พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 14. นิวัฒน์

14.

“อยู่ที่ไหนมาลี” เป็นเสียงของชัชชัยที่โทรเข้ามาขณะที่มาลีอยู่บนรถเมล์ปรับอากาศ

“จำเป็นต้องรายงานด้วยเหรอ” มาลีตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

“คิดว่าจำเป็นไหมล่ะ” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงเช่นกัน

“ไม่จำเป็น ถ้าจะให้บอกเล่าก็จะบอกว่ากำลังจะไปเดินเล่นที่ตลาดนัดสวนจตุจักร”

“ไปกับนันทาเหรอ นันทาไม่เคยไปเดินนี่” เมื่อได้ยินมาลียิ้มเยาะที่มุมปาก รู้ใจกันจริงนะ

“ไปกับเพื่อนค่ะ เพื่อนใหม่”

“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“จำเป็นต้องบอกด้วยหรือ” มาลีถามซ้ำอีกครั้ง

คราวนี้เขาตัดสายทิ้งไปทันที ก็อยากให้มาลีรู้ไว้สักนิดว่าเขาแคร์กับคำพูดของเธอ เมื่อวางสายแล้วใช่ว่าเขาจะตัดมาลีออกไปจากใจได้ ชัชชัยยกโทรศัพท์กดโทรหานันทาทันที

“มาลีออกไปไหนกับใคร”

นันทาที่งัวเงียตื่นมารับโทรศัพท์รู้สึกหงุดหงิด แต่น้ำเสียงนั้นพยายามระงับโทสะจริตให้มากที่สุดเช่นกัน

“ไม่รู้นะชัช เขาไม่ได้แจ้งอะไรนี่”

“น้องคุณเพิ่งจะเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ นะ”

“เขาใช่คนโง่เง่าเซ่อซ่าซะที่ไหน ถ้าเขาไม่เก่งจริง เขารับทัวร์ไม่ได้หรอกนะชัช” นันทาแจงความรู้สึกของเธอที่มีต่อมาลีให้ชัชชัยได้รับรู้บ้าง

“แต่ที่นี่ไม่ใช่อุ้มผางนะ” ชัชชัยยังหาเรื่องพาล

“นันทาก็ไม่ใช่แม่เขานิ แล้วทำไมเขาจะต้องมารายงานด้วย แค่นี้นะ จะเข้าห้องน้ำ”

เรื่องนี้มันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เมื่อไปเที่ยวด้วยกันใน canta bella club หลังจากที่เขาได้คิวขึ้นไปโชว์เล่นแซกโซโฟนใน ‘เพลง the one you love’ แล้วมาลีก็หายหน้าไปอยู่ข้างนอก กลับลงมาเขาหงุดหงิดใส่เธอ จนกระทั่งเธอต้องออกมาตาม แล้วมาลีสลดเสียที่ไหน พอเดินกลับมาก็ตาลอยๆ

น้องสาวเธอคนนี้ก็ใช่ย่อยเหมือนกัน เห็นหงิมๆ คงจะมีคนอยู่ในโทรศัพท์มากมาย ก็เพราะทำทัวร์หรอก ถึงอยู่บ้านป่าแต่มาลีก็รู้จักคนมากหน้าหลายตา ใช่สาวน้อยอ่อนต่อโลกเสียที่ไหน

อีตาชัชชัยบ้า หลงเด็กสาวลวงโลกแล้วแน่ๆ


เมื่อรู้ข้อจำกัดของกุลกัญญาต่อการมีชีวิตอยู่ ทำให้มาลีพลอยรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย กังวลว่ากุลกัญญาจะมีอาการผิดปกติอย่างหนึ่งอย่างใด แล้วเธอไม่มีปัญญาปฐมพยาบาลหรือดูแลพาส่งโรงพยาบาลได้ แต่กุลกัญญาก็บอกว่าไม่ได้หนักหนาอะไรหรอก แต่จะให้เดินเร็วๆ หรือ เข้าไปในที่ร้อนๆ มากไม่ได้แค่นั้นเอง

แล้วกุลกัญญาก็พามาลีไปหยุดที่ร้านขายเสื้อผ้าสำหรับเด็กสาวเช่นพวกเธอ

“มาลีต้องเปลี่ยนตัวเองนะ แบบที่ใส่อยู่ถ้าอยู่ที่อุ้มผางนะมันดูดี แต่ที่นี่ ต้องแบบนี้ ราคาไม่แพงหรอก ตัวละไม่ถึงร้อย”

มาลีคำนวณเงินที่จะต้องจ่าย

“เราแค่อยากมาดูเฉยๆ นะกุล ไม่อยากได้อะไร”

“ให้กุลซื้อให้นะ”

“ถ้าเป็นแบบนั้น ไม่เอานะ” มาลีทำท่าจะปฏิเสธ แต่กุลกัญญาก็เลือกเสื้อมาทาบที่ตัวของมาลี

“ถ้าพี่ชายของกุลเห็นมาลีต้องชอบแน่ๆ เลย”

“บ้าแล้วกุล ไม่ต้องจับคู่ให้เลยนะ”

“เอาตัวนี้นะ กระโปรงด้วย เอายาวๆ ก่อนดีกว่า ให้ชินแล้วค่อยใส่แบบเดรสสั้น เปิดนั่นเปิดนี่ รู้ไหมมาลี กุลอยากใส่ตัวนี้นะ แต่ผิวกุลไม่สวยโชว์ไม่ได้แล้ว”

“ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องโชว์นี่”

“สมัยนิยมไงมาลี เดินสวนเราสิบคน มีใครบ้างที่ไม่แต่งตัวลักษณะนี้ นี่มาลียังจะต้องทำสีผมซอยสไลด์แล้วก็ติดพวกกิ๊บเก๊หน่อยนะ รับรองเลยว่า”

“พอเหอะ ถ้ารู้ว่ามาแล้วจะต้องกลายเป็นตุ๊กตาของกุล มาลีไม่มาดีกว่า”

“มาแล้วก็ทนๆ หน่อยนะ สองตัวนี้กุลจ่ายให้นะ”

“ไม่เอานะกุล งั้นจ่ายเอง” มาลีรีบส่งแบงก์ห้าร้อยให้คนขายทันที

“เอาไว้ให้กุลเลี้ยงข้าวนะ”

“กุลก็ไม่ได้ทำงานนี่ แล้วเงินนี่กุลเอามาจากที่ไหน”

“พี่ชายหา กุลใช้ มีหน้าที่ใช้อย่างเดียว ใช้เยอะด้วยนะ เดือนหนึ่งเกือบสามหมื่น”

“สามหมื่น” มาลีตาโต

“ค่ายาเกือบสองหมื่นแล้ว ไม่เป็นไรหรอก พี่ชายเขาบอกว่า มีให้กุลใช้ดีกว่าไม่มีกุล”

ว่าแล้วกุลกัญญาก็น้ำตาไหลออกมา มาลีรู้ว่ามันเศร้าเพียงไหนที่มีชีวิตอยู่โดยมีมีดของพญายมจ่ออยู่ที่คอหอยด้วย

“มาเที่ยวกุล ทำใจให้สบายๆ นะ ไปกัน”

เมื่อรับเงินทอนแล้วมาลีจูงมือกุลกัญญาเดินต่อไป จนกระทั่งมาลีได้ยินเสียงแควกๆ ตามด้วยเสียงผู้ชายตะโกนขายสินค้า

“ไม่ลอก ไม่ดำ เงินแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ใส่แล้วเท่ เก๋ไก๋มีเสน่ห์ชวนมอง เชิญเลยครับ เชิญเลย”

ในสายตาของมาลี ตรงที่ไฟฟ้าสว่างไสวกว่าที่อื่นมีคนยืนรุมกันเต็มไปหมด

“เงินปลอมอาศัยโฆษณาแล้วพวกคนโรงงานจากบ้านนอกก็แห่ซื้อเพราะอยากเท่แบบพวกดาราที่เอารูปมาแปะอยู่ที่ข้างฝา” กุลกัญญาออกความคิดเห็น

“อ้าวน้องสองคนมาเลยครับ”

คนขายหนุ่มตะโกนเรียกผ่าวงออกมา มาลีหันไปมองเพราะสนใจตรงความกล้าบ้าบิ่นของคนขายมากกว่าสนใจสินค้าที่เขาเอามีดมาขูด เพื่อให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของเนื้อเงิน

เป็นคนต้องสู้ยอมจำนนให้กับชีวิตได้เสียที่ไหน ร้านไหนที่เงียบๆ ก็มีคนน้อย แต่ร้านไหนที่ขายแบบมีลีลาคนแยะทีเดียว ถ้าเธอต้องมาขายของที่นี่ เธอจะมี ‘ลูกบ้า’ ใช้ในงานพรีเซ้นต์สินค้าบ้างไหมนะ

“เฮ้ย เอ๊ย” มาลีต้องเพ่งตามองกลับไปซ้ำอีกครั้ง

“ไอ้วัฒน์”

มาลีตะโกนตอบกลับเสียงดังกลับไปบ้าง คนขายหนุ่มหน้าตาดีหน่วยก้านดีที่ยืนคู่อยู่กับหญิงวัยกลางคน รีบผละจากร้านค้าและแหวกกลุ่มลูกค้ามาหามาลีในทันทีเช่นกัน

“มาลีจริงๆ ด้วย มาได้ไงวะ”




“ไอ้พี่วัฒน์จริงๆ ด้วย หล่อขึ้นว่ะ”

มาลีจับบ่าทั้งสองข้างของหนุ่มร่างใหญ่ซึ่งสูงมากกว่าร้อยแปดสิบ และด้วยสวมเสื้อกล้ามสีขาวเนื้อดีทำให้เห็นผิวพรรณที่โผล่พ้นเนื้อผ้าออกมา ว่าขาวและกำยำแค่ไหน

แล้วชายหนุ่มที่ยิ้มร่ากับมาลี ก็ปรายตามามองผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“กุลเพื่อนเรา กุลนี่”

“นิวครับ ผมชื่อนิว”

“อ้าว” มาลีงง แล้วนิวัฒน์ก็ชะโงกหน้าไปที่ใบหูของมาลีพร้อมกับกระซิบว่า

“ไอ้วัฒน์มันตายไปแล้ว กูเปลี่ยนชื่อแล้วโว้ย ไม่อยากเชย”

มาลียิ้มขำ “เออ นิวก็นิว กุลนี่ไอ้นิวคนบ้านเดียวกัน มันเป็นรุ่นพี่แต่ตกซ้ำชั้นบ่อย ก็เลยเป็นไอ้พี่นิวสำหรับมาลีเสมอมา”

“ไม่ต้องเล่าความหลัง”

“ถ้าไม่อยากให้เล่าก็ไม่น่าร้องทัก”

“เออน่าไม่ได้ลืมกำพืดหรอก แต่ไม่อยากนึกถึง” นิว หรือ นิวัฒน์แห่งอุ้มผางมีสีหน้าสลดลง

“กินข้าวกลางวันกันหรือยัง ไป เราเลี้ยงนะ”

มาลีหันมามองหน้ากุลกัญญาที่แดงระเรื่อ

“หิวพอดี ไปซิ”

กุลกัญญาไม่เล่นตัว นิวัฒน์เดินนำหน้า มาลีจับข้อมือของกุลกัญญาเดินตามไปอย่างเชื่องช้า

“เดินเร็วดิ๊”

นิวัฒน์หันกลับมาเร่ง แต่เมื่อเห็นหน้าอันซีดเซียวของคนที่เดินอยู่ข้างๆ มาลี เขาก็ทำหน้าแปลกใจ

“มันร้อนนะ กุลเขาไม่ค่อยแข็งแรง ช้าหน่อยนะ”

“เป็นอะไรหรือครับ”

หนุ่มร่างสูงผู้มีไหล่กว้างผิวขาว แม้ใบหน้านั้นไม่หล่อเหลา แต่ด้วยดวงตายาวรีกับเส้นผมสีดำเส้นใหญ่และชี้ตั้งขึ้น ทำให้รูปหน้าที่เป็นเหลี่ยมมีโหนกแก้ม ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบทีเดียว

“มีโรคประจำตัวค่ะ” กุลกัญญาใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นกับใครมาก่อนเลย

“งั้นเดินช้าๆ ก็ได้ แล้วนี่มาทำอะไรในกรุงเทพ มาเรียนต่อเหรอ พักอยู่ที่ไหน แถวไหนกับใคร” เขาถามเป็นชุด

“มาเรียนต่อ พักอยู่กับพี่นันทา แล้วก็พักอยู่ที่ไหนนา”

“ลาดพร้าว 71” กุลกัญญาตอบแทน

“บ้านอยู่ใกล้ๆ กัน ก็เลยมาด้วยกัน เพิ่งรู้จักกันด้วย”

มาลีบอกความสัมพันธ์ของตนกับกุลกัญญาให้นิวัฒน์ได้รับรู้โดยที่ไม่ต้องถาม เมื่อเดินกันไปคุยกันไป เลี่ยงคนที่เดินสวนทางจนถึงร้านอาหารสไตล์ฝรั่งแล้ว นิวัฒน์ก็เดินนำเข้าไปในร้าน

“เอาดีขนาดนี้เลยเหรอ” มาลีถามย้ำ

“เออดิ๊ เจอะเพื่อนเก่าทั้งที เลี้ยงธรรมดาได้ที่ไหนล่ะ”


เมื่อนิวัฒน์ขอตัวกลับไปทำงาน กุลกัญญาถึงกับมองตามร่างสูงสมส่วนไป นายคนนี้ถ้าเป็นพระเอกละครคงเป็นไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเพื่อนพระเอก พระรองหรือไม่ก็นายแบบถ่ายเสื้อผ้าคงเข้าที

มาลีมองเห็นสายตาของกุลกัญญา แต่ไม่เข้าใจความรู้สึกข้างใน

“ชีวิตเขาแปลกดีนะ” กุลกัญญาเปรยขึ้น

เพราะนิวัฒน์นั้นบอกว่า ไม่อยากทำงานประจำ ด้วยจุดมุ่งหมายในชีวิตในเวลานี้ นอกจากพยายามเรียนรามให้จบ แบบไม่ตั้งใจเรียนแล้ว ชีวิตของเขายังหวังก้าวเป็นนายแบบ หรือไม่ก็ดาราบทพระรองอยู่ยั่งยืนคู่ฟ้าเมืองไทย

“ไม่รู้มันไปเอาความคิดนี้มาจากไหน ไม่คิดเลยว่ามันมีชีวิตในวัยเรียนแบบโง่ๆ แล้ว ชีวิตจริงที่มันโตขึ้นยังจะอยู่แบบโง่ๆ อีก”

“ทำไมไปว่าเขาอย่างนั้นล่ะ”

“ก็มันเป็นฝันที่ลมๆ แล้งๆ นะซิ กุลคิดดูนะ ถ้ามันไม่ถึงฝั่งฝันที่มันคิดไว้จะเป็นอย่างไร ก็ลอยไปลอยมาอย่างนี้นะซิ ไม่รู้ว่าเงินที่รับจ้างเขาขายของแค่วันเสาร์อาทิตย์นี่จะพอกินหรือเปล่านะ”

“พ่อแม่เขาล่ะ”

“ลูกชาวบ้านจนๆ คนหนึ่งล่ะ ก็ทำไร่ตามฤดูกาลเหมือนคนทั่วๆ ไป แต่ว่าไปนะกุล ฟังที่มันเล่าแล้วก็อยากเจอะพี่ตรีทศเหมือนกัน”

“คนที่ว่าได้เป็นสจ๊วตแล้วนะเหรอ”

“อือ มันเป็นพลังให้มาลีนึกอยากลุกขึ้นมาสู้ทีเดียว จากเด็กยากจนเรียนจบแค่ปอหกจากอุ้มผาง มาบวชเณรเรียนต่อจนจบมอหก แล้วก็พลิกชีวิตตัวเองมาอยู่ในกรุงเทพ เรียนจนจบปริญญาตรีพร้อมกับทำงานไปด้วย มาพร้อมกับไอ้พี่วัฒน์ไอ้นิวของเรา แต่ขานั้นเขามุ่งมั่นกว่า วางแผนมากกว่าก็เลยไปได้สวย”

“แต่กุลเอาใจช่วยนิวเขานะ”

“ทำไม”

“กุลก็มีฝันลมๆ แล้งๆ เหมือนกับเขานะซิ”

แล้วกุลกัญญาก็บอกเล่าเรื่องที่ตนซุ่มเขียนงาน แล้วส่งให้ไปนิตยสารให้มาลีได้รับรู้

“ที่บ้านกุลรับเลดี้วีคตั้งแต่สมัยคุณแม่ยังอยู่เลยนะ แม่ชอบอ่านนิยาย กุลก็อ่านตามจนอยากเขียนเองแล้วได้ลงที่นั่น แค่เฉพาะที่เลดี้เท่านั้น แบบนี้ถือว่ากุลฝันลมๆ แล้งๆ เหมือนกับนิวไหม” คำลงท้ายชื่อนั้นคนที่จากไปนั้นมีอาวรณ์ทีเดียว

“เหมือน แต่กุลก็หวังพึ่งตัวเองมากกว่านายนิวนะ นายนิวนั่นหวังว่าจะมีพวกแมวมองมาเห็นแล้วพาตัวเองเข้าสู่วงการ”

“เขาก็เข้าไปหาพวกโมเดลลิ่งนี่ เมื่อกี้เขาก็บอก”

“กี่ปีแล้วละกุล มันยี่สิบสามแล้วนะ แก่ไปหรือเปล่าที่จะเป็นดาราได้สมใจ ไม่รู้ล่ะ ถ้ามีโอกาสก็อยากพูดให้มันมีชีวิตที่ปกติ มีความฝันแบบคนปกติทั่วๆ ไป เรียนให้จบ แล้วก็หางานทำ แม้งานนั้นจะต้องสร้างฐานะแบบค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ก็ดีกว่าที่จะฝันใหญ่แล้วไปไม่ถึง”

มาลีมีสายตามุ่งมั่น ก่อนจะถอนหายใจแล้วเหลือบมองโทรศัพท์ที่เพิ่งบันทึกเบอร์ของเพื่อนชายเก็บไว้

“ลืมถามเลยว่ามันมีแฟนหรือยัง” มาลีทำหน้าครุ่นคิด

“กุลทายว่ายังนะ”

“เพราะอะไร” มาลีตั้งคำถามเมื่อเห็นว่าน้ำเสียงอีกคนเชื่อมั่น

“คนที่มุ่งสำเร็จอะไรสักอย่างหนึ่ง เขาจะไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปรักใครง่ายๆ หรอกมาลี ดูพี่ชายกุลเป็นตัวอย่าง จวนจะสามสิบอยู่แล้ว ยังไม่ยอมมีแฟนเลย”

“จริงเหรอ แล้วเขามุ่งหวังอะไร”

“มุ่งยื้อชีวิตกุลไว้ไง ก็เลย ทำแต่งาน กลัวไม่มีเงินรักษาน้องสาวคนนี้” น้ำเสียงของกุลกัญญาเศร้าลง


ออกจากร้านอาหารแล้ว กุลกัญญาก็พามาลีเดินต่อไปยังย่านที่ขายหนังสือ มาลีเห็นถึงสีหน้ามีความสุขของกุลกัญญาทันทีเช่นกัน ขณะที่กุลกัญญากำลังซักถามคนขายถึงเรื่องใหม่ๆ โทรศัพท์ของกุลกัญญาก็ดังขึ้น “ไม่เป็นไรเลยพี่ สบายดีค่ะ ไม่ต้องมารับหรอก ถ้าไม่ไหวกุลจะนั่งแท็กซี่กลับ วันหยุดพี่ กุลก็อยากให้พี่พักผ่อนอยู่บ้านสบายๆ บ้าง ไม่ได้มีเพื่อนใหม่แล้วลืมพี่หรอกค่ะ พี่ยุทธสำคัญเสมอแหละ อยากทานอะไรไหมกุลจะซื้อไปฝาก ถ้าฝีมือพี่ยุทธอะไรก็ได้ค่ะ ทำเผื่อเพื่อนกุลด้วยนะ”

เมื่อวางสายจากพี่ชายแล้ว กุลกัญญาหันมายิ้มให้กับมาลีที่กำลังเลือกดูหนังสือท่องเที่ยวเล่มเก่า แล้วมาลีก็ได้เล่มที่มีรูปน้ำตกทีลอซู กับหน้าปกท้องทะเลมาถือไว้

“มาลีวันนี้ทานข้าวเย็นกับกุลนะ”

มาลีมองหน้า ทำท่าครุ่นคิด

“พี่ชายทำอาหารไว้รอ มีแต่ของที่กุลชอบทั้งนั้นแหละ”

“แล้วถ้าเราไม่ชอบล่ะ”

“ก็ไม่เป็นไร กุลชอบเป็นใช้ได้นะ นะทานข้าวด้วยกัน กุลอยากให้มาลีได้รู้จักกับพี่ชายกุลไว้ เพราะต่อไปกุลจะไปเรียนรามฯ กับมาลีด้วย พี่ชายจะได้ไว้วางใจว่ากุลมีคนดูแล”

“ดูแล”

มาลีทวนหน้าที่ใหม่ที่ได้รับรู้ เธอพร้อมจะดูแลกุลกัญญาไหม แต่เมื่อรู้ปัญหาของเพื่อนใหม่คนนี้ คิดเสียว่าช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

“ก็แค่บังหน้าชั่วคราวเท่านั้นแหละมาลี ขอให้พี่ชายอนุญาตก่อนที่เหลือค่อยว่ากัน”

“ถึงต้องดูแลกุลมากกว่านั้นมาลีก็เต็มใจนะ” มาลีบอกความรู้สึกออกไป

“มาลี ไม่มีใครทนอยู่กับคนขี้โรคได้หรอก กุลรู้ดี ข้อจำกัดของกุลมีเยอะแยะที่จะให้คนอื่นรำคาญกุลได้ กุลเดินเร็วไม่ได้ กุลใช้กำลังไม่ได้ กุลทานอาหารและผลไม้บางชนิดไม่ได้ กุลต้องกินยาตลอด ดีไม่ดีกุลก็จะต้องมีปัญหาระหว่างวันแบบที่คนอื่นๆ คาดไม่ถึง แต่ได้ยินมาลีพูดแบบนี้กุลก็ดีใจ”

มาลีนิ่งฟังกุลกัญญา แล้วก็ถามว่า “กุลเคยมีคนรักไหม”

“แฟนนะหรือ”

“เคยมีซิ กุลหน้าตาดีจะตาย มีคนมาจีบกุลตั้งแต่อนุบาล ตอนประถมนี่กุลฮอตมากๆ ตอนอยู่มัธยมอีกกุลเป็นดรัมเมเยอร์โรงเรียนด้วยนะ มีแสดงที่ไหนจะต้องมีกุล แฟนคลับกุลเต็มไปหมด จนกระทั่งกุลป่วย กุลถึงได้รู้ว่า รักแท้พิสูจน์ได้ยามยากจริงๆ” น้ำเสียงของกุลกัญญาหม่นลง

“คงไม่มีใครมาชอบกุลอีกแล้ว ชีวิตของกุลคงมีแต่พี่ชายและตัวเองกับความฝันลมๆ แล้งๆ ไปจนตาย”

“อย่าพูดเรื่องเศร้าซิ ไปกุล ได้หนังสือหรือยัง มาลีจะช่วยถือให้”

ขณะกำลังมุ่งเดินไปยังรถสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน มาลีก็ต้องส่งถุงจากมือขวามาที่มือซ้ายเพื่อที่จะได้รับโทรศัพท์

“ถึงบ้านหรือยัง” น้ำเสียงนั้นดูคล้ายเป็นผู้ปกครองทีเดียว

มาลีถึงกับโกรธฉิวขึ้นมา

“เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ”

“เป็นห่วง” น้ำเสียงนั้นผะแผ่วลง จนมาลีต้องเอาโทรศัพท์ออกจากหูแล้วทำหน้าเลี่ยน

กุลกัญญาเห็นอากัปกิริยานั้นแล้วยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่ม้านั่งริมรั้วแล้วทำตาลอยคล้ายนึกถึงใครสักคน

“ห่วงไม่ได้เหรอ” ปลายสายถามย้ำ

“มีคนให้ห่วงอยู่แล้ว อย่ามาพูดอย่างนี้นะ” มาลีแว้ดกลับไป

“อยากห่วงมาลีคนเดียว”

“อีตาบ้า ไม่ต้องมาทำปากหวานเลย ฉันไม่มีวันหลงคารมคุณหรอก แค่นี้นะ”

“ไปเยาวราช กันไหมอยากไปไม่ใช่เหรอ” ปลายสายรีบพูดแทรกขึ้นมา

“อยากไป แต่ไม่อยากไปกับคุณแล้ว แค่นี้นะ”

มาลีกดตัดสัญญาณโทรศัพท์แล้วยัดลงกระเป๋ากางเกง พอดีที่เงยหน้ามา เขาก็โผล่จากมุมร้านค้ามายักคิ้วให้ มาลีอยากวิ่งไปทุบให้สักตุ้บทีเดียว แต่เขาไม่สนใจ เดินมาถึงก็คว้าถุงในมือที่พะรุงพะรัง มาลีอยากจะแย่งไว้แต่ก็หนักจนบ่าล้าไปหมด

“รถจอดอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ไปขึ้นรถกลับบ้านด้วยกันจะไปส่ง”

มาลีมองหน้ากุลกัญญาที่มองมายังตนเช่นกัน

“แล้วแต่มาลี” กุลกัญญาให้มาลีตัดสินใจ



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ธ.ค. 2554, 10:30:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ธ.ค. 2554, 10:30:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1773





<< 13."ไว้ใจได้เหรอ"   15."หากผมไม่รับของละครับ" >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 27 ธ.ค. 2554, 10:31:08 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ..


แว่นใส 27 ธ.ค. 2554, 15:44:28 น.
ขอบคุณค่ะ


minafiba 27 ธ.ค. 2554, 20:48:44 น.
^-^


mottanoy 27 ธ.ค. 2554, 23:12:27 น.
เชียร์ชัชชัย น่ารักขนาดนี่เราไม่เล่นตัวนานหรอก


ปอยอะนะ 30 ธ.ค. 2554, 17:00:01 น.
อยากกดLikeซ้ำๆ แต่มันทำไม่ได้ อิอิ
ชอบคุณชัช


innam 7 ม.ค. 2555, 15:09:16 น.
พระเอกท่าจะเป็นคุณชัช เพราะมาแรงตอนท้ายทั้งบทบาทและกองเชียร์


moohin 20 ม.ค. 2555, 08:19:17 น.
ชัชน่ารักอ่ะชอบคนแบบนี้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account