อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า
ตอน: ตอนที่ 13
ตอนที่ 13
“ดาว!”พรายจันทร์เอ่ยชื่อน้องสาวคนเล็กแผ่วเบาใบหน้าเผือดซีดจนคล้ายคนจะเป็นลม ดาวเหนือรีบเดินเข้ามาใกล้เมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายที่ยืนที่หน้าบ้านคือพี่สาวคนรองของตน หญิงสาวเอ่ยทักเมื่อไม่เห็นรถของร่างบาง ไม่ได้สังเกตสีหน้าของคู่สนทนา
“เพิ่งกลับเหรอ ทำไมถึงกลับแท๊กซี่ รถไปไหน”
“เอ่อ รถ รถพี่เสียน่ะ เสียมาหลายวันแล้ว ดาวกลับเมื่อไหร่จ๊ะเนี่ย”
“ก่อนหน้าพี่ดาวไม่นาน ว่าแต่ทำไมไม่ให้คนไปรับล่ะ กลับแท๊กซี่ทำไมอันตราย”ร่างโปร่งบ่นพึมก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าของในอ้อมแขนของพี่สาวมาถือเอาไว้ แล้วเดินไปด้วยกัน พรายจันทร์ก้มหน้า ก่อนจะตัดสินใจบอกความจริง
“พี่ไม่ได้มาแท๊กซี่ พี่พัดมาส่งน่ะ”
“อ้าว!เหรอ ปกติเห็นใช้แต่รถกระบะ ไม่เคยเห็นคันนี้ สงสัยเพิ่งออกใหม่”
“ดาวไม่โกรธเหรอ ที่พี่พัดมาส่งพี่น่ะ”พรายจันทร์ที่เร่งฝีเท้าขึ้นมาตีคู่กับน้องสาวถามขึ้นอย่างงงๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้มีทีท่าว่าจะใส่ใจหรือโกรธเคืองเรื่องที่พัดยศมาส่งเธอเลย ดาวเหนือหยุดเดินแล้วหันกลับมามองพี่สาวงุนงงในคำพูดของอีกฝ่าย
“ทำไมต้องโกรธ?”
“ก็พี่พัดเป็นแฟนดาว แล้วเขามาส่งผู้หญิง เอ่อ คนอื่น”ท้ายประโยคหญิงสาวพูดเสียงเบา เพื่อตอกย้ำว่าระหว่างตนทั้งคู่ เธอเป็นเพียงคนอื่น ดาวเหนือกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆอย่างที่หาได้ยากจากเธอคนนี้
“ไร้สาระ ดาวไม่ใช่คนขี้โมโห แล้วอีกอย่างพี่จันทร์ก็ไม่ใช่คนอื่น พี่จันทร์เป็นพี่ของดาว หรือพี่ไม่เห็นว่าดาวเป็นน้อง”
“บ้า!พูดบ้าๆ ถ้าไม่คิดว่าเราเป็นน้องพี่ไม่งัดข้อกับพี่ตะวันเพื่อเธอหรอกย่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกคิดมาก แล้วนี่อีกกี่วันรถถึงจะเสร็จ”ดาวเหนือเริ่มเดินต่อพลางถามถึงรถของอีกฝ่าย พรายจันทร์ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะตอบ
“พี่ก็ไม่รู้ พี่ตะวันเขาจัดการให้”
“คุณตะวันเนี่ยนะ”ร่างโปร่งทวนคำอย่างสงสัยแกมประหลาดใจ เพราะร้อยวันพันปีไม่เห็นคุณพี่จอมเชิดจะมาใส่ใจซ่อมของของคนอื่น ดีแต่ทำลายอย่างเดียว พรายจันทร์อมยิ้มอย่างรู้ทันในความคิดที่แสดงออกทางน้ำเสียงของดาวเหนือ แล้วจึงเอ่ยแก้ตัวแทนพี่สาวคนโต
“พี่ตะวันเขาก็มีส่วนดีเหมือนกันนะดาว”
“ก็คงงั้น แต่ไม่ใช่กับดาว แล้วดาวก็ไม่มาหวังให้เขาดีกับดาว เพราะถ้าเป็นแบบนั้นดาวคงเครียดแย่”ดาวเหนือบอกเรียบก่อนจะเดินนำขึ้นบ้านใหญ่เพื่อไปส่งพรายจันทร์ ทิ้งให้พี่สาวคนรองได้แต่ส่ายหัวกับความเป็นอริในทุกอย่างของทั้งพี่และน้องไม่เว้นแม้แต่เรื่องความคิด!
“กลับมาอยู่บ้านเราซักทีนะหล่อน”คุณหญิงผกามาศเอ่ยทักหลานสาวคนเล็กที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาตอนวัยจะย่างเข้าเลขสามด้วยน้ำเสียงประชดประชันที่ไม่ใคร่จะจริงจังนัก ดาวเหนือตีหน้าตายตอบกลับผู้เป็นย่า
“ดาวกลัวคุณย่าคิดถึงดาวจนทนไม่ไหวจนน้ำตาลขึ้น เลยรีบกลับมา”
“ใคร๊! ใครคิดถึงหล่อนกัน หล่อนไม่อยู่สิดี ไม่ต้องมานั่งดูหน้าตายๆที่มันกวนประสาทฉันเหลือเกิน”คุณหญิงเถียงเสียงสูง ก่อนจะส่งค้อนน้อยๆไปให้ร่างโปร่งนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น สร้างความชื่นใจให้ผู้สูงวัย เพราะนอกจากพรายจันทร์แล้วไม่ค่อยมีใครจะมานั่งพับเพียบดั่งกุลสตรีไทยให้เห็นอีกเท่าไหร่ แม้ว่าดาวเหนือจะมีนิสัยที่เฉยชา การแต่งตัวที่แหวกแนวและกิจกรรมยามว่างที่ท่านรับไม่ได้แต่ในเรื่องมารยาทในการอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ของอีกฝ่ายกลับไม่เคยทำให้ท่านผิดหวังเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าไม่มีดาวมากวนประสาท คุณย่าคงเฉาไปนานแล้ว”
“ต๊าย!ดู ดูมันนะแม่มิน เถียงคำไม่ตกฟาก แถมยังมาว่าแม่เป็นต้นไม้อีก”คุณหญิงผกามาศแทบเต้นกับคำเปรียบเปรยของหญิงสาว ท่านส่งค้อนปะหลับปีเหลือกให้สะใภ้ใหญ่และหลานสาวคนรองที่นั่งหัวเราะคิกคักกันอยู่ ดาวเหนือคลานเข่าไปเกาะหัวเข่าของย่าก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้คุณหญิงถึงกับยิ้มหน้าบาน หายโกรธไปเลยทีเดียว
“ถึงคุณย่าจะเป็นต้นไม้ ก็เป็นต้นโพธิ์ที่ให้ร่มเงาแก่ผู้ที่มาพักพิง”
“ช่างพูดนะหล่อน เอาเถอะคราวนี้แล้วก็แล้วไป คราวหน้าก็ใจเย็นๆคุยกันดีๆ ยังไงก็พี่น้องกันนะยายดาว”หญิงสาวหน้าตึงเมื่อได้ฟังที่คุณหญิงพูด แล้วก็อดไม่ได้ที่จะย้อนกลับไป
“ประโยคนี้คุณย่าน่าจะไปพูดให้คุณตะวันฟัง”
“พูดกับเราก่อน เพราะเราน่ะมันยั่วโมโหง่าย ยายตะวันยั่วหน่อยเดียวก็ของขึ้น คราวหลังถือคตินิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว รู้ไหม?”
“ค่ะ”
“เมื่อได้รับคำตอบจากหลานสาวคนเล็กจนเป็นที่พอใจแล้ว คุณหญิงผกามาศจึงสั่งย้ายพลไปยังห้องอาหารทันที โดยให้เด็กรับใช้ไปตามคุณบุษบาให้ขึ้นมาร่วมรับประทานอาหารด้วยอีกคนโดยมีสายตาอาฆาตแค้นของตะวันฉายที่เพิ่งจะลงมาจากห้องของตนมองตามไป
“มาถึงก็มาเลียแข้งเลียขาทันทีเลยนะ นังตัวมาร!”หญิงสาวกัดฟันพูดกับตัวเอง มือเรียวกำราวบันไดเอาไว้แน่น ก่อนจะตวัดสายตามามองคนสนิทที่นั่งคอยื่นคอยาวอย่างสนใจ ก่อนจะออกคำสั่ง
“นังแวว ถ้านังดาวมันจะกลับแล้วแกรีบมาบอกฉันทันที!”
“ค่า คุณตะวัน”
หลังจากที่ดาวเหนือและมารดาร่วมรับประทานอาหารกับบ้านใหญ่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ขอตัวกลับไปยังบ้านของตนก่อน ส่วนมารดานั้น คุณมินตราและคุณหญิงผกามาศเรียกไว้เพื่อคุยเรื่องที่จะไปทำบุญด้วยกัน พรายจันทร์เองก็ขอตัวไปตรวจการบ้านของเด็กๆเช่นกัน
ร่างโปร่งเดินสบายๆ พลางแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ดูสะอาดตาเพราะไม่มีก้อนเมฆมาบดบังความงามของดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลาย อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงอีกต่างหาก แต่แล้วความสุขใจก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อแขนเรียวถูกกระชากเอาไว้อย่างแรง ดาวเหนือรีบหันไปกลับไปในทันที ดวงตาคมสวยแข็งกร้าวขึ้นมาทันควัน เธอรับรู้ได้ในทันทีว่าใครคือคนที่กระชากแขนของเธอ!
“กลับมาไม่ทันไรก็รีบเข้ามาเรียกคะแนนความสงสารจากคุณย่าเลยเหรอ นังดาวตก!”ตะวันฉายจิกเล็บไปบนเนื้อเนียนสวยของอีกฝ่าย พร้อมพูดเสียงเข้ม ดาวเหนือเองก็ไม่ยอมย้อนกลับแบบแทงใจดำเจ้าของร่างเพรียวระหงเบื้องหน้าทันควัน
“ก็ยังดีกว่าบางคน ที่ใครๆเขาก็ระอากับความเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจของคุณ คุณตะวัน!”
“ปากวอนแตกเหลือเกินนะ นังตัวดี! แต่เอาเถอะวันนี้ฉันไม่ได้จะมาเอาเรื่องเธอ แต่มีเรื่องบางเรื่องที่อยากจะเอามาเล่าเพื่อเธอจะได้หูตาสว่างกับเขาบ้าง”ตะวันฉายปล่อยแขนของอีกฝ่าย ซึ่งก็ถอยไปยืนห่างจากเธอทันที ร่างโปร่งมองพี่สาวคนโตอย่างไม่ไว้วางใจในรอยยิ้มที่ติดจะเยาะเย้ยอยู่หน่อยๆ
“เรื่องอะไรไม่ทราบ แล้วเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาถึงจะมาหวังดีกับฉัน”
“ไม่ได้หวังดีแค่เวทนาหล่อนที่โดนแฟนสวมเขาให้ เกิดมาไม่สวยแล้วยังโง่อีก”ตะวันฉายกอดอกปรายตามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างเหยียดๆ ดาวเหนือนิ่วหน้าก่อนจะเอ่ยปากถาม
“พี่พัดทำอะไร”
“จำที่ฉันเคยพูดได้ไหมว่า’พัดยศกับพรายจันทร์’น่ะ”
“เขาสองคนคบกันเหรอไง”
“ยัง แต่คงอีกไม่นาน เพราช่วงที่แกไม่อยู่นายพัดยศมารับ มาส่งยายจันทร์ทุกวัน ถ้าไม่มีใจให้เขาจะมาหาผู้หญิงที่ไม่ใช่แฟนตัวเองทำไม แต่ก็เอาเถอะฉันคิดอยู่แล้วว่าคนโง่ๆอย่างเธอคงจะคิดไม่ได้เลยมาช่วยบอกเอาบุญ”
“ไร้สาระ พี่จันทร์บอกกับฉันหมดแล้วว่าพี่พัดมาส่งเขาเพราะรถพี่จันทร์เสีย ก็เท่านั้น อย่ามาเสียมให้ฉันกับพี่จันทร์ทะเลาะกันเลยมันไม่ได้ผล เอาเวลาไปทำจมูกที่มันเริ่มเบี้ยวของคุณดีกว่า ลาล่ะ!”พูดจบแล้วร่างบางก็เดินกระแทกไหล่ตะวันฉายไปทันที ทิ้งให้สาวงามได้แต่ยืนร้องกรี๊ดๆอย่างแค้นใจ
“อีบ้า! คอยดูเถอะอีกไม่นานแกจะซ่าไม่ออก ฉันกะแล้วว่าแกต้องไม่เชื่อ แต่รับรองว่าคราวหน้าแกจะทั้งเชื่อ ทั้งช็อกเลยทีเดียว นังดาวอุบาทว์”หญิงสาวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินกระทืบเท้าขึ้นบ้านไป
ข้างฝ่ายดาวเหนือเมื่อกลับเข้าบ้านก็ขึ้นห้องของตนทันที ร่างโปร่งทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มก่อนจะคิดถึงเรื่องที่ตะวันฉายบอกเมื่อสักครู่ หญิงสาวไม่ได้รู้หึงหวงพัดยศแต่อย่างเพราตอนนี้ภายในใจของเธอนั้นมีภาพของใครอีกคนประดับอยู่
หากแต่ยังไม่ถึงเวลาที่เขาคนนั้นจะก้าวมายืนในตำแหน่งคนรัก ตราบใดที่เรื่องระหว่างพัดยศกับเธอยังไม่เคลียร์ และอีกฝ่ายเองก็มีคนในดวงใจแล้วด้วย เธอเคยคิดหาวิธีที่จะบอกเลิกอีกฝ่ายแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเขาไม่ผิดอะไรเลย
แต่มาวันนี้เรื่องที่ได้รับรู้แม้จะยังไม่ปักใจเชื่อแต่มันก็มากพอที่จะจุดประกายความคิดบางอย่างที่มันจะทำให้ตัวเธอค้นพบทางออกของปัญหาที่คาราคาซัง และยังช่วยส่งเสริมให้คนดีๆสองคนได้ลองดูใจกันอีกด้วย ร่างบางกระเด้งตัวขึ้นนั่งก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆอย่างคนตัดสินใจได้แล้ว
“พี่พัดกับพี่จันทร์งั้นเหรอ บางทีเรื่องมันอาจจะง่ายขึ้นก็ได้”
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับ คุณครูดวงจันทร์”เสียงเด็กน้อยทั้งชายหญิงดังขึ้น ทำให้คุณครูคนสวยที่ยืนอยู่ด้านหน้าโรงเรียนต้องอมยิ้มก่อนจะโบกมือลาหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่โบกมือตอบเธอก่อนจะก้าวไปยังรถของผู้ปกครองที่มารับ พรายจันทร์ลดมือลงก่อนจะหันไปรับไหว้เด็กหญิงอีกคนที่มีคุณแม่จูงออกมา
“บ๊ายบายค่ะน้องมิ้นต์ อย่าลืมทำการบ้านนะคะ”
“ค่า คุณครูดวงจันทร์”พรายจันทร์ยิ้มรับกับชื่อที่เหล่าเด็กๆเรียกขานเธอ ร่างบางทำหน้าที่ของตนต่อไปจนหมดเวลางาน หญิงสาวเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตนคว้ากระเป๋าและกองการบ้านนักเรียนที่เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วขึ้นมา ก่อนจะเดินออกไปที่หน้าโรงเรียน
“อ้าว!คุณครูกำลังจะกลับเหรอครับ”ลุงโพธิ์ ภารโรงประจำโรงเรียนเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคุณครูแสนใจดีที่หลานของตนชอบมาเล่าให้ฟัง แถมยังชอบซื้อขนมมาฝากแกและบุคคลากรอื่นๆในโรงเรียนยืนรอรถที่หน้าประตู
“ค่ะลุงโพธิ์ กำลังรอแท๊กซี่อยู่แต่ก็นานแล้วยังไม่เห็นมีมาสักคัน”ร่างบางบ่นน้อยๆ ส่วนลุงโพธิ์พอได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะเบาๆก่อนจะไขข้อข้องใจให้หญิงสาว
“โอ๊ย!แท๊กซี่ช่วงนี้หายากครับครู เพราะเวลานี้ส่วนใหญ่เขาไปส่งรถกันที่อู่ ต้องรอหลังจากนี้ซักชั่วโมง”
“ตายจริง!เป็นชั่วโมงเลยเหรอคะ”
“ก็ไม่แน่หรอกครับ บางทีอาจจะมีหลงมาซักคัน ว่าแต่ปกติมีแฟนมารับไม่ใช่เหรอครับ”ลุงโพธิ์พูดออกไปตามที่แกเคยเห็น เป็นที่รู้กันดีว่าช่วงนี้รถของคุณครูคนสวยเข้าอู่ แต่ว่าก็มีหนุ่มหล่อ มีสง่าราศีมาคอยรับส่งอยู่ทุกวัน แต่วันนี้เห็นมาเฉพาะตอนเช้าตอนเย็นยังไม่เห็น สงสัยจะทะเลาะกัน แกคิดในใจ
“ไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ แฟนน้องสาว พอดีเขาเห็นว่ารถจันทร์เสีย อีกอย่างเป็นทางผ่านไปบริษัทเขาพอดีเลยอาสามารับ มาส่ง เผอิญวันนี้เขาติดธุระจันทร์เลยกลับเอง เฮ้อ!”พรายจันทร์แก้ความเข้าใจผิดของลุงภารโรงคนขยัน หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจกับการที่ต้องรอรถนานๆ
“แล้วกันลุงต้องขอโทษด้วย เอางี้เดี๋ยวลุงไปเรียกรถให้นะครับ”ว่าแล้วแกก็ออกเดินไปทางหน้าปากซอย เร็วเสียจนหญิงสาวเรียกเอาไว้ไม่ทัน ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินไปเรียกรถให้ ห้านาทีต่อมาลุงโพธิ์ก็กลับมาพร้อมแท๊กซี่คันหนึ่ง
“ขอบคุณมากค่ะลุงโพธิ์ จันทร์กลับก่อนนะคะ”พรายจันทร์ขอบคุณอีกฝ่ายก่อนจะก้าวขึ้นรถไป ลุงโพธิ์มองตามท้ายรถแท๊กซี่ไป ก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ของตนต่อเมื่อรถลับตา ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง
“จันทร์กลับมาแล้วค่ะคุณแม่ คุณย่า”ร่างบางร้องบอกพร้อมกับถอดรองเท้าไปด้วย ก่อนจะนิ่วหน้าน้อยๆเพราะไม่ได้ยินเสียงของคนทั้งคู่ตอบรับ มีเพียงเด็กรับใช้ที่เดินออกมารับของในมือเธอไปถือ หญิงสาวจึงรีบถาม
“คุณแม่กับคุณย่าไปไหนล่ะน้อย”
“ไปทำบุญเก้าวัดกับคุณบุษค่ะ ไปกันตั้งแต่เช้า หลังคุณจันทร์ไม่นาน คงจะกลับมืดๆค่ะ”
“อ๋อ! ขอบใจมากนะน้อย เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปทำงานถึงเวลาอาหารแล้วค่อยมาเรียกก็แล้วกันนะจ๊ะ”พรายจันทร์บอกกับสาวใช้ก่อนจะขึ้นไปยังห้องของตนเองเพื่อตรวจการบ้านและเตรียมการสอนสำหรับวันพรุ่งนี้ต่อไป ในขณะเดียวกันที่โรงเรียนอนุบาลที่เธอทำงานพัดยศกำลังยืนรอหญิงสาวอยู่อย่างกังวลเพราะว่าวันนี้เขามาสายแล้วไม่ได้บอกอีกฝ่ายไว้ก่อน และชายหนุ่มคงจะยืนรออยู่อีกนานหากลุงโพธิ์ไม่ได้เดินออกมาที่หน้าโรงเรียนอีกครั้ง เพื่อเอากุญแจห้องเก็บของ
“อ้าวคุณ!มารับครูจันทร์เหรอครับ”
“ครับลุง ช่วยไปบอกน้องจันทร์ให้หน่อยได้ไหมครับว่าผมมารับแล้ว”
“ครูจันทร์กลับไปต้องนานแล้วครับคุณ”พัดยศขมวดคิ้วก่อนจะถามกลับทันที
“กลับไปแล้ว? กลับไปยังไงครับลุง แล้วไปนานหรือยัง”
“แกให้ลุงไปเรียกรถแท๊กซี่ให้น่ะ ซักครึ่งชั่วโมงได้ อ้าว”ลุงโพธิ์คำนวณเวลา ก่อนจะร้องออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งแกให้ยืนเกาหัวอย่างงๆ
“วุ้ย!หนุ่มสาวสมัยนี้ มาไวไปไวจริงโว้ย!”
“ตกลงเรื่องไปกระบี่วันเสาร์นี้เอาไง จะขับรถไปเองหรือนั่งรถทัวร์”ตรีทิพย์ถามเพื่อนรักถึงการเดินทางไปจังหวัดกระบี่ ขณะนี้เธอมานั่งอยู่ที่สนามหน้าบ้านของอีกฝ่ายเพื่อเอาแปลนห้องพักที่เป็นชิ้นล่าสุดมาให้ เนื่องจากว่างานชิ้นใหม่ของพวกเธอนั้นคือโรงแรมหรูที่ต้องการมือโปรไปช่วยตกแต่งห้องพักแขกและห้องอื่นๆ งานชิ้นนี้เป็นงานเร่งด่วนเพราะเจ้าของโรงแรมต้องการให้เสร็จทันวันเปิดตัวสิ้นเดือนนี้ซึ่งก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามสัปดาห์ ทำให้เมืองแมนเจ้านายและรุ่นพี่ที่เคารพต้องสั่งให้พวกเธอวางมือจากงานที่ทำอยู่มาทำงานนี้ก่อน และก็ต้องไปดูสถานที่จริงแต่ติดปัญหาที่ว่าจะเดินทางไปอย่างไร ดาวเหนือวางกระดาษในมือลง ดวงตาคู่สวยมองหน้าเพื่อนนิ่งๆก่อนถามออกมา
“แกรู้ทางหรือเปล่าล่ะ”
“ถ้ารู้จะให้ตัวเลือกทำไม ตกลงรถทัวร์นะ”
“คงต้องอย่างนั้น เปลืองเงินอีกแล้ว”
“เดี๋ยวค่อยมาเบิกพี่เมืองเอาแล้วกัน ว่าแต่ไม่มีทางประหยัดเลยหรือไงเนี่ย”ตรีทิพย์บอกก่อนจะบ่นออกมาบ้าง เพราะถึงแม้จะเบิกได้แต่ก็อีกนานกว่าจะทำเรื่องเสร็จยังไงก็ต้องเข้าเนื้อพวกเธอก่อนอยู่ดี หญิงสาวนั่งคิดหาทางประหยัดต่อไป ส่วนดาวเหนือก็หยิบเอาแปลนงานขึ้นมาศึกษาต่อ ผ่านไปไม่นานหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งเพราตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นใกล้ๆตน
“อะไรของแก โวยวายออกมาได้”ดาวเหนือดุเพื่อนสาวทั้งปากทั้งตา ที่อยู่ดีๆก็ตะโกนออกมา ตรีทิพย์ไม่ใส่ใจน้ำเสียงของเพื่อน ใบหน้ารูปหัวใจนั้นกระจ่างใสพร้อมรอยยิ้มกว้างตอบกลับ
“ฉันรู้แล้วว่าเราจะประหยัดค่าใช้จ่ายของโปรเจกต์นี้ได้ไง”
“ยังไง”
“แปปนะ ขอคุยกับเขาก่อน”ว่าแล้วก็ควักโทรศัพท์ออกมา จัดการต่อสายไปยังเป้าหมายทันที รอเพียงไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย หญิงสาวกรอกเสียงหวานลงไปแต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้ดาวเหนือที่กำลังงๆอยู่เข้าใจแจ่มแจ้งทันทีว่า ’เขา’ ของเพื่อนน่ะคือใคร
“พี่ตฤณจ๋า!”
“อะไรยัยตัวยุ่ง เสียงหวานแบบนี้แสดงว่าจะจิกหัวใช้อะไรพี่อีกล่ะ”ตฤณย้อนถามน้องสาวจอมแสบของตนเองอย่างรู้ทัน ตรีทิพย์ค้อนใส่โทรศัพท์จนดาวเหนือต้องหัวเราะออกมา
“แหม!จิกหัวอะไรกัน พี่ตฤณก็พูดไป คือว่าวันเสาร์นี้พี่ตฤณว่างป่ะ”หญิงสาวเข้าเรื่องทันที ตฤณเลื่อนเก้าอี้ไปยังปฏิทินก่อนบอกกับน้องสาว
“ก็ว่างนะ ปกติก็ปิดร้านวันเสาร์อาทิตย์อยู่แล้ว ทำไมเหรอ”
“แบบว่าตาลกับยายดาวต้องไปกระบี่กันน่ะ แต่ว่าขับรถไปเองไม่เป็น ทีนี้จะไปรถทัวร์กันก็ไปกันแค่ผู้หญิงสองคนเอง เลยว่าจะขอให้พี่ตฤณขับรถไปส่งหน่อยน่ะได้ม้า~”
“ทำไมไม่ไปเครื่องบินล่ะ ปลอดภัยดีนะ”ตฤณแกล้งถามกลับเพราะรู้ว่าที่อีกฝ่ายอยากให้เขาไปส่งน่ะเพราะกลัวเปลืองเงิน แต่ด้วยความอยากรู้ว่าน้องสาวคนเก่วก็ตนจะแถไปได้กี่น้ำ อันที่จริงเขาตกลงตั้งแต่รู้ว่าผู้โดยสารอีกคนคือใครแล้ว!
“โธ่! พี่ตฤณอ่ะ ไปกันแต่ผู้หญิงไม่ว่าจะไปรถทัวร์ รถไฟ หรือเครื่องบินมันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี แต่ถ้าพี่ขับไปให้ก็เท่ากับไปสามชายหนึ่ง หญิงสอง ปลอดภัยเห็นๆ เพราะผู้ชายต้องปกป้องผู้หญิง และที่สำคัญพี่ต้องปกป้องน้อง!”ตรีทิพย์สรุปจบเสียงจริงจัง จนตฤณต้องหัวเราะออกมาเช่นเดียวกับดาวเหนือที่อมยิ้มกับกระดาษเบื้องหน้า ตรีทิพย์ค้อนเพื่อนก่อนจะแหวใส่ปลายสาย
“ตกลงว่าไงอ่ะ จะไปส่งหรือไม่ไปห๊ะ พี่ตฤณ!”
“โอเคๆ ไปก็ไป ว่าแต่เราจะไปกี่วันล่ะ ให้พี่รอรับกลับด้วยไหม”
“แน่สิ! ที่ไปเนี่ยไปดูลาดเลาก่อน เดี๋ยวค่อยไปอีกครั้งทีหลัง คราวนี้คงไปหลายวันหน่อย”
“งั้นวันเสาร์นี้เราไปรับดาวเหนือที่บ้านแล้วกัน ฝากบอกเขาด้วยล่ะ สักประมาณเจ็ดโมงเช้า ไปถึงจะได้ไม่มืด”ตฤณกะเวลาก่อนจะวางสายเมื่อตรีทิพย์ตอบรับ ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักแล้วหยิบกรอบรูปที่อยู่ข้างในขึ้นมามอง ยิ้มบางๆปรากฎขึ้นบนริมฝีปากหยักสวย
“ถึงจะแค่สองวันแต่ก็ได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้วนะครับ ดวงดาวของพี่”
“ดาว!”พรายจันทร์เอ่ยชื่อน้องสาวคนเล็กแผ่วเบาใบหน้าเผือดซีดจนคล้ายคนจะเป็นลม ดาวเหนือรีบเดินเข้ามาใกล้เมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายที่ยืนที่หน้าบ้านคือพี่สาวคนรองของตน หญิงสาวเอ่ยทักเมื่อไม่เห็นรถของร่างบาง ไม่ได้สังเกตสีหน้าของคู่สนทนา
“เพิ่งกลับเหรอ ทำไมถึงกลับแท๊กซี่ รถไปไหน”
“เอ่อ รถ รถพี่เสียน่ะ เสียมาหลายวันแล้ว ดาวกลับเมื่อไหร่จ๊ะเนี่ย”
“ก่อนหน้าพี่ดาวไม่นาน ว่าแต่ทำไมไม่ให้คนไปรับล่ะ กลับแท๊กซี่ทำไมอันตราย”ร่างโปร่งบ่นพึมก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าของในอ้อมแขนของพี่สาวมาถือเอาไว้ แล้วเดินไปด้วยกัน พรายจันทร์ก้มหน้า ก่อนจะตัดสินใจบอกความจริง
“พี่ไม่ได้มาแท๊กซี่ พี่พัดมาส่งน่ะ”
“อ้าว!เหรอ ปกติเห็นใช้แต่รถกระบะ ไม่เคยเห็นคันนี้ สงสัยเพิ่งออกใหม่”
“ดาวไม่โกรธเหรอ ที่พี่พัดมาส่งพี่น่ะ”พรายจันทร์ที่เร่งฝีเท้าขึ้นมาตีคู่กับน้องสาวถามขึ้นอย่างงงๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้มีทีท่าว่าจะใส่ใจหรือโกรธเคืองเรื่องที่พัดยศมาส่งเธอเลย ดาวเหนือหยุดเดินแล้วหันกลับมามองพี่สาวงุนงงในคำพูดของอีกฝ่าย
“ทำไมต้องโกรธ?”
“ก็พี่พัดเป็นแฟนดาว แล้วเขามาส่งผู้หญิง เอ่อ คนอื่น”ท้ายประโยคหญิงสาวพูดเสียงเบา เพื่อตอกย้ำว่าระหว่างตนทั้งคู่ เธอเป็นเพียงคนอื่น ดาวเหนือกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆอย่างที่หาได้ยากจากเธอคนนี้
“ไร้สาระ ดาวไม่ใช่คนขี้โมโห แล้วอีกอย่างพี่จันทร์ก็ไม่ใช่คนอื่น พี่จันทร์เป็นพี่ของดาว หรือพี่ไม่เห็นว่าดาวเป็นน้อง”
“บ้า!พูดบ้าๆ ถ้าไม่คิดว่าเราเป็นน้องพี่ไม่งัดข้อกับพี่ตะวันเพื่อเธอหรอกย่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกคิดมาก แล้วนี่อีกกี่วันรถถึงจะเสร็จ”ดาวเหนือเริ่มเดินต่อพลางถามถึงรถของอีกฝ่าย พรายจันทร์ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะตอบ
“พี่ก็ไม่รู้ พี่ตะวันเขาจัดการให้”
“คุณตะวันเนี่ยนะ”ร่างโปร่งทวนคำอย่างสงสัยแกมประหลาดใจ เพราะร้อยวันพันปีไม่เห็นคุณพี่จอมเชิดจะมาใส่ใจซ่อมของของคนอื่น ดีแต่ทำลายอย่างเดียว พรายจันทร์อมยิ้มอย่างรู้ทันในความคิดที่แสดงออกทางน้ำเสียงของดาวเหนือ แล้วจึงเอ่ยแก้ตัวแทนพี่สาวคนโต
“พี่ตะวันเขาก็มีส่วนดีเหมือนกันนะดาว”
“ก็คงงั้น แต่ไม่ใช่กับดาว แล้วดาวก็ไม่มาหวังให้เขาดีกับดาว เพราะถ้าเป็นแบบนั้นดาวคงเครียดแย่”ดาวเหนือบอกเรียบก่อนจะเดินนำขึ้นบ้านใหญ่เพื่อไปส่งพรายจันทร์ ทิ้งให้พี่สาวคนรองได้แต่ส่ายหัวกับความเป็นอริในทุกอย่างของทั้งพี่และน้องไม่เว้นแม้แต่เรื่องความคิด!
“กลับมาอยู่บ้านเราซักทีนะหล่อน”คุณหญิงผกามาศเอ่ยทักหลานสาวคนเล็กที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาตอนวัยจะย่างเข้าเลขสามด้วยน้ำเสียงประชดประชันที่ไม่ใคร่จะจริงจังนัก ดาวเหนือตีหน้าตายตอบกลับผู้เป็นย่า
“ดาวกลัวคุณย่าคิดถึงดาวจนทนไม่ไหวจนน้ำตาลขึ้น เลยรีบกลับมา”
“ใคร๊! ใครคิดถึงหล่อนกัน หล่อนไม่อยู่สิดี ไม่ต้องมานั่งดูหน้าตายๆที่มันกวนประสาทฉันเหลือเกิน”คุณหญิงเถียงเสียงสูง ก่อนจะส่งค้อนน้อยๆไปให้ร่างโปร่งนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น สร้างความชื่นใจให้ผู้สูงวัย เพราะนอกจากพรายจันทร์แล้วไม่ค่อยมีใครจะมานั่งพับเพียบดั่งกุลสตรีไทยให้เห็นอีกเท่าไหร่ แม้ว่าดาวเหนือจะมีนิสัยที่เฉยชา การแต่งตัวที่แหวกแนวและกิจกรรมยามว่างที่ท่านรับไม่ได้แต่ในเรื่องมารยาทในการอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ของอีกฝ่ายกลับไม่เคยทำให้ท่านผิดหวังเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าไม่มีดาวมากวนประสาท คุณย่าคงเฉาไปนานแล้ว”
“ต๊าย!ดู ดูมันนะแม่มิน เถียงคำไม่ตกฟาก แถมยังมาว่าแม่เป็นต้นไม้อีก”คุณหญิงผกามาศแทบเต้นกับคำเปรียบเปรยของหญิงสาว ท่านส่งค้อนปะหลับปีเหลือกให้สะใภ้ใหญ่และหลานสาวคนรองที่นั่งหัวเราะคิกคักกันอยู่ ดาวเหนือคลานเข่าไปเกาะหัวเข่าของย่าก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้คุณหญิงถึงกับยิ้มหน้าบาน หายโกรธไปเลยทีเดียว
“ถึงคุณย่าจะเป็นต้นไม้ ก็เป็นต้นโพธิ์ที่ให้ร่มเงาแก่ผู้ที่มาพักพิง”
“ช่างพูดนะหล่อน เอาเถอะคราวนี้แล้วก็แล้วไป คราวหน้าก็ใจเย็นๆคุยกันดีๆ ยังไงก็พี่น้องกันนะยายดาว”หญิงสาวหน้าตึงเมื่อได้ฟังที่คุณหญิงพูด แล้วก็อดไม่ได้ที่จะย้อนกลับไป
“ประโยคนี้คุณย่าน่าจะไปพูดให้คุณตะวันฟัง”
“พูดกับเราก่อน เพราะเราน่ะมันยั่วโมโหง่าย ยายตะวันยั่วหน่อยเดียวก็ของขึ้น คราวหลังถือคตินิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว รู้ไหม?”
“ค่ะ”
“เมื่อได้รับคำตอบจากหลานสาวคนเล็กจนเป็นที่พอใจแล้ว คุณหญิงผกามาศจึงสั่งย้ายพลไปยังห้องอาหารทันที โดยให้เด็กรับใช้ไปตามคุณบุษบาให้ขึ้นมาร่วมรับประทานอาหารด้วยอีกคนโดยมีสายตาอาฆาตแค้นของตะวันฉายที่เพิ่งจะลงมาจากห้องของตนมองตามไป
“มาถึงก็มาเลียแข้งเลียขาทันทีเลยนะ นังตัวมาร!”หญิงสาวกัดฟันพูดกับตัวเอง มือเรียวกำราวบันไดเอาไว้แน่น ก่อนจะตวัดสายตามามองคนสนิทที่นั่งคอยื่นคอยาวอย่างสนใจ ก่อนจะออกคำสั่ง
“นังแวว ถ้านังดาวมันจะกลับแล้วแกรีบมาบอกฉันทันที!”
“ค่า คุณตะวัน”
หลังจากที่ดาวเหนือและมารดาร่วมรับประทานอาหารกับบ้านใหญ่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ขอตัวกลับไปยังบ้านของตนก่อน ส่วนมารดานั้น คุณมินตราและคุณหญิงผกามาศเรียกไว้เพื่อคุยเรื่องที่จะไปทำบุญด้วยกัน พรายจันทร์เองก็ขอตัวไปตรวจการบ้านของเด็กๆเช่นกัน
ร่างโปร่งเดินสบายๆ พลางแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ดูสะอาดตาเพราะไม่มีก้อนเมฆมาบดบังความงามของดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลาย อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงอีกต่างหาก แต่แล้วความสุขใจก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อแขนเรียวถูกกระชากเอาไว้อย่างแรง ดาวเหนือรีบหันไปกลับไปในทันที ดวงตาคมสวยแข็งกร้าวขึ้นมาทันควัน เธอรับรู้ได้ในทันทีว่าใครคือคนที่กระชากแขนของเธอ!
“กลับมาไม่ทันไรก็รีบเข้ามาเรียกคะแนนความสงสารจากคุณย่าเลยเหรอ นังดาวตก!”ตะวันฉายจิกเล็บไปบนเนื้อเนียนสวยของอีกฝ่าย พร้อมพูดเสียงเข้ม ดาวเหนือเองก็ไม่ยอมย้อนกลับแบบแทงใจดำเจ้าของร่างเพรียวระหงเบื้องหน้าทันควัน
“ก็ยังดีกว่าบางคน ที่ใครๆเขาก็ระอากับความเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจของคุณ คุณตะวัน!”
“ปากวอนแตกเหลือเกินนะ นังตัวดี! แต่เอาเถอะวันนี้ฉันไม่ได้จะมาเอาเรื่องเธอ แต่มีเรื่องบางเรื่องที่อยากจะเอามาเล่าเพื่อเธอจะได้หูตาสว่างกับเขาบ้าง”ตะวันฉายปล่อยแขนของอีกฝ่าย ซึ่งก็ถอยไปยืนห่างจากเธอทันที ร่างโปร่งมองพี่สาวคนโตอย่างไม่ไว้วางใจในรอยยิ้มที่ติดจะเยาะเย้ยอยู่หน่อยๆ
“เรื่องอะไรไม่ทราบ แล้วเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาถึงจะมาหวังดีกับฉัน”
“ไม่ได้หวังดีแค่เวทนาหล่อนที่โดนแฟนสวมเขาให้ เกิดมาไม่สวยแล้วยังโง่อีก”ตะวันฉายกอดอกปรายตามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างเหยียดๆ ดาวเหนือนิ่วหน้าก่อนจะเอ่ยปากถาม
“พี่พัดทำอะไร”
“จำที่ฉันเคยพูดได้ไหมว่า’พัดยศกับพรายจันทร์’น่ะ”
“เขาสองคนคบกันเหรอไง”
“ยัง แต่คงอีกไม่นาน เพราช่วงที่แกไม่อยู่นายพัดยศมารับ มาส่งยายจันทร์ทุกวัน ถ้าไม่มีใจให้เขาจะมาหาผู้หญิงที่ไม่ใช่แฟนตัวเองทำไม แต่ก็เอาเถอะฉันคิดอยู่แล้วว่าคนโง่ๆอย่างเธอคงจะคิดไม่ได้เลยมาช่วยบอกเอาบุญ”
“ไร้สาระ พี่จันทร์บอกกับฉันหมดแล้วว่าพี่พัดมาส่งเขาเพราะรถพี่จันทร์เสีย ก็เท่านั้น อย่ามาเสียมให้ฉันกับพี่จันทร์ทะเลาะกันเลยมันไม่ได้ผล เอาเวลาไปทำจมูกที่มันเริ่มเบี้ยวของคุณดีกว่า ลาล่ะ!”พูดจบแล้วร่างบางก็เดินกระแทกไหล่ตะวันฉายไปทันที ทิ้งให้สาวงามได้แต่ยืนร้องกรี๊ดๆอย่างแค้นใจ
“อีบ้า! คอยดูเถอะอีกไม่นานแกจะซ่าไม่ออก ฉันกะแล้วว่าแกต้องไม่เชื่อ แต่รับรองว่าคราวหน้าแกจะทั้งเชื่อ ทั้งช็อกเลยทีเดียว นังดาวอุบาทว์”หญิงสาวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินกระทืบเท้าขึ้นบ้านไป
ข้างฝ่ายดาวเหนือเมื่อกลับเข้าบ้านก็ขึ้นห้องของตนทันที ร่างโปร่งทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มก่อนจะคิดถึงเรื่องที่ตะวันฉายบอกเมื่อสักครู่ หญิงสาวไม่ได้รู้หึงหวงพัดยศแต่อย่างเพราตอนนี้ภายในใจของเธอนั้นมีภาพของใครอีกคนประดับอยู่
หากแต่ยังไม่ถึงเวลาที่เขาคนนั้นจะก้าวมายืนในตำแหน่งคนรัก ตราบใดที่เรื่องระหว่างพัดยศกับเธอยังไม่เคลียร์ และอีกฝ่ายเองก็มีคนในดวงใจแล้วด้วย เธอเคยคิดหาวิธีที่จะบอกเลิกอีกฝ่ายแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเขาไม่ผิดอะไรเลย
แต่มาวันนี้เรื่องที่ได้รับรู้แม้จะยังไม่ปักใจเชื่อแต่มันก็มากพอที่จะจุดประกายความคิดบางอย่างที่มันจะทำให้ตัวเธอค้นพบทางออกของปัญหาที่คาราคาซัง และยังช่วยส่งเสริมให้คนดีๆสองคนได้ลองดูใจกันอีกด้วย ร่างบางกระเด้งตัวขึ้นนั่งก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆอย่างคนตัดสินใจได้แล้ว
“พี่พัดกับพี่จันทร์งั้นเหรอ บางทีเรื่องมันอาจจะง่ายขึ้นก็ได้”
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับ คุณครูดวงจันทร์”เสียงเด็กน้อยทั้งชายหญิงดังขึ้น ทำให้คุณครูคนสวยที่ยืนอยู่ด้านหน้าโรงเรียนต้องอมยิ้มก่อนจะโบกมือลาหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่โบกมือตอบเธอก่อนจะก้าวไปยังรถของผู้ปกครองที่มารับ พรายจันทร์ลดมือลงก่อนจะหันไปรับไหว้เด็กหญิงอีกคนที่มีคุณแม่จูงออกมา
“บ๊ายบายค่ะน้องมิ้นต์ อย่าลืมทำการบ้านนะคะ”
“ค่า คุณครูดวงจันทร์”พรายจันทร์ยิ้มรับกับชื่อที่เหล่าเด็กๆเรียกขานเธอ ร่างบางทำหน้าที่ของตนต่อไปจนหมดเวลางาน หญิงสาวเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตนคว้ากระเป๋าและกองการบ้านนักเรียนที่เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วขึ้นมา ก่อนจะเดินออกไปที่หน้าโรงเรียน
“อ้าว!คุณครูกำลังจะกลับเหรอครับ”ลุงโพธิ์ ภารโรงประจำโรงเรียนเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคุณครูแสนใจดีที่หลานของตนชอบมาเล่าให้ฟัง แถมยังชอบซื้อขนมมาฝากแกและบุคคลากรอื่นๆในโรงเรียนยืนรอรถที่หน้าประตู
“ค่ะลุงโพธิ์ กำลังรอแท๊กซี่อยู่แต่ก็นานแล้วยังไม่เห็นมีมาสักคัน”ร่างบางบ่นน้อยๆ ส่วนลุงโพธิ์พอได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะเบาๆก่อนจะไขข้อข้องใจให้หญิงสาว
“โอ๊ย!แท๊กซี่ช่วงนี้หายากครับครู เพราะเวลานี้ส่วนใหญ่เขาไปส่งรถกันที่อู่ ต้องรอหลังจากนี้ซักชั่วโมง”
“ตายจริง!เป็นชั่วโมงเลยเหรอคะ”
“ก็ไม่แน่หรอกครับ บางทีอาจจะมีหลงมาซักคัน ว่าแต่ปกติมีแฟนมารับไม่ใช่เหรอครับ”ลุงโพธิ์พูดออกไปตามที่แกเคยเห็น เป็นที่รู้กันดีว่าช่วงนี้รถของคุณครูคนสวยเข้าอู่ แต่ว่าก็มีหนุ่มหล่อ มีสง่าราศีมาคอยรับส่งอยู่ทุกวัน แต่วันนี้เห็นมาเฉพาะตอนเช้าตอนเย็นยังไม่เห็น สงสัยจะทะเลาะกัน แกคิดในใจ
“ไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ แฟนน้องสาว พอดีเขาเห็นว่ารถจันทร์เสีย อีกอย่างเป็นทางผ่านไปบริษัทเขาพอดีเลยอาสามารับ มาส่ง เผอิญวันนี้เขาติดธุระจันทร์เลยกลับเอง เฮ้อ!”พรายจันทร์แก้ความเข้าใจผิดของลุงภารโรงคนขยัน หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจกับการที่ต้องรอรถนานๆ
“แล้วกันลุงต้องขอโทษด้วย เอางี้เดี๋ยวลุงไปเรียกรถให้นะครับ”ว่าแล้วแกก็ออกเดินไปทางหน้าปากซอย เร็วเสียจนหญิงสาวเรียกเอาไว้ไม่ทัน ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินไปเรียกรถให้ ห้านาทีต่อมาลุงโพธิ์ก็กลับมาพร้อมแท๊กซี่คันหนึ่ง
“ขอบคุณมากค่ะลุงโพธิ์ จันทร์กลับก่อนนะคะ”พรายจันทร์ขอบคุณอีกฝ่ายก่อนจะก้าวขึ้นรถไป ลุงโพธิ์มองตามท้ายรถแท๊กซี่ไป ก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ของตนต่อเมื่อรถลับตา ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง
“จันทร์กลับมาแล้วค่ะคุณแม่ คุณย่า”ร่างบางร้องบอกพร้อมกับถอดรองเท้าไปด้วย ก่อนจะนิ่วหน้าน้อยๆเพราะไม่ได้ยินเสียงของคนทั้งคู่ตอบรับ มีเพียงเด็กรับใช้ที่เดินออกมารับของในมือเธอไปถือ หญิงสาวจึงรีบถาม
“คุณแม่กับคุณย่าไปไหนล่ะน้อย”
“ไปทำบุญเก้าวัดกับคุณบุษค่ะ ไปกันตั้งแต่เช้า หลังคุณจันทร์ไม่นาน คงจะกลับมืดๆค่ะ”
“อ๋อ! ขอบใจมากนะน้อย เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปทำงานถึงเวลาอาหารแล้วค่อยมาเรียกก็แล้วกันนะจ๊ะ”พรายจันทร์บอกกับสาวใช้ก่อนจะขึ้นไปยังห้องของตนเองเพื่อตรวจการบ้านและเตรียมการสอนสำหรับวันพรุ่งนี้ต่อไป ในขณะเดียวกันที่โรงเรียนอนุบาลที่เธอทำงานพัดยศกำลังยืนรอหญิงสาวอยู่อย่างกังวลเพราะว่าวันนี้เขามาสายแล้วไม่ได้บอกอีกฝ่ายไว้ก่อน และชายหนุ่มคงจะยืนรออยู่อีกนานหากลุงโพธิ์ไม่ได้เดินออกมาที่หน้าโรงเรียนอีกครั้ง เพื่อเอากุญแจห้องเก็บของ
“อ้าวคุณ!มารับครูจันทร์เหรอครับ”
“ครับลุง ช่วยไปบอกน้องจันทร์ให้หน่อยได้ไหมครับว่าผมมารับแล้ว”
“ครูจันทร์กลับไปต้องนานแล้วครับคุณ”พัดยศขมวดคิ้วก่อนจะถามกลับทันที
“กลับไปแล้ว? กลับไปยังไงครับลุง แล้วไปนานหรือยัง”
“แกให้ลุงไปเรียกรถแท๊กซี่ให้น่ะ ซักครึ่งชั่วโมงได้ อ้าว”ลุงโพธิ์คำนวณเวลา ก่อนจะร้องออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งแกให้ยืนเกาหัวอย่างงๆ
“วุ้ย!หนุ่มสาวสมัยนี้ มาไวไปไวจริงโว้ย!”
“ตกลงเรื่องไปกระบี่วันเสาร์นี้เอาไง จะขับรถไปเองหรือนั่งรถทัวร์”ตรีทิพย์ถามเพื่อนรักถึงการเดินทางไปจังหวัดกระบี่ ขณะนี้เธอมานั่งอยู่ที่สนามหน้าบ้านของอีกฝ่ายเพื่อเอาแปลนห้องพักที่เป็นชิ้นล่าสุดมาให้ เนื่องจากว่างานชิ้นใหม่ของพวกเธอนั้นคือโรงแรมหรูที่ต้องการมือโปรไปช่วยตกแต่งห้องพักแขกและห้องอื่นๆ งานชิ้นนี้เป็นงานเร่งด่วนเพราะเจ้าของโรงแรมต้องการให้เสร็จทันวันเปิดตัวสิ้นเดือนนี้ซึ่งก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามสัปดาห์ ทำให้เมืองแมนเจ้านายและรุ่นพี่ที่เคารพต้องสั่งให้พวกเธอวางมือจากงานที่ทำอยู่มาทำงานนี้ก่อน และก็ต้องไปดูสถานที่จริงแต่ติดปัญหาที่ว่าจะเดินทางไปอย่างไร ดาวเหนือวางกระดาษในมือลง ดวงตาคู่สวยมองหน้าเพื่อนนิ่งๆก่อนถามออกมา
“แกรู้ทางหรือเปล่าล่ะ”
“ถ้ารู้จะให้ตัวเลือกทำไม ตกลงรถทัวร์นะ”
“คงต้องอย่างนั้น เปลืองเงินอีกแล้ว”
“เดี๋ยวค่อยมาเบิกพี่เมืองเอาแล้วกัน ว่าแต่ไม่มีทางประหยัดเลยหรือไงเนี่ย”ตรีทิพย์บอกก่อนจะบ่นออกมาบ้าง เพราะถึงแม้จะเบิกได้แต่ก็อีกนานกว่าจะทำเรื่องเสร็จยังไงก็ต้องเข้าเนื้อพวกเธอก่อนอยู่ดี หญิงสาวนั่งคิดหาทางประหยัดต่อไป ส่วนดาวเหนือก็หยิบเอาแปลนงานขึ้นมาศึกษาต่อ ผ่านไปไม่นานหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งเพราตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นใกล้ๆตน
“อะไรของแก โวยวายออกมาได้”ดาวเหนือดุเพื่อนสาวทั้งปากทั้งตา ที่อยู่ดีๆก็ตะโกนออกมา ตรีทิพย์ไม่ใส่ใจน้ำเสียงของเพื่อน ใบหน้ารูปหัวใจนั้นกระจ่างใสพร้อมรอยยิ้มกว้างตอบกลับ
“ฉันรู้แล้วว่าเราจะประหยัดค่าใช้จ่ายของโปรเจกต์นี้ได้ไง”
“ยังไง”
“แปปนะ ขอคุยกับเขาก่อน”ว่าแล้วก็ควักโทรศัพท์ออกมา จัดการต่อสายไปยังเป้าหมายทันที รอเพียงไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย หญิงสาวกรอกเสียงหวานลงไปแต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้ดาวเหนือที่กำลังงๆอยู่เข้าใจแจ่มแจ้งทันทีว่า ’เขา’ ของเพื่อนน่ะคือใคร
“พี่ตฤณจ๋า!”
“อะไรยัยตัวยุ่ง เสียงหวานแบบนี้แสดงว่าจะจิกหัวใช้อะไรพี่อีกล่ะ”ตฤณย้อนถามน้องสาวจอมแสบของตนเองอย่างรู้ทัน ตรีทิพย์ค้อนใส่โทรศัพท์จนดาวเหนือต้องหัวเราะออกมา
“แหม!จิกหัวอะไรกัน พี่ตฤณก็พูดไป คือว่าวันเสาร์นี้พี่ตฤณว่างป่ะ”หญิงสาวเข้าเรื่องทันที ตฤณเลื่อนเก้าอี้ไปยังปฏิทินก่อนบอกกับน้องสาว
“ก็ว่างนะ ปกติก็ปิดร้านวันเสาร์อาทิตย์อยู่แล้ว ทำไมเหรอ”
“แบบว่าตาลกับยายดาวต้องไปกระบี่กันน่ะ แต่ว่าขับรถไปเองไม่เป็น ทีนี้จะไปรถทัวร์กันก็ไปกันแค่ผู้หญิงสองคนเอง เลยว่าจะขอให้พี่ตฤณขับรถไปส่งหน่อยน่ะได้ม้า~”
“ทำไมไม่ไปเครื่องบินล่ะ ปลอดภัยดีนะ”ตฤณแกล้งถามกลับเพราะรู้ว่าที่อีกฝ่ายอยากให้เขาไปส่งน่ะเพราะกลัวเปลืองเงิน แต่ด้วยความอยากรู้ว่าน้องสาวคนเก่วก็ตนจะแถไปได้กี่น้ำ อันที่จริงเขาตกลงตั้งแต่รู้ว่าผู้โดยสารอีกคนคือใครแล้ว!
“โธ่! พี่ตฤณอ่ะ ไปกันแต่ผู้หญิงไม่ว่าจะไปรถทัวร์ รถไฟ หรือเครื่องบินมันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี แต่ถ้าพี่ขับไปให้ก็เท่ากับไปสามชายหนึ่ง หญิงสอง ปลอดภัยเห็นๆ เพราะผู้ชายต้องปกป้องผู้หญิง และที่สำคัญพี่ต้องปกป้องน้อง!”ตรีทิพย์สรุปจบเสียงจริงจัง จนตฤณต้องหัวเราะออกมาเช่นเดียวกับดาวเหนือที่อมยิ้มกับกระดาษเบื้องหน้า ตรีทิพย์ค้อนเพื่อนก่อนจะแหวใส่ปลายสาย
“ตกลงว่าไงอ่ะ จะไปส่งหรือไม่ไปห๊ะ พี่ตฤณ!”
“โอเคๆ ไปก็ไป ว่าแต่เราจะไปกี่วันล่ะ ให้พี่รอรับกลับด้วยไหม”
“แน่สิ! ที่ไปเนี่ยไปดูลาดเลาก่อน เดี๋ยวค่อยไปอีกครั้งทีหลัง คราวนี้คงไปหลายวันหน่อย”
“งั้นวันเสาร์นี้เราไปรับดาวเหนือที่บ้านแล้วกัน ฝากบอกเขาด้วยล่ะ สักประมาณเจ็ดโมงเช้า ไปถึงจะได้ไม่มืด”ตฤณกะเวลาก่อนจะวางสายเมื่อตรีทิพย์ตอบรับ ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักแล้วหยิบกรอบรูปที่อยู่ข้างในขึ้นมามอง ยิ้มบางๆปรากฎขึ้นบนริมฝีปากหยักสวย
“ถึงจะแค่สองวันแต่ก็ได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้วนะครับ ดวงดาวของพี่”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2554, 06:38:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2554, 06:38:23 น.
จำนวนการเข้าชม : 1859
<< ตอนที่ 12 | ตอนที่ 14 >> |

Setia 17 เม.ย. 2554, 18:39:46 น.
แหม คุณตฤณ เล่นตัวนะเนี่ย ที่จริงตกลงไปตั้งแต่ได้ยินชื่อยายดาวแล้วไม่ใช่เหรอ
แหม คุณตฤณ เล่นตัวนะเนี่ย ที่จริงตกลงไปตั้งแต่ได้ยินชื่อยายดาวแล้วไม่ใช่เหรอ