พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 13."ไว้ใจได้เหรอ"

13.

ขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน วรรณาก็ถือหนังสือพิมพ์ฉบับวันนั้นมายื่นให้ แล้วก็หมุนตัวกลับออกไป กลยุทธดึงหนังสือพิมพ์ที่วรรณาพับหน้าที่ต้องการให้อ่านแล้วมาจ้องมอง

‘คริๆ กล้ามั๊กมากๆ หัวค่ำไปกับหนุ่มสุดหล่อที่ไม่มีใครรู้ฐานะ แต่ใครก็รู้ว่า สมภารอยากกินไก่วัด แต่อย่างว่าแหละค่ะ มีหรือที่ทองจะเปลี่ยนหนองได้ ผู้ใหญ่อยากให้เรือล่มในหนอง หนูรมมี่ก็เลยต้องควงทีเดียวสองคน ระวังนะจ๊ะหนู แบ่งให้เจ๊บ้างก็ได้...’

กลยุทธถอนหายใจออกมา มีภาพที่รมณีย์ควงแขนเขาเข้างาน แม้ภาพจะไกลแต่ใครๆ ในนี้ก็รู้ว่าเป็นเขา ส่วนภาพเล็กอีกภาพ เป็นภาพของเธอกับผู้ชายมีหัวจุกแต่งตัวปอนๆ คนนั้น

เมื่อได้เดินไปเข้าห้องน้ำ กลยุทธรู้สึกว่ามีสายตาใครต่อใครมากมายมองมายังที่ตนเอง ดังนั้นในมื้อกลางวันเขาจึงกดโทรศัพท์หาแม่บ้านเรียกใช้บริการ

“พี่ศรีของผมขอเหมือนเดิมนะครับ เพิ่มไข่ดาวสองฟองแล้วกัน”

“รวยอะไรมาคะกินไข่ไก่สองฟอง”

ศรีวรรณแซวกลับมา เขาไม่ต่อปาก พูดได้คำเดียวว่า ‘ครับ’ แล้วก็วางโทรศัพท์ลงพร้อมกับถอนหายใจออกมา

“เจ้านายกินข้าวโว้ย” สมศักดิ์ชะโงกหน้ามาใกล้ๆ กลยุทธยังก้มหน้าก้มตาอยู่กับเอกสารตรงหน้า

“หนีพ้นหรือ ไป ออกไปกันดีกว่า ไอ้ชินมันถูกหวยมันจะเลี้ยง”

“ถูกเจ้ามือกินนะซิ รัฐบาลซะด้วย ตัวใครตัวมัน” สุชินรีบเดินเข้ามาหา

“อดทนเอาเพื่อน เข้าใจว่าคิดอะไรอยู่” สุชินพูดได้แค่นั้นแล้วก็ลากสมศักดิ์ออกจากห้องไป

ในสายตาของกลยุทธเห็นว่าวรรณาก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเองเหมือนกัน เมื่อถึงเวลากลางวัน ไฟหลายๆ ดวงจากจุดที่ไม่มีคนอยู่เริ่มดับลง ตามนโยบายประหยัดให้ติดเป็นนิสัยของพนักงานจากคำสั่งของจีเอ็มสาว

..บางคนก็เอาไปพูดกันว่า ประหยัดไฟฟ้าตรงนี้เพื่อไปซื้อของ แบรนด์เนมจากนอก

...บ้างก็ว่า แปลกจริง นิยมของนอกแต่ผู้ชายอยากได้ของไทย ขัดแย้งๆ กว่า

เขาคนในเรื่องนั้นด้วย อยากเอาหูทวนลม แต่ก็ทวนไม่ได้

นั่งพักสายตาโดยการเอนหลังหลับตาเพียงสิบนาที พี่ศรีวรรณก็หอบถุงพลาสติกมีกล่องโฟมเข้ามาหา กลยุทธรู้ว่านอกจากของเขาแล้ว พี่ศรีวรรณยังรับบริการซื้ออาหารกลางวันให้พนักงานเกือบทั้งชั้น 21 นี้

“อ้านี่ของคุณกลยุทธ ทั้งหมด 50 บาท”

นั่นหมายถึงรวมค่าเดิน 10 บาทด้วยแล้ว ศรีวรรณส่งของมาให้กลยุทธยื่นแบงก์ห้าสิบบาทไปให้

“หน้าตามีราศีขึ้นนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”

ศรีวรรณแกล้งหยอก กลยุทธได้แต่ยิ้มนิดๆ ศรีวรรณถอยออกไปหาวรรณา

“ของคุณวรรณค่ะ”

วรรณายื่นเงินให้ ศรีวรรณรับเงินไว้แล้วรี่ไปยังโต๊ะอื่นๆ ที่ไม่ลงไปทานอาหารข้างนอก

“ไปทานด้วยกันครับคุณวรรณ”

กลยุทธหมายถึงชวนเดินไปยังห้องครัวพร้อมกัน เมื่อได้ยินคำชวน วรรณารีบลุกขึ้นแล้วถือกล่องข้าวเดินตามชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนไปทันที

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

วรรณาหมายถึงเรื่องที่เธอเอาหนังสือพิมพ์ไปให้อ่าน กลยุทธถอนหายใจออกมา ขณะวางกล่องข้าวแล้วเลี่ยงไปกดน้ำดื่มใส่แก้วมาสำหรับตนและวรรณา

“คนซุบซิบกันทั้งบริษัทนะคุณยุทธ”

“แล้วจะให้ผมทำอย่างไรละครับ”

“แต่งงานกับวรรณไง” วรรณาพูดตลกทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่า เขาไม่เคยชายตาแลเธอสักนิด


หลังจากทำงานบ้านเรียบร้อย มาลีก็เริ่มออกเดินสำรวจหมู่บ้าน ในมือมีหนังสือแผนที่ที่ชัชชัยซื้อให้ติดออกมาด้วย มาลีเดินมาจนถึงสวนไม้กลางหมู่บ้านแล้วเลือกนั่งลงที่ม้าหินใต้ต้นไม้ใหญ่ พลิกแผนที่ไปยังหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นของรถไฟฟ้าใต้ดิน วันนั้นชัชชัยได้ชี้ให้เธอดูแล้วว่า หมู่บ้านนี้ตรงอยู่ตรงไหนของถนนลาดพร้าว มาลีใช้นิ้วไล่ดูไปตามเส้นทางรถไฟฟ้าไป จนถึงสถานีสีลม

มาลีเพ่งมองไปที่วัดพระแก้ว ไปยังจุดต่างๆ ที่ชัชชัยพาเธอเดินทางตลอดวันนั้น แล้วมาลีก็เริ่มสนุกกับการชี้นิ้วไปยังจุดต่างๆ เธอจ้องไปให้ทั่วแผนที่กรุงเทพฯ หากใครบอกชื่อสถานที่นั้น เธอจะต้องเอ่ยได้ทันทีว่าอยู่ถนนเส้นไหน มาลีมองหาสวนจตุจักร อยากรู้ว่าตลาดนัดเป็นอย่างไร เมื่อหาเจอ มาลีดีใจเมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ไกลจากที่อยู่ของตนในปัจจุบัน

เมื่อคิดว่าเริ่มดูแผนที่เป็น ความดีใจทำให้ต้องปรบมือแล้วประกบกันให้กำลังตัวเอง แล้วมาลีก็รู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งยืนดูเธออยู่ พอมาลีเงยหน้าไปพบเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งร่างผอมสูง ผมยาวหน้าม้าแสกข้าง ตาเป็นประกายแจ่มใส เจ้าหล่อนยืนยิ้มให้ มาลียิ้มตอบก่อนจะหันซ้ายหัน ขวาว่าตนเองไม่ได้ปล่อยไก่ออกไป

เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร มาลีก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วพยักหน้าถาม

กุลกัญญาเดินเข้ามาหามาลีแล้วถามขึ้น

“ทำอะไรดีอกดีใจจนต้องปรบมือ”

“ดูแผนที่กรุงเทพฯ” มาลีบอกตามตรง

“ดูทำไม”

เพราะกุลกัญญาเกิดในกรุงเทพฯ เลยรู้จุดต่างๆ ไปโดยปริยาย และอีกอย่างเธอก็คิดว่าไม่เห็นจำเป็นจะต้องดูด้วย มันไม่ใช่หนังสือแบบเรียนหรือหนังสืออ่านนอกเวลา

“ก็ไม่ใช่คนกรุงเทพนี่” มาลีพูดความจริงด้วยน้ำเสียงแปร่ง

“คนที่ไหน”

กุลกัญญาจ้องหน้ามาลี ฉงนใจเหมือนกันว่า ผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนี้ไม่ทำงานทำการหรืออย่างไร

“อุ้มผาง จังหวัดตาก ที่มีน้ำตกทีลอซูโด่งดังไงรู้จักไหม”

“รู้จักซิ พี่ชายเราก็เพิ่งไปกลับมาเอง”

“เรอะ แล้วคุณ”

“กุลจ๊ะ เรียกเรากุลก็ได้ ชื่อจริงเราชื่อกุลกัญญา เธอล่ะ ชื่ออะไร”

“ชื่อเพราะจังเลยเนอะ ทันสมัยด้วย เราชื่อมาลี”

“บ้านอยู่ตรงไหน หลังไหน”

มาลีชี้ให้ดู บ้านซึ่งอยู่ในซอย 4 ก่อนจะถึงสวนกลางหมู่บ้านนี้

แล้ววันนั้นตั้งแต่สายจนถึงบ่ายคล้อย มาลีก็ไม่ได้กลับมาทำงานบ้านที่ตัวเองไม่อยากทำ การสนทนากับกุลกัญญาทำให้มาลีรู้จักกรุงเทพฯ มากขึ้นทีเดียว ยิ่งมาลีรู้ว่ากุลกัญญาไม่ได้เรียนต่อหลังจากจบม.ปลายเพราะมีโรคร้ายสำแดงออกมา มาลีก็ยิ่งสงสารกุลกัญญา

กุลกัญญาเองก็เริ่มสนใจที่ว่ามาลีกำลังจะไปเรียนต่อที่รามคำแหง ถ้าเธอมีเพื่อนร่วมเดินทางออกจากหมู่บ้านไปมหาวิทยาลัย เธอก็อยากลุกขึ้นสู้กับชีวิตอีกครั้ง แม้การสู้ในครั้งนี้ ผลสุดท้ายคือความตายตั้งแต่ยังสู้ไม่สิ้นเกม แต่เธอจะมัวนั่งๆ นอนๆ รอความตายไม่ได้เช่นกัน


เมื่อกลับจากการเดินไปส่งกุลกัญญาที่หน้าบ้านแล้ว มาลีก็เดินสบายใจกลับมา จนกระทั่งถึงร้านขายอาหารตามสั่งซึ่งพี่ศรีวรรณบอกว่า เจ้านี้อร่อยที่สุดในหมู่บ้าน มาลีซึ่งอยากกินอะไรที่มันเผ็ดถึงใจถึงกับถลาเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ เมื่อสั่งกะเพราไก่แบบเผ็ดถึงใจแล้ว ด้วยเคยอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน มาลีคว้าหนังสือพิมพ์มาเปิดอย่างกระหายใคร่รู้

จนกระทั่งเจอข่าวซุบซิบพวกคนไฮโซ แล้วในที่สุด มาลีก็ได้รู้จัก ‘คุณรมณีย์’ ผู้หญิงคนนั้นของนายกลยุทธ วงศ์พระจันทร์ แล้วงานนี้อีตาชัชชัยไปเกี่ยวอะไรด้วย มาลีเริ่มสงสัย รักสามเส้าอย่างนั้นหรือ เมื่อจัดการอาการหมดจานแบบชนิดไม่เหลือข้าวสักเม็ด จ่ายเงินแล้วมาลีก็กลับบ้าน มื้อเย็นเธอไม่ต้องทำอะไร เพราะนันทาสั่งไว้ว่า ให้ดูแลตัวเอง เพราะมื้อเย็นของนันทานั้นเป็นทานอาหารแคปซูลหรือไม่ก็จะเรียบร้อยมาจากข้างนอก

มาลีเดินมาถึงบ้านพบว่ารถของชัชชัยจอดอยู่ ประตูบ้านถูกเปิดทิ้งไว้ มาลีงุนงงว่าอีตาชัชชัยนั่นเอากุญแจมาจากที่ไหน หรือว่าสำรองไว้ด้วย เมื่อรีบจ้ำไปจนถึงบ้าน มาลีก็ได้ยินเสียงว่ามีคนอาบน้ำในห้องน้ำชั้นบน มาลีนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาที่ชั้นล่าง บนโต๊ะอาหารระหว่างครัวและห้องรับแขกมีโน้ตบุ๊กของเขาเปิดทิ้งไว้ ทำไมเขากล้าถือวิสาสะได้ถึงเพียงนี้หนอ

รอจนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ และอีกสิบนาทีต่อมา ชัชชัยก็ผิวปากลงจากชั้นบนด้วยใบหน้าผ่องใส ผมที่เคยขมวดเป็นปมไว้ยังหยิกขอดดูชื้นสยายเคลียบ่า แม้อยากจะมองให้ดูเป็นกะเทยแต่ดูอย่างไรนายชัชชัยก็เป็นผู้ชายมาดแมนอยู่ดี

“มองอะไร” เขาถามเมื่อมาลีไปจ้องเขาจนตาเกือบจะเรียกว่า ‘ขวาง’

“บ้านตัวเองเหรอ”

มาลีเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา เธอไม่อยากให้เขาเข้ามาวุ่นวายที่นี่อีกแล้ว ถ้าเขาสองคนเป็นอะไรกันจริงๆ เธอจะอยู่อย่างไรล่ะ เธอรับไม่ได้หรอกที่จะรู้เห็นอะไรที่ผิดทำนองคลองธรรมอย่างนี้ อย่างน้อยถ้าเธอโวยวายบ้าง เรื่องตบเรื่องแต่งมันน่าจะเกิดขึ้น

“หายไปไหนมา มาตั้งนานแล้ว บ้านช่องไม่รู้จักอยู่ ระวังนะเดินมั่วซั่วใครเขาจับไปขายซ่อง แล้วจะหาว่าไม่เตือน”

“อยากให้ห่วงนักล่ะ”

“นึกว่าห่วงเหรอ” ชัชชัยยอกย้อน แต่เมื่อเห็นว่ามาลีหน้าบึ้งตึง เขาจึงต้องรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“กินข้าวเย็นหรือยัง” ชัชชัยว่าพลางไปเปิดตู้เย็น

มาลีมองร่างบึกบึนในชุดกางเกงขาสั้นยาวคลุมเข่ากับเสื้อกล้ามคอกลม เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่ต้นแขนแล้วคิดชมรูปร่างได้รูปนั้นอยู่ในใจ

“ถามก็ไม่ตอบ”

“กินแล้ว ร้านป้าอะไรก็ไม่รู้ พี่ศรีวรรณชมว่าอร่อยก็เลยไปลองมา”

“นึกว่ายังไม่ได้กินอะไร จะได้พาไปหาอะไรอร่อยกินแถวๆ เยาวราช”

พอเขาเอ่ยชื่อเยาวราช มาลีตาโตในทันที เธอได้ยินมานานแล้วว่า แถวนั้นของกินเยอะ แล้วเป็นถึงไชน่าทาวน์ของเมืองไทย แต่เธอจะไปกับเขาผู้เป็นคนรักของพี่สาวได้อย่างไร

แต่เมื่อเขาให้โอกาสแล้ว เธอก็อยากรักษาโอกาสไว้เหมือนกัน

“เอาไว้วันหลังก็ได้” จึงต้องตอบไปอย่างนั้น

“ไม่เห็นทำอะไรกินเลย แล้ววันๆ กินอะไร”

เขาปิดตู้เย็นแล้วเดินกลับมานั่งที่โซฟาตัวตรงกันข้าม จนมาลีได้กลิ่นหอมจากเครื่องประทินผิวของเขา

“พี่นันทาบอกว่าครัวฝรั่งไม่ให้ทำอะไรที่มันกลิ่นแรงๆ อีกอย่างฉันก็ทำอาหารประเภทไมโครเวฟไม่เป็น แล้วก็กลัวรังสีอะไรที่มันจะแฝงอยู่ในตู้นั้นด้วย”

ชัชชัยยักไหล่ “กลัวหรือทำไม่เป็น มาจะสอนให้”

ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว มาลีชั่งใจว่าจะเดินตามไปดีหรือไม่ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้แสดงอาการจีบหรือว่ากรุ้มกริ่มแต่อย่างใด

“มาดิ๊ เร็ว” เขาเร่งเร้า

มาลีจำต้องลุกขึ้นแล้วเดินไปหา พอดีกับที่เขาเขย่งตัวเองเปิดตู้แขวน แล้วหยิบหนังสือการประกอบอาหารด้วยไมโครเวฟออกมา

“มีคู่มือ ผมซื้อมาเองแหละ ดูซิว่าเราพอจะเอาอะไรที่มีอยู่ในตู้เย็นมาทำได้บ้าง” พูดจบเขาส่งตำราให้มาลี ส่วนตัวเองไปที่ตู้เย็น แล้วก็ค้นอาหารสดออกมา


นันทากลับเข้ามาต้องแปลกใจที่เห็นว่าชัชชัยกำลังยืนล้างจาน ส่วนมาลีนั้นนันทาได้ยินเสียงอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำชั้นล่าง นันทาชักสีหน้าเป็นสดชื่นยิ้มร่าเข้าหาชัชชัยทันที

“ต๊ายพ่อหนุ่มไฮโซเพื่อนฉัน ทำไมต้องมาล้างจานซะเอง มาลี มาลี”

นันทาตะโกนเสียงดัง แต่น้ำเสียงนั้นบอกให้รู้ว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก เพียงแต่เรียกหาเฉยๆ มาลีขานรับจากห้องน้ำ

“อาบน้ำอยู่จ้ะ”

“ทำไมอาบตอนนี้ล่ะ” นันทาถามเพราะความแปลกใจ

“น้ำแกงหกใส่ตัวก็เลยต้องอาบน้ำ” ชัชชัยเป็นคนตอบคำถาม

“ทำกับข้าวทานกันเหรอ”

นันทาถือโอกาสหยิบแก้วมากดน้ำจากตู้เย็นขึ้นดื่มดับอารมณ์ ไม่ว่าจะกี่มากวัน ชัชชัยก็ให้เธอได้แค่ความเป็นเพื่อน เขาเคยทำอาหารกินที่นี่รึ มากสุดก็เข้ามาอาบน้ำทิ้งเสื้อผ้าไว้ พร้อมเงินค่าซักรีดให้พี่ศรีวรรณแล้วก็ออกไป หรือนานๆ ทีจะมาขออาศัยนอนในกรณีไปเที่ยวกันจนเมามาย แล้วขับรถกลับบ้านไม่ไหว หรือขับไหวแต่เขาก็ไม่อยากให้ผู้เป็นแม่ได้เห็นสภาพแบบนั้น แต่ได้แค่นี้ สำหรับเธอก็พอใจแล้ว

“พอดีมาลีเขาใช้เตาไมโครเวฟไม่เป็น ผมก็เลยสอนเขาให้”

ชัชชัยล้างจานเสร็จแล้วก็ใช้ผ้าสะอาดเช็ดแล้วคว่ำในที่คว่ำจานจนเป็นระเบียบ แม้จะเป็นลูกเศรษฐีแต่ก็ต้องพึ่งพาตัวเองในต่างแดน ทำให้เขามีนิสัยไม่นิ่งดูดายในงานเล็กๆ น้อยๆ

“เราก็ทำไม่เป็นไม่เห็นชัชสอนให้เลย”

“ก็ซื้อตำรามาให้แล้วไง”

พูดจบชัชชัยก็หมุนตัวออกจากครัว ไปนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่เปิดทำงานเขียนของตน นันทาตามไปนั่งบนเก้าอี้ตัวติดกันแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุย

“โปรเจ็คต์หน้าไปจังหวัดไหนอีก”

“ชุมพร”

“ทะเล ร้อนๆ อย่างนี้อยากไปทะเลเหมือนกัน”

“ก็เพิ่งไปมากับพวกไม่ใช่หรือ”

ชัชชัยนั้นรู้ว่านันทานั้นพวกมากลากไปได้เรื่อยขนาดไหน เขาเองก็อยู่ในกลุ่มนั้น แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็รู้สึกเบื่อ อาจจะเป็นเพราะไปเจอผู้คนในสภาพแร้นแค้นอยู่บ่อยๆ ทำให้เขารู้สึกอยากลดความฟุ่มเฟือยลงโดยเน้นความสุขแบบคนธรรมดาๆ บ้าง

“ก็รู้ว่าไปกับชัชไม่ได้อยู่แล้ว พูดไปอย่างนั้นแหละ”

“อยากจ้างมาลีไปช่วยงาน” เขาพูดตามตรง

นันทาจ้องหน้าพอเห็นอะไรในนั้นอยู่บ้าง ชัชชัยเป็นคนเปิดเผย การขอเธอแบบนี้ก็คือการขอจีบน้องสาวเธอนั่นเอง

“แล้วแต่เจ้าตัวเขาละกัน คุยกันเองนะ นันทาไม่เกี่ยว” นันทาปฏิเสธแบบเป็นต่อ ด้วยรู้อยู่แล้วอย่างไรเสียมาลีก็ไม่มีวันแย่งแฟนของเธอไปภายในวันสองวันนี้แน่ แต่ชัชชัยเองจะสมหวังง่ายๆ เธอเห็นยอมไม่ได้เช่นกันเขาจะต้องรู้จักความเจ็บปวดจากการแอบรักข้างเดียวบ้าง มันทุกข์และทรมานเพียงไหนหากสิ่งที่ยื่นให้อีกคนไปแล้วเขาไม่ตอบรับ

“งั้นเดี๋ยวเราขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน คืนนี้ไปฟังเพลงกันไหม”

“อยากพามาลีไปเปิดหูเปิดตาบ้าง” ชัชชัยบอกตามตรง

“ตกลงนะไปกันสามคน”

นันทาโอนอ่อนผ่อนตาม โดยการยักคิ้วให้


“มาลี” นันทาเคาะประตูร้องเรียก มาลีเปิดประตูห้องนอนออกมารับหน้า

“คืนนี้คุณชัชชวนออกไปเที่ยวฟังเพลง เธอจะไปไหม”

มาลีมองสีหน้าพี่สาวตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถามเธอด้วย

“ไปด้วยกันนะ แต่งตัวเร็วๆ ล่ะ”

ถ้าพูดอย่างนี้ก็คืออยากให้เธอไป มาลีพยักหน้าแต่ในใจนั้นคือไม่อยากไป ทำไมจะต้องไปเป็นก้างขวางคอเขาด้วย

เมื่ออยู่ในชุดที่เคยแต่ง นั่นคือเสื้อยืดพอดีตัวคอเชิ้ตแบบผู้หญิงกับกางเกงยีนขาตรงพอดีตัว ทำให้มาลีดูแตกต่างจากนันทา ซึ่งอยู่ในเดรสสายเดี่ยวสีชมพูปักเลื่อมบริเวณชายกระโปรง แถมทรงผมหน้าตานั้นนันทาก็แต่งแต้มจนมีสีสันชวนมอง

ชัชชัยมองผู้หญิงสองคนที่ลงบันไดมา

ทำไมเขารักนันทาไม่ได้ ทั้งที่เธอเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์ในความเป็นผู้หญิงทุกอย่าง แต่สำหรับอีกคน เรียบร้อยจนดูเชยไปเสียด้วยซ้ำ


กลยุทธจ้องมองดูโทรศัพท์ตัวเองอยู่นานหลายสิบนาที สุชินกับสมศักดิ์บอกเล่าให้เขาฟังว่า เมื่อวันก่อนได้เจอมาลีกับผู้ชายคนหนึ่งที่ศูนย์อาหาร มาลีมากรุงเทพฯ แล้วมาเดินกับใคร ญาติอย่างนั้นหรือ แล้วคุณวรรณก็มาบอกให้เขาได้รู้ว่า ผู้ชายคนนั้นก็คือคนที่เป็นข่าวรักสามเส้าในหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อวาน กลยุทธครุ่นคิดว่าเป็นไปได้อย่างไร และถ้าจะให้รู้แน่ชัดมีทางเดียวคือถามจากปากเจ้าตัว ถามเพราะอะไร คนรู้จักกันก็อยากรู้ความเป็นไป

เขากลั้นใจกดส่งสัญญาณ เป็นเสียงของมาลีที่ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงเพลงอึกทึก แล้วเขาก็ได้ยินเสียง “ค่ะๆ” คงกำลังหามุมที่จะพูดกับเขาให้ได้

“คุณกลยุทธ” น้ำเสียงที่ได้ยินมานั้นเธอดีใจอย่างถึงที่สุดเหมือนกัน

“มาลีเธออยู่ที่ไหน”

ทั้งที่พยายามระงับความลิงโลดของหัวใจ แต่เสียงที่กรอกเสียงกลับไปก็ยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเหมือนเด็กหนุ่มริหัดจีบสาว

“อยู่บ้านพี่สาว”

“แล้วทำไมเสียงดังจังเลย”

“พี่เขาพามาเที่ยวเปิดหูเปิดตา คุณอยู่ที่ไหน ทำอะไร”

“อยู่บ้านซิ เธอสบายดีนะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

แล้วมาลีก็ตอบคำถามไปทีละข้อ กลยุทธรู้สึกว่ามาลีเต็มใจที่จะตอบ บอกเล่าความเป็นมาเป็นไปของตัวเอง และสิ่งหนึ่งที่เขาอยากถามเป็นที่สุด นั่นคือ “คิดถึงผมบ้างไหม”

แล้วปลายสายก็เงียบเสียงลงโดยที่ไม่ตอบคำถามนั้น แต่เปลี่ยนเป็น

“แค่นี้ก่อนนะคะ พี่สาวออกมาตามแล้ว”

กลยุทธวางสายลง เขาไม่น่าพลั้งปากถามคำถามนั้นออกไปเลย กลัวเธอหลุดลอยหายไปอย่างนั้นหรือ มาลีมากรุงเทพเพื่อมาเรียนหนังสือ ผู้ชายคนนั้นคือแฟนของพี่สาว คือเพื่อนของคุณรมณีย์ โลกหนอโลก ทำไมมันช่างแคบถึงเพียงนี้ เมื่อพรหมลิขิตให้มาลีตามเขามาถึงที่นี่ล่ะ เขาจะสานต่อความสัมพันธ์กับเธอไปอย่างไร กลยุทธมองรูปที่มีมาลีโอบเอวและซบอยู่ที่บ่าของเขา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ความรักของเขาจะเกิดขึ้นกับสาวบ้านป่าหน้าตาจืดๆ คนนี้


เช้าวันรุ่งขึ้น กลยุทธรู้สึกแปลกใจที่เห็นว่าน้องสาวคนสวยของตัวเอง ตื่นแต่เช้ามาจัดเตรียมอาหารไว้สำหรับเขาและอาบน้ำแต่งตัวจนสวยงาม “พี่ยุทธ วันนี้กุลขอออกไปข้างนอกนะคะ”

“ไปกับใครคะ”

กลยุทธแปลกใจเพราะน้อยครั้งที่กุลกัญญาจะออกจากบ้านตามลำพัง ด้วยเคยเป็นลมระหว่างการเดินทางเพราะปัญหาจากโรคร้าย

“ไปกับเพื่อนค่ะ”

“คนที่ไหนใครกัน พี่รู้จักไหม”

“พี่ไม่รู้จักค่ะเธอเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านของเรา เมื่อวานน้องไปเดินเล่นที่สวนก็เลยได้คุยกันจนถูกคอ หน้าตาดีด้วยนะ คุยสนุกดี แล้วจะแนะนำให้พี่รู้จักนะคะ”

“ไว้ใจได้เหรอ”

กลยุทธยังนึกเป็นห่วงน้องสาว แต่ก็นั่นแหละ หากเขาประคบประหงมกุลกัญญามากไป เขาเองก็จะมีแต่ภาระที่เพิ่มขึ้น ให้กุลกัญญาได้ตัดสินใจทุกๆ อย่างด้วยตัวเองดูบ้าง เขาควรจะแค่รับรู้แบบผู้ปกครองเท่านั้นก็พอ

“จะไปไหนกัน มีเงินพอไหม”

“ไปเที่ยวสวนจตุจักรค่ะ เงินพอมี อีกอย่างไม่ได้คิดซื้ออะไร”

“นอกจากนวนิยาย” เขาพูดตรงใจกับน้องสาว

“ถ้าหนังสือกุลรวมเล่มเมื่อไหร่พี่จะจัดฉลองใหญ่ให้เลยนะ”

“พี่ยุทธเสียตังค์ครั้งใหญ่แน่ค่ะ ไปนะคะ เดี๋ยวมาลีรอนาน”

ปลายประโยคนั้นกุลกัญญาลดน้ำเสียงลง จนกลยุทธได้ยินไม่ถนัด



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ธ.ค. 2554, 08:09:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ธ.ค. 2554, 08:09:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1848





<< 12."หนูขาไม่สวย"   14. นิวัฒน์ >>
แว่นใส 20 ธ.ค. 2554, 08:54:22 น.
เรื่องเยอะนะ


เดิมเดิม 20 ธ.ค. 2554, 12:27:26 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


minafiba 20 ธ.ค. 2554, 21:01:55 น.
^_^


innam 24 ธ.ค. 2554, 09:09:30 น.
มีเรื่องเข้ามาเยอะ หลากหลายดี
ตามกด like ให้ด้วยคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account