Missing Love
(ภาคต่อของพาย) เมื่อเขาทำรักหายไปจนมาเจอเธอ และเธอตั้งใจพลาดความรักเพื่อความสำเร็จ แล้วเขาจะทำให้เธอหันมาสนใจความรักได้อย่างไร
Tags: พาย แจ็คลีน

ตอน: ML005

Missing Love ตอนที่ 5

“ซีเรียส?” พายพูดขึ้นเมื่อถูกถามในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ

“อย่างกับหัวใจวายเลยล่ะ” กาเบรียลบอกภรรยา ก่อนมองลูกชายที่มีสีหน้าไม่พอใจอย่างแรง

“รู้นะว่าต้องตอบพ่อนายยังไง” พายพูดสั้นๆ ก่อนจะทิ้งตัวเองนั่งลงที่เก้าอี้ยาว

“ฉันรู้น่า แต่ยังไม่ได้บอกเท่านั้นเอง” กาเบรียลบอกภรรยา แล้วนั่งลงข้างๆ โอบไหล่อย่างเซ็งๆ เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“ปู่กับย่าคิดยังไงถึงอยากให้แจ็คหมั้นน่ะ คิดอะไรกันอยู่” มิคาเอลพูดออกมาเสียงขรึม ทำเอาคนอื่นๆ เงียบไปเลย ก่อนแม่เขาจะหัวเราะออกมา

“เอาน่า คงกลัวว่าแจ็คจะเหมือนกับมอร์กานละมั้ง เห็นพ่อลูกบ่นๆ ให้ฟังอยู่ว่า ย่าลูกโทรมาบ่นเรื่องข่าวเปลี่ยนคู่ควงน่ะ” พายส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะหอมแก้มสามีเบาๆ ปลอบใจที่ต้องหนักใจ

“หนูไม่มีทางหาเรื่องใส่ตัวแบบนั้นหรอกค่ะ แม้แต่ความใคร่ยังควบคุมไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำงานใหญ่แล้วค่ะ” แจ็คลีนพูดทีคนทั้งบ้านก็สะดุ้ง เพราะต่างก็เคยผ่านเรื่องพวกนี้มาไม่มากก็น้อย แต่เพราะความโกรธเรื่องพวกนี้ เธอจึงเผลอพูดออกมา

“ลูกก็พูดเกินไป แหม บางอย่างนะ ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสม มันก็ไปได้เรื่อยๆ ล่ะ” พายแก้ตัวนิดๆ ก่อนจะมองอีกสองคนที่มีเรื่องส่วนตัวร้อนๆ พอๆ กับเธอ

แจ็คลีนค่อยรู้สึกตัว ก่อนจะถอนหายใจ “หนูขอโทษค่ะ แต่โกรธจริงๆ ที่ท่านปู่ท่านย่าคิดว่าหนูจะทำตัวแบบนั้น หนู ถึงขั้นจะให้หนูหมั้นกับคนที่เคยเห็นหน้าครั้งเดียว แถมยังคุยกันแค่ไม่กี่นาที หนูจะบ้าตาย”

“ใจเย็นๆ ลูกรักของพ่อ มิคช่วยหน่อยสิ” กาเบรียลเห็นลูกสาวท่าทางจะโกรธขึ้นมาอีก ทั้งที่สงบไปเป็นอาทิตย์แล้ว

มิคาเอลทำหน้างง เพราะไม่รู้จะพูดกับน้องสาวยังไง ได้แต่ถึงมานั่งข้างๆ โอบไหล่น้องสาว แล้วปลอบให้ใจเย็น “อย่าไปโกรธเลยนะ ท่านคงเป็นห่วงน้องน่ะแหละ”

“ที่บอกเนี่ยไม่ใช่อะไรหรอกนะ วันนี้พ่อจะไปให้คำตอบกับปู่ย่าของลูกๆ เพราะงั้นเราต้องไปกันทุกคน” กาเบรียลบอกทั้งครอบครัว และกลายเป็นเรื่องโจ๊กสำหรับแม่กับลูกชาย เพราะต้องไปนั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย

“แน่ใจนะ ว่าอยากให้ฉันกับมิคไปน่ะ ฉันน่ะ ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าแม่นายพูดเรื่องไม่เข้าหูเจ้าลิงภูเขา อาจมีการประท้วงขึ้นได้นะ” พายหัวเราะขำๆ เพราะคาดเดาเหตุการณ์ออก

“ไปเป็นกำลังใจไม่ให้แจ็คใจอ่อนกันทั้งหมดนั่นแหละ และถ้าจะมีเรื่อง ก็ไม่เป็นไร เราก็คุ้นกับการโดนทิ้งให้อยู่ตามลำพังกันอยู่แล้วนี่นา” กาเบรียลบอกอย่างปลงๆ

มิคาเอลเดินเข้ามาโอบไหล่พ่อ ก่อนบอกให้มั่นใจ “น่า พ่อ ผมใจเย็นกว่าตอนเด็กมากแล้วนะ”

“ขอให้มันจริงเถอะ ดูเวลาแล้วก็ไปกันเถอะ คืนนี้ให้เฮนริคสั่งห้องครัวว่าฉันจะอยู่ดึกนะ ขอนมด้วย ฉันจะทำงานทั้งคืน” พายบอกสามี ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเตรียมออกนอกบ้าน

“ไปสภาพนี้เหรอ” กาเบรียลถามภรรยาให้แน่ใจ เพราะตอนนี้ภรรยาสวมเสื้อยืดสายเดี่ยวสีขาว เผยรอยแผลกับกางเกงขายาวพอดีตัวสีดำ

“อืม อากาศไม่หนาวเท่าไร ไปงี้แหละ เดี๋ยวเอาเสื้อเชิ้ตใส่ทับก็ได้” พายยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะถาม “ฉันเคยใส่ชุดอื่นด้วยเหรอ”

“ก็รู้ แต่อาบน้ำให้สบายตัว แล้วเปลี่ยนชุดใหม่หน่อยดีไหม ตอนนี้เธอมีแต่กลิ่นเหงื่อนะ ออกไปคลุกฝุ่นทั้งวัน” กาเบรียลเตือนภรรยา และไม่ยอมให้ไปในสภาพนี้แน่ จึงโอบเอวพาภรรยาขึ้นห้อง แบบไม่ให้ประท้วง

มิคาเอลมองตามพ่อแม่ ก่อนจะมองน้องสาวที่มีท่าทางอึดอัด จึงดึงมากอดเอาไว้ จูบเรือนผมเบาๆ เป็นการปลอบ “ไม่ต้องกลัวว่าปู่ย่าจะว่าอะไรหรอกนะ ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาหมั้นหมายกันให้ปวดหัว”

แจ็คลีนรับคำแล้วซบไหล่พี่ชาย ก่อนจะขมวดคิ้ว “แจ็คว่าท่านพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าค่ะ อาบน้ำด้วยก็ดี วันนี้ออกไปกับท่านแม่มาไม่ใช่เหรอคะ”

“ไปอย่างนี้ไม่ได้เหรอ” มิคาเอลโอดครวญ ก่อนจะโดนน้องสาวผลักแล้วขยับไปให้ห่าง “ก็ได้ๆ”

แจ็คลีนยิ้มที่พี่ชายยอมแพ้ ก่อนจะนั่งลงครุ่นคิดถึงชีวิตที่พยายามทำให้เป็นเรื่องธรรมดาของตัวเอง และหวังว่าทุกอย่างจะผ่านไป แล้วบรรยากาศระหว่างเธอกับปู่ย่าจะเป็นเช่นเดิม

******************************


หลังจากฟังคำปฏิเสธจากลูกชายและคำอธิบายต่างๆ ก็ทำให้ธีโอดอร์ไม่พอใจมาก

“แค่หมั้นกันเอาไว้ก่อน จะเป็นอะไรหนักหนา ไม่ใช่จะให้แต่งงานกันวันนี้พรุ่งนี้สักหน่อย ท่านพ่อของลูกคิดดีแล้วนะ ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในอนาคต” บอนแนร์อธิบายแย้งลูกชาย

“ผมขอพูดแทนแจ็คก็แล้วกันครับ ปู่กับย่าก็รู้จักแจ็คดี ปู่คิดว่าน้องสาวผมจะทำเรื่องไม่ดีอย่างนั้นเหรอ นิสัยของแจ็คเป็นยังไง ไม่ทำให้ปู่กับย่ามั่นใจในความประพฤติของเธอเลยเหรอ น้องสาวผมเคยทำอะไรให้ต้องลำบากใจมากๆ จนแก้ไขไม่ได้ไหมครับ แจ็คลีนทำตัวดีมาตลอด ถ้าจะมีเรื่องไม่ดีก็รู้เลยว่าใครกำลังทำเรื่อง

ถ้าปู่กับย่าลำบากใจนัก ผมว่าเราจะไม่มาสร้างความลำบากใจให้อีก ทีคนก่อเรื่อง ทำไมไม่ไปจัดการ คนที่ไม่เคยก่อเรื่องร้ายแรง กลับโดนสั่งให้ทำโน้นทำนี่ตลอดเวลา มันเรื่องอะไรกันแน่ เรื่องของซีริลกับอองรีที่เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาฟ้องเหรอครับ เป็นผู้ชายซะเปล่า หาเรื่องผู้หญิงตลอด โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นญาติตัวเองด้วย” มิคาเอลพูดใส่อารมณ์เต็มที่อย่างหัวเสีย เพราะรู้สึกว่าน้องสาวกลายเป็นเป้าให้คนอื่นกลั่นแกล้ง

“พอที! หลานพูดแบบนี้กับปู่ของหลานได้ยังไง ทำไมถึงคิดว่าอองรีกับซีริลเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้” บอนแนร์ถามหลานชายด้วยความสงสัย

“ทำไมผมจะไม่คิดว่าอองรีกับซีริลเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็วันที่แจ็คออกไปทานอาหารค่ำกับเคลย์ตัน อองรีบีบแขนแจ็คจนเป็นรอยช้ำม่วง ผมเห็นเข้าก็ถาม ผมอนุญาตให้ลูกผมออกไปทานอาหารค่ำเอง แล้วเหตุการณ์ต่างๆ ก็ควบคุมเอาไว้อย่างดี บอกได้ด้วยว่าแค่ไปตามคำเชิญตามมารยาทเท่านั้น ไม่ใช่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อย่างที่คนอื่นเข้าใจ” กาเบรียลปกป้องลูกสาว

“บีบจนเป็นรอยช้ำม่วงเลยเหรอ” ธีโอดอร์ถามหลานสาว

“ช่างมันเถอะค่ะ เอาเป็นว่า ไม่ว่ากับใคร หนูก็จะไม่หมั้นหรือแต่งงานด้วยทั้งนั้น หนูจะไม่คบหากับผู้ชายคนไหน พอใจหรือยังคะ กลับบ้านกันเถอะค่ะ หนูไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระพวกนี้อีก” แจ็คลีนพยายามเก็บอารมณ์ เธอไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวมาพูด ราวกับเป็นเรื่องของครอบครัว

“หลานพูดแบบนี้ได้ยังไง ย่ากับปู่เป็นห่วงหนูนะ” บอนแนร์เห็นหลานสาวดื้อแพ่งก็ไม่พอใจนัก

“ท่านย่าคะ ถึงอย่างไร หนูก็อยากมีเรื่องส่วนตัว มีช่องว่างจากทุกคน หนูไม่ใช่สิ่งของที่ใครอยากจะวางเอาไว้ตรงไหนในบ้านก็ได้ หนูเป็นคน มีความรู้สึก และจะไม่ยอมหมั้น เพียงเพื่อเอาใจท่านปู่ท่านย่า ผู้ชายคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ จะดีแค่ไหน หนูไม่ใส่ใจ ไม่มีใครรับรองได้ว่าอนาคตเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง ยุคนี้ไม่ว่าเพศไหนก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น ใครก็ไม่รู้หนูไม่เอาด้วย แม้ท่านปู่จะรับรอง หนูขอตัวค่ะ” แจ็คลีนโกรธจัด และเดินออกไปจากห้องทันที

จากหลานที่รักและเกรงใจปู่ย่าก็พยศได้เหมือนกัน...

“ผมลาครับ” มิคาเอลรีบเดินตามน้องสาวไปทันที โดยไม่สนใจคนสูงวัย

“เราก็กลับกันดีกว่าหมดเรื่องแล้วนี่ ลาค่ะ” พายบอกแล้วยื่นมือให้สามี

กาเบรียลมองมือภรรยา ก่อนเดินไปจับมือแล้วพูดกับพ่อแม่อีกครับ “ผมรักท่านพ่อท่านแม่ แต่ผมมีครอบครัวที่ต้องปกป้อง และผมจะไม่ยอมให้ญาติคนไหน หรือมนุษย์หน้าไหนดูถูกลูกสาวผม หรือตราหน้าเธอว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การอบรมแน่นอน ล่ะก่อนครับ”

“ลูกพูดเกินไป พ่อแม่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” บอนแนร์พยายามแย้ง แต่ทั้งสองคนไม่หยุดเท้ายังคงก้าวต่อไป ราวกับกำลังก้าวออกจากครอบครัวนี้ไปตลอดกาล

ธีโอดอร์มองทั้งสี่คนเดินออกไปจากห้อง รู้สึกเหมือนหมดแรง รู้สึกคล้ายกับกำลังผลักไสครอบครัวของลูกคนที่สามออกไปจากชีวิต

“เราไม่มีสิทธิกลัวแทนหลานๆ อีกแล้วเหรอเนี่ย” บอนแนร์แทบจะร้องไห้ออกมา แทนที่ความโกรธ

“บางทีอาจเพราะเรากังวลมากเกินไป จนลืมว่าเราควรไว้ใจหลานให้มากกว่านี้ แจ็คลีนคงรู้สึกผิดหวังที่ถูกมองผิดไป โดยเฉพาะหลานรักเรามาก ก็เลยโกรธแล้วก็ผิดหวังมาก เพราะเราไม่ไว้ใจเธอ” ธีโอดอร์เดินมาโอบไหล่ภรรยาและพยายามปลอบใจ

“แต่ไม่ใช่เรื่องแค่เด็กหนุ่ม ยังมีผู้ชายอายุสามสิบกว่าที่เป็นคนไทยอีกนะคะ ได้ข่าวว่าช่วงหลังหลานเราไปไหนมาไหนกับนายคนนี้ด้วย ฉันเป็นห่วงหลานเหลือเกิน กลัวว่าถ้าเราไม่ป้องกันให้ดีจะเกิดเหตุไม่ดีตามมา” บอนแนร์บอกสามีและระบายความในใจ

“จากที่ลูกเราคนหนึ่งเคยผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มา ก็ไม่ได้หมายความว่า ลูกของเราอีกคนจะเจอเหตุการณ์ไม่ดี เพราะงั้นหลานก็คงเหมือนกัน และกาเบรียลก็เลือกภรรยาได้ดี” ธีโอดอร์พูดอย่างใจเย็น แม้รู้ว่ายังไงภรรยาก็ไม่ค่อยชอบหน้าลูกสะใภ้คนนี้เท่าไรนัก

บอนแนร์ก็พูดไม่ออก ต่อให้ไม่ชอบ เธอก็ว่าไม่ได้ เพราะลูกชายปฏิเสธความช่วยเหลือจากครอบครัว และดูแลภรรยากับลูกเอง ด้วยเงินที่หามาได้ด้วยตัวเอง เพื่อยืนยันว่าเขาเลือกภรรยาถูกต้อง

“บางทีฉันก็สงสัยว่าทำไมเธอไม่ชอบพายนัก ทั้งที่มันผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว พายยอมลงให้เธออย่างมาก นั่นเพราะรักลูกของเรามาก แล้วเธอล่ะ เธอไม่รักลูกมากจนยอมละความไม่ชอบเลยเหรอ” ธีโอดอร์ถามภรรยาตรงๆ หลังจากติดอยู่ในใจมาหลายปี

บอนแนร์นิ่งงัน มองสามีก่อนจะถอนหายใจ “ฉันอิจฉาที่หล่อนได้ความสนใจจากกาเบรียล ทั้งที่ฉันพยายามทุกวิถีทาง แต่หล่อนก็ได้ความสนใจจากกาเบรียลตลอดเลย ฉันๆ”

“พอเถอะ ฉันเข้าใจเธอนะ แต่เธอลืมไปหรือเปล่า ไม่ใช่เพราะกาเบรียลไม่รักเธอ แต่ตอนเขายังเด็ก เขาก็เป็นเด็กที่จิตใจดี เรมองด์กับแอนโตเน่ย์ต่างก็เรียกร้องความสนใจจากเธอ ยังร็อกแซนกับฌองอีก เด็กๆ แข่งกันเรียกร้องความสนใจจากเธอ เขาเห็นเธอเหนื่อย เขาไม่ชอบการแข่งขัน ดังนั้นเขาจะเข้ามาหาเธอคนสุดท้าย แต่เขาไม่ยอมรบกวนเธอ

กาเบรียลรักเธอแล้วก็ไม่อยากให้เธอเหนื่อย แม้เขาจะต้องการความสนใจจากแม่แค่ไหนก็ตาม แต่เขาไม่อยากรบกวนเธอ เขาจึงหลบอยู่ในโลกดนตรีของเขา ชดเชยความรักจากหญิงสาวคนอื่นๆ เพื่อจะได้เติมเต็มตัวเองและนั่นอาจเพราะฉันมัวแต่ทำงาน กว่าจะรู้ตัว เขาก็ดึงตัวเองออกมาจากโลกส่วนตัวไม่ได้แล้วล่ะ” ธีโอดอร์อธิบายให้ภรรยาเข้าใจ

บอนแนร์ฟังมุมมองจากสามี แล้วขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ ก่อนถาม “คุณรู้มานานแล้วเหรอคะ”

“กว่าเราจะสนใจเขา เขาก็แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แล้ว ฉันนั่งทบทวนทุกอย่าง พยายามเก็บรายละเอียดที่ละเลยไป ฉันถึงพยายามชดเชยทุกอย่างในตอนหลัง แต่ดูเหมือนฉันจะพยายามชดเชยมากเกินไป” ธีโอดอร์นึกถึงเรื่องที่พูดออกไปแล้ว ก็ยากจะเอากลับคืนมา คงต้องใช้เวลาในการเข้าใจครอบครัวลูกชายคนนี้ให้มากขึ้น

“นั่นคือเหตุผลที่คุณพยายามทำความรู้จัก พยายามดึงเอาหลานๆ เข้ามาใกล้เหรอคะ” บอนแนร์อึ้งไปถนัด เพราะไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น

“ใช่ สำหรับฉัน ฉันรักพายได้เท่ากับลูกสาวคนหนึ่ง แต่ฉันเป็นผู้ชาย ฉันไม่จำเป็นต้องแสดงออกมากอย่างนั้นหรอกนะ พายเป็นเด็กดีคนหนึ่งเลยล่ะ ถ้าเอาภาพไม่ใส่ใจออก เธอจะพบว่าลูกสะใภ้เธอคนนี้ใส่ใจลูกๆ กับสามีเธอแค่ไหน ฉันเคยที่บ้านนั้น

ดูภาพที่เฮนริคเอามาให้ดู ภาพที่พายถ่าย มันสะท้อนความรักอยู่เต็มไปหมด เราต้องเรียนรู้เด็กคนนี้ ถึงจะเข้าถึง แต่บางครั้งการจะรักใครสักคนหนึ่งในฐานะครอบครัว ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เลย เพราะมันมาจากใจนะ” ธีโอดอร์อธิบายแล้วทบทวนความหลัง

บอนแนร์พยักหน้าช้าๆ ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป หากปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นจะแก้ไขได้สักแค่ไหน เธอก็ไม่แน่ใจนัก แม้แจ็คลีนจะดูแตกต่างจากพ่อแม่ แต่รับรองได้ว่าเธอก็เป็นทายาทนิสัยดื้อมาไม่น้อยเช่นกัน

******************************


เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่องานออกมาทันตามคำสั่งซื้อของลูกค้า เพียงแค่ขออนุญาตตัดไม้ ลูกน้องเขายังทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากได้ แค่ไม่อยู่สี่อาทิตย์ ทุกอย่างก็วุ่นวายได้

“ทำให้เสร็จทันเวลาด้วยนะ” ทรงธรรมสั่งงาน ก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านเขา จากนั้นก็นึกขึ้นได้ “ไร่ต่อไปเรียบร้อยไหม ทำสวนไม้มาจะห้าสิบปีแล้ว ยังสร้างปัญหาได้เรื่อยๆ”

“ขอโทษครับ พ่อเลี้ยง อีกไร่ต้นไม้ขนาดกำลังดีครับ ไร่ถัดไปก็เรียบร้อยไม่มีปัญหา” หัวหน้าคนงานกำลังพยายามทำให้เจ้านายอารมณ์ดีขึ้น

“อรัญ คุณดูแลความเรียบร้อยแล้วไปพักเถอะ ผมจะกลับบ้านแล้ว” ทรงธรรมเดินกลับบ้านไม้เก่าแก่ของครอบครัวปู่ย่าของเขา

เขาอยู่ที่นี่ โดยมีย่ากับแม่บ้านเก่าแก่ของครอบครัว เขาอยู่อย่างคนโสดที่ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น อดีตเขามีปัญหามากพอแล้ว เขาจึงรักที่จะอยู่คนเดียวแบบนี้

“พ่อเลี้ยงคะ มีพัสดุส่งมาให้จากฝรั่งเศสค่ะ” แม่บ้านจำเนียรส่งกล่องพัสดุมาให้ และรอคำสั่ง

“คุณย่าล่ะ” เขาถามแม่บ้านอย่างเป็นห่วง

“ท่านสบายดีค่ะ เมื่อบ่ายลงไปตัดดอกไม้ แล้วก็อ่านหนังสืออยู่ในห้องค่ะ” จำเนียรรายงานก่อนขอตัว

ทรงธรรมแกะกล่องของที่เขาสั่งเอาไว้ออก เห็นตัวอย่างของใช้ก็เปิดออกดมกลิ่นดู เขาก็จำได้ว่าเป็นกลิ่นหอมที่ใกล้เคียงกับเธอ ไม่แน่ใจว่าเธอตั้งใจเลือกหรือเปล่า แต่ก็ทำให้เขารู้สึกดีหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน

เขาหยิบสบู่เหลวมาลอง ที่อ่างอาบน้ำของเขา เขาแช่อยู่นานมาก ผ่อนคลายจนเริ่มง่วง ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตู

“พ่อเลี้ยงคะ อาหารขึ้นโต๊ะแล้วนะคะ” จำเนียรบอกเจ้านายที่เข้าห้องน้ำนานกว่าปกติ และชักเป็นห่วงว่าเจ้านายจะเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า

“ครับ ป้า” ทรงธรรมได้สติก็สะบัดหน้านิดๆ ยิ้มเมื่อนึกถึงเด็กสาวชาวฝรั่งเศส นึกถึงเส้นผมสีทอง ท่าทางดูทระนงตน แต่เวลาอยู่กับพี่ชายก็ราวกับน้องน้อยของพี่ ช่างเป็นเด็กสาวที่มีความแตกต่างในตนเองหลายด้าน

เขาลุกขึ้นจัดการกับตัวเอง ก่อนใช้ของใช้อีกอย่างเพียงพอประมาณ เพราะรู้สึกว่าใช้เล็กน้อยก็หอมฟุ้งแล้ว กลิ่นหอมเย็นสบาย เขาแต่งตัวและลงมาด้านล่าง แต่กลับเจอคนที่เขาไม่อยากเจอ

“พ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ” ทรงธรรมถามและมองลูกนอกสมรสของพ่อ

“ฉันจะฝากแกให้ส่งน้องเข้าโรงเรียนหน่อย ฉันคิดว่ามันคงสำนึกได้แล้ว ว่าไม่ควรก่อเรื่องให้แกรำคาญใจ บ้านก็หลังใหญ่โต แกคงไม่รังเกียจน้องแกใช่ไหม” สุรสีห์จ้องลูกชายคนโตอย่างเอาเรื่องนิดๆ

“ไม่ครับ ให้อยู่ที่นี่ไม่ได้ ครั้งก่อนคุณย่าเกือบตกบันได เพราะลูกชายของพ่อคนนี้ ผมเสี่ยงไม่ได้” ทรงธรรมอธิบาย

น้องชายพยายามขโมยของจากลิ้นชักและถูกย่าเขาจับได้ ขณะแย่งของกับน้องชาย และน้องชายเขาผลักย่าตกบันได ดีที่คนสูงวัยยังมีสติคว้าเอาราวบันไดเอาไว้ และเขาก็เข้ามารับได้ทัน แต่ข้อมือย่าก็หัก เพราะร่างกายที่แก่ชรา

“ฉันเลี้ยงมันไม่ได้ แกก็รู้ ฉันมีบ้านหลังเดียวกับเงินอีกนิดหน่อยที่แกส่งเสีย ที่เหลือฉันก็ไม่มีอะไรเลย” สุรสีห์แย้งแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

“มีเรื่องอะไรกัน” น้ำเสียงแข็งกร้าวดังขึ้น

“ผมเอาไอ้กำพลมาฝากเจ้าธรรมเลี้ยงไว้ ไอ้นี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง ไม่รู้จักใฝ่ดี ผมเหลือจะสั่งสอนมันแล้ว” สุรสีห์บอกแม่ และกอดอกมองแม่อย่างไม่ใส่ใจนัก

“งั้นแกก็ให้แม่มันเลี้ยงไป มันทำร้ายฉันจนเกือบตาย แกยังมีหน้าส่งมันมาให้เจ้าธรรมอีกเหรอ ลูกคนที่แกไม่เคยดูดำดูดี แกจำได้ไหม ตั้งแต่รู้ว่าแม่สาวิตรีท้อง แกก็เผ่นออกจากบ้านแล้วไม่กลับมา ถ้าไม่มาขอเงินใช้ แล้วยังมีหน้าจะเอาลูกมาให้เจ้าธรรมเลี้ยงอีก มันเรียกแกว่าพ่อก็บุญแค่ไหนแล้ว ออกไปจากบ้านฉันให้หมดเลยนะ แล้วแก ไอ้กำพล ไอ้คนเนรคุณ แกมันไม่ใช่หลานฉัน แม่มีแต่เลือดชั่วของพ่อแก” ยุพาชี้หน้าด่าหลานตัวแสบ

“เลือดชั่วของผม มันก็มีต้นตอเดียวกับไอ้ธรรมเหมือนกันแหละ” กำพลด่าพี่ชายต่างแม่ของตัวเอง เพราะโดนดูถูกต่อไปไม่ไหว

“หุบปากนะ! แม่แกก็ดูจะเจียมเนื้อเจียมตัวดี แต่แกมันเลวเหมือนพ่อ ฉันก็ไม่อยากเชื่อว่าจะมีลูกอย่างไอ้สีห์เหมือนกัน ฉันน่าจะตัดขาดจากพ่อแกไปซะ จะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องของแกอีก” ยุพาคว้าของขว้างใส่ไม่หยุด

ทรงธรรมรีบเข้ามาห้าม ก่อนจะเกิดเรื่องบานปลาย “หยุดก่อนครับ คุณย่า เอาล่ะ พอทีเถอะครับ”

ยุพาหยุดหอบหายใจ โดยมีจำเนียรคอยประคอง

“คุณท่านต้องใจเย็นนะคะ ยังไงคุณสีห์ก็เป็นลูกนะคะ” จำเนียรพยายามปลอบเจ้นาย และมองไปยังสุรสีห์ที่ออกท่าทางพยศอย่างเห็นได้ชัด

ทรงธรรมมองทั้งสองฝั่งก่อนจะพูดขึ้น “งั้นไม่มีประโยชน์ที่กำพลจะอยู่ที่นี่ ผมจะส่งมันไปเรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษ และจะส่งมันไปบำบัดสภาพจิตด้วย หวังว่าพฤติกรรมเลวร้ายที่ผ่านมา จะเป็นเพราะมันโดนผู้ใหญ่ทำร้ายมากกว่าเลว โดยกมลสันดานนะครับ”

“อะไรนะ” กำพลร้องโอดครวญขึ้นมาทันที จะอย่างไรถ้าอยู่กับแม่เขายังมีกินมีใช้บ้าง ถ้าอยู่กับพี่ชาย เขาต้องโดนจำกัด

“ต้องพาไปตรวจยาให้เรียบร้อย ถ้าติดยาก็ต้องส่งไปที่นั่นล่ะ ให้บำบัดเสียให้หาย ว่าไงจะยอมไหมครับ” ทรงธรรมถามพ่อ ขณะที่กำพลตั้งท่าจะหนี

คนงานสองคนเข้ามาพอดี จึงจับเอาไว้ทั้งสองข้าง

“พ่อเลี้ยงครับ จับส่งตำรวจเลยไหมครับ” คนงานคนหนึ่งบอก

“ไม่ต้องหรอก นายเริญ จับไปไว้ที่บ้านพักคนงานหลังที่ว่าง แล้วขังเอาไว้ก่อน ให้คนเอาข้าวเอาน้ำไปให้ด้วย พรุ่งนี้ฉันจะพาไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล จัดทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วใส่กุญแจขังเอาไว้เลย” ทรงธรรมสั่งการแล้วมองหน้าพ่อเป็นเชิงถามว่าเพียงพอหรือยัง

“ปล่อยกู กูไม่ไป พ่อ อย่าปล่อยให้มันทำกับผมแบบนี้” กำพลพยายามประท้วง แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะคนงานสองคนลากเขาออกไปจากบ้านใหญ่ พาไปยังจุดหมายที่พี่ชายเขาสั่ง

สุรสีห์ส่ายหน้ากับลูกชายที่เขาไม่ตั้งใจให้เกิด ก่อนจะมองหน้าลูกชายที่เขาตั้งใจให้เกิด แต่ไม่ต้องการเห็นหน้า “ขอบใจ มีอะไรกินบ้างล่ะ”

“แกยังมีหน้าจะกินข้าวร่วมโต๊ะอีกเหรอ ลูกยังไม่มีปัญญาสั่งสอน แกยังมีหน้าชูคออยู่ที่นี่อีกเหรอ” ยุพาด่าลูกชายเสียๆ หายๆ

“ผมไม่ใช่ลูกรักอย่างยัยนีนี่ครับ ทำไมไม่ตามมาอยู่เป็นเพื่อนซะเลยล่ะ” สุรสีห์ลอยหน้าลอยตาพูดกับแม่อย่างไม่เคารพ

“พอเถอะครับ ไปที่โต๊ะอาหารกันดีกว่า ผมหิวแล้ว” ทรงธรรมไม่อยากจะฟังแม่ลูกทะเลาะกันอีก เขาจึงพยุงย่าเข้าไปที่ห้องทานอาหาร

“ถ้าไม่มีหลานสักคน ย่าก็ไม่รู้ว่าจะพึ่งพาใครนะ นายชัยก็อยู่ตั้งกรุงเทพ” ยุพาวางมือบนมือหลานอย่างชื่นชม

สุรสีห์ถึงกับโมโห แล้วลุกขึ้นยืนจากโต๊ะแล้ว “ใช่สิครับ ก็มันเชื่อฟังแม่ทุกอย่างนี่ ถ้าแม่มันยังอยู่ แม่มันก็คงดีกว่าผมทุกอย่าง”

“พ่อครับ ยังไงแม่ก็ตายไปนานแล้ว ขอล่ะครับ อย่าดึงท่านมาเกี่ยวด้วย เรื่องอะไรในอดีตของทั้งสองคนเลยครับ อย่าดึงมาตอกย้ำกันได้ไหม เรื่องที่จบไปแล้วก็ให้มันจบไปได้ไหมครับ อย่ารื้อฟื้นให้คนตายไม่สบายใจได้ไหมครับ” ทรงธรรมพยายามขอร้องอย่างสุดจะทน

คงไม่แปลกถ้าเขาจะเลือกหลบไปอยู่ที่กระท่อมกลางไร่ มากกว่าจะอยู่ในบ้านที่มีแต่คนทะเลาะกัน ช่วงชีวิตเขาแทบจะไม่รู้จักแม่เลยด้วยซ้ำ พอแม่คลอดเขาไม่นานก็เสียชีวิต ชีวิตเขาถูกปู่ย่าเลี้ยงดูมาตลอด

ครั้งแรกที่เห็นหน้าพ่อ ก็ตอนที่พ่อเข้าบ้านมาและบอกปู่ย่าว่า ต้องการเงินเป็นค่าทำคลอด แล้วก็ค่าใช้จ่ายอีกจิปาถะ เพิ่มจากเงินที่ได้ทุกเดือน และตอนนั้นเขาอายุสิบห้า

ไม่มีใครพูดอะไรต่อ และทานอาหารกันจนเสร็จ ก่อนสุรสีห์จะขอตัวกลับ

ยุพามองด้านหลังลูกชายเดินลงเรือนไป แล้วถอนหายใจ “พ่อของหลานไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง”

“ย่าครับ พ่อรักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เพราะผิดหวัง พ่อถึงต้องรักตัวเอง ย่าบอกผมเองไม่ใช่เหรอครับ พ่อเคยเป็นคนที่ดีกว่านี้มาก ทั้งตั้งใจทำงาน ดูแลปู่กับย่า แต่เพราะปู่ต้องการให้พ่อแต่งงานกับแม่ผม แล้วทำให้ผู้หญิงคนนั้นเสียใจ เธอประสบอุบัติเหตุขณะไปสนามบิน และเสียชีวิตทันที ทุกอย่างในชีวิตพ่อก็เปลี่ยนไป พ่อกลายเป็นคนอารมณ์ร้าย รุนแรงและเย็นชา ผมจำได้นะครับ ว่าย่าเล่าอะไรบ้าง ขอล่ะ ครับย่า ยังไงพ่อก็รักย่า แม้เขาจะดูแข็งกระด้างไปบ้างนะครับ” ทรงธรรมพยายามปลอบย่าเขา ก่อนจะพาไปที่ห้องนั่งเล่น

“ถ้าย่าเข้มแข็งมากกว่านี้ ทุกอย่างคงไม่เกิดขึ้น ย่าสงสารแม่ของหลานเหลือเกิน ที่ต้องมาเจอพ่อของลูก” ยุพายังรู้สึกผิดมาตลอด

“ผมรู้ว่าย่ารู้สึกผิดกับแม่ แต่ย่าครับ พ่อเป็นลูกของย่า เขาเสียสภาพจิตไป ถ้าย่าแข็งกร้าวกับเขาแบบนี้ เขาจะรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งมากขึ้นเรื่อยๆ คงเหมือนกำพลที่รู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้ง ถึงทำตัวแบบนั้น ถึงเขาได้อยู่กับพ่อ แต่ผมเดาได้ว่าเขาคงอยู่ในฐานะเดียวกับแม่เขามากกว่า” ทรงธรรมพยายามพูดให้ย่าเห็นใจน้องชายเขา

“ถึงยังไง ถ้าคนเราคิดถึงคนอื่นมากกว่าคิดถึงตัวเอง ก็จะไม่มีวันทำร้ายคนอื่น และจะไม่มีวันให้คนอื่นทำร้ายเราหรอก จะว่าไปก็น่าสงสารนะ จริงๆ ลึกๆ ย่าก็หวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะฟื้นขึ้นมา แล้วทุกอย่างก็คงไม่เป็นอย่างนี้ ขอโทษนะ ย่าไม่ได้หมายความว่าไม่อยากให้หลานเกิดมา” ยุพารีบแก้คำพูดทันที

ทรงธรรมนั่งที่พื้นแล้วกุมมือย่าเอาไว้ “ผมรู้ครับ ย่า ย่าหวังอยากให้พ่อเป็นลูกชายคนเดิม ผมเข้าใจครับย่า”

ยุพายิ้มเมื่อเห็นหลานชายเป็นคนดี อย่างที่ลูกเธอเคยเป็นในอดีต “เอาล่ะ ย่าเข้าห้องดีกว่า ว่าจะนั่งอ่านหนังสืออีกพักแล้วก็เข้านอนแล้ว อืม ย่าว่าจะทัก ซื้อสบู่ใหม่เหรอ หอมดีนะ”

ทรงธรรมยิ้มนิดๆ และพยักหน้ารับ ก่อนจะแยกไปนั่งในห้องนอนตัวเอง เขาอ่านเอกสารเกี่ยวกับบริษัทอีกหลายบริษัทที่เขาเป็นหุ้นส่วนอยู่ จากนั้นก็จัดการเอกสารแล้วก็จดตารางนัดเรียบร้อย เพื่อให้อรัญจัดเก็บและคอยเตือนเขาทีหลัง

เขายกมือขึ้นจับจมูก และได้กลิ่นหอมคล้ายๆ เธอ นึกถึงดวงหน้าสวยหวานา อายุสิบหกย่างสิบเจ็ด ก่อนจะนึกได้ว่าเขามีน้องชายอายุพอๆ กับเธอ จากนั้นก็เริ่มเปรียบเทียบแบบไม่ตั้งใจ เขารู้ว่าพรุ่งนี้คงมีเรื่องต้องคุยกับน้องชายเยอะ

******************************


รุ่งเช้าเขาไปยังบ้านหลังที่ขังน้องชายเอาไว้ ก่อนจะไขประตูและให้คนงานรออยู่หน้าห้อง เผื่อว่าน้องชายจะหนีไป เขาคิดว่าที่น้องชายขโมยของ คงเกี่ยวข้องกับเรื่องยา เขาเห็นน้องชายโยนข้าวของทั่วห้อง และไม่ยอมกินข้าวด้วย เห็นน้องนอนอยู่บนเตียงก็ส่ายหน้าช้าๆ

ทรงธรรมเขย่าน้องให้ตื่น และยืนมองอยู่ห่างๆ ก่อนจะถีบน้องชายตกเตียง

“อะไรวะ” กำพลตะคอกอย่างห่ามๆ ก่อนมองหน้าพี่ชายที่ยืนกอดอกมองอยู่ “อะไรอีกล่ะ จะทรมานกันอีกหรือไง”

“ก่อนจะไปตรวจเลือด ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายก่อน นายรักแม่นายไหม” ทรงธรรมถามน้องชาย

“ถามบ้าอะไร อย่ามาวุ่นวายหน่อยเลย” กำพลทำตัวแข็งกระด้าง

“ฉันถามว่านายรักแม่นายไหมก็ตอบสิ” ทรงธรรมยังคงถามน้องชายอย่างสงบ

กำพลไม่ตอบ ทรงธรรมจึงตบกะโหลกจ้องเอาคำตอบ ทำให้เขาตอบอย่างไม่เต็มใจนัก “รัก แม่ใคร ใครไม่รักมั่งล่ะ ถามโง่ๆ นายไม่รักแม่นายหรือไง”

“นายสงสารแม่นายไหม” ทรงธรรมถามอีก

“แม่ฉันไม่เหมือนแม่นายนี่ อยู่ที่นี่มีบ้านช่องใหญ่โต มีแต่คนเอาใจ มีแต่คนเชื่อฟังคำสั่ง อยู่ที่นั่น แม่ฉันอย่างกับทาส ดูแลพ่อทุกอย่าง สุดท้ายพ่อก็แค่ใช้เป็นที่รองรับอารมณ์ พอมีฉัน พ่อก็โยนเงินให้อย่างกับไม่อยากให้ กว่าจะได้แต่ละบาท ยากเย็น พ่อด่าแล้วด่าอีก เกาะพ่อกินมั่ง ไม่เคยช่วยทำมาหากินมั่ง ไปให้พ้นหน้ามั่ง” กำพลกำมือแน่นอย่างกดดันและเครียดแค้น

“นั่นสินะ ถ้านี่จะทำให้นายสบายใจขึ้น หลังแต่งงานกับแม่ฉัน พ่อฉันลากแม่ฉันขึ้นเตียง ข่มขืนทุกคืนจนท้องแล้วก็ทิ้งไป ทุกคืนที่แม่ฉันแต่งงานกับพ่อ มันคือฝันร้าย แม่ฉันกรีดร้องทุกคืนๆ แต่ไม่มีใครทำอะไรได้ สามเดือนเท่านั้น พ่ออยู่กับแม่ฉันแค่สามเดือน พอท้องก็ไปทันที ฉันเห็นหน้าพ่อครั้งแรกตอนอายุสิบห้า สามสิบปีมานี่ ถ้าไม่ใช่เรื่องเงิน ฉันจะไม่มีวันได้เห็นหน้าพ่อ แม่นายยังดีที่ได้อยู่กับพ่อมาตั้งสิบห้าปี พอใจหรือยัง” ทรงธรรมถามน้องชายที่กำลังนั่งอึ้ง

“หรือนายจะบอกว่าที่นายทำตัวเลวทุกวันนี้ เพราะนายเลวมาตั้งแต่เกิดล่ะ” เขาถามอีกรอบ

กำพลนิ่งคิด ก่อนตอบ “ต่อให้ฉันทำตัวดีก็มีแต่แม่เห็นเท่านั้น คนอื่นไม่สนใจหรอก”

ทรงธรรมส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะพูดอีกครั้ง “แม่ของนายไม่สำคัญหรือไง”

“อย่าว่าแม่ฉันนะ” กำพลเกี้ยวกราดอย่างเห็นได้ชัด

“ดี สายตาแบบนี้ต้องการปกป้องแม่ใช่ไหม” ทรงธรรมยังคงป้อนคำถามต่อเนื่อง

“แม่ใครก็อยากจะปกป้องทั้งนั้นแหละ แม่ฉันเกิดมาก็ลำบากพอแล้ว ถูกตาส่งไปบำเรอพ่อ อย่างกับทาส แม่ฉันปกป้องตัวเองไม่ได้” กำพลได้สติก็พูดออกมาชัดเจน

“แล้วทำร้ายแม่ด้วยการทำตัวแบบนี้ทำไม” ทรงธรรมถามแล้วก็จ้องมองท่าทีของน้องชาย ก่อนจะพูดอีก “รู้ตัวไหมว่าทำแบบนี้เท่ากับทำร้ายแม่ ไหนว่ารักแม่ อยากปกป้องแม่ นายทำแม่ร้องไห้มากี่ครั้ง สร้างปัญหาให้แม่ตั้งเท่าไร ถ้าให้ฉันเดา นายทำให้แม่โดนพ่อตบด้วยใช่ไหม”

กำพลร้องไห้โฮทันทีที่พี่ชายพูดจนครบ แบบไม่กลัวอาย และยังก้มหน้าร้องไห้อยู่นาน จนกระทั่งทรงธรรมเดินไปตบไหล่ เขาก็ปาดน้ำตา

“เลิกยาได้ไหม” ทรงธรรมเดาได้โดยไม่ต้องสงสัย “ทำเพื่อแม่ ทำดีเพื่อแม่สักครั้งในชีวิต”

“ครับ” กำพลพยักหน้าแรงๆ

“ฉันจะส่งนายไปอยู่ที่อังกฤษ ไปบำบัดยา แล้วก็พบจิตแพทย์เพื่อบำบัดจิตใจ ไม่ใช่เพราะนายเป็นบ้า แต่เพราะสภาพจิตใจนายไม่ดี นายถึงได้ติดยา ทำร้ายคนที่นายรัก แล้วก็ก่อแต่เรื่อง” ทรงธรรมอธิบายให้น้องชายเข้าใจ

“ครับ ผมอยากให้แม่ไปกับผม ช่วยแม่ผมได้ไหมครับ” กำพลเงยหน้าขึ้นถามพี่ชาย

“ต้องอยู่ที่ว่าแม่นายต้องการไปหรือเปล่า กำพล ถ้าแม่นายไม่อยากไปด้วย ก็อย่าไปบังคับ แม่นายอาจรักพ่อจริงๆ ก็ได้ แต่ถ้าถามฉัน นายควรไปคนเดียว พึ่งพาตัวเองให้ได้ ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้ก่อน ยังไงซะ พ่อก็คงไม่ทำร้ายแม่นาย ถ้านายไม่สร้างปัญหาให้เขา” ทรงธรรมบอกน้องชาย เพราะเท่าที่รู้มา พ่อเขาอาจแข็งกร้าว แต่ก็ไม่ถึงกับทำร้ายผู้หญิงที่ดูแลตัวเองมาตลอด

“ครับ” กำพลมองพี่ชายด้วยความนับถือ

“ฉันยังปล่อยนายออกไปเดินเพ่นพ่านไม่ได้ เพราะนายยังไม่ได้เลิกยา นายจะก้าวร้าวกว่านี้มาก เพราะงั้นวันนี้ฉันจะพานายไปตรวจยาก่อน แล้วก็ค่อยว่ากันอีกที เท่าที่ดูนายยังไม่ติดร้ายแรงถึงขั้นเลิกไม่ได้ เพราะงั้นคงไม่ต้องใช้ตัวเลือกอะไรนอกจากตัวนายเอง คิดถึงแม่ให้มากแล้วพยายามทำตัวให้ดี ฉันไม่ทิ้งนายหรอก” ทรงธรรมบอกน้องชายด้วยสีหน้าจริงจัง

“พี่จะไม่ทิ้งผมจริงๆ นะครับ” กำพลถามพี่ชายให้แน่ใจอีกครั้ง

“ถ้าจะทิ้งนาย ก็คงเพราะนายทำร้ายจิตใจแม่นายไม่เลิกนั่นแหละ” ทรงธรรมบอกเงื่อนไข ก่อนบอกคนงาน “ดูอยู่ข้างนอกก็พอ เอาล่ะ นายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เมื่อคืนพ่อทิ้งข้าวของของนายเอาไว้ นายพักที่บ้านหลังนี้ล่ะ เดี๋ยวสายๆ จะมีคนงานมาทำความสะอาดให้ แต่นายก็ต้องรู้จักทำความสะอาดเอง ฉันจะให้คนสอนนายทำกับข้าว ทำงานบ้านเองทั้งหมด เพื่อเตรียมตัวให้นายไปเมืองนอก แล้วก็จะมีครอสเรียนภาษาด้วย ไปเรียนที่นั่น นายต้องตั้งใจเรียน ถึงจะซ้ำชั้น นายก็ต้องทน” ทรงธรรมอธิบายน้องชายอีกหลายคำ ก่อนจะออกไปรอ

กำพลมองพี่ชายแปลกไป ราวกับตื่นจากฝันร้าย ก่อนจะถาม “ช่วงนี้อยากให้แม่มาอยู่ด้วยได้ไหมครับ”

“จะลองถามให้” ทรงธรรมไม่กล้ารับปาก แต่จะลองดู

กำพลพยักหน้าช้าๆ อย่างเข้าใจ ก่อนจะทำตามแต่โดยดี เขาจะต้องคิดถึงแม่ให้มาก เมื่อนึกทบทวน น้ำตาก็เอ่อคลออีก เพราะเขาเคยคิดและว่าพ่อต่างๆ นานา หากทบทวนแล้วเขาก็ทำไม่แตกต่างจากพ่อ ทำให้แม่ต้องร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง เขาต้องเปลี่ยนตัวเองให้ได้

******************************

สวัสดีค่ะ
ตอนที่ 5 มาแล้วค่า
ขอบคุณที่ติดตามนิยายมาตลอดค่ะ

sirinda
คุณ XaWarZd --- เวียนหัวด้วยหรือเปล่าเอ่ยค่ะ อิอิ
คุณ ตุ๊งแช่ --- ต้องถุงปักเหลื่อมทองแท้เสียแล้วล่ะค่ะ ^^
คุณ anOO --- ใช้กงเล็บฉีกจนขาดเลยใช่ไหมคะ อิอิ
คุณ ร้อยวจี --- 555+ ลูกพี่ลูกน้องจอมวุ่นวายค่ะ

jj-book
คุณ นอนดูดาว --- แล้วก็จะตกอันดับอย่างรวดเร็ว
คุณพี่ chakansi --- ครอบครัวอลหม่านแน่นอนค่ะ

bloggang
คุณ nooblue88 --- ดูแลสุขภาพด้วยเช่นกันค่ะ
คุณ วรรณ --- มาแล้วค่ะ ^^

dek-d
คุณ วนัน --- ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ อิอิ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ธ.ค. 2554, 19:47:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ธ.ค. 2554, 19:47:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1778





<< ML004   ML006 >>
ร้อยวจี 12 ธ.ค. 2554, 20:17:22 น.
งานนี้เรียกว่าความยุติธรรมจงเจริญได้หรือเปล่าค่ะ อยากให้มาทุกวันค่ะ สนุกมาก


sai 12 ธ.ค. 2554, 22:11:39 น.
ทรงธรรม สมชื่ออ่ะ เรื่องนี้ บางตอนอ่านก็ดูดร่าม่า บางตอนก็แอบ หวาน สนุกอ่ะ^^


XaWarZd 13 ธ.ค. 2554, 02:14:21 น.
หวังว่านายกำพลจะเปลี่ยนได้จริง ๆนะ คงไม่ใช่คนที่กลับมาหักหลังกันนะ


ตุ๊งแช่ 13 ธ.ค. 2554, 08:59:17 น.
คู่รักต่างวัยจริงๆเหรอ นี่ หึหึ ถุงทองไม้สักป่าวค๊า..


anOO 13 ธ.ค. 2554, 18:20:08 น.
อดีตของทรงธรรมมันน่าขมขื่นจริงๆ
แล้วจะไปใช้ชีวิตคู่กับคนที่มีครอบครัวแสนอบอุ่นแบบแจ็คได้ยังไงกัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account