กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....
Tags: โรแมนติก..
ตอน: 13 หยุดบรรยายได้แล้ว ขอหลักฐานหน่อย
13.
“มึงสารภาพมาซะดี ๆ เลยไอ้สูรย์ มึงชอบไอ้ม่าใช่ไหม หลักฐานชัดขนาดนี้ มึงจะยังปากแข็งอีกนะ มึงบอกกับกูว่า มึงร้อน มึงอยากพักผ่อน ที่ไหนได้ ธัญรัตน์โทรมาหากูบอกว่ามีคนเห็นมึงกับผู้หญิงผมสั้น ๆ นั่งจู๋จี๋กันที่ริมทะเล กูก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็น้องกูนี่เอง มึงชอบไอ้ม่าใช่เปล่า มึงเห็นไอ้ม่าสวยแล้วใช่ไหม มันสวยนะโว้ย จับแต่งตัวสักหน่อย มันสวยไม่หยอกเลย แต่มันไม่ยอมแต่ง มันแกล้งเป็นทอม แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นผู้หญิง..กุสุมาแปลว่าดอกไม้ ดอกกุหลาบ ก็หมายถึง ผู้หญิง ผู้หญิงอย่างมันก็เหมือนดอกกุหลาบซ่อนกลิ่น..”
ถ้าสูรย์รู้ว่า ทรงฤทธิ์เมาขนาดคุมสติตัวเองไม่ได้แบบนี้เขาไม่มีวันชวนกุสุมามารับทรงฤทธิ์ด้วยแน่นอนแต่ว่า ณ เวลานี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากเปิดเพลงกลบเสียงรำพัน โดยที่กุสุมาเองก็เอาแต่หันไปมองด้านนอกไม่ยอมสบตาเขาเลย..
จนกระทั่งรถถึงบังกะโล กุสุมาก็รีบเปิดประตูรถลงไปเปิดประตูด้านหลัง ถมยาที่อ้างกับเพื่อนว่าออกมาเดินชมเดือนชมดาว รีบวิ่งมาหาเมื่อเห็นสูรย์กับกุสุมากำลังช่วยกันลากคนปากดีออกมาจากรถ
“มาผมช่วย” ถมยาเบียดให้กุสุมาออกไปก่อนที่เขาจะเข้าแทนที่
“เธอคือ ลมหายใจ เธอคือทุกอย่าง จะรักเธอไม่มีวันจาง จากใจ..” ทรงฤทธิ์ยังฮำเพลงสุดท้ายที่ดีเจของสถานีวิทยุเปิด และมันคงเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่สัมปชัญญะของเขาจะขาดหาย เขาจึงเพ้อออกมา
พอลากออกมาจากรถได้แล้ว สูรย์ก็ประคองส่วนหัวถมยาประคองก้นแล้วก็ยกร่างสูงยาวจะไปวางที่ระเบียง กุสุมาเห็นไม่ควรให้อยู่ตรงนั้น จึงต้องรีบร้องบอกให้นำร่างของทรงฤทธิ์เข้าบ้าน แต่ว่าด้วยคนอุ้มสองคนไมได้ประสานกันให้ดี หัวของทรงฤทธิ์ก็โขกวงกบประตู..
“เฮ้ย ใครมันทำอะไรตกใส่หัวกูวะ”
“ลากไปไปทิ้งไว้ห้องน้ำเลยดีกว่า อ้วกแน่ ๆ” กุสุมาทำหน้าสะอิดสะเอียน และก็มั่นใจว่า ที่บ้านพักของพวกเธอก็คงมีพวกเมาหยำเปพักอยู่ด้วย..
วางร่างของทรงฤทธิ์ไว้หน้าประตูห้องน้ำแล้ว ถมยาก็เดินออกมาจากบ้านพักของสูรย์
“เป็นไงม่า”
“ก็ดี มึงไม่เมานี่”
“หยุดกินก่อน หมดหนี้หมดสินค่อยว่ากันใหม่”
“อืม..”
“ไป กลับบ้านนอน” ว่าแล้วถมยาก็จับต้นแขนซ้ายของกุสุมาก่อนจะดึงให้เดินตามตัวเองไป กุสุมาอยากจะขัดขืน แต่ว่าก็ไม่รู้จะอยู่ตรงนั้นต่อไปทำไม และอีกอย่าง ตอนนี้เธอรู้ว่ามองหน้าสูรย์ได้ไม่เต็มตา เขาเองก็เป็นเช่นเดียวกัน
“ไม่ต้องจับ กูเดินเองได้”
“กูกลัวมึงหลงทาง ช่วงนี้มึงกำลังตาบอด”
“ไอ้ห่า..”
“แต่กูก็อยากให้มึงสมหวังนะม่า แต่คนดี ๆ อย่างคุณสูรย์ มันจะคู่ควรกับมึงเหรอ”
พูดไม่ทันขาดคำถมยาก็ถูกทั้งหมัดทั้งศอกและเข่าของกุสุมาประเคนเข้าใส่..
เสียงหยอกล้อของถมยา กับเสียงด่าของกุสุมาทำให้สูรย์ที่ยืนอยู่ที่ระเบียงยิ้มขำ ถ้าถมยาไม่เดินมาเขาเองก็ไม่รู้จะมองหน้ากุสุมาได้อย่างไร..
“ไอ้ซ้งนะไอ้ซ้ง..สร่างก่อนเถอะมึง..”
กุสุมานอนพลิกตัวไป ๆ มา จนหญิงสาวแฟนของเพื่อนที่นอนอยู่ข้าง ๆ บ่นให้ กุสุมาจึงนอนหงายชันเข่าแล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือก ๆ เธอกลุ้มใจกับเรื่องในวันนี้ไม่น้อย ใจหนึ่งอยากจะยินดีที่สามารถค้นพบว่า ความรักมันทำให้โหนกแก้มตึง ริมฝีปากคลี่ ตาเป็นประกาย ขนตามแขนขาลุกอยู่บ่อย ๆ ใจมันไหวจากที่ตั้ง เหมือนมันจะไม่อยากอยู่กับร่างกาย แต่อีกใจ มันก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลัวว่ามันจะเป็นเพียงฝันลม ๆ แล้ง ๆ กลัวว่ามันจะเป็นเรื่องหลอกลวง และถ้ามันเป็นอย่างนั้น ถ้าสายตาของคุณสูรย์คงเป็นสายตาของหมาจิ้งจอก การกระทำด้วยไมตรีในวันนี้เป็นเพียงการแก้เหงา แล้วเธอจะทำอย่างไร
กุสุมาถอนหายใจอีกเฮือก แล้วก็เลื่อนเข่าลง..
พรุ่งนี้คุณสูรย์ชวนให้นั่งรถกลับไปด้วยกัน เพราะจะพาแวะไปเที่ยววังที่มีอยู่หลายแห่ง
แต่ว่าพรุ่งนี้ในรถไม่ใช่มีแค่เธอกับเขา มีพี่ซ้งไปด้วย รับรองเลยว่า เธอจะไม่มีความสุขแน่ ๆ เห็นทีพรุ่งนี้จะต้องไปบอกกับเขาว่า เพื่อน ๆ ให้กลับไปด้วยกัน
แต่อีกนั่นแหละ ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ถ้าไม่ได้เห็นหน้า..
กุสุมาถอนหายใจ พลิกตัวซ้าย ขวา ซ้าย ขวา แล้วก็ตัดสินใจว่า ผู้กล้าต้องเผชิญกับความเป็นจริง
“ม่า ๆ ๆ ๆ” นอกจากเสียงปลุกอันดังลั่นบ้าน คนปลุกก็ยังวางเท้าไว้ทีหลังแล้วก็เขย่าไปด้วย กุสุมาลืมตาขึ้นมา พอเห็นว่าเป็นผลงานของใครก็ร้องด่าได้ทันทีเหมืนกัน
“เอาขาหลังออกจากหลังกูเลยนะ”
พอตัวเป็นอิสระกุสุมาก็พลิกแล้วรีบลุกขึ้นนั่ง..
“ลงไปทำข้าวต้มหน่อยสิ”
“คนอื่น ๆ ละ”
“มันไปเล่นน้ำทะเลกันหมดแล้ว เหลือมึงนี่แหละนอนกินบ้านกินเมือง หรือมึงคิดจะนอนให้ท่าใคร”
“กวนทิศเบื้องล่างแต่เช้าเลยนะมึง”
กุสุมาดูนาฬิกาที่ข้อมือ..สองโมงเช้า หญิงสาวขยี้ผมเส้นเล็ก ๆ พลางสูดลมหายใจเข้าปอด
“คุณสูรย์อยู่ข้างล่างนะ กำลังต้มข้าวอยู่ ลงไปช่วยเขาไป..” บอกแล้วมันก็รีบเดินลงไปข้างล่าง กุสุมายิ้มกริ่มก่อนจะรีบไปคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำ
พอรู้ตัวว่าเขาสนใจ มีใจให้ กุสุมารู้สึกว่าเสื้อผ้าที่มีอยู่นั้นมันน้อยเต็มที แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกเพราะมีเสื้อเหลืออีกแค่ตัวเดียว และกางเกงก็เป็นตัวเมื่อวาน พอส่องกระจกดูว่าหน้าตัวเองผ่องใสดีแล้ว กุสุมาก็เดินฮัมเพลงลงไปข้างล่าง..
เมื่อถึงชั้นล่างก็ไม่เห็นใครนอกจากสูรย์ที่ยืนหันหลังโดยมือก็กำลังคนข้าวต้มในหม้อ..กุสุมาชะงักเท้าหวั่น ๆ ใจกับการแสดงออกทางสีหน้า แต่ว่าอย่างไรเสียเธอจะทำให้เขาเห็นไม่ได้ว่าเธอเขินเรื่องเมื่อคืนนี้
“ทำอะไรฮะ”
เขาไม่ตอบ แล้วก็ไม่หันมาดู..กุสุมาก็เลยเดินเข้าไปจนเกือบจะถึงตัวก่อนใช้ปลายนิ้วจี้ไปที่เอว หนา ๆ ของเขาสองสามที เขาบิดเอวหนีก่อนหันมาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“ตื่นสายจัง” เขาทักแล้วหันกลับไปดูหม้อข้าวต้มที่กำลังเดือดพล่านต่อ
“ทำไมคุณสูรย์ถึงมาทำเอง พวกมันไปไหนกันหมด”
“ไปเล่นน้ำกัน”
“แล้วนึกอย่างไงมาทำข้าวต้มเลี้ยงพวกมันอีก”
“อยากโชว์ฝีมือ”
“เป็นครั้งแรกที่ม่าจะได้ชิมด้วยมั้งเนี่ย”
“แต่เครื่องไม่ครบนะ ใส่ไปตามมีตามเกิด” ตามมีตามเกิดของเขาในเวลานี้ กุสุมารู้สึกว่ามันสมบูรณ์พร้อมทีเดียว กุ้งปอกเปลือกแล้ว ปลาหมึกหั่นเป็นชิ้นพอคำ ไหนจะผักใบเขียวที่หั่นฝอยไว้รอท่า และเครื่องปรุงอื่น ๆ ก็พร้อมเพรียงเรียงอยู่ตรงหน้า
“ออกไปซื้อไอ้พวกนี้มาเหรอ”
“อืม ตลาดแค่นี้เอง ตลาดเมื่อวานแหละ”
กุสุมาพูดอะไรไม่ออก เพราะรู้สึกตื้นตันใจกับความน่ารักของเขาขึ้นมา..
“เป็นไร” สูรย์ถามเมื่อเห็นกุสุมายืนดูหม้อที่กำลังเดือดพล่าน
“ข้าวต้มเครื่องเหรอ”
“อืม ทำเป็นไหม” คำตอบของกุสุมาก็คือส่ายหัว โดยสายตาก็ยังไม่ยอมละไปจากหม้อบนเตาแก๊สปิกนิคที่บังกะโลแห่งนี้มีให้เช่า
“งั้น หลักสูตรเชฟมือทอง ก็เริ่มจากข้าวต้มหม้อนี้เลยแล้วกัน..”
กุสุมาเงยหน้ามองหน้าของเขาที่มีไรหนวดขึ้น กลิ่นหอมจากตัวเขาและกลิ่นความน่ารักทำให้กุสุมารู้สึกใจคอไม่ดี แต่พอเขาชำเลืองตามาเชื่อม กุสุมาก็เห็นว่าสายตาเขาก็เผยให้เห็นว่าใจของเขาก็มีความสุขที่มีเธอยืนอยู่ตรงนี้
ไอ้คนที่ไปปลุกกุสุมาหาได้เดินไปทะเลเพื่อเล่นน้ำกับเพื่อน ๆ มันซ่อนตัวพร้อมกับตั้งกล้องดิจิตอลแล้วถ่ายแบบวีดีโอไว้เสียด้วย..เพราะยิ้มให้กันแบบนี้ ตาเชื่อมกันขนาดนี้ จะเป็นเพียงเจ้านายกับลูกน้องได้อย่างไร และคงไม่มีผู้ชายคนไหนหว่านพืชลงไปโดยไม่หวังผลอะไรตอบแทน..และถ้าไอ้ม่ามันสามารถจับผู้ชายคนนี้ได้ วันแต่งงานเขาจะเอาภาพชุดนี้แหละเป็นของขวัญวันวิวาห์ให้กับมัน...
ช่วงที่เพื่อนกินข้าวต้ม กุสุมาก็ขึ้นไปเก็บผ้าใส่กระเป๋าเป้แล้วก็เดินลงมาข้างล่าง ท่ามกลางสายตาจับจ้องของเพื่อน ๆ
“กูจะกลับบ้านกับคุณสูรย์นะ ขี้เกียจเบียดพวกมึง ขับรถระวัง ๆ ด้วยละ อย่าคะนอง เหล้าก็เลิกแดกกันได้แล้ว..พรุ่งนี้มีงานมีอะไรก็ไปทำ ๆ กัน” ที่พูดยืดยาวเพราะไม่อยากให้พวกมันล้อเรื่องที่จะออกไปกับสูรย์ แต่ก็ดูเหมือนพวกมันจะสงบปากสงบคำแบบนัดแนะกันไว้
“มึงเขียนเฟรนด์ชิฟให้กูหรือยัง”
“เขียนแล้ว เอาหัวแม่โป้งขาหลังประทับไปด้วย มึงจะได้ไม่ลืมกู”
“ของมึงกูก็เยี่ยวรดไปและ มึงได้กลิ่นไหม”
“ไอ้..” กุสุมาทำเสียงจิ๊จ๊ะ
“แล้วพวกกูจะได้เจอมึงอีกเมื่อไหร่ ไอ้ม่า มึงจะไป เลียอีอ๊อด เมื่อไหร่ แล้วมึงจะได้กลับมาไหม” เลียอีอ๊อด ก็คือออสเตรเลียของพวกมัน กุสุมายิ้ม ๆ แต่ก็สลดใจไม่น้อย เพราะต่อไปเธอคงไม่มีโอกาสที่จะมึงมาพาโวยหรือพูดจาหยาบคายคิดอีกแล้ว วันข้างหน้าสังคมรอบตัวคงไม่ได้เจอคนแบบนี้ กุสุมายิ้มและน้ำตาก็คลอ ๆ จนเพื่อน ๆ สังเกตได้
“กูคงคิดถึงพวกมึงมาก”
“พวกกูก็คงคิดถึงมึงมาก” คนที่พูดวางถ้วยข้าวต้ม แล้วลุกขึ้นแล้วเดินมาหา แน่นอนว่า ตาแดง ๆ ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยวของมัน ทำให้กุสุมาต้องอ้าวงแขนรับ..
“มึงต้องกลับเมืองไทยนะม่า พวกเพื่อน ๆ รอมึงอยู่นะ ได้ดิบได้ดีก็อย่าลืมเพื่อนนะมึง”
“เออ กูกลับมาแน่ แต่ มึงกอดกูแน่นไปแระ” กุสุมาแม้ตาจะแดง ๆ แต่ว่าก็ยังมีอารมณ์หวงตัว ซึ่งคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นมาทำท่าจะมากอดมันเหมือนกัน..มันจึงต้องรีบยั้งไว้
“พอ ๆ กูรู้ว่าพวกมึงรักกู แต่เอาเป็นว่า ช่วงที่กูไม่อยู่ พวกมึงก็ดูแลรักษาตัวเองด้วยแล้วกัน พอกูกลับมา กูหวังว่า กูคงไม่ต้องไปเยี่ยมใครที่ฮ่องกง” ฮ่องกงของไอ้ม่าก็คือ ‘คุก’ ซึ่งคุกนี้ก็มีคนเคยไปนอนค้างคืนกันมาแล้ว และไอ้ม่านี่แหละต้องหาเงินไปประกัน ไปวิ่งเต้นช่วยเหลือให้ออกมาเรียนหนังสือ จนกระทั่งจบชั้น ปวส.
“ไม่มีแล้วไอ้ม่า พวกกูกลับตัวกันได้หมดแล้ว..เพราะมีมึงเป็นเพื่อนก็เหมือนมีพ่อกับแม่เพิ่มอีกคน”
“ให้มันจริงแล้วกัน..กูไปแล้วนะ..” ผลักเพื่อนออกไปแล้ว กุสุมาก็เดินไปที่ประตูซึ่งมีรองเท้าผ้าใบของตัวเองว่างอยู่ กุสุมาก้มลงใส่รองเท้า แต่ว่าก็ยัดปลายเท้าข้างซ้ายเข้าไปไม่ได้..
“เฮ้ยอะไรเนี่ย” กุสุมาเอาส้นรองเท้าเคาะจึงได้เห็นนาฬิกาเรือนหนึ่งแม้จะเป็นแบบสปอร์ตแต่ว่ามันก็เป็นสีชมพูแป๋นทีเดียว
“อะไร ของใคร” พอเอ่ยปากถาม เพื่อนชายทั้งหมดก็ลุกขึ้นมาหากัน กอดคอเป็นครึ่งวงกลมแล้วเดินเข้ามาหา ตอนนั้นกุสุมาประหลาดใจ แต่เมื่อเพื่อนพากันร้องเพลง ‘แฮปปี้เบิร์ดชิงหมาเกิดเดย์’ กุสุมาก็หัวเราะทั้งน้ำตา ...
“วันเกิดมึงปีนี้ มึงคงไม่อยู่ พวกกูก็เลยเตรียมไว้ให้ก่อน มึงใส่มันไว้นะ แล้วอย่าลืมว่าพวกกู พวกกูรักมึงนะม่า” ถมยาเป็นตัวแทนกล่าวคำพูดนั้น และเมื่อเห็นเพื่อน ๆ บางคนร้องไห้กุสุมาก็เลยเดินเข้าไปร่วมกอดคอจนกระทั่งมันกลายเป็นวงกลม แล้วก็พูดเสียงดัง ๆ ว่า
“ขอบใจพวกมึงนะ พวกมึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู กูคงไม่มีวันลืมพวกมึงหรอก..ถ้าไม่ได้พวกมึงกูก็ไม่ได้เป็นไอ้ม่าที่มีแต่ความสุข”
“มึงต้องกลับมานะม่า..”
“เออ..กูกลับมาแน่ ๆ บ้านกูอยู่เมืองไทย”
“หัวใจมึงก็อยู่เมืองไทย”
“มึงอย่าเป็นหญิงเต็มตัวนะม่า กู กูคงกอดมึงไม่ได้ ..”
“ม่า มึงส่งรูปมาให้กูดูด้วยนะ..เขียนจดหมายฝากนกพิราบมามั่งนะ อย่าลืมนะ”
กุสุมาพยักหน้าและบางคนก็ฉวยโอกาสที่กุสุมากำลังซาบซึ้งบอกว่า
“หนี้ที่กูติดมึงอยู่ มึงยกให้กูด้วยนะม่า..”
เมื่อนั่งรถสูรย์ออกมาแล้วกุสุมาที่นั่งอยู่เบาะหลังก็ต้องแปลกใจที่เห็นทรงฤทธิ์ไม่พูดจาเย้าแหย่เหมือนเมื่อคืน โดยกุสุมาหารู้ไม่ว่า เมื่อตอนเช้า สูรย์นั้นตัดสินใจสารภาพให้ทรงฤทธิ์ได้รับรู้ว่าเขานั้น ชอบ ‘ไอ้ม่า’
แต่ว่า การชอบในครั้งนี้ มันคงพัฒนาความสัมพันธ์ได้ยากกว่าคนก่อน ด้วยกุสุมายังเด็ก กับกำลังจะไปอยู่ต่างประเทศ แน่นอนว่า ชอบแต่ไม่อาจพัฒนาให้เป็นคนรักกัน ก็สร้างความทุกข์ทรมานให้เจ้าของหัวใจอยู่ไม่น้อย และสูรย์ก็ขอกับทรงฤทธิ์ไว้ว่า เวลาที่เหลืออยู่ของกุสุมานี้ เขาขอเก็บความรู้สึกดี ๆ นั้นไว้ กับขอเรียนรู้ดูใจกันให้มากที่สุด..
เมื่อเพื่อนสารภาพออกมาตรง ๆ และขอร้องให้หยุดเย้าแหย่ ทรงฤทธิ์ที่กำลัง ‘แฮงก์’ ก็เลยเอนเบาะ แล้วก็หลับตาโดยปล่อยให้กุสุมาที่นั่งอยู่หลังเบาะของสูรย์แอบสบตากับสูรย์ในกระจก โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่คุยอะไรกันเหมือนเมื่อวานนี้ แต่ว่าภาษาใจมันก็มีมากกว่าหมื่นคำอธิบาย
จนกระทั่งรถของสูรย์ไปจอดบนลานจอดของพระราชวังมฤคทายวัน ทรงฤทธิ์ก็อ้างว่าไม่ไหว จึงนอนรออยู่ในรถ โดยสูรย์เดินเคียงกับกุสุมาเพื่อเข้าชมพระราชวังริมทะเล
“อะไรนะ วันนี้ยังควงกันชมวัง สองคนกระหนุงกะหนิง..ไม่จริง ไม่เชื่อ”
อรพิมที่ได้รับรายงานจากเพื่อนคนเมื่อวาน หัวใจร้อนเหมือนถูกไฟเผา
“เดี๋ยวส่งรูปไปนะแอบถ่ายไว้แล้ว..ยืนอ่านนิทรรศการกันแบบว่า ยอดอกของพ่อยอดชายของเธอน่ะอยู่ที่หลังแม่คนนั้นนะ ถูกันไปถูกันมา จมูกเขาก็ อุ้ย ๆ เอามือชี้รูปแต่ว่า ลมหายใจคงรดต้นคอ อะว้าว เหมือนจูบหัวเลยอ่ะ....อุ้ยๆๆ ไม่ใช่แค่ตรงยอดนะ ตรงนั้นอ่ะ..มันเฉียด ๆ ก้นแม่นั่นด้วยอ่ะ..โอ้ววว ดูไปก็เหมือนคู่เกย์นะ..คริคริ”
“หยุดบรรยายได้แล้ว ขอหลักฐานหน่อย ”
“เอาไว้ประกอบการพิจารณาการบอกเลิกเหรอจ๊ะ”
“เออ..ด่วนเลยนะ จัดมาเลย”
เพื่อนวางสายไปแล้ว อรพิมก็เลื่อนโทรศัพท์ดูเบอร์ของสูรย์ แน่นอนว่าโทรไปตอนนี้ เขาคงไม่รับสาย แต่เธอจำเป็นจะต้องขัดจังหวะเสียบ้าง อรพิมกดสายโทรออก สูรย์ที่สแตนบายโทรศัพท์ไว้เผื่อพี่นกโทรเข้ามารายงานเรื่องในร้าน พอโทรศัพท์สั่นเขาก็เปิดดูหน้าจอพอเห็นชื่อเขาก็ปั้นหน้าเบื่อหน่าย กุสุมาอยากจะชะแง้ไปดูว่าใครโทรมา แต่ว่าก็ไม่อยากทำให้เขารู้ว่า เธอใส่ใจ ดังนั้นจึงเลี่ยงไปดูห้องบรรทมของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 โดยใจก็ยังสงสัยว่าใครโทรมา และโทรมาด้วยเรื่องอะไร
“พี่สูรย์..วันนี้อยู่ร้านหรือเปล่าคะ”
“ไม่อยู่ พี่มาต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวาน”
“ถึงว่า โทรไปหาไม่มีสัญญาณ”
“มีธุระอะไรหรือครับ”
“เคยเจอหน้ากันเสาร์อาทิตย์นี่คะ พอไม่เห็นก็คิดถึง พิมคิดถึงไม่ได้เหรอคะ”
“ได้ครับ แต่”
“ขอบคุณค่ะ แล้วจะกลับเข้าร้านกี่โมงคะพิมจะได้เข้าไปหา”
“เอ่อ อาจจะไม่ได้กลับนะ อาจจะเข้าบ้านดึก ๆ”
“ไปกับใครเหรอคะ”
“เพื่อน”
“ถามได้ไหมคะว่าหญิงหรือชาย”
“เอ่อ ชาย หญิง”
“กี่คนคะ” อรพิมถามเร็วปรื๋อแต่ถึงกระนั้นน้ำเสียงก็ยังทำตัวเหมือนน้องสาวที่ห่วงพี่ชายแค่นั้น
“สามคน”
“สองคนนั่นแฟนกันใช่ไหมคะ”
“เออ..” เขาอึก ๆ อัก ๆ แล้วมันก็ถึงเวลาที่น่าจะขอตัววางสายได้แล้ว
“พิม พี่ขอตัวก่อนนะ”
“ค่ะ” อรพิมทำเสียงเข้าใจ ทั้งที่ในใจนั้นข้องใจเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อวางสาย อรพิมก็ได้รับข้อความภาพจากเพื่อนผู้ปรารถนาดี และเมื่อเห็นภาพแล้ว แน่นอนว่าอรพิมไม่มีทาง เก็บภาพนั้นไว้คนเดียวเป็นอันขาด
“ใครเหรอน้องพิม” แสงจันทร์ พี่สาวของสูรย์รีบโทรกลับเมื่อเห็นภาพของน้องชายที่อรพิมส่งไปให้
“เพื่อนหนูเห็นพี่สูรย์กับเอ่อ..เอ่อ ๆ เด็กในร้าน”
“ผู้ชายเหรอ” ท่าทางแสงจันทร์จะตกใจอยู่ไม่น้อยเพราะภาพที่หลุดมานี้มันเป็นภาพของชายรักชายชัด ๆ
“ทอมค่ะ”
“อะไรนะ ทอม”
“ตั้งใจฟังนะคะ” เกริ่นนำแล้ว ข้อความที่ตามไปก็คือสตอรี่ที่อรพิมแต่งขึ้นมาสด ๆ จนกระทั่งแสงจันทร์ สัญญาว่าเรื่องนี้จะต้องถึงหูถึงตาคุณพ่อกับคุณแม่อย่างแน่นอน
ออกจากพระราชวังแล้ว สูรย์ก็พากุสุมากับทรงฤทธิ์ไปหาข้าวกลางวันใส่ท้อง หลังจากนั้นก็พาไปที่พระราชวังบ้านปืน ใช้เวลากันไม่มาก สูรย์ก็ขอตัวแวะตลาด ซึ่งตรงนั้นเองกุสุมาได้เห็นความเป็นมืออาชีพของสูรย์ เพราะสินค้าจำพวกอาหารทะเลตากแห้งที่สูรย์ซื้อกลับมานั้นเขาจะคุยกับคนขายอย่างกันเอง
นอกจากนั้นยังต่อรองราคาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ระหว่างนั้นเขาก็อธิบายให้กุสุมาได้รับรู้ไว้ว่า ต้นทุนการผลิตเป็นหัวใจของร้านอาหารอีกอย่างหนึ่ง และถ้าคิดจะประหยัดก็อย่าให้คุณภาพของอาหารเสียหายเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่า นอกจากนั้นสูรย์ยังซื้อขนมมาฝากพนักงานในร้านซึ่งจะจัดวางไว้บนโต๊ะอาหารของพนักงานในวันพรุ่งนี้ และส่วนหนึ่งเขาก็ซื้อไปฝากพ่อแม่กับพี่สาว โดยมีกุสุมาเดินช่วยถือของด้วยความเต็มใจ
เมื่อออกจากตลาด เขาก็พากุสุมาขึ้นเขาวัง โดยทรงฤทธิ์ขอนั่งรออยู่ข้างล่าง เพราะเคยมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ประกอบกับวันนี้เขาต้องเล่นบทยัง ‘แฮ้งก์” ไม่ไปเป็นก้างขวางคอ ขัดการสร้างความประทับใจไว้กับกุสุมา จนกระทั่งลืมไอ้สูรย์ไม่ลง และสูรย์เองก็ต้องใช้ช่วงเวลานี้ ดูกุสุมาเหมือนกัน สูรย์พูดว่า ความรักครั้งนี้ มันจะไม่ใช่มีแต่อารมณ์ มันจะต้องมีเหตุผล ต้องรู้กาลเทศะ เพราะเวลาในเมืองไทยของกุสุมาก็มีไม่มาก สูรย์เองก็ไม่อยากผูกมัด เพราะหลาย ๆ ปีที่จากกันไป เขาอยากให้กุสุมาไปอย่างอิสระไปสนุกกับอนาคตโดยไม่ต้องห่วงคำสัญญา ซึ่งน่ามันน่าจะเป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย
แต่ว่าเมื่ออยู่ใกล้ชิดกัน สูรย์รู้สึกว่าตัวเองถลำใจให้ไอ้ม่าของไอ้ซ้งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะกุสุมาเองก็น่ารักไม่หยอก พาเดินตลาดสด มันก็สงสัยของบนร้านบนแผงไปเสียทุกอย่าง มันทำเหมือนกับว่าไม่เคยมาตลาดและไม่เคยรู้อะไรมาก่อน เห็นขนมอะไรก็ชี้ แล้วก็ถามว่าขนมอะไร ทำอย่างไง ทำเป็นไหม และสุดท้ายอร่อยหรือเปล่า อีตรงอร่อยหรือเปล่านี่แหละที่เขาต้องซื้อให้ชิม แล้วเวลาไปชิมมันก็ฉลาดที่จะชิมเสียทุกอย่าง จะได้ไม่ต้องซื้อทุกอย่างที่ร้านนั้นมี และแม่ค้าแม่ขายก็ถามว่า เป็นอะไรกันน่ารักจัง ไอ้ม่าถามกลับไปว่า ทายสิว่า เป็นอะไรกัน..เขาก็ตอบว่าพี่กับน้อง มันก็จะบอกว่า พ่อผมครับหล่อไหม
พอเขากลายเป็นพ่อของมัน มันก็เลย พ่อม่ากินนั่นกินนี่ เขาก็เลยต้องควักจ่ายให้มัน แต่ว่ามันก็แข็งแรงพอที่จะไม่บ่นเมื่อต้องช่วยกันยกของกลับมาที่รถ ซึ่งเมื่อคบอยู่กับวรรณพร เขาไม่เคยพาไปตลาดไท ไม่เคยช่วยกันถือของแบบนี้ ของในร้านบางอย่างวรรณพรแนะนำให้ซื้อในห้องสรรพสินค้าเพราะได้รับแอร์เย็นฉ่ำ แต่ไอ้ม่ากลับบอกว่า ตลาดสดมันน่าเดินอยู่เหมือนกันนะเนี่ย รู้ว่ามีอะไรแปลก ๆ แบบนี้ไปเดินซะนานแล้ว...ไม่รู้ว่ามันพูดเอาใจเขาหรือเปล่า แต่เขาคิดว่า กลับไปก่อนเข้าครัว เขาต้องพาแม่ดอกไม้ซ่อนกลิ่นดอกนี้ ไปเที่ยวตลาดไทอย่างแน่นอน..
“มึงสารภาพมาซะดี ๆ เลยไอ้สูรย์ มึงชอบไอ้ม่าใช่ไหม หลักฐานชัดขนาดนี้ มึงจะยังปากแข็งอีกนะ มึงบอกกับกูว่า มึงร้อน มึงอยากพักผ่อน ที่ไหนได้ ธัญรัตน์โทรมาหากูบอกว่ามีคนเห็นมึงกับผู้หญิงผมสั้น ๆ นั่งจู๋จี๋กันที่ริมทะเล กูก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็น้องกูนี่เอง มึงชอบไอ้ม่าใช่เปล่า มึงเห็นไอ้ม่าสวยแล้วใช่ไหม มันสวยนะโว้ย จับแต่งตัวสักหน่อย มันสวยไม่หยอกเลย แต่มันไม่ยอมแต่ง มันแกล้งเป็นทอม แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นผู้หญิง..กุสุมาแปลว่าดอกไม้ ดอกกุหลาบ ก็หมายถึง ผู้หญิง ผู้หญิงอย่างมันก็เหมือนดอกกุหลาบซ่อนกลิ่น..”
ถ้าสูรย์รู้ว่า ทรงฤทธิ์เมาขนาดคุมสติตัวเองไม่ได้แบบนี้เขาไม่มีวันชวนกุสุมามารับทรงฤทธิ์ด้วยแน่นอนแต่ว่า ณ เวลานี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากเปิดเพลงกลบเสียงรำพัน โดยที่กุสุมาเองก็เอาแต่หันไปมองด้านนอกไม่ยอมสบตาเขาเลย..
จนกระทั่งรถถึงบังกะโล กุสุมาก็รีบเปิดประตูรถลงไปเปิดประตูด้านหลัง ถมยาที่อ้างกับเพื่อนว่าออกมาเดินชมเดือนชมดาว รีบวิ่งมาหาเมื่อเห็นสูรย์กับกุสุมากำลังช่วยกันลากคนปากดีออกมาจากรถ
“มาผมช่วย” ถมยาเบียดให้กุสุมาออกไปก่อนที่เขาจะเข้าแทนที่
“เธอคือ ลมหายใจ เธอคือทุกอย่าง จะรักเธอไม่มีวันจาง จากใจ..” ทรงฤทธิ์ยังฮำเพลงสุดท้ายที่ดีเจของสถานีวิทยุเปิด และมันคงเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่สัมปชัญญะของเขาจะขาดหาย เขาจึงเพ้อออกมา
พอลากออกมาจากรถได้แล้ว สูรย์ก็ประคองส่วนหัวถมยาประคองก้นแล้วก็ยกร่างสูงยาวจะไปวางที่ระเบียง กุสุมาเห็นไม่ควรให้อยู่ตรงนั้น จึงต้องรีบร้องบอกให้นำร่างของทรงฤทธิ์เข้าบ้าน แต่ว่าด้วยคนอุ้มสองคนไมได้ประสานกันให้ดี หัวของทรงฤทธิ์ก็โขกวงกบประตู..
“เฮ้ย ใครมันทำอะไรตกใส่หัวกูวะ”
“ลากไปไปทิ้งไว้ห้องน้ำเลยดีกว่า อ้วกแน่ ๆ” กุสุมาทำหน้าสะอิดสะเอียน และก็มั่นใจว่า ที่บ้านพักของพวกเธอก็คงมีพวกเมาหยำเปพักอยู่ด้วย..
วางร่างของทรงฤทธิ์ไว้หน้าประตูห้องน้ำแล้ว ถมยาก็เดินออกมาจากบ้านพักของสูรย์
“เป็นไงม่า”
“ก็ดี มึงไม่เมานี่”
“หยุดกินก่อน หมดหนี้หมดสินค่อยว่ากันใหม่”
“อืม..”
“ไป กลับบ้านนอน” ว่าแล้วถมยาก็จับต้นแขนซ้ายของกุสุมาก่อนจะดึงให้เดินตามตัวเองไป กุสุมาอยากจะขัดขืน แต่ว่าก็ไม่รู้จะอยู่ตรงนั้นต่อไปทำไม และอีกอย่าง ตอนนี้เธอรู้ว่ามองหน้าสูรย์ได้ไม่เต็มตา เขาเองก็เป็นเช่นเดียวกัน
“ไม่ต้องจับ กูเดินเองได้”
“กูกลัวมึงหลงทาง ช่วงนี้มึงกำลังตาบอด”
“ไอ้ห่า..”
“แต่กูก็อยากให้มึงสมหวังนะม่า แต่คนดี ๆ อย่างคุณสูรย์ มันจะคู่ควรกับมึงเหรอ”
พูดไม่ทันขาดคำถมยาก็ถูกทั้งหมัดทั้งศอกและเข่าของกุสุมาประเคนเข้าใส่..
เสียงหยอกล้อของถมยา กับเสียงด่าของกุสุมาทำให้สูรย์ที่ยืนอยู่ที่ระเบียงยิ้มขำ ถ้าถมยาไม่เดินมาเขาเองก็ไม่รู้จะมองหน้ากุสุมาได้อย่างไร..
“ไอ้ซ้งนะไอ้ซ้ง..สร่างก่อนเถอะมึง..”
กุสุมานอนพลิกตัวไป ๆ มา จนหญิงสาวแฟนของเพื่อนที่นอนอยู่ข้าง ๆ บ่นให้ กุสุมาจึงนอนหงายชันเข่าแล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือก ๆ เธอกลุ้มใจกับเรื่องในวันนี้ไม่น้อย ใจหนึ่งอยากจะยินดีที่สามารถค้นพบว่า ความรักมันทำให้โหนกแก้มตึง ริมฝีปากคลี่ ตาเป็นประกาย ขนตามแขนขาลุกอยู่บ่อย ๆ ใจมันไหวจากที่ตั้ง เหมือนมันจะไม่อยากอยู่กับร่างกาย แต่อีกใจ มันก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลัวว่ามันจะเป็นเพียงฝันลม ๆ แล้ง ๆ กลัวว่ามันจะเป็นเรื่องหลอกลวง และถ้ามันเป็นอย่างนั้น ถ้าสายตาของคุณสูรย์คงเป็นสายตาของหมาจิ้งจอก การกระทำด้วยไมตรีในวันนี้เป็นเพียงการแก้เหงา แล้วเธอจะทำอย่างไร
กุสุมาถอนหายใจอีกเฮือก แล้วก็เลื่อนเข่าลง..
พรุ่งนี้คุณสูรย์ชวนให้นั่งรถกลับไปด้วยกัน เพราะจะพาแวะไปเที่ยววังที่มีอยู่หลายแห่ง
แต่ว่าพรุ่งนี้ในรถไม่ใช่มีแค่เธอกับเขา มีพี่ซ้งไปด้วย รับรองเลยว่า เธอจะไม่มีความสุขแน่ ๆ เห็นทีพรุ่งนี้จะต้องไปบอกกับเขาว่า เพื่อน ๆ ให้กลับไปด้วยกัน
แต่อีกนั่นแหละ ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ถ้าไม่ได้เห็นหน้า..
กุสุมาถอนหายใจ พลิกตัวซ้าย ขวา ซ้าย ขวา แล้วก็ตัดสินใจว่า ผู้กล้าต้องเผชิญกับความเป็นจริง
“ม่า ๆ ๆ ๆ” นอกจากเสียงปลุกอันดังลั่นบ้าน คนปลุกก็ยังวางเท้าไว้ทีหลังแล้วก็เขย่าไปด้วย กุสุมาลืมตาขึ้นมา พอเห็นว่าเป็นผลงานของใครก็ร้องด่าได้ทันทีเหมืนกัน
“เอาขาหลังออกจากหลังกูเลยนะ”
พอตัวเป็นอิสระกุสุมาก็พลิกแล้วรีบลุกขึ้นนั่ง..
“ลงไปทำข้าวต้มหน่อยสิ”
“คนอื่น ๆ ละ”
“มันไปเล่นน้ำทะเลกันหมดแล้ว เหลือมึงนี่แหละนอนกินบ้านกินเมือง หรือมึงคิดจะนอนให้ท่าใคร”
“กวนทิศเบื้องล่างแต่เช้าเลยนะมึง”
กุสุมาดูนาฬิกาที่ข้อมือ..สองโมงเช้า หญิงสาวขยี้ผมเส้นเล็ก ๆ พลางสูดลมหายใจเข้าปอด
“คุณสูรย์อยู่ข้างล่างนะ กำลังต้มข้าวอยู่ ลงไปช่วยเขาไป..” บอกแล้วมันก็รีบเดินลงไปข้างล่าง กุสุมายิ้มกริ่มก่อนจะรีบไปคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำ
พอรู้ตัวว่าเขาสนใจ มีใจให้ กุสุมารู้สึกว่าเสื้อผ้าที่มีอยู่นั้นมันน้อยเต็มที แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกเพราะมีเสื้อเหลืออีกแค่ตัวเดียว และกางเกงก็เป็นตัวเมื่อวาน พอส่องกระจกดูว่าหน้าตัวเองผ่องใสดีแล้ว กุสุมาก็เดินฮัมเพลงลงไปข้างล่าง..
เมื่อถึงชั้นล่างก็ไม่เห็นใครนอกจากสูรย์ที่ยืนหันหลังโดยมือก็กำลังคนข้าวต้มในหม้อ..กุสุมาชะงักเท้าหวั่น ๆ ใจกับการแสดงออกทางสีหน้า แต่ว่าอย่างไรเสียเธอจะทำให้เขาเห็นไม่ได้ว่าเธอเขินเรื่องเมื่อคืนนี้
“ทำอะไรฮะ”
เขาไม่ตอบ แล้วก็ไม่หันมาดู..กุสุมาก็เลยเดินเข้าไปจนเกือบจะถึงตัวก่อนใช้ปลายนิ้วจี้ไปที่เอว หนา ๆ ของเขาสองสามที เขาบิดเอวหนีก่อนหันมาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“ตื่นสายจัง” เขาทักแล้วหันกลับไปดูหม้อข้าวต้มที่กำลังเดือดพล่านต่อ
“ทำไมคุณสูรย์ถึงมาทำเอง พวกมันไปไหนกันหมด”
“ไปเล่นน้ำกัน”
“แล้วนึกอย่างไงมาทำข้าวต้มเลี้ยงพวกมันอีก”
“อยากโชว์ฝีมือ”
“เป็นครั้งแรกที่ม่าจะได้ชิมด้วยมั้งเนี่ย”
“แต่เครื่องไม่ครบนะ ใส่ไปตามมีตามเกิด” ตามมีตามเกิดของเขาในเวลานี้ กุสุมารู้สึกว่ามันสมบูรณ์พร้อมทีเดียว กุ้งปอกเปลือกแล้ว ปลาหมึกหั่นเป็นชิ้นพอคำ ไหนจะผักใบเขียวที่หั่นฝอยไว้รอท่า และเครื่องปรุงอื่น ๆ ก็พร้อมเพรียงเรียงอยู่ตรงหน้า
“ออกไปซื้อไอ้พวกนี้มาเหรอ”
“อืม ตลาดแค่นี้เอง ตลาดเมื่อวานแหละ”
กุสุมาพูดอะไรไม่ออก เพราะรู้สึกตื้นตันใจกับความน่ารักของเขาขึ้นมา..
“เป็นไร” สูรย์ถามเมื่อเห็นกุสุมายืนดูหม้อที่กำลังเดือดพล่าน
“ข้าวต้มเครื่องเหรอ”
“อืม ทำเป็นไหม” คำตอบของกุสุมาก็คือส่ายหัว โดยสายตาก็ยังไม่ยอมละไปจากหม้อบนเตาแก๊สปิกนิคที่บังกะโลแห่งนี้มีให้เช่า
“งั้น หลักสูตรเชฟมือทอง ก็เริ่มจากข้าวต้มหม้อนี้เลยแล้วกัน..”
กุสุมาเงยหน้ามองหน้าของเขาที่มีไรหนวดขึ้น กลิ่นหอมจากตัวเขาและกลิ่นความน่ารักทำให้กุสุมารู้สึกใจคอไม่ดี แต่พอเขาชำเลืองตามาเชื่อม กุสุมาก็เห็นว่าสายตาเขาก็เผยให้เห็นว่าใจของเขาก็มีความสุขที่มีเธอยืนอยู่ตรงนี้
ไอ้คนที่ไปปลุกกุสุมาหาได้เดินไปทะเลเพื่อเล่นน้ำกับเพื่อน ๆ มันซ่อนตัวพร้อมกับตั้งกล้องดิจิตอลแล้วถ่ายแบบวีดีโอไว้เสียด้วย..เพราะยิ้มให้กันแบบนี้ ตาเชื่อมกันขนาดนี้ จะเป็นเพียงเจ้านายกับลูกน้องได้อย่างไร และคงไม่มีผู้ชายคนไหนหว่านพืชลงไปโดยไม่หวังผลอะไรตอบแทน..และถ้าไอ้ม่ามันสามารถจับผู้ชายคนนี้ได้ วันแต่งงานเขาจะเอาภาพชุดนี้แหละเป็นของขวัญวันวิวาห์ให้กับมัน...
ช่วงที่เพื่อนกินข้าวต้ม กุสุมาก็ขึ้นไปเก็บผ้าใส่กระเป๋าเป้แล้วก็เดินลงมาข้างล่าง ท่ามกลางสายตาจับจ้องของเพื่อน ๆ
“กูจะกลับบ้านกับคุณสูรย์นะ ขี้เกียจเบียดพวกมึง ขับรถระวัง ๆ ด้วยละ อย่าคะนอง เหล้าก็เลิกแดกกันได้แล้ว..พรุ่งนี้มีงานมีอะไรก็ไปทำ ๆ กัน” ที่พูดยืดยาวเพราะไม่อยากให้พวกมันล้อเรื่องที่จะออกไปกับสูรย์ แต่ก็ดูเหมือนพวกมันจะสงบปากสงบคำแบบนัดแนะกันไว้
“มึงเขียนเฟรนด์ชิฟให้กูหรือยัง”
“เขียนแล้ว เอาหัวแม่โป้งขาหลังประทับไปด้วย มึงจะได้ไม่ลืมกู”
“ของมึงกูก็เยี่ยวรดไปและ มึงได้กลิ่นไหม”
“ไอ้..” กุสุมาทำเสียงจิ๊จ๊ะ
“แล้วพวกกูจะได้เจอมึงอีกเมื่อไหร่ ไอ้ม่า มึงจะไป เลียอีอ๊อด เมื่อไหร่ แล้วมึงจะได้กลับมาไหม” เลียอีอ๊อด ก็คือออสเตรเลียของพวกมัน กุสุมายิ้ม ๆ แต่ก็สลดใจไม่น้อย เพราะต่อไปเธอคงไม่มีโอกาสที่จะมึงมาพาโวยหรือพูดจาหยาบคายคิดอีกแล้ว วันข้างหน้าสังคมรอบตัวคงไม่ได้เจอคนแบบนี้ กุสุมายิ้มและน้ำตาก็คลอ ๆ จนเพื่อน ๆ สังเกตได้
“กูคงคิดถึงพวกมึงมาก”
“พวกกูก็คงคิดถึงมึงมาก” คนที่พูดวางถ้วยข้าวต้ม แล้วลุกขึ้นแล้วเดินมาหา แน่นอนว่า ตาแดง ๆ ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยวของมัน ทำให้กุสุมาต้องอ้าวงแขนรับ..
“มึงต้องกลับเมืองไทยนะม่า พวกเพื่อน ๆ รอมึงอยู่นะ ได้ดิบได้ดีก็อย่าลืมเพื่อนนะมึง”
“เออ กูกลับมาแน่ แต่ มึงกอดกูแน่นไปแระ” กุสุมาแม้ตาจะแดง ๆ แต่ว่าก็ยังมีอารมณ์หวงตัว ซึ่งคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นมาทำท่าจะมากอดมันเหมือนกัน..มันจึงต้องรีบยั้งไว้
“พอ ๆ กูรู้ว่าพวกมึงรักกู แต่เอาเป็นว่า ช่วงที่กูไม่อยู่ พวกมึงก็ดูแลรักษาตัวเองด้วยแล้วกัน พอกูกลับมา กูหวังว่า กูคงไม่ต้องไปเยี่ยมใครที่ฮ่องกง” ฮ่องกงของไอ้ม่าก็คือ ‘คุก’ ซึ่งคุกนี้ก็มีคนเคยไปนอนค้างคืนกันมาแล้ว และไอ้ม่านี่แหละต้องหาเงินไปประกัน ไปวิ่งเต้นช่วยเหลือให้ออกมาเรียนหนังสือ จนกระทั่งจบชั้น ปวส.
“ไม่มีแล้วไอ้ม่า พวกกูกลับตัวกันได้หมดแล้ว..เพราะมีมึงเป็นเพื่อนก็เหมือนมีพ่อกับแม่เพิ่มอีกคน”
“ให้มันจริงแล้วกัน..กูไปแล้วนะ..” ผลักเพื่อนออกไปแล้ว กุสุมาก็เดินไปที่ประตูซึ่งมีรองเท้าผ้าใบของตัวเองว่างอยู่ กุสุมาก้มลงใส่รองเท้า แต่ว่าก็ยัดปลายเท้าข้างซ้ายเข้าไปไม่ได้..
“เฮ้ยอะไรเนี่ย” กุสุมาเอาส้นรองเท้าเคาะจึงได้เห็นนาฬิกาเรือนหนึ่งแม้จะเป็นแบบสปอร์ตแต่ว่ามันก็เป็นสีชมพูแป๋นทีเดียว
“อะไร ของใคร” พอเอ่ยปากถาม เพื่อนชายทั้งหมดก็ลุกขึ้นมาหากัน กอดคอเป็นครึ่งวงกลมแล้วเดินเข้ามาหา ตอนนั้นกุสุมาประหลาดใจ แต่เมื่อเพื่อนพากันร้องเพลง ‘แฮปปี้เบิร์ดชิงหมาเกิดเดย์’ กุสุมาก็หัวเราะทั้งน้ำตา ...
“วันเกิดมึงปีนี้ มึงคงไม่อยู่ พวกกูก็เลยเตรียมไว้ให้ก่อน มึงใส่มันไว้นะ แล้วอย่าลืมว่าพวกกู พวกกูรักมึงนะม่า” ถมยาเป็นตัวแทนกล่าวคำพูดนั้น และเมื่อเห็นเพื่อน ๆ บางคนร้องไห้กุสุมาก็เลยเดินเข้าไปร่วมกอดคอจนกระทั่งมันกลายเป็นวงกลม แล้วก็พูดเสียงดัง ๆ ว่า
“ขอบใจพวกมึงนะ พวกมึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู กูคงไม่มีวันลืมพวกมึงหรอก..ถ้าไม่ได้พวกมึงกูก็ไม่ได้เป็นไอ้ม่าที่มีแต่ความสุข”
“มึงต้องกลับมานะม่า..”
“เออ..กูกลับมาแน่ ๆ บ้านกูอยู่เมืองไทย”
“หัวใจมึงก็อยู่เมืองไทย”
“มึงอย่าเป็นหญิงเต็มตัวนะม่า กู กูคงกอดมึงไม่ได้ ..”
“ม่า มึงส่งรูปมาให้กูดูด้วยนะ..เขียนจดหมายฝากนกพิราบมามั่งนะ อย่าลืมนะ”
กุสุมาพยักหน้าและบางคนก็ฉวยโอกาสที่กุสุมากำลังซาบซึ้งบอกว่า
“หนี้ที่กูติดมึงอยู่ มึงยกให้กูด้วยนะม่า..”
เมื่อนั่งรถสูรย์ออกมาแล้วกุสุมาที่นั่งอยู่เบาะหลังก็ต้องแปลกใจที่เห็นทรงฤทธิ์ไม่พูดจาเย้าแหย่เหมือนเมื่อคืน โดยกุสุมาหารู้ไม่ว่า เมื่อตอนเช้า สูรย์นั้นตัดสินใจสารภาพให้ทรงฤทธิ์ได้รับรู้ว่าเขานั้น ชอบ ‘ไอ้ม่า’
แต่ว่า การชอบในครั้งนี้ มันคงพัฒนาความสัมพันธ์ได้ยากกว่าคนก่อน ด้วยกุสุมายังเด็ก กับกำลังจะไปอยู่ต่างประเทศ แน่นอนว่า ชอบแต่ไม่อาจพัฒนาให้เป็นคนรักกัน ก็สร้างความทุกข์ทรมานให้เจ้าของหัวใจอยู่ไม่น้อย และสูรย์ก็ขอกับทรงฤทธิ์ไว้ว่า เวลาที่เหลืออยู่ของกุสุมานี้ เขาขอเก็บความรู้สึกดี ๆ นั้นไว้ กับขอเรียนรู้ดูใจกันให้มากที่สุด..
เมื่อเพื่อนสารภาพออกมาตรง ๆ และขอร้องให้หยุดเย้าแหย่ ทรงฤทธิ์ที่กำลัง ‘แฮงก์’ ก็เลยเอนเบาะ แล้วก็หลับตาโดยปล่อยให้กุสุมาที่นั่งอยู่หลังเบาะของสูรย์แอบสบตากับสูรย์ในกระจก โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่คุยอะไรกันเหมือนเมื่อวานนี้ แต่ว่าภาษาใจมันก็มีมากกว่าหมื่นคำอธิบาย
จนกระทั่งรถของสูรย์ไปจอดบนลานจอดของพระราชวังมฤคทายวัน ทรงฤทธิ์ก็อ้างว่าไม่ไหว จึงนอนรออยู่ในรถ โดยสูรย์เดินเคียงกับกุสุมาเพื่อเข้าชมพระราชวังริมทะเล
“อะไรนะ วันนี้ยังควงกันชมวัง สองคนกระหนุงกะหนิง..ไม่จริง ไม่เชื่อ”
อรพิมที่ได้รับรายงานจากเพื่อนคนเมื่อวาน หัวใจร้อนเหมือนถูกไฟเผา
“เดี๋ยวส่งรูปไปนะแอบถ่ายไว้แล้ว..ยืนอ่านนิทรรศการกันแบบว่า ยอดอกของพ่อยอดชายของเธอน่ะอยู่ที่หลังแม่คนนั้นนะ ถูกันไปถูกันมา จมูกเขาก็ อุ้ย ๆ เอามือชี้รูปแต่ว่า ลมหายใจคงรดต้นคอ อะว้าว เหมือนจูบหัวเลยอ่ะ....อุ้ยๆๆ ไม่ใช่แค่ตรงยอดนะ ตรงนั้นอ่ะ..มันเฉียด ๆ ก้นแม่นั่นด้วยอ่ะ..โอ้ววว ดูไปก็เหมือนคู่เกย์นะ..คริคริ”
“หยุดบรรยายได้แล้ว ขอหลักฐานหน่อย ”
“เอาไว้ประกอบการพิจารณาการบอกเลิกเหรอจ๊ะ”
“เออ..ด่วนเลยนะ จัดมาเลย”
เพื่อนวางสายไปแล้ว อรพิมก็เลื่อนโทรศัพท์ดูเบอร์ของสูรย์ แน่นอนว่าโทรไปตอนนี้ เขาคงไม่รับสาย แต่เธอจำเป็นจะต้องขัดจังหวะเสียบ้าง อรพิมกดสายโทรออก สูรย์ที่สแตนบายโทรศัพท์ไว้เผื่อพี่นกโทรเข้ามารายงานเรื่องในร้าน พอโทรศัพท์สั่นเขาก็เปิดดูหน้าจอพอเห็นชื่อเขาก็ปั้นหน้าเบื่อหน่าย กุสุมาอยากจะชะแง้ไปดูว่าใครโทรมา แต่ว่าก็ไม่อยากทำให้เขารู้ว่า เธอใส่ใจ ดังนั้นจึงเลี่ยงไปดูห้องบรรทมของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 โดยใจก็ยังสงสัยว่าใครโทรมา และโทรมาด้วยเรื่องอะไร
“พี่สูรย์..วันนี้อยู่ร้านหรือเปล่าคะ”
“ไม่อยู่ พี่มาต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวาน”
“ถึงว่า โทรไปหาไม่มีสัญญาณ”
“มีธุระอะไรหรือครับ”
“เคยเจอหน้ากันเสาร์อาทิตย์นี่คะ พอไม่เห็นก็คิดถึง พิมคิดถึงไม่ได้เหรอคะ”
“ได้ครับ แต่”
“ขอบคุณค่ะ แล้วจะกลับเข้าร้านกี่โมงคะพิมจะได้เข้าไปหา”
“เอ่อ อาจจะไม่ได้กลับนะ อาจจะเข้าบ้านดึก ๆ”
“ไปกับใครเหรอคะ”
“เพื่อน”
“ถามได้ไหมคะว่าหญิงหรือชาย”
“เอ่อ ชาย หญิง”
“กี่คนคะ” อรพิมถามเร็วปรื๋อแต่ถึงกระนั้นน้ำเสียงก็ยังทำตัวเหมือนน้องสาวที่ห่วงพี่ชายแค่นั้น
“สามคน”
“สองคนนั่นแฟนกันใช่ไหมคะ”
“เออ..” เขาอึก ๆ อัก ๆ แล้วมันก็ถึงเวลาที่น่าจะขอตัววางสายได้แล้ว
“พิม พี่ขอตัวก่อนนะ”
“ค่ะ” อรพิมทำเสียงเข้าใจ ทั้งที่ในใจนั้นข้องใจเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อวางสาย อรพิมก็ได้รับข้อความภาพจากเพื่อนผู้ปรารถนาดี และเมื่อเห็นภาพแล้ว แน่นอนว่าอรพิมไม่มีทาง เก็บภาพนั้นไว้คนเดียวเป็นอันขาด
“ใครเหรอน้องพิม” แสงจันทร์ พี่สาวของสูรย์รีบโทรกลับเมื่อเห็นภาพของน้องชายที่อรพิมส่งไปให้
“เพื่อนหนูเห็นพี่สูรย์กับเอ่อ..เอ่อ ๆ เด็กในร้าน”
“ผู้ชายเหรอ” ท่าทางแสงจันทร์จะตกใจอยู่ไม่น้อยเพราะภาพที่หลุดมานี้มันเป็นภาพของชายรักชายชัด ๆ
“ทอมค่ะ”
“อะไรนะ ทอม”
“ตั้งใจฟังนะคะ” เกริ่นนำแล้ว ข้อความที่ตามไปก็คือสตอรี่ที่อรพิมแต่งขึ้นมาสด ๆ จนกระทั่งแสงจันทร์ สัญญาว่าเรื่องนี้จะต้องถึงหูถึงตาคุณพ่อกับคุณแม่อย่างแน่นอน
ออกจากพระราชวังแล้ว สูรย์ก็พากุสุมากับทรงฤทธิ์ไปหาข้าวกลางวันใส่ท้อง หลังจากนั้นก็พาไปที่พระราชวังบ้านปืน ใช้เวลากันไม่มาก สูรย์ก็ขอตัวแวะตลาด ซึ่งตรงนั้นเองกุสุมาได้เห็นความเป็นมืออาชีพของสูรย์ เพราะสินค้าจำพวกอาหารทะเลตากแห้งที่สูรย์ซื้อกลับมานั้นเขาจะคุยกับคนขายอย่างกันเอง
นอกจากนั้นยังต่อรองราคาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ระหว่างนั้นเขาก็อธิบายให้กุสุมาได้รับรู้ไว้ว่า ต้นทุนการผลิตเป็นหัวใจของร้านอาหารอีกอย่างหนึ่ง และถ้าคิดจะประหยัดก็อย่าให้คุณภาพของอาหารเสียหายเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่า นอกจากนั้นสูรย์ยังซื้อขนมมาฝากพนักงานในร้านซึ่งจะจัดวางไว้บนโต๊ะอาหารของพนักงานในวันพรุ่งนี้ และส่วนหนึ่งเขาก็ซื้อไปฝากพ่อแม่กับพี่สาว โดยมีกุสุมาเดินช่วยถือของด้วยความเต็มใจ
เมื่อออกจากตลาด เขาก็พากุสุมาขึ้นเขาวัง โดยทรงฤทธิ์ขอนั่งรออยู่ข้างล่าง เพราะเคยมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ประกอบกับวันนี้เขาต้องเล่นบทยัง ‘แฮ้งก์” ไม่ไปเป็นก้างขวางคอ ขัดการสร้างความประทับใจไว้กับกุสุมา จนกระทั่งลืมไอ้สูรย์ไม่ลง และสูรย์เองก็ต้องใช้ช่วงเวลานี้ ดูกุสุมาเหมือนกัน สูรย์พูดว่า ความรักครั้งนี้ มันจะไม่ใช่มีแต่อารมณ์ มันจะต้องมีเหตุผล ต้องรู้กาลเทศะ เพราะเวลาในเมืองไทยของกุสุมาก็มีไม่มาก สูรย์เองก็ไม่อยากผูกมัด เพราะหลาย ๆ ปีที่จากกันไป เขาอยากให้กุสุมาไปอย่างอิสระไปสนุกกับอนาคตโดยไม่ต้องห่วงคำสัญญา ซึ่งน่ามันน่าจะเป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย
แต่ว่าเมื่ออยู่ใกล้ชิดกัน สูรย์รู้สึกว่าตัวเองถลำใจให้ไอ้ม่าของไอ้ซ้งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะกุสุมาเองก็น่ารักไม่หยอก พาเดินตลาดสด มันก็สงสัยของบนร้านบนแผงไปเสียทุกอย่าง มันทำเหมือนกับว่าไม่เคยมาตลาดและไม่เคยรู้อะไรมาก่อน เห็นขนมอะไรก็ชี้ แล้วก็ถามว่าขนมอะไร ทำอย่างไง ทำเป็นไหม และสุดท้ายอร่อยหรือเปล่า อีตรงอร่อยหรือเปล่านี่แหละที่เขาต้องซื้อให้ชิม แล้วเวลาไปชิมมันก็ฉลาดที่จะชิมเสียทุกอย่าง จะได้ไม่ต้องซื้อทุกอย่างที่ร้านนั้นมี และแม่ค้าแม่ขายก็ถามว่า เป็นอะไรกันน่ารักจัง ไอ้ม่าถามกลับไปว่า ทายสิว่า เป็นอะไรกัน..เขาก็ตอบว่าพี่กับน้อง มันก็จะบอกว่า พ่อผมครับหล่อไหม
พอเขากลายเป็นพ่อของมัน มันก็เลย พ่อม่ากินนั่นกินนี่ เขาก็เลยต้องควักจ่ายให้มัน แต่ว่ามันก็แข็งแรงพอที่จะไม่บ่นเมื่อต้องช่วยกันยกของกลับมาที่รถ ซึ่งเมื่อคบอยู่กับวรรณพร เขาไม่เคยพาไปตลาดไท ไม่เคยช่วยกันถือของแบบนี้ ของในร้านบางอย่างวรรณพรแนะนำให้ซื้อในห้องสรรพสินค้าเพราะได้รับแอร์เย็นฉ่ำ แต่ไอ้ม่ากลับบอกว่า ตลาดสดมันน่าเดินอยู่เหมือนกันนะเนี่ย รู้ว่ามีอะไรแปลก ๆ แบบนี้ไปเดินซะนานแล้ว...ไม่รู้ว่ามันพูดเอาใจเขาหรือเปล่า แต่เขาคิดว่า กลับไปก่อนเข้าครัว เขาต้องพาแม่ดอกไม้ซ่อนกลิ่นดอกนี้ ไปเที่ยวตลาดไทอย่างแน่นอน..

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 เม.ย. 2554, 01:10:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 เม.ย. 2554, 01:39:10 น.
จำนวนการเข้าชม : 3216
<< 12 เพลงบางเพลงถึงปิดมันก็ยังดังในหัวใจของเรา | 14.ผมชอบเขาครับพี่ อยู่ใกล้ ๆ แล้วมีความสุขจัง >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 18 เม.ย. 2554, 01:20:01 น.
สวัสดีครับ หลังสงกรานต์..คงดำไปตาม ๆ กัน..คริคริ..
ส่วนผมก็ยังแฮงก์ ๆ ครับ..
ข่าวดีครับ..เพื่อนนักอ่านที่เม้นท์ให้กำลังใจผมตั้งแต่ตอนที่ 1-12 ผมจะจับฉลากแจกหนังสือ 1 เล่มนะครับ (จะได้ตอนหลังสือเป็นเล่ม มะรู้เมื่อไหร่))..
ส่วนเพื่อนนักอ่านที่จะร่วมสนุกด้วยกัน..ตั้งแต่ตอนที่ 13-20 ผมแจกอีกหนึ่งเล่มครับ..
(สงวนสิทธิ์เฉพาะคนที่อ่านนะครับ))
แล้วก็พิเศษสุด ๆ จันทร์นี้ ครบ 20 เม้นท์เมื่อไหร่ มาอีกตอนอย่างนอนครับ..
สวัสดีครับ หลังสงกรานต์..คงดำไปตาม ๆ กัน..คริคริ..
ส่วนผมก็ยังแฮงก์ ๆ ครับ..
ข่าวดีครับ..เพื่อนนักอ่านที่เม้นท์ให้กำลังใจผมตั้งแต่ตอนที่ 1-12 ผมจะจับฉลากแจกหนังสือ 1 เล่มนะครับ (จะได้ตอนหลังสือเป็นเล่ม มะรู้เมื่อไหร่))..
ส่วนเพื่อนนักอ่านที่จะร่วมสนุกด้วยกัน..ตั้งแต่ตอนที่ 13-20 ผมแจกอีกหนึ่งเล่มครับ..
(สงวนสิทธิ์เฉพาะคนที่อ่านนะครับ))
แล้วก็พิเศษสุด ๆ จันทร์นี้ ครบ 20 เม้นท์เมื่อไหร่ มาอีกตอนอย่างนอนครับ..

หมูบิน 18 เม.ย. 2554, 01:50:44 น.
มาซะดึกเลยนะค่ะ ตามลุ้นไปกับม่าอ่ะค่ะ โห้ยยย มีแจก แต่จ่ายไปแล้วนี่ อย่าลืมส่งละกันค่ะ คนที่บ้านบอกหนังสือสนุกทุกเล่ม!!!!
มาซะดึกเลยนะค่ะ ตามลุ้นไปกับม่าอ่ะค่ะ โห้ยยย มีแจก แต่จ่ายไปแล้วนี่ อย่าลืมส่งละกันค่ะ คนที่บ้านบอกหนังสือสนุกทุกเล่ม!!!!

เจ้าหญิงสุเอะ 18 เม.ย. 2554, 01:52:07 น.
คนแรก
คนแรก

เจ้าหญิงสุเอะ 18 เม.ย. 2554, 01:52:21 น.
ว้าไม่ทัน
ว้าไม่ทัน

Thananya 18 เม.ย. 2554, 02:05:49 น.
ฮาตรงขอยกหนี้แบบเนียนๆ ฮ่าๆ อ่านแล้วก็คิดถึงเพื่อนจัง
ฮาตรงขอยกหนี้แบบเนียนๆ ฮ่าๆ อ่านแล้วก็คิดถึงเพื่อนจัง

mottanoy 18 เม.ย. 2554, 04:11:13 น.
ฉากนี้หวานดีจัง
ฉากนี้หวานดีจัง

จิ๋วจ้า 18 เม.ย. 2554, 06:14:38 น.
น่ารักอ่ะอ้อนพ่อ....อิอิ
น่ารักอ่ะอ้อนพ่อ....อิอิ

Kookkea 18 เม.ย. 2554, 07:09:40 น.
thanks for posting ka :)
thanks for posting ka :)

Pat 18 เม.ย. 2554, 08:12:17 น.
คุณสูรย์น่ารักขึ้นทุกวัน แต่กลับบ้านโดนซักฟอกชุดใหญ่แน่เลย อิอิ บอกไปเลยว่ากำลัง in love
คุณสูรย์น่ารักขึ้นทุกวัน แต่กลับบ้านโดนซักฟอกชุดใหญ่แน่เลย อิอิ บอกไปเลยว่ากำลัง in love

loveleklek 18 เม.ย. 2554, 08:20:15 น.
ม่า น่ารักนะเนี่ย
ม่า น่ารักนะเนี่ย

napt 18 เม.ย. 2554, 08:24:27 น.
อยากเป็นม่า ทำไรก็น่ารักไปม๊ด ^^
อยากเป็นม่า ทำไรก็น่ารักไปม๊ด ^^

nikky 18 เม.ย. 2554, 08:48:52 น.
น่ารักมากๆๆเลยม่าอ่ะ..ชอบๆๆๆๆ
น่ารักมากๆๆเลยม่าอ่ะ..ชอบๆๆๆๆ

chada 18 เม.ย. 2554, 09:01:39 น.
มาแสดงตัวจ้า...อยากอ่านอีกตอน
มาแสดงตัวจ้า...อยากอ่านอีกตอน

แฟนพันธุ์แท้ 18 เม.ย. 2554, 09:30:54 น.
ครบโหลพอดี ... ตามกันมาอีกไวไวนะคะ คุณเฟื่องจะได้ใจอ่อน
ครบโหลพอดี ... ตามกันมาอีกไวไวนะคะ คุณเฟื่องจะได้ใจอ่อน

สายลมแห่งรัก 18 เม.ย. 2554, 11:47:14 น.
ตามไอ้ม่า มาแล้ว
ตามไอ้ม่า มาแล้ว

ก้อนอิฐ 18 เม.ย. 2554, 11:55:01 น.
14จ่ะ
14จ่ะ

ธารณ์ 18 เม.ย. 2554, 13:02:25 น.
น่าร้ากกกก ^^
น่าร้ากกกก ^^

เจ้าชายน้อย 18 เม.ย. 2554, 19:35:09 น.
คิกคักๆ
คิกคักๆ

niny 18 เม.ย. 2554, 19:45:09 น.
ม่าน่ารักสุดๆ
ม่าน่ารักสุดๆ

จุฬามณีเฟื่องนคร 18 เม.ย. 2554, 19:45:24 น.
เหลืออีก 4 เม้นท์นะครับ (คิกคัก ๆ)5555555555
เหลืออีก 4 เม้นท์นะครับ (คิกคัก ๆ)5555555555

จุฬามณีเฟื่องนคร 18 เม.ย. 2554, 19:46:28 น.
อ้าวของคุณ niny ชนกัน..สรุปว่า อีก 3 เม้นท์นะคร้าบบบบ
อ้าวของคุณ niny ชนกัน..สรุปว่า อีก 3 เม้นท์นะคร้าบบบบ

namzuza 18 เม.ย. 2554, 19:55:07 น.
เลียอีอ๊อด ๕๕๕๕๕ ช่างคิดเนอะ ชอบคำทุกคำในเรื่องนี้เลย
เลียอีอ๊อด ๕๕๕๕๕ ช่างคิดเนอะ ชอบคำทุกคำในเรื่องนี้เลย

nutcha 18 เม.ย. 2554, 21:09:53 น.
อิจฉาไอ้ม่าจัง คุณสูรย์ก็น่ารัก
อิจฉาไอ้ม่าจัง คุณสูรย์ก็น่ารัก

OPUS 23 ก.พ. 2555, 14:24:39 น.
ชอบตอนนี้มากเลย นึกหน้าไอ่ม่าตอนเขินไม่ออกเพราะภาพในใจออกจะเป็นทอมบอยซะขนาดนั้น..อ๋อนึกออกแล้วเหมือนพี่ป้องกะน้องแก้วไงคงจะประมาณนี้ใช่ไหมสาวห้าวกลายเป็นสาวสวยด้วยความรัก
ชอบตอนนี้มากเลย นึกหน้าไอ่ม่าตอนเขินไม่ออกเพราะภาพในใจออกจะเป็นทอมบอยซะขนาดนั้น..อ๋อนึกออกแล้วเหมือนพี่ป้องกะน้องแก้วไงคงจะประมาณนี้ใช่ไหมสาวห้าวกลายเป็นสาวสวยด้วยความรัก

ปิลันธน์ 19 มี.ค. 2555, 20:24:25 น.
:) แหย่กันน่ารักซะ เฮ้อ อยากมีพ่อหล่อๆบ้างวุ๊ย
:) แหย่กันน่ารักซะ เฮ้อ อยากมีพ่อหล่อๆบ้างวุ๊ย