เล่ห์จันทร์ร้อยใจ
สำหรับตฤณแล้ว อินทุอร นางแบบสาวชื่อดัง เป็นพระจันทร์เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ และน่ารังเกียจ เพราะเธอ เขาต้องซมซาน สะบักสะบอมจนแทบไม่มีที่ยืน...และเมื่อโอกาสที่เขาจะสั่งสอนเธอมาถึง มีหรือที่เขาจะยอมให้หล่อนต้องหลุดมือไปโดยไม่ทำอะไรเลย
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 5


อินทุอรสะดุ้งพรืดขึ้นมากลางดึกด้วยความตกใจ ก่อนยกมืออ่อนล้าสั่นเทาของตนเองปาดเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวทั่วใบหน้าไปจนถึงปอยผมด้านหน้าที่ชุ่มชื้น หัวใจของเธอยังคงเต้นแรงไม่หาย ฝันเมื่อครู่ช่างน่ากลัวนัก น่ากลัวจนหญิงสาวคิดว่ามันเป็นความจริง

ในฝัน เธอกำลังนั่งอยู่ในเรือกลางทะเลกว้างเพียงเดียวดาย ทะเลในยามนั้นปรวนแปรบ้าคลั่งไปด้วยคลื่นลมที่แสนน่ากลัว มันทั้งมืดมิดและหนาวเหน็บจนถึงเนื้อหัวใจเลยทีเดียว อินทุอรพยายามร้อง ร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาว พี่ชาย บิดาและป้าของเธอ ขอความช่วยเหลือจากทุกคนที่เธอคิดว่าจะสามารถช่วยเหลือได้ หากแต่กลับต้องผิดหวัง ไม่มีใครสักคนที่จะได้ยินเสียงร้องของเธอ นางแบบสาวเลิกที่จะร้องเรียกให้เปลืองพลัง หญิงสาวพยายามมองหาทางออก อาจจะเป็นเกาะที่ไหนสักแห่งที่พอจะว่ายน้ำไปได้ หญิงสาวเชื่อมั่นว่านักกีฬาว่ายน้ำเก่าอย่างเธอน่าจะสามารถรวมรวมพลังอดทนว่ายน้ำไปไหนสักแห่งได้เพื่อเอาชีวิตรอด

แต่แล้วหางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเรือลำเล็กลำหนึ่ง อินทุอรร้องกรี๊ดออกมาอย่างยินดี หัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นแสงไฟฉายที่ส่องเป็นประกายวับๆ มันสว่างราวกับแสงที่ปลายอุโมงค์ แสงที่จะทำให้เธอรอดพ้นจากความมืดมิดที่น่ากลัวนี้ หากแต่เมื่อเรือเข้ามาใกล้ ร่างคุ้นตาของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดมิด

‘คุณธาม!!’ อินทุอรร้องเรียกชื่อเขาด้วยความตระหนก ‘ไม่นะ คุณ ทยากร’

ใบหน้าหล่อเหลาของ ทยากรบึ้งตึงราวกับโกรธแค้นเธอมาตั้งแต่ชาติปางก่อน เขากอดอกมองมานิ่ง เยือกเย็นราวกับเป็นสิ่งไม่มีชีวิต เมื่อเรือเข้ามาใกล้ เขาได้รับบางอย่างมาจากมือของลูกน้องสามสี่คนที่รายล้อมเขาอยู่

สิ่งนั้นมันคือ ปืน !!

ทยากรเล็งปืนมายังเธอด้วยความโกรธเกรี้ยว

‘ไม่นะ คุณธาม!!!!’

อินทุอรกรีดร้อง แต่น้ำทะเลในยามนี้มันเยือกเย็นจนแทบจะขยับตัวไม่ได้ เนื้อตัวของเธอไรเรี่ยวแรง นางแบบสาวปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงไปเรื่อยๆอย่างที่ไม่สามารถทำอะไรได้ มันอึดอัด แสบหน้าอกและโพรงจมูกอย่างสุดแสนจะทรมาน แต่แล้ว ชั่ววินาทีก่อนที่เธอจะหมดความรู้สึกและให้ท้องทะเลดูดกลืนเธอลงไป มือหนาของใครบางคนก็ฉุดรั้งร่างของอินทุอรขึ้นสู่ผิวน้ำ

หญิงสาวพยายามลืมตา ลืมตาเพื่อมองว่าใครกันหนอเป็นเจ้าของท่อนแขนแข็งแรงที่ช่วยชีวิตเธอไว้ เสี้ยววินาที เสี้ยววินาทีที่เธอเห็นเสี้ยวหน้าคมคาย

นายตฤณ !!!

“คุณอิน คุณอิน!!”

แล้วเสียงเรียกของใครบางคนที่ดังแหวๆอยู่หน้าประตูบังกะโลก็เรียกสติหญิงสาวให้กลับมาสู่โลกของความเป็นจริง อินทุอรพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ แล้วสะบัดหน้าแรงๆเพื่อหวังจะไล่ภาพฝันอันหน้ากลัวนั้นออกไปจากสมอง

“คุณอิน” คนเบื้องนอกยังเรียกชื่อหญิงสาวอีกครั้ง แต่คราวนี้การะเกดเรียก
เพียงครั้งเดียวก็เปิดประตูเข้ามาทั้งที่เธอยังไม่เอ่ยปากอนุญาต

“เสียงดังลั่นจนเกดที่เฝ้าอยู่ข้างนอกตกใจเลย ทำไมคะ ฝันร้ายเหรอ”เด็กหญิงก้าวเข้ามาใกล้ จนยืนชิดขอบเตียงของเธอ “ไม่เป็นไรนะคะ อีกประเดี๋ยวพี่ตฤณก็จะมาแล้ว”

อินทุอรถลึงตาใส่ด้วยความโมโห

“ทำไม เธอไปตามเขามาเหรอ”

เด็กการะเกดพยักหน้า แววตาใสซื่อ

“ก็คุณอินร้องเรียกชื่อของ ‘ธาม’ ลั่นเลย แต่เกดไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เป็นโจรที่เข้ามาทำร้ายคุณอินหรือเปล่า หรือพวกที่ทำให้คุณต้องตกทะเล เลยให้คนไปตามพี่ตฤณมา ส่วนเกดก็วิ่งไปเอากุญแจที่แม่บ้านมาเปิดห้องเข้ามาหาคุณอินนี่ไง”

ไม่ต้องรอนานเลย เพียงครู่เดียวเท่านั้นตฤณก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แสนร้ายกาจที่ประดับใบหน้ามาแต่ไกล

อินทุอรรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที เมื่อ ‘ชายในความฝัน’ ปรากฎตัวขึ้น

“ว่าไงคุณหนูอิน ฝันร้ายงั้นหรือ” คำถามของเขาเหมือนจะห่วงใย แต่น้ำเสียง แววตา ท่าทางของเขานั้นไม่ใช่เลย มันดูตรงกันข้ามกับสามคำนั้นโดยสิ้นเชิง “เห็นว่าละเมอเรียกธามเสียดังลั่น ถ้าเดาไม่ผิด ธามอะไรนั่นคงเป็นคนรักคุณสินะ”

อินทุอรกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อระงับความโกรธ ไม่เข้าใจว่าทำไมชอบกระแนะกระแหนเธอนัก

“คุณธามไม่ใช่แฟนฉัน แต่เขาเป็นแค่คนที่จะแต่งงานด้วย”

แล้วตฤณก็หัวเราะลั่น ในขณะที่การะเกดเบิกตาอย่างตกใจ

“เอาแล้วไงพี่ตฤณ เกดว่าเรารีบเอาคุณอินไปคืนฝั่ง ไปให้คุณตำรวจบนฝั่งดีกว่านะคะ ถ้าคุณธามเขารู้ว่าพี่คนสวยหายไปในทะเล เขาคงจะไม่เป็นสุข”

การะเกดกระตุกแขนของตฤณอย่างร้อนรน

“ไม่ต้องหรอกเกด ฟังเสียงของยายคุณหนูคนสวยนี่สิ พูดถึง ‘คู่แต่งงาน’ ของตัวเองเสียงเย็นชาเชียว คงจะรักกันมากเหลือเกินล่ะ”

“แต่....”การระเกดทำท่าจะขัดคอขึ้นอีก ตฤณจึงออกปากไล่ให้ไปนอนทันที

จนเมื่อการะเกดออกไปแล้ว ตฤณก็เดินไปปิดประตูลงกลอนแน่นหนา ก่อนจะย่างเข้ามาใกล้หญิงสาวอย่างแช่มช้า แววตาเจ้าเล่ห์ของตฤณฉายแววเป็นประกายระยิบเหลือเกินยามที่เอ่ยเรื่องที่ค้างคาไว้ต่อ “เรื่องที่คุณต้องตกลงไปทะเลแล้วขึ้นมาเกยตื้นบนฝั่งของเกาะฟ้าคราม คงเพราะเป็นเรื่องของนายธามอะไรนั่นด้วยใช่ไหม คงจะถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ถูกใจ แล้วหนีมาสินะ”

อินทุอรอดจะค่อนขอดในใจไม่ได้ ว่าผู้ชายคนนี้ฉลาด แสนรู้จริงๆ

“ไม่ใช่แบบนั้น” แต่อินทุอรกลับไม่อยากให้เขาเหลิง คิดว่าตัวเองฉลาดเดาได้ทุกเรื่องจึงโกหก “ฉันกับ คุณธามเรารักกัน แม้ว่าตอนแรกจะคบกันเพราะคำสั่งผู้ใหญ่ แต่เมื่อคบกันฉันก็ว่าเราเข้ากันได้ดี อีกอย่างนะ คุณธามเขาก็เพอร์เฟค รวย ดูดี มีการศึกษามีชาติตระกูลพรั่งพร้อม มีหรือฉันจะไม่ตกลงแต่งงานกับเขา ถ้าคุณธามจน เป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดาๆ หน้าตาก็ไม่ได้เรื่องฉันก็คงจะไม่สน”

นางแบบสาวยักคิ้วอย่างท้าทาย

“แล้วคุณตกทะเล แถมมีรอยแผลเต็มตัวมาขนาดนี้ได้ไงล่ะ” ตฤณไม่เพียงไม่สะทกสะท้านกับคำว่ากระทบกระเทียบของเธอ แต่เขายังกอดอก มองมานิ่งๆวางมาดราวกับเป็นเจ้าพนักงานที่กำลังสอบสวนเธออย่างนั้นแหละ อินทุอรเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะตอบคำถามเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ราวกับเรื่องที่บอกออกไปนั้นมันเป็นเรื่องจริง

“มันอาจจะเป็นการขัดแย้งผลประโยชน์ของพวกผู้ใหญ่ แล้วก็เลยส่งผลมาถึงฉัน” แล้วเธอก็ได้เห็นตฤณยักไหล่ เลิกคิ้วทำหน้ากวนประสาทเหมือนไม่อยากเชื่อ นางแบบสาวอยากจะตอกหน้ากลับไปและอธิบายขยายความให้หมอนั่นยอมเชื่อในคำพูดของตนให้ได้ แต่อีกใจหนึ่งกลับฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า แล้วทำไมเธอจะต้องมาสนใจไยดีในท่าทีของคนอย่างตฤณด้วย คิดได้ดังนั้น หญิงสาวจึงปั้นหน้านิ่ง ถามเขาเสียงสูงคล้ายรำคาญเต็มทน

“นายจะถามฉันอีกนานไหม”

ตฤณส่ายหน้าช้าๆ ก่อนเอ่ยเรียบๆ

“เอาเป็นว่า ในเมื่อคุณบอกว่าคุณรักนายธามนั่นนัก ผมก็จะเชื่อ และผมก็เชื่อว่ามันน่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะครอบครัวคุณคิดเรื่องความรักเป็นเรื่องเดียวกับธุรกิจและผลประโยชน์อยู่แล้ว คงไม่แปลกอะไรที่จะใช้ลูกเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน อย่างน้อยอินทุอรก็คงจะมีค่ามากกว่าเงินสามสี่ล้าน”

“ฉันมีค่ามากกว่านั้นแน่!” นางแบบสาวเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “อย่างน้อยก็สิบล้านขึ้นไป”

แล้วอินทุอรก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของตฤณหัวเราะอย่างหยามเหยียด นางแบบสาวถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ นี่เขาหัวเราะอะไรกันนักหนา!

“ขำอะไร”

“คนอะไร ชอบตีค่าตนเอง คุณค่าของคนประเมินราคาได้ด้วยเหรอ นี่พ่อของคุณติดบาร์โค้ดเอาไว้ด้วยหรือเปล่าคุณอิน พอได้เวลาก็มีคนไปเลือกซื้อสแกนบาร์โค้ด จ่ายเงิน แล้วเอาไปได้เลย”

นางแบบสาวรู้สึกหน้าชาเหมือนโดนตบอย่างแรง

“แล้วอะไรเป็นมาตรฐานราคาค่าตัวคุณล่ะ ถ้าผมจะเอาเงินมาแลกคุณ ผมยังคิดว่าสามล้านบาทนี่มันแพงไปเลย อย่างคุณ...”

เขาเริ่มมองสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนบางอย่างใช้ความคิด มือหนายกขึ้นลูบหนวดเครารกครึ้มที่ขึ้นปกคลุมรูปคางอย่างตั้งใจยียวน

“สามบาทผมยังขอคิดดูก่อนเลย”ตฤณชูสามนิ้วให้ดูก่อนหัวเราะเบาๆน่ารังเกียจ
“ไอ้บ้า!!” หญิงสาวแผดเสียงอย่างเหลืออด แล้วหยิบหมอนอิงที่วางอยู่ใกล้มือปาออกไปเต็มแรงหากแต่ฝ่ายนั้นกลับคล่องแคล่วว่องไวกว่าจึงเบี่ยงตัวหลบหลีกได้ทัน
“คุณไม่มีค่าอะไรเลย แค่ทำตัวสวยไปวันๆ หรือไม่ก็สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ชอบดูถูกคน ประเมินค่าราคาของสิ่งมีชีวิต คุณมันเลวร้ายจนไม่น่าจะมาเป็นน้องสาวของเน่ได้เลย”

“ทำไม ฉันมันก็เป็นของฉันแบบนี้ แต่ใครๆต่างก็นิยมชมชอบฉัน”หญิงสาวถลึงตามองเขาอย่างแค้นใจ ทำไมผู้ชายคนนี้ชอบเอาเธอไปเปรียบกับเนริชา ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา เขาเปรียบเทียบเธอกับพี่สาวอยู่ตลอดเวลา

“เขาชอบเงินของคุณมากกว่า” ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียงของอินทุอร “แต่ผมเกลียดเงินของคุณ อำนาจของคุณ คำพูดของคุณมันเป็นสิ่งสกปรกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะฉะนั้นผมจึงให้ค่าคุณแค่สามบาทเท่านั้น”

อินทุอรกำมือแน่นอย่างเหลืออด แววตา ท่าทาง น้ำเสียงที่เขามีต่อเธอมันแสดงให้เห็นว่า ‘เรื่องในอดีต’ ยังคงมีอิทธิพลต่อหัวใจของเขาไม่น้อย

“นายยังไม่ลืมเรื่องเมื่อเจ็ดปีก่อน”

ตฤณยิ้มขำ ยิ้มที่แสนเยือกเย็น

“ผมไม่เคยลืมความร้ายกาจของคุณ” เขาเอื้อมมือมาแตะแก้มของเธออย่างถือวิสาสะ “ต่อให้อีกกี่ปีผมก็ไม่มีวันลืมวินาทีที่ถูกไล่ออกจากบริษัท ไปสมัครงานที่ไหนก็ถูกเขาไล่อย่างกับหมูกับหมา ถูกนักเลงรุมทำร้ายถึงห้องพัก สะบักสะบอมเหมือนหมาจรจัด”

“แต่มันก็ทำให้นายได้มาอยู่ที่นี่ กลายเป็นเจ้าของรีสอร์ตแห่งเดียวของเกาะฟ้าครามไม่ใช่เหรอ”

ทำไมตฤณจะไม่รู้ว่าอินทุอรกำลังดูแคลนเขาอยู่ ชายหนุ่มจึงอยากแกล้งด้วยการยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนชิดริมฝีปากแห้งผาดของหญิงสาว

“คุณนี่มันช่างยั่วโมโหผมได้เก่งจริงๆ”ชายหนุ่มกระซิบติดริมฝีปาก ใกล้จนได้ยินเสียงหายใจแรงๆคล้ายตื่นเต้นของอินทุอร ไหนจะเสียงหัวใจที่เต้นแรงของหญิงสาวนั่นอีก “นอนซะ นอนเสียให้พอ เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป คุณจะต้องอยู่ในฐานะของพนักงานใหม่ของที่นี่ แล้วจะควบตำแหน่งเมียเก็บของผมด้วยหรือเปล่าอันนี้ก็แล้วแต่อารมณ์ของผมแล้วกัน”

และโดยไม่ทันตั้งตัว อินทุอรก็ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติเมื่อริมฝีปากหน้าร้อนผ่าวของตฤณ ประกบริมฝีปากของเธอแน่นและบดเบียดริมฝีปากบางของเธออย่างบ้าคลั่งไร้ความอ่อนโยน นางแบบสาวพยายามดิ้นรนทุบตีและเรียกร้องอิสระคืนจากริมฝีปากนั้น แต่กลับถูกเขายึดครองอย่างหนักหน่วงกว่าเก่า จูบของเขาช่างน่ารังเกียจจนหญิงสาวอยากจะกลั้นใจตาย ในใจของเธอคิดแบบนั้น หากแต่ร่างกายกลับทำตรงกันข้าม อินทุอรเงยหน้าขึ้นรับจูบเร่าร้อนหยาบคายของเขาอย่างเต็มใจ หลังจากที่เขามอบจุมพิตหยาบกระด้างนั้นให้เธอได้ไม่นานเลย และราวกับแกล้งกัน ตฤณถอนริมฝีปากออกช้าๆ ก่อนที่ดวงตาคมเข้มหยาบคายของเขาจะสบสายตากับดวงตาอ่อนแสง สับสน และหวาดกลัวของเธอ

“ต่อให้คุณเกลียดผมเท่าไหร่ แต่คุณก็หนีธรรมชาติไปไม่พ้น เหมือนเมื่อครู่นี้ไง คุณรับจูบของผม”

อินทุอรหน้าแดงด้วยความอับอาย ไม่เคยรู้สึกพ่ายแพ้ขนาดนี้มาก่อน

“เป็นยังไงบ้างครับ มันหยาบคาย ไร้ความอ่อนโยนมากกว่าจูบของ นายธามอะไรนั่นที่มอบให้คุณมากแค่ไหน แต่ดูจากปฏิกิริยาของคุณแล้ว คุณอาจชอบความหยาบคาย ป่าเถื่อนของผมก็ได้...แต่อย่าได้คิดว่าผมจะจูบคุณอย่างอ่อนโยนนะ ไม่มีวัน ไม่มีวันนั้นเด็ดขาด เพราะผมจะทำอย่างนั้นกับคนที่ผมรักเท่านั้น ซึ่งผมไม่มีวันรักคุณเด็ดขาด”

อินทุอรเชิดหน้า ยิ้มหยันอย่างเหยียดหยาม

“แน่ใจนักหรือไง”

“แน่ใจยิ่งกว่าแน่ใจ” เขาบอกชัดถ้อยชัดคำ โดยเฉพาะแววตา “ผมไม่มีวันรักคนที่ผมรังเกียจยิ่งกว่าเศษอาหารเน่าๆอย่างคุณได้หรอก ไม่มีวันชอบคนที่ทำร้ายผม ดูถูกผมได้ และขอให้รู้ไว้ว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมจูบคุณ หรือทำอะไรมากกว่านั้นมันไม่ได้มาจากความรัก แต่มันมาจากความเคียดแค้นชิงชัง และต้องการจะสอนให้คุณรู้ว่าความรักมันทรมานขนาดไหน มันเจ็บปวดแค่ไหนที่ถูกพลัดพรากจากคนรัก คุณและคู่รักของคุณจะไม่ได้เจอกันอีกนานเชียวล่ะ”

“ฉันจะแจ้งความ” อินทุอรถามเสียงสั่นเทา น้ำร้อนๆเอ่อขึ้นปริ่มขอบตา

“ถ้าอยากอับอาย ขึ้นโรงพักด้วยคดีแบบนี้ให้ครอบครัวต้องเสียชื่อเสียงก็ลองดู”


เนริชาปวดปลาบไปทั้งร่างกาย แค่เพียงขยับกายก็รู้สึกทรมานเหมือนกระดูกและร่างจะแหลกเหลว หญิงสาวยกมือขึ้นกุมขมับที่ปวดเหมือนถูกบีบอย่างแรงเบาๆ ขณะครางครวญอย่างเจ็บปวด

ดวงตาคู่สวยมองไปรอบห้องด้วยความสงสัย ดูจากการตกแต่งและอุปกรณ์ต่างๆบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าที่นี่คือโรงพยาบาลแน่แท้อยู่แล้ว หากแต่ตัวเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเล่า

“ตื่นแล้วหรือคะคุณเน่” เสียงของใครคนหนึ่งร้องทักขึ้น พร้อมกับสัมผัสเบาๆที่ต้นแขน

เนริชาหันไปมองเจ้าของสัมผัสนั้นอย่างแปลกใจ หญิงสาวในชุดนางพยาบาลส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“ฉันเป็นอะไรไปคะ ทำไมมันปวดหัวปวดตัวไปหมด”หญิงสาวเอ่ยอย่างยากลำบาก ก่อนจะยื่นมือไปรับแก้วน้ำสะอาดที่นางพยาบาลสาวคนสวยยื่นมาให้อย่างรู้ใจ

“คุณประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อคืนนี้ค่ะ หลับไปคืนนึงเลยเต็มๆ”

“อุบัติเหตุเหรอคะ.....”

หญิงสาวนึกย้อนไปถึงคืนวันนั้น เธอกับทยากรมีปากเสียงกันในรถจากนั้น ทยากรก็เร่งเครื่องเต็มพิกัด ก่อนที่อยู่ๆเขาจะเบรกเสียงดังลั่น กลิ่นไหม้ของยางรถยนต์ในยามนั่นยังคงติดปลายจมูกของเนริชามาถึงตอนนี้...แล้วยังไงต่อเล่า หลังจากรถยนต์เบรกและหมุนหลบอะไรบางอย่าง

แล้วยังไงต่อ..?

หญิงสาวปวดหัวแปลบขึ้นมาทันทีจนต้องงอตัวด้วยความเจ็บปวดที่แสนทรมาน ก่อนที่ภาพเหตุการณ์บางอย่างจะแวบเข้ามาในสมอง แววตาของใครบางคนที่ฉายแววแสนเศร้าและอ้างว้าง

“คุณ ทยากรล่ะคะ ผู้ชายคนที่ขับรถมากับฉัน เขาเป็นยังไงบ้าง!”


เนริชาขอร้องให้พยาบาลพิเศษอยู่นานสองนาน กว่าที่จะยอมพาเธอมาเยี่ยมไข้ ทยากรสำเร็จ ระยะทางระหว่างห้องของเธอกับชายหนุ่มช่างแสนไกล ใจของหญิงสาวเต้นรัวแรงด้วยความกลัว ภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุเมื่อวันก่อนยังตราตรึงอยู่ในทุกอณูของความทรงจำราวกับมันกำลังเกิดขึ้น หญิงสาวลูบขนอ่อนบริเวณเรียวแขนเล็กที่ตั้งชันด้วยความกลัว

“หนาวหรือคะคุณ” พยายาบาลสาวที่กำลังเข็นรถเข็นให้เธอนั่งมาถามด้วยความห่วงใย “ถ้าคุณหนาวล่ะก็ ให้ดิฉันกลับไปหยิบเสื้อคลุมมาให้คุณก็ได้นะคะ”

เนริชารู้สึกขอบคุณในน้ำใจของพยาบาลสาว และก็รู้สึกว่าถ้าได้ผ้าหนาๆสักผืนมาห่มกายก็คงดีไม่น้อย หากแต่เมื่อลองตรึกตรองดูแล้วก็ต้องส่ายหน้าปฎิเสธพยาบาลสาวคนนั้นออกไปอย่างมีมารยาท

“ฉันไม่ได้หนาวกายหรอกค่ะ แต่ฉันหนาวใจมากกว่า กลัวเหลือเกินว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นอะไร”

หากใครมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของหญิงสาวในยามนี้ คงจะเห็นแวววูบไหวด้วยความหวั่นเกรง

“คุณดูเป็นห่วงเขามากเลยนะคะ” พยาบาลสาวก้มตัวลงมาบอกเธอยิ้มๆ “เป็นคนรักกันเหรอคะ”

เนริชาเงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาวผู้นั้นหากแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร

ที่ไม่ได้ตอบออกไป ใช่ว่าจะเป็นเพราะยอมรับในคำถามของพยาบาลผู้นั้นหรืออย่างไร แต่สิ่งที่เนริชากำลังคิดอยู่ในยามนี้คือ หากผู้ชายคนนั้นต้องตายไปเพราะเธอล่ะก็ หล่อนจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองไปชั่วชีวิต แล้วอีกเหตุผลสำคัญที่ทยากรจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาดก็คือ หากเขาตายไป ครอบครัวพัชรกิจรุ่งโรจน์ จะต้องล้มละลายและไม่มีที่ให้ยืนในสังคมนี้อีกต่อไปแน่ ใครก็รู้จักท่านกุมุท บิดาของชายหนุ่ม เขาคงจะไม่ปล่อยให้ชีวิตของลูกชายตัวเองต้องจบสิ้นลงง่ายๆแบบนั้นแน่




ศิลป์ศรุตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ธ.ค. 2554, 15:01:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ธ.ค. 2554, 15:01:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1450





<< ตอนที่ 4    ตอนที่ 6 Part I >>
anOO 14 ธ.ค. 2554, 17:24:22 น.
ตกลงยัยเน่รอดแล้วนึง ส่วนอีตาธามนี่ล่ะ คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง


sunrise 15 ธ.ค. 2554, 10:03:02 น.
สนุกดีค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ


gozilar 16 ธ.ค. 2554, 08:33:56 น.
เย้ เนไม่เป็นไร


หมูอ้วน 16 ธ.ค. 2554, 13:42:49 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account