ดั่งดวงหทัยฟาโรห์
ข้าจะสมรักกับเจ้าตามที่หัวใจปรารถนาในทุกที่ที่ข้าต้องการ
Tags: เสน่หา มนต์ตรา

ตอน: โอรสแห่งเทพ กับอูเซเรค

เสียงทารกแรกเกิด ดังจนทั้งพระราชวังได้ยินกันโดยทั่ว!!
ฟาโรห์ยืนเฝ้าหน้าห้องประสูติอย่างคาดหวัง และเมื่อนางกำนัลออกมาทูลว่าทรงได้พระโอรส ฟาโรห์เซเนบเปล่งเสียงอุทานออกมาด้วยความยินดียิ่งนัก
“เนเทรคาฟ บุตรแห่งเทพเจ้าได้เกิดแล้ว ฟาโรห์องค์ต่อไปได้เกิดแล้ว”ดำรัวจบ พระองค์รีบเสด็จเข้าไปดูพระโอรสทันที
เจ้าชายพระองค์น้อยยังร้องเสียงดังไม่ยอมหยุด ฟาโรห์ยิ่งพอพระทัย เพราะนั่นหมายถึงพระพลานามัยที่แข็งแรงองค์พระโอรสนั่นเอง
“เนเทรคาฟลูกพ่อ เนเทรคาฟของพ่อ”พระองค์โอบอุ้มเจ้าชายองค์น้อยซึ่งพันผ้านุ่มรอบพระวรกาย โผล่ออกมาให้เห็นเพียงพระพักตร์ยับย่นตามประสาทารกแรกเกิด
ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสียงสรวลด้วยความชอบใจดังไม่ขาดระยะทีเดียว
ห้าปีต่อมาพระโอรสเนเทรคาฟได้กลายเป็นเจ้าชายจอมซน มหาเสนาบดี อีมาอู ได้ถวายลูกชายคนโต อันเกิดจากภรรยาหลวงให้เป็นองครักษ์และเพื่อนเล่นของเจ้าชาย ซึ่งบาคูลูกชายของมหาเสนาบดีกลับติดเจ้าชายแจเลยทีเดียว สองเจ้า และข้า ต่างซุกซนกันไปไม่เว้นแต่ละวันโดยมีสายตาของทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนาทีเดียว
“เดินช้าเป็นเต่าคลานอย่างนั้นข้าไม่รอแล้วนะเจ้าบาคู”
“น้ำไม่แห้งไปหรอกพะย่ะค่ะเจ้าชาย ยังไงพระองค์ได้ว่ายน้ำอย่างแน่นอน”
“ข้าไม่ได้ไปเล่นน้ำบนแอ่งทรายนี่นา จะได้มีการแห้งดังเจ้าว่า แต่ข้ารำคาญคนชักช้าอย่างเจ้า”
ตรัสจบเจ้าชายจอมซนออกแรงวิ่งทันที บาคูซึ่งเดินไม่ทันอยู่แล้วต้องออกแรงวิ่งซ้ำ กว่าจะถึงตัวเจ้าชาย พระองค์ก็หายไปแล้ว
บาคูร้องเรียกหาอีกฝ่าย แต่ทุกอย่างเงียบกริบ แม้แต่ทหารที่ติดตาม ต่างปิดปากไม่บอกเจ้าชายไปที่ไหน หาไม่เจอนานเข้า บาคูทรุดร่างลงก้มหน้าร้องไห้ทันที
“แง แง เจ้าชายสิ้นพระชนม์แล้ว เจ้าชายสิ้นพระชนม์แล้ว”
ร้องรำพันไม่นานนัก บาคูได้รางวัลด้วยการโดนถีบเปรี้ยงจนหงายท้อง เจ้าชายเท้าเอว ชี้หน้าบริภาษอีกฝ่าย
“เจ้าคนปากเสีย เรื่องอะไรมาแช่งข้า”
“ข้าบาทหาพระองค์ไม่เจอ คิดว่า ตายแล้ว”
“ยังจะพูดอีก ทหาร”เจ้าชายรับสั่งเสียงดัง “เอาดาบมา ข้าจะฟันคอเจ้าบาคูไปให้ท่านเสนาบดีเดี๋ยวนี้”
“เอ่อ เจ้าชาย...รับสั่งจริงหรือเล่นพะย่ะค่ะ”
“จริงน่ะสิ เอามา หัวเจ้าบาคูนี่ไม่มีประโยชน์เสียแล้ว”
บาคูตกใจถลันเข้าไปกอดพระบาทเจ้าชาย ร้องขอลั่นๆว่า
“แม้ข้าพระองค์จะโดนตัดคอ ก็ขอให้เอาคอของข้าพระองค์ไว้ในห้องบรรทมเจ้าชายด้วยนะพะย่ะค่ะ ข้าพระองค์อยากอยู่ใกล้ๆเจ้าชาย”
“อ้ายบ้า”เจ้าชายด่าออกมาคำเบ้อเริ่ม จากนั้นจึงสรวลให้กับความซื่อ และเซ่อของอีกฝ่ายจนตัวงอ
ห่างจากวังไม่ไกลนัก ขุนนางอูเซเรค โอบอุ้มธิดาตัวน้อยวัยสามขวบเศษ ผู้มีความงามน่ารัก แววตากลมโตเฉลียวฉลาด เสียงอูเซเรคเห่กล่อมบุตรสาวดังทุกครั้งที่เขาได้โอบอุ้มดูแล
“โอ้เมริอังค์ เจ้าเป็นธิดาแห่งมุต
เจ้าบุตรีคนดี พ่อนี้แสนห่วง
รักเจ้ายิ่งกว่าดวงใจ แม้พ่ออยู่ไกล
พ่อมิได้จากเจ้าไปเลย เมริอังค์ ”
เด็กหญิงตัวน้อยโอบรอบคอบิดา ซบหน้ากับบ่า พริ้มตาหลับสบายมาเรียผู้เป็นมารดา มารับตัวบุตรสาวจากสามี ซึ่งส่งให้อย่างเบามือด้วยเกรงอีกฝ่ายจะตื่นเสียก่อน สองสามีภรรยาส่งยิ้มให้แก่กัน
“พี่จะไปดูการปรุงยาเสียหน่อยก่อนจะไปพบท่านแม่ทัพ ตอนนี้ท่านป่วยอยู่บ่อยๆ”
“ค่ะท่านพี่”มาเรียรับคำ สามีของนางเป็นขุนนาง และรอบรู้เรื่องยา อีกทั้งเรื่องลับที่นางไม่เคยบอกใคร สามีของนางมีมนต์ตราศักดิ์สิทธิ์ที่เคยช่วยชีวิตแม่ทัพเซมาอู และฟาโรห์เซเนบ โดยที่อูเซเรคเองไม่เคยบอกว่าเขารักษาสองคนต่างฐานะด้วยวิธีใด
การโดนมนต์ดำไม่ใช่เรื่องที่จะนำมากล่าวอ้างลอยๆ หากว่าไม่รู้ตัวคนทำ จนบัดนี้อูเซเรคนยังไม่รู้ว่าใครคือคนที่ต้องการชีวิตแม่ทัพเซมาอู และฟาโรห์
หากว่า ผู้ที่กำลังนอนหอบหายใจอบยู่บนที่นอนนุ่มในวิหารศักดิ์สิทธิ์ วิหารเพตาร์ คือหัวหน้านักบวช ที่กำลังถ่ายทอดอำนาจสืบต่อให้กับเพคา ผู้เป็นหลาน เขาเองเคยใช้มนต์ดำคิดฆ่าแม่ทัพเซมาอู เพื่อทอนกำลังอำนาจของฟาโรห์เซเนบเมื่อครั้งยังครองราชย์ได้ไม่นาน แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ต่อมาเพคาได้คิดอาจหาญเอาชีวิตฟาโรห์ยังพลาด
“รีบกำจัด อูเซเรค หนามยอกใจของเรา หาไม่เจ้าจะไม่มีทางได้ครองบัลลังก์อียิปต์”
“ท่านลุง”
“จัดเตรียมพิธีบวงสรวงเทพเจ้าให้ยิ่งใหญ่ ข้าจะให้เป็นตัวแทนเพื่อให้เจ้าสืบทอดตำแหน่งอย่างไร้ข้อกังขา”
เพคาพยักหน้าอย่างเข้าใจ หลังจากนั้น เขาประคองร่างของนักบวชชราขึ้นดื่มยา เพื่อให้มีแรงก่อนวาระสุดท้ายมาเยือน
“ส่งนักบวชของเราไปทำหน้าที่สำคัญเดี๋ยวนี้เพคา”
เพคารับคำ ดวงตาวาววับเกิดประกายความชั่วร้ายขึ้นมาในทันที
ที่ผ่านมาพิธีกรรมของนักบวชมีทุกวันทุกคืน แต่ในวันนี้เป็นวันที่พิเศษยิ่ง เพราะมีการทำนายจากนักบวชชราว่า เทพเจ้าจะบอกความลับสำคัญแก่ฟาโรห์ และรัชทายาท
ดังนั้นวันนี้ ฟาโรห์เซเนบ ถือคทายอดทองคำทรงกลม สองด้านข้างบนฐานทองคำสองข้างเป็นทองคำรูปเขาวังทองคำ ทรงฉลองหมวกสีขาวและแดง อันหมายถึงทรงปกครองสองแผ่นดิน
ทรงเสด็จมาพร้อม องค์รัชทายาท ซึ่งปกติเป็นเจ้าชายแสนซน หากวันนี้ทรงนิ่งสงบ เสด็จเคียงข้างพระราชบิดา ถัดมาเป็นราชินีเมเดตและพระธิดาอิอาเมส ซึ่งในพระเนตรของเจ้าหญิงทอดพระเนตรมองพระอนุชาอย่างไม่คลาดสายพระเนตร พระนางรู้สึกเอ็นดูและแสนรักพระอนุชาร่วมอุทรยิ่งนัก
พระมเหสีเซตนา และพระโอรส ซึ่งจากเคยสำคัญที่สุดได้ถูกลดชั้นลงมาเมื่อเจ้าชายเนเทรคาฟกำเนิดขึ้นวันนี้เจ้าชายมีสีพระพักตร์เผือดขาวปนเขียวอย่างน่าประหลาดยิ่ง
วันนี้ฟาโรห์ทรงทราบว่าแม่ทัพเซมาอู ป่วยหนักจึงไม่อาจมาร่วมพิธีสำคัญได้ คงมีแต่มหาเสนาบดีอีมาอู ขุนนางอูเซเรค และขุนนางใหญ่น้อย ข้ามาอยู่ในวิหารเพตาร์
นักบวชแต่งการด้วยผ้าลินินสีขาวทับผ้าบางซึ่งสวมไว้ในชั้นแรก ทั้งหมดยืนสองข้างในวิหารด้วยท่าทีสำรวม น่านับถือ หน้าแท่นบูชา เทพเจ้าโอสิริส เทวีไอซิส เทพเจ้าฮอรัส มีเครื่องบวงสรวง แผ่นปาปิรุสม้วนวางไว้ในแจกันทรงสูง กระจาดหลายใบตั้งเรียงราย ในกระจาดนั้นเต็มไปด้วยผลไม้ ทั้งองุ่น ผลมะเดื่อ ขนมปัง หม้อดินใส่น้ำมัน เครื่องบวงสรวงที่ได้รับการจัดนี้เป็นหน้าที่ของนักบวชซึ่งเรียกร้องตามคำบัญชาซึ่งอ้างว่าเป็นความต้องการของเทพเจ้า ในวันนี้มีทั้งทองคำ เพชร และเทอคอยส์
นักบวชชราแต่งกายด้วยชุดขาว บนศีรษะสวมหมวกสีขาวปักขนนกสองอัน บอกถึงตำแหน่งชั้นสูงด้วยตัวหนังสือที่แขนเสื้อ ความสงบนิ่ง และไร้เสียงผู้คุย ทำให้พิธีกรรมวันนี้ดูขลังยิ่งนัก นักบวชชรา จุดน้ำมันให้เกิดไฟลุกขึ้นเป็นการบูชาจากนั้นจุดกำยาน ครู่เดียวกลิ่นกำยานลอยขึ้นสูง แล้วแผ่วงออกไปอย่างน่าพิศวง
การสวดมนต์ได้เริ่มขึ้น เสียงสวดมนต์แปลกแตกต่าง อูเซเรค อุทานออกมาอย่างอดไม่อยู่
“นี่ไม่ใช่มนต์สรรเสริญเทพเจ้า นี่คือมนต์ดำ”
เขากดหัวใจของตนเองเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บจุกอย่างบอกไม่ถูก นักบวชชรากระแทกคทาเสียงดังสะท้อนก้องวิหาร แสงเจิดจ้าจากดวงอาทิตย์พลันสาดเข้าไปเฉพาะนักบวชนั้น ร่างชรายิ่งสั่นมากขึ้นทุกที สุดท้ายหัวหน้านักบวช ทรุดร่างลงหมอบกับพื้น พริบตาเดียวเขาเงยหน้าขึ้นเผชิญแสงสว่างที่สาดแสงส่องลงมา
อ้า....เสียงอุทานด้วยความมหัศจรรย์เมื่อเห็นใบหน้าชรา ปรากฏความเป็นหนุ่มซ้อนทับ เมื่อเขาเปล่งเสียง เสียงที่ดังลอดออกมาเป็นเสียงของชายหนุ่ม มากกว่าจะใช่ชายชราอายุมาก
“จงฟังเรา เทพเจ้าที่เจ้าบูชา บัดนี้เป็นบัญชา เพคาจะเป็นผู้รับหน้าที่แทนร่างที่ข้าจะนำวิญญาณไปอยู่กับข้าในโลกหน้า โอรสแห่งข้าจงจับขุนนางต่างชาติสังหาร”
“อะไรนะ”ฟาโรห์อุทานสวนกลับ“บัญชาจากเทพเจ้าช่างไม่น่า...”พระองค์กำลังตรัสว่าไม่น่าเชื่อหรือเป็นไปได้ แต่เสียงของนักบวชชรายิ่งดังทับเสียงของฟาโรห์
“ขุนนางชั่ว มีจิตสังหารเจ้าชายบาอูเฟร”
ขาดคำ เจ้าชายบาอูเฟร ล้มลงฟาดพื้น โลหิตสีแดงไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดบนพระพักตร์
“กรี๊ดดดดดดดดดด”พระมเหสีเซตนากรีดร้องอย่างพระทัยสลาย ฟาโรห์ถลันเข้าไปประคองร่างของพระโอรสพระทัยของพระองค์ราวถูกกระชากอย่างแรงเสียงของนักบวชชรายังดังกึกก้อง
“มันผู้นี้จะทำลายอียิปต์ อย่าไว้ชีวิตมัน จงควักหัวใจของมันไปชั่งน้ำหนักเดี๋ยวนี้”
สิ้นเสียงสุดท้าย หัวหน้านักบวชผู้มีความชราฟุบหน้าลงกับพื้น สิ้นใจอย่างที่เขาได้จัดการหน้าที่ของตนเองอย่างที่ตนเองปรารถนาแล้ว การสรรเสริญเทพเจ้าได้รับการตอบรับคำขอครั้งสุดท้าย
ฟาโรห์ทอดพระเนตรมองพระโอรสบาอูเฟรด้วยความสงสาร พระโอรสสิ้นพระชนม์ไปต่อหน้าต่อตา เสียงวิจารณ์เซ็งแซ่ ขุนนางอูเซเรค ถอยกายไปหลายก้าวนึกรู้แล้วว่า เหตุร้ายที่สุดกำลังเกิดขึ้นแก่ตนแน่แล้ว
“จับคนฆ่าลูกข้าเดี๋ยวนี้”พระมเหสีสั่งสุดเสียง ทหารขยับตัว อูเซเรคให้เก่งกล้าสามารถเพียงใด บัดนี้เขาไม่อาจต่อกรกับสิ่งที่เหนือกว่า นั่นคือชะตากรรม อูเซเรควิ่งหนีสุดชีวิต โดยที่มีทหารติดตามไปอย่างกระชั้นชิด
สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือลูกเมีย เขาจะทำอย่างไรดี เล่าพวกนางจะได้รู้
“จับมันมาโยนให้จระเข้กินเดี๋ยวนี้”รับสั่งของฟาดรห์ดังตามมา
อูเซเรคไม่อาจยืนบนผืนแผ่นดินนี้ได้อีกแล้ว เขาโดนใส่ร้ายอย่างน่าเกลียดที่สุด อาศัยเทพเจ้า แต่...เหตุใดเล่าความชราภาพจึงหายไปขณะที่แสงสว่างสาดเข้ามากระทบใบหน้าเหี่ยวย่นให้ดูเป็นหนุ่มน้อย
คำถามที่เขาต้องการคำตอบ แต่ไม่ใช่เวลาที่เขากำลังต้องการหนทางรอดอย่างที่สุดเช่นเวลานี้ อูเซเรคถูกคว้าแขนดึงเข้าไปหลบยังมุมทึบ คนผู้นั้นคือเนเฟอร์ บุตรสาวของแม่ทัพซึ่งมีร่างกายแข็งแรงยิ่งนัก
“ท่านอาจารย์ มาทางนี้”
“เจ้ามาได้ยังไง นายท่านล่ะ”
“ข้าได้เห็นการวางยาพิษเจ้าชายด้วยฝีมือนักบวช เมื่อเช้า แต่ข้าบอกใครไม่ได้ เกรงว่าข้าจะประสบเหตุร้าย ข้าไปบอกท่านพ่อ แต่ว่าท่านให้รีบมาที่นี่ก่อน ท่านอาจารย์ ท่านอยู่ไม่ได้แล้ว”
“ข้าไม่ได้ทำ”
“แต่ท่านต้องหนีก่อน”
เนเฟอร์รีบพาอูเซเรคหนีไปตามเส้นทางปลอดทหาร แต่ว่า ที่บ้านแม่ทัพมีทหารองครักษ์ไปดักจับอูเซเรคเป็นจำนวนมาก อูเซเรคไม่เคยรู้สึกว่าตนเองอับจนหลทางถึงเพียงนี้เลยเขาห่วงครอบครัวที่สุด
เนเฟอร์พาอูเซเรคไปยังเส้นทางลับ เข้าบ้านของนาง!!
ที่บ้านของอูเซเรค ทหารได้รับบัญชามาจากมเหสี และมีพระราชโองการซ้ำของฟาโรห์ให้จับอูเซเรค ให้จระเข้กิน รวมทั้งครอบครัวของเขา ไม่เว้นแม้แต่บ่าวไพร่ ดังนั้นรทหารบุกเข้าไปในบ้านของขุนนางหนุ่มผู้มีชะตาตกสุดขีด
เสียงดาบฟันใส่เนื้อคน ส่งเสียงให้น่าพรั่นพรึง มาเรียกำลังดูแลบุตรสาวอยู่ นางได้เห็นภาพทหารไล่ฆ่าทาสชายหญิงโดยไม่ซักถามแม้คำเดียว มาเรียร็ทันทีว่าได้เกิดเหตุร้ายกับสามี และมีผลมาถึงพวกนาง ดังนั้นนางจึงรีบพาเมริอังค์และน้องสาวหลบหนีออกไปทางด้านหลังทันที พวกนางหนี และหนีไปเพื่อให้พ้นการติดตาม
ทหารไล่ล่าเหมือนสุนัขล่าเนื้อไม่มีผิด ประตูเมืองถูกปิด และมีการตรวจค้นอย่างละเอียดหากว่าเป็นการปิดที่สายเกินไป เพราะมาเรีย พาลูกสาวและน้องของนางหลบออกไปเผชิญชะตากรรมได้เสียก่อน!!!




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2554, 09:13:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2554, 09:13:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1784





<< สืบสายโลหิต   โอรสแห่งเทพ1/2 >>
Zephyr 19 ธ.ค. 2554, 12:10:54 น.
ฟาโรห์นี่น่าเกลียดมากมาย ไม่สอบสวนเลย สั่งฆ่าทิ้งอย่างเดียว เป็นฟาโรห์ได้ไงเนี่ย โคตรจะหูเบาเลยอ่ะ อูเซเรคเคยช่วยชีวิตอีกต่างหาก ไม่สำนึกบุญคุณเลย คนอะไร ทำไมล้มกลางงานแบบนั้น ตำตาขนาดนี้ไม่คิดว่าเป็นฝีมือนักบวชบ้างอ่ะ ออกจะแสดงปาฏิหาริย์ แค่ท่องมนต์คงตายโดยหาหลักฐานไม่เจอ


แพม 19 ธ.ค. 2554, 18:41:24 น.
เปลี่ยนพล๊อต?


นางแก้ว 20 ธ.ค. 2554, 04:29:03 น.
ไม่ถึงกับเปลี่ยนพล็อตค่ะ เพียงแต่เพิ่มที่มาที่ไปของตัวละครให้มีรายละเอียดมากขึ้นค่ะคุณแพม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account