คำตอบคือ"รัก"
“เรื่องของความรักมันก็อย่างนี้ล่ะค่ะ วกวน สับสน ยากที่จะเข้าใจ แต่ตราบใดที่ใจของทั้งคู่ยังมีรักให้กันสุดท้ายปลายทางก็ต้องลงเอยที่ความสุขเสมอ เหลือเพียงแค่ว่าเขาสองคนจะเชื่อมั่นในรักกันสักแค่ไหน และเชื่อมั่นเท่าๆ กันรึเปล่า” พลระพีกระชับอ้อมกอดให้ภรรยาแนบชิดเข้ามาอีก

คงจริงอย่างที่พี่พีของเธอบอกและเธอเองก็รู้ดีว่า อานุภาพของความรักนั้นมันยิ่งใหญ่เพียงใด เหลือเพียงแค่ภาวนาให้คนทั้งคู่มีจิตใจที่มั่นคงต่อกัน เมื่อนั้นอุปสรรคใดที่ขวางกั้นก็คงคลี่คลายและจางไปอย่างรวดเร็ว

Tags: พร้อม แพรวา พลระพี พริบดาว

ตอน: ตอนพิเศษ :ที่รักของผู้กล้า

เนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ปี ๒๕๕๕ ที่กำลังจะมาถึง

กาแฟเย็นขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ได้โปรดช่วยปกป้องคุ้มภัย และดลบันดาลให้ทุกๆ ท่าน ประสบแต่ความสุขความเจริญ สมหวังในทุกสิ่งที่ปรารถนา ตลอดไปนะคะ


=================
ตอนพิเศษ :ที่รักของผู้กล้า
=================


ลมเอื่อยในตอนสายของวันหยุดสุดสัปดาห์ช่วงกลางเดือนธันวาคมพัดเอาไอเย็นชื่นเข้าสู่รั้วของต้นปักษาสวรรค์ที่ปลูกเรียงรายอยู่โดยรอบให้ไหวเอน อากาศสดใสของต้นฤดูหนาวทำให้การใช้เวลาอยู่กลางแจ้งของครอบครัวที่ประกอบไปด้วยพ่อ แม่ และลูกน้อยวัยกำลังซน ทอดยาวออกไปกว่าช่วงอื่นของปี


พลระพีและเด็กหญิงพีรกานต์ช่วยกันใส่ปุ๋ยและพรวนดินให้เพื่อนสีเขียวโดยมีพริบดาวยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ไม่ห่างนัก เสียงหัวเราะคิกคักและภาพครอบครัวแสนสุขอบอวลไปทั่วทุกอณูของบ้านอุ่นรักแห่งนี้


เสียงออดที่หน้าประตูดังขึ้น ทั้งสามชีวิตจึงหยุดกิจกรรมที่ต่างทำอยู่แล้วพากันเดินไปที่ประตูรั้ว เมื่อประตูแง้มเปิดออก ภาพที่ครอบครัวของพลระพีได้พบคือชายหญิงและเด็กผู้ชายตัวน้อยวัยไล่เลี่ยกันกับเด็กหญิงพีรกานต์ยืนแอบอยู่ที่ด้านหลังของผู้ที่น่าจะเป็นมารดา


ชายผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวนั้นดูสูงวัยกว่าพลระพีไม่มากนัก ใบหน้าอย่างคนมีเชื้อสายจีนยิ้มแย้มดูอารี ร่างกายสันทัดไล่เลี่ยกับหญิงซึ่งเคียงข้าง หญิงสาวผู้เป็นภรรยานั้นอายุใกล้กันกับสามี ผิวพรรณขาวเหลือง ดวงหน้าแม้ไม่ผุดผาดแต่ก็ดูดีน่ามอง


“สวัสดีครับ พวกเราย้ายเข้ามาใหม่ จึงมาขอทำความรู้จักครับ” หนุ่มใหญ่ผู้เป็นช้างเท้าหน้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม


“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักและได้เป็นเพื่อนบ้านกันนะครับ” พลระพีค้อมศีรษะเล็กน้อยอย่างให้เกียรติ


“เข้าบ้านวันนี้วันแรกเหรอคะ? มีอะไรให้พวกเราช่วยบอกได้เลยนะคะ” พริบดาวแสดงไมตรี


“ขอบคุณมากนะคะ ใช่แล้วค่ะ วันนี้เข้ามาอยู่วันแรก ข้าวของยังอยู่ในลังเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่คิดว่าน่าจะจัดเสร็จภายในวันนี้ล่ะค่ะ เอ๊ะ! ลูกสาวน่ารักจัง กี่ขวบแล้วคะเนี่ย? “ หญิงสาวข้างบ้านเอ่ยทักเมื่อแลเห็นเด็กน้อย


“น้องเพลินสี่ขวบค่ะ อยู่ชั้นหนึ่ง ห้องกระต่าย” เด็กหญิงพีรกานต์ตอบฉะฉานด้วยความมั่นใจ


“โอ้โห! เก่งจัง สี่ขวบก็เท่ากันกับลูกป้าเลยสิคะ ภีม สวัสดีคุณอาสิลูก” ผู้เป็นแม่รุนหลังบุตรชายให้ออกมายืนที่ด้านหน้า


เด็กน้อยหน้าตาตื่นเหลียวมองบิดาและมารดาไปมาอย่างจะขอความมั่นใจ ผู้เป็นพ่อพยักหน้าให้เบาๆ เด็กชายจึงยกมือขึ้นไหว้ทั้งพลระพีและพริบดาวก่อนจะหลบแผล็วไปด้านหลังของผู้เป็นแม่ตามเดิม


“คงจะแปลกที่เลยกลัวคนแปลกหน้าสินะครับ” พลระพีคาดเดาจากอากัปกิริยาของเด็กชายข้างบ้าน


สองครอบครัวสนทนากันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่ผู้มาใหม่จะขอตัวไปจัดการงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จสิ้น


ลังกระดาษนับสิบวางเรียงรายเกลื่อนกลาดเต็มห้องรับแขกซึ่งมีเครื่องเรือนชิ้นใหญ่ถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยก่อนหน้าแล้ว สองสามีภรรยาสาละวนอยู่กับการช่วยกันจัดเก็บสิ่งของที่บรรจุอยู่ในกล่องกระดาษให้เข้าที่เข้าทาง สองร่างต่างก็เดินไปทางนั้นทีทางนี้ทีให้ขวักไขว่ ในขณะที่บุตรชายได้แต่นั่งมองคนทั้งคู่อยู่ที่มุมหนึ่งของห้องอย่างเงียบๆ


ไม่นานนักเด็กน้อยก็ตัดสินใจลุกขึ้นและเดินไปรื้อข้าวของในลังของตนออกมาบ้าง


“ภีม ทำอะไรน่ะลูก? อย่าเพิ่งรื้อออกมาสิพ่อกับแม่ยังจัดของไม่เสร็จเลย” ผู้เป็นแม่เอ็ด


เด็กชายภภีมหน้าจ๋อยเดินคอตกกลับเข้ามุมไปเช่นเดิม


“ภีม ลูกไปชวนเพื่อนข้างบ้านเล่นสิไป” ผู้เป็นบิดาแนะนำแต่สองมือยังจัดของไม่หยุดหย่อน


เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิดไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ


“จริงสิดีเลย มานี่มา แม่พาไปส่ง” หญิงสาวมีท่าทีกระตือรือร้นตามแบบฉบับของคนค้าขาย ก้าวอาดๆ มาคว้าข้อมือบุตรชายแล้วกึ่งดึงกึ่งลากพาไปที่บ้านข้างกันในทันที


เด็กชายนั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเป็นแขกตัวจิ๋วอยู่กลางบ้านของพลระพี เด็กหญิงผู้เป็นเจ้าของเคหสถานนั่งคุมเชิงอยู่ไม่ห่างผู้เป็นพ่อ


“น้องเพลินชวนเพื่อนเล่นสิลูก” พลระพีปิดนิตยสารก่อนจะลูบศีรษะบุตรสาวเบาๆ


เด็กหญิงพีรกานต์ลุกขึ้นยื่นอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินไปลากกล่องพลาสติกใบเขื่องออกมาเท ตัวต่อสีสดมากมายไหลออกมาเกลื่อนพื้น เด็กชายตาโตตะลึงกับจำนวนที่ละลานตาของของเล่นในครอบครองของเพื่อนใหม่


“มาเล่นกัน” เด็กหญิงบอกเชิงสั่งกลายๆ ผู้เป็นบิดาแลเห็นการกระทำของผู้เป็นลูกก็คลี่ยิ้ม ก่อนจะเริ่มต้นเปิดนิตยสารเพื่ออ่านต่ออีกครั้ง


ใช้เวลาไม่นานนักทั้งเด็กชายและเด็กหญิงก็เริ่มคุ้นเคยและนั่งเล่นด้วยกันได้อย่างเพลิดเพลิน


เวลาผ่านไปเท่าไรไม่อาจทราบได้แต่เด็กชายนั้นเริ่มรู้สึกถึงอาการปั่นป่วนจากความหิวที่มาเยือน ด้วยว่าเพราะความเร่งรีบ มื้อเช้าของเขาจึงมีเพียงซีเรียลและนมกล่องซึ่งย่อยง่ายแสนง่ายเท่านั้น เด็กน้อยเริ่มกระสับกระส่ายแต่ก็หวั่นใจเกินกว่าจะเดินกลับบ้านโดยที่มารดายังไม่มารับได้ จึงฝืนใจเล่นกับเพื่อนใหม่ต่อไป


เด็กหญิงพีรกานต์เอื้อมหยิบตัวต่อสีที่เธอต้องการโดยที่ใบหน้าขาวผ่องและพวงแก้มย้อยๆ นั้นผ่านไปผ่านมาตรงหน้าเด็กชายภภีมอยู่บ่อยครั้ง พวงแก้มแดงสุกปลั่งและป่องกลมมองไปก็คล้ายกับซาลาเปาหอมกรุ่นบินโฉบอยู่เบื้องหน้า อีกทั้งกลิ่นหอมหวานราวกับลูกกวาดสีสดใสนั่นอีกเล่า ในที่สุดมโนภาพที่เด็กชายมองเห็นจึงแปรเปลี่ยนเพื่อนคนใหม่ให้กลับกลายเป็นอาหารอันโอชะของเขาเสียแล้ว


เสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดของบุตรสาวทำให้พลระพีสะดุ้งโหยง สิ่งที่เห็นพาเอาใจหล่นวูบเมื่อปรากฏว่าเด็กชายข้างบ้านกำลังงับแก้มยอดดวงใจของเขาจนจมเขี้ยว ร่างหนากระโดดเข้าแยกคู่กรณีโดยยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะไม่ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทของเด็กทั้งคู่แต่ประการใด


เด็กหญิงพีรกานต์ร้องไห้จ้าผวากอดคอผู้เป็นบิดาแน่นทั้งเจ็บตัวทั้งตกใจ ส่วนเด็กชายผู้เป็นจำเลยนั้นยืนงงอยู่กลางห้องสมองยังประมวลผลได้ไม่ถูกนัก


“อะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นคะ? “ ทั้งพริบดาวที่อยู่ในครัวตามด้วยผู้เป็นมารดาของเด็กชายภภีมโผล่พรวดพราดเข้ามาและถามขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน


“ไม่ทราบครับ” พลระพีตอบตามตรง


“ภีม ไปทำอะไรเพื่อนหา?! “ ผู้เป็นแม่เอ็ดลูกตาวาว เด็กน้อยน้ำตาคลอด้วยความหวั่นกลัวโดยที่ตนก็ให้คำตอบแก่มารดาไม่ได้เช่นกัน


“อย่าไปดุแกเลยค่ะ แกคงไม่ได้ตั้งใจ” พริบดาวพยายามห้ามปราม


“ต้องขอโทษด้วยค่ะ ไปเลยกลับบ้านเดี๋ยวนี้! ” หญิงข้างบ้านสั่ง เด็กชายเดินคอตกตามแรงจูงของมารดา


เมื่อถึงบ้านของตนเด็กชายก็วิ่งเข้าไปกอดเอวบิดาอย่างจะหาที่พึ่ง


“มีอะไรกันเหรอ? “ ผู้เป็นบิดายิ้มเย็น


“ก็ลูกชายตัวดีนี่สิคะไปกัดลูกสาวข้างบ้านเข้า อะไรก็ไม่รู้ เพิ่งย้ายเข้าวันแรกก็ก่อเรื่องเสียแล้ว” ผู้เป็นภรรยาฟ้อง


“จริงน่ะ? ทำไมไปทำอย่างนั้นล่ะภีม? “ หนุ่มใหญ่ถามบุตรชายกลั้วหัวเราะอย่างคนใจดี


“ก็ผมหิว” เด็กน้อยสารภาพเสียงอ่อย


“หิว? นี่กี่โมงแล้ว? ตายจริง! มัวแต่จัดของนี่ปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าแล้ว โอย...แม่ขอโทษจ้ะลูกจ๋า จะทำข้าวให้กินเดี๋ยวนี้แล้ว” หญิงสาวขอโทษขอโพย ก่อนจะรีบแจ้นเข้าครัวซึ่งยังจัดไม่เรียบร้อยแต่พอให้ประกอบอาหารได้ในทันที


เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์จนกระทั่งเมื่อสนามหญ้าหน้าบ้านมีเพียงเด็กหญิงตัวน้อย เด็กชายเห็นเป็นโอกาสที่จะขอโทษกับเรื่องราวที่ตนได้กระทำ แม้จะด้วยความไม่มีเจตนาแต่เพื่อนใหม่คงเจ็บตัวอยู่ไม่น้อย เขาจึงย่องเข้าไปหาอย่างเงียบกริบ


“ปรี๊ด!!! ” เสียงแหลมแสบแก้วหูดังลั่น เด็กชายภภีมสะดุ้งเฮือกยกสองมือขึ้นอุดหูหลับตาปี๋


“คุณพ่อขา คุณแม่ขา ช่วยด้วยค่า! ” เด็กหญิงพีรกานต์คายนกหวีดจากปากแล้วตะโกนโหวกเหวก


“มีอะไรกันน้องเพลิน? ” เป็นพลระพีที่มาถึงตัวบุตรสาวก่อนใครเพื่อน เด็กน้อยถลาเข้ากอดเอวและหลบอยู่ด้านหลังบิดา


“นั่น นั่น จะมากัดน้องเพลินอีกแล้ว” เด็กหญิงฟ้องนิ้วมือก็ชี้โบ้ชี้เบ้ให้ผู้เป็นพ่อดูคู่อาฆาตตัวกระจิ๋ว


“เปล่านะครับ” เด็กชายโต้เถียงแข็งขัน


“ไม่จริงหรอก! ไปเลยนะ ไปให้ไกลๆ เลย“ เด็กหญิงพีรกานต์ไม่เชื่อ ออกปากไล่เสียงดัง


“น้องเพลินคะ ไม่ทำแบบนี้สิลูก” พลระพีห้ามปราม “ภีม มาหาน้องเพลินมีอะไรรึเปล่าครับ? ” ชายหนุ่มย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกันกับเด็กชายข้างบ้าน โดยยังมีบุตรสาวซุกหลังอยู่


“ผมมาขอโทษ แล้วก็มาขอเล่นด้วยครับ” เด็กชายภภีมยืดอกตอบเสียงดังฟังชัด


“ใครจะเล่นด้วย? ไม่เล่นด้วยหรอก! ” เด็กหญิงตะวาดแว้ดพร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาใส่


“น้องเพลินทำแบบนี้ไม่ดีนะลูก เพื่อนมาขอโทษหนูต้องทำยังไงคะ? “ พลระพีแกะแขนบุตรสาวที่กอดหลังอยู่ก่อนจะดันให้เผชิญหน้ากับเด็กน้อยอีกคน
เด็กหญิงพีรกานต์หน้าคว่ำเป็นจวักจ้องเด็กชายที่ฝากร่องรอยไว้เขม็ง แก้มกลมป่องข้างหนึ่งยังคงมีแผลที่ตกสะเก็ดรูปวงกลมจากฟันของคู่กรณี


“เพื่อนขอโทษแล้วต้องทำยังไงคะ? “ ผู้เป็นบิดาถามย้ำ


“ไม่...เป็น...ไร” เด็กหญิงพูดกับเด็กชายภภีมทั้งที่ยังกัดฟันกรอด มือข้างหนึ่งชูนิ้วก้อยแทบจะทิ่มหน้าเพื่อนที่ยืนอยู่ตรงกันข้าม


ใบหน้าของเด็กชายนั้นปรากฏรอยยิ้ม เขาชูนิ้วก้อยหวังจะเกี่ยวคืนดีกับเพื่อนใหม่ข้างบ้าน ทว่าจู่ๆ ความเจ็บปวดเหลือแสนก็แล่นขึ้นมาจนเด็กน้อยร้องลั่น


“น้องเพลินลูก! ปล่อยเพื่อนเดี๋ยวนี้นะคะ“ พลระพีอุทานพร้อมกับพยายามบีบแก้มบุตรสาวให้อ้าปากปล่อยนิ้วป้อมๆ ของเด็กชายออก


“หายกันแล้วนะ” เด็กหญิงพีรกานต์ยิ้มเผล่อย่างมีชัย ในขณะที่เด็กชายภภีมยังร่ำไห้กระซิกๆ สะบัดมือไปมา “ไปเล่นกัน” ว่าแล้วเด็กหญิงก็ลากเด็กชายวิ่งตื๋อไปยังกองดินที่ตนเล่นค้างอยู่


พลระพีได้แต่อมยิ้มส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจกับความแก่นแก้วของผู้เป็นลูก


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“ภีม! ภีม! เสร็จรึยัง? รถโรงเรียนจะมาแล้วนะ” เสียงใสแจ๋วตะโกนเรียกอยู่ที่หน้าบ้าน


เด็กชายวัยประถมปลายกระโดดแผล็วลงจากเก้าอี้ทานข้าวที่ตนนั่งอยู่อย่างรวดเร็ว


“แม่ครับแม่! ผมไปแล้วนะครับ” เด็กชายบอกกล่าวเสียงดังก่อนจะกระวีกระวาดคว้าข้าวของวิ่งออกไป


“จ้าๆ พรุ่งนี้ก็ลุกให้ง่ายๆ กว่านี้หน่อยนะ ดูสิต้องให้หนูเพลินมาตามได้ทุกวี่ทุกวัน” ผู้เป็นมารดาตอบรับไล่หลังลงมาจากชั้นสอง


เด็กชายสะพายกระเป๋าเป้วิ่งออกมาจากประตูบ้านพอดีกับที่รถโรงเรียนสีเหลืองคันใหญ่มาจอดเทียบที่หน้ารั้ว ทั้งเด็กชายผมสั้นเกรียนติดจะผอมแห้งและเด็กหญิงแขนขายาวเก้งก้างซึ่งสูงกว่าเพื่อนด้านข้าง ต่อแถวปีนขึ้นบันไดของยานพาหนะไปนั่งประจำที่ของตน


ทันที่ที่หย่อนตัวลงนั่งเด็กชายก็ควานมือในกระเป๋าเพื่อหยิบนมกล่องใหญ่ขึ้นมา ภภีมเจาะกล่องนมและตั้งหน้าตั้งตาดูดเป็นจริงเป็นจังจนเด็กหญิงที่นั่งข้างกันต้องเอ่ยถาม


“กินข้าวไม่อิ่มเหรอ? “ เด็กหญิงพีรกานต์สงสัย


“อิ่มแล้วแต่ต้องดื่มนมเยอะๆ จะได้ตัวสูงๆ ไง” เด็กชายแจ้ง


“เดี๋ยวก็จุกตายกันพอดี” เด็กหญิงปรายตามองแวบหนึ่งก่อนจะเบือนหนี


“ถ้าตัวสูงแล้วดีมั้ยล่ะ? “ ภภีมลอบมองแก้มป่องๆ ของเด็กหญิงด้านข้างด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก


“ก็ดี ตัวสูงๆ จะได้อยู่ใกล้ท้องฟ้ามากขึ้น” สิ้นเสียงของพีรกานต์เด็กชายก็ดูดนมเข้ากระพุ้งแก้มเต็มแรงจนกล่องกระดาษยุบแฟบ


“แต่เพลินชอบตัวเตี้ยๆ มากกว่า” ไม่ทันที่จะกลืนน้ำนมลงคอ คำบอกของเด็กหญิงพีรกานต์ก็พาเอาภภีมสำลักพรวด


“แค่กๆๆ เพลินว่าอะไรนะ? “ เด็กชายหันหน้าถามอย่างไม่ค่อยเชื่อหู สองมือปาดเช็ดคราบสีขาวขุ่นที่ทะลักออกทั้งปากและจมูกเป็นพัลวัน


“อี๋! ภีม ทำบ้าอะไรเนี่ย? สกปรกที่สุดเลย“ เด็กหญิงโวยวาย


“เพลินว่าอะไรนะ? ไหนเคยบอกว่าชอบตัวสูงๆ ไง” ภภีมยังคงคาดคั้น


“ก็ชอบ ตัวสูงก็ดีที่ได้อยู่ใกล้ท้องฟ้ากว่าคนอื่นๆ อย่างที่คุณแม่บอก แต่ตอนนี้เพลินสูงเกินไปแล้ว สูงกว่าเพื่อนผู้หญิงในห้อง สูงกว่านายด้วยภีม ถ้าเลือกได้เพลินก็ไม่อยากตัวสูงอย่างนี้หรอก น่าเกลียดจะตายไป” สาวน้อยหน้ามุ่ยด้วยความกังวลใจกับร่างกายไม่สมส่วนที่ดูประหลาดของตน เด็กชายวัยเดียวกันพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย


“นายว่าฉันน่าเกลียดเหรอ? “ พีรกานต์เสียงดังหน้างอง้ำเงื้อกำปั้นขึ้นสูงเตรียมสำเร็จโทษ


“เปล่า! เปล่านะ! ” ภภีมปฏิเสธเสียงสูงยกสองมือขึ้นปัดป้อง “ภีมหมายถึงจริงที่เพลินตัวสูง ไม่ได้เห็นด้วยที่ว่าเพลินน่าเกลียด”


“แล้วไป”


“เพลินไม่ต้องห่วงนะ ภีมจะรีบสูง เอาให้สูงกว่าเพลินเยอะๆ เลยดีมั้ย? นี่ภีมก็ดื่มนมแทนน้ำวันละเป็นลิตรเลยนะ รอไม่นานแน่รับรอง“ เด็กชายสูดหายใจเข้าเต็มปอดพยายามยืดอกแห้งๆ ให้ดูใหญ่โต


“จริงน่ะ? “ เด็กหญิงเหยียดยิ้มอย่างมีความหวัง ดวงตากลมโตราวกับลูกกวางเป็นประกายใสแจ๋ว


“จริงสิ” เด็กชายให้คำมั่น


“คุณลุงบอกว่าถ้าอยากตัวสูงต้องออกกำลังกายด้วย ภีมต้องเล่นกีฬานะแล้วเพลินจะคอยเชียร์” พีรกานต์แนะ


“อืม! “ ภภีมพยักหน้าขึงขัง


“จีบกันอีกแล้วคู่นี้” เด็กอ้วนที่ด้านหน้าชะโงกข้ามเบาะที่นั่งมาล้อเลียนโดยมีลูกคู่อีกคนทำปากจู๋เสียงดังจุ๊บจั๊บ


“ไม่ได้จีบกันสักหน่อยไอ้พวกบ้านี่! นี่แน่ะ! นี่แน่ะ! “ เด็กหญิงแหวใส่อย่างหัวเสีย ดึงไม้บรรทัดพลาสติกออกจากกระเป๋าฟาดไปที่ศีรษะเด็กทั้งสองไปมา ในขณะที่ภภีมนิ่งเฉย


“ว้าย! เขาเขินนะตัวเอง” เด็กแก่นทั้งสองไม่หยุด ยังคงส่งเสียงโห่ฮาสนุกปากกันต่อไป


คิ้วเรียวของพีรกานต์ขมวดมุ่น ใบหน้าแดงจัดอย่างสุดโกรธ เด็กหญิงตะบึงตะบอนลุกขึ้นย้ายไปนั่งข้างเพื่อนซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงที่เบาะคนละฝั่ง โดยทิ้งเพื่อนข้างบ้านให้นั่งเดียวดายอยู่ผู้เดียว


ภภีมเหลือบมองพวงแก้มสุกปลั่งของเด็กหญิงแล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเบือนหน้าทอดสายตาออกสู่ทิวทัศน์ที่รถบัสวิ่งผ่าน


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ค่ำคืนหนึ่งในหน้าหนาวที่อากาศเย็นเฉียบจนสั่นสะท้าน เสียงวัตถุขนาดไม่ใหญ่นักกระทบกระจกถี่ๆ เรียกให้สาวน้อยที่กำลังคุยโทรศัพท์เกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงนุ่มของตนต้องลุกขึ้นมอง


“เพลิน! เพลิน! ” เสียงห้าวเรียกอยู่ไม่ดังนัก


พีรกานต์ตัดบทกับเพื่อนสาวที่ปลายสายแล้ววางหู สาวน้อยแหวกม่านออกดูแล้วคว้าเสื้อถักไหมพรมมาสวมก่อนจะก้าวออกไปที่ระเบียง


ภาพที่เห็นทำให้หัวใจของเธอนั้นกระตุกเต้นด้วยจังหวะประหลาดบอกไม่ถูก ร่างสูงตระหง่านกระชับเสื้อแจ๊กเก็ตยืนกระสับกระส่ายอยู่ที่ระเบียงของบ้านอีกหลัง เด็กหนุ่มแย้มยิ้มเมื่อเห็นว่าเพื่อนตั้งแต่วัยเยาว์ยอมออกมาพบยามวิกาล


“มีอะไรนายภภีม? “ สาวน้อยเอ่ยถามหน้าง้ำ


“เพทายหลับหรือยัง? “ ภภีมถามถึงผู้เป็นน้องชายของพีรกานต์ มารร้ายขนาดย่อส่วนที่อายุห่างจากเขาแปดปี ผู้ซึ่งเห็นเขามีความหมายเพียงแค่วัตถุสำหรับประลองกำลังเท่านั้น


“หลับแล้วล่ะ ทำไม? คิดถึงเหรอ? “ หญิงสาวหัวเราะในลำคออย่างขบขันเมื่อเห็นสีหน้าโล่งอกของเพื่อนบ้าน


“เพลินโกรธอะไรเรารึเปล่า? “ ภภีมถามหน้านิ่ว


“เปล่านี่ ฉันจะโกรธนายเรื่องอะไร? “ สาวน้อยเสียงแข็งแต่เสมองไปทางอื่น


“ไม่โกรธก็ดีแล้ว เราเอานี่มาให้” ร่างสูงย่อตัวลงอุ้มตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ยักษ์ที่วางอยู่ขึ้นมา เขายื่นมันข้ามระเบียงที่ห่างกันไม่กี่ศอกส่งให้ถึงมือเพื่อนข้างบ้าน


พีรกานต์ถูกใจจนไม่สามารถกลั้นยิ้มได้ ดวงตาสุกสกาววาววับ สองแขนกางโอบตุ๊กตาตัวเขื่องดึงมากอดแน่น


“น่ารักจังเลย ขอบใจนะภีม ว่าแต่ให้เพลินเนื่องในโอกาสอะไรน่ะ? “ สาวน้อยยิ้มจนตาหยี แก้มที่ป่องกลมนั้นจึงยิ่งกลมขึ้นไปอีก


“ไม่รู้สิ พี่วินฝากให้เราเอามาให้เพลิน”


“ว่ายังไงนะ? “ พีรกานต์ถามเน้นเสียงเขียว รอยยิ้มที่เคยปรากฏหายไปทันตา


“เราเจอพี่วินที่ชมรม พี่เขาฝากให้เราเอามาให้เพราะเห็นว่าบ้านเราอยู่ติดกัน” ภภีมพูดถึงรุ่นพี่ประธานชมรมบาสเก็ตบอลที่โรงเรียนมัธยมปลายซึ่งเขาเป็นสมาชิกอยู่ตามความเป็นจริง


“แล้วนายก็เลยทำตัวเป็นไปรษณีย์ส่งของให้พี่วินงั้นสิ? “ สาวน้อยสะบัดเสียงสูง


“นี่เพลินเป็นอะไรไปอีกเนี่ย? โกรธเราเรื่องอะไร? “ คิ้วเข้มขมวดเป็นปมเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคู่สนทนา เพราะความคุ้นเคยภภีมจึงทราบดีว่าน้ำเสียงของสาวน้อยนั้นแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างแน่แท้


“ไม่ได้โกรธเลย ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น ฉันไม่กล้าโกรธคนดีๆ อย่างนายหรอก พ่อคนดี พ่อคนมีน้ำใจ พ่อมหาจำเริญ ขอให้เจริญๆ นะ” พีรกานต์แหวใส่รัวเป็นชุดจนภภีมตั้งตัวไม่ทัน จึงได้แต่เกาศีรษะที่มีผมสั้นเกรียนของตนดังแกรกๆ


“มีอะไรอีกมั้ย? เราง่วงแล้ว อยากนอน! “ สาวน้อยกระแทกเสียงใส่ เมื่อเห็นชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ ร่างบางจึงเดินปึงปังกลับเข้าห้องของตนไป


ทันทีที่เข้าห้องลงกลอนจนเรียบร้อยขาเรียวของพีรกานต์ก็เตะโด่งเจ้าหมีน้อยที่เธอเพิ่งชมว่าน่ารักกระเด็นไปไกล สาวน้อยทุ่มตัวลงบนเตียงนุ่มทั้งทุบทั้งตีขาดังตุบตับเป็นพัลวัน


“นายภภีมบ้า ฉันเกลียดนาย! เกลียดนาย! ” กำปั้นขาวทุบลงบนหมอนอย่างสุดพาล


แม้จะตอบตัวเองไม่ได้ว่าความรู้สึกขุ่นมัวที่เธอกำลังเป็นนั้นคืออะไร และเพราะเหตุใดจึงไม่พอใจในการกระทำของเขา แต่อย่างน้อยการระบายอารมณ์กับหมอนที่เธอหนุน โดยจินตนาการว่าเป็นเด็กหนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยยังเล็กก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอักโข


เมื่อความโกรธเกรี้ยวเริ่มจางลง ร่างบางก็นอนหงายและปล่อยใจให้หวนคำนึงถึงจุดเริ่มต้นของความห่างเหินที่ก่อเกิด ตั้งแต่เมื่อใดกันนะที่เพื่อนเก่านั้นปลีกตัวห่าง? และเพราะเหตุใดกันที่ทั้งเธอและเขาต่างก็ไม่สามารถพูดจาด้วยความสนิทสนมได้อย่างเคย?


ดวงตากลมโตเหลือบมองตุ๊กตาที่กลิ้งโค่โล่อยู่ที่มุมห้อง ความรู้สึกจุกแน่นแล่นขึ้นมาจนน้ำตารื้น


“เพลินเหงานะภีม” เด็กสาวยกหลังมือขึ้นปิดตาสะอื้นไห้ด้วยความน้อยอกน้อยใจ จนในที่สุดก็ผล็อยหลับไปทั้งคราบน้ำตาเพราะความเหนื่อยอ่อน


ร่างสูงใหญ่ถอนหายใจยาวเอนหลังพิงเก้าอี้ที่ใช้อ่านหนังสือเพื่อพักสายตา มือใหญ่เอื้อมหยิบกรอบรูปสีสดขึ้นดู ภาพของเขาและเพื่อนข้างบ้านเมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อยนั้นสวยงามในความทรงจำ รอยยิ้มแสนซื่อที่ประดับอยู่อย่างไร้เดียงสาปราศจากเล่ห์มายาใดๆ นานขนาดไหนแล้วที่ทั้งเขาและเธอเหินห่างต่อกัน? นานเท่าไรแล้วที่สาวน้อยผู้นั้นมักจะมึนตึงใส่เขาเสมอ?


ดวงตาคมทอดมองไปยังตั้งหนังสือที่เรียงรายอยู่รอบตัว ตำรามากมายที่เขาจำต้องทุ่มเทเวลาให้กับมันอย่างเต็มที่ ตารางเรียนกวดวิชาที่แน่นขนัดนั้นพรากโอกาสที่เขาจะใช้ร่วมกับเธอไปอย่างช่วยไม่ได้ อีกทั้งการเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลของโรงเรียนนั่นอีกเล่า เวลาอันน้อยนิดที่พอมีอยู่บ้างจึงยิ่งถูกบั่นทอนลงไปจนไม่เหลือหรอ


แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาเป็นเพียงบุตรชายของนักธุรกิจที่จับพลัดจับผลูประสบความสำเร็จในกิจการที่ลงทุน ในขณะที่พีรกานต์นั้นได้รับสมองอันยอดเยี่ยมจากทั้งบิดาที่เป็นศาตราจารย์ดีกรีปริญญาเอก มีตำแหน่งเป็นถึงรองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ในประเทศ และมารดาซึ่งเป็นนักแปลระดับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากสถาบันเดียวกัน ดังนั้น หากเขาไม่พยายามคงไม่มีวันใดที่จะมีผลสอบชนะเธอ และคงไม่มีวันไหนที่เธอจะเหลียวมองมาชื่นชมในตัวเขา


และความพยายามที่มีก็เป็นเพราะสาวน้อยนั้นมักแสดงความปลาบปลื้มใครก็ตามที่เก่งกาจให้เขาต้องเจ็บแปลบที่กลางใจอยู่บ่อยครั้ง พีรกานต์คงมีภาพร่างของชายในฝันที่ถอดแบบออกมาจากผู้เป็นพ่อรวมกับนายตำรวจผู้สง่างามซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง คุณสมบัติอันเลิศเลอของคนทั้งคู่ไม่มีแม้กระผีกหนึ่งซึ่งเขาจะเทียบติด จึงไม่แปลกที่แม้ภภีมจะพยายามไล่ตามความสูงที่เธอมีจนรุดหน้าไปอีกมากมายจากการเล่นกีฬาและโภชนาการ หรือเคี่ยวกรำอยู่กับการเล่าเรียนจนผลสอบสูสีกับเธอ ทว่าสาวน้อยผู้นั้นก็ยังคงมองไม่เห็นความคงอยู่ของเขาสักครั้ง


แต่ไม่ว่าอย่างไรเด็กหนุ่มก็ไม่ย่อท้อ เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่า ในเมื่อเธอนั้นคือ”ผู้เป็นที่รักของคนกล้า” สักวันหนึ่งเขาก็จะต้องเป็น”ผู้กล้า”ที่เอาชนะใจเธอให้จงได้...


*หมายเหตุ :"พีรกานต์" แปลว่า เป็นที่รักของผู้กล้าหาญ "ภภีม" แปลว่า มีความน่าเกรงขาม

===========================================


ลงมือเขียนตอนพิเศษนี้เป็นเพราะ "คำตอบคือรัก" ยิ่งเขียนยิ่งเครียด เครียดเพราะเผลอปล่อยใจinไปกับตัวละคร จึงอยากลองเขียนอะไรที่เบาๆ ให้สมองได้ผ่อนคลายดูบ้างค่ะ


สำหรับ"เรื่องรักเล็ก...เล็ก" จะขอยกไปลงในช่วงวันแห่งความรักนะคะ
ขอบคุณที่ยังเป็นกำลังใจให้กันเสมอมาค่ะ



กาแฟเย็น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ธ.ค. 2554, 23:03:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ธ.ค. 2554, 23:03:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 2821





<< บทที่ ๑๕ :ความลับ ใน ความรัก(ลบ)   บทที่ ๑๖ :คนรัก(ลบ) >>
violette 29 ธ.ค. 2554, 02:15:24 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดด
น่ารักมากกกกเลยค่า ชอบๆๆๆ อยากอ่านเป็นเรื่องเลยด้วยค่ะ อิอิ บ้านนี้เอาหวานๆ
ไปขมบ้านแพรแทนเหรอคะเนี่ย


แพม 29 ธ.ค. 2554, 08:37:02 น.
เรื่องของลุงมันเครียดเกิ๊น


anOO 29 ธ.ค. 2554, 09:14:52 น.
ความรักของเด็กน้อยเริ่มผลิบานโดยไม่รู้ตัว


กาแฟเย็น 29 ธ.ค. 2554, 09:51:25 น.
คุณviolette
:คิดว่าเขียนเรื่องของ หนูเพลิน กับ นายภีม ต่อแน่นอนค่ะ
คงจะได้ "โรแมนติกคอมเมดี้"สักเรื่องหนึ่ง
เพราะเขียนไปเขียนมา ผู้เขียนก็ดันตกหลุมรักภภีมเข้าเต็มเปาเสียแล้ว
แต่อาจต้องรอสักหน่อยนะคะเพราะผู้เขียนต้องใช้เวลาลำรึก
ถึงช่วงชีวิตสมัยวัยกระเตาะที่ล่วงเลยมานาน...แสนนาน


คุณแพม
:เครียดจริง...อะไรจริงค่ะ
เขียนไปได้แค่ครึ่งเรื่องผมหงอกกับตรีนกาของผู้เขียนขึ้นมาพะเรอเกวียน ="=


คุณanOO
:สาวเจ้ายังไม่รู้ตัวแต่หนุ่มน้อยน่าจะรู้ใจตัวเองแล้วนะคะ


ขอบคุณที่ยังติดตามกันค่ะ
สวัสดีปีใหม่นะคะ :)


ann 29 ธ.ค. 2554, 20:25:06 น.
อ่านตอนพิเศษแล้วเกิดกิเลส อยากได้เรื่องเต็มๆของสองพระนางจิ๋วๆ 2 คนนี้จัง ^^


ชอบอ่าน 29 ธ.ค. 2554, 21:37:28 น.
ชอบมากเลย จะติดตามนะคะคู่นี้ แต่ยังติดตามคู่พร้อมกับแพรวาอยู่นะคะ


heartlogue 29 ธ.ค. 2554, 23:38:52 น.
รอคู่หวานฉบับเต็มค่ะ


tutas 4 ม.ค. 2555, 14:44:21 น.
อยากให้ึถึงเรื่องเต็มของทั้ง 2 เร็วๆ จังค่ะ ^_^ น่ารักจริงๆ


อริสา 5 ม.ค. 2555, 01:41:19 น.
จะรออ่านนะคะ


ChaussonAuxPomme 26 ก.พ. 2555, 18:36:10 น.
น่ารว๊ากอ่ะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account