พื้นที่ชุ่มรัก
เมื่อได้รับคำขาดจากเหล่าคุณปู่คุณตาว่าต้องการเห็นหน้าหลานเขยหลานสะใภ้ก่อนวันเริ่มศักราชใหม่ซึ่งเหลือเวลาอีกครึ่งปี บรรดาหลานๆจึงปวดหัวหนักเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาหลานเขยหลานสะใภ้ที่จุดไหนของประเทศ และที่สำคัญกว่านั้น...ถ้าหลานคนใดคนหนึ่งทำตามความต้องการของท่านไม่ได้ ทุกคนจะต้องชดใช้ที่ทำให้คุณปู่คุณตาผิดหวังด้วยเงินและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่พอจะทำให้หลานๆสุดที่รักของพวกท่านล้มละลายกันได้ทีเดียว!!

แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
Tags: แผนการ คุณปู่ คุณตา หลาน ความรัก พื้นที่ชุ่มรัก ผลิดอกออกรัก

ตอน: เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 7

วันศุกร์แล้วค่ะ ปอแก้วหอบพี่อาร์มและปัญหารักชวนลุ้นผสมปวดหัวเล็กน้อยมาฝากผู้อ่านที่น่ารัก :)

ชอบไม่ชอบยังไงบอกกันได้เสมอนะคะ ทิ้งคอมเมนท์หรือกดไลค์ไว้ให้ชื่นใจเป็นของขวัญปีใหม่จะดีไม่น้อยเลยค่ะ อิอิ ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้เสมอมาค่ะ

โอกาสนี้ปอแก้วก็ขอให้คนอ่านที่น่ารักทุกคนมีความสุขมากๆในปีใหม่ที่จะถึงนี้นะคะ คิดอะไรสมความปรารถนา สุขภาพแข็งแรง อย่าเจ็บอย่าจนกันทุกคนนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ :D

--------------------------------------------------------------------------------------------------


ตอนที่ 7: เพราะความลับไม่มีในโลก



เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อชิษวัศจัดการเรื่องผ่าตัดของลุงชิดเสร็จชายหนุ่มก็จัดการขับรถตรงดิ่งสู่กรุงเทพมหานครทันที โดยไม่คิดจะแวะกินข้าวกลางวันแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านบ่ายโมงมานาน ทั้งที่ตอนแรกเขาก็ถามเธอว่าหิวไหมแต่ยังไม่ทันที่เธอจะตอบชิษวัศก็ปลีกตัวออกไปรับโทรศัพท์และกลับมาด้วยท่าทีรีบร้อนพร้อมกับบอกว่าเขาต้องรีบกลับกรุงเทพฯ มีธุระด่วน แถมยังถามเธอกลับว่าทนหิวไหวไหม เล่นกดดันเธอเสียทุกทางอย่างนี้จะให้เธอทำอย่างไร ดันทุรังให้เขาพาไปกินข้าวอย่างนั้นหรือทั้งที่เขาพูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่า ‘มีธุระด่วน’ และเธอก็ไม่ใช่คนสำคัญที่เขาต้องใส่ใจ...ไม่ใช่เลย

ตลอดทางหนึ่งร้อยกว่ากิโลเมตรจากพระนครศรีอยุธยาถึงกรุงเทพมหานครไม่มีแม้แต่เสียงสนทนาใดหลุดมาจากปากของทั้งคนขับและผู้ร่วมเดินทาง ชิษวัศยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ส่วนอีกคนที่นั่งข้างๆก็มองออกไปทางกระจกด้านข้างด้วยสายเหม่อลอย รู้ตัวอีกทีเมื่อชิษวัศบอกเธอว่าถึงบริษัทแล้ว มุกตาภาจึงเปิดประตูลงจากรถ ริมฝีปากกำลังเผยอเพื่อกล่าวขอบคุณ หากก็ไม่ทันเมื่อ Lexus LS460L สีดำปราบเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้อีกคนยืนมองตามด้วยหัวใจที่โหวงเหวง น้ำตาพาลจะไหลเอ่อขึ้นมาอีกครั้งถ้าไม่มีเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาเสียก่อน มุกตาภาคงปล่อยให้น้ำตามันไหลโดยไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปมาจะมองเธอเช่นไร

“ค่ะแม่” เสียงหวานเอ่ยรับสาย ปรับน้ำเสียงให้ปกติที่สุดเพื่อไม่ให้มารดาจับได้ว่าลูกสาวตัวเองกำลังเสียใจมากขนาดไหน

“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมเสียงไม่ค่อยดีเลย” ความเป็นห่วงของคนเป็นแม่ทำให้มุกตาภาอยากกลับไปซบตักอุ่นๆของมารดายิ่งนัก อยากเข้าไปกอดและขอกำลังจากท่านมากกว่าใครในโลก

“ไม่เป็นอะไรค่ะแม่” ลูกสาวคนเก่งแกล้งทำเสียงสดใส ถ้าบอกไปตามความจริงว่า ‘เป็นอะไร’ อีกไม่เกินสามชั่วโมงเธอคงได้เห็นหน้ามารดาเป็นแน่

“แล้วแม่โทรมามีอะไรคะ หรือที่ไร่มีเรื่อง” เมื่อลูกสาวถามกลับมาอย่างร้อนรนคนเป็นแม่จึงต้องรีบอธิบาย

“ที่ไร่จะไปมีเรื่องอะไรล่ะจ๊ะ มีตาเพชรอยู่ด้วยทั้งคน ที่แม่โทรมาเพราะมีเรื่องอยากให้หนูมุกช่วยแม่หน่อย”

“อะไรคะ” มุกตาภารีบถาม ถ้าถึงขนาดให้เธอช่วย ท่านคงมีเรื่องด่วนจริงๆ

“วันนี้มีคนงานขับรถขึ้นกรุงเทพฯ แม่ก็เลยฝากของจากไร่เราไปไว้ที่บ้าน อยากให้หนูมุกช่วยเอาไปให้ป้าอัญหน่อย แม่เขียนแผนที่แนบไปแล้ว”

สิ่งที่มารดาอยากให้ทำเป็นสิ่งที่มุกตาภาไม่อยากเลยที่จะรับปาก ขืนเธอไป...มีหวังชิษวัศได้รู้ความจริงจากปากของคุณอัญชิสาแน่ว่าเธอเป็นใคร

“แล้วทำไมแม่ไม่ให้คนงานไปส่งที่บ้านป้าอัญเลยล่ะคะ จะให้มุกไปทำไม” เธอพยายามบ่ายเบี่ยง ถึงชิษวัศบอกว่าเขาติดธุระด่วน แต่มันก็เสี่ยงเกินไปถ้าจะเหยียบเข้าถ้ำเสือด้วยขาของเธอเอง

“ก็ป้าอัญเขาอยากเจอหนู แม่ก็บอกแล้วว่าหนูมุกอาจจะไม่ว่างเพราะทำงาน แต่ป้าอัญก็ยังคะยั้นคะยอแล้วหนูมุกจะให้แม่ปฏิเสธยังไง หนูมุกไม่อยากเจอพี่อาร์มหรือลูก”

ชื่อของชิษวัศทำให้หัวใจดวงน้อยวูบไหวขึ้นมา อยากบอกมารดาเสียเหลือเกินว่าเธอได้เจอกับพี่อาร์มแล้ว แต่เขาจำเธอไม่ได้เลย มีเพียงแค่เศษเสี้ยวความทรงจำเท่านั้นที่เขาพอจะจำได้ เศษความจำที่เหมือนผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง

“มุกยังไม่พร้อมที่จะเจอพี่อาร์มค่ะแม่” มุกตาภาบอกมารดาไปตามตรง เธอ...ยังไม่อยากพบชิษวัศในฐานะ ‘หนูมุก’ เด็กน้อยผู้ถูกลืมเลือน

“แล้วถ้าวันนี้พี่อาร์มไม่อยู่ หนูมุกจะไปทำธุระให้แม่ได้ไหมลูก ป้าอัญเขาอยากเจอหนูจริงๆ” มุกตาภาถอนหายใจออกยาวเมื่อถูกมารดารบเร้า ใจจริงไม่ใช่ว่าไม่อยากไปพบอัญชิสา หญิงสาวรู้ว่าป้าอัญเอ็นดูเธอมากราวกับเป็นลูกของท่านอีกคนหนึ่ง เธอเองก็ทั้งรักและเคารพท่านเช่นกัน ถ้าไม่ติดว่ากลัวความลับว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นใครจะแดงขึ้นมา หญิงสาวจะรีบรับปากมารดาไปตั้งแต่ประโยคแรกที่ท่านขอร้องมาเลย

“พี่อาร์ม...ไม่อยู่แน่นะคะ” ลูกสาวถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ถ้าชิษวัศไม่อยู่จริง...ก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

“จ้ะ แม่โทรไปถามป้าอัญมาแล้ว ว่าแต่หนูมุกยอมไปทำธุระให้แม่แล้วใช่ไหมลูก”

“ค่ะแม่ เดี๋ยวมุกจัดการให้นะคะ” เมื่อไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธมุกตาภาจึงตอบตกลงจัดการทำธุระให้มารดา แม้ภายในใจจะมีความกลัวอยู่บ้างว่าเรื่องราวอาจจะไม่เป็นไปอย่างที่คิด แต่ก็คงไม่มีอะไรแย่เกินไปกว่าคำพูดของชิษวัศเมื่อคืนอีกแล้ว

‘เรื่องสมัยเด็กคงไม่มีใครมานั่งจำกันหรอก’ ประโยคนี้ไม่ว่าทำอย่างไรมุกตาภาก็สลัดมันให้หลุดไปจากความคิดไม่ได้เสียที เจ็บปวดราวกับมีคนใช้แผ่นเหล็กนาบไฟจี้ลงกลางใจของเธอ ร่างระหงสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอดก่อนจะหมุนตัวเพื่อไปยังอาคารจอดรถของบริษัท เหลือบดูนาฬิกาเรือนเงินที่ข้อมือเพื่อคำนวณเวลาการเดินทางจากที่ทำงานไปบ้านตัวเองและต่อไปยังบ้านของชิษวัศเพื่อให้ทันอาหารมื้อเย็นที่มารดาเธอบอกก่อนวางหูไปว่าวันนี้ป้าอัญเข้าครัวเพื่อทำอาหารรอต้อนรับหลานสาวคนโปรดด้วยตัวเอง













ชิษวัศเลี้ยวรถเข้าบ้านอย่างรวดเร็วเมื่อประตูรั้วเปิดกว้างด้วยระบบไฟฟ้าก่อนจะถอยหลังเก็บเข้าโรงจอดรถอย่างชำนาญ ร่างสูงก้าวลงพร้อมกับเสื้อสูทที่พาดไว้บนแขน ชะงักไปนิดกับรถอีกคันที่จอดอยู่ซึ่งไม่คุ้นเคย แต่เมื่อเห็นคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของเดินออกมาจากบ้านของตัวเอง ชิษวัศก็รู้ทันทีว่ารถคันนี้เป็นรถของใคร

...ทวิดาร์...

หญิงสาวรูปร่างสูงกว่ามาตรฐานหญิงไทยกำลังเดินตรงมาหาด้วยรอยยิ้มกว้าง แม้จะไม่ได้เจอกันนานหลายปีแต่ทวิดาร์ก็แทบจะไม่ได้เปลี่ยนไปเลย คิ้วโค้งสวยรับกับดวงตาเรียว จมูกโด่ง ริมฝีปากบางอวบอิ่มวาววับด้วยลิปกรอส โครงหน้ารูปไข่ที่ขาวอย่างมีเลือดฝาดแต่งแต้มบริเวณพวงแก้ม ผมยาวสลวยสีบรอนด์เบจถูกโรลจนเป็นลอนใหญ่ทิ้งตัวสวยจรดกลางหลัง กระโปรงชุดเดรสผ้าชีฟองสีชมพูหวานยาวเหนือเข่าพลิ้วไหวตามย่างก่อนเจ้าตัวจะมาหยุดนิ่งตรงหน้าชิษวัศ

“คิดถึงอาร์มที่สุดเลย” ทวิดาร์โผเข้ากอดโดยชิษวัศยังไม่ทันได้ตั้งตัว กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆกลิ่นเดียวกับเมื่อก่อนลอยมาแตะจมูกของคนที่ถูกขโมยกอด ชิษวัศดันร่างนั้นออกห่างอย่างมีมารยาท ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจให้อีกฝ่ายต้องลำบากใจ

“มานานหรือยังเฟลอร์” เสียงทุ้มถามไถ่ ทวิดาร์ส่ายหน้าน้อยๆ ผมยาวลอนสวยปัดไปมาอยู่กลางหลัง

“ก่อนอาร์มเดี๋ยวเดียวเอง”

“เข้าไปหาคุณแม่หรือยัง” ชายหนุ่มถามขณะเดินเคียงคู่กับทวิดาร์เข้าไปในบ้านหลังของตนเอง

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” บอกพร้อมรอยยิ้มหวาน “แต่คุณป้าดูยุ่งๆอยู่ในครัว เฟลอร์เลยไม่อยากอยู่กวน ออกมาข้างนอกดีกว่า”

ชิษวัศเลิกขึ้นสูง สงสัยในคำพูดของทวิดาร์ เพราะปกติมารดาของเขาน้อยครั้งนักที่จะลงครัวทำอาหารเอง ถ้าถึงขนาดที่คุณอัญชิสาแสดงฝีมือด้วยตัวเองแล้วล่ะก็ แสดงว่าวันนี้ต้องมีแขกสำคัญ แต่ว่า...ใคร เป็นใครกันที่ทำให้มารดาสุดที่รักของเขาลงทุนจับตะหลิวด้วยตัวเอง ไม่รอให้สงสัยไปมากกว่านี้ ร่างสูงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น มุ่งหน้าไปยังห้องครัวห้องใหญ่ของบ้านเพื่อไขข้อสงสัย โดยคนที่จะตอบคำถามได้คงไม่ใช่คานอกจากแม่ครัวกิตติมาศักดิ์ประจำวันนี้...คุณอัญชิสา

“คุณแม่”

“อ้าว...อาร์ม” คุณอัญชิสาที่กำลังง่วนอยู่กับการปรุงอาหารหน้าเตาหันมาตามเสียงเรียกของลูกชาย ดวงตาเรียวสีนิลที่เหมือนกับชิษวัศไม่มีผิดเพี้ยนเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นบุคคลที่เมื่อวานเพิ่งจะโทรมาบอกกับท่านว่าจะกลับพรุ่งนี้ตอนเช้าหลังจากจัดการเรื่องอาการป่วยของนายชิดเรียบร้อย

“ไหนบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้เช้า แล้วชิดเป็นยังไงบ้างลูก” ผู้เป็นมารดาถาม แต่มือยังคงสาละวนอยู่กับแกงมัสมั่นตรงหน้า

“ก็มีสาวสวยส่งข้อความไปตามนี่ครับ” ดวงตาสีนิลเหล่มาทางทวิดาร์นิดหนึ่ง “ส่วนลุงชิด...คุณหมอบอกว่าปลอดภัยแล้ว ไม่น่าเป็นห่วง เรื่องค่ารักษาผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ ส่วนตอนออกจากโรงพยาบาลผมคิดว่าจะให้คนรถบ้านเราไปรับ” ชิษวัศแจกแจงโดยละเอียด คุณอัญชิสาที่กำลังชิมรสชาติแกงมัสมั่นพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของลูกชาย

“อาร์มก็จัดการตามเห็นสมควรเลยแล้วกัน” คุณอัญชิสาส่งหน้าที่ต่อให้กับแม่ครัวประจำบ้าน ก่อนจะหันมายิ้มให้กับสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

“แต่ว่า...ตาอาร์มนี่ยังเชื่อหนูเฟลอร์ไปเปลี่ยนไปเลยนะ” พูดไปพร้อมกับส่งหลิ่วตามามองลูกชายตัวดีอย่างมีเลิศนัย ยอมรับจากใจจริงว่าเสียดายไม่น้อยเมื่อครั้งชิษวัศบอกว่าสถานะระหว่างตนเองกับทวิดาร์เปลี่ยนจาก ‘คนรัก’ กลับมาเป็น ‘เพื่อน’ เหมือนอย่างเดิม เพราะคุณอัญชิสารู้จักลูกชายของตัวเองดีว่าเป็นผู้ชายที่ถูกใจคนยาก และทวิดาร์ก็เป็นเด็กที่น่ารัก ไม่มีมากมีน้อยกับใคร การศึกษา กิริยามารยาท ชาตbตระกูลก็ดีพร้อม แม้จะขัดใจในตอนแรกเพราะมีชื่อว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ในใจมานานแล้ว แต่เมื่อได้รู้จักกับทวิดาร์ ท่านเองก็รู้สึกรักและเอ็นดูเด็กคนนี้ไม่น้อยเลย

“เพราะอย่างนี้เลยต้องรีบกลับมาไงครับ กลัวว่าเฟลอร์จะปากหวานอ้อนคุณแม่เสียจนผมตกกระป๋อง” แม้จะพูดออกไปคล้ายทีเล่นทีจริง แต่ชิษวัศก็รู้ว่าทวิดาร์ต้องเข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและสุขุมพอที่จะรู้ว่าระหว่างเธอและเขามีขอบเขตแค่ไหน สมควรจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้มิตรภาพความเป็นเพื่อนที่มีอยู่จบลง

“อาร์มก็พูดเกินไป จริงไหมคะคุณป้า” ทวิดาร์เริ่มหาตัวช่วย รู้ดีว่าชิษวัศต้องการสื่อสารอะไรกับเธอ เขากำลังบอกว่า ‘ถึงเธอจะหว่านล้อมป้าอัญอย่างไร เขาก็ไม่มีทางที่จะกลับมาอยู่ในสถานะคนรักของเธอได้เหมือนเดิม’ สมกับเป็นชิษวัศที่เธอรู้จักเสียจริงเชียว ไม่ยอมหันหลังกลับไปหาในสิ่งที่เป็นอดีต คนหรือของที่เสียไปแล้วต่อให้มันย้อนกลับมาหาอีกครั้ง ผู้ชายคนนี้ก็ไม่คิดที่จะเป็นเจ้าของอีกซ้ำสอง

“ใช่จ้ะ อาร์มของแม่น่ารักอย่างนี้จะตกกระป๋องได้ยังไง” คุณอัญชิสายิ้มกว้างให้ลูกชายที่ส่ายหน้าน้อยๆเมื่อเห็นว่ามารดาได้ลูกคู่ที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียเหลือเกิน ชิษวัศจึงกลับมาสนใจกับความสงสัยในตอนแรกว่าเพราะอะไรวันนี้แม่ครัวกิตติมาศักดิ์ถึงลงครัวแสดงฝีมือเอง

“ว่าแต่วันนี้ทำไมคุณแม่ถึงลงครัวล่ะครับ” ชิษวัศละสายตาจากมารดาดูกับข้าวที่เรียงรายอยู่บน เคาท์เตอร์เตรียมอาหาร มีทั้งน้ำพริกกะปิเคียงกับผักต้มนานาชนิด ปลาทูทอดตัวโตหลายตัว ต้มยำกุ้งน้ำข้น และอย่างสุดท้ายคงเป็นแกงมัสมั่นที่กำลังส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย

“แล้วแต่ละอย่างนี่คุณแม่ทำรสโปรดของตัวเองหรือเปล่าครับ ถ้าอย่างนั้นผมกับเฟลอร์คงกินได้แค่มัสมั่นอย่างเดียว” ถามเพราะเห็นว่าอาหารแต่ละอย่างมีแต่เผ็ดๆทั้งนั้นจะเว้นเสียแต่แกงมัสมั่นที่มีรสชาติออกหวาน ซึ่งปกติชายหนุ่มกินเผ็ดพอได้แต่ก็ไม่มากนัก ทวิดาร์เองก็เช่นกัน

คุณอัญชิสามองค้อนลูกชายที่กลัวว่าจะกินกับข้าวฝีมือของคนเป็นแม่ไม่ได้เพราะเกรงว่ารสจะจัดเกินไป เนื่องจากทั้งบ้านมีเพียงแค่ท่านคนเดียวที่กินอาหารรสจัด ส่วนผู้ชายอีกสองคนที่เหลือกินเผ็ดกันไม่ค่อยจะได้ หลายครั้งหลายคราที่ท่านชอบค่อนแคะสามีกับลูกชายว่าเป็นผู้ชายเสียเปล่าแค่อาหารเผ็ดๆแค่นี้ก็ต้องมาทำน้ำตาเข้าน้ำตาออก แต่สองพ่อลูกคู่นั้นก็ทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียร่ำไป

“หนูเฟลอร์โทรมาบอกแม่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าจะมาฝากท้องด้วย แม่เลยทำแบบไม่เผ็ดมาก แล้วที่แม่มาต้องลงมาทำเองเพราะวันนี้ลูกสาวเพื่อนแม่จะมา...” ยังไม่ทันที่คุณอัญชิสาจะพูดต่อหรือชิษวัศจะถามกลับ สาวใช้คนหนึ่งของบ้านก็เดินเข้ามาในห้องครัวพร้อมกับคำพูดที่นำมาบอกแก่นายหญิงของบ้านว่า ‘มีแขกมาขอพบค่ะ’ และเมื่อถูกถามกลับว่าใคร คำตอบของสาวใช้ก็ทำให้คุณอัญชิสาปกปิดรอยยิ้มไว้ไม่อยู่

แม้จะอายุข้ามผ่านไปยังห้าสิบช่วงปลาย แต่คุณอัญชิสาก็ยังดูแลรักษาสุขภาพและรูปร่างเป็นอย่างดีจนถ้าใครคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนทายอายุ ทุกคนล้วนทายต่ำกว่าความจริงทั้งสิ้น ท่านจัดการปลดผ้ากันเปื้อนไว้ในครัวก่อนจะเดินมารับอาคันตุกะคนใหม่ที่เดินเข้ามาภายในบ้านหลังสวยพร้อมกับกระเช้าองุ่นแดงสดจากไร่เต็มมือ แถมด้วยน้ำองุ่น แยม พาย ที่จัดลงอีกกระเช้าโดยให้สาวใช้ของบ้านอีกคนช่วยถือมา

“สวัสดีค่ะป้าอัญ” มุกตาภากระพุ่มมือไหว้ผู้สูงวัยหลังจากยื่นกระเช้าให้สาวใช้ที่เดินมากับคุณอัญชิสารับไป

“หนูมุก ขอป้ากอดให้หายคิดถึงหน่อยลูก” จบคำพูดของคุณอัญชิสา อ้อมแขนของผู้สูงวัยเปิดกว้างรับร่างของลูกสาวเพื่อนสนิทมาไว้ในอ้อมกอด ท่านรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้มาตั้งแต่ยังเล็ก คงเพราะความอยากมีลูกสาวอีกสักคน จึงทำให้ถูกชะตากับเด็กหญิงมุกตาภาตัวน้อยๆในสมัยก่อน ยิ่งพอโตเป็นสาวสะพรั่งหน้าตาน่ารักน่ามองท่านยิ่งอยากได้เด็กคนนี้มาเป็นลูกเสียอีกคน แต่หากไม่ใช่ลูกสาวอย่างที่เคยอยากให้เป็นในอดีต แต่เป็นในฐานะของ...ลูกสะใภ้ต่างหาก

“ป้าอัญสบายดีไหมคะ มุกคิดถึงป้าอัญมากๆเลยค่ะ” รอยยิ้มสวยพราวขึ้นบนใบหน้านวลจนคุณอัญชิสาอดที่จะบีบแก้มใสด้วยความมันเขี้ยวเบาๆไม่ได้

“คิดถึงป้าหรือคิดถึงพี่อาร์มกันแน่จ๊ะ” ประโยคนี้เรียกเลือดฝาดของมุกตาภาได้เป็นอย่างดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณอัญชิสาติดต่อกับมารดาของมุกตาภาเสมอมา จึงพอรู้ว่าสาวน้อยตรงนี้รู้สึกอย่างไรกับลูกชายของท่าน ความผูกพันในวัยเด็กค่อยผ่านวันและเวลาจนกลายเป็นความรัก จะติดอยู่แค่อย่างเดียวคงเป็นความรู้สึกของชิษวัศว่ารู้สึกเช่นไรกับน้องน้อยในวันวาน เพราะที่ผ่านมาท่านไม่เคยได้ยินลูกชายเอ่ยถึงมุกตาภาเลยสักครั้ง บางที...เจ้าลูกตัวดีอาจจะหลงลืมไปว่าในอดีตเคยมีเด็กหญิงตัวเล็กคอยวิ่งตาม

“คือว่ามุก...”

“คุณแม่ครับ”

มุกตาภาที่กำลังจะปฏิเสธข้อกล่าวหาของคุณอัญชิสาชะงักค้าง ดวงตากลมโตมองผ่านด้านหลังของเพื่อนสนิทมารดาไปตามเสียงที่ได้ยิน ร่างสูงอันคุ้นตาปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้า และดูเหมือนอีกฝ่ายก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน ชิษวัศมองแขกคนใหม่ของบ้านด้วยแววตาไม่เข้าใจว่าผู้ช่วยของตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วถ้าเมื่อครู่ฟังไม่ผิด เธอเรียกมารดาของเขาว่า ‘ป้าอัญ’

...นี่มันอะไรกัน...

“อ้าวอาร์ม...มาพอดีเลย แม่กำลังพาหนูมุกไปแนะนำ อาร์มจำน้องได้หรือเปล่าลูก”

ชิษวัศมองหน้ามารดาสลับกับมุกตาภา สมองเริ่มทำการประมวลเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ดวงตาสีนิลมองนิ่งไปยังมุกตาภาที่หน้าซีดเผือดราวกับถูกจับได้ว่าตัวเองทำอะไรผิด ชิษวัศพอที่จะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง แม้จะไม่มาก แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่ชายหนุ่มสามารถพิสูจน์ข้อข้องใจที่สงสัยมานาน...เธอรู้จักเขามาก่อนจริงๆด้วย

“หนูมุก...หรือครับ” คำเรียกขานที่อยากฟังมานานจากปากของชิษวัศไม่ได้ทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกดีขึ้นมาเลย มิหนำซ้ำยังรู้สึกถึงความไม่พอใจของชิษวัศแผ่ซ่านในรัศมีรอบตัวจนเธอรู้สึกกลัว

“สมัยเด็กๆที่บ้านสวนที่อยุธยาไงจ๊ะอาร์ม ที่อาร์มชอบเล่นกับน้องใต้ต้นนนทรีทุกๆปิดเทอม”

เมื่อมารดาค่อยๆขยายความเรื่องราวที่ลืมเลือนก็ค่อยๆปะติดปะต่อกันจนเป็นภาพ แม้จะไม่ชัดเจนแต่ก็พอนึกออกว่าสมัยก่อนเคยเล่นกับเด็กคนนึงที่ใต้ต้นนนทรีจริงๆ หน้าตาของเด็กคนนั้นที่ลางเลือนในฝันค่อยๆชัดขึ้นในความทรงจำก่อนจะมาซ้อนทับกับดวงหน้าของมุกตาภา เสียงเรียกขาน ‘หนูมุก’ ของตนเองในวัยเด็กดังก้องในหัว ความทรงจำที่ลืมไปนานถูกรื้อขึ้นมาใหม่และเด่นชัดขึ้น มุกตาภาคือ ‘หนูมุก’ เด็กน้อยตัวป้อมที่คอยวิ่งไล่ตาม ‘พี่อาร์ม’ คนนั้นโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักที่เข้ามาสมัครงานเป็นผู้ช่วยของเขาทั้งๆที่รู้ว่าเขาเป็น ‘พี่อาร์ม’ ของเธอ มุกตาภารู้ตั้งแต่แรกทว่าไม่ยอมพูดอะไรออกมา เธอเลือกที่จะปิดบังเพื่ออะไรกัน

“ผมขอคุยกับ ‘หนูมุก’ หน่อยได้ไหมครับ” ชิษวัศขออนุญาตมารดา และแน่นอนว่าคุณอัญชิสาไม่ปฏิเสธข้อเรียกร้องของลูกชาย

“เอาสิจ๊ะ...งั้นหนูเฟลอร์ก็มาช่วยป้าตั้งโต๊ะดีกว่าเนอะ” อนุญาตเสร็จก็คว้าแขนทวิดาร์ที่ยืนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดในเดินตาม ซึ่งหญิงสาวก็ทำตามแต่โดยดี เพราะดูจากสถานการณ์ผู้หญิงคนนั้นคงจะต้องรับศึกหนักแน่ เธอไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีที่มาจากอะไร แต่ที่รู้แน่ๆก็คือชิษวัศกำลังโกรธ แถมยัง...มากเสียด้วย


-------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนต่อไปเจอกันวันศุกร์ของปีหน้าเลยนะคะ :) ขอส่งท้ายปีด้วยความรักของหนูมุกที่หน่วงแสนหน่วง พอปีหน้าและตอนหน้า หลายอย่างจะเปลี่ยนไปค่ะ พี่อาร์มจะเริ่มเปิดเผยความรู้สึกมากขึ้นจนหนูมุกแทบรับไม่ทันเลยทีเดียว ฮา...เจอกันปีหน้าค่ะ ><


ตอบเมนท์ค่ะ...


anOO : พี่อาร์มไม่พาไปด้วยน่ะสิคะ แต่บรรดาแม่ๆก็ดันพาทั้งคู่และช่วยเฉลยทุกสิ่งอย่างจนได้ ความจริงเปิดเผยโดยที่พี่อาร์มโกรธอยู่ไม่น้อยเชียวค่ะ :( หนูมุกแย่อีกแล้ว ตามลุ้นต่อปีหน้าด้วยกันนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ :D

Amata : หนูมุกเป็นผู้หญิงที่มั่นคงมากเลยใช่ไหมคะ ความรักที่ฝังใจต่อให้ทำยังไงก็ยากจะลืมค่ะ ฮ่าๆ สวัสดีปีใหม่นะค้า...:D

violette : พี่อาร์มถูกคุณ violette งอนเข้าให้แล้ว โอ๋ๆ อย่าเพิ่งโกรธพี่อาร์มนะคะ เพราะบทจะน่ารักพี่อาร์มก็น่ารักนะคะ สวัสดีปีใหม่จ้า :D

roseolar : พี่อาร์มเกือบจะจำอะไรไม่ได้เลย พอมีคนมาทำให้นึกออกก็โกรธหนูมุกอีกที่ไม่ยอมบอก เฮ้อ...เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของหนูมุก แถมยังมีแฟนเก่าที่แสนเพอเฟ็ครีเทิร์นกลับมา หนูมุกเจอศึกรอบด้านจริงๆค่ะ ปอแก้วคงต้องขอกำลังใจจากคุณ roseolar ให้หนูมุกเยอะๆหน่อยนะคะ ฮ่าๆ, สวัสดีปีใหม่นะจ๊ะ :D



ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ธ.ค. 2554, 08:27:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ธ.ค. 2554, 08:27:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1744





<< เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 6   เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 8 >>
ปรางขวัญ 30 ธ.ค. 2554, 11:45:31 น.
หนูมุกต้องตั้งรับดีๆน๊า มาอีกทีก็ปีหน้าเลย แอบขอสองตอนรวดได้รึเปล่าคะไรเตอร์ @^-^@


anOO 30 ธ.ค. 2554, 12:20:35 น.
สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ
ตอนหน้าหนูมุกต้องโดนมิใช่น้อยแน่ๆ เลย


nunoi 30 ธ.ค. 2554, 15:35:35 น.
ปีหน้าหนูมุกต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับพี่อาร์มดีๆนะจ๊ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะไรเตอร์


violette 30 ธ.ค. 2554, 23:29:02 น.
หนูมุกเอ้ยยย
ยังคงหมั่นไส้อิตาพี่อาร์มต่อไปค่ะ ชริชริชริ
สวัสดีปีใหม่ค่าคุณปอแก้ว มีความสุขมากๆทั้งกายและใจค่ะ


Amata 31 ธ.ค. 2554, 02:22:39 น.
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้สมหวังทุกอย่าง มีความสุขมากๆนะคะ


roseolar 3 ม.ค. 2555, 15:37:56 น.
กรี๊ดด~
พี่อาร์มรู้ความจริงแล้ววววว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account