริงผมเตรียมตัวมาเยอะกว่านี้อีกนะ โชคร้ายที่หนีไปซะก่อน ไม่อย่างนั้นผมจะกะใช้แผนสำรองแล้วเชียว”

เตชิตระบายลมหายใจยาวอย่างโล่งใจ

“นอกจากนี้แล้ว ยังอุตส่าห์มีแผนสำรองอีกเหรอ” หญิงสาวเอียงคอถาม

“มีสิครับ”

“ไหนลองพูดมาซิ” ม่านนทีถามหยั่งเชิง

เตชิตจึงหันมายิ้มกว้างให้กับเธอ

“ผมก็จะบอกกับคุณมาลัยไปว่า ผมติดเชื้อเอชไอวีน่ะสิ…”

คำตอบของชายหนุ่มทำเอาม่านนทีถึงกับสะอึก ก่อนยกกำปั้นขึ้นทุบบ่ากว้างแรง ๆ

“บ้า คิดได้ยังไงเนี่ย ทุเรศที่สุดเลย” เธออุทานเสียงดัง เตชิตหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

“ช่วยไม่ได้นี่ครับ หรือคุณอยากให้ผมรับเขามาเป็นเมียอีกคนล่ะ”

หลังจากพูดออกไปแล้ว เตชิตก็รู้ตัวว่าพลาดไปถนัดใจ เมื่อม่านนทีไม่ขำด้วยแถมยังโกรธจัดจนระดมกำปั้นขึ้นทุบบ่ากว้างไม่มียั้ง จนชายหนุ่มต้องยกแขนขึ้นป้องพร้อมทั้งรวบจับมือบางเอาไว้เป็นพัลวัน ใบหน้าหล่อเหลานิ่วหน้าด้วยความเจ็บ สบดวงตาดุ ๆ พลางบ่น

“เจ็บนะครับ คุณน้ำ”

“สมน้ำหน้า ใครใช้ให้คุณพูดเล่นกัน” ม่านนทีเชิดหน้าใส่ “ลองรับเขามาอีกคนดูสิ ฉันจะไม่ยอมกลับมาให้เห็นอีกเลยคอยดู”

เตชิตยิ้มกว้างนัยน์ตาเป็นประกายเปี่ยมสุข อย่างเขามีหรือจะกล้าทำให้ม่านนทีเสียใจ ตรงกันข้ามกลับยิ่งรักและหวงแหนหญิงสาวมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกหลายเท่า

“ล้อเล่นหรอกครับ หัวใจของผมมีไว้เพื่อคุณคนเดียวเท่านั้น ไม่มีที่ว่างเว้นเหลือไว้ให้ใครอีกแล้ว”

ม่านนทีลอบยิ้มเขินให้กับสายตาที่จ้องมอง รอบกายของทั้งอบอวลไปด้วยกรุ่นไอรัก...ที่ผสานหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน ถักทอสายใยความพันผูกด้วยความเอาใจใส่ซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง เตชิตประคองกอดร่างบางเอาไว้หลวม ๆ พลางอดคิดไม่ได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะแผนการสลับตัวที่ราเมศวางเอาไว้ เขาก็คงไม่มีโอกาสพบกับม่านนทีและพบเจอกับความรักที่ตามหามาเนิ่นนาน

เสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอคนตัวสูง ทำให้ม่านนทีเงยหน้าขึ้นถามอย่างแปลกใจ

“มีอะไรเหรอคะ”

“คุณน้ำเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่าครับ” จู่ ๆ เตชิตก็เอ่ยปากถามขึ้น ในใจนึกหวนไปถึงชายหนุ่มหญิงสาวอีกคู่หนึ่ง ที่กำลังเผชิญกับมรสุมความรักอยู่เช่นเดียวกัน “คุณเชื่อหรือเปล่า ว่ามนุษย์เราไม่ได้พบกันด้วยความบังเอิญ แต่เป็นเพราะพรหมลิขิตกำหนดให้เราเจอกันต่างหาก”

ม่านนทีครุ่นคิดก่อนตอบออกไปอย่างไม่มั่นใจ

“ฉันเชื่อในการตัดสินใจของคนเรามากกว่าค่ะ”

“ทำไมละครับ”

“เพราะมนุษย์ควรลิขิตชีวิตตัวเอง มากกว่าเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไม่ใช่เหรอคะ”

เตชิตเผยรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนตัดสินใจเผยความจริงบางอย่างให้อีกฝ่ายร่วมรับรู้

“ถ้าอย่างนั้น ลองฟังเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อจากนี้ดู เพราะมันอาจทำให้คุณเปลี่ยนความคิดไปตลอดกาลก็ได้”


....ปิ่นแก้วนั่งหมอนอยู่บนเก้าอี้โซฟา บริเวณห้องโถงชั้นล่าง ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างราวกับกำลังคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเอง

เรื่องบางอย่างอาจฟังดูโง่เขลา...เพราะเธอเองก็เพิ่งรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้เอง ว่าเผลอปล่อยให้ราเมศเข้ามานั่งอยู่หัวใจตัวเองไปซะแล้ว แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ชายหนุ่มก็ได้ทำให้ชีวิตของเธอมีสีสันและเสียงหัวเราะ...รอยยิ้มและดวงตาอบอุ่นอ่อนโยนเฝ้าวนเวียนตามเธอไปทุกที่ ทุกนาที...จนกระทั่งปิ่นแก้วแน่ใจว่าความรู้สึกที่น่ารำคาญดังกล่าว

ใช้เรียกแทนความหมายของคำว่า ‘รัก’

ความรู้สึกบางอย่างเรียกร้องให้เธอรักเขา และปิ่นแก้วเองก็คงไม่ลังเลเลยที่จะยอมรับช่อดอกกุหลาบแทนใจที่อีกฝ่ายหอบนำมาให้

หากไม่ใช่เพราะว่า…

‘ผู้ชายอย่างราเมศไม่เคยจริงจังกับใครหรอก ขอเพียงมีใครสักคนคอยอยู่เคียงข้าง มอบความสุขให้กับเขาได้...แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว’

คำพูดของแววดาว ก่อเกิดคำถามมากมายก่อเกิดขึ้นภายในใจของปิ่นแก้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ เปรียบเสมือนสายลมที่พัดผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่ามันจะยั่งยืนยาวนาน ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนไม่แน่ใจ

รู้ตัวอีกที...เธอก็รักเขา จนยากที่ถอนใจคืนมาเสียแล้ว

“ขอแค่มีคนอยู่ใกล้ ๆ และมอบความสุขให้ได้...จะเป็นใครก็ไม่สำคัญสินะ”

ปิ่นแก้วกระซิบแผ่ว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้โกรธมากมายนัก หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสลับกับวางมันลงที่เดิมอย่างตัดสินใจไม่ถูก ว่าควรโทรฯหาราเมศดีหรือเปล่า

“เป็นอะไรไปลูกปิ่น เห็นก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับโทรศัพท์มือถือตั้งนานแล้ว กำลังรอให้ใครโทรฯมาหาหรือยังไง” เจ้าบ้านตระกูลวัฒนะเอกดำรง เดินตรงเข้ามาหาบุตรสาวพลางยั่วเย้าอย่างอารมณ์ดี

ปิ่นแก้วขยับแบ่งที่ให้บิดานั่งลงเคียงข้าง

“คุณพ่อ” เธอยิ้มเจื่อน

“ว่ายังไงลูก กำลังรอใครบางคนโทรฯมาหาอยู่หรือ”

“เปล่าหรอกค่ะ ปิ่นแค่กำลังสับสนนิดหน่อยเท่านั้นเอง” เธอยอมรับตามตรง ไม่รู้จะอธิบายให้บิดาเข้าใจได้ยังไง

“สับสนเรื่องอะไรอยู่ บอกพ่อได้หรือเปล่า”

“เอ่อ...คือปิ่น”

เห็นสีหน้าอาการของบุตรสาวแล้ว เจ้าบ้านตระกูลวัฒนะเอกดำรงก็พอจับเค้ารางความกังวลได้อยู่

“จะว่าไปแล้ว เจ้าหนุ่มที่ลูกควงไปงานเลี้ยงคราวก่อนหายหน้าไปไหนเสียแล้วล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้ลูกสาวพ่อหงอยเหงา เศร้าซึมอยู่คนเดียวแบบนี้”

ปิ่นแก้วไม่รู้ว่าตอบยังไงดี จึงได้แต่เลี่ยง ๆ ไป

“คุณพ่อยังจำได้ด้วยเหรอคะ”

“จำได้สิ ทำไมจะจะทำไม่ได้ หมอนี่หน่วยก้านท่าทางไม่เลวนะ แถมยังดูดีมีชาติตระกูลเหมาะสมกับลูกสาวพ่ออีกด้วย ว่าแต่หมู่นี้เขาหายหน้าไปไหนเสียล่ะ ไม่เห็นแวะเวียนเข้ามาคุยกับว่าที่พ่อตาบ้างเลย”

“คุณพ่อ” ปิ่นแก้วหน้าแดง

“ก็มันเรื่องจริงนี่ พูดก็พูดเถอะนะ ถ้าเขามาขอลูกแต่งงานลูกปิ่นจะว่ายังไง” คำถามของบิดา ส่งผลให้ปิ่นแก้วหน้าสลดลง

“เขา...คงไม่มาขอปิ่นหรอกค่ะ” เธอก้มหน้ากระซิบแผ่ว

คราวนี้คนฟังถึงกับขมวดคิ้วมุ่น

“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ลูกสองคนคบเป็นแฟนกันอยู่ไม่ใช่หรือไง”

“คือ...มันไม่ใช่อย่างที่คุณพ่อคิดหรอกค่ะ...ปิ่นหมายถึงว่าปิ่นเคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเขา แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว”

สีหน้าแววตาของชายสูงวัยอ่อนลง แม้จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อที่หวงลูกสาวขนาดไหนก็ตาม หากแต่สิ่งแรกที่นายเดชาคำนึงมักหนีไม่พ้นความรู้สึกของปิ่นแก้วอยู่เสมอ ชายสูงวัยยกมือขึ้นโอบกอดไหล่มนของบุตรพร้อมทั้งเอ่ยปากเบา ๆ

“มีเรื่องอะไรพอจะเล่าให้พ่อฟังได้หรือเปล่า”

“...เรื่องนั้น”

“เล่ามาเถอะนะ เรื่องของหนุ่มสาวพ่อเองก็เคยผ่านมาก่อน ถ้าไม่หนักหนาจนไปนักพ่อก็จะช่วยแนะนำวิธีแก้ปัญหาให้”

ปิ่นแก้วนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด ก่อนตัดสินใจเปิดปากเล่าความจริงบางส่วนให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่เธอเจอเขาที่หาดชะอำและเรื่องของนางแบบสาวสวย ที่อ้างสิทธิ์การเป็นเจ้าของหัวใจของชายหนุ่ม โดยเลือกเล่าแต่ในประเด็นที่พอเล่าได้ ยกเว้นเอาไว้แต่เฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ ซึ่งทันทีที่เล่าจบ นายเดชาก็ถึงกับตบเข่าฉาดใหญ่ด้วยความโมโห

“หน็อย อุตส่าห์นึกชอบใจแล้วแท้ ๆ แต่กลับมาหลอกลูกปิ่นของพ่อได้ แบบนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว”

“ใจเย็น ๆ สิคะคุณพ่อ ปิ่นไม่ได้ถูกเขาหลอกเสียหน่อย” ปิ่นแก้วแก้ตัว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังฉุนจัด “เขาก็แค่ ไม่ได้ทำอะไร ๆ ให้มันชัดเจนเท่านั้นเอง”
“นั่นแหละที่ใช้ไม่ได้ที่สุด” นายเดชาตะโกนอย่างเดือดดาล “เป็นผู้ชายมันต้องเลือกเอาสักอย่างสิ ว่าจะเอาใครระหว่างเมียกับแม่ของลูก ทำแบบนี้เท่ากับดูถูกลูกสาวพ่อชัดๆ”

“คุณพ่อ” ปิ่นแก้วหน้าแดงจัด “แม่ของลูกอะไรกันคะ เขายังไม่ได้ขอปิ่นแต่งงานเสียหน่อย”

“ไม่ต้องพูดแล้วลูกปิ่น เรื่องนี้ถือซะว่าไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน คนแบบนั้นไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว ผู้ชายดี ๆ ในโลกยังมีอยู่อีกตั้งมากมาย เอาไว้พ่อจะเป็นคนจัดการให้หนูเอง”

หญิงสาวลืมตาโต คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะหักมุมขนาดนี้

“เดี๋ยวสิคะ นี่อย่าบอกนะคะว่าคุณพ่อกำลังจะจับคู่ดูตัวให้ปิ่นอีกแล้ว” เธออุทานแผ่ว

“ก็ใช่น่ะสิ ลูกปิ่นคิดจริง ๆ หรือว่าพ่อจะยอมให้ลูกเป็นโสดขึ้นคานไปจนตาย ยังจำคุณทรงศักดิ์ทายาทเจ้าสัวใหญ่ ที่พ่อแนะนำให้ลูกครั้งก่อนได้หรือเปล่า เมื่อวานญาติผู้ใหญ่ฝ่ายโน้น เขาเข้ามาพูดทาบทามอยากให้ลูกเป็นหลานสะใภ้ พ่อเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย ก็เลยตกลงรับหมั้นเขาไปเรียบร้อยแล้ว”

“อะไรนะคะ”

พูดถึงอาเสี่ยนักธุรกิจวัยสี่สิบเศษขึ้นมา ปิ่นแก้วก็แทบล้มทั้งยืน ร่างบางลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้โซฟา หน้าตาซีดเผือดราวกับเพิ่งได้ยินคำตัดสินโทษประหารจากผู้พิพากษาก็ไม่ปาน

“คุณพ่อรับหมั้นเขา ทั้ง ๆ ที่ปิ่นไม่รู้เรื่องด้วยเลยสักนิดงั้นเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยปากเรียวปากสั่นระริก

นายเดชาถอนหายใจหนักหน่วง คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมตกลงด้วยง่าย ๆ

“พ่ออยากให้ลูกได้แต่งงานกับคนดี ๆ มันผิดด้วยหรือไง อันที่จริงพ่อกะจะพูดเรื่องนี้กับปิ่นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่รอคอยฟังคำตอบจากลูกอยู่ พอได้ยินแบบนี้ ก็คงไม่ต้องเสียเวลาคิดมากอีกแล้ว วันอาทิตย์หน้าลูกเตรียมตัวเข้างานวิวาห์กับเจ้าบ่าวที่พ่อหาให้ได้เลย”

“คุณพ่อ”

ปิ่นแก้วร้องเสียงดัง ทำท่าจะอ้าปากคัดค้าน แต่เจ้าบ้านตระกูลวัฒนะเอกดำรงคร้านที่จะเถียงกับบุตรสาวต่อ จึงตัดบทด้วยการเดินหนีขึ้นไปข้างบนห้องอ่านหนังสือดื้อ ๆ โดยไม่สนใจเสียงโอดครวญของเธอ ร่างบางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง

งานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นวันอาทิตย์หน้า เธอยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยด้วยซ้ำ แถมเจ้าบ่าวที่ต้องเข้าพิธีด้วยรูปร่างหน้าตายังไงเธอก็ยังไม่เคยเห็น ได้ยินแต่ว่าอายุอานามล่วงเลยเข้าวัยสี่สิบต้น ๆ เข้าไปแล้ว แล้วจู่ ๆ จะให้เธอทำใจยอมรับได้ยังไง

“ไม่อยากเชื่อเลย...นี่เราต้องแต่งงานจริง ๆ เหรอเนี่ย” ปิ่นแก้วกระซิบเสียงแผ่ว รู้สึกแน่นในอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ในขณะเดียวกัน....ใบหน้าของราเมศ ก็ยังคงลอยวนเวียนอยู่ในหัวใจซ้ำไปซ้ำมา

***********************

เหลี่ยมจัดจริง ๆ คุณพ่อ
งานนี้จะขายลูกสาว ได้ลงคือเหรอคะ อิอิ






เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ธ.ค. 2554, 16:31:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ธ.ค. 2554, 16:31:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 2235





<< ตอนที่ 25 ร่วมแรงร่วมใจ   ตอนที่ 27 หัวใจซ่อนกล >>
violette 2 ธ.ค. 2554, 00:14:50 น.
คุณเต้สุดยอดดด พร้อมรับมือมาก


เบลินญา 2 ธ.ค. 2554, 08:56:36 น.
ยังมีสุดยอดกว่านี้อีกค่ะ ^^


Zephyr 2 ธ.ค. 2554, 14:25:19 น.
อู้ย พี่เต้ขา ถ้าหนูน้ำไม่รู้เข้าใจผิดขึ้นมาจะลำบากนะคะ กะแผนสำรองของพี่น่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account