อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 11

ตอนที่ 11

“เมื่อคืนไปไหนมา”ทันทีที่เห็นว่าบุตรสาวตนโตหายลับไปแล้วนั้น คุณชนะชัยก็รีบเข้าเรื่องทันทีไม่เปิดโอกาสให้บุตรสาวคนเล็กได้เดินหนีอย่างที่ใจอยาก ดาวเหนือเชิดหน้าก่อนจะตอบบิดา

“บ้านตาล ดาวต้องไปแล้ว เดี๋ยวทางโน้นจะเป็นห่วง”

“ห่วงแต่ทางโน้น แล้วทางนี้ไม่คิดว่าจะมีใครเขาเป็นห่วงเราบ้างรึไง ยายดาว”คุณชนะชัยถามไล่หลังอีกฝ่ายที่กำลังจะเปิดประตูรถ ร่างโปร่งชะงักกับคำพูดที่ออกมาจากปากของบิดา

“บอกเขาไว้แล้ว แล้วก็บอกแม่แล้วว่าขอเวลาอีกสักวันสองวัน เดี๋ยวจะกลับมาเอง”

“ถ้างั้นก็ตามใจ ทำอะไรก็นึกถึงแม่เขาไว้ เขามีเราคนเดี๋ยวนะ ช่วงนี้พ่อจะคอยดูแลแม่เราเอง”คุณชนะชัยบอกกับลูกสาว ก่อนจะเดินเข้าบ้านหลังเล็กไปหาภรรยาคนที่สองที่ยังคงนั่งสนทนาอยู่กับพรายจันทร์ โดยไม่ได้ระแคะระคายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่หน้าบ้านเมื่อครู่ หญิงสาวมองตามหลังของบิดาที่ไม่ค่อยได้คุยกันดีๆสักครั้งอย่างแปลกใจ ก่อนจะยิ้มบางๆแล้วขึ้นรถขับออกไป

ห่างไปออกไปไม่ไกลนัก ที่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งร่างระหงของตะวันฉายค่อยยก้าวออกมา หญิงสาวมองตามท้ายรถของน้องสาวร่วมบิดาไปอย่างโกรธแค้น ก่อนจะเบนไปมองบ้านหลังเล็กเขม็งก่อนพูดกับตัวเองเสียงแข็ง

“มีความสุขกับไปก่อนเถอะ แล้วฉันจะมอบนรกให้พวกแกถึงหน้าบ้านเลยทีเดียวนังบุษบา นังดาวเหนือ!”


“ช้าโคตร นั่งรอจนพยาธิในท้องมันลุกมาเต้นแล้วระบำจนกลับไปนอนอีกรอบแล้วเนี่ย”ทันทีที่เธอก้าวเท้าเข้าไปในบ้านของเพื่อนรัก เสียงบ่นของตรีทิพย์ก็ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่เดินกอดอกหน้าเจ้ามาหาดาวเหนือมองสบตาอีกฝ่ายแล้วยิ้มเบาๆอย่างรู้ทัน ไม่ใช่แค่อยากบ่นอย่างเดียวหรอก

คนอย่างตรีทิพย์เรื่องกินไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มิตรภาพต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับสาวร่างบางเบื้องหน้า เพราะแม้จะทำหน้าบูด แต่แววตาที่มองมากลับสำรวจหาความผิดปกติที่อาจเกิดกับเธอเช่นทุกครั้งที่กลับไปบ้าน ก่อนจะถอนหายใจเบาๆเมื่อไม่พบสิ่งใดที่แสดงออกว่าการกลับบ้านคราวนี้ของเธอจะมีเรื่องทุกข์ใจกลับมาอีก ดาวเหนือส่งกระเป๋าเดินทางใบย่อมที่ถือมาจากรถให้เด็กรับใช้ที่รอรับไปเก็บที่ห้องของตรีทิพย์ที่ด้านบน ก่อนจะเดินตามเพื่อนไปยังห้องรับประทานอาหารที่ทุกคนกำลังรอเธออยู่

“อะไรกัน อย่างแกทนหิวได้ด้วยเหรอ”ดาวเหนือแซวกลับ ก่อนจะหัวเราะเมื่อเพื่อนสาวค้อนขวับเข้าให้

“ฉันไม่ได้เห็นแก่กินขนาดนั้นนี่ยะ แล้วว่าไง”

“ไว้เล่าทีเดียวแล้วกัน ตอนนี้หิวมาก”

“ย่ะ”แล้วบทสนทนาสั้นๆก็จบลงก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปในห้องอาหาร ดาวเหนือยกมือไหว้คุณธนา คุณตรีเนตรและตฤณที่นั่งอยู่ตรงข้ามตามลำดับ ชายหนุ่มมองหาร่องรอยความทุกข์เช่นเดียวกับบิดาและมารดา ก่อนจะหน้าตื่นเมื่ออยู่น้องสาวตัวดีที่ล้วงความลับเขาไปแล้วจะหาเรื่องมาให้เขาจนได้!

“ไอ้ดาวแกไปนั่งฝั่งนู้นเลย ฉันไม่อยากนั่งข้างพี่ตฤณ เมื่อเช้าแกล้งฉันไว้ เลยไม่อยากนั่งด้วย”ไม่พูดเปล่า ตรีทิพย์รีบดันหลังเพื่อนรักให้ไปยังที่นั่งข้างๆพี่ชายทันที แล้วแอบหันไปขยิบตาใส่พี่ชายที่ส่งตาขุ่นกลับมาให้เพราะกลัวมารดาจับได้ถึงความรู้สึกลึกที่ซ่อนอยู่ ดาวเหนือเลิกคิ้วมองเพื่อนเล็กน้อยก่อนจะยอมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา หญิงสาวหันไปยิ้มให้คนข้างๆที่เลิกส่งสายตาใส่แล้วหันมาส่งยิ้มตอบ

“เอาล่ะ ลงมือกันเลยดีกว่าลูก หนูดาวคงจะหิว เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”คุณตรีเนตรบอกอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้คู่ชีวิตที่ตักกับข้าวให้อย่างเอาใจเช่นทุกวัน ส่วนลูกสาวคนเดียวของบ้านก็ตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็วไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ดาวเหนือมองภาพน่ารักของสองผู้ใหญ่ในบ้านและภาพเพื่อนรักกินข้าวราวกับหิวโซยิ้มๆ ก่อนจะเริ่มลงมือบ้างแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าร่างสูงข้างๆตักอาหารที่เป็นของโปรดของเธอมาวางไว้ให้ในจาน พร้อมคำพูดที่เธอคุ้นเคย หากแต่คนพูดกลับเป็นคนละคน

“ทานเยอะๆนะ จะได้มีแรงไปต่อสู้กับชีวิต”

แม้คำพูดจะเหมือนกัน แต่ความรู้สึกที่มีต่อประโยคนี้ของเธอกลับแตกต่างอย่างที่ตัวเองยังแปลกใจ เมื่อตอนที่พัดยศพูดคำนี้ให้ฟังเวลาที่เธอเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้าน ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ กลับรู้สึกเบื่อหน่าย คล้ายกับว่าเขาแค่รับรู้ไม่ได้มาร่วมเจ็บปวดด้วย ต่างกับชายหนุ่มข้างๆที่พูดออกมาแล้วทำให้เธอรู้สึกว่าหากมีคนคนนี้ร่วมทางเดินที่ยากลำบากสายนี้ไปด้วย เธอก็พร้อมจะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง...

“ขอบคุณ”ร่างโปร่งส่งยิ้มไปให้ ทำเอาสัตวแพทย์หนุ่มถึงกับตะลึงค้าง ไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว จนน้องสาวต้องเตะขาใต้โต๊ะเป็นการเตือนให้ระงับอาการเพราะมารดาของทั้งคู่เริ่มหรี่ตามองอย่างสงสัยแล้ว

“โอ๊ะ! เอ่อ ไม่เป็นไรครับ”ตฤณพูดตะกุกตะกัก พลางเอามือดันแว่นอย่างที่ทำบ่อยๆเวลาประหม่า ก่อนจะตักกับข้าวของตนเองบ้างและนั่งกินเงียบๆโดยพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สนร่างโปร่งข้างกายไปจนจบมื้อค่ำที่ยาวนานในความรู้สึกของเขา


“มากไปแล้วพี่ตฤณ เดี๋ยวแม่ก็จับได้จนได้”เมื่อทานข้าวเสร็จแล้วตรีทิพย์ก็รีบดึงพี่ชายตัวดีที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ให้ออกมานอกรัศมีการได้ยินของมารดาและดาวเหนือทันที และเมื่อพ้นหญิงสาวก็เปิดคอร์สอบรมใส่พี่ชายทันที

“...”

“พี่ตฤณ!”หญิงสาวตะโกนกรอกหูพี่ชายที่ยืนเอ๋อทันที ส่งผลให้ได้มะเหงกกลับมา

“นี่แน่ะ! จะตะโกนทำไม เดี๋ยวแม่ก็ได้ยิน”

“ก็พี่มัวแต่ฝันค้างอยู่นั่นแหละ ไม่ได้ยินเสียงตาลเลยนี่ แต่ว่านะ คิดผิดจริงๆที่ให้ไอ้ดาวไปนั่งข้างพี่ตฤณ ดูสิ ทำเปิ่นจนแม่เริ่มสงสัยแล้วนะ ทำตัวให้เหมือนเดิมหน่อยดิพี่”

“มันทำยากนะ ก็เมื่อก่อนพี่กับดาวยังไม่เคยได้เจอกันเลยจังๆอย่างนี้เลย ได้เห็นก็แค่รูปกับเรื่องที่เราให้ฟัง อ่อ!แล้วก็เจอโดยบังเอิญอีกแค่สองครั้งเท่านั้น พอมาตอนนี้ได้อยู่ใกล้พี่ก็เลยควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้น่ะ”ชายหนุ่มสารภาพเสียงอ่อย หมดมาดคุณหมอหนุ่มแสนสุภาพไปเลยทันที ตรีทิพย์มองท่าทางของพี่ชายอย่างเหนื่อยใจที่มามาดหลุดเอากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ด้วยความที่เธอเป็นน้องที่แสนดีก็ต้องปลอบใจเอาไว้ก่อน

“เอาน่า พยายามหน่อย อีกไม่นานหรอก ถ้ายายดาวมันโอเคเรื่องครอบครัวแล้ว มันคงจะหาทางทำอะไรซักอย่างกับเรื่องพี่พัดแน่”

“ถ้าเขาจะกลับไปคบกันอีกครั้ง พี่ก็พอจะทำใจให้แอบรักต่อไปเรื่อยๆได้นะ พี่จะไม่ไปแย่งเขามาแน่ แต่ถ้าหากเขาเลิกกันแล้วจริงๆ พี่ก็จะไม่ยอมแพ้อีกเหมือนกัน”ตฤณพูดอย่างมุ่งมั่น แม้ว่าเขาจะรักมากแค่ไหน แต่เขาก็จะไม่ปล่อยให้ความต้องการมาอยู่เหนือความถูกต้องเด็ดขาด ตรีทิพย์มองพี่ชายตนเองอย่างภูมิใจที่อีกฝ่ายมีน้ำใจนักกีฬาพอ สมแล้วที่เป็นพี่ชายที่เธอทั้งรักทั้งหวง

“มันต้องอย่างนี้สิพี่ตฤณ มีสปิริตแบบนี้แหละ ถึงจะเรียกว่าลูกผู้ชาย!”

“ลูกผู้ชายอะไรกันจ๊ะเด็กๆ”เสียงหวานปานน้ำผึ้งของคุณตรีเนตรดังขึ้นเบื้องหลังตรีทิพย์ที่รีบกระโดดโหยงไปหลบอยู่ด้านหลังพี่ชายด้วยความตกใจ ส่วนตฤณที่ถูกบังคับกลายๆให้ต้องเป็นผู้รับหน้ามารดาที่มายืนยิ้มหวาน แต่ดวงตาคาดคั้น กับอีกสาวหนึ่งที่เป็นประเด็นในการสนทนาเมื่อครู่นี้ ก็ต้องเหงื่อตก รีบหลบตามารดาเป็นการใหญ่

“เอ่อ ยายตาลเขาพูดถึงเพื่อนเขาน่ะครับ ว่าสมกับเป็นลูกผู้ชายไม่รังแกผู้หญิง”

“เหรอจ๊ะ แม่ก็นึกว่าพูดถึงลูกอยู่ซะอีก”คุณตรีเนตรหรี่ตามองอาการสะดุ้งของสองพี่น้องอย่างจับผิด ส่วนดาวเหนือก็ถามออกมาอย่างงงๆ

“ใครกันตาล ฉันไม่เห็นจะมีใครเป็นอย่างที่แกพูดซักคน”

“โอ๊ย!ไอ้ดาว แกไม่ได้เห็นตอนที่พวกมันเป็นน่ะสิ ช่างมันเถอะน่า!แกคงจะเหนื่อยขึ้นไปพักผ่อนเถอะไป๊”ตรีทิพย์รีบมั่วทันที ก่อนจะดันหลังเพื่อนรักให้เดินขึ้นบันไดไป โดยมีตัวเองตามไปด้วย แต่ก็ไม่รอดโดนมารดาดึงแขนเอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวสิจ๊ะลูกรัก แม่มีเรื่องจะคุยด้วยนิด เราด้วยนะตาตฤณ”คุณตรีเนตรพูดยิ้ม ก่อนจะมองดาวเหนือที่ยืนรออยู่

“หนูดาวไปพักเถอะ แม่มีธุระสำคัญจะคุยกับสองคนนี้ ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ”

ดาวเหนือพยักหน้ารับก่อนจะหันหลังกลับเดินขึ้นไปยังห้องพักทันที คุณตรีเนตรมองตามจนแน่ใจแล้วว่าหญิงสาวเข้าห้องแล้วก็หันมาส่งสายตาเพชรฆาตใส่ลูกทั้งสองที่รับรู้ได้ว่าพวกตนกำลังจะชะตาขาด

“เอาล่ะ จะเล่าเองดีๆหรือจะเล่าด้วยน้ำตา หือ ตฤณ ตรีทิพย์”


“เฮ้อ!เอาเถอะนะ เรื่องของหัวใจใครจะไปห้ามมันได้ แต่ตฤณบอกกับแม่แล้วนะว่าจะรอให้เขาเลิกกันจริงๆก่อนถึงจะเข้าไปจีบหนูดาว ห้ามไปแย่งเขามาเด็ดขาดเข้าใจไหม!”คุณตรีเนตรกำชับลูกชายของเธอ ภายหลังจากที่ได้ฟังคำสารภาพของเขา แม้ว่าคนเป็นแม่จะเห็นใจลูกชายเพียงใดแต่ความถูกต้องก็สำคัญที่สุด เมื่อห้ามให้ไม่รักไม่ได้ก็ต้องคอยเตือนไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางเท่านั้น

“ผมทราบครับแม่ แม่ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ทำให้แม่ต้องผิดหวังในตัวผมแน่นอน”

“ดีจ๊ะ งั้นแม่ไปนอนก่อนนะ พวกลูกก็อย่านอนดึกกันล่ะ”คุณตรีเนตรบอกลาลูกๆก่อนจะเดินขึ้นข้างบนไป ทิ้งสองพี่น้องให้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตรีทิพย์มองพี่ชายที่หน้าตาดูสดใสกว่าทุกๆวันอย่างดีใจที่ในที่สุดพี่ชายสุดที่รักของเธอก็ได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากความทุกข์ที่เรียกว่าการปิดบังได้เสียที ทีนี้ก็เหลือแต่หญิงสาวในดวงใจของพี่ชายเธอเท่านั้นที่จะมาเป็นนางฟ้าปลดปล่อยพี่ชายเธอออกจากคำสาป หรือจะเป็นแม่มดที่สาปให้ตฤณต้องแอบรักข้างเดียวต่อไป แต่เท่าที่เธอดูงานนี้พี่ชายเธออาจจะมีหวังมากทีเดียว

“หน้าบานเชียวนะ ยังไม่ทันได้จีบเขาเลยนะ”

“แค่รู้สึกโล่งอกน่ะ รู้งี้พี่บอกแม่ บอกเราไปตั้งนานแล้ว เก็บไว้คนเดียวบอกใครไม่ได้น่ะ มันเจ็บนะ”ตฤณบอกกับน้องสาวที่มองเขาค้อนๆ

“ก็เพราะมัวแต่เก็บไว้ไง เลยม.ค.ป.ด”

“อะไรน่ะ”ตฤณขมวดคิ้วกับคำศัพท์ของน้องสาว ตรีทิพย์ทำตาโตเพราะไม่นึกว่าพี่ชายของเธอจะไม่รู้จักกระทั่งคำนี้ และแล้วตฤณก็ได้รับคำตอบเมื่อบิดาที่ยังไม่ได้ขึ้นห้องเดินมาเฉลยให้พอดี ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่น้องสาวตัวแสบของเขาวิ่งหนีขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ตฤณได้แต่ยืนหน้างออยู่ข้างกับเสียงหัวเราะของบิดา

“ก็สุนัขคาบไปรับประทานไง ไอ้เสือ”


“หึ หึ จริงเหรอไอ้ตาล พี่แกไม่รู้จักคำนั้นจริงอ่ะ”ดาวเหนือหัวเราะออกมาเมื่อตรีทิพย์เล่าเรื่องตลกเมื่อครู่ของตฤณให้เธอฟัง โดยเว้นตอนที่เกี่ยวกับตัวเธอเอาไว้

“เออ พอพ่อเฉลยนะแทบจะพ่นไฟเลยล่ะ แต่ติดที่ว่าฉันรู้แกวก็เลยหนีขึ้นมาได้ก่อน”ตรีทิพย์ยักไหล่ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้จึงรีบถามเพื่อนรักที่หวีผมอยู่หน้ากระจก

“เออใช่ ไอ้ดาวตอนนี้เรื่องที่บ้านก็พอเพลาลงบางแล้ว แล้วแกจะเอายังไงกับเรื่องพี่พัดล่ะ ปล่อยคาราคาซังไว้แบบนี้ไม่ดีนา”

“เฮ้อ! ก็พยายามอยู่ อันที่จริงฉันก็บอกกับพี่พัดไปแล้วว่าจะขอยุติเรื่องของเรา เพียงแค่ไม่ได้บอกตรงๆเท่านั้นเอง แต่พี่เขาคงจะรู้ เพราะไอ้ที่บอกไปมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรนี่”

“ถามจริงนะ แกอยากเลิกกับพี่พัดเพราะอะไร แกเจอคนที่ใช่งั้นเหรอ”

“ไอ้บ้านี่ ก็บอกไปแล้วไงว่าฉันรู้สึกว่าพี่พัดยังไม่ใช่สำหรับฉัน ส่วนคนที่ใช่ที่แกถามน่ะ ตอนนี้ยัง แต่อีกไม่นานก็ไม่แน่ ฉันกำลังสงสัยตัวเองอยู่ ถ้าเขาใช่แน่ เดี๋ยวจะบอก”หญิงสาวบอก ก่อนจะนึกถึง ‘เขา’ คนนั้นที่ ทำให้เธอรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ หากแต่เธอยังไม่อยากจะด่วนตัดสินเพราะกลัวจะมีปัญหาอีกเหมือนครั้งพัดยศ เธออยากจะให้ตัวเองแน่ใจเสียก่อนว่าความรู้สึกที่เธอเป็นนั้นคือความรัก ไม่ใช่ความหลง หรือความลองเหมือนเมื่อก่อน

ตรีทิพย์ตาโตเป็นครั้งที่สองของวัน เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อน พร้อมกับเริ่มกังวลแทนพี่ชายที่กำลังจะมีคู่แข่งเพิ่ม รีบถามทันที

“เฮ้ย!บอกมานะว่าหมอนั่นเป็นใคร”

“อะไรเล่า ฉันก็แค่มองว่าเขาน่าสนใจดี ยังไม่ได้อะไรทั้งนั้นแหละน่า เอาเป็นว่าถ้าเขาคือคนที่ใช่จริงๆ จะบอกให้แกรู้คนแรกเลย”

“ชิ!ไอ้งก”ตรีทิพย์บ่นพึมพำเมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ยอมบอก สุดท้ายหญิงสาวเลยเปลี่ยนไปถามอีกเรื่อง

“ว่าแต่แกว่าพี่ชายฉันน่ะเป็นไงบ้างวะ”

ดาวเหนือชะงักมือที่กำลังเปิดหนังสือนิยายเล่มโปรดเล็กน้อย ซึ่งแน่นอนว่าอาการนี้เพื่อนรักที่ยืนหลังให้ไม่เห็นแน่นอน ร่างโปร่งขยับตัวเล็กน้อยก่อนตอบ

“ก็ โอนะ น่าตาก็ดี ท่าทางก็สุภาพ การศึกษาเอย ฐานะอีก เพอร์เฟกกายส์ของแท้เลย ว่าแต่ทำไมพี่แกถึงยังไม่มีแฟนล่ะ ทั้งที่เพียบพร้อมออกอย่างนี้...”หญิงสาวถามกลับ ก่อนจะใจหายวาบเมื่อความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวจนต้องเอ่ยปาก

“...หรือว่าพี่แก เป็นพวกอนุรักษ์ไม้ป่าเดียวกัน”

“จะบ้าเหรอยะ! พี่ฉันแมนเต็มร้อย”ร่างบางค้อนเพื่อนสาวที่นั่งหัวเราะ ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่ปลายเตียงก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ความจริงพี่ฉันเขาแอบรักผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ แต่ติดที่ว่าผู้หญิงคนนั้นมีแฟนแล้ว พี่ฉันเลยทำได้แต่อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ไอ้ฉันก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้เอง ก็ว่าทำไมพี่ฉันถึงอยู่เป็นโสดมาตลอด ที่แท้ก็ซดน้ำแห้วอยู่นี่เอง แต่ฉันว่าอีกไม่นานนี้แหละพี่ฉันอาจจะได้ฉลอง”

“แล้วแกรู้จักผู้หญิงคนนั้นไหม”ดาวเหนือถามกลับเสียงแผ่ว รู้สึกใจหายวาบยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก เมื่อได้รับรู้ว่าคนคนนั้นที่เธอสนใจมีคนอื่นอยู่ในห้องหัวใจเสียแล้ว ตรีทิพย์หรี่ตามองท่าทางของเพื่อนรักอย่างเก็บข้อมูลก่อนแกล้งตอบคลุมเครือ

“รู้สิ ทุกคนรู้จักหมดแหละ แกเองก็รู้จักเขานะ รู้จักดีกว่าใครด้วย”หญิงสาวบอกก่อนจะเดินฮัมเพลงเข้าห้องน้ำไป ทิ้งเพื่อนรักให้นั่งนิ่งอึ้ง มือเรียวปิดหนังสือเล่มโปรดฉับวางลงที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอน โดยที่หัวใจดวงน้อยๆนั้นไม่สงบเช่นทุกคืนที่ผ่านมา


“ครับ พัดยศพูด”พัดยศกรอกเสียงลงไปทันทีภายหลังจากรับสาย โดยเก็บความสงสัยเอาไว้เพราะเบอร์ที่โชว์ให้เห็นที่หน้าจอไม่ใช่เบอร์ที่อยู่ในโทรศัพท์ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าตนเองคือใคร

“นี่ฉันตะวันฉายนะ”

“เธอมีธุระอะไร ถึงได้โทรมาหาฉัน ปกติไม่เห็นจะญาติดีกับฉันเท่าไหร่”ชายหนุ่มบอกออกไปตรงๆ เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่อีกฝ่ายไม่ได้มีทีท่าว่าจะปลื้มเขาซักเท่าไหร่ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานะเพื่อนร่วมรุ่นที่คณะ หรือคนรักของน้องสาวอีกฝ่าย ยิ่งโดยเฉพาะสถานะหลังที่ทำให้หญิงสาวผู้เย่อหยิ่งอย่างตะวันฉายเปลี่ยนท่าทีจากเฉยเป็นเกลียเขาไปเลยทีเดียว แล้วนี่จู่ๆก็มาโทรหาสงสัยว่าวันนี้อุณหภูมิของกรุงเทพคงลดลงอย่างน่ากลัวกันเลยทีเดียว

ตะวันฉายเบ้ปากใส่โทรศัพท์อย่างหมั่นไส้กับน้ำเสียงและประโยคของอีกฝ่าย แต่เพื่อแผนการของเธอ ยังก็คงต้องทน ร่างเพรียวรีบเอ่ยต่อเสียงหวานชนิดที่หนุ่มๆคนอื่นๆคงยอมศิโรราบ หากแต่มันใช้ไม่ได้กับพัดยศ!

“อะไรกันจ๊ะพัดยศ เพื่อนจะโทรหาเพื่อนแค่นี้นี่ต้องมีธุระอะไรด้วยเหรอ”

“เธอเคยนับฉันเป็นเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ”เขาสวนกลับไปในทันทีอย่างไม่สนใจต่อน้ำเสียงหวานเลี่ยนชวนคลื่นไส้เลยแม้แต่น้อย ตะวันฉายกรี๊ดแบบไร้เสียง ก่อนจะพยายามนับหนึ่งถึงสิบแล้วตอบกลับไป

“แหม! เอาน่าๆเรื่องเก่าอย่าไปใส่ใจเลยนะจ๊ะ คือว่าที่ฉันโทรมาวันนี้น่ะ จะโทรมาขอความช่วยเหลือหน่อยน่ะ”

“ขอความช่วยเหลือจากฉัน”ชายหนุ่มถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองได้ยินไม่ผิด คนอย่างตะวันฉายผู้มาดมั่นเนี่ยนะ โทรมาขอความช่วยเหลือ

“จ๊ะ อันที่จริงก็ไม่อยากรบกวนเธอหรอกนะ แต่เห็นว่าไหนก็อยู่แถวๆนั้น เลยอยากจะขอไหว้วานให้ไปรับคนๆหนึ่งแทนฉันที”

“แล้วไอ้คนคนหนึ่งของเธอเนี่ย เกี่ยวข้องอะไรกับฉันไม่ทราบ ฉันถึงต้องไปรับให้เธอเนี่ย”พัดยศพยามเก็บความหงุดหงิดเอาไว้อย่างเต็มที่ มือหนาที่จับปากกาอยู่นั้นบีบแน่น

“เกี่ยวสิจ๊ะ เพราะถ้าหากเธอไม่ไปรับคนคนนี้นะ ดาวเหนือจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะเป็นคนที่ดาวเหนือรักรองลงมาจากน้าบุษบาเลยล่ะ”ตะวันฉายบอกอย่างเป็นต่อ ก่อนจะยิ้มอย่างสมใจเมื่อชายหนุ่มเดาถูก

“พรายจันทร์งั้นเหรอ”

“ใช่แล้ว คือว่านะ รถยายจันทร์เสีย ตอนเช้าฉันไปส่งที่โรงเรียน ตอนเย็นฉันก็ว่าจะไปรับตามประสาพี่สาวที่ดีไงล่ะ แต่ว่าฉันเพิ่งดูตารางงานกับเลขาแล้วพบว่า ตอนเย็นมีนัดสำคัญม๊าก มาก เลยไปรับไม่ได้...”หญิงสาวบอกเสียงหวาน พัดยศวางปากกาในมือลง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วนวดหว่างคิ้วเพื่อคลายความเครียดจากเสียงหวานที่เป็นมลพิษทางอยู่ในขณะนี้

“...ฉันเห็นว่าบริษัทเธอน่ะเป็นทางผ่านพอดี ช่วยไปรับยายจันทร์ให้หน่อยนะ ถือซะว่าสงสารลูกนกลูกา หรือไม่ก็ถือว่าเป็นการทำคะแนนที่ดิ่งฮวบให้พุ่งปรี๊ดก็ได้นะ”

“ไม่ต้องพูดมาก ความรักของฉันกับน้องดาวยังอยู่ดี ส่วนเรื่องน้องจันทร์เดี๋ยวฉันจะไปรับให้ โทรไปบอกน้องจันทร์ไว้เลยแล้วกัน แล้วก็ขอเตือนครั้งสุดท้ายนะว่า อย่ามายุ่งเรื่องของฉันกับน้องดาว!”พัดยศพูดรวดเดียวจบก่อนจะกดตัดสายไปอย่างรวดเร็ว ร่างสูงกดอินเตอร์โฟนเรียกเลขาเข้ามาสั่งงานเพื่อจะได้ไม่ต้องสนใจปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่ของเขากับดาวเหนือที่มีนางมารร้ายบางคนมากวนตะกอนให้ขุ่น

ข้างฝ่ายตะวันฉายภายหลังจากที่พัดยศตัดสายไปอย่างไร้มารยาทแล้วนั้น ร่างเพรียวก็แทบเต้นเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าตัดสายเธอทิ้งอย่างน่าเกลียดแบบที่ผู้ชายตาถั่ว สมองน้อยคนนั้นทำ! แต่เมื่อนึกถึงคำตอบของอีกฝ่ายอารมณ์โกรธที่กำลังจะปะทุเลยละลายหายไปกับอากาศทันที หญิงสาวมองออกไปด้านนอกก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสะใจ

“ฉันไม่ได้อยากจะให้ยายจันทร์ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลยนะเนี่ย...”ตะวันฉายพึมพำกับตนเองเบาๆ ดวงตาทอประกายเจิดจ้า

“...แต่มันก็ช่วยไม่ได้ หากมันเป็นวิธีที่จะทำให้แกกระอักเลือดด้วยความเจ็บช้ำได้ล่ะก็ ต่อให้ต้องเอาใครไปสังเวยกับอะไร ฉันก็จะทำ!”



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2554, 06:36:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2554, 06:36:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1863





<< ตอนที่ 10   ตอนที่ 12 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account