เล่ห์จันทร์ร้อยใจ
สำหรับตฤณแล้ว อินทุอร นางแบบสาวชื่อดัง เป็นพระจันทร์เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ และน่ารังเกียจ เพราะเธอ เขาต้องซมซาน สะบักสะบอมจนแทบไม่มีที่ยืน...และเมื่อโอกาสที่เขาจะสั่งสอนเธอมาถึง มีหรือที่เขาจะยอมให้หล่อนต้องหลุดมือไปโดยไม่ทำอะไรเลย
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 3
ใครๆ ก็ไปเที่ยวเหนือ
ฮือๆๆๆ เต็มไปด้วยความอิจฉา ไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนกะเขาเล้ยยย !!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อินทุอรไล้มือไปตามเรียวขาเรียวเล็กของตนเองอย่างเบามือ เรียวขาที่เคยงดงามเรียบเนียนไร้ริ้วรอย บัดนี้มองเห็นรอยฟกช้ำและรอยแผลเล็กๆเต็มไปหมด แขนของเธอเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน อินทุอรไม่แน่ใจหรอกว่าได้แผลพวกนี้มาจากไหน อาจจะเพราะเศษซากของเรือที่ระเบิดไปต่อหน้าต่อตา ภายหลักจากที่เธอตัดสินใจกระโดดลงมานั่นก็เป็นได้
และเพียงแค่นึก นางแบบสาวก็รู้สึกหนาววูบจนต้องกระชับเสื้อคลุมตัวโคร่งที่ตฤณโยนมาให้ใส่คลุมอย่างเสียไม่ได้ มันหนาวไปถึงขั้วหัวใจทีเดียวเมื่อนึกถึงใบหน้าคล้ำ ดวงตาแดงก่ำและร่างกายอาบเลือดของชายคนขับเรือที่กระเด็นตกลงมาจากเรือด้วยสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยแผลเหวอะหวะ ก่อนที่ร่างของเขาค่อยๆจมดิ่งลงไปในทะเลที่เยียบเย็นและเงียบสงบนั่น
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่....”หญิงสาวพึมพำด้วยความหวาดกลัว “อยู่ที่นี่...ไอ้บ้าตฤณก็คงจะไม่ปล่อยให้เราอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน แต่ถ้าคิดหนีออกไป ก็คงจะกลายเป็นศพไม่ต่างจากผู้ชายคนนั้น”
ร่างระหงลุกขึ้นจากเตียง ตรงไปที่หน้าต่างบานเล็กที่มองเห็นทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตาที่ควรจะเป็นทะเลในยามบ่ายที่น่าจะมีแดดจัดจ้า หากแต่ในยามนี้ ท้องทะเลกับท้องฟ้ากลับมืดมนหมองมัว ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆดำทะมึนเกาะกลุ่มกันแน่นขนัด ขณะที่คลื่นลูกใหญ่ซึ่งซัดสาดเข้ามายังหาดทรายขาวละเอียดนั้นแรงและใหญ่มากจนคาดว่าเรือเล็กคงไม่สามารถออกจากฝั่งได้อย่างแน่แท้แล้ว
“แต่รู้ไว้ซะว่า อินทุอรน่ะ สูงค่าเกินไปกว่าที่จะร้องขอความเห็นใจและขอความช่วยเหลือจากต้นหญ้าไร้ค่าแบบนาย! พรุ่งนี้แหละ จะเป็นวันที่ฉันจะหนีไปจากที่นี่”
เธอคงต้องทนอยู่กันตฤณไปก่อน อย่างน้อยก็หนึ่งคืนนั่นแหละ แล้วพรุ่งนี้ อินทุอรสาบาน สาบานเลยว่าจะต้องหาทางกลับเข้าฝั่งให้ได้ แล้วจากนั้นก็จะหนีไปให้ไกลจากประเทศไทยสักพัก
แม้ว่าตฤณจะบอกกับทุกคนว่าห้ามรบกวนและเขาต้องการผักผ่อน และแม้ว่าปกติแล้วเขาจะเป็นคนหลับง่ายมาก หลับได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ในยามนี้ แม้ว่าเขาจะนอนอยู่บนเตียงหนานุ่มอันคุ้นเคยในห้องพักส่วนตัวของตนเอง แต่เขาก็ไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างที่เอ่ยปากบอกกับทุกคน เหตุผลนั้นมิใช่อื่นใดเลย แต่เป็นเพราะภาพของหญิงสาวสวยคนที่เขาช่วยชีวิตมานั้น วนเวียนอยู่ในหัวสมองตลอดเวลา
เขาเกลียดเธอ เกลียดอินทุอรมาก เกลียดอย่างที่ไม่เคยนึกเกลียดใครมาก่อน
เหตุผลน่ะหรือ...มีแน่ คนอย่างตฤณมีเหตุผลเสมอ
เมื่อเจ็ดปีก่อน จำได้ว่าเป็นเวลาใกล้ถึงงานวันเกิดอายุครบยี่สิบเอ็ดปีของอินทุอร วันนั้นเขาแปลกใจมากที่เจ้าตัวมาเชิญเขาซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาให้มาร่วมงานด้วยตนเอง และบอกว่าต้องการที่จะให้โอกาสกับเขาเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าเหมาะกับเนริชาจริงๆหรือไม่
‘จะให้ผมพิสูจน์ยังไงล่ะครับ’ เขาถามอินทุอรอย่างรู้สึกไม่วางใจ
‘ก็ไม่ยากหรอก นายแค่หาของขวัญหรือไม่ก็การแสดงดีๆสักอย่างมาให้ฉัน ฉันจะพิจารณาเองว่ามันดีพอและทำให้ฉันพอใจได้หรือเปล่า’ ตอนนั้นอินทุอรเชิดหน้าคอแข็งพูดกับเขาเหมือนเช่นทุกครั้ง ตัวเขาเองก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร และคิดว่าเขาพร้อมเสมอที่จะเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อให้กับเธอ และยื่นไมตรีจิตรให้กับอินทุอรก่อน อาจจะด้วยเพราะเขารู้ดีว่าผู้หญิงอย่างอินทุอรนั้นไม่เคยขอใครเป็นเพื่อนก่อน
ในงานวันเกิด เขาเตรียมของขวัญซึ่งเลือกอยู่นานหลายชั่วโมงเพื่อนำมามอบให้อินทุอร ของขวัญราคาไม่กี่ร้อยบาทที่อินทุอรอาจจะไม่พอใจก็ได้ แต่ตฤณก็ยืนยันได้ว่ามันเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจมอบให้เธอเป็นที่สุด ร่างสูงเดินเข้ามาในบริเวณงานอย่างไม่เคอะเขิน ทุกคนแม้จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงและเป็นคนในวงสังคมไฮซ้อไฮโซอยู่บ้างชายหนุ่มก็มิได้สนใจ
ตฤณมองหาร่างบอบบางเจ้าของงานจนทั่ว กระทั่งเห็นว่าหล่อนยืนอยู่ข้างเวทีใต้ต้นโกสนที่จัดได้ว่าเป็นมุมมืดทีเดียว ใจเขาแอบเต้นไม่เป็นจังหวะเล็กน้อยใจวินาทีแรกที่เห็นร่างสูงระหงบอบบางในชุดราตรีสั้นสายเดี่ยวสีชมพูแสนหวาน ใบหน้างดงามสดใสของหญิงสาววัยยี่สิบเอ็ด ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมจัดจ้านกว่าเดิมเล็กน้อยจนดูมีเสน่ห์ ตฤณยิ้มให้อินทุอรราวกับลืมเรื่องบาดหมางที่เคยมีมาทั้งหมด ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาเมื่อเห็นว่าอินทุอรโบกมือให้
‘สวัสดีครับคุณอิน’
‘นายมาเร็วเหมือนกันนี่ แล้วนี่เจอพี่เน่หรือยังล่ะ’ เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงห้วนๆเหมือนเดิม
‘ยังไม่เจอเลยครับ บังเอิญว่าผมเจอคุณอินก่อน แล้วอีกอย่างวันนี้คุณเป็นเจ้าของงาน ตามมารยาทแล้วผมควรเข้ามาทักทายคุณก่อน’ เขาว่าพลางยื่นกล่องของขวัญให้อย่างเป็นมิตร ‘หวังว่าของขวัญชิ้นนี้จะทำให้ผมกับคุณเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะครับ และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณอินจะไม่นำเรื่องที่ผมกับคุณเน่รักกันไปทบทวนดู ว่าคุณควรจะสนับสนุนหรือเปล่า’
อินทุอรเบ้ปาก แม้จะยอมยื่นมือมารับของขวัญไปวางรวมไว้กับของขวัญชิ้นอื่นๆบนโต๊ะ แต่หญิงสาวก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจมันเหมือนกับของชิ้นอื่นๆ เพราะพอรับมันไปเสร็จ เธอก็ไม่ได้สนใจจะมองมันหรือได้อ่านการ์ดที่เขาแนบเขาไว้เลย แถมยังไม่สนใจจะหันกลับไปมองของขวัญกล่องเล็กที่ล้มเค่เร่อยู่ แต่กลับมองเขาด้วยหางตาอย่างเหยียดหยามขยะแขยงแทน
‘แค่ของขวัญกล่องเล็กที่นายเอามาให้แค่นี้ คงไม่มีอำนาจต่อรองมากขนาดนั้นหรอก ทำไม..นายลงทุนกับของขวัญชิ้นนี้มากขนาดไหนงั้นเหรอ ใช้บัตรเครดิตผ่อนไปกี่งวดล่ะคราวนี้’
ตฤณกัดฟันกรอดอย่างแค้นใจ แม้ว่าเขาจะคิดอยู่แล้วว่าจะโดนอินทุอรดูแคลนและพยายามตั้งสติมาก่อนล่วงหน้า แต่พอเอาเข้าจริง ก็ต้องยอมรับเลยว่าอินทุอร ‘กวนประสาท’ กว่าที่คิดไว้มากเหมือนกัน
‘แล้วแบบไหนถึงจะพอใจคุณครับ คุณหนู’
ดวงตาคู่สวยเป็นประกายขึ้นมาในทันที
‘งั้นก็ดีเลย นายช่วยอะไรฉันอย่างสิ’ เธอบอกด้วยน้ำเสียงรื่นเริง และท่าทางตื่นเต้นราวกับสาวน้อยแรกรัก ‘แต่เรื่องนี้เราต้องทำเป็นความลับนะ นายต้องตามมากับฉัน....ไปสิ’
ว่าแล้วหญิงสาวก็คว้าข้อมือเขา ก่อนจะออกแรงลากเบาๆให้เดินไปในทิศทางที่ต้องการ เข้าไปภายในคฤหาสน์หลังโตแสนโอ่อ่าของเธอที่อินทุอรเคยผลักไสไล่ส่งเขา ทุกทีที่ตฤณไปปรากฏตัวที่นั่น แต่ครั้งนี้อินทุอรกลับเป็นฝ่ายลากเขาเข้าไปในบ้านด้วยตนเอง
ห้องที่อินทุอรพามามันคือห้องพักผ่อนที่ค่อนข้างส่วนตัวสำหรับคนในครอบครัว ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เท่าห้องพักในปัจจุบันของเขาที่ตฤณใช้ชีวิตทุกอย่างทั้งกินอยู่หลับนอนในห้องนั้น แต่สำหรับครอบครัวที่ร่ำรวยมหาศาลอย่างอินทุอร พื้นที่นี้ถูกจัดให้เป็นห้องนั่งเล่นที่มีตู้หนังสือและโทรทัศน์เครื่องใหญ่ตั้งอยู่ กลางห้องเป็นที่ตั้งชองโซฟาหรูสีน้ำตาลตัวใหญ่
‘นายเข้ามานี่สิ เข้ามาใกล้ๆฉันนี่’ เธอเรียก ทำสุ้มเสียงราวกับเป็นเจ้านายเขาก็ไม่ปาน
ตฤณส่ายหน้าอย่างนึกระอาในใจ แต่ก็ยอมเดินเข้าไปใกล้เพราะไม่อยากที่จะทะเลาะกับหญิงสาวอีก
‘รู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันต้องเรียกนายมาคุยกับฉันที่นี่ตามลำพัง’
‘ผมควรจะทราบด้วยเหรอ ใครจะไปเดาความคิดคุณได้’เขาบอกอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
‘ก็ดี ฉันจะได้บอกนายให้รู้ ว่าที่ฉันพานายมาที่นี่เพราะอยากจะถามนายเป็นครั้งสุดท้าย’หญิงสาวเว้นวรรคไปเพียงครู่ อาจจะเพื่อหลอกล่อให้เขาตั้งใจฟังประโยคสำคัญที่กำลังจะเอ่ยมาเป็นประโยคต่อไปให้มากกว่าที่เคยฟังเธอพูดทุกครั้งก็เป็นได้ ‘นายจะยอมเลิกคบกับพี่เน่ได้ไหม’
ทั้งแววตาและน้ำเสียงของอินทุอร บอกเป็นนัยๆว่าถ้าเขาไม่ยอมเลิกคบกับเนริชาในวันนี้ ชีวิตเขาจะต้องพบเจอกับเรื่องลำบากอีกมาก แต่เขารักผู้หญิงคนนั้นมากเกินกว่าที่จะยอมจบมันลงง่ายๆ
‘ถ้าผมยืนยันคำเดิม ว่าผมไม่ยอม คุณจะทำยังไง’
คราวนี้อินทุอรยิ้มหวาน ช้อนตามองเขาอย่างจงใจยั่วยวน ก่อนขยับเข้ามาใกล้กว่าเก่า
‘ฉันก็จะเล่นงานนายด้วยวิธีของฉันน่ะสิ นายกลัวหรือเปล่าล่ะ ถ้านายกลัวก็ให้บอกมา นี่ฉันเห็นว่านายก็เป็นคนดีคนหนึ่งเหมือนกัน ทำงานก็เก่งด้วย ฉันไม่อยากทำให้นายถึงขนาดหมดอนาคตในเส้นทางสายอาชีพของนายจนต้องฆ่าตัวตายหนีปัญหาหรอกนะ’
ไม่เพียงแต่พูด แต่ท่าทางยั่วยวนกวนอารมณ์และท่าทีใกล้ชิดจนได้กลิ่นหอมระเหยออกมาจากเรือนกายของอินทุอรทำให้เขาคิดออกว่าอะไรคือแผนการณ์ของอินทุอรที่กำลังอยู่ในหัวสมองเล็กๆนั้น
‘คุณเข้ามาใกล้ผมจนได้กลิ่นน้ำหอมขนาดนี้ คุณกำลังเล่นกับไฟอยู่รู้รึเปล่า’ชายหนุ่มก้มลงไปกระซิบติดใบหูเมื่อเห็นว่าอินทุอรก้าวเข้ามาใกล้เขาเกินความจำเป็น และได้ผล เขาเห็นความหวาดกลัวในแววตาของอินทุอรครู่เดียว แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นมันก็มลายหายไปอย่างรวดเร็ว
‘นายเป็นใคร ทำไมจะต้องกลัวนายด้วย’
‘แน่ใจนะ ว่าไม่กลัว’ ไม่พูดเปล่าเขายังนึกสนุกรั้งเอวคอดกิ่วของหญิงสาวเข้ามาแนบชิดจนคางของเขากระทบกับหน้าผากของเธอเบาๆ และมันยิ่งสนุกยิ่งขึ้นเมื่อคนในอ้อมกอดของเขาดิ้นขลุกขลักและร้องโวยวายเบาๆราวกับกลัวใครจะได้ยินแล้วเข้ามาพบเห็น
‘กล้ามากนะนายตฤณ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้’ ยิ่งหญิงสาวบอกเสียงสั่นและแหบพร่า เขายิ่งสนุก ตฤณกระชับอ้อมแขนให้อินทุอรเข้ามาแนบชิดกว่าเก่าจนเขารับรู้ได้ว่าร่างกายของเธอแนบชิดกับเขาแทบจะทุกส่วนแล้ว
‘ปละ...ปล่อยนะ’ เสียงของอินทุอรอ่อนลงเล็กน้อย ใบหน้างดงามที่ก้มงุดหลบสายตาของเขาแดงก่ำ
‘คุณต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ แรกทีเดียวคุณต้องการพาผมมาตกลงในที่ลับหูลับตาคนเพื่อตกลงกัน จากนั้นถ้าเห็นว่าผมไม่ตกลงยอมไปจากเน่ คุณก็จะทึ้งผมตัวเอง ฉีกเสื้อผ้า แล้วก็วิ่งหนีออกไปหาคนอื่น ใส่ความผมว่าผมมันเป็นคางคกริอยากกินเนื้อหงส์’
อินทุอรเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างเหลือเชื่อ
‘ทำไมนายรู้...’
‘บ้านผมก็มีทีวีนะครับ ผมเคยดูละครน้ำเน่าพวกนั้นเหมือนกัน มุกนางเอกบ้านแตก วันๆไม่ทำอะไร คิดแต่แผนทำร้ายคนอื่นแบบโง่ๆ’
‘ไอ้บ้าตฤณ นาย...!!!’ ร่างในอ้อมแขนของเขาเริ่มพยศ ดิ้นแรงเสียงยิ่งกว่าคนโดนผีเข้าเสียอีก แต่ตฤณก็ไม่ยอมแพ้ ยิ่งเธอดิ้น เขาก็ยิ่งรัดแน่น ยิ่งเธอก่นด่า เขาก็ยิ่งหมั่นไส้
‘ไอ้บ้า ไอ้ต้นหญ้าสกปรก ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ไอ้คนเจ้าชู้ นายกอดฉัน!’ ไม่รู้ว่าเหตุผลที่ใบหน้างดงามของอินทุอรแดงก่ำเพราะเหตุใด เขารู้แต่ว่าเขาไม่ยอมให้อินทุอรดูถูกเขาได้อยู่ฝ่ายเดียวหรอก
‘ทำไมล่ะ คนอย่างผมกอดคุณไม่ได้หรือไง’
‘ทุเรศ! นี่กะว่าจะเปลี่ยนเป้าหมายแล้วใช่ไหม ทำไมล่ะ พี่เน่เขาไม่เล่นกับนายแล้วหรือไง ถึงคิดจะมา หวังว่าจะทำให้ฉันหวั่นไหว ไม่มีทางหรอกย่ะ ฉันไม่ได้รสนิยมแย่แบบนั้น’
คำพูดของอินทุอรทุกคำมันช่างหน้าหมั่นไส้นัก ตฤณรวบแขนทั้งสองข้างของหญิงสาวที่พยายามจะจิกตีเขาอยู่ไปไขว้อยู่ที่หลังอย่างง่ายดายและยึดไว้ให้มั่นด้วยมือข้างเดียว ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขา ยกขึ้นบีบคางเพื่อบังคับให้ปากสกปรกๆของเธอหยุดด่าทอเขาได้แล้ว
‘เจ็บนะ! ปล่อยเดี๋ยวนี้!’ หญิงสาวพูดเสียงอู้อี้ ทั้งที่ถูกจับอยู่ขนาดนี้ หากแต่อินทุอรก็ยังคงแผลงฤทธิ์ ทั้งกระโดด ทั้งพยายามเตะเขาอย่างบ้าคลั่ง
‘ผมก็เจ็บเหมือนกันนะคุณหนู’ เขาเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม ‘อยากให้ผมหมดความอดทนนักหรือไงคุณอิน’
อินทุอรถลึงตาด้วยความตกใจ
‘นายจะทำอะไรฉัน...’ เสียงที่เคยตวาดแหวๆ ลดระดับความดังลงเกือบสามเท่าตัว กลายเป็นแค่เสียงรอดไรฟันเท่านั้น อีกทั้งแววตาหวาดกลัวของเธอที่มองมาทางเขา มันทำให้ตฤณยิ้มอย่างมีชัย
‘คนเลว ต่ำต้อยไร้ค่า และหวังจะใช้ผู้หญิงเป็นบันไดสู่ความสำเร็จอย่างผมจะทำอะไรคุณดีล่ะ’
ไม่เพียงแต่พูด เขายังอยากจะแกล้งเธอให้รู้สำนึกว่าคนอย่างนายตฤณ ไม่ใช่ผู้ชายจืดๆหน้าด้านหน้าทนที่จะให้น้องสาวของคนรักต่อว่าด่าทอเหยียดหยามได้อีก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการกระทำของเขาในครั้งนี้จะทำให้อินทุอรเลิกเข้ามายุ่งย่ามวุ่นวายกับความรักของเขาเสียที
ตฤณดันร่างของหญิงสาวให้กระถดถอยไปเรื่อยจนชนกับเท้าแขนของโซฟา แล้วออกแรงเพียงนิดร่างบางก็ร่วงลงไปนอนนิ่งอยู่บนโซฟา พร้อมกับร่างของเขาที่ทาบทับลงไปแนบชิดพร้อมกัน ผิดพลาดไปหน่อยที่เขาไม่ได้ประเมินข้อจำกัดเรื่องธรรมชาติของชายหญิง ทำให้เขาและเธอต้องล้มลงไปบนโซฟานั่นด้วยกัน เขากับอินทุอรใกล้ชิดกันมากเกินไปชิดที่เรียกได้ว่าร่างกายของเขาและหญิงสาวแนบชิดกันทุกส่วน ไม่เว้นแม้แต่ริมฝีปากที่กระแทกกันอย่างแรง เลือดในกายของเขาพรุ่งพล่านจนรู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมาที่รู้สึกแบบนี้กับน้องสาวของคนรัก
จนกระทั่งอินทุอรหลับตาแน่นด้วยความตระหนก และพยายามดิ้นขลุกขลักอย่างต้องการเอาตัวรอด ตฤณจึงได้รู้ตัว รีบยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย
‘ผมไม่ได้ตั้งใจ’น้ำเสียงที่เปล่งออกไปแห้งผาด ‘ผมแค่อยากจะแกล้งเล่นๆ’
‘น่ารังเกียจ น่ารังเกียจที่สุด’ อินอุอรร้องอย่างเจ็บใจ ใบหน้าแดงก่ำ
และเพราะคำพูดน่าหมั่นไส้ของอินทุอรที่เอ่ยออกมานั่นแหละที่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะล้อเลียนเธอ โดยไม่คิดที่จะขออภัยอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก
‘ผมว่าคุณน่าจะชอบอุบัติเหตุครั้งนี้นะ ก็คุณหน้าแดงซะขนาดนั้น’ เขาบอกเสียงกลั้วหัวเราะ ‘ถ้าชอบผมทำให้อีกก็ได้นะ แต่มันจะไม่ใช่แค่ปากชนปากเพราะอุบัติเหตุเหมือนเมื่อครู่ แต่ผมจะมอบจูบให้คุณ ชนิดที่ว่าคุณต้องลืมทุกจูบที่เคยได้รับมาจากผู้ชายคนไหนเลยล่ะ’
‘กรี๊ดดดดด ไอ้คนหยาบคาย’ อินทุอรร้องวี๊ดขึ้นมาเหมือนคนเสียสติ ก่อนที่จะออกแรงดิ้นจนสุดชีวิตด้วยความกลัวจนทั้งคู่กลิ้งตกลงไปบนพื้นอย่างหมดท่า แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเขาได้ยินเสียงใครบางคนเดินเข้ามาในห้อง
‘มีคนมา’ เขาพึมพำ ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
และดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่เขาเท่านั้นที่สามารถลุกได้อย่างรวดเร็ว อินทุอรก็เช่นกัน แต่แทนที่เธอจะรีบจัดแต่งเครื่องแต่งกาย ทรงผม และเช็ดคราบเหงื่อไคลและคราบน้ำตาให้เรียบร้อย หญิงสาวกลับทำตรงกันข้าม อินทุอรแกะผมเกล้างดงามของเธอให้หลุดกระเซอะกระเซิง อีกทั้งขยี้ริมฝีปากของตัวเองจนลิปสติกเลอะเทอะ
เประเปื้อน ไหนจะชุดสายเดี่ยวที่มันเป็นสายผูกเป็นโบว์อยู่ตรงบ่า เธอก็ปลดมันจนหลุดลุ่ยลงช้างหนึ่งด้วยความรวดเร็ว
‘ฉันไม่มีทางให้นายจูบฉันได้ฟรีๆแน่ ลาก่อน นายตฤณ’
และทันทีที่อินทุอรพูดประโยคนั้น นิธาน และผู้หญิงคนสำคัญที่สุดในชีวิตเขา ก็ก้าวเข้ามา
ซึ่งวันนั้น ก็ถือว่าเป็นวันสุดท้ายที่เขาได้ยิ้มอย่างมีความสุข วันสุดท้ายที่เขาได้เห็นหน้าเนริชาเช่นกัน
ตั้งแต่เมื่อวานที่อินทุอรขาดการติดต่อไป เนริชาก็ไม่สามารถสงบใจไม่ให้เป็นห่วงญาติผู้น้องได้เลย หญิงสาวเพียรพยายามโทรเข้าทั้งเบอร์โทรศัพท์เก่าและเบอร์ใหม่ของอินทุอร แต่ก็ได้รับความผิดหวัง หญิงสาวเม้มริมฝีปากอย่าง
นึกกังวล ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอินทุอรหรือเปล่า หญิงสาวคลายมือที่กำโทรศัพท์แน่น เมื่อครู่ออก ก่อนจะกดเบอร์ที่โทรฯซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนจำได้ขึ้นใจลงไปอีกครั้ง
“แกติดต่ออินเค้าได้หรือเปล่า” นิธานถามขึ้นขณะที่เนริชากำลังพยายามกระหน่ำกดเบอร์โทรศัพท์
“ไม่มีเลยค่ะพี่นัท แล้วพี่นัทล่ะคะ คนของพี่นัทหาได้หรือเปล่า”
ที่ถามออกไปแบบนั้นเพราะนิธานบอกว่าเขาจะช่วยตามหาอินทุอรอีกทาง ฝ่ายนั้นส่ายหน้าแรงๆ ระบายลมหายใจอย่างหงุดหงิด
“ฉันเองก็ให้คนไปตามหาแล้ว แต่ก็ไม่เจอ ฉันล่ะเบื่อมันนัก ชอบทำแต่เรื่องปวดหัว งานการก็ไม่เคยช่วยทางบ้าน นี่ถ้าท่านกุมุทกับ ทยากรมาหาเรื่องที่บ้านอีกเราจะทำยังไง”
เนริชาทอดถอนใจ ไม่รู้ว่าควรจะบอกความจริงกับนิธานหรือเปล่า
ระหว่างนั้นเอง เสียงโทรศัพท์บ้านอีกเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆข้างตัวเนริชาก็กรีดร้องขึ้น นิธานจึงพยักพเยิดให้หญิงสาวเป็นคนรับสาย
“สวัสดีค่ะ บ้านพัชรกิจรุ่งโรจน์ ค่ะ” หญิงสาวกรอกเสียงไปตามสายอย่างสุภาพและมีสติ
“ผมธามนะ ขอสายคุณอุกฤษฏ์หรือไม่ก็คุณอัจฉราหน่อย”
เนริชาใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว น้ำเสียงของ ทยากรดูเหมือนจะมีเรื่องร้อนใจมาก
“เอ่อ...ฉันเนริชาพูดสายอยู่ค่ะ คุณน้ากับคุณแม่ไม่อยู่ค่ะ คุณธามมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ บอกฉันก่อนได้เลยนะคะ ถ้าเป็นเรื่องของยายอิน”
ได้ยินปลายสายระบายลมหายใจแรงๆ ก่อนจะบอก
“เป็นคุณก็ได้ คุณรู้หรือเปล่าว่าน้องสาวคุณทำแสบมากนะ เมื่อวานนี้ผมกับคนของผมไปรับเธอที่ระยอง ผู้หญิงคนนั้นก็ทำมาเป็นยั่วยวนให้เชื่อใจ แล้วรู้ไหมพอผมเผลอเขาก็หนีไป โชคดีที่คนของผมเห็นก็จ้างเรือตามไปแต่รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นหนีไปหาผู้ชายอีกคน ตอนนี้ก็หายไปอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ เรื่องนี้พวกคุณต้องรับผิดชอบนะ ถ้ารู้ถึงหูนักข่าว ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”
เนริชาตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมาก แต่เธอไม่เชื่อหรอกว่าน้องสาวจะหนีตามผู้ชายไป เธอรู้ดีว่าที่อินทุอรหนีไป ระยองเพราะจะไปอาศัยอยู่กับเพื่อน เพื่อนคนนั้นเป็นผู้หญิงเธอเองก็รู้จักดี อีกทั้งอินทุอรก็ไม่เคยมีเรื่องผู้ชายเข้ามา
เกี่ยวพันเลยสักครั้ง ไม่มีทางที่อินทุอรจะหนีไปกับใครที่ไหนได้อย่างแน่นอน
“ใจเย็นๆนะคะคุณธามฉันคิดว่าคงเป็นการเข้าใจผิด ยายอินไม่ใช่คนแบบนั้น แกไม่มีทางหนีตามผู้ชายไปแน่ คุ...”
“นี่คุณจะหาว่าผมโกหกงั้นเหรอ” เขาตะคอกกลับอย่างฉุนเฉียว “ไม่รู้ล่ะคุณเน่ เย็นนี้บอกที่บ้านคุณให้เตรียมตัวให้พร้อม ผมกับพ่อจะไปทวงถามความรับผิดชอบจากพวกคุณ”
ทยากรกระแทกหูโทรศัพท์ลงกับแป้นอย่างแรงจนมันแทบจะแหลกคามือ เขายังจำความรู้สึกเมื่อวานได้ชัดเจน ตอนที่ลูกน้องของเขาโทรศัพท์มาบอกว่าอินทุอรกำลังจ้างเรือให้ไปส่งที่ไหนสักที่ เขาก็สั่งให้คนตามไปเพื่อลากตัวอินทุอรกลับมา หายไปสักพักลูกน้องเขาก็กลับมาพร้อมกับบอกว่า
‘คุณอินเปลี่ยนเรือกลางทางครับนาย มีผู้ชายอีกคนมารับเธอไป พวกเราตามไม่ทัน’
รายงานจากลูกน้องของเขาทำให้ชายหนุ่มโกรธมาก จนใบหน้าขาวๆกลายเป็นสีแดงก่ำ
‘แล้วทำไมพวกแกไม่ใช้ปืนขู่มันเลยวะ’
ลูกน้องทำท่าอึกอัก ก้มหน้าหลบสายตาคล้ายทำความผิด
‘ทำไม...พวกแกหลบตาทำไม’ เขาตวาดเสียงดังลั่น จนลูกน้องต่างสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว
‘กะ…ก็พวกเราขู่มันแล้วสิครับ แต่ไอ้คนเรือที่คุณอินว่าจ้างมันสู้ตายถวายหัว ยอมต่อสู้ยิงสกัดไม่ให้เราตามไป จนทำให้...’
เขาหันขวับไปมองลูกน้องด้วยแววตาวาวโรจน์ ใบหน้าขาวแดงก่ำด้วยความโกรธและอับอาย อย่างปิดไม่อยู่ ก่อนจะแผดเสียงดังลั่นด้วยความโกรธ
‘ทำให้อะไร แกบอกมาสิ ยังมีเรื่องอะไรอีก!’
‘ทำให้พวกเราพลาด ยิงไอ้บ้านั่นตายครับนาย เท่านั้นยังไม่พอ เรือยังระเบิดอีกต่างหาก’
ทยากรถอนใจอย่างหงุดหงิด ก่อนจะระบายอารมณ์ด้วยการชกหน้าลูกน้องตัวโตแต่สมองน้อยนิดของตัวเองจนล้มคว่ำไม่เป็นท่า
‘นายจะต่อยพวกผมก็ได้นะครับ แต่ขอร้องนายอย่างเดียว อย่าแจ้งตำรวจหรือเคลื่อนไหวใดๆเลยนะครับนาย มีคนตายขนาดนั้น เรื่องมันไม่จบง่ายๆแน่นาย ตอนนี้รัฐบาลกำลังวุ่นวาย พ่อของนายอาจจะ...’
‘หุบปากไปเลยนะพวกแก...’เขาขี้หน้าอย่างเหลืออด ‘ฉันรู้ว่าควรทำยังไง เอาเป็นว่าตอนนี้เราหยุดเรื่องตามหาอินทุอรไปก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน...’
ลูกน้องทั้งสองคนของเขาหันไปยิ้มให้กันอย่างรื่นเริง ก่อนถามต่อ
‘แล้วงานแต่งงานนายกับคุณหนูอินล่ะครับ’
‘เรื่องนั้น ฉันไม่จำเป็นต้องคิด คนที่คิดคือพวกบ้านนั้นต่างหาก’ เขาบอก
ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงท่าทางสวยใสไปวันๆอย่าอินทุอรจะทำเรื่องแบบนั้นได้ลงคอ เขาอุตส่าห์ยอมตามเทียวไล้เทียวขื่ออยู่ตั้งนานนม กว่าจะได้แต่งงานกับเธอตามที่บิดาคาดหวัง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงแค่การทรยศหักหลังจากอินทุอร และความอับอายของลูกชายนักการเมืองอย่างเขา
โดยที่ ทยากรไม่มีทางรู้เลยว่า เรื่องที่ลูกน้องเล่านั้น เป็นเรื่องโกหกที่พวกเขาแต่งขึ้น เพื่อปกปิดความจริงที่คิดว่า เป็นคนยิงอินทุอรจนตกเรือ และตายไปพร้อมกับผู้ชายเจ้าของเรือคนนั้นแล้ว
อุกฤษฏ์ขมวดคิ้วมุ่นจนเห็นร่องรอยที่หน้าผากชัดเจน ความเครียดเข้าปกคลุมบ้านพัชรกิจรุ่งโรจน์อีกครั้ง เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้นับตั้งแต่อินทุอรหนีหายออกไป สมาชิกในบ้านทุกคนต้องมารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่
“เราจะทำยังไงกันดีล่ะตากฤษฏ์ เย็นนี้บ้านนั้นเขานัดคุยกับเรา ถ้าเรายังไม่มีคำตอบให้เขา มีหวังว่าเรื่องสัมปทานวัสดุสร้างทางยกระดับที่ท่านกุมุมทว่าจะคุยกับเพื่อนที่อยู่กระทรวงคมนาคมให้ก็คง....”
“เดี๋ยวก่อนสิครับคุณแม่...เรื่องนี้มีทางออกนะครับ” นิธานบอกด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจะมั่นใจ ทำให้อุกฤษฏ์และอัจฉราหันไปมองอย่างสนใจ นิธานขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะประสานมือไว้บนเข่า วางท่าดูดี
“ถ้ายายอินไม่อยู่ เราก็ส่งยายเน่ไปแทนสิครับ ยายเน่เองก็เป็นผู้หญิง แถมสวย เรียบร้อย เป็นแม่ศรีเรือน มีหรือฝ่ายนั้นจะปฏิเสธ”
เนริชาเบิกตามองผู้เป็นพี่ชายอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“พี่นัท พี่พูดอะไรออกมารู้ตัวไหมคะ”
“ก็รู้ตัวน่ะสิ ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น” เขายักไหล่ ก่อนหันไปหาอุกฤษฏ์ พร้อมพูดท่าทางจริงจังขึงขังอย่างที่คนเหลวไหลไม่เอาถ่านอย่างนิธานไม่เคยพูดมาก่อน “มันเป็นทางออกเดียวนี่ครับ หรือจะให้ตัดขาดกันไปเลย เราเองต้องพึ่งเขานะครับคุณน้า คุณแม่เองก็ด้วย”
อัจฉรามองลูกชายของนางด้วยท่าทางขบคิด ในขณะที่อุกฤษฏ์โบกมือปฏิเสธ
“แล้วจะบอกคนอื่นว่ายังไง บอกว่าลงชื่อเจ้าสาวผิดคนงั้นเหรอ แล้วข่าวสังคมก่อนหน้านี้ล่ะ ลงรูปนายธาม กับยายอินออกงานด้วยกัน กินข้าวด้วยกันบ่อยขนาดนั้น น้าคิดว่าเรื่องนี้ตกไปเถอะตานัท”
“แต่คุณน้าครับ ทางคุณทยากรบอกว่าเห็นยายอินหนีตามผู้ชายไปกับตานะครับ”
แม้จะได้ฟังเรื่องนี้จากนิธานไปรอบหนึ่งแล้ว แต่อุกฤษฏ์ก็ไม่สามารถทนฟังมันโดยที่ไม่รู้สึกอะไรได้อีก ตอนนี้เขาโกรธ โกรธอินทุอรจนอยากจะพลิกฟ้าไปฆ่าเธอเองกับมือที่กล้าทำเรื่องงามหน้าแบบนี้ให้เขาต้องอับอาย แต่สิ่งที่ต้องกังวลมากกว่าความอับอายนั้นคือสัมพันธภาพระหว่างครอบครัวของเขากับท่านกุมุท อาจจะต้องจบลงด้วยเรื่องบัดสีงามหน้าของบุตรสาว
“เชื่อผมเถอะครับน้า...”นิธานพยายามเกลี้ยกล่อม
“พี่อัจคิดว่าไงครับ ยังไงเสียยายเน่ก็เป็นลูกสาวของพี่”อุกฤษฏ์หันไปถามผู้เป็นพี่สาวอย่างไม่มีทางเลือก ซึ่งฝ่ายนั้นก็ทำแค่เพียงถอนใจอย่างอ่อนแรง
แต่ไม่มีใครถามความเห็นของเนริชาเลยสักคำ และด้วยนิสัยส่วนตัวของเธอแล้ว ก็คงจะไม่มีความกล้าพอที่จะเอ่ยปฏิเสธใครด้วย หญิงสาวทำได้เพียงแค่ก้มหน้าลงมองพื้นเท่านั้น
เนริชาบรรจงแปรงผมสลวยยาวเคลียไหล่บอบบางของตนเองอย่างแช่มช้า ภาพหญิงสาววัยยี่สิบเก้าปีที่แสนจืดชืดที่เคยสะท้อนอยู่บนกระจกบานนี้ เปลี่ยนไปเป็นสาวสวยทันสมัยด้วยทรงผมแปลกตา และสีผมที่เธอไม่เคยคิดที่จะไปทำ คิ้วที่ถูกกันและวาดจนโก่งได้รูปรับกับดวงตาคู่สวยเป็นประกายเหมือนดวงตาของลูกกวางน้อย ที่โดดเด่นขึ้นกว่าเก่าด้วยขนตาปลอมหนาเข้มที่เธอต้องไปต่อถาวร เวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่มารดาของเธอพาไปชุบรูปทองมาใหม่ แม้มันจะทำให้เนริชาหวนคิดถึงสมัยเป็นสาวรุ่น ที่เธอเคยรักสวยรักงามและมีความสุขกับการได้แต่งแต้มสีสันเล็กๆน้อยๆบนใบหน้าของตัวเอง แต่เมื่อพูดถึงระดับความสุขที่ทำให้รู้สึกว่าหัวใจพองโตนั้นกลับเทียบกันไม่ได้เลย
ผู้หญิงที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้านี้ เป็นแค่คนโง่ที่ไม่มีหัวใจไว้รักใครอีกต่อไปแล้ว
เนริชาหยิบแปรงหนานุ่มขึ้นปัดบลัชออนสีชมพูสดใสในตลับ ก่อนจะย้ายมันมาแต่งแต้มแก้มซีดเซียวของเธอราวกับถูกโปรแกรมเอาไว้ ความงามของเธอเองในตอนนี้ มันเหมือนกับดอกไม้ผ้า
สวยงาม แต่ไร้ชีวิตชีวา ไร้ความเป็นดอกไม้ที่แท้จริง
“เสร็จหรือยังเน่ พวกบ้านโน้นมาพร้อมกันแล้วนะ อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องรอ”
เสียงพี่ชายที่ชะโงกหน้ามาจากประตูหน้าห้องทำให้เธอตัดสินใจวางอุปกรณ์แต่งหน้าทั้งหมดลง แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตู้ช้าๆ
“แหม...เน่ ถึงจะอายุยี่สิบเก้าย่างสามสิบเข้าไปแล้ว แต่เธอก็ยังดูสวยเหมือนสมัยอายุยี่สิบต้นๆเลยนะ”
นิธานชมอย่างจริงใจ ก่อนจะตบไหล่เธอเบาๆ
“ยิ้มหน่อยสิยายเน่ เธอจะไปเจอว่าที่สามีนะ ไม่ดีใจหรือไง อยู่ดีๆก็มีสามีรวยๆหล่นตุ๊บมาบนตัก อย่ามาทำหน้าเหมือนอมทุกข์สิ อีกอย่างนะ นายธามอะไรนั่นทั้งหนุ่ม ทั้งหล่อ ทั้งรวย เจ้าเสน่ห์จะตายชัก ไม่ได้บังคับให้ ไปแต่งงานกับคนแก่ซะเมื่อไหร่ ขี้คร้านแต่งกันไปแล้วแกจะไม่อยากจะห่างจากเขาเลยล่ะ”
นิธานทำท่ารื่นเริงชื่นมื่นจนเกินปกติ จนเนริชาต้องเหลือบตามองอย่างสงสัย
“พี่นัท พี่นัทวางแผนให้มันเป็นแบบนี้อยู่ก่อนหรือเปล่าคะ”
“อย่ามาทำตาแบบนี้กับพี่นะ พี่ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ไปได้แล้ว ไปเจอว่าที่สามีของเธอได้แล้วน้องรัก”
เนริชาเม้มปากสนิท พยายามเก็บงำอารมณ์รวดร้าวของตัวเองในตอนนี้ไว้ภายใน และพยายามคิดในทางที่ดีว่า อย่างน้อยผีตายซากอย่างเธอก็จะได้ทำประโยชน์อย่างอื่นให้กับครอบครัว มากกว่าเป็นแค่ผู้จัดการฝ่ายบัญชีเรียบๆ โชคดีเหลือเกินที่ตอนนี้เธอเป็นเพียงแค่คนไร้หัวใจ ความรักของเธอมีไว้เพื่อครอบครัวและบริษัทก็เท่านั้น คิดเสียว่าถ้าเธอไม่เป็นผู้ตกนรกขุมนี้ ก็คงต้องเป็นอินทุอร เธออยากชดใช้ให้อินทุอร สิ่งที่พอจะทำได้ก็คงมีแค่วิธีนี้เท่านั้น
ทยากรแปลกใจไม่ใช่น้อยตอนที่ได้ยินข้อเสนอสุดพิสดารของบ้านพัชรกิจรุ่งโรจน์ที่จะเอาหลานสาวเพียงคนเดียวของบ้านมาทดแทนอินทุอรที่หนีหายไป ความจริงเขาก็รู้จักเนริชามานานพอๆกับที่รู้จักอินทุอร แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรโดดเด่น ทำตัวจืดๆชืดๆ เรียบร้อยเกินไปสำหรับเขา ดูท่าทางจะไร้สมอง ใครบอกให้ทำอะไรก็ทำเสียด้วย มันน่ารำคาญจนทำให้ลืมข้อดีๆของเธอจนสิ้น
“อาหารวันนี้เป็นฝีมือยายเน่แทบทั้งนั้นเลยนะครับคุณทยากร” พี่ชายหน้าตาเหมือนจิ้งจอกหนุ่มของเนริชาชี้ชวนให้เขาชิมอาหารฝีมือของน้องสาวอย่างกระตือรือร้นจนน่าสมเพช ทยากรวางช้อนส้อมลงบนจาน ก่อนจะเบ้ปาก แสดงความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบัง
“อาหารฝีมือของเนริชา ผมทานบ่อยจนชินลิ้นแล้วล่ะครับ มาทีไรก็ได้ทานทุกที ผมทราบครับว่ารสชาติดี แต่พอกินไปนานๆอาหารแบบนี้ก็คงจะจืดชืดไปจนน่าเบื่อ เพราะมันไม่ค่อยเผ็ดร้อน”
เนริชายิ้มให้เขาน้อยๆเหมือนจะขอบคุณ
“บ้านเราไม่ค่อยทานรสจัดหรอกค่ะ เพราะคุณน้ากฤษฏ์ท่านเป็นโรคลำไส้”
“อย่ามาทำซื่อดีกว่าครับคุณเน่ ผมรู้ว่าคุณรู้นะว่าผมตั้งใจจะเปรียบเปรย” เขาเสียงเข้มขึ้นมาทันที
“แต่ฉันคงจะตอบคุณได้เฉพาะเรื่องอาหารเท่านั้นแหละค่ะ” เธอบอกกลับเรียบๆ และไอ้อาการเงียบและบึ้งตึงเกินเหตุของเนริชานี่แหละที่ทำให้ ทยากรรู้สึกโมโห
“ผมคิดว่าพวกคุณกำลังคิดผิดนะครับที่จะส่งผู้หญิงคนนี้มาให้ผม” เขาหันกลับไปบอกกับอุกฤตษ์ ด้วยเสียงแข็งกระด้าง แววตาก้าวร้าว
“ทำไมล่ะครับ หรือรังเกียจอะไรยายเน่ ตั้งแต่คุณพ่อเสีย เราสองคนก็เปลี่ยนนามสกุลกลับมาใช้พัชรกิจรุ่งโรจน์แล้ว คุณเองก็ทราบ อีกอย่างยายเน่ก็เรียบร้อย อ่อนหวาน ว่าง่าย แถมความสวยก็ไม่ได้น้อยไปกว่ายายอินเลย ทำไมคุณต้องมีปัญหา” นิธานแก้ตัวแทนน้องสาวอย่างเหลืออด มองทยากรและกุมุทสลับกันด้วยความเคลือบแคลงสงสัย
“เรื่องนี้คงต้องถามนายธามเอาเอง” กุมุทบอกไปตามที่คิด สำหรับเขาแล้ว เนริชาเป็นผู้หญิงที่เพรียบพร้อมทีเดียว เสียอย่างเดียวที่เธอไม่ใช่บุตรสาวของอุกฤษฏ์ แต่ในเมื่อตอนนี้อินทุอรก็หนีไปและอาจจะไม่กลับมาอีก นิธานก็ไม่เอาถ่าน เชื่อว่าคนอย่างอุกฤษฏ์คงจะมอบสมบัติไม่มากก็น้อยให้กับเนริชา ถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นเนริชาหรืออินทุอร เขาก็สามารถรับทั้งสองคนมาเป็นลูกสะใภ้ได้ทั้งนั้น
“แต่ผมไม่ได้ต้องการเธอครับ คนที่ผมต้องการคืออินทุอรเท่านั้น!” จบคำ ทยากรก็ยอมทำกิริยาเสียมารยาท ลุกหนีออกไปจากโต๊ะโดยไม่ฟังคำทักท้วงของใคร แม้แต่กุมุทที่พยายามห้ามปราม
“วันนี้เน่เป็นอะไร ทำไมท่าทางเย็นชาแบบนี้ เธอทำให้คุณ ทยากรไม่พอใจนะรู้ไหม” นิธานหันมาเอ็ดน้องสาวเสียงเเขียว
“ขอโทษค่ะ วันนี้เน่อารมณ์ไม่ดีจริงๆ เน่ขอโทษทุกท่านนะคะ” เนริชายกมือขึ้นประนมไหว้ขอโทษทุกคนอย่างอ่อนน้อม ก่อนบอก “ขอเวลาเน่สงบสติอารมณ์สักครู่ แล้วเน่จะไปตกลงกับคุณธามด้วยตัวเองค่ะ”
ฮือๆๆๆ เต็มไปด้วยความอิจฉา ไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนกะเขาเล้ยยย !!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อินทุอรไล้มือไปตามเรียวขาเรียวเล็กของตนเองอย่างเบามือ เรียวขาที่เคยงดงามเรียบเนียนไร้ริ้วรอย บัดนี้มองเห็นรอยฟกช้ำและรอยแผลเล็กๆเต็มไปหมด แขนของเธอเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน อินทุอรไม่แน่ใจหรอกว่าได้แผลพวกนี้มาจากไหน อาจจะเพราะเศษซากของเรือที่ระเบิดไปต่อหน้าต่อตา ภายหลักจากที่เธอตัดสินใจกระโดดลงมานั่นก็เป็นได้
และเพียงแค่นึก นางแบบสาวก็รู้สึกหนาววูบจนต้องกระชับเสื้อคลุมตัวโคร่งที่ตฤณโยนมาให้ใส่คลุมอย่างเสียไม่ได้ มันหนาวไปถึงขั้วหัวใจทีเดียวเมื่อนึกถึงใบหน้าคล้ำ ดวงตาแดงก่ำและร่างกายอาบเลือดของชายคนขับเรือที่กระเด็นตกลงมาจากเรือด้วยสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยแผลเหวอะหวะ ก่อนที่ร่างของเขาค่อยๆจมดิ่งลงไปในทะเลที่เยียบเย็นและเงียบสงบนั่น
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่....”หญิงสาวพึมพำด้วยความหวาดกลัว “อยู่ที่นี่...ไอ้บ้าตฤณก็คงจะไม่ปล่อยให้เราอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน แต่ถ้าคิดหนีออกไป ก็คงจะกลายเป็นศพไม่ต่างจากผู้ชายคนนั้น”
ร่างระหงลุกขึ้นจากเตียง ตรงไปที่หน้าต่างบานเล็กที่มองเห็นทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตาที่ควรจะเป็นทะเลในยามบ่ายที่น่าจะมีแดดจัดจ้า หากแต่ในยามนี้ ท้องทะเลกับท้องฟ้ากลับมืดมนหมองมัว ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆดำทะมึนเกาะกลุ่มกันแน่นขนัด ขณะที่คลื่นลูกใหญ่ซึ่งซัดสาดเข้ามายังหาดทรายขาวละเอียดนั้นแรงและใหญ่มากจนคาดว่าเรือเล็กคงไม่สามารถออกจากฝั่งได้อย่างแน่แท้แล้ว
“แต่รู้ไว้ซะว่า อินทุอรน่ะ สูงค่าเกินไปกว่าที่จะร้องขอความเห็นใจและขอความช่วยเหลือจากต้นหญ้าไร้ค่าแบบนาย! พรุ่งนี้แหละ จะเป็นวันที่ฉันจะหนีไปจากที่นี่”
เธอคงต้องทนอยู่กันตฤณไปก่อน อย่างน้อยก็หนึ่งคืนนั่นแหละ แล้วพรุ่งนี้ อินทุอรสาบาน สาบานเลยว่าจะต้องหาทางกลับเข้าฝั่งให้ได้ แล้วจากนั้นก็จะหนีไปให้ไกลจากประเทศไทยสักพัก
แม้ว่าตฤณจะบอกกับทุกคนว่าห้ามรบกวนและเขาต้องการผักผ่อน และแม้ว่าปกติแล้วเขาจะเป็นคนหลับง่ายมาก หลับได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ในยามนี้ แม้ว่าเขาจะนอนอยู่บนเตียงหนานุ่มอันคุ้นเคยในห้องพักส่วนตัวของตนเอง แต่เขาก็ไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างที่เอ่ยปากบอกกับทุกคน เหตุผลนั้นมิใช่อื่นใดเลย แต่เป็นเพราะภาพของหญิงสาวสวยคนที่เขาช่วยชีวิตมานั้น วนเวียนอยู่ในหัวสมองตลอดเวลา
เขาเกลียดเธอ เกลียดอินทุอรมาก เกลียดอย่างที่ไม่เคยนึกเกลียดใครมาก่อน
เหตุผลน่ะหรือ...มีแน่ คนอย่างตฤณมีเหตุผลเสมอ
เมื่อเจ็ดปีก่อน จำได้ว่าเป็นเวลาใกล้ถึงงานวันเกิดอายุครบยี่สิบเอ็ดปีของอินทุอร วันนั้นเขาแปลกใจมากที่เจ้าตัวมาเชิญเขาซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาให้มาร่วมงานด้วยตนเอง และบอกว่าต้องการที่จะให้โอกาสกับเขาเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าเหมาะกับเนริชาจริงๆหรือไม่
‘จะให้ผมพิสูจน์ยังไงล่ะครับ’ เขาถามอินทุอรอย่างรู้สึกไม่วางใจ
‘ก็ไม่ยากหรอก นายแค่หาของขวัญหรือไม่ก็การแสดงดีๆสักอย่างมาให้ฉัน ฉันจะพิจารณาเองว่ามันดีพอและทำให้ฉันพอใจได้หรือเปล่า’ ตอนนั้นอินทุอรเชิดหน้าคอแข็งพูดกับเขาเหมือนเช่นทุกครั้ง ตัวเขาเองก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร และคิดว่าเขาพร้อมเสมอที่จะเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อให้กับเธอ และยื่นไมตรีจิตรให้กับอินทุอรก่อน อาจจะด้วยเพราะเขารู้ดีว่าผู้หญิงอย่างอินทุอรนั้นไม่เคยขอใครเป็นเพื่อนก่อน
ในงานวันเกิด เขาเตรียมของขวัญซึ่งเลือกอยู่นานหลายชั่วโมงเพื่อนำมามอบให้อินทุอร ของขวัญราคาไม่กี่ร้อยบาทที่อินทุอรอาจจะไม่พอใจก็ได้ แต่ตฤณก็ยืนยันได้ว่ามันเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจมอบให้เธอเป็นที่สุด ร่างสูงเดินเข้ามาในบริเวณงานอย่างไม่เคอะเขิน ทุกคนแม้จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงและเป็นคนในวงสังคมไฮซ้อไฮโซอยู่บ้างชายหนุ่มก็มิได้สนใจ
ตฤณมองหาร่างบอบบางเจ้าของงานจนทั่ว กระทั่งเห็นว่าหล่อนยืนอยู่ข้างเวทีใต้ต้นโกสนที่จัดได้ว่าเป็นมุมมืดทีเดียว ใจเขาแอบเต้นไม่เป็นจังหวะเล็กน้อยใจวินาทีแรกที่เห็นร่างสูงระหงบอบบางในชุดราตรีสั้นสายเดี่ยวสีชมพูแสนหวาน ใบหน้างดงามสดใสของหญิงสาววัยยี่สิบเอ็ด ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมจัดจ้านกว่าเดิมเล็กน้อยจนดูมีเสน่ห์ ตฤณยิ้มให้อินทุอรราวกับลืมเรื่องบาดหมางที่เคยมีมาทั้งหมด ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาเมื่อเห็นว่าอินทุอรโบกมือให้
‘สวัสดีครับคุณอิน’
‘นายมาเร็วเหมือนกันนี่ แล้วนี่เจอพี่เน่หรือยังล่ะ’ เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงห้วนๆเหมือนเดิม
‘ยังไม่เจอเลยครับ บังเอิญว่าผมเจอคุณอินก่อน แล้วอีกอย่างวันนี้คุณเป็นเจ้าของงาน ตามมารยาทแล้วผมควรเข้ามาทักทายคุณก่อน’ เขาว่าพลางยื่นกล่องของขวัญให้อย่างเป็นมิตร ‘หวังว่าของขวัญชิ้นนี้จะทำให้ผมกับคุณเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะครับ และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณอินจะไม่นำเรื่องที่ผมกับคุณเน่รักกันไปทบทวนดู ว่าคุณควรจะสนับสนุนหรือเปล่า’
อินทุอรเบ้ปาก แม้จะยอมยื่นมือมารับของขวัญไปวางรวมไว้กับของขวัญชิ้นอื่นๆบนโต๊ะ แต่หญิงสาวก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจมันเหมือนกับของชิ้นอื่นๆ เพราะพอรับมันไปเสร็จ เธอก็ไม่ได้สนใจจะมองมันหรือได้อ่านการ์ดที่เขาแนบเขาไว้เลย แถมยังไม่สนใจจะหันกลับไปมองของขวัญกล่องเล็กที่ล้มเค่เร่อยู่ แต่กลับมองเขาด้วยหางตาอย่างเหยียดหยามขยะแขยงแทน
‘แค่ของขวัญกล่องเล็กที่นายเอามาให้แค่นี้ คงไม่มีอำนาจต่อรองมากขนาดนั้นหรอก ทำไม..นายลงทุนกับของขวัญชิ้นนี้มากขนาดไหนงั้นเหรอ ใช้บัตรเครดิตผ่อนไปกี่งวดล่ะคราวนี้’
ตฤณกัดฟันกรอดอย่างแค้นใจ แม้ว่าเขาจะคิดอยู่แล้วว่าจะโดนอินทุอรดูแคลนและพยายามตั้งสติมาก่อนล่วงหน้า แต่พอเอาเข้าจริง ก็ต้องยอมรับเลยว่าอินทุอร ‘กวนประสาท’ กว่าที่คิดไว้มากเหมือนกัน
‘แล้วแบบไหนถึงจะพอใจคุณครับ คุณหนู’
ดวงตาคู่สวยเป็นประกายขึ้นมาในทันที
‘งั้นก็ดีเลย นายช่วยอะไรฉันอย่างสิ’ เธอบอกด้วยน้ำเสียงรื่นเริง และท่าทางตื่นเต้นราวกับสาวน้อยแรกรัก ‘แต่เรื่องนี้เราต้องทำเป็นความลับนะ นายต้องตามมากับฉัน....ไปสิ’
ว่าแล้วหญิงสาวก็คว้าข้อมือเขา ก่อนจะออกแรงลากเบาๆให้เดินไปในทิศทางที่ต้องการ เข้าไปภายในคฤหาสน์หลังโตแสนโอ่อ่าของเธอที่อินทุอรเคยผลักไสไล่ส่งเขา ทุกทีที่ตฤณไปปรากฏตัวที่นั่น แต่ครั้งนี้อินทุอรกลับเป็นฝ่ายลากเขาเข้าไปในบ้านด้วยตนเอง
ห้องที่อินทุอรพามามันคือห้องพักผ่อนที่ค่อนข้างส่วนตัวสำหรับคนในครอบครัว ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เท่าห้องพักในปัจจุบันของเขาที่ตฤณใช้ชีวิตทุกอย่างทั้งกินอยู่หลับนอนในห้องนั้น แต่สำหรับครอบครัวที่ร่ำรวยมหาศาลอย่างอินทุอร พื้นที่นี้ถูกจัดให้เป็นห้องนั่งเล่นที่มีตู้หนังสือและโทรทัศน์เครื่องใหญ่ตั้งอยู่ กลางห้องเป็นที่ตั้งชองโซฟาหรูสีน้ำตาลตัวใหญ่
‘นายเข้ามานี่สิ เข้ามาใกล้ๆฉันนี่’ เธอเรียก ทำสุ้มเสียงราวกับเป็นเจ้านายเขาก็ไม่ปาน
ตฤณส่ายหน้าอย่างนึกระอาในใจ แต่ก็ยอมเดินเข้าไปใกล้เพราะไม่อยากที่จะทะเลาะกับหญิงสาวอีก
‘รู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันต้องเรียกนายมาคุยกับฉันที่นี่ตามลำพัง’
‘ผมควรจะทราบด้วยเหรอ ใครจะไปเดาความคิดคุณได้’เขาบอกอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
‘ก็ดี ฉันจะได้บอกนายให้รู้ ว่าที่ฉันพานายมาที่นี่เพราะอยากจะถามนายเป็นครั้งสุดท้าย’หญิงสาวเว้นวรรคไปเพียงครู่ อาจจะเพื่อหลอกล่อให้เขาตั้งใจฟังประโยคสำคัญที่กำลังจะเอ่ยมาเป็นประโยคต่อไปให้มากกว่าที่เคยฟังเธอพูดทุกครั้งก็เป็นได้ ‘นายจะยอมเลิกคบกับพี่เน่ได้ไหม’
ทั้งแววตาและน้ำเสียงของอินทุอร บอกเป็นนัยๆว่าถ้าเขาไม่ยอมเลิกคบกับเนริชาในวันนี้ ชีวิตเขาจะต้องพบเจอกับเรื่องลำบากอีกมาก แต่เขารักผู้หญิงคนนั้นมากเกินกว่าที่จะยอมจบมันลงง่ายๆ
‘ถ้าผมยืนยันคำเดิม ว่าผมไม่ยอม คุณจะทำยังไง’
คราวนี้อินทุอรยิ้มหวาน ช้อนตามองเขาอย่างจงใจยั่วยวน ก่อนขยับเข้ามาใกล้กว่าเก่า
‘ฉันก็จะเล่นงานนายด้วยวิธีของฉันน่ะสิ นายกลัวหรือเปล่าล่ะ ถ้านายกลัวก็ให้บอกมา นี่ฉันเห็นว่านายก็เป็นคนดีคนหนึ่งเหมือนกัน ทำงานก็เก่งด้วย ฉันไม่อยากทำให้นายถึงขนาดหมดอนาคตในเส้นทางสายอาชีพของนายจนต้องฆ่าตัวตายหนีปัญหาหรอกนะ’
ไม่เพียงแต่พูด แต่ท่าทางยั่วยวนกวนอารมณ์และท่าทีใกล้ชิดจนได้กลิ่นหอมระเหยออกมาจากเรือนกายของอินทุอรทำให้เขาคิดออกว่าอะไรคือแผนการณ์ของอินทุอรที่กำลังอยู่ในหัวสมองเล็กๆนั้น
‘คุณเข้ามาใกล้ผมจนได้กลิ่นน้ำหอมขนาดนี้ คุณกำลังเล่นกับไฟอยู่รู้รึเปล่า’ชายหนุ่มก้มลงไปกระซิบติดใบหูเมื่อเห็นว่าอินทุอรก้าวเข้ามาใกล้เขาเกินความจำเป็น และได้ผล เขาเห็นความหวาดกลัวในแววตาของอินทุอรครู่เดียว แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นมันก็มลายหายไปอย่างรวดเร็ว
‘นายเป็นใคร ทำไมจะต้องกลัวนายด้วย’
‘แน่ใจนะ ว่าไม่กลัว’ ไม่พูดเปล่าเขายังนึกสนุกรั้งเอวคอดกิ่วของหญิงสาวเข้ามาแนบชิดจนคางของเขากระทบกับหน้าผากของเธอเบาๆ และมันยิ่งสนุกยิ่งขึ้นเมื่อคนในอ้อมกอดของเขาดิ้นขลุกขลักและร้องโวยวายเบาๆราวกับกลัวใครจะได้ยินแล้วเข้ามาพบเห็น
‘กล้ามากนะนายตฤณ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้’ ยิ่งหญิงสาวบอกเสียงสั่นและแหบพร่า เขายิ่งสนุก ตฤณกระชับอ้อมแขนให้อินทุอรเข้ามาแนบชิดกว่าเก่าจนเขารับรู้ได้ว่าร่างกายของเธอแนบชิดกับเขาแทบจะทุกส่วนแล้ว
‘ปละ...ปล่อยนะ’ เสียงของอินทุอรอ่อนลงเล็กน้อย ใบหน้างดงามที่ก้มงุดหลบสายตาของเขาแดงก่ำ
‘คุณต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ แรกทีเดียวคุณต้องการพาผมมาตกลงในที่ลับหูลับตาคนเพื่อตกลงกัน จากนั้นถ้าเห็นว่าผมไม่ตกลงยอมไปจากเน่ คุณก็จะทึ้งผมตัวเอง ฉีกเสื้อผ้า แล้วก็วิ่งหนีออกไปหาคนอื่น ใส่ความผมว่าผมมันเป็นคางคกริอยากกินเนื้อหงส์’
อินทุอรเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างเหลือเชื่อ
‘ทำไมนายรู้...’
‘บ้านผมก็มีทีวีนะครับ ผมเคยดูละครน้ำเน่าพวกนั้นเหมือนกัน มุกนางเอกบ้านแตก วันๆไม่ทำอะไร คิดแต่แผนทำร้ายคนอื่นแบบโง่ๆ’
‘ไอ้บ้าตฤณ นาย...!!!’ ร่างในอ้อมแขนของเขาเริ่มพยศ ดิ้นแรงเสียงยิ่งกว่าคนโดนผีเข้าเสียอีก แต่ตฤณก็ไม่ยอมแพ้ ยิ่งเธอดิ้น เขาก็ยิ่งรัดแน่น ยิ่งเธอก่นด่า เขาก็ยิ่งหมั่นไส้
‘ไอ้บ้า ไอ้ต้นหญ้าสกปรก ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ไอ้คนเจ้าชู้ นายกอดฉัน!’ ไม่รู้ว่าเหตุผลที่ใบหน้างดงามของอินทุอรแดงก่ำเพราะเหตุใด เขารู้แต่ว่าเขาไม่ยอมให้อินทุอรดูถูกเขาได้อยู่ฝ่ายเดียวหรอก
‘ทำไมล่ะ คนอย่างผมกอดคุณไม่ได้หรือไง’
‘ทุเรศ! นี่กะว่าจะเปลี่ยนเป้าหมายแล้วใช่ไหม ทำไมล่ะ พี่เน่เขาไม่เล่นกับนายแล้วหรือไง ถึงคิดจะมา หวังว่าจะทำให้ฉันหวั่นไหว ไม่มีทางหรอกย่ะ ฉันไม่ได้รสนิยมแย่แบบนั้น’
คำพูดของอินทุอรทุกคำมันช่างหน้าหมั่นไส้นัก ตฤณรวบแขนทั้งสองข้างของหญิงสาวที่พยายามจะจิกตีเขาอยู่ไปไขว้อยู่ที่หลังอย่างง่ายดายและยึดไว้ให้มั่นด้วยมือข้างเดียว ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขา ยกขึ้นบีบคางเพื่อบังคับให้ปากสกปรกๆของเธอหยุดด่าทอเขาได้แล้ว
‘เจ็บนะ! ปล่อยเดี๋ยวนี้!’ หญิงสาวพูดเสียงอู้อี้ ทั้งที่ถูกจับอยู่ขนาดนี้ หากแต่อินทุอรก็ยังคงแผลงฤทธิ์ ทั้งกระโดด ทั้งพยายามเตะเขาอย่างบ้าคลั่ง
‘ผมก็เจ็บเหมือนกันนะคุณหนู’ เขาเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม ‘อยากให้ผมหมดความอดทนนักหรือไงคุณอิน’
อินทุอรถลึงตาด้วยความตกใจ
‘นายจะทำอะไรฉัน...’ เสียงที่เคยตวาดแหวๆ ลดระดับความดังลงเกือบสามเท่าตัว กลายเป็นแค่เสียงรอดไรฟันเท่านั้น อีกทั้งแววตาหวาดกลัวของเธอที่มองมาทางเขา มันทำให้ตฤณยิ้มอย่างมีชัย
‘คนเลว ต่ำต้อยไร้ค่า และหวังจะใช้ผู้หญิงเป็นบันไดสู่ความสำเร็จอย่างผมจะทำอะไรคุณดีล่ะ’
ไม่เพียงแต่พูด เขายังอยากจะแกล้งเธอให้รู้สำนึกว่าคนอย่างนายตฤณ ไม่ใช่ผู้ชายจืดๆหน้าด้านหน้าทนที่จะให้น้องสาวของคนรักต่อว่าด่าทอเหยียดหยามได้อีก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการกระทำของเขาในครั้งนี้จะทำให้อินทุอรเลิกเข้ามายุ่งย่ามวุ่นวายกับความรักของเขาเสียที
ตฤณดันร่างของหญิงสาวให้กระถดถอยไปเรื่อยจนชนกับเท้าแขนของโซฟา แล้วออกแรงเพียงนิดร่างบางก็ร่วงลงไปนอนนิ่งอยู่บนโซฟา พร้อมกับร่างของเขาที่ทาบทับลงไปแนบชิดพร้อมกัน ผิดพลาดไปหน่อยที่เขาไม่ได้ประเมินข้อจำกัดเรื่องธรรมชาติของชายหญิง ทำให้เขาและเธอต้องล้มลงไปบนโซฟานั่นด้วยกัน เขากับอินทุอรใกล้ชิดกันมากเกินไปชิดที่เรียกได้ว่าร่างกายของเขาและหญิงสาวแนบชิดกันทุกส่วน ไม่เว้นแม้แต่ริมฝีปากที่กระแทกกันอย่างแรง เลือดในกายของเขาพรุ่งพล่านจนรู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมาที่รู้สึกแบบนี้กับน้องสาวของคนรัก
จนกระทั่งอินทุอรหลับตาแน่นด้วยความตระหนก และพยายามดิ้นขลุกขลักอย่างต้องการเอาตัวรอด ตฤณจึงได้รู้ตัว รีบยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย
‘ผมไม่ได้ตั้งใจ’น้ำเสียงที่เปล่งออกไปแห้งผาด ‘ผมแค่อยากจะแกล้งเล่นๆ’
‘น่ารังเกียจ น่ารังเกียจที่สุด’ อินอุอรร้องอย่างเจ็บใจ ใบหน้าแดงก่ำ
และเพราะคำพูดน่าหมั่นไส้ของอินทุอรที่เอ่ยออกมานั่นแหละที่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะล้อเลียนเธอ โดยไม่คิดที่จะขออภัยอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก
‘ผมว่าคุณน่าจะชอบอุบัติเหตุครั้งนี้นะ ก็คุณหน้าแดงซะขนาดนั้น’ เขาบอกเสียงกลั้วหัวเราะ ‘ถ้าชอบผมทำให้อีกก็ได้นะ แต่มันจะไม่ใช่แค่ปากชนปากเพราะอุบัติเหตุเหมือนเมื่อครู่ แต่ผมจะมอบจูบให้คุณ ชนิดที่ว่าคุณต้องลืมทุกจูบที่เคยได้รับมาจากผู้ชายคนไหนเลยล่ะ’
‘กรี๊ดดดดด ไอ้คนหยาบคาย’ อินทุอรร้องวี๊ดขึ้นมาเหมือนคนเสียสติ ก่อนที่จะออกแรงดิ้นจนสุดชีวิตด้วยความกลัวจนทั้งคู่กลิ้งตกลงไปบนพื้นอย่างหมดท่า แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเขาได้ยินเสียงใครบางคนเดินเข้ามาในห้อง
‘มีคนมา’ เขาพึมพำ ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
และดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่เขาเท่านั้นที่สามารถลุกได้อย่างรวดเร็ว อินทุอรก็เช่นกัน แต่แทนที่เธอจะรีบจัดแต่งเครื่องแต่งกาย ทรงผม และเช็ดคราบเหงื่อไคลและคราบน้ำตาให้เรียบร้อย หญิงสาวกลับทำตรงกันข้าม อินทุอรแกะผมเกล้างดงามของเธอให้หลุดกระเซอะกระเซิง อีกทั้งขยี้ริมฝีปากของตัวเองจนลิปสติกเลอะเทอะ
เประเปื้อน ไหนจะชุดสายเดี่ยวที่มันเป็นสายผูกเป็นโบว์อยู่ตรงบ่า เธอก็ปลดมันจนหลุดลุ่ยลงช้างหนึ่งด้วยความรวดเร็ว
‘ฉันไม่มีทางให้นายจูบฉันได้ฟรีๆแน่ ลาก่อน นายตฤณ’
และทันทีที่อินทุอรพูดประโยคนั้น นิธาน และผู้หญิงคนสำคัญที่สุดในชีวิตเขา ก็ก้าวเข้ามา
ซึ่งวันนั้น ก็ถือว่าเป็นวันสุดท้ายที่เขาได้ยิ้มอย่างมีความสุข วันสุดท้ายที่เขาได้เห็นหน้าเนริชาเช่นกัน
ตั้งแต่เมื่อวานที่อินทุอรขาดการติดต่อไป เนริชาก็ไม่สามารถสงบใจไม่ให้เป็นห่วงญาติผู้น้องได้เลย หญิงสาวเพียรพยายามโทรเข้าทั้งเบอร์โทรศัพท์เก่าและเบอร์ใหม่ของอินทุอร แต่ก็ได้รับความผิดหวัง หญิงสาวเม้มริมฝีปากอย่าง
นึกกังวล ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอินทุอรหรือเปล่า หญิงสาวคลายมือที่กำโทรศัพท์แน่น เมื่อครู่ออก ก่อนจะกดเบอร์ที่โทรฯซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนจำได้ขึ้นใจลงไปอีกครั้ง
“แกติดต่ออินเค้าได้หรือเปล่า” นิธานถามขึ้นขณะที่เนริชากำลังพยายามกระหน่ำกดเบอร์โทรศัพท์
“ไม่มีเลยค่ะพี่นัท แล้วพี่นัทล่ะคะ คนของพี่นัทหาได้หรือเปล่า”
ที่ถามออกไปแบบนั้นเพราะนิธานบอกว่าเขาจะช่วยตามหาอินทุอรอีกทาง ฝ่ายนั้นส่ายหน้าแรงๆ ระบายลมหายใจอย่างหงุดหงิด
“ฉันเองก็ให้คนไปตามหาแล้ว แต่ก็ไม่เจอ ฉันล่ะเบื่อมันนัก ชอบทำแต่เรื่องปวดหัว งานการก็ไม่เคยช่วยทางบ้าน นี่ถ้าท่านกุมุทกับ ทยากรมาหาเรื่องที่บ้านอีกเราจะทำยังไง”
เนริชาทอดถอนใจ ไม่รู้ว่าควรจะบอกความจริงกับนิธานหรือเปล่า
ระหว่างนั้นเอง เสียงโทรศัพท์บ้านอีกเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆข้างตัวเนริชาก็กรีดร้องขึ้น นิธานจึงพยักพเยิดให้หญิงสาวเป็นคนรับสาย
“สวัสดีค่ะ บ้านพัชรกิจรุ่งโรจน์ ค่ะ” หญิงสาวกรอกเสียงไปตามสายอย่างสุภาพและมีสติ
“ผมธามนะ ขอสายคุณอุกฤษฏ์หรือไม่ก็คุณอัจฉราหน่อย”
เนริชาใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว น้ำเสียงของ ทยากรดูเหมือนจะมีเรื่องร้อนใจมาก
“เอ่อ...ฉันเนริชาพูดสายอยู่ค่ะ คุณน้ากับคุณแม่ไม่อยู่ค่ะ คุณธามมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ บอกฉันก่อนได้เลยนะคะ ถ้าเป็นเรื่องของยายอิน”
ได้ยินปลายสายระบายลมหายใจแรงๆ ก่อนจะบอก
“เป็นคุณก็ได้ คุณรู้หรือเปล่าว่าน้องสาวคุณทำแสบมากนะ เมื่อวานนี้ผมกับคนของผมไปรับเธอที่ระยอง ผู้หญิงคนนั้นก็ทำมาเป็นยั่วยวนให้เชื่อใจ แล้วรู้ไหมพอผมเผลอเขาก็หนีไป โชคดีที่คนของผมเห็นก็จ้างเรือตามไปแต่รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นหนีไปหาผู้ชายอีกคน ตอนนี้ก็หายไปอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ เรื่องนี้พวกคุณต้องรับผิดชอบนะ ถ้ารู้ถึงหูนักข่าว ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”
เนริชาตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมาก แต่เธอไม่เชื่อหรอกว่าน้องสาวจะหนีตามผู้ชายไป เธอรู้ดีว่าที่อินทุอรหนีไป ระยองเพราะจะไปอาศัยอยู่กับเพื่อน เพื่อนคนนั้นเป็นผู้หญิงเธอเองก็รู้จักดี อีกทั้งอินทุอรก็ไม่เคยมีเรื่องผู้ชายเข้ามา
เกี่ยวพันเลยสักครั้ง ไม่มีทางที่อินทุอรจะหนีไปกับใครที่ไหนได้อย่างแน่นอน
“ใจเย็นๆนะคะคุณธามฉันคิดว่าคงเป็นการเข้าใจผิด ยายอินไม่ใช่คนแบบนั้น แกไม่มีทางหนีตามผู้ชายไปแน่ คุ...”
“นี่คุณจะหาว่าผมโกหกงั้นเหรอ” เขาตะคอกกลับอย่างฉุนเฉียว “ไม่รู้ล่ะคุณเน่ เย็นนี้บอกที่บ้านคุณให้เตรียมตัวให้พร้อม ผมกับพ่อจะไปทวงถามความรับผิดชอบจากพวกคุณ”
ทยากรกระแทกหูโทรศัพท์ลงกับแป้นอย่างแรงจนมันแทบจะแหลกคามือ เขายังจำความรู้สึกเมื่อวานได้ชัดเจน ตอนที่ลูกน้องของเขาโทรศัพท์มาบอกว่าอินทุอรกำลังจ้างเรือให้ไปส่งที่ไหนสักที่ เขาก็สั่งให้คนตามไปเพื่อลากตัวอินทุอรกลับมา หายไปสักพักลูกน้องเขาก็กลับมาพร้อมกับบอกว่า
‘คุณอินเปลี่ยนเรือกลางทางครับนาย มีผู้ชายอีกคนมารับเธอไป พวกเราตามไม่ทัน’
รายงานจากลูกน้องของเขาทำให้ชายหนุ่มโกรธมาก จนใบหน้าขาวๆกลายเป็นสีแดงก่ำ
‘แล้วทำไมพวกแกไม่ใช้ปืนขู่มันเลยวะ’
ลูกน้องทำท่าอึกอัก ก้มหน้าหลบสายตาคล้ายทำความผิด
‘ทำไม...พวกแกหลบตาทำไม’ เขาตวาดเสียงดังลั่น จนลูกน้องต่างสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว
‘กะ…ก็พวกเราขู่มันแล้วสิครับ แต่ไอ้คนเรือที่คุณอินว่าจ้างมันสู้ตายถวายหัว ยอมต่อสู้ยิงสกัดไม่ให้เราตามไป จนทำให้...’
เขาหันขวับไปมองลูกน้องด้วยแววตาวาวโรจน์ ใบหน้าขาวแดงก่ำด้วยความโกรธและอับอาย อย่างปิดไม่อยู่ ก่อนจะแผดเสียงดังลั่นด้วยความโกรธ
‘ทำให้อะไร แกบอกมาสิ ยังมีเรื่องอะไรอีก!’
‘ทำให้พวกเราพลาด ยิงไอ้บ้านั่นตายครับนาย เท่านั้นยังไม่พอ เรือยังระเบิดอีกต่างหาก’
ทยากรถอนใจอย่างหงุดหงิด ก่อนจะระบายอารมณ์ด้วยการชกหน้าลูกน้องตัวโตแต่สมองน้อยนิดของตัวเองจนล้มคว่ำไม่เป็นท่า
‘นายจะต่อยพวกผมก็ได้นะครับ แต่ขอร้องนายอย่างเดียว อย่าแจ้งตำรวจหรือเคลื่อนไหวใดๆเลยนะครับนาย มีคนตายขนาดนั้น เรื่องมันไม่จบง่ายๆแน่นาย ตอนนี้รัฐบาลกำลังวุ่นวาย พ่อของนายอาจจะ...’
‘หุบปากไปเลยนะพวกแก...’เขาขี้หน้าอย่างเหลืออด ‘ฉันรู้ว่าควรทำยังไง เอาเป็นว่าตอนนี้เราหยุดเรื่องตามหาอินทุอรไปก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน...’
ลูกน้องทั้งสองคนของเขาหันไปยิ้มให้กันอย่างรื่นเริง ก่อนถามต่อ
‘แล้วงานแต่งงานนายกับคุณหนูอินล่ะครับ’
‘เรื่องนั้น ฉันไม่จำเป็นต้องคิด คนที่คิดคือพวกบ้านนั้นต่างหาก’ เขาบอก
ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงท่าทางสวยใสไปวันๆอย่าอินทุอรจะทำเรื่องแบบนั้นได้ลงคอ เขาอุตส่าห์ยอมตามเทียวไล้เทียวขื่ออยู่ตั้งนานนม กว่าจะได้แต่งงานกับเธอตามที่บิดาคาดหวัง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงแค่การทรยศหักหลังจากอินทุอร และความอับอายของลูกชายนักการเมืองอย่างเขา
โดยที่ ทยากรไม่มีทางรู้เลยว่า เรื่องที่ลูกน้องเล่านั้น เป็นเรื่องโกหกที่พวกเขาแต่งขึ้น เพื่อปกปิดความจริงที่คิดว่า เป็นคนยิงอินทุอรจนตกเรือ และตายไปพร้อมกับผู้ชายเจ้าของเรือคนนั้นแล้ว
อุกฤษฏ์ขมวดคิ้วมุ่นจนเห็นร่องรอยที่หน้าผากชัดเจน ความเครียดเข้าปกคลุมบ้านพัชรกิจรุ่งโรจน์อีกครั้ง เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้นับตั้งแต่อินทุอรหนีหายออกไป สมาชิกในบ้านทุกคนต้องมารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่
“เราจะทำยังไงกันดีล่ะตากฤษฏ์ เย็นนี้บ้านนั้นเขานัดคุยกับเรา ถ้าเรายังไม่มีคำตอบให้เขา มีหวังว่าเรื่องสัมปทานวัสดุสร้างทางยกระดับที่ท่านกุมุมทว่าจะคุยกับเพื่อนที่อยู่กระทรวงคมนาคมให้ก็คง....”
“เดี๋ยวก่อนสิครับคุณแม่...เรื่องนี้มีทางออกนะครับ” นิธานบอกด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจะมั่นใจ ทำให้อุกฤษฏ์และอัจฉราหันไปมองอย่างสนใจ นิธานขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะประสานมือไว้บนเข่า วางท่าดูดี
“ถ้ายายอินไม่อยู่ เราก็ส่งยายเน่ไปแทนสิครับ ยายเน่เองก็เป็นผู้หญิง แถมสวย เรียบร้อย เป็นแม่ศรีเรือน มีหรือฝ่ายนั้นจะปฏิเสธ”
เนริชาเบิกตามองผู้เป็นพี่ชายอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“พี่นัท พี่พูดอะไรออกมารู้ตัวไหมคะ”
“ก็รู้ตัวน่ะสิ ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น” เขายักไหล่ ก่อนหันไปหาอุกฤษฏ์ พร้อมพูดท่าทางจริงจังขึงขังอย่างที่คนเหลวไหลไม่เอาถ่านอย่างนิธานไม่เคยพูดมาก่อน “มันเป็นทางออกเดียวนี่ครับ หรือจะให้ตัดขาดกันไปเลย เราเองต้องพึ่งเขานะครับคุณน้า คุณแม่เองก็ด้วย”
อัจฉรามองลูกชายของนางด้วยท่าทางขบคิด ในขณะที่อุกฤษฏ์โบกมือปฏิเสธ
“แล้วจะบอกคนอื่นว่ายังไง บอกว่าลงชื่อเจ้าสาวผิดคนงั้นเหรอ แล้วข่าวสังคมก่อนหน้านี้ล่ะ ลงรูปนายธาม กับยายอินออกงานด้วยกัน กินข้าวด้วยกันบ่อยขนาดนั้น น้าคิดว่าเรื่องนี้ตกไปเถอะตานัท”
“แต่คุณน้าครับ ทางคุณทยากรบอกว่าเห็นยายอินหนีตามผู้ชายไปกับตานะครับ”
แม้จะได้ฟังเรื่องนี้จากนิธานไปรอบหนึ่งแล้ว แต่อุกฤษฏ์ก็ไม่สามารถทนฟังมันโดยที่ไม่รู้สึกอะไรได้อีก ตอนนี้เขาโกรธ โกรธอินทุอรจนอยากจะพลิกฟ้าไปฆ่าเธอเองกับมือที่กล้าทำเรื่องงามหน้าแบบนี้ให้เขาต้องอับอาย แต่สิ่งที่ต้องกังวลมากกว่าความอับอายนั้นคือสัมพันธภาพระหว่างครอบครัวของเขากับท่านกุมุท อาจจะต้องจบลงด้วยเรื่องบัดสีงามหน้าของบุตรสาว
“เชื่อผมเถอะครับน้า...”นิธานพยายามเกลี้ยกล่อม
“พี่อัจคิดว่าไงครับ ยังไงเสียยายเน่ก็เป็นลูกสาวของพี่”อุกฤษฏ์หันไปถามผู้เป็นพี่สาวอย่างไม่มีทางเลือก ซึ่งฝ่ายนั้นก็ทำแค่เพียงถอนใจอย่างอ่อนแรง
แต่ไม่มีใครถามความเห็นของเนริชาเลยสักคำ และด้วยนิสัยส่วนตัวของเธอแล้ว ก็คงจะไม่มีความกล้าพอที่จะเอ่ยปฏิเสธใครด้วย หญิงสาวทำได้เพียงแค่ก้มหน้าลงมองพื้นเท่านั้น
เนริชาบรรจงแปรงผมสลวยยาวเคลียไหล่บอบบางของตนเองอย่างแช่มช้า ภาพหญิงสาววัยยี่สิบเก้าปีที่แสนจืดชืดที่เคยสะท้อนอยู่บนกระจกบานนี้ เปลี่ยนไปเป็นสาวสวยทันสมัยด้วยทรงผมแปลกตา และสีผมที่เธอไม่เคยคิดที่จะไปทำ คิ้วที่ถูกกันและวาดจนโก่งได้รูปรับกับดวงตาคู่สวยเป็นประกายเหมือนดวงตาของลูกกวางน้อย ที่โดดเด่นขึ้นกว่าเก่าด้วยขนตาปลอมหนาเข้มที่เธอต้องไปต่อถาวร เวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่มารดาของเธอพาไปชุบรูปทองมาใหม่ แม้มันจะทำให้เนริชาหวนคิดถึงสมัยเป็นสาวรุ่น ที่เธอเคยรักสวยรักงามและมีความสุขกับการได้แต่งแต้มสีสันเล็กๆน้อยๆบนใบหน้าของตัวเอง แต่เมื่อพูดถึงระดับความสุขที่ทำให้รู้สึกว่าหัวใจพองโตนั้นกลับเทียบกันไม่ได้เลย
ผู้หญิงที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้านี้ เป็นแค่คนโง่ที่ไม่มีหัวใจไว้รักใครอีกต่อไปแล้ว
เนริชาหยิบแปรงหนานุ่มขึ้นปัดบลัชออนสีชมพูสดใสในตลับ ก่อนจะย้ายมันมาแต่งแต้มแก้มซีดเซียวของเธอราวกับถูกโปรแกรมเอาไว้ ความงามของเธอเองในตอนนี้ มันเหมือนกับดอกไม้ผ้า
สวยงาม แต่ไร้ชีวิตชีวา ไร้ความเป็นดอกไม้ที่แท้จริง
“เสร็จหรือยังเน่ พวกบ้านโน้นมาพร้อมกันแล้วนะ อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องรอ”
เสียงพี่ชายที่ชะโงกหน้ามาจากประตูหน้าห้องทำให้เธอตัดสินใจวางอุปกรณ์แต่งหน้าทั้งหมดลง แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตู้ช้าๆ
“แหม...เน่ ถึงจะอายุยี่สิบเก้าย่างสามสิบเข้าไปแล้ว แต่เธอก็ยังดูสวยเหมือนสมัยอายุยี่สิบต้นๆเลยนะ”
นิธานชมอย่างจริงใจ ก่อนจะตบไหล่เธอเบาๆ
“ยิ้มหน่อยสิยายเน่ เธอจะไปเจอว่าที่สามีนะ ไม่ดีใจหรือไง อยู่ดีๆก็มีสามีรวยๆหล่นตุ๊บมาบนตัก อย่ามาทำหน้าเหมือนอมทุกข์สิ อีกอย่างนะ นายธามอะไรนั่นทั้งหนุ่ม ทั้งหล่อ ทั้งรวย เจ้าเสน่ห์จะตายชัก ไม่ได้บังคับให้ ไปแต่งงานกับคนแก่ซะเมื่อไหร่ ขี้คร้านแต่งกันไปแล้วแกจะไม่อยากจะห่างจากเขาเลยล่ะ”
นิธานทำท่ารื่นเริงชื่นมื่นจนเกินปกติ จนเนริชาต้องเหลือบตามองอย่างสงสัย
“พี่นัท พี่นัทวางแผนให้มันเป็นแบบนี้อยู่ก่อนหรือเปล่าคะ”
“อย่ามาทำตาแบบนี้กับพี่นะ พี่ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ไปได้แล้ว ไปเจอว่าที่สามีของเธอได้แล้วน้องรัก”
เนริชาเม้มปากสนิท พยายามเก็บงำอารมณ์รวดร้าวของตัวเองในตอนนี้ไว้ภายใน และพยายามคิดในทางที่ดีว่า อย่างน้อยผีตายซากอย่างเธอก็จะได้ทำประโยชน์อย่างอื่นให้กับครอบครัว มากกว่าเป็นแค่ผู้จัดการฝ่ายบัญชีเรียบๆ โชคดีเหลือเกินที่ตอนนี้เธอเป็นเพียงแค่คนไร้หัวใจ ความรักของเธอมีไว้เพื่อครอบครัวและบริษัทก็เท่านั้น คิดเสียว่าถ้าเธอไม่เป็นผู้ตกนรกขุมนี้ ก็คงต้องเป็นอินทุอร เธออยากชดใช้ให้อินทุอร สิ่งที่พอจะทำได้ก็คงมีแค่วิธีนี้เท่านั้น
ทยากรแปลกใจไม่ใช่น้อยตอนที่ได้ยินข้อเสนอสุดพิสดารของบ้านพัชรกิจรุ่งโรจน์ที่จะเอาหลานสาวเพียงคนเดียวของบ้านมาทดแทนอินทุอรที่หนีหายไป ความจริงเขาก็รู้จักเนริชามานานพอๆกับที่รู้จักอินทุอร แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรโดดเด่น ทำตัวจืดๆชืดๆ เรียบร้อยเกินไปสำหรับเขา ดูท่าทางจะไร้สมอง ใครบอกให้ทำอะไรก็ทำเสียด้วย มันน่ารำคาญจนทำให้ลืมข้อดีๆของเธอจนสิ้น
“อาหารวันนี้เป็นฝีมือยายเน่แทบทั้งนั้นเลยนะครับคุณทยากร” พี่ชายหน้าตาเหมือนจิ้งจอกหนุ่มของเนริชาชี้ชวนให้เขาชิมอาหารฝีมือของน้องสาวอย่างกระตือรือร้นจนน่าสมเพช ทยากรวางช้อนส้อมลงบนจาน ก่อนจะเบ้ปาก แสดงความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบัง
“อาหารฝีมือของเนริชา ผมทานบ่อยจนชินลิ้นแล้วล่ะครับ มาทีไรก็ได้ทานทุกที ผมทราบครับว่ารสชาติดี แต่พอกินไปนานๆอาหารแบบนี้ก็คงจะจืดชืดไปจนน่าเบื่อ เพราะมันไม่ค่อยเผ็ดร้อน”
เนริชายิ้มให้เขาน้อยๆเหมือนจะขอบคุณ
“บ้านเราไม่ค่อยทานรสจัดหรอกค่ะ เพราะคุณน้ากฤษฏ์ท่านเป็นโรคลำไส้”
“อย่ามาทำซื่อดีกว่าครับคุณเน่ ผมรู้ว่าคุณรู้นะว่าผมตั้งใจจะเปรียบเปรย” เขาเสียงเข้มขึ้นมาทันที
“แต่ฉันคงจะตอบคุณได้เฉพาะเรื่องอาหารเท่านั้นแหละค่ะ” เธอบอกกลับเรียบๆ และไอ้อาการเงียบและบึ้งตึงเกินเหตุของเนริชานี่แหละที่ทำให้ ทยากรรู้สึกโมโห
“ผมคิดว่าพวกคุณกำลังคิดผิดนะครับที่จะส่งผู้หญิงคนนี้มาให้ผม” เขาหันกลับไปบอกกับอุกฤตษ์ ด้วยเสียงแข็งกระด้าง แววตาก้าวร้าว
“ทำไมล่ะครับ หรือรังเกียจอะไรยายเน่ ตั้งแต่คุณพ่อเสีย เราสองคนก็เปลี่ยนนามสกุลกลับมาใช้พัชรกิจรุ่งโรจน์แล้ว คุณเองก็ทราบ อีกอย่างยายเน่ก็เรียบร้อย อ่อนหวาน ว่าง่าย แถมความสวยก็ไม่ได้น้อยไปกว่ายายอินเลย ทำไมคุณต้องมีปัญหา” นิธานแก้ตัวแทนน้องสาวอย่างเหลืออด มองทยากรและกุมุทสลับกันด้วยความเคลือบแคลงสงสัย
“เรื่องนี้คงต้องถามนายธามเอาเอง” กุมุทบอกไปตามที่คิด สำหรับเขาแล้ว เนริชาเป็นผู้หญิงที่เพรียบพร้อมทีเดียว เสียอย่างเดียวที่เธอไม่ใช่บุตรสาวของอุกฤษฏ์ แต่ในเมื่อตอนนี้อินทุอรก็หนีไปและอาจจะไม่กลับมาอีก นิธานก็ไม่เอาถ่าน เชื่อว่าคนอย่างอุกฤษฏ์คงจะมอบสมบัติไม่มากก็น้อยให้กับเนริชา ถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นเนริชาหรืออินทุอร เขาก็สามารถรับทั้งสองคนมาเป็นลูกสะใภ้ได้ทั้งนั้น
“แต่ผมไม่ได้ต้องการเธอครับ คนที่ผมต้องการคืออินทุอรเท่านั้น!” จบคำ ทยากรก็ยอมทำกิริยาเสียมารยาท ลุกหนีออกไปจากโต๊ะโดยไม่ฟังคำทักท้วงของใคร แม้แต่กุมุทที่พยายามห้ามปราม
“วันนี้เน่เป็นอะไร ทำไมท่าทางเย็นชาแบบนี้ เธอทำให้คุณ ทยากรไม่พอใจนะรู้ไหม” นิธานหันมาเอ็ดน้องสาวเสียงเเขียว
“ขอโทษค่ะ วันนี้เน่อารมณ์ไม่ดีจริงๆ เน่ขอโทษทุกท่านนะคะ” เนริชายกมือขึ้นประนมไหว้ขอโทษทุกคนอย่างอ่อนน้อม ก่อนบอก “ขอเวลาเน่สงบสติอารมณ์สักครู่ แล้วเน่จะไปตกลงกับคุณธามด้วยตัวเองค่ะ”
ศิลป์ศรุตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ธ.ค. 2554, 08:20:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ธ.ค. 2554, 08:20:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 1546
<< ตอนที่ 2 | ตอนที่ 4 >> |
anOO 10 ธ.ค. 2554, 13:49:07 น.
รู้สึกเริ่มไม่ไว้ใจนายพิธานซะแล้ว แล้วยัยดน่จะทำไงต่อไป
รู้สึกเริ่มไม่ไว้ใจนายพิธานซะแล้ว แล้วยัยดน่จะทำไงต่อไป
หมูอ้วน 10 ธ.ค. 2554, 14:55:16 น.
รอตอนต่อไปค่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ
gozilar 11 ธ.ค. 2554, 14:34:10 น.
อยากให้อายุของเน น้อยกว่านี้อะ ลดเวลาลงหน่อยไม่ได้เหรอ หายไปสัก 2-3 ปีก็พอ ให้พระเอกยังโกรธๆ อยู่
อยากให้อายุของเน น้อยกว่านี้อะ ลดเวลาลงหน่อยไม่ได้เหรอ หายไปสัก 2-3 ปีก็พอ ให้พระเอกยังโกรธๆ อยู่