Missing Love
(ภาคต่อของพาย) เมื่อเขาทำรักหายไปจนมาเจอเธอ และเธอตั้งใจพลาดความรักเพื่อความสำเร็จ แล้วเขาจะทำให้เธอหันมาสนใจความรักได้อย่างไร
Tags: พาย แจ็คลีน

ตอน: ML006

Missing Love ตอนที่ 6

หลังจากจัดการงานต่างๆ เสร็จ เขาก็ทิ้งตัวที่เก้าอี้รับแขกของบ้าน วันนี้ผ่านอะไรมามาก และน้องชายเขาต้องทำการบำบัดเบื้องต้นที่โรงพยาบาลเลย เขาก็ต้องไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลบ่อยๆ ทำให้งานยุ่งเป็นเท่าตัว

“เจ้ากำพลเป็นยังไงบ้าง” ยุพาถามหลานชายด้วยความเป็นห่วง จากที่ว่าใจแข็งก็อดสงสารไม่ได้เหมือนกัน

“คนเลิกยามันก็อย่างนี้ล่ะครับ ผมขอให้มีจิตแพทย์ด้วย วันมะรืนค่อยไปเยี่ยมใหม่ จริงๆ เลิกยาให้เรียบร้อยที่นี่ก่อนก็ดีนะครับ ไปอังกฤษจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่” ทรงธรรมบอกย่า ขณะลุกไปพยุงย่ามานั่ง

“งั้นวันมะรืนย่าจะสั่งแม่แก้วให้ทำกับข้าวอ่อนๆ ไปด้วย พวกขนมผลไม้ เผื่อหิวนะ” ยุพาลดทิฐิและพยายามดูแลหลานชายอีกคนมากขึ้น

“ถ้ากำพลรู้ก็คงดีใจ ที่ย่าให้อภัยที่เขาเคยทำร้ายย่า” ทรงธรรมค่อยโล่งใจที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง

“มันไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างมาคิดๆ ดู ย่าก็มีส่วนผิด ไม่เคยสนใจมัน ตอนนั้นย่าแค้นใจที่เจ้าสีห์มันทิ้งหลานไป พอมันมีลูกอีกคน ย่าก็ไม่อยากจะไปใส่ใจเลย” ยุพาพูดอย่างรู้สึกผิด

“ช่างเถอะครับ เรื่องในอดีตก็จบไปแล้ว วันนี้เราทำชีวิตให้ดีกว่าเดิมดีกว่าครับ ย่าอยากจะไปเยี่ยมกำพลด้วยกันไหมครับ” ทรงธรรมชวน แล้วเห็นสีหน้าไม่สบายใจนัก

ยุพาครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ “ถ้าย่าไม่ไปดูดำดูดีมันเลย ก็จะกลายเป็นว่าย่าตอกย้ำตัวเอง ว่าไม่ต้องไปสนใจมัน พอแล้วย่าจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่เสียที ไปสิ เผื่อเจ้ากำพลจะได้มีสติขึ้นมาบ้าง ว่าย่าก็ไม่คิดจะทอดทิ้งมันแล้ว”

“ขอบคุณครับย่า จริงๆ กำพลก็น่าสงสาร ถึงอยู่กับพ่อก็ยังถูกทอดทิ้งอยู่ดี และเพราะแบบนี้เขาถึงหันไปหาสิ่งที่ช่วยให้เขารู้สึกมีความสุขแค่ช่วงสั้นๆ แต่มันไม่ยาวนาน ทั้งหมดเพราะจิตใจคนเราอ่อนแอไงครับ” ทรงธรรมอธิบายให้ย่าฟัง และมองย่าที่พยายามซ่อนความอ่อนไหว

“เฮ้อ ย่าว่าย่าเข้านอนดีกว่า หลานก็เข้านอนซะล่ะ อย่าทำงานหนักเกินไปนะ” ยุพาเตือนหลานชาย ก่อนจะเดินกลับห้องตนเอง

ทรงธรรมมองงานเอกสารอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องจัดการ ก่อนจะเริ่มจัดการงานต่างๆ จนดึก เขาจึงจัดการเรียบร้อยไปจำนวนหนึ่ง เขามองนาฬิกาข้อมือ เห็นว่าที่ปารีสเพิ่งจะเป็นช่วงเย็น

เขาโทรหาเธอ เมื่อรอสายอยู่พักใหญ่ เขาก็ได้ยินเสียงคนสนิทเธอรับสาย ก่อนจะถามเจ้านายว่าจะคุยกับเขาไหม และสักพักเขาก็ได้คุยกับเธอ

“มีอะไรเหรอคะ” แจ็คลีนถามเข้าประเด็นทันที

“ทำอะไรอยู่ครับ” ทรงธรรมถามเธอขณะเดินกลับห้อง เขานอนลงบนเตียงและเตรียมตัวพักผ่อน

“ทำการบ้านแล้วก็รายงานอยู่ค่ะ” แจ็คลีนจะถามต่อว่ามีอะไรไหม ก็เกรงว่าจะกลายเป็นเสียมารยาท จึงพูดแค่สั้นๆ พอ เพราะสายตาเธอกำลังมองหนังสือที่ค้นมาเพื่อทำรายงาน

“ยากไหม” ทรงธรรมไม่รู้จะชวนคุยอะไร เมื่อเห็นเด็กสาวที่สนใจเรื่องที่แตกต่างออกไป ก็ทำให้เขาต้องปวดหัวได้เหมือนกัน

“ไม่รู้สิคะ ก็ค่อยๆ ทำไป ไม่ยากแล้วก็ไม่ง่าย อยากรีบทำให้เสร็จๆ มากกว่า วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่จะย่างบาร์บีคิวริมสระในสวน คุณแม่ทำแฮมเบอร์เกอร์อร่อยมากค่ะ ฉันก็เลยอยากรีบๆ ทำการบ้านให้เสร็จ แล้วก็ทำรายงานให้ได้ตามที่วางแผนเอาไว้” แจ็คลีนดูตารางการทำรายงานของตัวเอง แล้วก็ค่อยโล่งใจ เพราะทำไปได้เยอะเกือบเท่าที่วางแผนเอาไว้

“ทำรายงานต้องวางแผนด้วยเหรอเนี่ย ก็แค่ทำไปเรื่อยๆ ไม่ได้เหรอ” ทรงธรรมหาเรื่องคุยไปได้เรื่อยๆ แม้บางครั้งจะรู้จักแปลกๆ ที่ต้องหาเรื่องชวนเด็กสาวคุย

“พอวางแผนแล้วก็จะได้จัดสรรเวลาให้ดีค่ะ ทำให้เป็นนิสัย ทำกับหลายๆ เรื่อง แต่ก็มีเว้นช่องว่างเผื่อเอาไว้ด้วย ถ้าทำไปเรื่อยๆ ก็จะมัวแต่ทำสิ่งที่อยากจะทำ อาจจะลืมสิ่งที่จำเป็นต้องทำก็ได้ค่ะ” แจ็คลีนอธิบาย ขณะพยายามทำการบ้านให้เสร็จ

“หาเวลาพักบ้างสิ อายุแค่นี้เครียดซะแล้ว” ทรงธรรมกลัวเธอเครียด จึงเตือน

“เครียดเหรอคะ ไม่นี่ ฉันชอบของฉันแบบนี้ล่ะค่ะ ตอนเลิกเรียน ฉันก็ไปนั่งทานขนมที่ร้านโปรด แล้วก็กลับมาเล่นเทนนิสชั่วโมงหนึ่ง ค่อยอาบน้ำแล้วทำการบ้าน มีเวลาเหลือก็ทำรายงานที่ค้างเอาไว้ แล้วเนี่ยว่าจะไปทานมื้อค่ำริมสระ เล่นฮาร์ฟกับพ่อ มีอะไรเครียดเหรอคะ ปกติมาก” แจ็คลีนอธิบายเป็นฉากๆ เพราะไม่เห็นว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะเคร่งเครียดแค่ไหน

“ผมหมายถึง กลัวว่าถ้าทำตามตารางไม่ได้ คุณจะเครียดน่ะสิ” ทรงธรรมพูดด้วยความเป็นห่วง เพราะมีเด็กวัยรุ่นฆ่าตัวตายเพราะเคร่งเครียดมากเกินไป

แจ็คลีนหัวเราะอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนบอก “ฉันวางตารางไว้ก็จริง แต่ไม่เคยจริงจังถึงขั้นปลีกตัวทำอะไรอย่างอื่นที่แทรกเข้ามาไม่ได้หรอกค่ะ อย่ากังวลไปเลย ไม่งั้นฉันคงประสาทไปตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ อีกอย่างตารางฉันไม่แน่นอย่างนั้นหรอก นี่เป็นแผนประจำวันมากกว่า ทำเพื่อให้ชินน่ะค่ะ”

“อ๋อ ผมก็กังวลมากเกินไป เห็นเด็กวัยเดียวกับคุณสมัยนี้เครียดกันเหลือเกิน” ทรงธรรมพูดตามตรง เพราะน้องชายเขาก็เป็นตัวอย่างที่ดี

“อย่ากังวลเลยค่ะ การออกกำลังกายทำให้อะดีนาลีนหลั่งออกมาอยู่แล้ว ฉันไม่เครียดหรอกค่ะ ว่าแต่คุณโทรมามีอะไรหรือเปล่าคะ ตอนนี้ที่เมืองไทยดึกแล้วนี่คะ” แจ็คลีนยถามเมื่อเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา

“ใช่ แต่วันนี้เคลียร์งานแล้วเครียดๆ ก็เลยโทรหาคุณเป็นเพื่อนคุยน่ะ” ทรงธรรมบอกตามตรง

ระยะหลังเขาพยายามพาตัวเองออกจากสังคม หากไม่จำเป็น เขาจะไม่ออกไปไหนให้เสียเวลา เพราะเขาเจอเรื่องร้ายๆ เกี่ยวกับคนมามาก และไม่เห็นความจำเป็นจะต้องออกไปไหน

“เพื่อนคนอื่นของคุณไม่มีเหรอคะ” แจ็คลีนถามตามตรง ก่อนนึกขึ้นได้ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้พูดเชิงที่ว่าไม่มีใครอยากคุยกับคุณหรอกนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคิดว่าการคุยกับคนที่รู้จักกันมาตลอดชีวิต บางครั้งก็ยังสู้คุยกับคนที่เพิ่งรู้จักไม่ได้น่ะ เอาล่ะ ผมไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ ทำการบ้านของคุณเถอะ” ทรงธรรมเห็นว่าดึกมากแล้ว และเขายังต้องตื่นแต่เช้าทำงานอีก

“ได้ค่ะ ไว้คุยกันวันหลังนะคะ” แจ็คลีนบอกตามมารยาท และยังคงสนใจการบ้านมากกว่า

“แน่ใจนะ? คุณไม่รังเกียจที่ผมโทรหาใช่ไหม” ทรงธรรมถามให้แน่ใจอีกครั้ง

“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่คะ แล้วฉันก็ดีใจที่คุณคิดว่าฉันพอจะเป็นเพื่อนคุยได้ มากกว่าจะมองว่าฉันเด็กเกินกว่าจะคุยด้วยค่ะ” แจ็คลีนพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่เชิงให้ความหวังใดๆ

“ขอบใจ งั้นแค่นี้นะ สวัสดี” ทรงธรรมบอกเธอ ก่อนฟังเธอรับคำและตัดสาย

เขายังสงสัยตัวเองอยู่ว่าคิดยังไงกับเด็กสาวท่าทางเย็นชา หากพอนึกถึงช่วงเวลาที่เธออยู่กับพี่ชาย แล้วเขาก็รู้สึกว่าคงดีไม่น้อย ถ้ามีใครสักคนคอยอยู่ข้างๆ หยอกล้อกันบ้างไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม

หากชีวิตเขาเปลี่ยนไปแล้ว...ความเจ็บปวดสร้างบาดแผลฝังลึกจนเขาไม่อยากดิ้นรนอีก

ทุกครั้งที่เขาวิ่งเข้าหาอะไรบางอย่าง...สิ่งนั้นมักจะวิ่งหนีเขาโดยเฉพาะ...ความรัก

******************************


เสียงโทรศัพท์ทำให้เธอต้องมองก่อนรับสาย เธอเห็นเบอร์แปลกๆ ก็ยื่นให้เบเนดิกซ์รับสาย แล้วอ่านเอกสารต่อ ก่อนเบเนดิกซ์จะส่งโทรศัพท์คืนให้

“คุณทรงธรรมโทรมาค่ะ จะรับสายไหมคะ” เบเนดิกซ์ส่งคืนให้ก็จริง แต่ก็ยังต้องถามอีก

แจ็คลีนพยักหน้า ก่อนคุย “สวัสดีค่ะ คุณมาปารีสอีกแล้วเหรอคะ”

“ทักได้เข้าประเด็นตามเคยนะครับ ใช่แล้ว ผมจัดการงานแล้วก็ว่างไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยมาเที่ยวปารีสอีก วันนี้คุณว่างไหม” ทรงธรรมแอบยิ้มนิดๆ และกำลังแง้มม่านของห้องในโรงแรมดูบรรยากาศนอกห้องพัก

“มานั่งรออัลบั้มรูปสั่งทำที่คาเฟ่ค่ะ” แจ็คลีนเพิ่งเลิกเรียนและยังไม่อยากกลับบ้าน จึงมานั่งรอของที่คาเฟ่ใกล้ๆ กับร้านสั่งทำอัลบั้มรูปประจำของแม่

“บอกที่อยู่มาเลย แล้วผมจะตามไป” ทรงธรรมเดินไปเปิดประตูห้อง เมื่อมีเสียงเคาะ และเห็นอรัญแต่งตัวเรียบร้อยแล้วมายืนรอ

“คุณจะตามมาเลยเหรอ ไม่ต้องก็ได้นะคะ ฉันอยู่กับเบนได้” แจ็คลีนปฏิเสธเขา เพราะไม่อยากโดนเพ่งเล็งอีก

“ไม่เป็นไร ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่แล้ว มาถึงเมื่อเช้าแล้วก็นอน เพิ่งตื่นเนี่ยแหละ ถ้าไม่ได้ออกไปไหนก็จะเบื่อเสียก่อนน่ะสิ” ทรงธรรมบอกขณะเดินกลับไปยังห้องนอน เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

แจ็คลีนลังเลนิดๆ ก่อนนึกถึงคำพูดพี่ชาย ที่ไม่ต้องสนใจว่าใครจะคิดยังไง ตราบที่ตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าคนอื่นจะมองยังไง “ก็ได้ค่ะ”

เธอบอกสถานที่ และรู้ว่าโรงแรมที่เขาพักอยู่ไม่ห่างจากที่ที่อยู่เท่าไรนัก คิดว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงเขาคงมาถึง และก็เป็นดังคาด เพราะเขาเดินมาจากโรงแรมกับคนสนิทของเขา

“ไง รอนานไหม” เขาพูดภาษาไทยกับเธอแทบจะทันที

“ไม่ค่ะ ก็ไม่ได้รอคุณ” แจ็คลีนพูดน้ำเสียงเย็นชา ไว้ตัวและไม่ให้ความสนิทสนมอย่างเคย

“ไปพักเถอะ ฉันคงอยู่กับแจ็คลีนอีกนาน” ทรงธรรมบอกอรัญ ก่อนมองเธออ่านวรรณกรรมตรงหน้า โดยไม่ได้มองอรัญที่เลือกนั่งอยู่ไม่ห่างนัก

“คุณก็มีคนคอยติดตามตลอดเลยนะคะ” แจ็คลีนถามไปตามเรื่อง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

“อรัญน่ะเหรอ ถ้าไม่มีเขา ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ส่วนมากคนที่นี่จะพูดภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก ซึ่งผมฟังไม่ออกเสียด้วยสิ แต่ถ้าไปประเทศอื่น เขาก็ไม่จำเป็นต้องตามไปหรอก” ทรงธรรมเล่าความ

“อืม” แจ็คลีนเพียงรับทราบ ก่อนอ่านหนังสืออย่างเงียบๆ และไม่สนใจเขามากนัก สักพักผู้ติดตามคนหนึ่งก็ลุกจากเก้าอี้

แจ็คลีนมองตาม เพราะรู้ว่าได้เวลารับอัลบั้มรูปแล้ว แต่ก็พลิกหน้าต่อไปอย่างเฉยชา และอ่านต่อ

“วันนี้เห็นมีคนติดตามคุณแค่สองคนเอง ที่เหลือไปไหนหมดครับ” ทรงธรรมถามขึ้น

“ปกติมีแค่คนเดียว ที่เหลือก็สลับกันขับรถน่ะ เมื่อวานไปธุระกับเบนแค่สองคน วันนี้ให้เบนพักเรื่องขับรถ แล้วให้ยูริมาขับแทน ส่วนที่เหลือ เขาก็พักผ่อน ดูแลความเรียบร้อยที่บ้านน่ะ” แจ็คลีนอธิบายแล้วอ่านหนังสือต่อ

วันนี้เธอสวมเครื่องแบบนักเรียน ทำให้ดูแปลกตาไปบ้าง จนทรงธรรมต้องถาม “วันนี้สวมเครื่องแบบนักเรียนเหรอ”

“ค่ะ ก็ฉันเป็นนักเรียนนี่คะ อีกเกือบสองปี กว่าจะเข้ามหาวิทยาลัย ฉันก็ต้องสวมเครื่องแบบสิ” แจ็คลีนบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก และยังคงอ่านหนังสือของตัวเองต่อไป

“ใจคอจะไม่คุยเป็นเพื่อนผมหน่อยเหรอ” ทรงธรรมจึงถามตรงๆ เพราะดูเธอจะสนใจอ่านหนังสือมากกว่า เขารู้สึกถึงกำแพงที่กั้นขวางขึ้นมาอีกครั้ง และเธอก็ดูไม่ผ่อนคลายอย่างที่เคย

“ไม่รู้จะคุยอะไร แล้วหนังสือก็กำลังสนุก” แจ็คลีนพูดแล้วยังพลิกหนังสือต่อ

“ท่าทางคุณดูเบื่อมากกว่าสนุกนะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า” ทรงธรรมถามขึ้น เมื่อสังเกตเห็นท่าทีแปลกๆ ของเธอ

แจ็คลีนเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาอย่างเข้มงวด ก่อนพูด “ไม่นี่ ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้แหละ ทีนี้คุณก็คงรู้แล้วว่าทำไมฉันถึงไม่ค่อยมีเพื่อนจริงๆ อย่างคนอื่น ฉันชอบทำอะไรตามลำพังล่ะนะ”

ทรงธรรมถอนหายใจ เพราะเมื่อเธอพูดจบก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ ราวกับเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอดี เพราะเธอปิดทางเอาไว้หมด

เมื่อยูริกลับมาก็ยื่นอัลบั้มให้แจ็คลีน ก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะเดียวกับเบเนดิกซ์ พวกเธอต่างก็รู้ว่าต้องแยกไปนั่ง ทั้งที่ก่อนหน้าที่ทรงธรรมมา พวกเธอก็นั่งร่วมโต๊ะกับคุณหนูธีโอฟาสเต้ตามปกติ และจะแยกไปนั่งเมื่อเจ้านายมีแขกเท่านั้น

แจ็คลีนมองอัลบั้มไม้ และมีเล่นลวดลายตรงมุมด้วยสีทองสวยหรู ก่อนจะพลิกเปิดหน้าแรกมองดูรูปตัวเองในชุดเด็กอ่อนที่มีลูกไม้สีขาวห่อหุ้ม และได้รับการดูแลอย่างทนุถนอม

“คุณเหรอ” ทรงธรรมมองดูรูปก่อนถาม

“ค่ะ คุณแม่บอกว่าอายุประมาณสองเดือน คุณแม่จับฉันใส่ชุดน่ารักๆ แล้วก็ถ่ายภาพเก็บไว้ ถึงฉันจะจำไม่ได้ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก เมื่อได้มองย้อนกลับไป” แจ็คลีนลูบภาพแม่ที่กำลังอุ้มเธอเอาไว้ แม่อวบกว่าปกติมากนัก แต่นั่นก็เพราะความเอาใจใส่ต่อลูกของทั้งพ่อและแม่ ที่ไม่ห่วงหุ่นตัวเองแต่ทุ่มเทให้ลูกมีสุขภาพแข็งแรงมากกว่า

“แม่คุณคงรักคุณมากสินะ” ทรงธรรมถามและมองเด็กสาวพยักหน้าช้าๆ

เขาไม่มีครอบครัวที่อบอุ่น และยังมีคนที่ต้องดูแลอีกมากมาย

แจ็คลีนมองพ่อสวมแต่กางเกงนอนตัวเดียวนั่งเล่นกับเธอ เธอสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนกับรองเท้าเด็กอายุไม่ถึงขวบ กำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ตรงหน้าพ่อ ขณะที่พี่ชายวัยสี่ขวบพยายามปีนเก้าอี้ยาวข้ามมาหาพ่อ เป็นภาพที่ดูตลก เพราะพี่ชายกำลังเอาหัวลงมาหาพ่อที่นั่งกึ่งนอนอยู่ และแม่ก็ถ่ายภาพเอาไว้ได้

ทรงธรรมเห็นเธอหยุดมองภาพนี้อยู่นาน จึงขยับเข้ามาใกล้ๆ และดูให้ละเอียด “นี่พ่อคุณสินะ แม่คุณคงถ่ายรูปอยู่ล่ะสิ พี่ชายคุณซนจริงๆ นะเนี่ย พ่อคุณตกใจน่าดู”

“แน่นอนค่ะ พอจำความได้ พี่มิคจะวิ่งวุ่นไม่หยุดเลย คุณพ่อบอกว่าคนเดียวที่จะทำให้พี่มิคหยุดได้ก็คือแม่ค่ะ แต่คุณแม่ไม่เคยตีนะคะ อย่างเช่น ถ้าถึงเวลาทานอาหารแล้วไม่ยอมทาน คุณแม่ก็จะพูดดีๆ ก่อน ถ้ายังไม่ยอมทานอีก คุณแม่ก็จะให้อดไปจนถึงเวลาอาหารมื้อต่อไปเลยเชียวค่ะ” แจ็คลีนเล่าความด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เมื่อนึกถึงเรื่องเล่าหรือความทรงจำในอดีต

“โห! ถ้าไม่ทานมื้อเย็นล่ะ” ทรงธรรมถามด้วยความสงสัย

“ก็ต้องอดถึงเช้าค่ะ แต่คุณพ่อจะแอบเอาคุ๊กกี้ให้ทานชิ้นหนึ่งกับนมให้ทาน ไม่งั้นคงนอนไม่หลับ คนใจแข็งน่ะ คุณแม่ค่ะ คุณแม่สอนว่าคนเราเมื่อมีให้กินแล้วไม่รู้จักกิน ก็ไม่ต้องกิน คือคุณแม่ผ่านอะไรมาเยอะ และรู้ดีว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงแต่ความสวยงาม คุณแม่ไม่อยากให้เราเป็นลูกคุณหนูที่ไม่รู้จักโลกที่แท้จริง” แจ็คลีนพูดถึงแม่ด้วยความภาคภูมิใจ

“แล้วแม่คุณรู้ไหมว่าพ่อคุณแอบให้” ทรงธรรมถามด้วยความสนใจ ครอบครัวนี้เลี้ยงลูกอย่างมีระเบียบวินัยอย่างไม่น่าเชื่อ

แจ็คลีนหัวเราะก่อนเล่า “มีหรือคะ จะไม่รู้ คุณพ่อไม่บอก แต่คุณแม่ก็ต้องรู้อยู่ดีล่ะค่ะ คุณพ่อถึงไม่กล้าให้คุ๊กกี้มากกว่าหนึ่งชิ้น พี่มิคก็เลยต้องยอม แม้จะอยากได้เพิ่มก็ตาม จริงๆ มันเกิดก่อนที่ฉันจะจำได้เสียอีกค่ะ แต่คุณพ่อเล่าให้ฟัง”

“คุณรักพ่อแม่คุณมากเลยนะ พี่ชายคุณก็ไม่ใช่วัยรุ่นมีปัญหาใช่ไหม” ทรงธรรมยังเกรงอยู่ เพราะเขามีน้องชายที่สร้างปัญหา

“ไม่ค่ะ พี่มิครักคุณแม่จะตายไป เรื่องของฉันไม่เยอะค่ะ แต่เรื่องพี่มิคเยอะ คุณพ่อบอกว่าเพราะฉันอ่านหนังสือเยอะ ฉันจึงเรียนรู้อะไรได้มากกว่าพี่มิค และการเป็นผู้หญิงทำให้ความคิดโตไวกว่าผู้ชาย ผู้หญิงคิดมากกว่าผู้ชายน่ะค่ะ คุณพ่อบอกว่าถ้าไม่ถูกชักจูงง่ายก็จะมีความคิดเป็นของตัวเองเร็ว” แจ็คลีนอธิบาย แล้วมองภาพต่างๆ ก่อนจะหยุดหัวเราะที่ภาพพี่ชายกำลังจับปลาอยู่ในโคลน

ทรงธรรมมองภาพอย่างเอ็นดู เห็นเด็กชายคลุกโคลนในมือถือปลาดุกตัวใหญ่อยู่ในนา ท่าทางกำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานที่มีโคลนอยู่เต็มตัว ขณะที่เด็กหญิงสวมชุดสวยกำลังหัวเราะอยู่บนคันนา

“เมืองไทยเหรอ” ทรงธรรมถาม เมื่อคาดเดาจากบรรยากาศในภาพ

“ใช่แล้วค่ะ” แจ็คลีนค่อยรู้ตัว เมื่อเขากระซิบจากด้านหลังของเธอ “เฮ้! คุณถอยไปนั่งในที่คุณให้ดีๆ นะ”

ทรงธรรมก็รู้สึกตัวเช่นกัน เมื่อเธอเริ่มโวย “ขอโทษๆ ผมขอโทษ” เขาขยับไปนั่งใหดีขึ้น

แจ็คลีนพยักหน้าช้าๆ เมื่อเขาแสดงท่าทีไม่รู้ตัวจริงๆ แต่ก็ต้องตกใจ เพราะเธอถูกกระชากขึ้นจากเก้าอี้ ถลาไปซบอกใครบางคน ก่อนจะเงยหน้ามอง

“บังอาจเข้าใกล้แจ็คลีนอีกแล้วเหรอ ผมไม่สนว่าคุณเป็นใคร แต่อย่ายุ่งกับแจ็คลีนอีก” ชายหนุ่มมีสีหน้าโกรธจัดอย่างมาก เมื่อเห็นญาติกำลังนั่งอยู่กับชายหนุ่มคนไทยอย่างใกล้ชิดเกินพอดี

“เป็นบ้าอะไรอีก อองรี” แจ็คลีนรู้สึกเหมือนโดนกอดเอาไว้ ก่อนจะขมวดคิ้วมองหน้าเขา แล้วสะบัดตัวให้หลุด จากนั้นก็ยืนให้มั่นคงก่อนถาม “เป็นอะไรของนายอีก”

“นึกว่าปฏิเสธการหมั้น แล้วเธอจะมีอิสระเหรอ อย่าทำให้ครอบครัวเราเสื่อมเสียนะ” อองรีพูดขึ้นทั้งที่ปกติเป็นคนไม่พูดเลย

“เสื่อมเสียตรงไหนไม่ทราบ ฉันนั่งกับเพื่อน และอีกอย่างนะ ความใกล้ชิดก็ไม่ใช่เรื่องที่เลยเถิด ถ้าไม่ได้สังเกต ฉันอยู่ที่ข้างถนน แล้วก็มีคนอยู่เพียบ นี่มันยุคไหนแล้ว อย่าบอกนะว่านายก็หัวโบราณ แล้วที่นายนอนกับผู้หญิงไม่ได้แต่งงานด้วยล่ะ จะบอกว่าเพราะเป็นผู้ชายหรือไง” แจ็คลีนจ้องเขาอย่างเรื่อง นานแล้วที่ไม่ได้วีนออกมาแบบนี้

หากเพราะอองรีก้าวล้ำเส้นก่อน เรื่องที่ทำให้เธอถูกบังคับให้หมั้นจนต้องปฏิเสธ เธอแทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับปู่ย่าอีกหลังจากนั้น และไม่เข้าใกล้ญาติคนไหนอีก ถ้าไม่จำเป็น เพราะไม่อยากมีเรื่องอีกแล้ว

“เธอ!” อองรีพูดได้แค่นั้น ก่อนจะตบโต๊ะ “ฉันพยายามปกป้องเธอจากผู้ชายคนนั้นนะ”

แจ็คลีนมองหน้าอองรีด้วยความประหลาดใจ “ใจเย็นๆ อองรี เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน เราดูอัลบั้มภาพกันแค่นั้น”

เธอมองดูเขาใหม่ ดูเหมือนเขาจะเป็นห่วงกังวลจริงๆ “นั่งลงก่อนไหม รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”

อองรีนิ่งขรึมลง ก่อนจะพูดขึ้น “ซีริลขับรถผ่านมา เห็นเธอกับนายคนนี้ ฉันเพิ่งไปส่งมาเรียน ก็เลยแวะมาดูเธอน่ะ เห็นมันนั่งซะชิดเธอ กลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดี”

“อองรี นายต้องหยุดคิดแบบนี้ซะที ทำไมทุกคนต้องเอาเรื่องที่เกิดขึ้นกับมอร์กานมาตัดสินฉันด้วยนะ ฉันอายุสิบหก และจะไม่มีวันมั่วผู้ชาย ถ้านายกลัวว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสียงนะ แล้วถ้ากลัวมากนัก ฉันจะเปลี่ยนนามสกุลไปใช้ของแม่ฉันก็ได้ จะได้หมดเรื่องกันไปซะที” แจ็คลีนพูดน้ำเสียงเรียบ

“เธอนี่ไม่มีเหตุผลซะเลย ถ้าไม่มีอะไรก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ” อองรีพูดแค่นั้น ก่อนจะจ้องทรงธรรมเป็นเชิงเตือน และยืนรอแจ็คลีนก่อนจะกลับ

แจ็คลีนเห็นญาติไม่ไปแน่แล้ว ก็กระแทกลมหายใจอย่างไม่พอใจนัก ก่อนจะยื่นของส่งให้เบเนดิกซ์ แล้วหันมาพูดกับทรงธรรม “พรุ่งนี้เราไปทานอาหารค่ำด้วยกันนะคะ ฉันเลี้ยงเอง”

“แจ็คลีน เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะนะ” อองรีเตือนสติญาติอีกครั้ง

“ฉันไม่ได้ไปคนเดียว ท่านพ่อท่านแม่ แล้วก็ท่านพี่ด้วย พอใจหรือยัง” แจ็คลีนตัดสินใจ แล้วยกมือไหว้ทรงธรรมอย่างให้เกียรติ ก่อนจะพยักหน้ากับเบเนดิกซ์ และเมื่อเห็นญาติไม่ขยับก็ถาม “นายไม่กลับหรือไง”

อองรีเห็นว่าถ้าเขาไม่กลับ เธอก็คงไม่กลับ เขาจึงเดินออกไปจากที่นั่นพร้อมกับเธอ ขณะที่ทรงธรรมได้แต่มองแปลกๆ ญาติเธอมองเขาด้วยความรู้สึกที่เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

แจ็คลีนได้แต่ถอนหายใจ เพราะกลายเป็นว่าเธอกำลังถูกควบคุม เพราะเรื่องที่มอร์กานก่อ เมื่อทรงธรรมพูดคุยนัดหมาย เขาก็ลุกไปจากตรงนั้น แล้วกลับโรงแรมทันที

แจ็คลีนเดินมาที่รถพร้อมญาติหนุ่มที่ไม่ยอมไปไหนสักที ก่อนจะถาม “มีอะไรอีกหรือเปล่า”

“อีกสองเดือนจะวันเกิดเธอ เธอจะจัดงานวันเกิดไหม” อองรีถามขึ้น

“ไม่ล่ะ ฉันกับพี่ๆ แล้วก็ท่านพ่อท่านแม่มีแผนจะพักผ่อนอย่างสงบ สังสรรค์กันเงียบๆ เหมือนทุกปีนั่นแหละ” แจ็คลีนบอกตามปกติ

“ฉันอยากให้เธอจัดงานวันเกิดนะ และเชิญญาติๆ ไปร่วมสังสรรค์ด้วย” อองรีแนะนำ

“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากให้ท่านพ่อทะเลาะกับญาติๆ ในงานวันเกิดฉัน เพราะฉันยังต้องเผชิญหน้ากับวันเกิดทุกปี” แจ็คลีนอธิบาย เพราะถึงยังไงเธอก็ไม่อยากจดจำวันเกิดตัวเองในทางที่แย่

“ฉันอยากให้เธอจัดงานวันเกิด และเชิญท่านปู่ท่านย่าไปงานด้วย ให้ท่านรู้ว่าเธอไม่ติดใจอะไรกับเรื่องหมั้นคราวก่อน” อองรีเน้นคำพูดอย่างระมัดระวัง

เขารักครอบครัว และไม่อยากให้ปู่ย่าต้องเครียดเพราะเรื่องคราวก่อน เขาเรียนรู้ที่จะสงบปากสงบคำและควบคุมซีริลให้มากขึ้น เพราะสิ่งที่ซีริลบอกปู่ย่าทำให้เกิดเรื่องที่ไม่น่าจะเกิด

เขาไม่เห็นด้วยที่จับแจ็คลีนหมั้นจะเป็นการแก้ปัญหา โดยเฉพาะนิสัยแจ็คลีนส่งผลให้เกิดทางกลับกันมากกว่า เขาคิดจะแย้งแต่พ่อหยุดเขาเอาไว้ และเป็นอย่างเขาคาด แจ็คลีนยอมถอยห่างจากปู่ย่า ดีกว่าปล่อยให้ปู่ย่าควบคุมอนาคต

แจ็คลีนถอนหายใจ ก่อนจะพูดขึ้น “จะลองถามท่านพ่อท่านแม่ดู ขอตัวก่อนนะ”

อองรีรู้สึกถึงความห่างเหินที่มากขึ้นทุกที ญาติสาวก็เป็นกบฏต่อตระกูลไม่น้อยไปกว่าพ่อแม่เธอ เดินหมากพลาดทีเดียว ครอบครัวก็แทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เขามองเธอขึ้นรถและออกไปจากตรงนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเฝ้ามองเธอเติบโตเป็นหญิงสาวแค่ไหน เธอแตกต่างจากวัยรุ่นทั่วไป และจากที่เห็นเธอออกไปทานมื้อค่ำกับผู้ชายสองสามครั้ง ก็ยังไม่พอให้เขาคาดเดาได้ว่าเธอกำลังคิดยังไงกับชีวิตรักของเธอเอง

คาดเดายาก...เพราะสุดท้ายเธอก็ไม่เคยออกเดทกับผู้ชายคนไหนซ้ำสอง ยกเว้นกับชายหนุ่มชาวไทยอายุมากกว่าเธอเกือบเท่าตัวคนนั้น

******************************


มื้อค่ำที่คนห้าคนกำลังนั่งร่วมโต๊ะ ก็ทำให้ไม่มีอะไรจะพูดได้เหมือนกัน ทันทีที่นั่งลงโต๊ะ ทั้งหมดก็อ่านรายการอาหาร ก่อนทรงธรรมจะต้องยอมแพ้ เพราะเขายังไปไม่ถึงไหนกับการเรียนภาษาฝรั่งเศส

“ช่วยสั่งให้ผมด้วยเถอะครับ ผมอ่านไม่ออก” ทรงธรรมพูดตรงๆ แบบไม่ต้องกลัวอาย เพราะเขาก็เริ่มหิวแล้ว

พายพยักหน้าช้าๆ ก่อนถามรายละเอียด แล้วสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่ว “เมนูของฝรั่งเศสก็งี้แหละ ถ้าไม่ขอเป็นภาษาอังกฤษก็อ่านไม่ออกหรอก นี่ถ้าไม่มาบ่อยๆ ก็ไม่คิดจะเรียนภาษาฝรั่งเศสเหมือนกันนะเนี่ย ขี้เกียจอยู่ต่างดาวน่ะ”

“เธอก็พูดเกินไป คนฝรั่งเศสก็ฟังภาษาอังกฤษออกน่า” กาเบรียลพูดกับภรรยาแล้วส่ายหน้า ก่อนจะถามตัวต้นเหตุใหญ่ที่ทำให้ลูกสาวต้องโดนจับหมั้น แม้จะรอดมาได้ก็ตาม “คุณมาปารีสบ่อยๆ เพราะมีธุรกิจที่นี่เหรอ”

“เปล่าครับ ครั้งแรกมาเที่ยว ครั้งนี้พอดีไปลอนดอนมา กำลังจะหาที่เรียนให้น้องชายน่ะครับ น้องชายผมอายุสิบหกแล้วแต่ยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย แล้วหลังจากคิดดีแล้ว ให้เขาออกมาจากบรรยากาศเดิมๆ มาเจอโลกกว้างบ้างจะได้รู้ว่าชีวิตมันเป็นยังไง” ทรงธรรมเล่าความเป็นภาษาอังกฤษ เพราะสะดวกกว่ามาก

“ดีแล้วล่ะ ได้ผลกับฉันมากเลย แล้วก็อย่างที่เห็นได้ผลกับลูกๆ ฉันด้วย บางทีพ่อแม่ก็ต้องรู้จักปล่อยให้ลูกยืนด้วยตัวเองบ้าง ในกรณีคุณ ฉันคงหมายถึงน้องชายคุณล่ะนะ” พายพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มมา “ลูกดื่มได้นะ แจ็ค มากับพ่อแม่ไม่เป็นไร”

“ค่ะ ท่านแม่” แจ็คลีนตอบ ก่อนจะพยักหน้าให้กับบริกรที่เข้ามาดูแลโต๊ะเธอ แล้วมองที่แก้วไวน์

“ครับ ผมพยายามจัดหาที่เรียนดีๆ ให้เขา เขาจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ในที่ที่เขาไม่มีคนคอยมองอย่างคนไม่ดี อดีตก็จะได้ผ่านไป เพราะอดีตแก้ไขไม่ได้ เราต้องแก้ที่ตัวเรา” ทรงธรรมอธิบายไปตามเรื่อง ก่อนมองทั้งหมดที่ไม่มีใครแตะไวน์ เขาก็ไม่แตะ เพราะรู้ว่าต่างก็ท้องว่าง

“ปัญหาครอบครัวก็วุ่นวายอย่างนี้แหละ” กาเบรียลพอเข้าใจว่าอีกฝ่ายเจอปัญหาเกี่ยวกับน้องชาย ก่อนนึกขึ้นได้ “ทำไมน้องชายอายุห่างจากคุณเยอะเหรอ ลูกหลงเหรอ”

“เปล่าครับ เกิดจากคนละแม่ครับ ลูกนอกสมรสของพ่อ” เขาบอกความจริงอย่างไม่ปิดบัง

ถึงเขาจะเป็นลูกที่ถูกต้องตามกฎหมายของพ่อ แต่เขาก็รู้สึกไม่ต่างจากลูกนอกสมรสเท่าไรนัก เพราะตั้งแต่จำความได้ เขาเจอพ่อไม่กี่ครั้งเท่านั้น

“เข้าใจปัญหาได้ แต่ดีแล้วถ้าเขาคิดกลับตัวจริงๆ” พายบอกก่อนจะมองสองพี่น้อง ต่างก็เอาสมุดจดส่วนตัวมากาง “น่าเบื่อนักเหรอ คิดว่าอนาคตจะเลี้ยงลูกเองได้ดีหรือไง ถึงไม่ฟังน่ะ”

“เปล่าครับ ผมฟังนะ ฟังด้วยหู คิดเพลงด้วยสมอง” มิคาเอลพูดก่อนมองสบตาแม่ เพราะยังไม่โดนตบกะโหลก แต่โดนจ้องแบบที่เขาไม่อยากโดนนัก “โอเคๆ ผมขอโทษครับ ผมเห็นคนแก่ๆ คุยกันก็เลยไม่อยากขัด”

“เน้นคำว่า ‘แก่’ ดีนัก ก็ดีแล้ว ไปหาบ้านอยู่ใหม่แล้วกัน เพราะอยู่กับคนแก่ๆ อย่างพ่ออย่างแม่คงไม่สนุกเท่าไร” พายแกล้งพูดหยอกลูก

“ขอโทษครับ โธ่ แม่ พูดแบบนี้ ผมก็ผิดเต็มๆ สิ” มิคาเอลโอดครวญเป็นภาษาฝรั่งเศส ก่อนจะโดนพ่อเตือนเข้าให้อีกคน

“ลูกควรจะพูดเป็นภษาไทยหรืออังกฤษให้คนอื่นฟังรู้เรื่องด้วยนะ” กาเบรียลส่ายหน้าช้าๆ แม้จะรู้ว่าลูกชายจงใจแกล้งแขกที่มาร่วมโต๊ะ

“พ่อด้วยเหรอฮะ” มิคาเอลรู้สึกเหมือนโดนรุมกินโต๊ะ ก่อนจะมองแม่หัวเราะ และตามมาด้วยพ่อ

“พ่อก็ช่วยแม่แกล้งผมอยู่เรื่อย” มิคาเอลพ่นลมหายใจออก ก่อนจะส่ายหน้านิดๆ แล้วยิ้ม ก่อนมองอาหารเรียกน้ำย่อยที่มาลงโต๊ะ “ทานดีกว่าครับ ผมยังไม่อยากเป็นของเล่นตอนนี้”

“เมื่อวานคุณไม่ตั้งใจชวนผมมาทานอาหารค่ำใช่ไหม” ทรงธรรมถามแจ็คลีนขึ้นขณะทานอาหาร

“ใช่ค่ะ ฉันรำคาญญาติฉันน่ะ รู้สึกเหมือนปารีสแคบไปถนัดเลย ฉันบอกพี่ชายแล้วก็คุณพ่อคุณแม่แล้วล่ะค่ะ อองรีชอบเข้าใจผิดอยู่เรื่อย ช่วงนี้บ่อยมากเกินไป ขอโทษด้วยถ้าเขาพูดไม่ดีถึงคุณ” แจ็คลีนพูดออกปากตามมารยาท ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขาฟังไม่ออก แต่คนสนิทเขาก็อยู่ที่นั่น

“คุณก็ไม่ควรนั่งใกล้น้องสาวผมเกินไป ไม่งั้นอองรีก็คงไม่คิดแบบนั้นหรอก จำคำพูดของคุณเอาไว้ก็แล้วกัน” มิคาเอลทำเสียงเข้มทันที เพราะเขารู้ว่าเป็นหน้าที่เขาต่อจากพ่อแม่ที่จะดูแลน้องสาว

ถึงเขาจะไม่ค่อยได้อยู่กับน้องสาวมากพอ เพราะหน้าที่การงานที่ทำพร้อมกับการเรียน แต่เขาก็มีหน้าที่รับฟังแล้วโทรหาน้องสาวอยู่เสมอ และน้องสาวก็พอใจที่อยู่ในความดูแลของพี่ชาย เพราะทั้งหมดเกิดจากความรัก ที่บางครั้งวัยรุ่นทั่วไปก็คิดไม่ถึง และการดูแลกลายเป็นการควบคุม จนเกิดการต่อต้าน หากไม่มีวันเกิดกับแจ็คลีนที่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่

“แม่ว่าเขาเข้าใจแล้วล่ะ เอาเถอะน่า” พายไกล่เกลี่ยให้เบาลง

ทรงธรรมรู้สึกว่าแม่เธอดูจะไม่กังวลนัก เขาค่อนข้างผ่อนคลาย เพราะดูเหมือนพายจะคอยไกล่เกลี่ยคนอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา

“ทานเสร็จแล้วไปเต้นรำหน่อยดีไหม” กาเบรียลถามภรรยา

“ได้ถ้านายยอมเป็นฝ่ายหญิง ก็รู้นี่ว่าฉันไม่ค่อยถนัดเต้นเป็นฝ่ายหญิงซะด้วย เคยแต่เค้นเป็นฝ่ายชายน่ะ” พายพูดแล้วจูบสามีเป็นเชิงหยอกล้อ สบตากันอย่างแสนรัก ก่อนจะถูกสามีดึงไปจูบต่อเนื่อง แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะคิกคักใส่กัน โดยไม่สนใจแขกร่วมโต๊ะว่าจะมองยังไง

มิคาเอลกับแจ็คลีนไม่มองพ่อแม่ที่กำลังแสดงความรักใส่กัน เพราะทั้งสองไม่อยากให้สิ่งใดมาขวางความรักของพ่อแม่ และต้องการให้พ่อแม่อยู่ด้วยกัน และรักกันแบบนี้ ไปจนกว่าความตายจะพรากทั้งสองจากกัน

กาเบรียลหัวเราะนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ได้ ก็ตามกฎหมายฉันเป็นสามี ต่อให้เธอสวมสูทวันนี้ก็ไม่มีผล ยังไงเธอก็ต้องเป็นฝ่ายหญิงล่ะนะ”

ทรงธรรมสังเกตตั้งแต่แรกแล้วว่า พายสวมสูทตลอดเวลา และเป็นสูทราคาแพงระยับด้วย หากดูจะไม่เป็นอุปสรรคเท่าไรนัก สำหรับทั้งคู่ที่จะแสดงความรักให้แก่กัน

“โห! แย้งแบบนี้ก็ขัดไม่ได้น่ะสิ” พายพูดแล้วหัวเราะนิดๆ ก่อนจะมองทรงธรรมที่กำลังมองทั้งคู่ “เบื่อหรือยังล่ะ ทีหลังก็พาคู่รักมาด้วยสิ จะได้เต้นรำเป็นคู่สนุกดีนะ”

ทรงธรรมฟังแบบนั้นแล้วสะอึกไปเลยทันที จากที่คิดว่าแม่เธอไม่คิดอะไรมาก เขาก็ต้องย้อนกลับไปคิดใหม่ เพราะผู้หญิงคนนี้ซ่อนคมได้ดีกว่าอีกสามคนที่เหลือนัก และการพูดแบบนั้นก็แสดงว่า ต้องการให้เขาไปหาคู่รักอื่นมา แทนที่จะคอยเฝ้ารอลูกสาวเธอ

******************************

สวัสดีค่ะ
ตอนที่ 6 มาแง้ว และเรื่องก็ยังมาเรื่อยๆ อุอุ
แล้วแจ็คลีนจะรอดไหมนะ
จะตามหาความรักเจอหรือจะวิ่งหนีไหมนะ
หุหุ ขอบคุณที่ติดตามนิยายมาตลอดค่ะ

sirinda
คุณ ร้อยวจี --- ^^ ขอบคุณค่ะ
คุณ sai --- >,< ดราม่าผสมหวาน อิอิ
คุณ XaWarZd --- กำพลคงกลัวตายด้วยอ่ะค่ะ อิอิ
คุณ ตุ๊งแช่ --- >,< ถุงทองไม้สักแม่นแง้วค่ะ หุหุ
คุณ anOO --- ต้องรอดูกันต่ออไปค่ะ ว่าจะทำสำเร็จไหม คิคิ

jj-book
คุณ นอนดูดาว --- 555+ นั่นสิคะ

bloggang
คุณ Vicky --- ด้วยความยินดีค่ะ ^^

dek-d
คุณ novel --- ขอบคุณมากค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ ^^



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ธ.ค. 2554, 22:13:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ธ.ค. 2554, 22:13:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1797





<< ML005   ML007 >>
หนอนฮับ 15 ธ.ค. 2554, 23:27:08 น.
กรี๊ดดดดดดด...ฝ่าพายุ และสมฝนมาแร้ววววว...
ชิ...ญาติพี่น้องของหนูแจ๊คนี่...หวังดีประสงร้ายป่าวหว่า ชิ..คนไรไม่น่าคบ เชอะ สู้มิคของหนอนก็ม่ายยยได้ อิอิ


ร้อยวจี 16 ธ.ค. 2554, 00:07:47 น.
สุดยอดคือพายค่ะ เงียบๆแต่ตรงเป้าพอดี


XaWarZd 16 ธ.ค. 2554, 01:06:18 น.
สรุปแล้วพายใจร้ายสุด เล่นเอาซะสะอึกเลย แจ๋วจริง


ใบบัวน่ารัก 16 ธ.ค. 2554, 08:14:13 น.
เป็นคุณหนูนี่ก็ลำบากนะ


anOO 16 ธ.ค. 2554, 10:07:31 น.
โดนพายตลบหลังให้ซะแล้ว
จะได้รู้ไงว่าถ้ารักแจ็คจริง คงต้องเจออะไรอีกเยอะ


maplezaa 16 ธ.ค. 2554, 14:13:30 น.
พายชนะน็อค อิอิ


ตุ๊งแช่ 17 ธ.ค. 2554, 10:29:26 น.
นึกถึงขิงยิ่งแก่ยิ่งเด เหมือนพายยย 55


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account