อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 25

ตอนที่ 25

ตะวันฉายยกแก้วค็อกเทลสีฟ้าใสขึ้นจิบ ก่อนจะกวาดตามองความวุ่นวายของเหล่านักท่องราตรีที่ส่วนมากพากันดิ้นบนฟลอร์ตามเพลงอย่างเมามัน โดยมีดีเจหนุ่มคอยสร้างความหรรษาให้กับลูกค้าทั้งหลาย ตามปกติแล้วตะวันฉายมักจะอารมณดีและร่างเพรียวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู หญิงสาวเริ่มอารมณ์เสียเมื่อเห็นว่าคนที่นัดไว้ยังไม่มาเสียที

“น้อง มาการิต้าอีกแก้ว”หญิงสาวบอกกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่พยักหน้ารับ ก่อนจะเริ่มลงมือทำเครื่องดื่ม

“เพิ่มเป็นสองนะจ๊ะ”เสียงหวานหยดย้อยดังขึ้นทางด้านข้างของตะวันฉาย หญิงสาวตวัดสายตาไปมองคนที่หน้าระรื่นอย่างหมั่นไส้ปนโมโห

“ทำไมไม่มาซะเที่ยงคืนเลยล่ะยะ ยัยริตา”

อาริตายิ้มระรื่นไม่ใส่ใจเพื่อนสาวที่นั่งหน้างอหน้าหงิก หญิงสาวรับเครื่องดื่มของตนจากบาร์เทนเดอร์หนุ่มก่อนจะขยิบตาให้ แล้วจึงหันมาหาเพื่อนที่ส่งสายตาขุ่นเขียวรอเธออยู่

“แหม ตะวันแกก็จะรีบไปไหน ฉันเพิ่งมานะขอจีบหนุ่มก่อนก็ไม่ได้”ว่าแล้วก็หันไปทิ้งสายตาให้ชายหนุ่มอีกคนที่เดินมาสั่งเครื่องดื่มข้าง ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นก็ส่งยิ้มทักทายกลับมา ตะวันฉายนับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนจะรีบเข้าเรื่องของตนเองทันทีไม่งั้นเธอคงต้องรอจนกว่าอีกฝ่ายจีบหนุ่มจนพอใจ

“เอาล่ะ มาคุยเรื่องของฉันก่อน แล้วหลังจากนั้นแกจะไปทำอะไรก็เรื่องของแก”

“ก็ได้ ไหนล่ะเรื่องอะไรที่แกจะมาปรึกษาฉัน”อาริตายกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ ก่อนจะสำลักเพราะประโยคนี้

“แกช่วยฉันคิดแผนแย่งผู้ชายมาจากนังดาวหน่อย”

“อะไรนะยะ! แค่กๆ หมายความว่าไงเนี่ย แม่นั่นมีแฟนใหม่แล้วเหรอ”อาริตารีบวางเครื่องดื่มในมือลงแล้วหันมาสนใจเรื่องศัตรูหมายเลขหนึ่งของเพื่อนทันที

“ใช่ แถมยังเป็นคนที่ฉันหมายตาไว้ซะด้วย”

“มันฉกหนุ่มคนนั้นไปจากแกเหรอ”

“เปล่า มันคบกับเขาก่อนหน้าที่ฉันจะเจอ แต่ฉันไม่สน ของแบบนี้ใครดีใครได้ และฉันจะต้องเป็นคนที่แพ้ไม่เป็นซะด้วย”หญิงสาวพูดอย่างหมายมาด อาริตายกแก้วขึ้นจิบพลางมองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนสาวที่แสดงความริษยาออกมาแบบปิดไม่มิด ก่อนนึกอยากจะเจอกหนุ่มคนนั้นที่ทำให้เพื่อนของเธอเป็นได้ถึงขนาดนี้ แล้วปาก็ไวเท่าความคิด

“ถ้าแกอยากให้ฉันช่วย ก็ต้องพาฉันไปหาหนุ่มหล่อของแกก่อน แล้วถึงจะบอกได้ว่าแกควรจะทำยังไงต่อไปดี โอเคป่ะ” อาริตาหลิ่วตาให้ตะวันฉายที่ชักสีหน้าใส่ก่อนจะยอม เพราะยังไงซะงานนี้เธอคนเดียวคงแย่งตฤณมาไม่ได้

“ก็ได้ แต่แกห้ามมาถูกใจคุณตฤณของฉันนะ ไม่งั้นแกกับฉันขาดกัน”

“ย่ะ! ฉันไม่นิยมแย่งของใคร โดยเฉพาะของของคนใกล้ตัวนี่ ยิ่งไม่ใช่แนว เชิญนั่งจ๋องไปเถอะ ฉันขอตัวไปหาหนุ่มๆลงท้องก่อนล่ะกัน”ว่าแล้วก็เดินไปหาชายหนุ่มที่หมายตาเอาไว้อย่างระริกระรี้ ทิ้งให้ตะวันฉายนั่งหน้างออยู่ที่เดิมต่อไป


แม้เวลาจะล่วงเข้าสู่หนึ่งนาฬิกาของวันใหม่ แต่คุณบุษบาก็ยังคงข่มตาหลับไม่ลง ด้วยเรื่องที่ได้รับรู้ในวันนี้ยังคงติดค้างเป็นปัญหาหนักอกในใจ และตั้งใจว่าจะคุยกับตะวันฉายให้รู้เรื่องจึงมานั่งรออยู่หน้าบ้านหลังเล็กของตน จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงรถสปอร์ตสีแดงคันโปรดของคนที่เธอรอคอย นางลุกขึ้นก่อนจะเดินตรงไปยังหญิงสาวแสนสวยที่ลงมาจากรถพอดี

“คุณตะวันคะ น้ามีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ”ตะวันฉายพิงรถมองร่างของหญิงชราที่เตี้ยกว่าตนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รอยยิ้มหยันจุดขึ้นที่มุมปาก

“เรื่องอะไร แล้วทำไมฉันถึงต้องลดตัวลงไปคุยกับพวกที่ชอบกินน้ำใต้ศอกชาวบ้านเขาด้วย”คุณบุษบาเม้มปากแน่น พยายามจะไม่ใส่กับคำพูดที่เปรียบเสมือนลูกธนูปักกลางใจนางอย่างจังจากคนที่ทำทุกอย่างให้จนลืมนึกถึงความรู้สึกของลูกสาวๆแท้ไปเสียสนิท หากไม่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้นเธอคงจะหน้ามืดไปบอกให้ดาวเหนือเลิกกับตฤณเพื่อพี่สาวเหมือนอย่างที่เคยทุกครั้ง หากแต่คราวนี้เธอตัดสินใจแล้วว่าจะต้องทำเพื่อดาวเหนือซักครั้งในชีวิตนี้

“น้าแค่อยากจะขอให้คุณตะวันไปหาผู้ชายคนอื่นเถอะค่ะ อย่ามายุ่งกับตาตฤณเลย เขาเป็นครักของยายดาว”

“อ๋อ! นึกว่าเรื่องอะไร มารักษาสิทธิ์ให้ลูกสาวนั่นเอง แต่ขอโทษทีนะ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ตัวผู้ชาย ถ้าเขามาชอบฉันมากกว่าลูกสาวเธอก็ช่วยไม่ได้”ร่างเพรียวยิ้มเยาะ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นถลึงตาใส่เมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด

“ตาตฤณไม่มีวันหันไปชอบคุณหรอก เขาเป็นมีหัวคิด คงจะรู้ดีว่าใครคือคนที่ดีที่สุดสำหรับเขา แล้วก็นะ..”คุณบุษบาเว้นวรรค ก่อนจะพูดต่อ “...คนที่ไม่รู้จักให้ ดีแต่จะรับอย่างคุณน่ะ ไม่มีวันที่จะได้ผู้ชายดีๆอย่างตฤณไปครองหรอกค่ะ ถ้าคุณยังไม่ยอมหยุดแย่คนของน้อง น้าก็จะทำทุกอย่างเพื่อจะขัดขวางคุณ!”

คุณบุษบาพูดสิ่งที่ต้องพูดไปหมดแล้ว สีหน้าที่หมองเศร้าตั้งแต่เย็นจนถึงเมื่อครู่ บัดนี้ฉายแววมั่นคงในสิ่งที่ตนได้กระทำลง นางหมุนตัวกลับไปยังบ้านของตน ทิ้งให้ตะวันฉายมองตามไปอย่างอาฆาตแค้น

“อีแก่! วอนจะไม่ได้แก่ตายแล้วนะ ได้! ในเมื่อแกกล้าประกาศศึกกับฉัน ฉันจะทำให้ทั้งแก ทั้งลูกแกต้องช้ำใจจนอยู่บนโลกนี้ไม่ได้เลยคอยดู!”


“นี่! ตะวัน ฉันบอกหล่อนว่าอยากเจอหน้าอีตานั่นของหล่อนก็จริง แต่ไม่ใช่ตอนเช้าอย่างนี้น่ะแก”อาริตาบ่นเพื่อนสาวอย่างหงุดหงิด เพราะเธอเพิ่งกลับจากห้องชุดสุดหรูของหนุ่มคนหนึ่งที่ตกได้จากผับเมื่อคืน อาบน้ำเสร็จยังไม่ทันล้มตัวลงนอนก็โดนปลุกด้วยโทรศัพท์จากตะวันฉายที่บังคับให้เธอออกมาเป็นเพื่อน โดยบอกว่าจะพาไปให้เจอหน้าชายในฝันของตัวเอง และตอนนี้ทั้งคู่ก็กำลังจะมุ่งหน้าไปยังบ้านของชายหนุ่มผู้เป็นเป้าหมาย

“จะเที่ยงแล้วย่ะ หัดตื่นเช้าซะมั่งนะแก มันจะทำให้สุขภาพผิวหน้าแกดีขึ้น”

“ตกลงแกจะด่าหรือจะสอน แล้วฉันก็ตื่นเช้าเป็น แต่ต้องไม่ใช่เช้าวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดเพียงวันเดียวของฉันอย่างนี้นะยะ”อาริตาบอกเพื่อนพร้อมกับทิ้งตัวกระแทกเบาะหนังของรถสปอร์ตคันโปรดของเพื่อน มือเรียวกระชับแว่นกันแดดอันโตให้กระชับพอดีใบหน้า ก่อนหันไปคาดโทษอีกฝ่าย

“คอยดูนะ ถ้าอีตานั่นไม่หล่อมาก...”หญิงสาวลากเสียงยาวอย่างหมั่นไส้

“...อย่างที่แกบรรยายไว้ล่ะก็ ฉันจะเล่นงานแก!! ชดเชยเวลานอนที่เสียไปของฉัน”

“ถ้าแกเห็นเขาแล้วไม่อ้าปากค้าง ฉันยอมออกเงินค่าตั๋วเครื่องบินไปช้อปปิ้งที่ปารีสให้แกเลย เป็นไง?”ตะวันฉายย้อนกลับอย่างท้าทาย พลางยิ้มอย่างเป็นต่อ อาริตาเบะปากมองอีกฝ่ายก่อนจะหลับตาลง แต่ปากยังคงถาม

“แล้วทำไมแกต้องรีบถึงขนาดนี้เนี่ย”

“เมื่อวาน นังแก่บุษบามันมาขู่ให้ฉันเลิกยุ่งกับคุณตฤณ มันบอกว่ามันจะขัดขวางฉัน ไม่ให้ไปแย่งแฟนลูกมัน”

“โห! นี่ยายป้านั่นกล้สขนาดนี้เลยเหรอ ปกติเห็นออกจะเกรงใจแกอย่างกับอะไรดี ขนาดตอนเด็กๆ แกไปฉีกเสื้อมัน เขายังเข้าข้างแกเลยนี่”ตะวันฉายร้องเฮอะ ก่อนจะบอก

“ต่อมความเป็นแม่มันเริ่มทำงานมั้ง ช่างหัวยายแก่นั่นปะไร ตอนนี้ที่ฉันสนมีอยู่อย่างเดียว ฉันจะต้องเอาชนะใจคุณตฤณให้ได้ และก็ไม่มีใครมาขวางฉันได้ด้วย”

“ชักจะน่าสนุก แต่ตอนนี้ฉันง่วงมาก ขอนอนก่อนล่ะกัน ถึงแล้วปลุกด้วยล่ะ”ว่าแล้วร่างบางก็พลิกตัวเข้าหาประตูรถ ก่อนจะปิดตาลง ตะวันฉายรับคำก่อนจะขับรถต่อไปพร้อมกับแผนการต่างๆนานาผุดขึ้นมาในสมอง


“ที่เนี่ยน่ะเหรอ”อาริตาลงจากรถแล้วมองไปรอบด้านอย่างเหยียดๆ ก่อนจะหันกลับไปหาตะวันฉายที่เพิ่งปิดประตูรถลง

“ใช่ คลีนิครักษาสัตว์ของคุณตฤณ ส่วนบ้านเขาก็อยู่ในซอยถัดไป”

“แล้วทำไมแกไม่ไปหาเขาที่บ้านล่ะยะ มาทำไมที่นี่”

“ฉันไม่อยากไปเจอไอ้หมาบ้ากับไอ้แมวน่ารังเกียจนั่น”หญิงสาวพูดอย่างแค้นเคือง อาริตาทำหน้างงๆ จนตะวันฉายต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังแบบย่อๆ เมื่อฟังจบอาริตาหลุดหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงสภาพเพื่อนในวันนั้น

“ขำบ้าอะไร คอยก่อนเถอะ ฉันจะแอบเอาพวกมันไปทิ้ง”

“แกนี่มันจริงๆ เลยตะวัน ฉันจะบอกอะไรให้นะ คุณตฤณอะไรของแกเนี่ยเขาเป็นสัตวแพทย์ไม่ใช่เหรอ เขาก็ต้องรักสัตว์เป็นเรื่องปกติ แล้วแกไปทำท่ารังเกียจสัตว์เลี้ยงเขา รับรองชาตินี้แกก็แพ้นังดาวตกไปตลอดนั่นแหละ นังนั่นมันรักสัตว์ไม่ใช่เรอะ”

“จะไปรู้ได้ไง ฉันไม่ได้พิศวาสมันขนาดนั้นนี่ แล้วทำไมฉันต้องทำอะไรฝืนใจตัวเองอย่างนั้นด้วย”ตะวันฉายบอกอย่างหงุดหงิด คว้ากระเป๋ามาคล้องแขนก่อนจะเดินนำเข้าไปภายในร้าน อาริตาแบะปากก่อนจะเดินตามเข้าไป

เด็กสาวคนเดิมกับเมื่อวานเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือในมือขื้นมามองเมื่อเสียงกระดิ่งที่ตฤณติดไว้ที่ประตูดังขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีลูกค้าเข้าร้าน พอเห็นว่าคนที่มาเป็นใครก็ตาโตลุกขึ้นเดินมาหา ตะวันฉายส่งยิ้มไปให้ก่อนจะถามหาเจ้านายของอีกฝ่าย

“คุณตฤณไม่อยู่เหรอจ๊ะก้อย”

“ไม่อยู่ค่ะ ออกไปข้างนอก”

“แล้วจะกลับเข้ามาเมื่อไหร่ก้อยรู้ไหม”ตะวันฉายถามต่อ ซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ส่วนอาริตานั้นเดินออกไปรอที่รถทันทีที่รู้ว่าเป้าหมายไม่อยู่

“คุณหมอไม่ได้บอกไว้ค่ะ แต่คงจะนานเอาเรื่องอยู่ เพราะวันนี้ไม่มีลูกค้านัดเอาไว้”

“งั้นเหรอจ๊ะ ขอบใจมากนะ”ตะวันฉายหมุนตัวกำลังจะเดินออกไป มือเรียวที่กำลังจะผลักประตูกระจกออกไปข้างนอกชะงักลง เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ร่างเพรียวค่อยๆเดินกลับมาหาก้อยที่ยังคงยืนอยู่กับที่

“พี่มีเรื่องจะให้ก้อยช่วยหน่อยน่ะ”


“ดาวว่าสีขาวหรือสีชมพูดีกว่าครับ”ตฤณถามคนรักสาวที่อยู่ปลายสาย พลางพิจารณากระเป๋าถือของสุภาพสตรีทั้งสองใบที่อยู่ในมือ ดาวเหนือนั่งลงบนเก้าอี้หวายตัวยาวนอกระเบียงห้องพักของตนเอง สายตาที่ทอดมองเส้นขอบฟ้าเบื้องหน้าฉายแววครุ่นคิดก่อนจะตอบ

“สีอื่นไม่มีแล้วเหรอ ดาวว่าไม่เหมาะกับคุณแม่ของพี่ทั้งสองสีเลย น่าจะสีนวลไม่ก็สีน้ำตาล”

“งั้นเหรอ แบบนี้มันไม่มีน่ะสิ มันมีแต่แบบอื่น พี่ว่ามันดูวัยรุ่นไม่ค่อยเข้ากับคุณแม่”ชายหนุ่มตอบ ก่อนจะสอดส่ายสายตาหากระเป๋าแบบใหม่ต่อไป

“เฮ้อ! ซื้อของให้ผู้หญิงนี่ลำบากจัง”

“ไม่หรอก แต่เป็นเพราะว่าคนที่เราจะให้นั้นเป็นคนที่สำคัญที่สุด เราเลยต้องเลือกอย่างพิถีพิถัน จนอาจจะกลายเป็นเรื่องลำบาก เรื่องยุ่งยากไปไง แต่เชื่อสิ ถ้าเราได้อย่างที่เราตั้งใจไว้ คนที่ได้รับเขาก็จะรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของเรา”หญิงสาวบอกเรียบๆตามนิสัย ตฤณอมยิ้มอยู่คนเดียว เขาคิดไม่ผิดจริงๆที่ให้อีกฝ่ายช่วยเลือกของขวัญวันเกิดให้มารดาเขา แม้จะอยู่ห่างไกลกันคนละจังหวัดในวันนี้แต่หญิงสาวก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ

“ถ้าไม่ได้ดาวนี่ พี่คงโดนแม่บ่นที่ซื้อไปไม่ถูกใจ”

“แม่ไม่บ่นหรอก เพราะเป็นของที่ลูกซื้อให้ ต่อให้ไม่ถูกใจแต่ยังไงเขาก็ใช้มันแน่”หญิงสาวบอกก่อนจะหยิบนิตยสารบนโต๊ะตรงหน้ามาพลิกไปมา

“แต่พี่ว่าแม่พี่จะชอบมากขึ้นอีกถ้ารู้ว่าคนช่วยเลือกคือว่าที่ลูกสะใภ้คนสวยนะ”

“ฟังแล้วชวนน้ำตาลขึ้น ตกลงเลือกได้ยัง”

“หวานวันละนิด จิตแจ่มใส ดาวอาจจะน้ำตาลขึ้น แต่พี่สิใจจะขาด คิดถึงดาว อยากกอด อยากหอมแก้ม อยากจะ...”ชายหนุ่มยังไม่ทันพูดจบประโยค เสียงเฉียบขาดของร่างเพรียวก็ดังขัดขึ้นมาก่อน

“พี่ตฤณ! อย่าพูดออกมานะ น่าเกลียด ไปจ่ายเงินได้แล้ว ดาวจะออกไปทำงานแล้ว”

ตฤณกลั้นหัวเราะจนตัวโยน เขาพอจะนึกภาพใบหน้าของคนรักสาวในยามนี้ได้ มันคงจะแดงก่ำแข่งกับแสงตะวันที่กระบี่อย่างแน่นอน

“จ้า ดาวไปทำงานเถอะ เดี๋ยวตอนเย็นพี่โทรไปใหม่ รักนะครับคนดี”

“อื้อ!”ดาวเหนือจ้องมองโทรศัพท์ในมือราวกับว่ามันเป็นตัวแทนของชายหนุ่ม หญิงจรดริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบาก่อนจะหมุนกลับเข้าไปด้านในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูทะมัดทะแมงเพื่อความสะดวกในการทำงาน


ด้านฝ่ายชายหนุ่มเองก็เอาแต่จ้องโทรศัพท์ในมือราวกับว่าหากกลืนลงท้องไปได้คงทำไปแล้ว ตฤณยิ้มกว้างก่อนจะหยิบกระเป๋าถือใบที่เลือกเอาไว้ไปยังเคาน์เตอร์ชำระเงิน ก่อนจะเดินทางกลับไปยังร้านของตน


“ขอบคุณมากเลยนะคะ ถ้าไม่ได้พวกคุณตาล คุณดาว โรงแรมของลูกพีชคงเป็นแค่ซากตึกเหมือนเดิม ไม่ได้สวยงามอย่างนี้แน่นอน” พีชญามองดูโรงแรมกึ่งรีสอร์ทของตนเองอย่างยินดี

“ทางเราต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณลูกพีชที่ให้โอกาสพวกเรากับทางบริษัทได้ทำงานนี้”

“ยินดีค่ะ โอ๊ะ!เกือบลืม”ผู้บริหารสาวอุทานก่อนจะรีบเปิดกระเป๋าถือแล้วหยิบกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กส่งให้ดาวเหนือที่ถือว่าเป็นหัวหน้าทีม “เช็คค่าจ้างส่วนที่สองค่ะ”

“ขอบคุณมากค่ะ”

“แล้วนี่พวกคุณจะกลับกันเลยรึเปล่าคะ”

“คงต้องเป็นอย่างนั้นล่ะค่ะ มาหลายวันแล้วเดี๋ยวใครบางคนจะลงแดงตายเพราะคิดถึงยายดาว”ตรีทิพย์บอกพร้อมกับแซวเพื่อนไปด้วยในตัว จนคนถูกแซวต้องเหล่มอง ส่วนพีชญาทำหน้างงๆก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อพอจะเดาออก

“เอ ใช่คนที่เคยมาด้วยกันเมื่อคราวที่แล้วหรือเปล่าค่ะ”

“คนนั้นแหละค่ะ พี่ตฤณพี่ชายของตาลเอง แต่ตอนนี้กลายเป็นคนรักของใครบางคนแถวนี้ไปแล้ว”

“ว้า! แย่จัง ลูกพีชว่าจะชวนให้พวกคุณอยู่ร่วมงานเลี้ยงก่อน แต่คงไม่ได้แล้วสินะ”หญิงสาวหน้าจ๋อย ทำให้ดาวเหนือและตรีทิพย์อดสงสารไม่ได้ เพราะพีชญาไม่มีเพื่อนที่นี่เลยซักคน สองสาวเพื่อนซี้มองหน้าก่อนจะตัดสินใจได้

“งั้นพวกเราจะอยู่ช่วยงานคุณลูกพีชจนกว่างานเลี้ยงจะจบเลยแล้วกันนะคะ”

“จริงเหรอคะ! ลูกพีชดีใจจริงๆ แต่ พี่ชายคุณตาลจะไม่เป็นไรเหรอคะ เดี๋ยวเขาจะมาโกรธลูกพีช”พีชญาดีใจ แต่ยังอดกังวลไม่ได้

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณลูกพีชยังไม่สบายใจ งั้นดาวขออนุญาตชวนพี่ตฤณมาร่วมงานด้วยได้ไหมค่ะ”

“โอ๊ย!ยินดีเลยค่ะ แบบนี้ลูกพีชจะได้สบายใจหน่อย ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วพีชญาก็ขอตัวไปทำงานต่อ ส่วนสองสาวก็เดินออกไปที่ลานจอดรถซึ่งวีกิจได้นั่งรออยู่บนรถแล้ว

“ตกลงจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่ครับสาวๆ กระผมนายวีกินจะได้เตรียมเมา เอ๊ย! นอนเอาแรงก่อน”ชายหนุ่มหยอกเล่น ก่อนจะโดนว่าที่แฟนสาวเขวี้ยงค้อนมาให้

“เห็นทีว่าคุณวีคงจะได้เมาอีกหลายมื้อ เพราะพวกเราจะยังอยู่ที่นี่ต่อกันอีกซักสองสามวัน”

“หือ ยังไงกันครับคุณดาว”

“ก็แค่จะอยู่ร่วมงานเลี้ยงเปิดตัวโรงแรมตามคำชวนของคุณลูกพีชเขาก็เท่านั้น ทำไม หรือนายมีปัญหาท่ามีจะกลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพวกฉันกลับเครื่องเองก็ได้”ตรีทิพย์บอกด้วยน้ำเสียงกึ่งงอนๆ ทำเอาชายหนุ่มหน้าเหวอ ส่วนเพื่อนรักต้องหันหน้าออกนอกหน้าต่างเพื่อกลั้นรอยยิ้มเอาไว้

“ไปกันใหญ่แล้วคุณ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรซักคำ ก็แค่สงสัยเฉยๆ สรุปว่าจะอยู่ต่อว่างั้น”

“ใช่”

“โอเค ผมจะได้ไปนอนอาบแดดดูฝนั่งใส่บิกีนีต่อ โอ๊ย!!” วีกิจร้องลั่นเมื่อโดนนิ้วเรียวหนีบเข้าให้ที่ต้นแขน พร้อมกับเสียงต่อว่าต่อขาน

“นี่ขนาดยังอยู่ในช่วงดูใจ นายยังคิดจะนอกใจฉัน ถ้าคบกันไปฉันไม่ต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าหรือไง ขับรถไปเงียบเลยนะ”

“ครับ ครับ สุดที่รัก ย่าโหดนักเลยเดี๋ยวคนเขาเข้าใจผิด ขอไปเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านแล้วจะยุ่ง”

“นายวีกิจ!”

ดาวเหนือกลั้นยิ้มก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อต่อสายไปยังชายหนุ่มคนรักเพื่อชวนมางานเลี้ยงในอีกสองวันข้างหน้า โดยมีเสียงโหยหวนของวีกิจดังขึ้นเป็นแบ๊คกราวน์


ย้อนกลับไปทางเมืองหลวงก่อนหน้าที่ดาวเหนือจะตอบตกลงอยู่ร่วมงานของพีชญาหลายชั่วโมง ตฤณเพิ่งจะเดินทางกลับมาถึงร้านของตน ชายหนุ่มส่งถุงข้าวของให้กับเด็กสาวผู้ช่วยที่เดินออกมารับไป

“ตอนที่หมอไม่อยู่มีลูกค้ามาบ้างไหมก้อย”

“มีมาซื้อของเล็กๆน้อยๆสองสามคนอ่ะ พี่หมอ แต่มีโทรมานัดตอนบ่ายสามอยู่สองราย”ก้อยบอกโดยไม่ยอมสบตาเจ้านายหนุ่ม

“เขาบอกว่าไงบ้าง หมอจะได้เตรียมตัวถูก”

“ก็มีคุณพัลลภบอกว่าจะพาลูกหมาตัวใหม่มาฉีดยา ส่วนอีกรายไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรไว้”

“อืม ตอนนี้บ่ายสองครึ่ง งั้นเดี๋ยวหมอแวะไปที่บ้านก่อนแล้วกัน ถ้าลูกค้ามาแล้วก็ไปเรียกหมอด้วยล่ะ”ชายหนุ่มสั่งการก่อนจะเดินไปทางด้านหลังร้าน ซึ่งมีประตูลับเชื่อมต่อไปยังบ้านของเขา ก้อยหยุดมือที่กำลังจัดของก่อนจะรีบวิ่งตามหลังเจ้านายไป เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหายลับไปแล้ว ก็รีบคว้ามือถือขึ้นกดไปหาใครบางคน

“กลับมาแล้วค่ะพี่ตะวัน บ่ายสามนะคะอย่าลืม”

“ขอบใจมากจ๊ะก้อย เดี๋ยวพี่เอาของรางวัลไปให้”ตะวันฉายวางสายลงพร้อมรอยยิ้มยินดี ทำเอาเพื่อนสาวที่กำลังนั่งจิบกาแฟมองอย่างหมั่นไส้

“มาแล้วล่ะสิ พ่อยอดชายนายหมอหมาอะไรนั่น”

“เขาชื่อตฤณย่ะ”หญิงสาวย่นจมูกใส่เพื่อนก่อนจะยกแก้วกาแฟเย็นขึ้นดื่ม อาริตาส่ายหัวกับอาการราวกับสาวรุ่นแรกรักของอีกฝ่ายทั้งที่เปลี่ยนผู้ชายมาไม่เคยซ้ำหน้า

“แล้วไง ยังมานั่งเฉยอยู่อีกไม่รีบไปล่ะ เดี๋ยวเขาก็บินหายไปอีกหรอก”

“ไม่ต้องรีบ นังเด็กก้อยมันนัดให้ฉันไปบ่ายสาม เขาไม่หนีไปไหนแน่”

“ย่ะ แม่จอมวางแผน”หญิงสาวยักไหล่ไม่ใส่ใจคำประชดของเพื่อน ตะวันฉายยิ้มยิ่งนึกถึงแผนการต่อไปที่เธอมันใจว่ายังไงผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็ต้องแพ้ให้ผู้หญิง…

“เอาล่ะครับหมอฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้า พยาธินอนหัวใจแล้วก็ที่จำเป็นให้แล้ว ทีนี้ก็เรียบร้อย ระวังอย่าโดนน้ำเจ็ดวันนะครับ”ชายหนุ่มบอกกับพันตรีพัลลภ นายทหารหนุ่มวัยสามสิบปี ลูกค้าประจำซึ่งคุ้นเคยกันดี เนื่องจากอีกฝ่ายเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัวและก็ชอบพาไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนหย่อมของหมู่บ้านเช่นเดียวกับเขา พันตรีพัลลภอุ้มลูกหมาพันธ์เยอรมันเชพเพิร์ดไว้ด้วยมือข้างเดียวก่อนจะโอด

“โห หมอสั่งซะอย่างกับผมไม่เคยเลี้ยงหมาแน่ะ”

“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นคุณลภ แค่กลัวว่าเวลาคุณไม่อยู่บ้าน คนที่บ้านเขาจะเผลอให้มันไปเล่นน้ำน่ะสิ”

“ไม่ต้องห่วงผมฝากคุณน้ำเอาไว้แล้ว ให้เข้ามาช่วยดูหน่อยช่วงกลางวัน”ตฤณพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกสะดุดหูกับชื่อของคนที่ทราบมาว่าเป็นเพื่อนบ้านของอีกฝ่าย จะไม่อะไรเลยถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนข้างบ้านคนนั้นเป็นผู้หญิง

“คุณน้ำ? เอ ท่าทางจะมีอะไรที่รอดหูรอดตาผมไปสินะท่านผู้พัน”

“เอ่อ ผมว่าผมต้องรีบไปแล้วล่ะ เดี๋ยวเจ้าพวกนั้นมันหิวข้าว ลงบัญชีไว้นะหมอ จ่ายสิ้นเดือน”ว่าแล้วนักโทษก็เผ่นแผล๊วหายไปอย่างไว ตฤณส่ายหัวกับเพื่อนร่วมหมู่บ้านคนนี้ ชายหนุ่มเปิดโน้ตบุ๊กพิมพ์ประวัติของลูกค้ารายล่าสุดลงไปในบัญชีของนายพันหนุ่ม

ตะวันฉายผลักบานประตูให้เปิดออกก่อนจะเดินเข้าไปในร้านตามติดด้วยอาริตา ก้อยที่เดินออกมาพอดีส่งเสียงทักหญิงสาวตามที่นัดเอาไว้

“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า”

ตฤณรีบเงยหน้าขึ้นหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ลูกค้าที่ว่า ก่อนจะหุบแทบไม่ทันเมื่อพบว่า ‘ลูกค้า’ นั้นคือตะวันฉายและยังมีหญิงสาวอีกคนที่ดูแล้วคงจะ ‘ร้าย’ ไม่แพ้กัน

“สวัสดีค่ะคุณตฤณ”

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณตะวันมีธุระอะไรกับผมครับ ถ้าไม่มีอะไรนี่ผมคงต้องขออนุญาตไปเตรียมตัวก่อนนะครับ เพราะอีกเดี๋ยวคนไข้ที่นัดไว้คงจะมา”ว่าแล้วเขาก็เตรียมตัวที่จะฉากหนี้ แต่แม่ลูกจ้างสาวตัวดีที่คงจะแปรพักต์ไปเรียบร้อยแล้วเดินมาขวางพร้อมบอก

“ก็นี่แหละพี่หมอลูกค้าที่นัดไว้อ่ะ เชิญค่ะพี่ตะวัน พี่ริตาเดี๋ยวก้อยไปเอาน้ำมาให้”ตฤณมองตามร่างของเด็กสาวไปก่อนจะหันกลับมาหาคนที่เขาคิดว่าเป็นคนต้นคิด แล้วถามอย่างไม่อ้อมค้อม

“คุณต้องการอะไร ทำไมถึงต้องทำแบบนี้”

“แหม คุณหมอ ปกติพูดกับลูกค้าแบบนี้เหรอคะ”อาริตาลอยหน้าลอยตาโต้ตอบกับชายหนุ่มในฝันของเพื่อน ตฤณเหลือบมองหญิงสาวคนที่ลูกจ้างของเขาเรียกว่า ‘ริตา’ เล็กน้อยแล้วตอบ

“เป็นเฉพาะกับกลุ่มที่ผมเห็นว่าจะมาทำให้ชีวิตผมไร้ซึ่งความสุข ยกตัวอย่างเช่นพวกคุณไงครับ”

“อุ๊ยตาย! รังสีความไม่เป็นมิตรฉายชัด สงสัยคงโดนยายน้องดาวเหนือล้างสมองไปเรียบร้อยแล้วล่ะมั้งนี่”อาริตาแสร้งอุทาน ก่อนท้ายประโยคจะหันพูดกับเพื่อนที่ยังคงยืนนิ่ง แต่แววตาแสดงความไม่พอใจ

“ทำไมคุณตฤณพูดแบบนั้นล่ะคะ ตะวันเสียใจนะ ที่ตะวันต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าคุณน่ะไม่ยอมเปิดโอกาสให้ตะวันเลย”หญิงสาวแกล้งทำเสียงเครือ พร้อมกับค่อยๆช้อนดวงตาที่เอ่อไปด้วยหยดน้ำใสๆมองเขา ตฤณมองพี่สาวต่างมารดาของคนรักอย่างเหนื่อยใจ ส่วนอาริตาก็ยืนมองท่าทีของชายหนุ่มอย่างพิจารณา

“ขอโทษนะครับที่ไม่สามารถให้โอกาสคุณได้ คุณก็รู้และต่อให้ไม่มีดาว ผมก็มีเพียงคำตอบเดียวให้คุณ”ชายหนุ่มยืนยันหนักแน่น ตะวันฉายก้มหน้าลงซ่อนความโกรธแค้นเอาไว้ มือเรียวกำเข้าหากันแน่นก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มเศร้าไปให้

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้างั้นคุณจะให้เกียรติไปทานข้าวกับตะวันสักมื้อได้ไหมค่ะ ยายริตาก็ไปด้วย”หญิงสาวเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงเว้าวอน ตฤณนิ่งคิดอย่างไม่สบายใจต่อให้มีอาริตาไปด้วยแต่อีกฝ่ายคือเพื่อนของตะวันฉาย ยังไงก็เสียเปรียบเห็นๆ อาริตารีบกระโดดลงมาช่วยเพื่อนทันทีเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังคงลังเล

“ถ้ายังไม่สบายใจเพราะกลัวพวกฉันมอมเหล้าแล้วลากคุณไปปล้ำก็โทรชวนเพื่อนไปด้วยก็ได้นะคะ คุณหมอหมา”

“ถ้างั้นก็ตกลงครับ”

ตะวันฉายยิ้มออกมาอย่างพอใจแม้จะแอบหงุดหงิดที่ต้องมีก้างขวางคอแต่ก็ช่วยไม่ได้ ครั้งนี้จะปล่อยไปก่อน ครั้งหน้าจะไม่ยอมอย่างนี้แน่ ตฤณเรียกแม่ลูกจ้างสาวตัวดีออกมาสั่งงานก่อนจะโทรศัพท์ไปบอกมารดา คุยกันอยู่ครู่โดยที่เขาเล่าให้มารดาฟังทุกเรื่อง

“แล้วนี่เราจะชวนใครไปเป็นเพื่อนล่ะนี่”คุณตรีเนตรถามกลับ เพราะเท่าที่รู้เพื่อนลูกชายก็อยู่ต่างจังหวัดซะส่วนมาก ตฤณถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้มเพราะเขาเองก็ยังไม่คิดไว้

“ยังไม่รู้เลยครับ คงต้องเสี่ยงดวงกันดู ไม่รู้ว่าจะมีใครว่างไปกับผมบ้าง”

“ระวังตัวนะลูก”

“ครับแม่”

หลังจากวางสายของมารดาแล้วชายหนุ่มก็ยืนนิ่ง นัยน์ตาสีดำสนิทภายใต้แว่นไร้กรอบดูเคร่งเครียด คิดไม่ตกว่าจะชวนใครไปเป็นเพื่อนดี มือหนาขยี้ผมตัวเองอย่างจนปัญญา

“โธ่เอ๊ย! ไอ้ตฤณแล้วจะทำไงดีวะ”ชายหนุ่มควักโทรศัพท์มือถือออกมาอีกครั้งพร้อมกับไล่ดูรายชื่อทุกคนในโทรศัพท์เพื่อหาคนที่พอจะช่วยเขาได้ พลางเหลือบมองไปยังหน้าร้านอีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่มีหนึ่งในสองสาวเดินมาตรงนี้ เขากวาดสายตาอ่านรายชื่อเรื่อยจนกระทั่งมาหยุดที่ชื่อๆหนึ่ง คนที่ทำให้เขาเหมือนเจอหนทางสว่างขึ้นมาทันใด ตฤณไม่รอช้ารีบต่อสายไปทันที

“ขอโทษที่รบกวน แต่ผมมีเรื่องด่วนจะให้คุณช่วย”
----------------------------------------------------------------------------------------
บาย บายปีเก่าและขอต้อนรับปีใหม่ (ล่วงหน้าไปไหน) ขอให้นักอ่านทุกท่านมีแต่ความสุขตลอดปี สิ่งเลวร้ายใดๆที่เกิดขึ้นก็ขอให้มันผ่านไปและทิ้งมันเอาไว้กับปีใหม่ ยืดอกพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งดีๆในปีใหม่กันต่อไป ข้าพเจ้าขอมอบนิยายเรื่องนี้ให้เป็นกำลังใจแก่ทุกท่านค่ะ

หายหน้าหายตาไปนาน ไม่ใช่เหตุใดแต่ข้าพเจ้ามีภารกิจหลัก(อาจเป็นภารกิจของใครหลายคนเช่นกัน) นั่นก็คือกู้บ้านจากน้ำท่วม ไม่มากเท่าไหร่ แต่เล่นเอาซื้อใหม่หมดบ้าน! แต่มันก็ผ่านไปแล้ว เหลือีกภารกิจที่ัยังไม่ผ่าน เทอมนี้คือเทอมสุดท้ายของข้าพเจ้าแล้ว หากห่างหายไปนานก็ต้องขอภัยนักอ่นทุกท่านด้วย ยังไงก็อยู่เป็นกำลังใจกันจนเรื่องเลยนะคะ อีกไม่กี่ตอนแล้วจริงๆ (แต่รอนักเขียนอีกนาน)

สุดท้ายนี้ใครเดาได้ว่าใครกันหนอที่พี่ตฤณโทรหาให้มาเป็นตัวช่วย ก็จะได้รางวัลเป็นตอนหวานๆอีกตอน ถ้าเดาไม่ได้ก็ยังได้อ่านตอนหวานๆอยู่ดี เจอกันตอนหน้าค่ะ สวัสดีปีใหม่ ติชมได้ค่ะ



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ธ.ค. 2554, 22:00:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ธ.ค. 2554, 22:01:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1836





<< ตอนที่ 24   ตอนที่ 26 >>
anOO 1 ม.ค. 2555, 13:57:06 น.
เอ...พี่ตฤณจะตามใครมาช่วยล่ะเนี้ย
เอาคนที่รู้ทางยัยตะวันหน่อยนะ จะได้รู้จักเข็ดซะบ้าง

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ไรเตอร์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account