รอยร่างรางรัก
หญิงสาวคนหนึ่งกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ส่วนอีกคนต้องติดอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง โดยมีเบื้องหลังอยู่ที่ความปรารถนาอันแรงกล้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง

รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด

ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
Tags: วิญญาณ ดวงจิต สลับร่าง

ตอน: ตอนที่ 2

ความมืดมิดค่อยถูกแทรกด้วยแสงสว่างเล็ก ๆ ที่ลอดผ่านเปลือกตา หากแสงนั้นเหมือนจะจ้าเกินกว่าปกติ ราวกับว่าเธอไม่ได้เห็นแสงสว่างเช่นนี้มาพักใหญ่ เปลือกตาเบาบางดูหนักอึ้งจนกระทั่งอวิการู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักหน่วงค่อยลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ พยายามปรับสภาพให้คุ้นชินกับแสงไฟภายในห้อง...ห้องพักในโรงพยาบาล

นี่เธอหลับใหลไม่ได้สติไปนานแค่ไหนกันนะ

หญิงสาวมองไปรอบห้อง...ไม่มีใครอยู่ในห้องพักผู้ป่วย แต่อวิกาได้ยินเสียงเหมือนมีใครกำลังเปิดก๊อกล้างมืออยู่ในห้องน้ำ เธอลืมตามองเพดานอยู่ได้เพียงครู่ก่อนที่จะรู้สึกว่าเปลือกตาเริ่มหนักขึ้นอีกครั้ง

แม้จะหลับตาแต่เอวิกาไม่ได้เข้าสู่ห้วงนิทราในทันที หากพยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เธอจะมาตื่นขึ้นในห้องพักผู้ป่วยห้องนี้



อวิการะลึกได้ว่าเธอต้องไปทำงานวันเสาร์ตามตารางการทำงานของบริษัทที่จะทำงานเสาร์เว้นเสาร์ และมีนัดกับชายคนรักเพื่อไปรับประทานอาหารเย็นหากมีอันต้องเลื่อนเพราะผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุมแผนบริหารงานในวันนั้นต้องการให้เธอส่งรายงานการประชุมให้ภายในเช้าวันจันทร์

ชนวิทซึ่งโทรศัพท์มาหมายจะยืนยันการนัดหมายของทั้งคู่กล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

“ผมอุตส่าห์ยกเลิกนัดเพื่อน ๆ เพราะอยากไปกินข้าวกับเพชร”

“เพชรก็อยากไปนะคะ แต่ต้องทำงานจริง ๆ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เพชรก็ต้องมาทำ”

“แล้ววันอาทิตย์ก็เป็นวันของครอบครัวใช่ไหม”

“ค่ะ…เห็นใจเพชรนะคะพี่ชน เอาไว้เสาร์หน้าเพชรไม่ต้องทำงานเราค่อยไปเที่ยวกันก็ได้”

“ถ้าอย่างนั้นผมไปอยู่เป็นเพื่อนเพชรที่บริษัทดีไหม”

“อย่าเลยค่ะ ถึงพี่ชนมาเพชรก็ต้องทำงานคงไม่มีเวลาได้คุยกัน”

“แต่...” ชนวิทนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนบอก “เดี๋ยวนะ เพื่อนมันโทร.เข้ามาเป็นสายซ้อน สงสัยจะโทร.มาถามย้ำเรื่องไปสังสรรค์กันเย็นนี้”

“ถ้าอย่างนั้นพี่ชนไปสนุกกับเพื่อน ๆ เถอะค่ะ เอาไว้ค่อยเจอกันวันหลัง”

“อย่างนั้นก็ได้ แล้วผมจะโทร.หานะ”

หลังวางสายจากชนวิท อวิกาก็ง่วนกับการพิมพ์รายงานการประชุม ตรวจทานและพิมพ์ออกมาแนบใส่แฟ้มเตรียมไว้สำหรับผู้ถือหุ้นทุกคนแม้ว่าคนที่ร้องขอจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

กว่างานจะเสร็จเวลาก็ล่วงไปใกล้สองทุ่มแล้ว อวิกาหยิบกระเป๋าสะพายลุกขึ้นเดินออกจากหน้าห้องผู้บริหารของบริษัทคำโภคา บริษัทผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภคขนาดกลางซึ่งเช้าพื้นที่ทำสำนักงานอยู่ที่บนชั้น11 ของตึกไอเอ็นซีโอซึ่งเรียกกันติดปากว่าอินโก้ ตึกสูงย่านใจกลางกรุงซึ่งเป็นตึกซึ่งมีบริษัทระดับกลางถึงยักษ์ใหญ่หลายแห่งเช่าพื้นที่เปิดเป็นสำนักงาน

งานเลขานุการที่เธอทำมาราวสามปีนับตั้งแต่สำเร็จการศึกษานั้นแม้จะไม่ใช่งานหนักแต่รายละเอียดของงานบางอย่างนั้นค่อนข้างน่าเบื่อ อวิกาจึงคิดหาทางขยับขยายด้วยการไปลงเรียนในโรงเรียนด้านการจัดการโลจิสติกส์ในช่วงวันหยุดจนกระทั่งได้รับใบประกาศ ยังไม่ทันจะคิดขยับขยายหางานใหม่ชนวิทก็ก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ

ชายหนุ่มเป็นพนักงานลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัททำป้ายโฆษณายักษ์ใหญ่ซึ่งเช่าพื้นที่อยู่ในตึกเดียวกัน เขาเข้ามาทำความคุ้นเคยกับหญิงสาวเมื่อเธอไปรับประทานอาหารกับเพื่อนร่วมงานที่ร้านอาหารไม่ไกลจากตึกนัก เพื่อนของชนวิทนั้นรู้จักกับเพื่อนร่วมงานของอวิกาคนหนึ่งและกลุ่มพนักงานชายของบริษัททำป้ายโฆษณาเหมือนต่างจะพากันหมายตาหญิงสาวพนักงานบริษัทคำโภคา

กลุ่มหนุ่มสาวของสองบริษัทไปรับประทานอาหารในร้านเดียวกัน “โดยบังเอิญ” หลายครั้ง แต่หนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาว ดูสำอางที่สุดในกลุ่มอย่างชนวิทดูจะให้ความสนใจกับหญิงสาวที่เงียบที่สุดในกลุ่มอย่างเธอมากกว่าใคร

สาว ๆ พากันอิจฉาอวิกาแต่ดูเหมือนว่าต่างก็เริ่มสานสัมพันธ์กับเพื่อนในกลุ่มของชนวิทเช่นกัน จะผิดกันก็แต่ความสัมพันธ์ของคู่อื่นดูจะจบลงอย่างรวดเร็วในขณะที่ชนวิทและอวิกายังคงคบหาดูใจกันต่อ

“แหม...ก็คนอื่น ๆ ในกลุ่มพี่ชนน่ะ ดูดีสู้พี่ชนได้ซะที่ไหน แล้วนิสัยใจคอก็ไม่ค่อยสปอร์ตเท่า” เพื่อนร่วมงานสาวคนหนึ่งบ่นให้ฟังในวงสนทนาระหว่างมื้อกลางวันที่ไม่มีคนอื่นรวมถึงชนวิทมาร่วมด้วย เมื่อเลิกคบหาก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดจารักษาน้ำใจคนที่ถูกพูดถึง “ดูอย่างเวลามากินข้าวด้วยกันสิ เห็นพี่ชนเขาออกตลอด ไหนจะเรื่องความสม่ำเสมออีก พี่ชนน่ะเสมอต้นเสมอปลายจะมีบ้างก็ตอนติดงานต้องออกไปดูแลลูกค้า ไม่เหมือนพวกลูกน้องเขา ผลุบไปโผล่มา ใครทนคบได้ก็แปลก มีแต่เพชรนั่นแหละที่โชคดีที่สุดในกลุ่มพวกเรา”

“พี่ชนเขาตำแหน่งสูงกว่า เงินเดือนมากกว่าจะเลี้ยงลูกน้องบ้างก็เป็นเรื่องปกตินะ” อวิกาให้ความยุติธรรมกับลูกน้องของคนรัก “การวิ่งหาลูกค้าก็เหมือนกัน พี่ชนเขาดูแลลูกน้องแทบไม่ต้องวิ่งเองก็ต้องมีเวลาว่างมากกว่าอยู่แล้ว”

“นี่ขนาดลูกน้องแฟนยังปกป้องเลยนะ” ใครอีกคนแซว “แหม…อย่างนี้กับแฟนก็คงออกตัวแทนกันแย่เลย เราคงไปว่าอะไรพี่ชนของเพชรเค้าไม่ได้เลยว่าไหม”

แม้จะรู้สึกกระดากอายที่โดนเพื่อนร่วมงานล้อ แต่ลึก ๆ เธอก็ทั้งภูมิใจและหวั่นใจกับสัมพันธ์ระหว่างตนและชนวิท



เมื่อก้าวขึ้นรถได้ อวิกาก็หยิบเอาเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าสะพายออกมากดต่อสายถึงชนวิท แต่เขาไม่นับสายหญิงสาวจึงหย่อนเครื่องมือสื่อสารกลับลงไปในกระเป๋า

แม้พยายามจะไม่คิดอะไรหากก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำยั่วล้อของเพื่อนร่วมงาน ในวันไหนที่ชนวิทโทร.มาขอยกเลิกนัด หรือไม่รับสายเมื่อเธอโทร.ไปหา

“เอ...หรือว่าที่จริงพี่ชนของยัยเพชร นี่เขาจะเป็นเซียนเหนือเมฆกว่าพวกลูกน้องเค้าก็ไม่รู้เนอะพวกเรา ดูสิโทร.ไปก็ไม่ยอมรับสายไม่รู้ทำอะไรอยู่”

“เธอก็พูดให้เพื่อนไม่สบายใจไปได้” คนที่ทะลึ่งตึงตังที่สุดในกลุ่มโต้ ตอนแรกก็ทำสีหน้าเหมือนเห็นใจอวิกา แต่แล้วก็กลับทำหน้าตามีลับลมคมในเมื่อพูดต่อ “พี่เขาอาจจะเปิดมือถือระบบสั่นแล้วเอาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงก็ได้”

“ก็ถ้าอยู่ในกระเป๋ากางเกงทำไมสั่นแล้วพี่ชนจะไม่รู้ล่ะ” คนเปิดประเด็นขมวดคิ้วก่อนนึกได้ “ตายแล้ว…เธอนี่ไม่พูดให้เพื่อนไม่สบายใจเลยนะ ถ้าอยู่ในกระเป๋ากางเกงแล้วไม่รู้ว่าสั่นก็แสดงว่าพี่ชนไม่ได้ใส่...”

“คิดมากไปได้ ฉันหมายถึงพี่ชนเขาอาจจะเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวอยู่ก็ได้” คนทะเล้นแก้ตัวก่อนหันมาทางอวิกา “พวกเราแค่พูดเล่น…อาจจะสนุกปากไปหน่อย เธอไม่โกรธใช่ไหมเพชร”

ในตอนนั้นเธอทำเพียงแค่ส่ายหน้าเล็กน้อย เพื่อนร่วมงานทั้งกลุ่มที่ชอบไปรับประทานอาหารร่วมกันก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับการล้อเล่นคะนองปากของตนเช่นกัน การพูดจายั่วล้อในลักษณะนี้จึงเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อยครั้ง โดยผู้ที่ถูกล้อเองก็บอกไม่ได้ว่าลึก ๆ แล้วตนเชื่อใจคนรักได้เต็มร้อยอย่างที่แสดงออกให้กลุ่มเพื่อนร่วมงานได้เห็นหรือไม่



สุวิสาป้าของอวิกาเป็นตัวอย่างที่ทำให้เธอต้องคอยระมัดระวังความรู้สึกของตนที่มีต่อชายหนุ่มที่มาสนใจ พี่สาวของมารดานั้นเป็นคนหน้าตาธรรมดา แม้ไม่ขี้ริ้วแต่ก็ไม่มีสิ่งใดสะดุดตา ดังนั้นเด็กหญิงอวิกาจึงค่อนข้างแปลกใจที่เห็นว่าสามีของป้านั้นเป็นคนหน้าตาหล่อเหลาเพียงใด

ทุกครั้งครอบครัวของพ่อและแม่นัดพบสังสรรค์กันใครต่อใครก็ต่างพากันนึกอิจฉา เพราะไม่ใช่เพียงแต่สุวิสาจะได้สามีหน้าตาดีเท่านั้นแต่เขายังดูสุภาพ เอาอกเอาใจภรรยาเป็นอย่างดี

ภาพการแสดงความรักระหว่างสองสามีภรรยาเป็นสิ่งที่อวิกาเองก็จดจำได้ตั้งแต่พอรู้ความ ดังนั้นเมื่อราวสิบกว่าปีก่อนเมื่อตอนที่หญิงสาวก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเธอจึงแปลกใจไม่แพ้ผู้ให้กำเนิด เมื่อสุวิสาขับรถมาที่บ้านน้องสาว ร้องห่มร้องไห้ใหญ่โต

“พี่วิ เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรพี่วิ”

“ไอ้ผัวเฮงซวย มันหลอกพี่...นัน...มันหลอกพี่มาตลอด”

คนเป็นแม่หันมามองดูลูกชายลูกสาวที่คนหนึ่งนั่งดูการ์ตูนโทรทัศน์อีกคนนั่งทำการบ้านอยู่ อวิกาเงยหน้ามองแม่และป้า คลี่ยิ้มก่อนก้มหน้าทำงานต่อ หากการสนทนาระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองยังคงดังเข้าสู่โสตประสาท

“เป็นไปได้ยังไง พี่กบเขาก็ดูรักพี่ดีออก”

“ใช่สิ ใคร ๆ ก็คิดอย่างนั้น พี่เองก็คิดอย่างนั้น” สุวิสาสะอื้น “แต่ที่จริงแล้ว มันหลอกลวง มันไม่ได้รักพี่จริง ๆ มันหวังแต่เงินทองที่พี่คอยปรนเปรอ ให้มันมาตลอด”

“แต่พี่กบเขาก็มีร้านขายเครื่องไฟฟ้าของตัวเองไม่ใช่เหรอพี่วิ”

“มีแต่ร้านกับของ แต่ไม่มีเงินน่ะสิ พี่ไม่เคยเล่าให้พี่น้องฟังว่าต้องเอาเงินเดือนเลี้ยงทั้งตัวทั้งผัว เพราะเงินที่เขาลงทุนเปิดร้านซื้อของน่ะสร้างแต่หนี้สิ้นท่วมตัว นี่ถ้าพี่ไม่ทำงานบริษัทเอกชนได้เงินเดือนสูง มันคงทิ้งพี่ไปนานแล้ว”

“แล้วทำไมจู่ ๆ พี่วิ”

“จะว่าโชคช่วยหรืออะไรก็แล้วแต่ พี่ถึงได้บังเอิญไปเจอมันกับผู้หญิงอื่นเข้า ดูสินัน...พี่หลงนึกว่าได้ผัวดีมาตั้งนาน ใครก็พากันชมให้ฟังตลอดว่าเค้าช่างเอาอกเอาใจเมีย แต่ที่แท้ลับหลังเราก็...” อารมณ์เศร้านั้นแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวที่เสียรู้ “พอกันที...เสียรู้มันมานาน เสียเงินเสียทองให้มันเอาไปปรนเปรอผู้หญิงคนอื่นอยู่ตั้งนาน”

“ใจเย็น ๆ นะพี่วิ”

“นันต้องคอยระวังหลานให้ดีนะ อย่าให้หลานมันโง่ หลงเชื่อผู้ชายผิดคนเหมือนป้ามัน”

“โธ่…พี่วิ เพชรเพิ่งจะแค่สิบกว่าขวบ”

อวิกาเงยหน้าขึ้นมองแม่และป้าอีกครั้งเมื่อรู้ว่าผู้ใหญ่กำลังพูดถึงตน

“นั่นแหละ ต้องสอนต้องเตือนกันไว้ตั้งแต่ตอนนี้” สุวิสาสบตาหลานสาวขณะที่เอ่ยต่อ “จำไว้นะยัยเพชร ต้องระวังเอาไว้ให้มาก อย่าเผลอตัวเผลอใจไปเชื่อง่ายนัก ถ้าดีจริงอย่างพ่อเราก็ว่าไป แต่ระวังจะเจอพวกต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างเหมือนที่ป้าเจอก็แล้วกัน”

“ไม่เอาน่าพี่วิ หลานไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ดูสิทำหน้างงใหญ่แล้ว”

ราวกับว่าความรักใคร่หลานสาวจะมีอิทธิพลเหนือกว่าอารมณ์เศร้าโศกและโกรธเคืองนั้น สุวิสาจึงนิ่งไปได้ ทว่าเมื่อมีโอกาสเธอก็มันจะเอ่ยพร่ำถึงความไม่ซื่อสัตย์ของผู้ชายให้อวิกาได้ยินอยู่เสมอ



การที่ชนวิทไม่รับโทรศัพท์ของเธอบ่อยครั้ง หรือบางครั้งก็ติดต่อมาเพื่อขอเลื่อนนัด ทำให้หญิงสาวนึกถึงคำพูดของป้าขึ้นมาไม่ได้

ไม่เอาน่า...คนเขาสังสรรค์กับเพื่อนอาจจะอยู่ในร้านที่เสียงเพลงดังจนไม่ได้ยินเสียงมือถือตัวเองก็ได้ ตอนนั้นป้าวิก็แค่พูดไปตามอารมณ์

อวิกาสูมลมหายใจยาวนึกอธิษฐานอยู่ในใจ ขอพร...หากว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ขอให้เธอไม่โชคร้ายเหมือนป้า ขอให้เธอได้พบกับชายที่เป็นรักแท้ ไม่หลอกลวงให้ต้องเจ็บช้ำใจ

หญิงสาวสะบัดความคิดที่รบกวนสมาธิในการขับขี่ออกไปด้วยการเอื้อมมือไปเปิดเครื่องเล่นแผ่นซีดี และเพ่งมองไปยังเส้นทางเบื้องหน้าอย่างตั้งใจมากขึ้น ถนนเส้นที่หญิงสาวใช้เดินทางกลับบ้านนี้มีทั้งอุโมงค์ลอดใต้แยกและสะพานข้ามแยกเพื่อช่วยลดความติดขัดของการจราจร ช่วงค่ำของวันเสาร์บนเส้นทางขาออกจากเมืองเช่นนี้หญิงสาวจึงทำความเร็วรถได้ค่อนข้างสูง

ทว่า...พริบตาเดียว ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เหมือนกับจู่ ๆ ก็หลอมรวมตัวขึ้นมาจากอากาศธาตุ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้วิ่งข้ามถนน แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาที่มองมาทางอวิกามีแววขึงโกรธ

วินาทีนั้นการตัดสินใจในช่วงวิกฤติผิดพลาดอย่างมหันต์ชนิดที่กว่าจะรู้ตัว เธอก็หักพวงมาลัยนำพาหนะคู่ใจพุ่งข้ามเกาะกลางถนนพุ่งเข้าหารถยนต์คันหนึ่งที่แล่นสวนมาอีกฝั่ง



เสียงโครมดังลั่นในห้วงคำนึงนั้นเหมือนกระทบเข้าสู่โสตประสาทของหญิงสาวจริง ๆ และปลุกให้เธอต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งทั้งที่ตั้งใจจะนอนพักต่อ อวิกาถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าสภาพรอบตัวคือห้องพักผู้ป่วยห้องเดิมและเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับตนนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้วจริง ๆ

“ตื่นแล้วเหรอยัยตัวแสบ ทำพี่กับพ่อแม่เป็นห่วงแทบแย่...นอนหลับซะเพลินเลยนะ เดี๋ยวพี่ไปตามหมอให้รอแป๊บนึงนะ”

อวิกาหันขวับไปมองที่มาของเสียงทันได้เห็นหน้าตาของผู้พูดก่อนที่เขาจะรีบผละออกจากห้องไป

‘พี่’ เป็นชายร่างสูง ผิวสองสีวัยราวยี่สิบปลาย น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับ ‘พี่ชน’ ดวงตาคมสีดำสนิท เขาไม่ใช่คนหล่อเหลาหากรอยยิ้มนั้นดูอบอุ่นอ่อนโยน เพียงแต่มันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง

ใช่สิ...มันจะไปถูกได้อย่างไรในเมื่อตลอดเวลาเกือบยี่สิบห้าปีในชีวิตของอวิกานั้น เธอเป็นลูกสาวคนโตของบ้าน มีอาศิสหรือพีทน้องชายซึ่งกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายเท่านั้นที่ร่วมสายเลือดพ่อแม่เดียวกัน ครอบครัวของเธออยู่ดีมีสุขมาตลอด พ่อแม่รักใคร่กันดีไม่เคยมีปัญหาเรื่องบ้านเล็กบ้านน้อย

‘พี่’ คนนี้เป็นใครมาจากไหนกัน จะว่าไปเธอเหมือนคุ้นหน้าเขา เหมือนเคยพบเห็นมาก่อนหลังจากนึกทบทวนอยู่นานหญิงสาวก็คิดออกว่าเคยเห็นเขากับกลุ่มเพื่อนซึ่งเป็นพนักงานบริษัทอื่นที่อยู่ในตึกเดียวกันกับบริษัทคำโภคา ไม่แน่ใจว่าเคยเห็นหน้ากันมากี่ครั้ง แต่เธอคิดว่าจำไม่ผิดคน

ยังไม่ทันที่อวิกาจะขยับตัวทำอะไร เสียงเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยก็ดังขึ้นอีกครั้ง นายแพทย์หนุ่มใหญ่ตรวจร่างกายและเอ่ยถามอาการของเธอ

“เหมือนจะยังเพลีย ๆ นิดหน่อยค่ะหมอ”

หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อเปล่งเสียงตอบคำถามแรกออกไป เสียงนี้...ไม่คุ้น เสียงพูดของตัวเองกลับฟังไม่คุ้นหูเลยสักนิด หรือจะเป็นผลจากอุบัติเหตุ

นายแพทย์หนุ่มใหญ่ตรวจอาการของเธอจนพอใจก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนหันไปทาง ‘พี่’ ซึ่งยืนมองอยู่ห่าง ๆ

“น้องสาวผมเป็นไงบ้างครับ”

น้องสาว...นี่เขาเชื่อจริงจังว่าเธอเป็นน้องสาวของเขาอย่างนั้นหรือ

“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ คนไข้อาจจะรู้สึกเพลียหรือว่ามีอาการคล้ายมึนงง สับสนอยู่บ้าง แต่คงเป็นผลจากการที่คนไข้เพิ่งจะฟื้นหลังจากหมดสติไปนาน ที่จริงตั้งแต่รับตัวคนไข้เข้ามารักษาหลังจากเกิดเหตุเราก็ไม่ได้พบการบาดเจ็บอะไรรุนแรงอยู่แล้ว แต่ถ้าญาติเป็นห่วงเรื่องการกระทบกระเทือนภายใน คงต้องรอให้คนไข้พร้อมกว่านี้แล้วทำการเอ็กซ์เรย์ดูอีกที”

“ขอบคุณครับหมอ”

แพทย์เจ้าของไข้ยิ้มรับคำขอบคุณก่อนเอ่ยขอตัวไปดูแลคนไข้รายอื่น หนุ่มร่างสูงยืนมองตามแพทย์และพยาบาลที่เดินออกจากห้องไปก่อนจะหันกลับมามองสบตากับอวิกา ที่ยังคงเขม้นมองไปทางเขา พยายามทบทวนว่าเคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อนหรือไม่

สิ่งที่สื่อออกมาจากดวงตาคมคู่นั้นคือความรักใคร่ห่วงใยจากใจจริง แสดงให้เห็นว่าเขารู้จักเธอแน่

“คุณ...”

เธอเอ่ยเรียกเขาเพียงแผ่วเบา หวังจะได้ยินเสียงที่เธอคุ้นเคย เสียงของเธอเอง แต่มันกลับกลายเป็นเสียงที่แหลมใสกว่า เสียงที่ทำให้นึกถึงผู้พูดที่มีลักษณะหน้าตาท่าทางร่าเริงสดใด

“คุณ...นี่เราเรียกพี่ว่า คุณเหรอยัยฝน”

“ฝน?”

“ก็ฝนน่ะสิ ทำไมต้องย้ำชื่อตัวเองแล้วขมวดคิ้วแบบนั้นด้วย” เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนรีบก้าวเข้ามาหยุดยืนข้างเตียง มองพิจารณาเธอทั่วทั้งตัว “หรือว่าสมองกระทบกระเทือนจนความจำเสื่อม”

อวิกาอ้าปากค้างตอบคำของเขาไม่ถูก

“พี่ว่า...พี่ไปตามหมอมาดูอาการให้อีกทีดีกว่านะ”

“ไม่!”

หญิงสาวร้องห้าม...เธอรู้ดีว่าเธอไม่ได้สูญเสียความทรงจำแน่ อวิกาจดจำเรื่องราวของตัวเองได้ตั้งแต่จำความได้จนถึงวันที่เกิดอุบัติเหตุ เธอเป็นลูกสาวของมโนเชาว์และสุนันทาข้าราชการอาวุโสในกระทรวงแรงงานวัยห้าสิบต้นที่ยังคงเดินทางไปทำงานกลับบ้านด้วยกันทุกเช้าเหมือนเช่นที่หญิงสาวเคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก

อาศิสน้องชายซึ่งอ่อนกว่าเธอเกือบสี่ปีกำลังเรียนอยู่ปีสุดท้ายในคณะนิเทศศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง เธอทำงานเป็นเลขานุการผู้บริหารบริษัทคำโภคามาตั้งแต่เรียนจบ มีชายคนรักชื่อชนวิท

เธอจำได้แม่นทุกเรื่อง จำได้ว่าเธอไม่ได้ชื่อฝนและไม่มีพี่ชาย

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องตามหมอหรอกที่พูดว่าคุณเพราะว่านึกถึงคนที่ขับรถพุ่งมาชน อยากรู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง”

“อ๋อ...นึกว่าอะไร ทำพี่ตกอกตกใจหมด” เขาพูดแล้วทำทีเหมือนนึกทบทวน “พี่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกนะยัยฝน เขาถูกส่งตัวมาโรงพยาบาลนี้พร้อม ๆ กันกับเรานั่นแหละ พ่อแม่เขาก็มาขอโทษขอโพยที่ลูกสาวเขาขับรถข้ามเกาะมาชนเรา รู้แค่ว่าตอนนั้นก็ต้องอยู่ในห้องไอซียูเหมือนกัน หลังจากนั้นก็ไม่ได้รู้ข่าวอีกเลย ยังไงฝนลองถามกับพยาบาลดูสิ”

อวิกาพยักหน้าน้อย ๆ พยายามทำใจเปิดรับเรื่องราวที่ได้ยิน ถ้าคนที่ชื่อฝนคนนี้คือคนที่เธอหักรถข้ามเกาะกลางถนนไปชนเข้าจริง ๆ ก็แสดงว่า...

“ขอดูกระจกหน่อยได้ไหมคะ”

ชายร่างสูงทำตามคำขอ เขามองหาไปรอบห้องก่อนเดินไปที่โต๊ะกลางของโซฟาเปิดกระเป๋าผ้าใบย่อมซึ่งเป็นของอภินันทนาการจากโรงพยาบาล หยิบเอากระจกบานเล็ก ๆ มาให้

อวิกาแทบไม่กล้ามองภาพสะท้อนในกระจกนั้น แม้จะคิดเผื่อไว้ว่าอาจจะเกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นกับตนเองจริง ๆ แต่กระนั้นเงาสะท้อนในกระจกก็ทำเอาหญิงสาวต้องกลืนน้ำลายลงคอก่อนพึมพำออกมาเบา ๆ

“ไม่จริง”

“อะไรไม่จริงยัยฝน”

“หน้า...ของ...เอ่อ...ฝน...” อวิกาคงลุกขึ้นกรีดร้องว่านี่ไม่ใช่หน้าของเธอ เธอไม่ได้ชื่อฝนถ้าส่วนหนึ่งของสติไม่เตือนว่าเปล่าประโยชน์ที่จะทำอย่างนั้น คงไม่มีใครเชื่อสิ่งที่เธอพูดแน่ แถมจะพาเธอไปเช็คร่างกาย ตรวจสมองวุ่นวายเสียอีก

“ไม่มีรอยขีดข่วนเลยสักนิดใช่ไหมล่ะ” เขาต่อคำให้ “เคราะห์ดีนะ ที่ชนขนาดนั้นแต่ไม่มีรอยขีดข่วนอะไร กระดูกกระเดี้ยวก็ไม่ถึงกับหัก”

หญิงสาวไม่ทันตอบอะไร เสียงประตูห้องพักก็เปิดขึ้นอีกครั้งตามมาด้วยเสียงของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง

“ตาเมฆน้องเป็นยังไงบ้าง”

“เพิ่งได้สติเมื่อครู่นี้เองครับ”

ขาดคำของเขา ชายหญิงคู่หนึ่งก็ก้าวฉับมาถึงเตียง ชายวัยกลางคนนั้นเพียงแค่ส่งยิ้มให้เธอขณะที่หญิงวัยกลางคนนั้นไล้มือลงบนศีรษะของเธอแผ่วเบา มองสำรวจไปทั่ว

“ฝนของแม่ ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมลูก รู้ไหมว่าแม่ตกใจแทบแย่ แล้วฝนก็ไม่ได้สติไปนานมากเหลือเกิน”

อวิกาเพียงแต่นอนนิ่ง รู้สึกว่าลำคอแห้งผากไม่อาจจะเอ่ยอะไรออกมาได้...ไม่ใช่แค่มีพี่ชายเป็นชายหนุ่มที่เธอเคยเห็นหน้าแต่ไม่เคยพูดจาอะไรกันเท่านั้น เธอยังมี พ่อ แม่ ที่ไม่เคยพบเคยเจอกันมาก่อนเลยในชีวิตอีกด้วย

‘พ่อกับแม่’ถามไถ่อาการอยู่พักใหญ่ โดยเฉพาะหญิงวัยกลางคนนั้นดูจะห่วงใยเธอมากเป็นพิเศษ ขณะที่คนเป็นพี่ชายนั้นดูเหมือนจะละความสนใจจากเธอไปอยู่ที่รายการข่าวภาคเย็น โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนำถาดอาหารเย็นมาส่ง มื้อแรกของคนที่เพิ่งฟื้นจากอาการเจ็บเป็นอาหารอ่อนเหลว

“แม่ป้อนให้นะจ๊ะ ฝนคงจะยังยกแขนไม่ไหวใช่ไหมลูก”

หญิงสาวไม่ตอบคำเพียงแต่ยิ้มรับด้วยเห็นว่าคนเป็นแม่อยากจะทำอะไรเพื่อลูกที่นอนเจ็บอยู่ เพราะคอยแต่จะครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนไม่มีความรู้สึกอยากจึงกลืนอาหารไปได้ไม่กี่คำก็ยอมแพ้

“พอแล้วค่ะ ขอนอนพักดีกว่า”

“เหนื่อยเหรอลูก”

หญิงสาวส่งเสียงรับคำสั้น ๆ พลางพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้นพ่อ แม่กับพี่จะลงไปกินข้าวร้านข้าง ๆ โรงพยาบาลนะจ๊ะ ฝนนอนพักผ่อนเถอะ”

อวิกาหลับตาลงช้า ๆ หวังว่าสิ่งที่เธอได้รับรู้หลังจากที่ตื่นขึ้นมาในห้องพักโรงพยาบาลแห่งนี้จะเป็นเพียงความฝัน...อุบัติเหตุร้ายแรงนั่นก็เหมือนกัน เธอหวังว่ามันจะเป็นเพียงแค่ฝัน

ทว่าข้อสงสัยบางอย่างนั้นรบกวนจิตใจของหญิงสาวไม่หยุด...หากวิญญาณของเธอมาอยู่ในร่างของผู้หญิงอีกคนแล้ว ตอนนี้ร่างของเธอเป็นอย่างไร นี่เธอตายจากร่างนั้นแล้วจริง ๆ หรือ ไม่มีเอวิกาอีกต่อไป หรือว่าวิญญาณของเจ้าของร่างนี้ก็กำลังใช้ร่างของเธออยู่เหมือนกัน



กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ธ.ค. 2554, 18:46:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ธ.ค. 2554, 18:48:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2373





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
กมลภัทร 11 ธ.ค. 2554, 18:50:43 น.
คิดว่าคงจะโพสต์อาทิตย์ละหนึ่งตอนนะครับ อาทิตย์จริง ๆ คือโพสต์วันอาทิตย์ ^^


กมลภัทร 11 ธ.ค. 2554, 18:52:54 น.
จะขออนุญาตอีกอย่างคือ จะขอเปลี่ยนการพูดคุยมาไว้ในตอนเดียวกัน คือเวลามีคอมเมนท์จะพยายามเข้ามาอ่านและตอบเป็นระยะ ไม่อย่างนั้นจะมึนมากต้องเปิดหลายหน้าต่างเลยครับ

ขอรวบยอดคุยตอน 1-2 ไปด้วยกันเลยเนอะ ผิดพลาดประการใดขออภัย และขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้าด้วยนะครับ


lovemuay 11 ธ.ค. 2554, 21:04:00 น.
สลับร่างกันซะแล้ว อิอิ
ดีแล้วหล่ะ จะได้รู้ธาตุแท้ของแฟนตัวเอง


ของขวัญ 12 ธ.ค. 2554, 00:40:29 น.
สลับร่าง สร้างรักหรือเปล่าคะเนี่ย งานนี้


กมลภัทร 12 ธ.ค. 2554, 07:50:01 น.
จะมีอะไรเซอร์ไพรส์กว่านั้นรึเปล่าหนอ ? ^^!


XaWarZd 12 ธ.ค. 2554, 11:22:37 น.
สลับร่างพารักปะเนี่ย


น้องอุด้ง 13 ธ.ค. 2554, 09:59:24 น.
สลับร่างกันแล้วววจะเป็นไงต่อน้า รอตอนต่อค่า อิอิ


panon 13 ธ.ค. 2554, 14:52:32 น.
รอตอนต่อไปนะค่ะ


เพียงพลอย 13 ธ.ค. 2554, 20:14:51 น.
แล้วหนูฝนไปล่องลอบอยู่ไหนล่ะเนี่ย แล้วใครมายืนขวางรถกันล่ะนั่น


นกอุมาพร 20 ธ.ค. 2554, 00:00:36 น.
คิดแล้วกลุ้ม....ทำใจยากเหมือนกันนะอยู่ในร่างใครก็ไม่รู้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account