Missing Love
(ภาคต่อของพาย) เมื่อเขาทำรักหายไปจนมาเจอเธอ และเธอตั้งใจพลาดความรักเพื่อความสำเร็จ แล้วเขาจะทำให้เธอหันมาสนใจความรักได้อย่างไร
Tags: พาย แจ็คลีน

ตอน: ML007

Missing Love ตอนที่ 7

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แจ็คลีนมองก่อนรับสาย “ว่าไง อองรี”

“เธอคุยกับพ่อแม่เธอหรือยัง เรื่องจัดงานวันเกิดน่ะ” อองรีถามเข้าประเด็นแบบไม่ต้องเสียเวลา เขาฟังเสียงเพลงในร้านอาหารก็พอรู้ว่าเธอได้ทำตามที่พูดไว้เมื่อวานนี้

“อืม คุยแล้วล่ะ จัดแน่ แล้วจะส่งการ์ดเชิญให้ แค่นี้นะ ฉันทานอาหารค่ำอยู่ บาย” แจ็คลีนพูดๆ แล้วตัดสายเมื่อเขาพูดตอบเล็กน้อย

“อองรีโทรมาถามเรื่องงานวันเกิดเหรอ เฮ้อ ช่วงนี้อองรีวุ่นวายกับน้องเสียจริง” มิคาเอลพูดกับน้องสาวอย่างไม่ค่อยพอใจนักที่น้องสาวกลายเป็นเป้านิ่งให้คนเล่นงาน

“มอร์กานก่อเรื่องไว้เยอะค่ะ ออกข่าวซุบซิบบ่อยๆ คนก็คอยจ้อง แต่คนในครอบครัวเราลืมไปว่าคนที่ควรห่วงคือตระกูลมาร์แตง กลายเป็นว่าแจ็คโดนดีไปด้วยค่ะ เฮ้อ ตอนแรกคิดว่าจะอยู่กันเงียบๆ ซื้อเค้กมากินเฉพาะพวกเรา แต่ต้องจัดงานซะแล้ว” แจ็คลีนไม่ค่อยชอบจัดงานวันเกิดนัก เพราะชอบอยู่เงียบๆ มากกว่า

“เมื่อไรเหรอครับ” ทรงธรรมถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“อีกสองเดือน ว่าแต่ลูกจะจัดงานใหญ่ไหม พ่อไม่ชอบจัดงานใหญ่ๆ ในบ้านหรอกนะ จริงๆ ไม่ชอบจัดงานอะไรเลยที่บ้านน่ะ” กาเบรียลบอกลูกสาวตรงๆ

“หนูรู้ค่ะ จากที่พี่เคยก่อเรื่องคราวก่อนใชไหมคะ” แจ็คลีนพูดแล้วก็หัวเราะกับพี่ชาย ก่อนจะเล่าให้คนที่ไม่รู้ฟัง “พี่มิคชวนเพื่อนมา บ้านเละไม่เป็นท่า ตอนนั้นพี่มิคครบสิบขวบได้ เอาครีมที่เตรียมไว้สำหรับเค้กมาละเลงทั่วบ้าน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยจัดงานวันเกิดที่บ้านอีกเลยค่ะ”

“พี่ก็ไม่อยากให้จัดงานอีกแล้วล่ะ เพราะต้องขัดพื้นทั้งคืน ไม่เอาแล้ว” มิคาเอลส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะมองทรงธรรมที่นิ่งเงียบไปถนัด

“หนูคิดว่าจะสั่งเค้กจากร้านซองโชค่ะ เชิญเฉพาะคนในครอบครัวที่มาได้ ไม่ต้องถึงขั้นพาคุณป้าพิมกับคุณลุงเก่งมานะคะ ก็แค่วันหนึ่งเท่านั้นเองค่ะ แล้วก็เชิญเฉพาะญาติทางพ่อก็พอค่ะ” แจ็คลีนสรุปสุดท้าย

“แล้วเพื่อนๆ หนูล่ะ ไม่เชิญมาเหรอ” กาเบรียลถามลูกสาว เพราะลูกสาวแทบไม่สนใจออกไปเที่ยวกับเพื่อนรุ่นเดียวกันเลย

“ไม่ค่ะ เดี๋ยวมาก่อเรื่องอีก แข่งขันใครรวย ใครสวย เห็นแล้วปวดหัว” แจ็คลีนอธิบายอย่างไม่ใส่ใจนัก

“คุณอยากมางานวันเกิดของแจ็คลีนไหม” พายถามขึ้นและยิ้มนิดๆ

“พาย” กาเบรียลดุภรรยาที่นึกสนุกชวนทรงธรรมไปด้วย

“น่าไม่เป็นไรหรอก อยากเห็นพ่อแม่นายว่าจะทำยังไงอ่ะนะ” พายกระซิบสามีก่อนจะพูด “ถ้ามาได้ก็มานะ จะให้คนส่งการ์ดเชิญไปให้”

“แม่ / ท่านแม่” มิคาเอลกับแจคลีนพูดแทบจะพร้อมกัน

พายกลับไม่สนใจนัก จับมือสามีออกไปที่ฟลอร์เต้นรำ แล้วทิ้งปัญหาความยุ่งยากใจให้ลูกๆ แทน

ทรงธรรมเห็นสองพี่น้องลำบากใจก็ถามขึ้น “ถ้าคุณไม่อยากให้ผมไป ก็ไม่เป็นไรหรอกนะครับ”

“ไม่ใช่ไม่อยากหรอกนะคะ แต่ปัญหามากเสียเหลือเกิน” แจ็คลีนนึกถึงสายตาของอองรี แล้วจินตนาการถึงบรรยากาศน่าอึดอัด “ไม่ใช่งานวันเกิดแบบที่ฉันอยากได้เลยจริงๆ แต่เมื่อคุณแม่เชิญคุณแล้วก็คงต้องตามนั้น”

มิคาเอลส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะโอบไหล่น้องสาว “บางทีอาจเป็นวันเกิดที่น่าจดจำก็ได้นะ”

“ตกลงยังไงแน่” ทรงธรรมถามให้แน่ใจว่าต้องการให้เขามาหรือไม่

“ถ้ามาได้ก็มาเถอะครับ แต่อย่าให้ถึงกับจำเป็นต้องมาแค่งานวันเกิดน้องสาวผมก็พอ” มิคาเอลพูดตามตรง เพราะอาจไม่สลักสำคัญเท่าไรนัก

“พอดีผมจะพาน้องชายมาหาที่เรียนที่อังกฤษด้วย อาจจะเรียนภาษาแล้วก็อะไรอีกหลายอย่าง ต้องดูรายละเอียดเยอะทีเดียว คิดว่าน่าจะมาได้นะครับ ถ้าคุณไม่ลำบากใจ” ทรงธรรมรู้สึกว่าสองพี่น้องดูจะไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นๆ เกี่ยวกับครอบครัวทางพ่อเท่าไรนัก

“ได้ล่ะ ถ้ามาได้ก็มาเถอะ” มิคาเอลตอบแทนน้องสาว เพราะไม่ชอบท่าทางของญาติเช่นกันที่ทำราวกับว่าการคบหาคนไทยเป็นเรื่องไม่ควรทำ

“งั้นตกลงผมมานะ” ทรงธรรมสรุปในตอนท้ายและมองแจ็คลีนพยักหน้าช้าๆ

พายเดินกลับมาพร้อมสามี ก่อนจะบอกให้ลูกๆ ไปสนุกกันบ้าง “ออกไปเต้นรำกันบ้างสิ”

มิคาเอลจึงลุกขึ้นแล้วยื่นมือให้น้องสาวอย่างให้เกียรติ ก่อนจะพากันออกไปเต้นรำตามจังหวะเพลง ขณะที่ทรงธรรมได้แต่มอง เห็นเธอกับพี่ชายดูเต้นรำคล่อง เขาก็แปลกใจนิดๆ หากก็ต้องรู้ว่าหนุ่มขาร็อคอย่างมิคาเอลก็เป็นหนุ่มที่ถูกอบรมให้เข้างานสังคมได้เช่นกัน

******************************


ทรงธรรมจัดการน้องชายจนพร้อมแล้วก็พาไปเข้าเรียน โดยจ้างมืออาชีพดูแลน้องชายเขา ขณะเรียนภาษา ก่อนที่เขาจะไปฝรั่งเศส เขาพูดคุยกับน้องชายอีกรอบ

“สัญญาลูกผู้ชาย ว่านายจะทำทุกอย่างเพื่อให้แม่นายภาคภูมิใจ” เขาขอสัญญาลูกผู้ชายจากน้องชาย

กำพลกลืนน้ำลายเล็กน้อย ก่อนจะสบตาพี่ชาย และเรียกความมั่นใจของตัวเอง “ผมจะทำให้แม่ภูมิใจ”

“จำไว้ นายจะต้องชดเชยทุกหยาดน้ำตาที่แม่นายเสียไป ฉันขอให้นายมีสติ อย่าใจอ่อนอีก จงเป็นลูกผู้ชาย อย่าเป็นแค่ผู้ชายอ่อนแอ” ทรงธรรมตบไหล่น้องชายอย่างหนักแน่น

“ผมๆ” กำพลเริ่มกลัวนิดๆ กับท่าทางของพี่ชาย ท่าทางหนักแน่นและทรงพลัง สายตาเข้มแข็งจับจ้องเขาอย่างเคร่งเครียด “ผมจะทำให้ได้ครับ ผมจะไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก ผมรู้ว่าผมไม่เข้มแข็งพอกับมัน และผมจะไม่คิดว่าผมทนมันได้ ผมไม่มีวันทนมันได้”


“ดีมาก ฉันให้โอกาสนายเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็อย่าทำมันพังอีก เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ต้องให้ใครควบคุม ต้องรู้จักควบคุมตัวเอง ใครหาเรื่อง อย่าทำตัวเป็นพระเอก คนฉลาดรู้ว่าต้องจัดการกับพวกอันธพาลยังไง” ทรงธรรมเตือนน้องชายแล้วดูเหมือนน้องชายจะมีสติพอที่จะฟังมากกว่าต่อต้าน

ทรงธรรมหันไปทางเสริมสิทธิ ก่อนจะเตือนอีกหลายคำ “ฝากดูแลน้องชายผมด้วย รู้นะครับ”

เสริมสิทธิได้รับคำเตือนจากอรัญแล้วก็ได้รับคำสั่งชัดเจน และเขาได้รับค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กคนหนึ่งช่วงไม่กี่เดือนเป็นเงินจำนวนมาก เขาต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

“สัญญาว่านายจะไม่ทำอะไรออกนอกลู่นอกทาง ไม่พยายามอวดดีในสิ่งที่นายไม่รู้จริง ฉันเกลียดที่สุดคือคนอวดดี คิดว่าความรู้เล็กน้อยนั้นยิ่งใหญ่นัก รู้ใช่ไหม” ทรงธรรมถามน้องชายและย้ำอีกครั้ง

“ครับ” กำพลรู้ดีว่าพี่ชายพูดหมายถึงอะไร เขาตั้งใจจะทำตัวเสียใหม่ มองโลกแบบใหม่ ใช้ชีวิตใหม่ที่พี่ชายให้มาอย่างคุ้มค่า

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทิ้งนาย แต่บอกไว้ก่อน ฉันไม่ช่วยคนที่นอนอยู่เฉยๆ แล้วคิดว่าจะมีกินมีชีวิตที่ดีหรอกนะ ฉันยืนมาถึงจุดนี้ได้ เพราะฉันดิ้นรนด้วยตัวเอง ดังนั้นอย่าทำให้ฉันผิดหวัง สัญญาลูกผู้ชายไม่ใช่แค่ลมปาก ถ้านายล้มเลิก สัญญาลูกผู้ชายด้วยความอวดดีของนายล่ะก็ ฉันจะทำให้นายรู้ว่า ฉันจะเป็นคนสุดท้ายที่นายจะทำแบบนั้น”

กำพลเริ่มเห็นด้านโหดร้ายของพี่ชาย เขาเห็นสายตาเย็นชาที่สุดของพี่ชาย และไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องล้อเล่น จากนั้นเขาก็เสียวสันหลังวาบ เมื่อพี่ชายตบไหล่เขาก่อนเดินออกไปจากห้อง

อรัญเดินเข้ามาดูกำพล ก่อนพูดเตือนอีกรอบ “คุณคงไม่คิดว่า พ่อเลี้ยงอยู่บนโลกที่โหดร้ายด้วยความเมตตาอย่างเดียวใช่ไหมครับ คนสุดท้ายที่ทรยศพ่อเลี้ยง มีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานจนทุกวันนี้เลยนะครับ คุณไม่อยากรู้หรอกว่าเขาทรมานยังไง”

กำพลกลืนน้ำลายเฮือก เพราะสิ่งที่เขารู้สึกนั้นมีอยู่จริงๆ ไม่ใช่แค่ความคิดไปเอง แต่เขาเชื่อว่าถ้าเขาทำทุกอย่างให้มีสติ เขาจะไม่ต้องพลาดสัญญาลูกผู้ชายที่ให้กับพี่ชายเอาไว้ และเขาต้องเจริญก้าวหน้า ทั้งยังรักษาสัญญาเอาไว้ได้

******************************


เจ้าของวันเกิดเริ่มใจคอไม่ดี และตื่นเต้นกับวันเกิดของตัวเอง ไม่ใช่เพราะดีใจกับการเลี้ยงฉลอง แต่ไม่อยากให้เกิดความโกลาหลขึ้นในงานวันเกิดของตัวเองและจดจำไปจนวันตาย

มิคาเอลมองน้องสาวนั่งๆ ยืนๆ อยู่ตลอดเวลาก็นึกเป็นห่วง เพราะรู้ว่าเจ้าตัวกังวล ทั้งที่ไม่อยากจัดงานวันเกิดเลย แต่เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่า เธอไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องถูกจับหมั้น จึงต้องจัดงาน เพื่อความสบายใจของคนในครอบครัว

“มีอะไรหรือเปล่า” ไพรด์เดินเข้ามาถามญาติเพราะเห็นจ้องน้องสาวอยู่ตลอดเวลา

“สงสารแจ็ค ท่าทางคงจะเครียด” มิคาเอลบอกญาติตามตรง แต่ก็ยังไม่คิดจะเข้าไปคุยกับน้องสาว เพราะไม่อยากให้หงุดหงิด

“อาหารก็เรียบร้อย เวลาทานก็บุฟเฟ่ต์ ถึงญาตินายจะไม่ชอบก็เถอะ แต่ฉันว่าดีกว่าไปนั่งประจันหน้ากันที่โต๊ะตลอดเวลาเยอะเลยล่ะ พ่อนายบอกให้จัดแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” ไพรด์พยายามปลอบเพื่อนให้สบายใจขึ้น

“อืม อย่างที่นายว่าแหละ พ่อบอกว่าลดความตึงเครียดบนโต๊ะอาหารไปได้เยอะ แต่ก็ต้องมีคนมาคอยตักอาหารให้กับคุณปู่คุณย่านั่นแหละ” มิคาเอลพูด ก่อนมองอิคารัสเดินเข้ามา ขณะมองไปทั่ว “มีอะไรวะ”

“ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรให้แจ็คดีน่ะสิ มีทุกอย่างแล้วน่ะ” อิคารัสบอก ก่อนจะหยิบกล่องใส่เครื่องประดับออกมา “เนี่ยไม่รู้จะถูกใจไหม กำไลอ่ะ”

“อะไรก็ได้แหละ ไม่ต้องก็ยังได้เลย เราอยู่ด้วยกันทุกวัน ดูแลกันทุกวัน” มิคาเอลพูดอย่างไม่คิดมาก

“ไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องมีวันสำคัญกันบ้างล่ะนะ” อิคารัสไม่เห็นด้วย ก่อนจะต้องหันไปตามเพื่อนที่กำลังพยักหน้าทักทายกับเด็กชายวัยสิบสอง ท่าทางสุภาพที่เดินมากับคู่แฝดหญิงท่าทางคล่องแคล่ว

“วันนี้ท่านพี่มิคาเอลช่วยแอนกับพาทริคด้วยนะคะ พาทริคจะร้องเพลงให้ท่านพี่แจ็คลีนเป็นของขวัญค่ะ หนูจะช่วยสีไวโอลีนด้วยเพลงมายแองเจิ้ลค่ะ” อันนาเอลพูดแทนคู่แฝดที่มักจะเคร่งขรึม และชอบร้องเพลงอยู่เสมอ

“ได้สิ พี่เล่นดับเบิ้ลเบส แล้วกันนะ” มิคาเอลบอกลูกพี่ลูกน้อง

“ร่วมด้วยได้ไหม พี่เล่นเปียโนให้ ไพรด์เอาด้วยหรือเปล่า” อิคารัสหันไปทางเพื่อนที่พยักหน้าช้าๆ

“ฉันเล่นได้แต่กลอง ดีที่เพลงนี้มีกลองด้วยนะ” ไพรด์พูดตามปกติแล้วก็พยักหน้าตาม

“โอเค งั้นพร้อมนะคะ เพลงมายแองเจิ้ลที่ท่านลุงแต่งเป็นเพลงที่เราก็เล่นได้กันอยู่แล้ว ดีจังเลยเนอะ พาทริค” อันนาเอลพูดอย่างร่าเริ่งแจ่มใส ก่อนจะลากพาคู่แฝดไปหาเจ้าภาพงาน

“ท่านพี่” อันนาเอลกับพาทริคต่างก็แสดงความเคารพกับพี่สาวได้อย่างน่ารัก ก่อนจะมองเห็นความกังวล จึงถามขึ้น “มีอะไรเหรอคะ”

“เปล่าหรอก ดีใจนะที่เธอทั้งสองคนมาได้น่ะ อีกสักพักคงจะมีแขกมาเพิ่ม แต่พี่ไม่ได้เชิญใครมากนะ จริงๆ อยากจะให้มีแต่คนในน่ะ แต่ว่าท่านแม่ของพี่เชิญเพื่อนชาวไทยมาคนหนึ่ง” แจ็คลีนบอกอ้อมๆ พยายามไม่ให้น้องทั้งสองคนจับความใน

“อ๋อครับ” พาทริคเพียงรับรู้ เขาไม่สนใจสิ่งใดนอกจากบทเพลง และถึงแม้จะรู้เรื่องความขัดแย้งในครอบครัว เขาก็ไม่สนใจ ขอเพียงไม่เข้ามาวุ่นวายในยามที่เขาอยู่กับบทเพลง เขาก็พอใจแล้ว

“พวกเธอไปที่ห้องนั่งเล่นก่อนเถอะ มีของว่างนะ ถ้ากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นบนโต๊ะอาหารล่ะจ๊ะ” แจ็คลีนบอกน้องๆ ก่อนทั้งคู่จะพยักหน้าเห็นด้วย เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้บนโต๊ะอาหาร

แจ็คลีนหาช่องว่างให้ตัวเอง แล้วหลบไปนั่งเงียบๆ ตามลำพัง จากนั้นก็ถอนหายใจและพยายามดึงความสนใจด้วยการอ่านหนังสือ

“ทำไมหลบมานั่งตรงนี้ล่ะครับ” ชายสูงวัยถามอย่างสุภาพ เพราะวันนี้แจ็คลีนสั่งให้เบเนดิกซ์ได้พัก มิคาเอลก็ให้ปิแอร์พักเช่นกัน จึงเหลือไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ที่นี่

“เฮนริคเอง ฉันแค่คิดว่าอยากจะพักสักหน่อยค่ะ ยังไม่รู้จะเจอกับอะไรก็เลยเครียดๆ” แจ็คลีนพูดตามตรง และเมื่อชายสูงวัยนั่งลงที่ข้างๆ เธอก็กอดแขนเอาไว้อย่างอบอุ่น และรู้สึกปลอดภัย เมื่อได้อยู่ข้างๆ คนที่ดูแลพ่อและครอบครัวเธอมาทั้งชีวิต

“ไม่มีอะไรหรอกครับ” เฮนริคคอยดูแลคุณหนูมาแต่เล็กแต่น้อย เห็นกังวลมาทั้งวันแล้วยังหลบมานั่งในสวนแบบนี้ แสดงว่า...เครียดมาก

“กลัวแต่ท่านลุงเรมองด์กับซีริลจะก่อเรื่องน่ะสิคะ ไม่เชิญก็ได้อีก ท่านลุงคนอื่นไม่น่าห่วงเท่าไรหรอกค่ะ” แจ็คลีนไม่อยากจดจำวันเกิดตัวเอง เพราะเหตุไม่ดี

เฮนริคตบมือคุณหนูเบาๆ เป็นเชิงปลอบ ก่อนพูดให้หายกังวล “ไม่หรอกครับ ท่านเรมองด์อาจจะเลือดร้อนไปบ้าง แต่ก็คงไม่ก่อเรื่องต่อหน้านายท่านกับมาดามหรอกครับ อย่ากังวลไปเลย”

แจ็คลีนพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้ยืน “ถ้าบ้านนี้ไม่มีคุณ เราคงลำบากมากนะคะ สำหรับฉันแล้ว คุณเป็นยิ่งกว่าท่านลุงอีกค่ะ”

เฮนริคยิ้มน้อยๆ ตามมารยาท ก่อนยิ้มอีกนิด เมื่อคุณหนูหอมแก้มเขาทั้งสองข้าง

“เอวาเจลีนโชคดีเหลือเกินที่ได้เป็นภรรยาคุณค่ะ เฮนริค ซีอานก็โชคดีที่ได้เป็นลูกชายคุณ เฮ้อ ช่างเถอะค่ะ เราเข้าไปในบ้านดีกว่านะคะ” แจ็คลีนกระชับผ้าคลุมไหล่ ก่อนจะเดินนำเข้าบ้าน

เธอรู้ว่าการอยู่นอกบ้านในเวลานี้เป็นเรื่องน่าเป็นห่วง เพราะอะไรก็เกิดขึ้น และเป็นหน้าที่ของเฮนริคที่ต้องดูแลความปลอดภัยของทุกคนในบ้าน

เฮนริคมองด้านหลังคุณหนูแล้วยิ้มเล็กน้อย หากเทียบกันแล้ว คุณหนูแจ็คลีนเข้าใจฐานะตัวเองมากกว่าพี่ชายนัก และวางตัวได้อย่างเหมาะสมอยู่เสมอ แต่ก็น่าเป็นห่วง เพราะความกดดันที่ได้รับจากความคาดหวังจากตระกูลธีโอฟาสเต้

เมื่อกลับเข้างาน เธอก็เข้าไปช่วยพ่อแม่ต้อนรับญาติๆ เห็นซีริลกำลังจะอ้าปากต่อคำหลายที แต่โดนพ่อเขากระตุกอยู่ตลอดเวลา ทำให้เธอโล่งใจไปบ้าง

ทรงธรรมมาถึงตรงเวลา และยื่นของขวัญให้เธอ ก่อนจะตั้งหลัก เพราะเห็นหน้าญาติเธออยู่ในห้องโถงใหญ่เต็มไปหมด แต่คนที่อายุมากที่สุดทั้งสองคนยังไม่มา

เสียงพูดคุยกันดังพอควร แต่ไม่โหวกเหวก พูดคุยหัวเราะกันไปบ้างตามประสา เขามองหาที่ยืนให้ตัวเอง โดยหลบอยู่อย่างเงียบๆ ดีกว่าเข้าไปวุ่นวายกับปากของคนครอบครัวนี้ ท่าทางของแจ็คลีนก็ดูโล่งใจที่เขาไม่เดินเข้าไปคุยกับญาติเธอ เขาจึงคิดว่าที่ที่เขายืนนั้นถูกต้องแล้ว

“รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ” มิคาเอลเห็นเขายืนหลบก็เดินไปยืนเป็นเพื่อน ส่วนหนึ่งเขาไม่อยากให้ญาติมาคุยกับแขกคนนี้เท่าไรนัก เพราะยังไม่อยากต่อยปากญาติกลางงานวันเกิดของน้องสาว

“ขอบรั่นดีมีไหมครับ” ทรงธรรมบอก ก่อนมองมิคาเอลหันไปพยักหน้ากับบาเทนเดอร์ แล้วพูดไม่มีเสียงเพื่อสั่ง สักพักก็มีคนเอามาให้ “ขอบคุณครับ”

“ได้ยินจากแจ็คว่าเพิ่งมาจากลอนดอนเหรอครับ ส่งน้องชายเข้าโรงเรียนเรียบร้อยไหมครับ” มิคาเอลพูดภาษาไทยกับอีกฝ่าย เพราะไม่อยากให้ญาติฟังรู้เรื่อง

“เรียบร้อยครับ” ทรงธรรมมองชายหนุ่มอีกสองคนมาสมทบ ก่อนจะฟังมิคาเอลแนะนำ

“นี่ไพร แล้วนี่ก็อิกกี้ นี่คุณทรงธรรมนะ” มิคาเอลแนะนำเพื่อนกับแขกให้รู้จักกัน

“อ่า เจอกันอีกแล้วนะครับ คราวก่อนไม่ได้แนะนำตัว คราวนี้คงทักกันถูกนะครับ” อิคารัสทักทายอย่างอารมณ์ดี เพราะมีเรื่องให้กังวลมากกว่าเรื่องของชายอายุสามสิบ ที่มาจีบน้องสาวเพื่อน

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ไพรด์มีมารยาทดีกว่าเพื่อน และทักทายเรียบร้อย ดีที่ไม่ยกมือไหว้ เพียงจับมือเท่านั้น เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะอึดอัด ถ้ามาจีบน้องสาวจริงๆ แล้วในอนาคตพบว่า อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนนิสัยเลวร้ายนัก ตัวเขาเองจะได้ไม่ต้องอึดอัดในอนาคต

เขาคิดละเอียดกว่าญาติกับเพื่อนมากนัก เพราะติดนิสัยจากทั้งพ่อแม่ที่เป็นครู และได้รับการสั่งสอนให้รู้จักคิดอย่างใช้เหตุผล เขาจึงวางใจให้เย็นอยู่ได้ ยกเว้นแต่ว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาหาเรื่อง เขาก็คงไม่ใจเย็นเหมือนกัน

“หิวยังครับ ทานได้เลยนะ มีคนมาคอยเสริฟตลอดล่ะ บุฟเฟ่ต์ก็ดีอย่างนี้นี่เอง เพราะไม่ต้องคอยจ้องหน้าหรือตอบคำถามที่อึดอัดน่ะครับ” อิคารัสพูดออกตัวตามประสาคนพูดคล่อง และเขาก็ไม่ค่อยกังวลเรื่องที่พูดออกไป เพราะคิดน้อยกว่าพูด

ทรงธรรมเพียงรับรู้ และคิดว่าทั้งสามคนคงรู้สถานการณ์ดีกว่าเขา ก่อนจะรู้สึกได้ว่า ครอบครัวชาวฝรั่งเศสกลุ่มนี้ดูจะไม่ชอบคนไทยเท่าไรนัก เท่าที่เขาเดาจากท่าทาง แม้ว่าลูกสะใภ้บ้านนี้จะเป็นชาวไทยก็ตาม

ทั้งสี่คนเดินไปนั่งที่โต๊ะสำหรับทานบุฟเฟ่ต์ แม้ว่าโดยปกติไม่จำเป็นต้องนั่งตามโต๊ะ แต่เพราะมีผู้ใหญ่ถึงสองคนและคงต้องมีคนคอยเสริฟอาหารให้ตลอด จึงต้องตั้งโต๊ะเพื่อทานอาหารได้ง่ายเข้า

กาเบรียลกับพายนั่งร่วมโต๊ะกับลูกสาว และธีโอดอร์กับบอนแนร์ หากเจ้าตัวก็เป็นคนมีมารยาทมากพอที่จะสนทนากันเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะโดนคำถามใหญ่

“เพื่อนเธอเหรอ คนที่อายุมากที่สุดในโต๊ะที่มิคาเอลนั่งกับเพื่อนๆ น่ะ” ธีโอดอร์ถามลูกสะใภ้คนที่สาม เพราะมองเห็นทางนั้นนั่งแยกตัวออกไป

“เปล่าค่ะ เพื่อนของแจ็คน่ะ ทำไมไม่เล่าให้ปู่ของลูกฟังว่าเขาเป็นใครเสียล่ะ จะได้หมดความสงสัยสักที” พายแนะนำให้ลูกสาวพูดตรงๆ เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะมาคอยปกปิดกันอีก

“พาย เอ่อ ท่านพ่อครับ นั่นคือเมอซิเออร์อภินันท์ เป็นเพื่อนของแจ็คลีนครับ” กาเบรียลแนะนำอย่างไม่เต็มใจนัก และไม่อยากให้ลูกสาวพูด เพราะกลัวลูกสาวจะเสียความรู้สึกอีก

แจ็คลีนค่อยโล่งใจเพราะพ่อปกป้องเธอด้วยการพูดแทน

“เพื่อนเหรอ อายุห่างกันมากนะ” บอนแนร์พูดอ้อมๆ แต่ก็ทำให้คนที่ฟังรู้เรื่องสะอึกนิดๆ

“มิตรภาพเขาวัดกันที่อายุด้วยเหรอคะ คนอายุน้อยไม่มีสิทธิเป็นเพื่อนกับคนอายุมากกว่าเหรอคะ ไม่ว่าจะสมัยไหน มิตรภาพก็ไม่ควรเอาอายุมาเป็นเครื่องชี้วัดหรอกนะคะ” พายแย้งด้วยน้ำเสียงฉะฉาน ราวกับไม่ใส่ใจความสัมพันธ์ของลูกสาวกับชายหนุ่มรุ่นน้อง

“เธอก็พูดเกินไป ทำไมไม่บอกล่ะว่า นั่นคือผู้ชายที่มาคอยตามตื้อลูกสาวเธอน่ะ” ฌองพูดแล้วยิ้มนิดๆ อย่างดูถูก แม้จะไม่ได้ปะทะคารมกันนานมากแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดจะลงให้ เพียงแต่ไม่แสดงออกมากเท่าก่อนที่แต่งงานกับน้องชายเขาเท่านั้น

“ตามตื้อที่ไหน ฉันไม่เห็นว่าเป็นการตามตื้อเลย ก็เป็นเพื่อนกัน พบปะพูดจากันจะเป็นไรไป” กาเบรียลปกป้องลูกสาว แม้จะไม่ชอบใจนัก เพราะพฤติกรรมของหนุ่มไทยก็ทำให้คิดแบบนั้นได้เช่นกัน และกลายเป็นเป้าให้คนอื่นพูดจาลบหลู่ลูกสาวเขา

“ใจเย็นจริงๆ ไว้สักวันลูกสาวย้ายไปอยู่กับเขา ค่อยร้อนใจก็คงยังไม่สายหรอก จริงไหม” ฌองพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กรีดลึก จนคนโดนว่าเริ่มคุมอารมณ์ไม่อยู่

“ขอตัวก่อนนะคะ” แจ็คลีนพูดขอตัวทันที และไปจากโต๊ะ

พายหันไปพยักหน้ากับลูกชาย ก่อนจะมองลูกชายเดินตามลูกสาวไป และเธอก็หันมาทางพี่ชายคนโตของสามี “ถ้าอิ่มแล้วก็กลับเลยก็ได้นะ อย่าอยู่ให้เคืองนัยน์ตาเลย”

พายลุกจากโต๊ะแทบจะทันที โดยไม่สนใจพ่อแม่สามีแม้แต่น้อย และกาเบรียลก็เอาเช็ดปากวางบนโต๊ะ

“ขอตัวก่อนนะครับ ผมไม่คิดเลยว่าจะต้องปิดงานเร็วกว่าที่คิดแบบนี้ เดี๋ยวให้เฮนริคคอยส่งนะครับ” กาเบรียลบอกกับพ่อแม่

“นั่งลงเดี๋ยวนี้ กาเบรียล” ธีโอดอร์สั่งลูกชายเสียงดัง จนทุกคนได้ยิน ทั้งที่มีเสียงเพลงคลออยู่

“ผมไม่ยอมทนให้ฌองมาพูดจาถากถางลูกสาวคนเดียวของผมหรอกนะครับ ถึงเขาจะไม่อยากนับแจ็คลีนเป็นหลานสาว แต่ก็ไม่ต้องถึงกับพูดจาแบบนี้ ผมยอมรับไม่ได้” กาเบรียลไม่ยอมนั่งและยังคงยืนพูดอยู่ จนคนทั้งห้องต้องมอง

“พ่อครับ ขอโทษท่านลุงเถอะนะครับ อย่าให้เป็นเรื่องเลย ยังไงแจ็คลีนก็ไม่เคยทำอะไรเสียหายนะครับ ไม่มีเหตุผลให้พูดจาถึงน้องไม่ดีด้วย” ซาร์ฌองที่ได้วันพักจากการปฏิบัติหน้าที่รีบไกล่เกลี่ย

“สักวันก็ต้องทำเรื่องเสียหายจนได้ล่ะน่า เหมือนวัยรุ่นสมัยนี้นั่นแหละ แจ็คลีนไม่ได้สูงส่งไปกว่าลูกคุณหนูตระกูลไหนหรอก โดยเฉพาะนิสัยออกไปทางอเมริกันแบบนั้น ไร้มารยาท” เรมองด์พูดสนับสนุนพี่ชาย เพราะเดาได้ว่ามีการโต้แย้งยังไง

“หุบปากนะ เรมองด์ นายไม่มีสิทธิพูดจาดูหมิ่นลูกสาวฉันในบ้านของฉัน ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ แล้วอย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก” กาเบรียลโกรธจัด ออกปากไล่น้องชายทันที

“นึกว่าอยากมาเหยียบรังสกปรกของนายนักเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านพ่อท่านแม่สั่งล่ะก็ ไม่มาเหยียบให้เสียเท้าหรอกน่า” เรมองด์ได้ทีก็พูดโต้แย้งกับพี่ชายทันที

“นายมันสูงส่งนัก...” กาเบรียลจะพูดต่อ แต่พ่อเขาลุกขึ้น เพราะเดาได้ว่าเขาจะพูดเรื่องความผิดพลาดในชีวิตน้องชายออกมา และจะกลายเป็นการวิวาทไปกันใหญ่

“พอสักที ตั้งแต่เด็กจนแก่ มีลูกโตแล้วยังจะทะเลาะกันอีก ดีที่มีแต่คนในครอบครัวนะ อ๋อ ไม่นับเพื่อนของแจ็คลีน ที่ฟังภาษาฝรั่งเศสไม่รู้เรื่อง ก็รู้จักอายกันบ้างสิ” ธีโอดอร์รู้ว่าหนุ่มชาวไทยฟังภาษาฝรั่งเศสรู้เรื่อง

เขาจ้องลูกๆ ทีละคน ก่อนจะออกคำสั่งเฉียบขาด “กาเบรียลไปตามพายกับลูกๆ มาร่วมโต๊ะ ส่วนลูก ฌอง พาครอบครัวลูกย้ายไปนั่งกับเรมองด์ ปู่ขอโทษต่อหลานจริงๆ ซาร์ฌอง ทั้งที่เพิ่งกลับจากการรับใช้ชาติ ยังต้องมาเจอเรื่องทะเลาะเบาะแว้งนี้อีก”

“ไม่เป็นไรครับ” ซาร์ฌองโบกมือเรียกคนสนิทมาย้ายโต๊ะ โดยไม่สนใจว่าพ่อจะรู้สึกยังไง เพื่อให้สถานการณ์เบาบางลง ขณะที่แม่กับน้องชายต่างก็ยอมรับคำพูดของปู่เขา และยอมย้ายไปนั่งกับเรมองด์และซีริล

“ขออภัยกับเรื่องวุ่นวาย ทุกอย่างสงบแล้ว” ธีโอดอร์หันไปทางแขกหนึ่งเดียวในงาน ก่อนจะสั่งให้ทุกคทานอาหารและพูดคุยกันตามปกติ

กาเบรียลส่ายหน้าและเดินออกไปตามหาภรรยาและลูกๆ คาดว่าตอนนี้คงอยู่ที่ห้องนอนลูกสาวเป็นแน่ และเฮนริคก็ยืนยันสิ่งที่เขาคิด เขาจึงเดินไปที่นั่น เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นแจ็คลีนกำลังร้องไห้ และมีพี่ชายกับแม่ช่วยกันปลอบ แม้จะดูเหมือนพี่ชายสองคนกำลังปลอบก็ตาม เพราะภรรยาเขาสวมสูทแบบเดียวกับลูกชายเขา

“ท่านพ่อ” แจ็คลีนยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเมื่อเห็นพ่อ

กาเบรียลเดินเข้ามากอด แล้วลูบหลังเป็นเชิงปลอบ ก่อนจะพูดกับภรรยา “เดี๋ยวเราต้องลงไปข้างล่างนะ พ่อฉันสั่งชัดว่าทุกคนต้องลงไปร่วมงาน ฉันพยายามจะปิดงานไปเลย แต่พ่อฉันไม่ยอมน่ะ”

“เข้าใจได้” พายพูดอย่างสบายอารมณ์ นิสัยเธอไม่คิดเล็กคิดน้อยเหมือนผู้หญิงทั่วไป แม้จะได้ยินสามีแอบบ่นอยู่บ้าง ว่ารู้สึกเหมือนแต่งงานกับผู้ชายมากกว่า แต่ก็เห็นเงียบทุกทีที่เธอพิสูจน์ความเป็นหญิงด้วยลีลารัก

“ลูกต้องพยายามอดทนให้ได้ พ่อรู้ว่าลูกใส่ใจญาติๆ เพราะงั้นลูกถึงเจ็บปวดได้ง่ายๆ กระนั้นถ้าเราทนแม้แต่คนที่เป็นญาติยังไม่ได้ เราก็คงทนคนทั้งโลกไม่ได้เหมือนกัน ชีวิตจริงมันเจ็บปวด วันหนึ่งลูกอาจเจอคนที่ลูกคิดว่ารักและอาจต้องเจ็บปวดได้ พ่อว่านี่เป็นแบบฝึกหัดที่ดีนะ ลูกรัก” กาเบรียลพยายามกล่อมลูกสาว

แจ็คลีนเช็ดน้ำตาก่อนจะยิ้มเล็กน้อย “ทำเหมือนพี่น้องของท่านพ่อเป็นคนอื่นไปได้ค่ะ ขอหนูแต่งหน้าใหม่ก่อนนะคะ แล้วจะออกไป”

“แน่ใจนะ แจ็ค” มิคาเอลถามน้องสาวให้แน่ใจ แต่กลับโดนแม่ตบกะโหลกเข้าให้ “โอ๊ย!! แม่อ่ะ”

“จะมัวแต่ประคองน้องเดินไปจนตายหรือไง อีกอย่างถึงไม่อยากทนก็ต้องทน เพราะยังไงก็ถือว่าเป็นญาติกัน จะเลวร้ายยังไง ก็คงไม่ถึงกับหักคอกันหรอกจริงไหม” พายพูดแล้วยักไหล่อย่างไม่สนใจนัก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วดึงสามีมาโอบเอว จูบกันเบาๆ ก่อนจะดึงกันออกไป

มิคาเอลเห็นแม่มองพ่อด้วยความรัก ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะบ่นออกมาดังๆ “สักวันพี่ก็หวังว่าจะเจอคนที่พี่รักและรักพี่ได้อย่างที่พ่อแม่รักกันนะ”

“ไม่รู้สิคะ แจ็คไม่คิดว่าจะได้เจอผู้ชายอย่างพ่อ หรือผู้หญิงอย่างแม่ คนที่รักจริงมันหายากค่ะ โดยเฉพาะการที่เราเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยและมีเกียรติในสังคม ยากที่จะหาคนที่จริงใจกับเราจริงๆ ถ้าไม่เจอใครที่แจ็คสามารถวางใจได้ แจ็คจะรักษาพรหมจรรย์ไปจนตายค่ะ” แจ็คลีนพูดขึ้น ก่อนจะลุกจากเตียงเดินไปที่ห้องน้ำ

“พูดจริงๆ สิ” มิคาเอลถามน้องสาวให้แน่ใจ

“ท่านพี่พูดเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าผู้ชายคิดแต่เรื่องเซ็กซ์น่ะค่ะ จริงๆ แจ็คก็เห็นด้วยนะคะ คนมักตั้งเงื่อนไขว่าถ้าทดลองอยู่ด้วยกันบ้าง มีอะไรกันบ้าง เพื่อทดสอบว่าอยู่ด้วยกันได้ แต่เรื่องเดียวที่ไม่คิดจะทดสอบ คือความอดทนและเห็นอกเห็นใจคนที่ตัวเองรัก ชีวิตคู่มันถึงจบง่ายๆ เพราะสุดท้ายมันเหลือแต่ความเห็นแก่ตัว ไร้การประนีประนอมแบบนั้น แล้วแจ็คจะไปหาเรื่องใส่ตัวทำไมคะ ทนเหงาดีกว่าเจ็บปวด” แจ็คลีนพูด ขณะจัดการตัวเองจนเรียบร้อย

แม้แต่ญาติยังจ้องจะทำให้เธอเจ็บปวด แล้วคนอื่นล่ะ...ที่ผ่านมาเธอไม่รู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่คนอื่นทำ เพราะคนเหล่านั้นไม่สำคัญ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจึงทนอยู่ได้ หากต่อไป แม้แต่ญาติก็ไม่อาจทำอะไรเธอได้ เพราะเธอจะสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเอง ด้วยการลงไปเผชิญหน้ากับทุกคน

แจ็คลีนเดินลงไปชั้นล่างกับพี่ชาย เธอขอไม่ให้พี่ชายโอบไหล่ เพราะเธอต้องเดินด้วยตัวเองให้ได้ และเมื่อเดินไปยังถึงโต๊ะที่เธอเพิ่งเดินจากมา เธอก็นั่งลงและมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่เคร่งเครียด เธอยกระดับความรู้สึกให้สูงขึ้น และไม่ยอมให้ใครทำร้ายเธออีกแม้แต่ญาติ

“ขอโทษค่ะ” เธอกล่าวคำขอโทษกับปู่ย่า และมีสีหน้าปกติ

ต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็ตาม เธอจะไม่ยอมให้ญาติทำให้เธอเจ็บปวด ถึงจะไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน เธอก็จะแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเธอโตกว่านี้แน่นอน

“ปู่ต่างหากที่ต้องขอโทษกับมารยาทแย่ๆ ของลุงหลาน ทานอะไรเสียหน่อยเถอะ” ธีโอดอร์จะสั่งให้โรเบิร์ตตักอาหารให้หลานสาว แต่แจ็คลีนปฏิเสธ

“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูจะเดินไปตักเอง ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ” แจ็คลีนดูห่างเหินไปจากเดิม เธอเว้นระยะห่างจากปู่ย่ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และคนสูงวัยก็อ่านท่าทางออกได้ไม่ยาก

******************************

แล้วตอนที่ 7 ก็มาค่ะ
สวัสดีค่ะ วันจันทร์นี้เป็นยังไงบ้างคะ
ดูแลสุขภาพกายและใจให้เข้มแข็งด้วยนะคะ
พร้อมรบใหม่ อิอิ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายมาตลอดค่ะ

sirinda
คุณ หนอนฮับ --- ประสงค์ดีแต่ผลออกมาร้ายค่ะ อิอิ
คุณ ร้อยวจี --- อิอิ พายชนะเลิศค่า
คุณ XaWarZd --- แรงดีไม่มีตกใช่ไหมคะ
คุณ ใบบัวน่ารัก --- ใช่แล้วค่ะ แต่ก็ต้องต่อสู้เหมือนกัน อิอิ
คุณ anOO --- 555+แน่นอนค่ะ เจออีกเยอะ
คุณ maplezaa --- ชนะน็อคแบบ KO เลยค่า อิอิ
คุณ ตุ๊งแช่ --- เผ็ดดีไม่มีจืดด้วยค่า 555+

jj-book
คุณ นอนดูดาว --- อ่ะแน่นอนค่ะ เฝ้ารอสาวน้อยเติบโต (แอบโลลินิดๆ)

bloggang
คุณ วรรณ --- มาแล้วค่า อิอิ

dek-d
คุณ วนัน --- มาตามที่รอแล้วค่ะ อิอิ
คุณ มีนา --- ขอบคุณค่ะ อิอิ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2554, 12:48:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2554, 12:48:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1742





<< ML006   ML008 >>
ตุ๊งแช่ 19 ธ.ค. 2554, 15:14:04 น.
สงสัยงานนี้แจคไม่ได้แก่ตาย แต่เครียดตายแหงๆๆ ทำไมชีวิตมันวุ่นคนละแบบกับมิคเลย


ร้อยวจี 19 ธ.ค. 2554, 16:16:00 น.
สงสารแจ็ค ฮือๆ พายจงเจริญ


anOO 19 ธ.ค. 2554, 16:34:40 น.
อยากให้นายทรงธรรม ร่วมวงร้องเพลงให้แจ็คด้วยจัง
จะเล่นอะไรดีน๊า ไม่มีอะไรเหลือแล้วนิ


หนอนฮับ 19 ธ.ค. 2554, 21:29:47 น.
สงสารแจ๊คจริงๆ ที่มีญาติน่าต่อยแบบนี้..ชิ


konhin 20 ธ.ค. 2554, 00:49:02 น.
โหยย ชีวิตแจ๊คโครตเครียดเลย น่าสงสารอ่ะ


maplezaa 20 ธ.ค. 2554, 18:53:11 น.
เข้าลัทธิพายเลยดีกว่า อิอิ

ยาติฝ่ายพ่อแต่ละคน หน้าเอาไม้ไปกระแทกปากจริงๆๆ


XaWarZd 21 ธ.ค. 2554, 13:53:52 น.
เมื่อไหร่จะมีดีๆ กันบ้างเนี่ย ญาติแย่ๆ เลิกคบไปเห๊อะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account