ดวงใจพยศรัก
“ปกรณ์” ต้องรับหน้าที่ดูแล “มาทินา” น้องสาวของเพื่อน ที่นำมาฝากไว้ตั้งแต่เธออายุเพียง 14 ปี และเมื่อสิบปีผ่านไป สาวน้อยกลายเป็นสาวสะพรั่ง งดงามไม่มีที่ติ จึงทำให้หัวใจของผู้ปกครองหนุ่มเต้นโครมครามทุกครั้งที่ต้องอยู่ใกล้หญิงสาวในปกครอง




Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1 (1/2) - สมภารขย้ำไก่วัด



ตอนที่ 1


“พี่ปกรณ์ปล่อยหนูนาเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยสิ ปล๊อย !” มาทินาดิ้นพล่านอยู่บนบ่าแข็งแรงของปกรณ์ ที่พาเธอออกมาจากห้องประมูล จนกระทั่งถึงลานจอดรถชั้นใต้ดินแห่งนี้


“หยุดโวยวายได้แล้วยายตัวแสบ...แล้วก็เข้าไป” ชายหนุ่มพูดพลางจับร่างบอบบางยัดเข้าไปในรถยนต์ยุโรปคันหรูของตนอย่างไม่ทะนุถนอมเลยสักนิด


“เบาๆ สิ หนูนาเจ็บนะ”


“แค่นี้มันยังน้อยไป” ปกรณ์ที่ก้าวเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เป็นบ้าไปแล้วเหรอ ถึงได้ทำอะไรพิเรนทร์แบบนั้น อยู่ดีๆ เกิดอยากขายตัวขึ้นมาซะงั้น”


“หนูนาแค่ขายจูบ ไม่ได้ขายตัวสักหน่อย” มาทินาโต้ตอบน้ำตาคลอ โดยที่ไม่ยอมบอกความจริงกับปกรณ์ว่า การประมูลจูบครั้งนี้ เป็นการประมูลเพื่อการกุศล หารายได้สมทบทุนเข้าโครงการผ่าตัดให้แก่เด็กพิการปากแหว่งจมูกโหว่ เพื่อเป็นการคืนรอยยิ้มให้แก่เด็กๆ และที่สำคัญรอยจูบที่ผู้ชนะการประมูลจะได้รับ ก็เป็นเพียงรอยจูบที่ประทับไว้บนการ์ดใบสวย ซึ่งทางมูลนิธิเป็นผู้จัดทำขึ้นเท่านั้น


“ขายจูบหรือขายตัว มันก็ไม่ต่างกันนักหรอกสาวน้อย” ชายหนุ่มผู้ไม่รู้ความจริงแค่นหัวเราะ เขามั่นใจว่าคงจะไม่มีผู้ชายคนใด ที่ได้จูบกับหญิงสาวแสนสวยอย่างเธอแล้วจะอดใจไม่ทำอะไรต่อมิอะไรต่อได้


“หนูนาโตแล้วนะคะ พี่ปกรณ์เลิกมองว่าหนูนาเป็นเด็กสักทีได้ไหม” คนที่บอกว่าตัวเองเป็นสาวแล้ว เชิดหน้าอย่างแสนงอน


มาทินาในวันนี้กับมาทินาเมื่อสิบปีก่อนต่างกันอย่างสิ้นเชิงจริงๆ !


ปกรณ์ยังจำวันที่ภาษิตพาเธอมาที่บ้านของเขาได้ดี วันนั้นภาษิตบอกว่ามีเรื่องเดือดร้อน และต้องหลบไปอยู่ต่างประเทศสักระยะ แต่ด้วยความจำเป็นบางอย่าง จึงไม่สามารถพาน้องสาววัย 14 ปี ไปด้วยได้ จึงขอฝากให้เขาช่วยดูแล และนับจากวันนั้น จวบจนวันนี้ ภาษิตก็ไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย


นอกจากจะฝากมาทินาไว้แล้ว ภาษิตยังได้ขอยืมเงินจากปกรณ์ไปจำนวนห้าล้านบาท ซึ่งปกรณ์ก็ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง ทุกครั้งที่บรรดาญาติพี่น้องของเขาตั้งคำถามว่า ‘จะเลี้ยงนังหนูนาเอาไว้ให้สิ้นเปลืองทำไม ส่งไปอยู่สถานสงเคราะห์ไม่ดีกว่าหรือ ?’ ทุกครั้งเขาจะตอบแบบคนไร้หัวใจว่า ‘เลี้ยงไว้เป็นหลักประกัน รอวันที่ภาษิตจะนำเงินมาใช้หนี้’ และคำพูดประโยคนี้ ก็ดังก้องอยู่ในหัวของมาทินาตลอดสิบปี


หญิงสาวฝังใจว่า เธอเป็นเพียง ตัวขัดดอก ที่ปกรณ์จำเป็นต้องเลี้ยงไว้ เพื่อรอวันที่พี่ชายของเธอจะมาไถ่ตัวคืนไปก็เท่านั้น และความน้อยเนื้อต่ำใจนี้ ก็เปรียบเสมือนม่านหมอกที่คอยกางกั้น ทำให้เธอมองไม่เห็นความเอื้ออาทรอย่างจริงใจ ที่ปกรณ์มีให้เธอตลอดระยะเวลาสิบปีที่อยู่ด้วยกันเลย


“ถ้าอยากได้เงินทำไมไม่บอกพี่ ทำไมต้องไปทำตัวไร้ยางอายแบบนั้นด้วย” ปกรณ์เอ่ยถามออกมาอีกครั้งอย่างขมขื่น ด้วยคิดว่าเป็นความผิดของตนที่ดูแลเธอไม่ดีพอ จนเธอต้องออกไปทำเรื่องที่น่าอับอายเช่นนั้น


มาทินาขยับตัวหันหน้าเข้าหาผู้ปกครองหนุ่มของตน ที่กำลังขับรถด้วยความเร็วสูง แล้วเอ่ยถามน้ำตาคลอเบ้าว่า “นี่พี่ปกรณ์คิดว่าหนูนาเป็นผู้หญิงหน้าด้าน ไร้ยางอายแบบนั้นจริงๆ เหรอคะ”


“พี่เห็นตำตาขนาดนั้น แล้วจะให้พี่คิดอะไรที่มันดีกว่านี้ได้อีกอย่างนั้นเหรอ” ปกรณ์กัดฟันตอบ แล้วเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วของรถให้มากขึ้นไปอีก


“บางทีสิ่งที่พี่เห็น มันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิดก็ได้นะคะ” แม้จะอยากบอกความจริงเกี่ยวกับการประมูลในวันนี้ แต่ความน้อยใจ และความอยากประชดมันมีมากกว่า จนทำให้หญิงสาวเลือกที่จะเก็บมันไว้


“บอกพี่มาซิ ว่าอยากได้เงินไปทำอะไร !” ปกรณ์ตะคอกถามเสียงดัง จนมาทินาสะดุ้งสุดตัว ไม่บ่อยนักที่เขาจะโกรธมากถึงขนาดนี้


“หนูนาจะเอาเงินมาใช้หนี้แทนพี่ภาษิต หนูนาจะหาเงินมาไถ่ตัวเอง หนูนาไม่อยากอยู่กับพี่ปกรณ์แล้ว พี่ปกรณ์ใจร้าย...ใจร้ายที่สุดเลย” หญิงสาวประชด น้ำตาไหลพราก


เท้าที่กำลังเหยียบคันเร่งเปลี่ยนมาเป็นเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน จนเกิดเสียงล้อรถบดกับท้องถนนเสียงดังสนั่น จากนั้นมือหนาที่กำพวงมาลัยรถอยู่ ก็ตวัดมาบีบต้นแขนสองข้างของมาทินาเอาไว้แน่น ก่อนจะกระชากร่างบางเข้าหาตัวอย่างรุนแรง


“ถ้าอยากขายมากนัก ก็ขายให้พี่ก็แล้วกันนะ จูบละล้าน แต่มันคงไม่ใช่จูบเดียวนะ เพราะภาษิตมันเอาเงินพี่ไปเยอะ”


“เท่าไร ?” มาทินาถามเสียงกระด้าง อันเกิดจากทิฐิและความน้อยใจที่ท่วมท้นนั่นเอง


“ร้อยล้าน” ปกรณ์แกล้งบอกจำนวนเงินส่งเดช เพราะจำนวนเงินที่แท้จริง ไม่มีใครรู้นอกจากเขาและภาษิตสองคนเท่านั้น


“ร้อยล้าน !?” หญิงสาวไม่คิดว่ามันจะมากมายขนาดนี้


“ใช่ จูบละล้าน ก็ร้อยจูบ ครบเมื่อไรหนูนาก็จะไปจากชีวิตพี่ได้เมื่อนั้น” น้ำเสียงที่บอกนั้นเยียบเย็น ราวกับคนพูดไม่มีหัวใจ


“หนูนาไม่ขายให้พี่ปกรณ์หรอก ไม่...ไม่...อุ๊บ !”


เสียงตะโกนของมาทินาถูกริมฝีปากหยักสวยของปกรณ์กลืนกินจนหมดสิ้น หญิงสาวตกใจเบิกตาโพลง จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของผู้ปกครองหนุ่ม ซึ่งคลอเคลียอยู่แนบชิดกับใบหน้าของตนนิ่งงัน อย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าทำกับเธอแบบนี้


“หลับตา” ปกรณ์พึมพำอยู่กับกลีบปากบางที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก


หลายครั้งหลายครา ที่เขาต้องคอยหักห้ามใจตัวเอง ยามเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาวในปกครองผู้นี้ เพราะไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นสมภารกินไก่วัด แต่วันนี้ความอดทนของเขาหมดสิ้นลงแล้ว เพียงแค่คิดว่าเธอจะไปจูบกับผู้ชายคนอื่น เธอจะไปเป็นของคนอื่น
เขายอมไม่ได้ !


มือหนาซึ่งบีบแน่นอยู่ที่ต้นแขนบอบบางค่อยๆ คลายออก มือข้างหนึ่งเลื่อนไล้ไปโอบรอบเอวของหญิงสาวเอาไว้ ก่อนจะออกแรงรั้งร่างบางเข้าหาแผงอกแกร่ง แนบแน่นจนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็เลื่อนขึ้นไปโอบประคองใบหน้านวล เพื่อที่เขาจะได้จูบเธอได้ถนัดมากขึ้น พร้อมกันนั้นริมฝีปากของผู้รุกราน ก็ยังคงเคลื่อนไหวอยู่บนริมฝีปากนุ่มนิ่มไม่หยุด เนิ่นนานกว่าที่ปกรณ์จะยอมถอนจุมพิตออกจากริมฝีปากแสนหวานของมาทินา


“จูบครั้งที่หนึ่ง...จำไว้ด้วยนะ หนูนาต้องเป็นคนนับเอง เพราะพี่จะไม่จำ” ปกรณ์กระซิบบอกที่ข้างหูของคนในอ้อมกอดแผ่วเบา กลิ่นกายสาวหอมกรุ่นที่คลอเคลียอยู่บริเวณปลายจมูกโด่งเป็นสัน ทำให้ปกรณ์อดใจไม่ไหว ต้องฝังปลายจมูกลงบนพวงแก้มนุ่มนิ่ม เพื่อสูดกลิ่นหอมเย้ายวนใจให้สาสมกับที่ต้องอดทน และต้องต่อสู้กับความปรารถนาของตัวเองมานานหลายปี


“คนใจร้าย พอได้แล้วนะ” มาทินาออกคำสั่งเสียงสั่น พลางยกมือเรียวขึ้นยันแผงอกของผู้ปกครองหนุ่มให้ออกห่างจากตัวเอง เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะถูกเขารุกรานซ้ำอีกครั้ง


“พี่ปกรณ์ทำแบบนี้กับหนูนาทำไม”


“เพราะพี่ไม่อยากให้หนูนาไปทำแบบนี้กับคนอื่น จำไว้ว่าพี่คนเดียวเท่านั้น ที่มีสิทธ์ในตัวหนูนา”


“พี่ปกรณ์ไม่มีสิทธิ์ !”


“พี่เป็นผู้ปกครองของหนูนา ทำไมพี่จะไม่มีสิทธิ์” ปกรณ์บอกอย่างเผด็จการ พลางไล้ปลายนิ้วลงบนเรียวปากอวบอิ่มของหญิงสาว แล้วพูดว่า “หนูนายังติดหนี้พี่อีก 99 จูบนะ...อย่าลืมซะล่ะ”


มาทินาปัดมือหนานั้นออกห่างจากริมฝีปากของตัวเอง ก่อนที่จะขยับตัวหนี ใบหน้างอง้ำหันหน้ามองตรงไปยังท้องถนนเบื้องหน้า แล้วพูดเสียงแข็งว่า “หนูนาจะใช้หนี้ให้ครบ แล้วหลังจากนั้นพี่ปกรณ์จะไม่ได้เห็นหน้าหนูนาอีกเลย...คอยดู !”


“อย่าประชดพี่ !”


“หนูนาพูดจริง”


ปกรณ์ปรายตามองคนที่นั่งเชิดหน้าอยู่ข้างกายนิดหนึ่ง ก่อนจะกระชากรถออกไปอย่างเร็ว ด้วยความหงุดหงิดใจกับความดื้อรั้นของเธอ และการที่เธอมีนิสัยเช่นนี้ ก็คงเป็นเพราะเขาตามใจเธอมากเกินไปนั่นเอง ต่อจากนี้ไป คงต้องมีการปราบพยศกันเสียหน่อย



ทันทีที่รถยนต์ของปกรณ์จอดเทียบที่หน้าตึก สายทิพย์ หัวหน้าแม่บ้านวับห้าสิบปี ผู้มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างภายในบ้าน อีกทั้งยังเป็นญาติห่างๆ ฝั่งมารดาของปกรณ์ก็รีบออกมารับหน้า


“คุณปกรณ์ทำไมกลับดึกนักล่ะคะ” ด้วยความที่มีศักดิ์เป็นป้า จึงทำให้สายทิพย์กล้าที่จะซักถามในเรื่องส่วนตัวของชายหนุ่ม


ปกรณ์เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนัง แล้วรำพึงกับตัวเองเบาๆ ว่า “จะเที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย”


“วันนี้คุณพิชชามารอคุณอยู่หลายชั่วโมงเลยนะคะ” สายทิพย์รายงาน พลางเหยียดตามองมาทินา ที่ยืนเคียงอยู่กับปกรณ์ด้วยความไม่พอใจ ที่เห็นทั้งคู่กลับมาพร้อมกัน แล้วพูดต่อว่า “อย่าหาว่าป้ายุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณเลยนะคะ แต่ป้าสงสารคุณพิชชาค่ะ คุณควรใส่ใจเธอให้มากกว่านี้สักหน่อย อย่าลืมว่าเธอเป็นคู่หมั้นของคุณนะคะ”


“ครับ” ปกรณ์รับคำสั้นๆ “ป้าไปพักผ่อนเถอะครับ แล้ววันหลังไม่ต้องอยู่รอผมอย่างนี้นะ” ชายหนุ่มบอกอย่างเกรงใจ เพราะนอกจากสายทิพย์จะเป็นญาติห่างๆ แล้ว เธอยังเป็นพี่เลี้ยงที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่ยังแบเบาะอีกด้วย และหลังจากบิดา มารดาของเขาเสียชีวิต ก็ได้สายทิพย์ที่เป็นคนคอยดูแลทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขา และปกป้อง ผู้เป็นน้องชาย ซึ่งขณะนี้เรียนปริญญาโทอยู่ที่ต่างประเทศ


“คุณก็รีบไปพักผ่อนเถอะค่ะ”สายทิพย์บอกกับชายหนุ่มอย่างเป็นห่วงเป็นใย ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องพักของตน


“รีบโทร. ไปง้อคู่หมั้นเลยไป๊” มาทินาหันไปย่นจมูกใส่ร่างสูงข้างกาย แล้ววิ่งแจ้นหนีเขาไป


ปกรณ์มองตามร่างบางที่วิ่งไต่ขึ้นบันไปด้วยความรักใคร่เต็มหัวใจ ความรักแบบพี่น้องที่เคยมีนั้นเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรชายหนุ่มก็ไม่อาจรู้ได้ แต่นับจากวินาทีที่เขาได้จูบเธอ เขาก็มั่นใจว่าความรักที่มีต่อเธอ ณ ขณะนี้มันคือ ความปรารถนาที่ได้ครอบครองทั้งร่างกายและหัวใจของหญิงสาวผู้นี้ แม้จะรู้ว่ามันคือ รักต้องห้าม เพราะเธอเป็นเด็กในปกครอง และเขาเองก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว



มาทินายืนนิ่งอยู่ในห้องน้ำ ปล่อยให้สายน้ำเย็นฉ่ำจากฝักบัวรินรด ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หญิงสาวหวังจะให้สายน้ำช่วยดับความร้อนวูบวาบที่ฉาบไล้อยู่บนริมฝีปาก ซึ่งติดมาตั้งแต่ตอนที่ถูกปกรณ์จูบ ไม่ใช่ร้อนเฉพาะที่เรียวปาก ทว่าความร้อนรุ่มนี้ยังแผ่นซ่านไปถึงหัวใจอีกด้วย


‘บ้าจริง...นี่เราเป็นอะไรไป ทำไมต้องนึกถึงตอนที่ถูกพี่ปกรณ์จูบซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้ด้วยเนี่ย’ หญิงสาวตะโกนด่าตัวเองในใจ ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดภาพเหตุการณ์นั้นออกจากหัวได้


เมื่ออาบน้ำอยู่นานเกือบชั่วโมง ความร้อนรุ่มก็ไม่คลาย แต่กลับกลายเป็นความหนาวเหน็บเข้ามาแทน หญิงสาวจึงเอื้อมมือเรียวที่ปลายนิ้วเหี่ยวซีดไปปิดก๊อกฝักบัว ก่อนที่จะคว้าผ้าขนหนูสีขาวสะอาดมาพันร่างกาย แล้วรีบวิ่งออกจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว


มาทินาใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กซับน้ำออกจากร่างกายอย่างลวกๆ ก่อนที่จะชู้ตมันลงตระกร้าผ้า ราวกับลูกบาสเก็ตบอล จากนั้นร่างบอบบางที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าก็วิ่งไปหยิบชุดนอนจากตู้เสื้อผ้าบานใหญ่มาสวม แล้ววิ่งไปคว้าไดร์ฟเป่าผมมาเสียบปลั๊ก แต่เมื่อกดปุ่มเปิดเครื่อง ทุกอย่างกลับนิ่งสนิท ไร้สัญญาณตอบรับ...ไดร์ฟเป่าผมสิ้นชีพแล้วนั่นเอง


“มาพังอะไรตอนนี้เนี่ย” หญิงสาวบ่นออกมาอย่างสุดเซ็ง พลางยกปอยผมที่มีน้ำหยดติ๋งๆ ขึ้นมาดู แต่เพียงครู่เดียวเธอก็ยิ้มออก


พี่ปกรณ์ต้องซ่อมได้ !




+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

ฝากไว้อีกครึ่งตอนนะคะ แล้วหลังปีใหม่จะมาต่อให้จบตอนค่ะ







ธรรม์ธีรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ธ.ค. 2554, 15:21:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ธ.ค. 2554, 15:21:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 2085





<< บทนำ - ประมูลจูบ   ตอนที่ 1 (2/2) - สมภารขย้ำไก่วัด (ต่อ) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account