อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 16

ตอนที่ 16

ร่างสองร่างเดินเคียงกันตรงมายังรถ ทำให้สองหนุ่มสาวคู่กัดที่ทำสัญญาสงบศึกกันชั่วคราวต้องมองหน้ากัน แล้วหันกลับไปส่งยิ้มกริ่มให้คู่รักคู่ใหม่ที่มีท่าทางเขินอายกัน ไม่ใช่เพราะน้องและเพื่อนยิ้มแซว แต่เป็นคนรอบข้างต่างหากที่เดินผ่านไปมาก็พากันชี้ชวนให้ดู ‘คู่รักกลางคลอง’ เหตุเพราะฝ่ายชายเล่นคุกเข่าขอความรักกลางคลองสองน้ำกันเลยทีเดียว ทั้งคู่กลายเป็นดาราจำเป็นกันไปเลย บางคนขอถ่ายรูปเป็นระลึก บางคนก็มาขออนุญาตเอาวีธีนี้ไปใช้บ้าง และอีกหลายต่อหลายอย่าง กว่าทั้งคู่จะมาถึงรถก็ใช้เวลาไปนานโข

“แหมๆ เดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วทั้งพี่ ทั้งเพื่อนเรา นายว่าม่ะ”ตรีทิพย์เริ่มคนแรก ฝ่ายวีกิจก็รับลูกเป็นอย่งดี

“เห็นด้วยเลย เดินไปไหนมีแต่คนขอถ่ายรูป ขอจับมือ แต่บอกตรงๆว่ะพี่ วันนี้พี่โคตรได้ใจผมเลย”ชายหนุ่มเอากำปั้นทุบหน้าอกตัวเอง แล้วไปกระแทกลงบนอกของชายหนุ่มรุ่นพี่เบาๆประกอบคำพูด ตฤณยกมือข้างที่ว่างขึ้นเกาท้ายทอยเขินๆ ใบหน้าขาวๆแดงก่ำ เช่นเดียวกับร่างโปร่งข้างกายที่ยิ้มไม่หุบ เป็นของแปลกสำหรับเพื่อนรักที่คบกันมานาน

“พี่ตฤณเก่งมากที่ทำให้เสือยิ้มยากอย่างไอ้ดาวยิ้มได้ พี่พัดยังทำไม่ได้เลย”ชื่อบุคคลที่สามที่หลุดออกมาทำเอาทุกอย่างชะงัก ตฤณเผลอบีบมือคนข้างๆ วีกิจเอามือตบหน้าผากตัวเองก่อนจะล็อกคอร่างบางให้หันมาทางตน

“บ้าเหรอคุณ! พูดถึงทำไม เสียบรรยากาศหมด”ตรีทิพย์หน้าจ๋อย พึมพำขอโทษออกมาเบาๆ ตฤณหันไปมองหญิงสาวข้างกาย ตอนที่เดินออกมาดาวเหนือเล่าให้เขาฟังหมดแล้วถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทางกรุงเทพ รวมไปถึงเรื่องอื่นๆอีกด้วย นอกจากนั้นอีกฝ่ายยังบอกว่าตกใจเหมือนกันที่รู้ว่าคนที่เขาแอบรักคือตนเอง เมื่อมองแล้วไม่เห็นอาการผิดปกติก็เบาใจ เขาไม่หวงหากอีกฝ่ายจะยังเศร้าเพราะยังไงก็คบกันมานาน แต่เขาเป็นห่วงเสียมากกว่าเพราะฝ่ายหญิงคือพี่สาวของดาวเหนือเอง

“ไม่เป็นไรหรอกคุณวี อันที่จริงฉันมีเรื่องจะบอกแก”ว่าแล้วทุกคนก็เดินตามดาวเหนือขึ้นไปบนรถ หญิงสาวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพให้อีกสองคนที่เหลือฟังอีกครั้งระหว่างไปยังร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหารเย็นก่อนกลับโรงแรม ระหว่างที่เล่าไปก็มีเสียงร้องอย่างตื่นตะลึงของตรีทิพย์ดังเป็นระยะ จนสุดท้ายเมื่อเล่าจบอีกฝ่ายจึงออกความเห็นอย่างอคติทันที

“ฝีมือยัยตะวันดับนั่นแน่ ฉันขอฟันธง!”

“เราไม่มีหลักฐาน อย่าไปปรักปรำใครส่งเดช ยายตาล เขาฟ้องกลับข้อหาหมิ่นประมาทได้นะ”ตฤณปรามน้องสาวที่จ๋อยลงไป แต่ยังไม่วายเถียง

“ก็มันจริงนี่นา พี่ตฤณไม่เคยเจอฤทธิ์เดชแม่เจ้าประคุณ พี่ตฤณไม่รู้หรอก”

“ดาวเองก็คิดแบบเดียวกันกับตาล แต่อย่างที่พี่ตฤณว่าไม่มีหลักฐาน จะเล่นงานคนอย่างคุณตะวัน จะต้องให้ครบทั้งพยาน ทั้งหลักฐาน มีอย่างหนึ่งอย่างใด เขาก็รอดได้อยู่ดี”หญิงสาวบอก ฝ่ายคนที่นั่งฟังเงียบๆก็ได้เวลาถามขึ้นมาทันที

“ผู้หญิงที่ชื่อตะวัน อะพไรเนี่ยเขาร้ายมากเหรอครับ คุณดาว”ดาวเหนือกำลังจะตอบ คนที่รู้เช่นเห็นชาติตะวันฉายดีไม่แพ้เธอ เพราะขับเคี่ยวกันมานานก็เป็นฝ่ายชิงตอบก่อน ทั้งเรื่องจริงบ้าง ใส่สีบ้าง

“อย่าให้ต้องพูดเลยคุณ ร้ายสุดๆ ร้ายแบบว่านางร้ายในละครยังสู้ไม่ได้ เหมือนคนโรคจิตอ่ะ ไม่รู้จะตามแค้นอะไรนักหนา เรื่องตั้งแต่ไอ้ดาวยังไม่เกิด แล้วพวกผู้ใหญ่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้ว ก็ยังเอามาคิด”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ใช่ อย่างว่าแหละ คนคนนั้นอยากได้อะไรก็ได้ ไม่เคยมีคำว่าไม่ได้อยู่ในชีวิตของเขา พี่จันทร์ก็ยอมให้ คุณลุงคุณป้ามิน คุณป้าบุษ คุณย่า แล้วยังพวกญาติๆก็ยกให้เป็นที่หนึ่ง นางฟ้าประจำบ้าน พวกเขาไม่รู้หรอกว่าแม่นั่นน่ะ นางมารชัดๆ”ตรีทิพย์จบประโยคอย่างโมโหๆหน่อยๆ โมโหแทนเพื่อนที่ต้องเป็นฝ่ายโดนเล่นงานทั้งๆที่ไม่มีความผิดอะไร ผิดอยู่อย่างที่ดันเกิดมาเป็นลูกเมียน้อย

“แล้วเขาเคยทำร้ายร่างกายดาวบ้างไหม”ตฤรที่ได้ฟังที่น้องสาวพูดเริ่มกังวล เพราะไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่จะได้มาคบกันนั้นอีกฝ่ายเคยโดนตะวันฉายเล่นงานมาหนักขนาดไหน ดาวเหนือกุมมือคนรักป้ายแดงพร้อมส่งยิ้มประจบอย่างที่ไม่ได้ทำกับใครไปให้แล้วบอก

“ก็เคยมีโดนตบบ้าง แต่ดาวไม่ปล่อยให้เขาตบดาวฝ่ายเดียวหรอก ดาวบอกตรงๆนะพี่ตฤณ ดาวไม่ใช่นางเอกที่จะมานั่งร้องไห้พอโดนแกล้ง ดาวมีมือแล้วดาวก็ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเขา พอเขาตบมาดาวก็ต่อยกลับ แต่ไม่บ่อยหรอก จะลงไม้ลงมือกันบ้างก็ตอนที่เลือดขึ้นหน้า นอกนั้น...”หญิงสาวยักไหล่ ก่อนจะต่อจนจบประโยค “ฟาดฟันกันด้วยคำพูด พี่ตฤณรับได้ไหม”

“ดีแล้วดาว ดาวเป็นนี้แหละพี่ถึงได้รักไง ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อพี่ ไม่จำเป็นต้องยอมเขา ขอแค่อย่าทำอะไรให้ตัวเองต้องเจ็บก็พอ พี่เป็นห่วง ทุกอย่างที่เป็นดาวพี่รับได้หมด”ตฤณลูบกลุ่มผมนุ่มของหญิงสาวเบามือ ดาวเหนือมองสบตาที่เต็มไปด้วยความความรักความห่วงใยของอีกฝ่ายอย่างซึ้งใจ แต่แล้วบรรยากาศหวานแหววก็มีอันต้องพังทลายลงเพราะคนขี้อิจฉาสองคน

“โอ๊ย!คุณวีสั่งน้ำมะนาวให้ฉันที รู้สึกว่าอาหารวันนี้มันจะ ’หวาน’ เกินน้ำตาลไปมากโข รู้สึกเลี่ยน!”ตรีทิพย์วางช้อนลงมองค้อนพี่ชายและเพื่อนที่ทำราวกับว่าอยู่กันแค่สองคนบนโลกอย่างหมั่นไส้แต่ลึกๆก็ดีใจกับคนทั้งสองที่พบกับความสุขที่รอคอยซักที แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด! อาจจะเพราะว่านับแต่นี้ไปเธออาจจะโดนแย่งเพื่อน! วีกิจมองคนข้างอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายแวดใส่

“คุณไม่ต้องไปอิจฉาพี่ตฤณเขาหรอก ถ้าอย่างหวานบ้าง เดี๋ยวผมจัดให้”

“ไปให้ไกลเลยไป๊! ใครเขาอยากจะหวานกับเสือผู้หญิงอย่างนายกัน เผลอเป็นแตะนู่นนี่นั่น มือไวอย่างกับลิง”

“แหม ไวกับคุณคนเดียวแหละน่า อ๊ะ อ๊ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมยอมรับนะว่าครั้งแรกผมตั้งใจ มันเป็นเหตุสุดวิสัย”ชายหนุ่มรีบเอ่ยปรามร่างบางที่ทำท่าจะมั่วเอาการยอมรับเรื่องมือไวของเขากับเรื่องที่เขาสะดุดล้มแล้วมือเจ้ากรรมเผลอไปโดนบั้นท้ายคุณเธอเขาให้ จนเป็นเหตุให้เขาโดนตบหน้าหันเมื่อหลายเดือนก่อน และมันก็เป็นครั้งแรกที่เขาสนใจผู้หญิงที่อยู่ความคาดหมายของเขาอย่างเธอ ตรีทิพย์ทำปากยื่นอย่างไม่พอใจที่โดนรู้ทัน

“ร้อนตัว! ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ”

“ก็เพราะผมดักทางไว้ก่อนแล้วไง ไม่งั้นคุณพูดออกมาแล้ว”

“บ้า! ไอ้บ้าวีกิจ”เมื่อเห็นว่าเถียงไปก็แพ้ ตรีทิพย์เลยตะโกนใส่หูอีกฝ่ายเสียเลย

“ครับผมบ้า แต่บ้ารักคุณนะ”จบประโยคนั้น สรรพเสียงทุกสิ่งรอบกายก็พลันเงียบลง ตฤณกับดาวเหนือมองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองร่างของน้องสาวและเพื่อนสาวที่แข็งค้างไป มือที่ยกขึ้นหมายจะทุบอีกฝ่ายชูค้างอยู่กลางอากาศ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ปากอ้าค้าง แล้วใบหน้าที่ขาวอมชมพูก็เริ่มแดงขึ้น แดงขึ้น จนหน้ากลัว ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุกลับนั่งแทะน่องไก่สบายใจไป ตรีทิพย์ที่สติกลับมาแล้วหายใจเข้าถี่ๆก่อนจะรวบรวมแรงที่มีอยู่ผลักคนที่นั่งแทะไก่ตกเก้าอี้ไป ตามด้วยบทสวดอีกชุดใหญ่

“ไปตายซะไอ้บ้าวีกิจ หน๊อย!บอกรักคนอื่นแล้วนั่งแทะไก่ต่อเนี่ยนะ ทุเรศที่สุด!”


“วันนี้คุณจันทร์ก็หยุดงานเหรอคะคุณพี่”คุณบุษบาถามคุณมินตราที่ยืนมองลูกสาวคนเล็กของตนนั่งซึมอยู่ที่ศาลาทรงไทยริมน้ำ คุณมินตราหันใบหน้าอันเคร่งเครียดมาหาอีกฝ่ายแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา คุณบุษบานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามตามทันที

“ตอนแรกก็ว่าจะไปอยู่ แต่พี่ดูสภาพแล้วขืนให้ไปมีหวังไปทำลูกเขาหาย คงยุ่งหนักกว่าเดิม เลยให้หยุดไปก่อนซักอาทิตย์ พี่โทรไปลางานให้แล้วล่ะ..."คุณมินตราถอนหายใจ แล้วถามกลับ

“...ว่าแต่ยายดาวบอกว่าไม่เป็นไรจริงนะ”

“ค่ะ แกบอกว่าเลิกกับตาพัดไปนานแล้ว”คุณบุษบาบอกตามที่ลูกสาวบอกมา คุณมินตราถอนหายใจหนักกว่าเดิมพลางบ่นอย่างเหนื่อยใจ

“วัยรุ่นสมัยนี้นี่มันอะไรกัน รักๆเลิกๆพี่ล่ะปวดหัว”

“แล้วนี้คุณชนะว่าอย่างไรบ้างคะ”คุณบุษบาถามถึงสามีที่ตอนนี้ยังไม่กลับจากทำงาน เพราะเมื่อคุณชนะชัยได้ฟังเรื่องราวครั้งแรก ท่านไม่พูดอะไร แต่เดินหน้าถมึงทึงขึ้นห้องไปเลย ส่วนคุณหญิงผกามาศก็เป็นลมแล้วเป็นลมอีก ตอนนี้ก็ออกไปวัดเพื่อนั่งสมาธิสงบจิตใจ คุณมินตราถอนใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่ทราบได้เมื่อนึกถึงสามี

“ไม่พูดอะไรเลย ไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ พี่ยังกลัวอยู่เลยว่าพรุ่งนี้เขาจะอยู่รอพบหน้าฝ่ายนู้นหรือเปล่า กลัวใจจริงๆ”

“เดาอารมณ์ยากเวลามีปัญหา ตรงนี้แหละค่ะ ที่คุณชนะต่างจากลูกๆทุกคน”

“ไม่หรอก มีอยู่คนนึงได้ไปเต็มๆ”

“ใครคะ”

“ยายตะวันไง เธอดูออกเหรอว่าเขาคิดอะไรอยู่ สิ่งที่คิดกับสิ่งที่แสดงออกมันต่างกันราวฟ้ากับเหว บางทีพี่ก็คิดนะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับยายจันทร์ ยายตะวันอาจจะอยู่เบื้องหลังก็ได้”คุณมินตราบอกในสิ่งที่คิด เพราะว่าวันนั้นตะวันฉายพาเธอตรงไปโรงแรมนั้นเลยไม่แวะที่อื่น ดูมั่นใจเกินไป คุณบุษบายกมือทาบอก ค้อนภรรยาหลวงเล็กน้อยโทษฐานที่มาว่าหญิงสาวสุดที่รักของเธอ

“คุณพี่ล่ะก็คิดไปได้อย่างไรค่ะ คุณตะวันน่ะถึงจะอารมณ์ร้ายแต่ก็ไม่มีทางทำแบบนั้นกับน้องตัวเองได้ลงคอหรอกค่ะ”

“นี่บุษ เธอนี่นะเข้าข้างยายตะวันมากกว่าแม่แท้ๆอย่างพี่เสียอีก แล้วยังไม่ได้บอกเลยว่ามันเป็นเรื่องจริง พี่ก็แค่เดาเอา”

“ก็แหม คุณพี่พูดเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้นี่คะ”คุณบุษบาแก้ตัวเสียงอ่อย คุณมินตราค้อนกลับก่อนจะพูดคล้ายเตือนตัวเอง

“ไม่มีอะไรในโลกนี้เป็นไปไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับโอกาสและเวลาต่างหาก จำไว้”

“ค่ะ คุณพี่”

“ว่าแต่ยายดาวจะกลับมาวันไหนล่ะ”

“เห็นบอกว่าวันนี้ค่ะ คงจะมาถึงเย็นๆ”

“อืม ยายจันทร์ไม่ร่าเริงเลย ถามคำตอบคำ ข้าวปลาก็กินเหมือนแมวดม ถ้ายายดาวมาอาจจะดีขึ้นบ้าง”คุณมินตราหวังลึกๆว่าลูกสาวคนเล็กของบ้านจะสามารถทำให้พรายจันทร์ร่าเริงขึ้นได้ คุณบุษบาเองก็หวังอย่างนั้นเธอไม่อยากเห็นหญิงสาวที่น่ารักคนนั้นต้องมานั่งซึม หมดอาลัยตายอยากกับชีวิตแบบนี้


พรายจันทร์นั่งเหม่อมองสายน้ำอย่างไร้จุดหมาย พยายามไม่คิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายหยาดน้ำใสๆก็ไหลริน เธอไม่อยากจะเชื่อว่าสุดท้ายเธอจะกลายเป็นคนแย่งแฟนน้อง และเธอก็ไม่อยากจะเชื่อว่าพัดยศจะเป็นคนแบบนี้ คืนนั้นหลังจากที่ดื่มไวน์แก้วสุดท้ายที่เป็นอภินันทนาการของตะวันฉายเสร็จแล้ว ทั้งเธอและพัดยศก็คุยกันเรื่อยเปื่อยถึงเรื่องต่างๆ สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้ก็คือเธอกำลังเดินไปที่รถของเขาแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีก รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเธอนอนอยู่บนเตียง เนื้อตัวเปล่าเปลือยมีมารดานั่งอยู่เคียงข้าง ส่วนพี่สาวกำลังเล่นงานชายหนุ่มหนึ่งเดียวในห้องที่สภาพไม่ได้ดีไปกว่าเธอเท่าใดนัก

ในเวลานั้นเธอทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออก ยิ่งเมื่อเห็นสายตาที่ชายหนุ่มมองมาสื่อออกถึงความคลางแคลงใจบางอย่างที่เธอเองก็พอรู้ว่ามันคืออะไร พัดยศคงคิดว่าเธอและตะวันฉายร่วมกันจัดฉากเรื่องนี้ขึ้นมาแน่! แม้เขาจะไม่ได้แย้งอะไรเรื่องที่มารดาของเขาบอกให้แต่งงานกับเธอและมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ เธอรักเขาแต่ไม่ได้อยากจะได้มาด้วยวิธีแบบนี้ เธอต้องการให้เขารักไม่ใช่ความรับผิดชอบ อีกทั้งยังมีเรื่องของดาวเหนือน้องสาวที่น่ารักของเธอ เธอไม่สามารถทำร้ายคนที่เธอรักทั้งคู่ได้ และที่สำคัญเธอคิดว่าเรื่องนี้ตะวันฉายต้องมีส่วนเกี่ยข้องแน่นอน! เพราะฉะนั้นทางออกของเรื่องนี้เธอได้เลือกเอาไว้แล้ว เธอจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของตะวันฉายเป็นแน่!

“มานั่งซึมอะไรจ๊ะ ว่าที่เจ้าสาว”เสียงหวานบาดหูของตะวันฉายดังขึ้นทางด้านหลัง พรายจันทร์เหลือบตาไปมองเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมามองสายน้ำเช่นเดิม ไม่สนใจคนที่เพิ่งเดินเข้ามาซักนิด

“อะไรกัน พี่ถามทำไมไม่ตอบล่ะยายจันทร์”พรายจันทร์ยังคงเงียบต่อไป ทำเอาคนที่อารมณ์ไม่คงที่เกิดอาการของขึ้น ร่างระหงก้าวฉับๆเข้ามากระชากไหล่น้องสาวอย่างแรง แล้วตะคอกใส่

“แกเป็นอะไรห๊ะ ฉันถามทำไมไม่พูด!”

“ก็เพราะว่าจันทร์ไม่อยากคุยกับพี่ตะวันไงคะ”หญิงสาวสะบัดตัวหลุด ก่อนจะเดินกลับไปยังตัวบ้าน ตะวันฉายอึ้งก่อนจะรีบวิ่งไปดักหน้า

“แกหมายความว่าไง ไม่อยากคุยกับฉัน ฉันเพิ่งงจะช่วยไม่ให้แกต้องเสียตัวฟรีไปนะ ยายจันทร์ ไม่สำนึกบุญคุณกันเลยใช่ไหม”

“ก็ถ้ามันไม่ใช่เพราะพี่ตะวันจัดฉากขึ้นมาล่ะก็ จันทร์ก็อยากจะขอบคุณอยู่หรอก แต่นี่ให้ตายจันทร์ก็ขอบคุณคนอย่างพี่ไม่ลง!”ร่างบางขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยทำ ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆเอ่อคลออยู่ แววตาที่แสดงออกมามีแต่ความเสียใจและผิดหวัง ก่อนจะเดินต่อไป

เพี้ยะ!

ตะวันฉายที่โกรธจนตัวสั่น วิ่งไปกระชากไหล่อีกฝ่ายให้หันมาหาแล้วฟาดฝ่ามือลงไปบนใบหน้ารูปหัวใจของน้องสาวอย่างแรง พรายจันทร์หน้าหันแล้วลงไปกองกับพื้น มือกุมใบหน้าซีกที่โดนตบเอาไว้ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองฝ่ายกระทำอย่างตกตะลึง เพราะแม้จะกระทบกระทั่งกันบ้างแต่ตะวันฉายไม่เคยลงมือกับเธอมาก่อน ยกเว้นกับดาวเหนือที่เธอเห็นว่าต้องประลองฝีมือกันทุกครั้งไป

“แกจำเอาไว้นะ! อย่าได้มาพูดจาอวดดีกับฉัน! ไม่งั้นฉันจะไม่นับว่าแกเป็นน้อง แล้วแกจะโดนเล่นงานแบบที่นังดาวมันโดน คอยดู!”หญิงสาวใช้นิ้วชี้ผลักศรีษะคนที่กองอยู่กับพื้นอย่างแรง ก่อนจะเดินจากไป พรายจันทร์ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บใจ เจ็บใจที่ต้องเป็นฝ่ายโดนทำร้ายจิตใจอยู่ตลอดเวลาจากคนที่เธอรักทั้งสองคน และเจ็บใจที่ไม่เคยจะทำอะไรกลับไปได้เลยสักครั้ง ร่างบางดันตัวเองให้ลุกขึ้น แล้วเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงกลับขึ้นไปทางด้านหลังบ้าน เพื่อไม่ให้มารดาไม่สบายใจที่เห็นสภาพเธอ


“เข้าไปในบ้านก่อนไหม พี่ตฤณ”ดาวเหนือถามคนรัก ก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นหน้าแหยๆของเขา และก็คำแซวของผู้โดยสารสาวจอมป่วนที่ชะโงกหน้ามาแกล้งพี่ชายตนเองจากเบาะหลัง

“โอ๊ย!อย่าเพิ่งชวนเลยไอ้ดาว พี่ตฤณเขายังไม่พร้อมเจอว่าที่พ่อตา แม่ยาย คุณป้าและก็คุณย่าของแก แบบว่าไม่ได้เตรียมตัวมาไรงี้”

“เดี๋ยวเถอะยายตาล นั่งเงียบไปเลยนะ คุณวีพี่ฝากที”ชายหนุ่มบอกกับอีกหนึ่งหนุ่มที่ยิ้มร่าแล้วรีบลงจากที่นั่งด้านข้างคนขับไปนั่งในตอนหลังที่เขาหมายมาดเอาไว้ตั้งแต่แรก ติดที่ว่าตรีทิพย์สกัดดาวรุ่งดึงเอาเพื่อนสาวมานั่งด้วยเสียก่อน เขาเลยต้องทำใจนั่งหน้าคู่กับว่าท่พี่ชายมาจนถึงกรุงเทพ ฝ่ายตฤณเมื่อเห็นว่าน้องสาวจอมแสบเจอผู้คุมมือฉกาจแล้วก็ลงมายืนข้างคนรักสาวที่ยืนรออยู่พร้อมกับกระเป๋าเดินทางและของฝาก

“ไม่ใช่อย่างยายจอมยุ่งบอกนะครับดาว สำหรับพี่พร้อมเสมอที่จะมาแนะนำตัวกับผู้ใหญ่ที่บ้านดาว แต่พี่คิดว่าเวลานี้คงยังไม่เหมาะสมเท่าไหร่”ชายหนุ่มบอกเสียงเครียด ซึ่งดาวเหนือก็เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องอะไร หญิงสาวยื่นมือไปกุมมือของอีกฝ่ายไว้แล้วบอก

“ขอบคุณมากที่พี่ตฤณเข้าใจดาว เอาไว้เรื่องทุกอย่างลงตัวแล้วดาวจะพาพี่ตฤณมาหาทุกคน”

“ครับผม แต่ตอนนี้เข้าบ้านได้แล้ว มืดแล้วมายืนตากน้ำค้างเดี๋ยวไม่สบาย พี่เป็นห่วง”ตฤณขยี้หัวแฟนสาวเบาๆ อีกฝ่ายทำหน้ามุ่ยก่อนจะยอมเดินเข้าไปในบ้านตามที่เขาบอก แต่ก่อนจะได้เดินไปไหนไกล ตฤณก็เรียกเอาก่อน พร้อมกับบอกบางอย่างที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกซึ้งใจ

“ดาว ถ้ามีปัญหาอะไร โทรหาพี่ได้ตลอดนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ พี่ยินดีรับฟังทุกอย่าง”

“ค่ะ”

สัตวแพทย์หนุ่มมองตามหลังอีกฝ่ายไป จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าหญิงสาวขึ้นบ้านไปแล้ว เขาจึงออกรถเพื่อกลับบ้านของตน ตรีทิพย์ชะโงกหน้ามาคุยกับพี่ชายอีกครั้ง

“พี่ตฤณว่างานนี้จะจบเรื่องไหม”

“ไม่มีทาง!ถ้าคุณตะวันฉายอะไรนั่นเป็นคนอย่างที่คุณว่าจริง คงไม่ปล่อยให้คุณดาวมีความสุขเป็นแน่ เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อจะทำให้คุณดาวหมดสิ้นทุกอย่าง แม้กระทั่งลมหายใจ!”วีกิจบอกอย่างช่ำชองเรื่องการเดาอนาคต ตรีทิพย์มองค้อนอีกฝ่ายก่อนจะกัดเล็กๆ

“แสนรู้จังนะ ไม่ทราบว่าขายตัวเท่าไหร่จะซื้อมาเลี้ยง”

“โอ๊ย!พันธุ์นี้คนซื้อไม่ต้องซื้อด้วยเงินครับ ซื้อด้วยหัวใจเท่านั้น ห้ามต่อราคา!”ชายหนุ่มพูดพร้อมกับส่งสายตาวิ้งๆไปให้ เล่นเอาสาวเจ้าถึงกับหน้าแดงไปต่อไม่ถูก ตฤณมองน้องสาวที่หมดฤทธิ์ไปแล้วกับมือปราบสาวๆอย่างเอ็นดู ก่อนจะตอบคำถามที่น้องสาวถามค้างเอาไว้ ใบหน้าเคร่งเครียด

“พี่ก็คิดอย่างคุณวี มันไม่จบง่ายๆแน่ ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้เขารู้เรื่องของพี่กับดาวทีหลัง ให้ดาวได้มีความสุขกว่านี้อีกสัดนิด แล้วจากนั้นค่อยมาหาทางรับมือกัน”

ดาวเหนือที่พอกลับถึงบ้านแล้วก็นั่งจัดของเข้าที่ เสร็จแล้วจึงอาบน้ำแล้วเข้านอน เนื่องจากว่ามารดาและคนอื่นๆคงหลับกันหมดแล้ว ก่อนจะนอนร่างโปร่งคิดถึงวันพรุ่งนี้ที่พัดยศจะต้องพาผู้ใหญ่มาคุยกับผู้ใหญ่ในบ้านของเธอเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเธอจะต้องอยู่ร่วมด้วยเพื่อเป็นคนยุติปัญหาที่ทุกคนกังวล เธอได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคิด ไม่อย่างนั้นคนที่ต้องเสียใจที่สุดคือ พรายจันทร์!


“ยายจันทร์แต่งตัวให้สวยๆนะลูก วันนี้ผู้ใหญ่มากันเยอะ”คุณมินตราบอกกับลูกสาวคนรองที่นั่งซึมอยู่ที่หน้ากระจกไม่ตอบรับใดๆทั้งสิ้น คุณมินตรามองอาการนั้นอย่างอ่อนใจ เพราะลูกสาวที่เคยร่าเริงของเธอเงียบลงไปมาก แม้แต่งานอดิเรกอย่างการทำอาหารที่เจ้าตัวชอบมากแถมยังเข้าขาได้ดีกับภรรยาอีกคนของสามีเธอได้อย่างดี ก็กลับไม่สนใจจนคุณบุษบาทีชวนให้ทำอาหารกันยังต้องยอมแพ้ วันๆเอาแต่นั่งนิ่ง

“จันทร์ แม่รู้ว่าหนูเสียใจ แต่ทำแบบนี้ไปมันไม่มีอะไรดีขึ้นมา วันนี้ทุกการตัดสินใจเป็นของหนู ไม่ว่าหนูจะตัดสินใจยังไง แม่ก็ยินดีทำตาม ขออย่างเดียวอย่านั่งนิ่งแบบนี้ ได้ไหมลูก”

“จันทร์เลือกได้เหรอคะ อย่างจันทร์จะเลือกได้เหรอคะ”หญิงสาวพูดออกมาอย่างขมขื่น คุณมินตรามองตาแดงๆของลูกสาวผ่านกระจก ก่อนจะตอบ

“ได้สิลูก ไม่ใช่ผู้ชายฝ่ายเดียวซะหน่อยที่เลือกได้ ผู้หญิงก็เลือกได้ เลือกที่จะลืมแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่...”คุณมินตรากอดร่างบางที่เริ่มคิดตาม แล้วพูดต่อจนจบ

“...หรือเลือกที่จะเดินตามทางที่คนอื่นวางเอาไว้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับใจของหนู”พรายจันทร์มองใบหน้าอันอ่อนโยนของมารดา ก่อนจะยอมเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วลงไปข้างล่างที่ซึ่งบัดนี้พัดยศ และบิดามารดาได้มาถึงแล้ว ชายหนุ่มนั่งตรงข้ามกับคุณชนะชัยที่นั่งหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ข้างๆคือคุณหญิงผกามาศที่นั่งคุยกับมารดาของชายหนุ่ม ส่วนคุณบุษบาที่คุณมินตราให้มาด้วยนั้นก็นั่งคุยกับบิดาของชายหนุ่ม

ไม่นานหลังจากนั้นคุณมินตราก็พาบุตรสาวคนรองที่แม้จะมีสีหน้าดีขึ้นมาแล้ว แต่ดวงตาก็ยังมีร่องรอยของความบอบช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักหลงเหลืออยู่ พัดยศเงยหน้ามองร่างบางที่เดินตามมารดามาโดยไม่ยอมสบตากับเขา หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวแขนยาว กระโปรงผ้าสีเดียวกันยาวกรอมเท้า ผมยาวสวยถูกรวบไว้ครึ่งศรีษะ ใบหน้ารูปหัวใจถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางบางๆเพื่อกลบความหม่นหมอง พรายจันทร์นั่งลงข้างมารดาที่โซฟาอีกตัว ก่อนจะยกมือไหว้คุณพงษ์ คุณวิรงรอง และพัดยศตามลำดับโดยยังไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย

“เอาล่ะคะ หนูจันทร์ก็ลงมาแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า คุณหญิงคะที่ดิฉันมาวันนี้ก็เพื่อจะมาสู่ขอหนูจันทร์ให้ตาพัด ไม่ทราบว่าคุณหญิงจะว่าอย่างไรคะ”คุณวิรงรองเข้าเรื่องทันที โดยไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมาเพื่อไม่ให้ฝ่ายหญิงรู้สึกไม่ดี และที่สำคัญเรื่องที่เกิดขึ้นคนของเธอเป็นฝ่ายผิด

“เรื่องนี้ดิฉันว่าต้องแล้วแต่พ่อกับแม่เขาล่ะนะ ว่าอย่างไรพ่อชนะ แม่มิน”คุณหญิงโบ้ยไปให้ลูกชายกับลูกสะใภ้ คุณมินตรามองท่าทางนิ่งเฉย แต่ดวงตาคนปลาบออกแววโมโหของสามีแล้วก็ต้องเป็นฝ่ายออกตัวแทน

“คนที่จะต้องแต่งคือยายจันทร์ มินแล้วแต่ลูกคะคุณแม่”

“ถ้างั้นเราจะว่ายังไงล่ะ ยายจันทร์”ท้ายสุดคุณหญิงผกามาศหันไปถามหลานสาวคนรองที่ก้มหน้ามองมือของตนบนตัก ทุกสายตาพากันจ้องไปที่ร่างบางทันที พัดยศเองก็เช่นกัน เขาหลับตาลงอย่างยอมรับความจริง ไม่มีผู้หญิงที่ไหนจะปล่อยให้ตัวเองมีมลทินหรอก แม้ในใจลึกเขาอยากจะให้อีกฝ่ายปฏิเสธ แต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษพอ กล้าทำ ก็กล้ารับในผลลัพธ์

พรายจันทร์นิ่งคิดทบทวนการตัดสินใจที่เธอเองเลือกไว้แล้วอีกครั้ง หากแต่งไปก็มีแต่เจ็บปวด เพราะเธอเองก็รู้ดีว่าไม่มีวันที่เขาจะรักหญิงอื่นนอกจากดาวเหนือไปได้ เธอไม่อยากเป็นตัวแทนใคร อยากให้เขารักเธอที่เธอเป็นเธอ และในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วเธอก็ขอเลือกที่จะลืมอดีตที่ผ่านมาแล้วมุ่งไปข้างหน้าจะได้ไม่ต้องเจ็บอีกต่อไป ร่างบางสูดหายใจลึกก่อนจะเงยหน้า ดวงตาเด็ดเดี่ยวแล้วบอกออกไปถึงการตัดสินใจของตน

“จันทร์ไม่แต่งค่ะ!”

สิ้นคำตอบ คุณชนะชัยมองบุตรสาวคนรองอย่างพอใจกับการตัดสินใจนั้น คุณหญิงผกามาศอึ้งไปเช่นเดียวกับคุณบุษบา คุณมินตราถอนหายใจแม้จะเสียดายที่ไม่ได้อีกฝ่ายมาเป็นลูกเขยแต่หากมันแลกมากับรอยยิ้มของลูกสาวเธอก็ยอม ส่วนฝ่ายชายก็ได้แต่อึ้งไป คุณพงษ์กับคุณวิรงรองมองหน้ากันอย่างไปต่อไม่ถูก พัดยศมองสบตาร่างบางที่รีบหลบเมื่อเห็นเขามอง

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะคุณวิที่เรื่องมันออกมาแบบนี้ เอาเป็นว่าทางใครทางมันก็แล้วกัน”คุณหญิงผกามาศสรุปปิดท้าย ซึ่งคุณวิรงรองก็ได้แต่รับคำเบาๆ แต่แล้วก่อนที่จะแยกย้ายกันไป เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นที่หน้าประตูห้องรับแขก คนที่ทำให้พรายจันทร์ถึงกับร้องไห้โฮออกมา พัดยศเองก็นั่งนิ่งตัวชา ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็พากันซีดไปตามๆกัน

“ทุกคนยอมได้ แต่ดาวยอมไม่ได้”



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2554, 06:42:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2554, 06:42:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1906





<< ตอนที่ 15   ตอนที่ 17 >>
Setia 17 เม.ย. 2554, 18:57:26 น.
หลบหน่อย นางเอกมา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account