เล่ห์จันทร์ร้อยใจ
สำหรับตฤณแล้ว อินทุอร นางแบบสาวชื่อดัง เป็นพระจันทร์เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ และน่ารังเกียจ เพราะเธอ เขาต้องซมซาน สะบักสะบอมจนแทบไม่มีที่ยืน...และเมื่อโอกาสที่เขาจะสั่งสอนเธอมาถึง มีหรือที่เขาจะยอมให้หล่อนต้องหลุดมือไปโดยไม่ทำอะไรเลย
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 4

เรื่องอายุของตัวละครในเรื่อง คิดว่ามันก็มากเกินไปเหมือนเกัน
แล้วระยะเวลาที่ตฤณ ต้องแยกจากอินทุอรมันก็คงจะนานเกินไปจริงๆ


แต่สำหรับไรเตอร์แล้ว เรื่องนี้วางอายุของเนริชาก่อนเป็นคนแรกเลย
อยากจะให้อายุ 29 ใกล้ขึ้นคานเต็มทนน่ะค่ะ ทำให้เวลาในเรื่องต้องเป็นแบบนั้น
คือเรื่องที่นางเอกทำร้ายตฤณต้องเกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีก่อน เน่ถึงจะอายุ 29 ปี

แต่เรื่องความเจ็บแค้นของพระเอกที่ถูกนางเอกและครอบครัวกระทำ
จะให้มันดูน่าแค้นและทรมาน จะพยายามทำให้ทุกคนเชื่อนะคะ ว่าตฤณเกลียดอิน
มากจริงๆ และยังคงแค้นอยู่มาก 555

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เนริชาเดินเข้ามาภายในคอนโดหรูกลางเมืองตามที่อยู่ที่คุณกุมุทจดไว้ให้ในตอนเย็นหลังจากที่เคลียงานที่บริษัทเสร็จเรียบร้อย แม้หญิงสาวจะรู้ว่าแบบนี้มันดูไม่เหมาะสมและทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงหน้าด้านตามง้องอนผู้ชายที่ไม่ได้มีจิตเสน่หาเธอแม้แต่น้อย หญิงสาวก็จำเป็นที่จะต้องทำ

ลิฟต์แก้วตัวใหญ่ นำพาเธอมายังชั้นบนสุดของคอนโดด้วยความรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งถูกพัฒนามาจากต่างประเทศ หญิงสาวเดินไปในทิศทางตามแผนที่ก่อนจะหยุดยืนหน้าห้องพักของ ทยากรในที่สุด เนริชาหยุดหายใจและรวบรวมความกล้าอยู่เพียงครู่ ก่อนที่จะเคาะประตูลงไปเบาๆ

ครู่เดียว ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว ที่ผูกไม่เรียบร้อยจนเผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มเกินกว่าที่จะน่าเชื่อว่าเจ้าของจะเป็นเพียงผู้หญิงร่างเล็กที่สูงน้อยกว่าเธอเกือบสิบเซนติเมตร

“เธอเป็นใครยะ” ผู้หญิงคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ไม่เป็นมิตร

“ฉันมาพบคุณทยากร เขาอยู่ไหม” เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นที่ท่าทางเหมือนจะอายุน้อยกว่าเธอหลายปีมีท่าทางไม่เคารพนบน้อม เนริชาเองก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องนบน้อมเธอเช่นกัน

“เธอเป็นใครล่ะ” สาวร่างอวบเลิกคิ้วถาม “ท่าทางจืดๆแบบเนี้ย ผู้หญิงที่ถูกพี่ธามทิ้งจนเสียสติใช่ไหม”

พอถูกเรียกว่า ‘เสียสติ’ เนริชาถึงกับควันออกหู

“นี่คุณ! ฉันไม่ใช่นางบำเรอของคุณทยากรนะคะ ฉันเป็นพี่สาวของคู่หมั้นเขา” หญิงสาวตอบเสียงแข็ง

“อ๋อ...พวกลูกคุณหนูนี่เอง”ผู้หญิงคนนั้นยิ้มหยันอย่างดูแคลน ก่อนมองสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ด้วยสายตาเหยียดหยามชนิดที่เนริชาไม่เคยถูกมองและถูกดูถูกจากใครมาก่อน หญิงสาวขยับตัวต้องการจะเข้าไปถามหญิงสาวคนนั้นให้เข้าใจ ว่าทำไมต้องมาดูถูกกับการเป็นสิ่งที่เธอเรียกว่า ‘คุณหนู’ด้วย

แต่ไม่ทันที่จะได้สนทนาอะไรกันต่อ ทยากรในสภาพที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผูกอยู่ที่เอว คลุมทับด้วยเสื้อคลุมแบบเดียวกับคู่นอนของเขาก็เดินตามออกมา และเมื่อเลื่อนสายตาขึ้นมอง ทยากรเธอก็เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าคมคายของชายหนุ่ม

“ตามมาถึงนี่เลยเหรอครับคุณเน่” เขาถามขณะกำลังก้มตัวลงไปคลอเคลียหญิงสาวในอ้อมแขนโดยไม่แคร์สายตาของเธอเลยสักนิด “นี่มีเรื่องอะไรกับผมหรือเปล่า”
“เรื่องที่พูดค้างไว้เมื่อวาน ฉันอยากคุยกับคุณให้จบ”

ทยากรพยักหน้าช้าๆเหมือนเข้าใจโดยง่าย ก่อนจะก้มลงไปกระซิบติดใบหูเล็กบอกคู่นอนว่าให้กลับไปก่อน แรกทีเดียวผู้หญิงคนนั้นทำท่าอึกอัก กระฟัดกระเฟียดไม่พอใจ ทยากรจึงเดินย้อนกลับไปที่ห้องเพื่อหยิบบางสิ่งบางอย่างให้ เธอจึงยอมกลับโดยง่าย

ธนบัตรสีเทาสามสี่ใบ

“นี่คุณใช้วิธีนี้จัดการกับพวกสาวๆของคุณงั้นหรือคะ” เนริชาถามเหมือนจะดูถูกนิดๆในน้ำเสียง

“ผมก็จัดการแบบนี้แหละ....ผู้หญิงทุกคนถึงชอบผมไง” เขาบอกยิ้มๆก่อนจะผายมือเป็นเชิงต้อนรับให้หญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องส่วนตัว “เชิญครับ”

เนริชาไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่ยิ้มขอบคุณแล้วเดินเข้าไปนั่งในห้องรับแขกที่อยู่ทางด้านซ้ายของของคอนโดเงียบๆ ห้องของ ทยากรเป็นคอนโดหรูที่ค่อนข้างเป็นสัดส่วน ดีไซน์สไตล์ Tropical Style คือการตกแต่งด้วยสีและวัสดุเลียนธรรมชาติ เข้ากันได้ดีกับผนังห้องสีขาว ทำให้เมื่อเข้ามาแล้วรู้สึกสบายและผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ห้องผมสวยใช่ไหม ผมเลือกแบบและควบคุมการดีไซน์เองกับมือ” เขาบอกขณะที่นำเธอมายังโซฟาสีเขียวของเขา “เชิญนั่งก่อนเถอะ เพราะว่าเราอาจจะต้องคุยกันยาว”

เนริชายิ้มรับโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรตอบอีกครั้งเพราะหญิงสาวคิดว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอ่ยอะไรกับเขา แต่ดูเหมือนว่า ทยากรจะไม่พอใจในท่าทางแบบนี้ของเนริชาสักเท่าไหร่นัก ผู้หญิงที่เขาเจอส่วนมากจะส่งเสียงพูดฉอเลาะไม่หยุดจนเขาปวดหัว แตกต่างกับผู้หญิงตรงหน้าเขานี้ ทำราวกับว่าหากพูดออกมาแล้วดอกพิกุลจะร่วงเสียอย่างนั้น

เนริชามองมาทางเขาขณะที่กำลังเดินมาชงกาแฟให้เธอ ซึ่งห้องครัวอยู่ติดกับห้องรับแขกและอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เมตร

“คุณนี่ใจกล้าดีนะที่มาหาผมที่ห้องนี้ คุณคงไม่รู้ว่าผู้หญิงทุกคนที่มาห้องนี้ทุกคน ล้วนแล้วแต่มาทำกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์กับผมทั้งนั้น”

เขาลอบมองปฏิกิริยาตอบรับของหญิงสาว ซึ่งก็ได้ผล ถ้าตรงที่เขายืนมันไม่ไกลเกินไปจนมองบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดคลาดเคลื่อนล่ะก็ ชายหนุ่มเหมือนจะแลเห็นแววตระหนกอยู่ในดวงตาคู่งามของเนริขา

“ฉันหวังว่าน้องสาวของฉันคงยังไม่ได้มาที่นี่หรอกนะคะ” ดูเหมือนหญิงสาวจะรู้ว่าเขามอง จึงแกล้งพูดกลบเกลื่อน

“ผมไม่เคยพาอินมาที่นี่...พูดให้ถูกอีกที อินไม่เคยขอมา หรือบุกมาหาผมด้วยตัวเองเลย”

เขาบอกเรียบๆขณะยื่นกาแฟให้แขกคนพิเศษของเขา

“ฉันขอเข้าเรื่องเลยนะคะคุณธาม” อยู่ๆเธอก็เอ่ยขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีอ้อมค้อม แต่ท่าทีของเธอยามเอ่ยไม่ได้เย็นชาอย่างที่เขาคิด หากแต่ว่ามันดูอ้อนวอนมากกว่า “เรื่องที่ครอบครัวฉันเสนอคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้นะคะ”

ทยากรหัวเราะขึ้นมาเบาๆ

“คุณเน่ ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนใจกล้าแบบนี้เลยนะ รู้หรือเปล่าว่าที่คุณพูด มันทำให้คนฟังคิดว่า คุณกำลังเสนอตัวเองให้กับผมอยู่อย่างหน้าไม่อายนะ”

เนริชารู้สึกหน้าชาเหมือนโดนตบแรงๆ

“ฉันทราบค่ะ แต่ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ คุณเองก็แต่งงานครั้งนี้เพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจไม่ใช่หรอกหรือคะ งั้นมันจะเป็นอะไรไปถ้าต้องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวจากอินเป็นฉัน ฉันเองก็อยากทำประโยชน์ให้กับครองครัวเหมือนกับอิน ตอนนี้อินก็หนีหายไปไหนไม่รู้ ถึงกลับมาอินก็คงไม่ยอมแต่งอีกแน่ เพราะฉะนั้นฉันจะทำมันเอง”

ทยากรเลิกคิ้วมองอย่างประหลาดใจ

“คุณนี่น่าสงสัยนะคุณเน่” เขาวางแก้วกาแฟที่ถืออยู่ในมือช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปใกล้

เนริชาจนนั่งเก้าอี้โซฟาตัวเดียวกัน “มาหาผมถึงที่เพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าสาวของผมแทนน้อง พอมานั่งในห้องก็เลือกนั่งเก้าอี้โซฟาตัวยาวที่กว้างพอที่จะทำอะไรต่อมิอะไรได้ แถมยังไม่ทักท้วงหรือเคอะเขินสักนิดที่ผมอยู่ในสภาพนี้”

เนริชาขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะหน้าร้อนวาบขึ้นมาเมื่อเพิ่งคิดได้ว่า ทยากรยังอยู่ในสภาพเดียวกับที่เปิดประตูมารับเธอ หญิงสาวขยับตัวหนีเพื่อเว้นระยะห่าง แต่ฝ่ายนั้นกลับยิ่งขยับเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้ามาจนเกือบจะชิดกายเธอ

“คุณ ทยากร คุณจะยื่นหน้ามาใกล้ฉันทำไมคะ” เนริชารวบรวมความกล้าถามออกไปในขณะที่ตัวเธอถอยหลังมาจนชนกับที่เท้าแขนของเก้าอี้จนหมดทางหนีแล้ว “คุณช่วยขยับออกไปหน่อยเถอะค่ะ ฉันว่ามันไม่ดีนักถ้าจะมีใครเข้ามาเห็นเราในสภาพนี้”

แต่คนอย่าง ทยากรยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ นึกอยากจะแกล้งผู้หญิงตรงหน้าขึ้นมาเสียเฉยๆ ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้เนริชากว่าเก่าจนได้กลิ่นน้ำหอมระเหยออกมาจากกายของเธอ มันช่างเป็นน้ำหอมกลิ่นที่ชวนให้เขาอยากรู้จักตัวตนของเนริชามากยิ่งขึ้น

“น้ำหอมคุณหอมดีนะ” เขาแกล้งยื่นจมูกเข้าไปสูดกลิ่นหอมจากคอขาวๆ ในขณะที่ร่างบางหลับตาแข็งเกร็งด้วยความกลัว

“ถอยไปเถอะค่ะ”

“คุณกลัวผมเหรอ” ในคำถามนั้นมีความเย้ยหยันอยู่ในที “ถ้าจะกล้ามาหาผมถึงที่ห้อง ทำไมไม่เตรียมตัวเตรียมใจมาให้พร้อมล่ะคุณเน่ ผมคิดว่าคุณเตรียมพร้อมจะมาทำเรื่องแบบนี้กับผมแล้วซะอีก”

“คุณ ทยากร!! นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ คุณจะดูถูกฉันไปถึงไหน” เนริชาดันไหล่ ทยากรให้ออกห่างจนเหมือนผลักแรงๆมากกว่า ก่อนลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเกรี้ยว “ฉันไปทำอะไรให้คุณไม่ทราบคะ คุณถึงดูถูกฉันแบบนี้ ไม่มีใครเคยว่าฉันแบบนี้มาก่อน”

“ก็ผมเนี่ยแหละ คนแรกที่จะด่าคุณ” เขาหรี่ตามอง พลางเหยียดยิ้มเดียดฉัน “คุณเองก็คงจะไม่ได้ต่างอะไรจากอินนักหรอก ภายนอกก็ดูดีแต่ภายในแฝงไปด้วยความร้ายกาจ บางทีที่คุณแล่นมาเสนอตัวให้ผมถึงที่นี่คงจะเป็นเพราะมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง”

“แล้วคุณคิดว่าฉันมีจุดประสงค์อะไรล่ะคะ” เธอถามไปอย่างพยายามเก็บอารมณ์โกรธไว้ให้มากที่สุด

“ก็ ไม่ท้องไม่มีพ่อจนไม่รู้จะไปหาพ่อที่ไหนจนต้องรีบแต่งงานให้ผมเป็นไอ้โง่เลี้ยงลูกผู้ชายคนอื่นของคุณ ก็ทึนทึกขึ้นคานจนกลัวว่าจะแก่ตายคาบ้านไม่มีใครเอา...อย่างหลังเรียกให้ถูกก็คือ อยากมีสามีจนตัวสั่นจนต้องยุยงให้น้องสาวหนีตามผู้ชายไป แล้วคาบผมมากินแทนเองยังไงล่ะ”

“ทยากร!!” หญิงสาวแผดเสียงลั่นด้วยความโกรธชนิดที่ไม่เคยโกรธใครมาก่อน เนริชาหันรีหันขวางหาอะไรบางอย่างมาเป็นอาวุธในการระบายอารมณ์ จนสายตาเหลือบไปเห็นหนังสือดีไซน์บ้านเล่มใหญ่ปกแข็ง จึงคว้ามันมาแล้วกระหน่ำตีไปที่ร่างของ ทยากรอย่างเหลืออดทันที

“ปากทุเรศ ความคิดทุเรศ” หญิงสาวหลับหูหลับตากระหน่ำตีลงไปบนร่างของเขา จึงไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นก็โกรธมากไม่แพ้กัน เขายอมทนเจ็บเพื่อรวบข้อมือของหญิงสาวแล้วเขวี้ยงหนังสือลงพื้นอย่างไม่กลัวเสียหาย ก่อนจะออกแรงเพียงน้อยนิดเพื่อจับแขนทั้งสองข้างของเนริชาพันกันไม่ให้ออกฤทธิ์ได้อีกแล้วผลักร่างบางให้ล้มลงกับโซฟาอย่างแรง

“คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ” หญิงสาวพยายามจะดิ้น แต่เข่าของเขาก็กดตัวของเธออยู่แน่น อีกทั้งแขนทั้งสองข้างก็ถูกไขว้กันและกดไว้ด้วยท่อนแขนของเขา ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้เลย “นี่คุณจะบ้าไปแล้วเหรอคะคุณธาม คุณทำแบบนี้ทำไม ฉันเจ็บนะ!”

“คุณว่าผมทุเรศ แต่ผมว่าคุณกับพี่ชายคุณต่างหากล่ะที่ทุเรศ คุณสองคนวางแผนให้อินหนีไปใช่ไหม เพื่อที่จะให้ตัวเองได้เป็นเมียลูกชายรัฐมนตรี โก้จะแย่”

“คุณทยากร คุณนี่มันบ้าจริงๆเลยนะ ปล่อยฉันได้แล้ว”

“คุณไม่เถียงว่าตัวเองเป็นคนรู้เห็นกับการหนีไปครั้งนี้ของอิน แสดงว่าคุณร่วมมือกับพี่ชายพาอินหนีใช่ไหม” เสียงเหี้ยมเกรียมกระโชกโฮกหากของคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นลูกชายนักการเมืองทำให้เนริชารู้สึกขยะแขยงเต็มทน หากที่เขาพูดมันก็ถูกครึ่งหนึ่ง

“ใช่ ฉันรู้เห็นให้อินหนีไป แต่ไม่ใช่เพราะฉันอยากจะแต่งงานกับคุณแทนอินหรอกนะคะ แต่มันเป็นเพราะอินเขารับไม่ได้กับนิสัยอัธพาล ทำตัวเหมือนมาเฟีย แถมยังงี่ง่าไร้สาระแบบคุ....”

ไม่ต้องรอให้ผู้หญิงใต้ร่างของเขาพูดจบหรอก ทยากรก็หมั่นไส้จนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขากดริมฝีปากบดเบียดริมฝีปากของเธออย่างหยาบคายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่มืออีกข้างก็พยายามสัมผัสเรียวขาของเธออย่างจาบจ้วงรุกรานด้วยความโมโห

“ ทยากร ปล่อยนะ...” หญิงสาวร้องออกมาเมื่อมีโอกาส แต่เขาไม่ปล่อยให้เธอว่างนานหรอก เขากดจูบร้อนแรงลงไปอีกครั้ง จนรู้สึกได้ว่าร่างกายเนริชากำลังจะเรียนรู้และตอบสนองเขาตามที่เขาได้สอนเธอไปนั่นแหละ เขาถึงได้กลั่นแกล้งเธอโดยการผละออกจากร่างบางนั้น

“คุณมันก็ไวไฟดีนี่ ผมสอนไม่เท่าไหร่คุณก็รู้จักรุกรานผมบ้างแล้ว”

เนริชาหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย หญิงสาวไม่รู้ตัวเองหรอกว่าทำอะไรลงไปบ้างและได้รุกรานเขาอย่างที่ผู้ชายคนนั้นอ้างหรือเปล่า รู้แต่ถ้าตอนนี้เธอยังอยู่ที่นี่อีกมีหวังว่าเขาอาจจะทำอะไรแบบนั้นกับเธออีกเมื่อไหร่ไม่รู้

“ฉันจะกลับแล้วค่ะ” เนริชาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ก่อนสางผมยุ่งของตนเองให้เรียบร้อย “เรื่องแต่งงานอะไรนั่นคุณก็พิจารณาเอาเองแล้วกันค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณอีกแล้ว”

ทยากรเหลือบมองเนริชาที่หน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกขบขัน อีกทั้งท่าทางของเธอที่กำลังจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าทีเข้าทางยิ่งทำให้เธอดูน่าหัวเราะเยาะนัก เธอทำราวกับว่าตัวเองเป็นเด็กสาวรุ่นที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องอย่างนี้มาแล้วเช่นนั้นแหละ

ผู้หญิงสวยๆอย่างเนริชามีหรือจะปล่อยให้ตัวเองบริสุทธิ์อยู่จนอายุจะขึ้นเลขสามอยู่รอมร่อ แต่เอาเถอะ ในเมื่อเนริชาอยากจะเล่นบทสาวสวยแสนบริสุทธิ์ผู้อ่อนต่อโลก เขาก็จะยอมเป็นส่วนหนึ่งของละครฉากนี้ของเธอ

“นี่คุณเน่ ตอนนี้มันก็ค่ำแล้ว แถมคอนโดผมกับบ้านคุณก็ไม่ใกล้กันสักเท่าไหร่ ให้ผมไปส่งไหมล่ะ อินเคยเล่าว่าคุณไม่กล้าขับรถเอง”

เนริชาเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนรีบตอบ “ไม่ค่ะ ฉันมีคนรถมา”

หญิงสาวรีบควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าใบโตของตัวเอง ก่อนจะทำท่าทีเหมือนจะติดต่อกับคนขับรถของเธอ และถ้าเดาไม่ผิดผู้หญิงคนนี้ก็แค่ลีลาไปอย่างนั้นเอง ตอนมาถึงเนริชาคงจะให้คนรถกลับไปก่อนเรียบร้อยแล้ว

และก็เป็นจริงดังที่คาด ได้ยินหญิงสาวคุยกับคนรถว่าคนรถกลับไปก่อนแล้ว
มารยาผู้หญิงเขาเจอมาเยอะเกินกว่าจะมองเธอไม่ออก

“เป็นไงล่ะ เขากลับไปแล้วใช่ไหม”

“แต่ฉันจะรอเขามารับ”เธอบอกอย่างหนักแน่น

“กลัวผมเหรอ...กลัวผมจะทำอะไรคุณอีกหรือไง แล้วถ้าคุณรอคนขับรถอยู่ที่นี่คุณคิดว่ามันจะปลอดภัยมากกว่าเหรอครับ” น้ำเสียงของเขาล้อเลียนและยียวนกวนประสาทที่สุดเท่าที่เนริชาเคยได้ยินใครพูดมา เมื่อลองคิดดูแล้วก็จริงอย่างที่เขาพูด อยู่ที่นี่ต่อไปก็รังแต่จะเสี่ยงอันตรายมากกว่าเดิม เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือการให้เขาขับไปส่งเสีย อีกประการหนึ่ง ทยากรจะได้ไม่ต้องหลงตัวเองว่าเธอกลัวเขาเสียเต็มประดาด้วย

“งั้นก็ได้ค่ะ คุณไปส่งฉันก็ได้” เธอบอกก่อนจะหย่อนกายล่งนั่งบนโซฟานุ่มอีกครั้ง

“เชิญคุณธามไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ฉันจะแจ้งคนที่บ้านว่าไม่ต้องมารับแล้ว”


เนริชาเดินตามร่างสูงของ ทยากรมาโดยเว้นระยะห่างพอสมควร แม้ยามอยู่ในลิฟต์หรูที่เป็นที่แคบๆ หญิงสาวก็เลือกที่จะยืนอยู่คนละฝั่งกับเขาอย่างระมัดระวังตัว

“ทำไม ทำไมคุณต้องก้มหน้าหลบหน้าหลบตาผมด้วย” เขาถามขึ้นเมื่ออยู่กันเพียงลำพังภายในลิฟต์

“ฉันไม่ได้หลบค่ะ” แม้จะพูดไปอย่างนั้น หญิงสาวก็ยังคงไม่สามารถเงยหน้าขึ้นสู้สายตากับเขาได้

“ทำไมล่ะ กลัวผมจะจูบคุณอีกหรือไงคุณเน่” เขาถามเสียงเย้ยหยัน พลางขยับเข้ามาใกล้ราวกับนึกสนุก เนริชาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรจึงได้แต่พยายามเบียดตัวชิดกับผนังลิฟต์ราวกับอยากจะฝังตัวลงไปในนั้นหากทำได้

“ผมเองก็ไม่ใช่คนรุ่มรามที่จะทำอะไรคุณในนี้หรอก เพราะในนี้มันมีกล้องวงจรปิด เกิดภาพผมกับคุณหลุดออกไปคุณคงเสียหายน่าดู คิดดูสิผมเป็นว่าที่น้องเขยคุณนะ คนคงจะครหากันน่าดู ถ้าว่าที่น้องเขยกับพี่ภรรยาจะมาเล่นอะไรวาบหวิวแบบนั้นในลิฟต์”

ไม่พูดเปล่าเขายัง ก้มหน้าลงมาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆที่รินรดแก้มร้อนผ่าวของเธอ หญิงสาวได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนผิดปกติอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนของตนเองแล้วขัดใจนัก หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นอย่างเหลืออด ทยากรร้ายกาจเกินกว่าที่เธอคิดเอาไว้นัก

“คุณธามคะ ไหนว่าในนี้มีกล้องวงจรปิดไงคะ คุณก้มหน้าลงมาขนาดนี้ คุณไม่กลัวว่ายามที่เฝ้าอยู่จะเข้าใจผิดหรือไง”

ทยากรหัวเราะในลำคออย่างถูกใจ ก่อนผละออกอย่างง่ายดาย

“ตอนแรกผมแค่อยากให้คุณวางใจในตัวผม แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ผมอยากอยู่ใกล้ๆคุณแบบนี้ดีกว่า น้ำหอมคุณหอมชะมัดเลยรู้ไหม กลิ่นเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นเลย” ไม่พูดเปล่าเขายังก้มลงมาชิดกว่าเก่าจนรู้สึกได้ถึงสัมผัสร้อนผ่าวที่ข้างแก้ม เนริชาแทบจะหยุดหายใจเมื่อเขาทำท่าจะรุกเธอหนักกว่าเก่าด้วยการยกมือขึ้นลูกต้นแขนของเธอ “ผมบอกกับยามเอาไว้แล้วล่ะ ว่าไม่ว่าจะเห็นผมกับผู้หญิงคนไหนก็อย่าได้แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นผมจะไล่เขาออก เพราะฉะนั้นคุณก็ไว้ใจได้เลยนะว่าคุณสามารถทำอะไรๆกับผมได้ โดยไม่มีใครพูดเรื่องของเรา คุณสนใจไหมล่ะ”

เนริชาตวัดสายตามองเขาอย่างนึกหมั่นไส้

“คุณมันร้ายกาจเกินกว่าที่ฉันคิดเอาไว้จริงๆ นี่คุณกล้าชวนฉันไปทำเรื่องบัดสีแบบนั้นทั้งๆที่คุณก็รู้ว่าฉันเป็นพี่สาวของอินงั้นเหรอ ฉันสงสารอินจริงๆที่ต้องเจอผู้ชายแบบคุณ นี่ขนาดฉันคุณยังกล้าถึงขนาดนี้ แล้วผู้หญิงคนอื่นจะขนาดไหน”
ทยากรหันกลับมาสบตาเธอนิ่งด้วยแววตาขบขัน

“อินต้องยอมรับในตัวผมได้ เพราะในเมื่ออินไม่สามารถให้ผมในสิ่งที่ผมต้องการ อินก็ต้องอนุญาตให้ผมไปมีอะไรกับคนอื่น แต่ถ้าอินกับผมแต่งงานกันเมื่อไหร่ ผมก็คงจะไม่ต้องใช้บริการสาวๆเหล่านั้นบ่อยเท่าตอนนี้หรอก เพราะผมคงจะหลงอินจนไม่สามารถไปสนใจแม่สาวๆพวกนั้น”

ตอนที่เขาพูดจบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดิบพอดี ชายหนุ่มเดินออกไปจากห้องสี่เหลี่ยมแคบๆนั้นอย่างมั่นใจและสง่างาม ในขณะที่เนริชากลับยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกหนักอึ้งจนก้าวขาไม่ออก หนักอึ้งราวกับกำลังแบกอะไรบางอย่างอยู่ บางอย่างที่ไม่สามารถวางลงได้

ดูเหมือน ทยากรจะไม่สนใจเธอสักนิด ไม่สนใจที่จะยอมรับเงื่อนไขของเธอที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาเสนอตัวให้ถึงที่ และคนอย่าง ทยากรก็คงจะไม่ปล่อยให้อินทุอรหลบหนีต่อไปได้นาน ไม่นานอินทุอรก็คงจะต้องถูกตามตัวกลับมา และก็คงจะเป็นอีกครั้งที่เธอทำร้ายอินทุอร

“อ้าว นี่คุณเน่ ยืนอยู่ทำไม หรือว่าอยากจะกลับขึ้นไปข้างบนอีกรอบ”

เนริชาสะดุ้งเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเสียงของใครบางคนที่ทำให้เธอหลุดออกภวังค์ความคิด ทยากรยืนรอเธออยู่หน้าประตู แถมยังเอื้อมมือมากดปุ่มเปิดลิฟต์ให้ประตูยังคงเปิดค้างอยู่เพื่อให้เธอออกมา
“ชอโทษค่ะ ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย”

เพราะเส้นทางข้างหน้าคงจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ทำให้รถยังคงติดเป็นแถวยาวขยับเขยื้อนไปได้ทีละน้อยจนเนริชาเริ่มอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ใช่ว่าที่เป็นเช่นนี้จะมีสาเหตุมาจากเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ของ ทยากรจะเสีย แต่สาเหตุที่แท้จริงมันมาจากคนขับรถที่นั่งฮัมเพลงไปตามเสียงดนตรีที่ดังมาจากเครื่องเสียงราคาแพงนั่นต่างหาก

ท่าทีเปิดเผยและผ่อนคลายเกินความจำเป็นของ ทยากรทำให้เนริชาอึดอัด

“ทำไม...ผมร้องเพลงไม่เพราะเหรอ สาวๆที่ยินเสียงผมร้องทีไร ก็ชอบอกชอบใจกันทุกคน”

เขาหันมาบอก ก่อนจะหัวเราะเบาๆอย่างชอบอกชอบใจ

“ตรงกันข้าม ฉันกลับอึดอัด” หญิงสาวบอกในสิ่งที่ใจคิด “ฉันกับคุณไม่ได้สนิทกันขนาดที่ฉันจะสามารถนั่งฟังคุณฮัมเพลงได้”

แล้วเธอก็ได้ยินเสียง ทยากรหัวเราะอีกรอบ แน่นอนว่ามันเป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง

“อยากสนิทกับผมไหมล่ะ จะได้ฟังผมฮัมเพลงได้โดยไม่อึดอัดไง” เขาบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “รับรองว่าถ้าคุณตกลง ผมจะหากิจกรรมให้เราได้สนิทกันชนิดที่ว่ารู้จักกันทุกรูขุมขนเลยล่ะ”

ไม่พูดเปล่า ดวงตาเป็นประกายวะวับทรงเสน่ห์อย่างร้ายกาจของ ทยากรก็จ้องมองมาทางเธออย่างจงใจโปรยเสน่ห์ เนริชายอมรับเลยว่ามันได้ผล เพราะเพียงแค่บังเอิญได้สบตากับเขาเพียงครู่ สายตานั้นก็ทำเอาหัวใจเธอแกว่งเป็นลูกตุ้ม มันเต้นแรงขึ้นเรื่อยอีกเมื่อเขาโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างแก้ม

“เป็นไงล่ะ อยากทำความรู้จักกับผมแล้วล่ะสิ แต่ผมบอกไว้ก่อนนะว่า แม้ว่าคืนนี้คุณกับผมตกลงจะทำความรู้จักกันให้มากกว่าเก่าด้วยกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์อย่างที่ผมเสนอ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะยอมหลงกล ตกลงแต่งงานกับผู้หญิงแบบคุณหรอกนะ เพราะฉะนั้น คุณเตรียมใจไว้ได้เลยว่าคุณอาจจะเสียอะไรบางอย่างให้ผมฟรีๆ แต่ถ้าคุณอยากสนุกและไม่คิดจะเอาเรื่องนี้มาผูกมัดผมล่ะก็ ผมก็โอเค ของฟรี ใครจะไม่อยากชิม จริงไหมครับ ถึงแม้ว่าคุณอายุมากไปหน่อยผมก็โอเค แค่อย่าอายุมากกว่าผมก็พอ ผมไม่ชอบคนแก่กว่า”

เนริชาหลับตาฟังเขาอย่างเหลืออด และพยายามกลั้นใจนับหนึ่งถึงสิบในใจอย่างระงับอารมณ์ ถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมาจากปากของหนุ่มสังคมสุดหล่อที่ใครๆก็หลงใหล ชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเนริชาเคยสนับสนุนและคิดว่าเหมาะสมกับอินทุอรอย่างที่สุด ผู้ชายที่มีดีแค่ความหล่อและเต็มไปด้วยความชั่วร้ายที่เธอไม่เคยคิด ไม่เคยจินตนาการได้เลยจากการพบกันไม่กี่ครั้งในรอบห้าเดือนของเขาและเธอ

สกปรกเสียยิ่งกว่าน้ำเสียจากท่อระบายน้ำเสียอีก!

“กรุณาจอดรถด้วยค่ะคุณธาม” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

“อะไรกันคุณเน่ คุณจะให้ผมจอดรถและทำเรื่องแบบนั้นตรงนี้เลยเหรอ มันไม่น่าอายไปหน่อยหรือไงคุณ” เขายังคงพูดเรื่องหยาบคายราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญต่อไป “ไม่เอาด้วยหรอกนะ อย่างน้อยก็หลบผู้คนหน่อย เอาไว้ไปให้พ้นตรงอุบัติเหตุข้างหน้าไปก่อนนะ แล้วผมจอดให้”

เนริชาไม่โต้ตอบ ไม่แก้ไขความเข้าใจผิดของเขาแต่อย่างใด เธอยังคงนั่งนิ่ง ปล่อยให้เขาขับรถพาเธอพ้นออกมาจากจุดเกิดเหตุนั่น จนออกมาสู่ถนนโล่งๆสายปกติ

“จอดรถได้แล้วค่ะ ฉันจะลง”

“หมายความว่าไงจะลง” เขาย้อนกลับเสียงใส

“อย่ามาตีหน้าซื่อดีกว่าค่ะ คุณเลิกกวนประสาทฉันได้แล้ว คุณก็รู้ว่าที่ฉันบอกให้คุณจอดก็เพื่อที่จะลงจากรถของคุณต่างหาก ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะทำเรื่องทุเรศหยาบคายกับคุณเลยสักนิด”

ทยากรยังคงมองตรงไปตามทางข้างหน้าอย่างเก่า ไม่ได้มีแววว่าจะเปิดไฟเพื่อจอดรถเลยแม้แต่น้อย

“คุณธาม!” หญิงสาวเรียกเขาอีกครั้งอย่างเหลืออด “จอดรถเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่สามารถทนนั่งรถกับผู้ชายแบบคุณได้อีกแล้ว ขยะแขยงจะแย่ ฉันจะบอกกับคุณน้าว่าคุณมันร้ายกาจแค่ไหน”

“แล้วไงล่ะ พอบอกคุณลุงอุกฤษฎ์เสร็จแล้วไงต่อ ล้มเลิกงานแต่งงานไปง่ายๆปล่อยให้ผมต้องอับอายประชาชนอยู่ฝ่ายเดียวใช่ไหม”

เนริชาสะบัดหน้าหนีแววตาและท่าทางแข็งกระด้างของเขาอย่างสุดจะทน

“นั่นมันก็แล้วแต่คุณจะรู้สึก” หญิงสาวบอกอย่างไม่ยี่หระ “จอดรถได้แล้วค่ะ คุณธาม”

“ผมไม่จำเป็นต้องฟังคุณ” เขาบอกเสียงแข็ง พร้อมกับเหยียบคันเร่งจนมิด เข็มหน้าปัดบอกความเร็วหมุนตามเข็มนาฬิกา ไต่ความเร็วไปเรื่อยๆจนสุดขีดข้อจำกัดความเร็วที่หน้าปัดบอกไว้

เนริชาหัวใจกระตุกวูบด้วยความหวาดกลัว เมื่อแลเห็นใบหน้าหล่อเหลาของ ทยากรบิดเบี้ยวด้วยอารมณ์โกรธยิ่งทำให้หญิงสาวแทบจะหยุดหายใจไปตรงนั้น เนริชาพูดอะไรไม่ออก คิดอะไรไม่ได้ ตอนนี้นอกจากหัวสมองของเธอจะว่างเปล่าแล้ว หูของเธอยังอื้ออึงอีกด้วย

“พะ...พอเถอะคุณธาม ฉันกลัวแล้ว”

“ผมไม่มีทางยอมให้ครอบครัวคุณหลอกลวงผมได้อีก ผู้หญิงมันก็เลวเหมือนกันหมด เห็นแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเพียงอย่างเดียว”

ไม่รู้ว่าอุปทานไปเองหรือไร หญิงสาวเหลือบไปเห็นแววตาของ ทยากรฉายแววเจ็บปวดจนเนริชาอดจะเจ็บปวดไปกับดวงตาคู่เศร้าของเขาไม่ได้ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงนึกอยากรู้ขึ้นมาเสียเฉยๆ ว่า ทยากรกำลังคิดอะไรอยู่จึงได้เศร้าเช่นนี้ หญิงสาวเผลอเอื้อมมือแตะที่แก้มของเขาราวกับต้องการปลอบโยน หวังว่าเธอจะแบ่งรับความเหน็บหนาวและอ้างว้างมาจากเขาสักครึ่งหนึ่ง ทยากรเอง เมื่อได้รับสัมผัสอบอุ่นนั้น ก็เผลอหันมามองเจ้าของมืออุ่นนั้นอย่างแปลกใจเช่นกัน

แล้วพลันหางตาของเขาก็ได้เหลือบไปเห็นสุนัขตัวหนึ่ง เดินออกมาจากริมถนนอย่างไร้เดียงสา

ด้วยความตกใจ ทยากรตัดสินใจหักพวงมาลัยนั้นเต็มกำลัง ส่งผลให้รถคันหรูของเขาหมุนเคว้ง จากการเปลี่ยนทิศทางและเบรกกระทันหัน ก่อนข้ามเลนส์ จากเลนส์ซ้าย เขามองอะไรไม่เห็นอีกต่อไป ทยากรแค่ได้กลิ่น กลิ่นยางรถเสียดสีกับถนนเหม็นไหม้จนต้องนิ่วหน้า ได้ยินเพียงแต่เสียงหวีดร้องอย่างหวาดกลัวของเนริชา เขาปิดตาลงโดยอัตโนมัติเพื่อรอรับความเจ็บปวด โดยไม่รู้เลยว่าในยามนี้รถยนต์ของเขาข้ามเลนส์ไปชนเข้ากับเสาไฟตรงเกาะกลางถนนเข้าอย่างจังตรงด้านคนขับ ความรู้สึกสุดท้ายของเขา ไม่แน่ใจว่าเป็นความคิดของเขาเองหรือความจริงกันแน่ ที่ก่อนทุกอย่างจะมืดมิดลงเขาเห็นเจ้าหมาตัวนั่น วิ่งลงข้างทางอย่างปลอดภัย




ศิลป์ศรุตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ธ.ค. 2554, 10:11:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ธ.ค. 2554, 10:16:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1494





<< ตอนที่ 3    ตอนที่ 5 >>
หมูอ้วน 12 ธ.ค. 2554, 11:29:00 น.
นายธามจะเป็นอะไรมากมั้ยค่ะ รอตอนต่อไปค่ะ


anOO 12 ธ.ค. 2554, 18:15:02 น.
แล้วจะมีใครเป็นอะไรไหมเนี้ย นายธามคงไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ใครๆ คิดนะ


gozilar 13 ธ.ค. 2554, 10:58:32 น.
อะ ไหง นายธามเลวอย่างงี้อะ


ศิลป์ศรุตา 13 ธ.ค. 2554, 11:29:53 น.
>/////< ตอนไรเตอร์เขียนเองยังว่านายธามเลวเลยค่ะ 55


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account