ต้องชะตารัก By ณพรชล
ความรักของมนุษย์เราจะมั่นคงสักแค่ไหนกันนะ

หากว่าคนที่เรารักที่สุดกลับจำเรื่องราวระหว่างกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เราควรจะทำอย่างไรดี

ทำทุกวิถีทางให้เธอจำได้

ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป

หรือ สร้างความทรงจำใหม่ให้กับเธอ

ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกอะไร

"ผมไม่รู้ว่าสำหรับพี่ต้นแล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าดี หรือ แค่ไหนถึงจะเรียกว่ามากพอ แต่ในความรู้สึกของผมปลายข้าวไม่ใช่แค่ความหลง ไม่ใช่แค่ความผูกพันธ์ หรือแม้แต่ความสงสารใดๆ แต่ปลายข้าวคือความรัก ชีวิต และจิตใจของผม เพียงครั้งแรกที่ผมเห็นเธอ ผมรู้ในทันทีว่าเธอคือ ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่มีใครเชื่อเพราะคิดว่าผมยังเด็กเกินไป แต่ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันความรู้สึกเดิมว่าปลายข้าวยังเป็น ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม คือคนที่ผมอยากมีอนาคตร่วมกับเธอและไม่มีใครสามารถแทนที่เธอได้ ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ปลายข้าวอยู่ใกล้ๆ เคียงข้างผมได้โดยไม่ให้เธอเสียหายหรือมีใครมาครหา"
Tags: พี่สกาย ปลายข้าว

ตอน: ตอนที่ 7

สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน

ส่งพี่สกายกับน้องปลายมาให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับทุกคนนะคะ^^

ด้วยรักและจุ๊บๆ
ปอรินทร์^^


7.
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาพอดีกับที่หญิงสาวเดินมาถึงโต๊ะ ธัญพัชรมองหน้าคนที่ยึดโต๊ะทำงานงานของเธอไปเป็นของตนแล้วหวนนึกถึงวันที่มีงานเลี้ยง เขาคนนี้คือคนที่มาตามกายนภัสนิ์กลับเข้าไปในงานและเป็นคนที่พาเธอมาส่งที่โรงพยาบาลพร้อมทั้งจัดการแทบจะทุกอย่างให้

“สวัสดีครับคุณธัญพัชร นายสั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณมาถึงแล้วให้เขาไปพบนายในห้องทำงานได้เลยครับ” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยอย่างเป็นมิตร

“อ่ะ...เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” ธัญพัชรยิ้มรับอย่างแกนๆ แต่ในหัวกลับมีความคิดตีกันให้ยุ่ง ท่านประธานมาแล้ว มาทำงานก่อนเธอที่เป็นเลขาฯ เสียอีก ทั้งๆ ที่ตัวเธอนั่นแหละที่ควรจะมาถึงก่อนท่าน แล้วยังมีคดีเก่าที่เธอไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงท่านอีก แถมโต๊ะทำงานหน้าห้องที่น่าจะเป็นของเธอก็มีคนมานั่งแทนแล้ว แล้วเธอล่ะ... จะต้องกลับไปเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ตามเดิม เธอก็ยินดีอยู่แล้วเพราะเธอไม่ได้อยากทำงานในหน้าที่เลขาฯ ตั้งแต่ต้น หรือว่า...เธอจะถูกเชิญให้ออก โอ๊ย! ตายแล้ว ยัยปลายข้าว เธอจะเอายังไงกับชีวิตของเธอดีเนี่ย

“สวัสดีครับ คุณธัญพัชร” เสียงทุ้มคุ้นหูเรียกให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์ พบว่าตัวเองได้เปิดประตูห้องเข้ามาแล้ว แต่เมื่อหันไปมองต้นเสียงก็ทำให้เธอต้องรีบปิดประตูแล้วออกมายืนอยู่นอกห้องเหมือนเดิม

“สงสัยเราจะตาฝาดไป ท่าทางจะคิดถึงมากไปหน่อย” เธอพูดกับตัวเองแล้วยกมือขยี้ตาสองสามครั้ง ก่อนที่ลองเปิดประตูใหม่อีกครั้งแต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นแบบเดิม มือเรียวบางรีบปิดประตูกลับอีกรอบ พร้อมทั้งยกขึ้นมาทาบตรงตำแหน่งของหัวใจ

อะไรกันเนี่ย! ทำไมชีวิตเธอถึงได้เหมือนกับนิยายหรือซีรี่ย์ที่เธอเคยดูเป็นประจำ เวลาที่นางเอกทำงานที่เดียวกับพระเอกแต่ไม่รู้ว่าพระเอกตำแหน่งอะไร จนสุดท้ายพระเอกเป็นถึงเจ้าของบริษัทที่นางเอกทำงานอยู่ ถึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ แล้วนางเอกจะรู้สึกเหมือนที่เธอกำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้ไหมนะ แล้วหญิงสาวก็เกือบจะหน้าคะมำเพราะจังหวะที่เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั้นเป็นจังหวะเดียวกับคนที่อยู่ด้านในเปิดประตูออกมาเช่นกัน ร่างบางจึงตกอยู่ในอ้อมกอดของคนที่ออกมาจากห้องนั้น

“ปลายเป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นเราเปิดเข้าเปิดออกตั้งหลายรอบ ตกลงจะเข้าห้องนี้หรือเปล่า หรือว่าเข้าห้องผิด” กายนภัสนิ์ถามน้ำเสียงเจือความขำ ทำให้หญิงสาวในอ้อมแขนมีรอยแดงพาดผ่านแก้มทั้งสองข้าง ตอนแรกเขาเองก็งงอยู่หรอกแต่ก็อดขำไม่ได้ ที่หญิงสาวทำท่าเปิดประตูเข้ามาแต่แล้วก็ผลุบหายออกไปตั้งสองสามรอบ จนสุดท้ายเขาต้องเดินไปเปิดประตูเพื่อที่จะได้เชิญ ‘เลขาส่วนตัว’ เข้ามาในห้องเสียที แต่กลายเป็นว่าเขาได้ร่างนุ่มนิ่มมาอยู่ในอ้อมกอดแทน

“อ่ะ...เอ่อ...คือ...” หญิงสาวมัวแต่ยืนอ้ำอึ้ง ชายหนุ่มจึงดึงร่างบางเข้าไปในห้องแทน

“ว่าไงครับคุณเลขา ไม่มีอะไรจะพูดกับท่านประธานแล้วหรือครับ” กายนิภัสนิ์เอ่ยน้ำเสียงล้อเลียน ดวงตาคมทอประกายพราวระยับ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าจึงกลั้นใจพูดราวกับว่ามีโอกาสพูดเพียงครั้งเดียว

“ทำไมพี่สกายต้องหลอกปลายด้วย ทำไมพี่สกายถึงไม่บอกปลายว่าพี่สกายเป็นท่านประธานคนใหม่ แล้วทำไมพี่สกายต้องให้ปลายมาเป็นเลขาด้วยคะ ในเมื่อพี่สกายก็มีเลขาอยู่แล้ว หรือว่าเรียกปลายมาเพื่อที่จะเชิญปลายให้อะ...” คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไปในลำคอเพราะนิ้วแข็งแกร่งของชายหนุ่มยกขึ้นมาแตะปากหญิงสาวอย่างแผ่วเบา เป็นเชิงให้หยุดถาม

“ค่อยๆ ถามพี่ทีละคำถามก็ได้ เพราะพี่ยินดีตอบคำถามปลายทุกข้ออยู่แล้ว เล่นถามมาแบบลืมหายใจอย่างนี้ เดี๋ยวก็ได้หมดลมก่อนพอดี” กายนภัสนิ์บอกเสียงนุ่ม พลางเลื่อนนิ้วแกร่งออกจากปากของหญิงสาว

“งะ...งั้นตอบคำถามแรกของปลายก่อน...ทำไมพี่สกายต้องหลอกปลายด้วยคะ” กว่าธัญพัชรจะหาเสียงตัวเองเจอก็เล่นเอาพักใหญ่

“พี่ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกปลายนะ เพียงแต่ว่าพี่ไม่มีโอกาสเหมาะๆ ที่จะบอกเท่านั้นเอง ส่วนที่ทำไมพี่ถึงไม่บอกปลายก็เหมือนกับที่พี่ไม่บอกคนอื่นๆ ว่าพี่เป็นใคร เพราะพี่อยากศึกษางานต่างๆ และการทำงานของทุกๆ คนด้วยตัวพี่เองว่าแต่ละคนนิสัยการทำงานเป็นอย่างไร ส่วนคำถามสุดท้ายพี่ไม่ได้จะให้น้องปลายออกนะครับ และยังไงน้องปลายก็เป็นเลขาของพี่อยู่ดี ส่วนคนที่อยู่ข้างนอกนั้นน้องปลายน่าจะรู้จักอยู่แล้ว เขาชื่อพล จะมาเป็นผู้ช่วยของน้องปลายไง”

“ละ...แล้วปลายจะนั่งทำงานที่ไหนล่ะคะ ในเมื่อโต๊ะทำงานเก่าของพี่ภา พี่สกายก็ให้เป็นโต๊ะทำงานของคุณพลไปแล้ว” ธัญพัชรสวนกลับทันทีเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าพูดจบแล้ว

“ก็นั่งทำงานในห้องนี้ไง แล้วนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พี่ให้ปลายมาพบพี่ที่ห้องก่อน เพราะพี่จะให้ปลายดูว่าถูกใจโต๊ะทำงานใหม่ของตัวเองหรือเปล่า” กายนภัสนิ์ผายมือออก ทำให้หญิงสาวที่ไม่ค่อยได้เข้ามาในห้องนี้บ่อยนัก ได้เห็นสภาพห้องพบว่ามีโต๊ะทำงานตัวใหม่พร้อมอุปกรณ์ครบครันอีกหนึ่งชุดเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งอยู่เกือบจะติดกับโต๊ะทำงานของกายนภัสนิ์เลยทีเดียว

“ถ้าปลายไม่มีอะไรสงสัยแล้ว พี่ขอตัวทำงานก่อน แล้วก็...ช่วยชงกาแฟอร่อยๆ มาให้พี่สักแก้วด้วยนะครับ” ชายหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี แล้วกลับไปนั่งทำงานต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้หญิงสาวยืนหน้าแดงสลับขาวอยู่กลางห้อง


เสียงคนแก้วที่ดังลั่นห้องแพนทรี่ตามอารมณ์ของคนที่กำลังชงกาแฟ สร้างความสงสัยปนขำขันให้กับหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในส่วนที่เป็นแพนทรี่สำหรับเก็บเครื่องดื่มและของว่างต่างๆ รวมทั้งเป็นมุมพักผ่อนเล็กๆ อีกด้วย

“แก้วกาแฟมันไปทำอะไรให้ปลายโมโหเหรอ ถึงได้คนไม่บันยะบันยังขนาดนั้น” นวลตาเอ่ยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ทำให้หญิงสาวที่คนแก้วอยู่นั้นหยุดคนทันทีแล้วก้มลงดูผลงานของตัวเอง

“เปล่าหรอกจ๊ะน้ำตาล ปลายไม่ได้โมโหอะไรหรอก แค่โกรธกับคนบางคนเท่านั้นแหละ” หญิงสาวบอกขณะจัดการคราบบกาแฟที่หกเลอะเทอะอยู่เต็มโต๊ะ

“ใครกันน้า ที่ทำให้แม่หวานเย็นอย่างปลายต้องโกรธขนาดนี้” นวลตาแกล้วยั่ว

“น้ำตาล! ปลายไม่ตลกเลยนะ” ธัญพัชรมองแจกค้อนให้เพื่อนรักไปหนึ่งวงใหญ่ๆ ถึงแม้จะรู้ดีว่าเพื่อนรักของเธออยากให้เธอขำ แต่เวลานี้เธอขำไม่ลง

“โอเคๆ ไม่ตลกก็ไม่ตลก แล้วตกลงว่าใครทำให้ปลายอารมณ์เสียล่ะ”

“ก็พี่สกายน่ะสิน้ำตาล ฮึ! คิดแล้วโมโห”

“เอาน่า! พี่สกายเขาคงไม่ได้ตั้งใจจะหลอกอะไรปลายหรอกมั้ง” น้ำเสียงเจือรอยขำของนวลตา ทำเอาธัญพัชรหันมองเพื่อนสาวอย่างสงสัย เพราะเท่าที่คุยมาเธอยังไม่ได้บอกนวลตาสักคำว่าเธอโกรธใคร เพราะอะไร

“น้ำตาลรู้ได้ยังไงว่าพี่สกายหลอกอะไรปลาย”

“ก็เดาไม่ยากนี่น่า ส่วนเรื่องเพราะอะไร น้ำตาลก็รู้ก่อนหน้าปลายไม่นานเหมือนกัน แต่พี่สกายขอร้องเอาไว้ว่าไม่ให้น้ำตาลบอกปลาย แต่ท่าทางพี่สกายเขาคงบอกปลายช้าไปหน่อย เลยปล่อยให้ปลายปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มอยู่นาน” นวลตาตอบ

“แต่เขาก็ควรจะบอกปลายตั้งแต่แรกสิ” ธัญพัชรเอ่ยอย่างกระเง้ากระงอน

“เอาน่าปลาย อย่าคิดมาเลย...จะชงกาแฟให้พี่สกาย เอ๊ย! ท่านประธานไม่ใช่หรือไง รีบชงเข้าสิ น้ำตาลจะได้ชงต่อ” นวลตาเอ่ยตัดบทพลางเร่งให้เธอชงกาแฟเร็วๆ ทำให้เธอได้แต่ชงกาแฟแก้วใหม่ด้วยความหงุดหงิดที่เพื่อนสาวพูดเหมือนอยากให้เธอรีบไปหา ’ท่านประธาน’ เสียเหลือเกิน เชอะ! คอยดูนะจะงอนซะให้เข็ด


“กาแฟค่ะ ‘ท่านประธาน’” น้ำเสียงหวานๆ แต่เรียบจนเขาแปลกใจ วางแก้วกาแฟหอมกรุ่นตรงหน้ากายนภัสนิ์เงยหน้าขึ้นทันทีก็พบว่า เจ้าของเสียงหวานนั้นกำลังเดินไปประจำโต๊ะของตัวเอง

“เดี๋ยวก่อน น้องปลาย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ทำให้ขาที่กำลังก้าวอยู่หยุดชะงัก พร้อมทั้งหันมาหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ท่านประธานมีอะไรจะให้ดิฉันรับใช้หรือคะ” น้ำเสียงที่เรียบเหมือนสีหน้า เรียกความสงสัยให้ชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี

“อย่าพูดแบบนี้เลยปลาย มันฟังดูห่างเหินยังไงชอบกล”กายนภัสนิ์เอ่ยเสียงนุ่มปนง้องอนหญิงสาวตรงหน้านิดๆ เขารู้ดีว่าถ้าธัญพัชรใช้น้ำเสียงแบบนี้ล่ะก็ แสดงว่ากำลัง ‘งอน’ อยู่นะ ใครที่เจอน้ำเสียงแบบนี้ต้องรีบ ‘ง้อ’ โดยด่วน

“ดิฉันเป็นเพียงแค่เลขานุการ ไม่กล้าสนิทสนมกับท่านประธานซึ่งเป็นเจ้านายของดิฉันหรอกค่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นตัวตลกของเจ้านายซะเปล่าๆ” คราวนี้นี้น้ำเสียงไม่เรียบเหมือนครั้งแรก แต่มีการแอบประชดเล็กๆ ปนอยู่ด้วย

“โถ่! ปลาย พี่ไม่เห็นปลายเป็นตัวตลกสักหน่อย พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกปลาย อย่าโกรธพี่เลยนะ ยกโทษให้พี่นะครับ” กายนภัสนิ์เดินมาหาหญิงสาวพลางเอ่ยน้ำเสียงอดอ้อน

“ดิฉันไม่กล้าโกธรอะไรท่านประธานหรอกค่ะ ท่านประธานไม่จำเป็นที่จะต้องมาขอโทษอะไรดิฉัน ถ้าท่านประธานไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวไปจัดของที่โต๊ะนะคะ” หญิงสาวเอ่ยพลางหมุนตัวกลบไม่ยังโต๊ะทำงานของตัวเอง แต่รองเท้าเจ้ากรรมเกิดพลิก ทำให้ร่างบางสูญเสียการทรงตัวจนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้นถ้าไม่มีอ้อมแขนแข็งแกร่งมาช่วยได้ทันควัน

“อะ...เอ่อ...กรุณาปล่อยดิฉันเถอะค่ะท่านประธาน ดิฉันไม่เป็นอะไรแล้ว” ธัญพัชรบอกพร้อมๆ กับจุดแดงๆ ที่กระจายทั่วไปหน้าทุกครั้งที่ต้องตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา

“แทนตัวเองว่าปลาย แล้วก็เลิกเรียกพี่ว่าท่านประธานก่อนสิ แล้วพี่จะปล่อย” กายนภัสนิ์บอกเสียงนุ่ม ดวงตาเป็นประกาย

“ปล่อยค่ะ” หญิงสาวพยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนชายหนุ่ม แต่ก็สามารถหลุดออกไปได้

“พูดใหม่สิ แต่ถ้ายังพูดเหมือนเดิมอีกพี่ก็จะกอดแบบนี้ จนกว่าปลายจะยอมพูดใหม่” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่กระชับอ้อมแขนให้แน่นเข้าไปอีก หญิงสาวใช้ท่อนแขนเรียวดันตัวให้ออกห่างจากชายหนุ่มให้ได้มากที่สุด แต่มีหรือที่แรงผู้หญิงจะสู้แรงผู้ชายได้

“ก็ได้ค่ะ...ปล่อยปลายเถอะค่ะพี่สกาย ปลายไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” ร่างบางในอ้อมแขนพูดอย่างจำใจ

“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง แล้วก็ต่อไปให้แทนตัวแบบนี้ไปตลอดเลยนะ แล้วก็อย่าเรียกพี่ว่าท่านประธานเลย แค่พี่ฟังพนักงานคนอื่นๆ เรียก พี่ก็เอียนจะแย่แล้ว” ชายหนุ่มยอมปล่อยคนในอ้อมกอดแต่โดยดี พร้อมสั่งหญิงสาวเสร็จสรรพ ผลที่ได้ก็คือค้อนวงงามๆ จากใบหน้าของหญิงสาว

“ก๊อกๆ นายครับ อีกห้านาทีจะได้เวลาประชุมกับบอร์ดผู้บริหารแล้วครับ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามมาด้วยร่างสูงของพลที่เข้ามาในห้อง

“โอเค เดี๋ยวตามไป” กายนภัสนิ์หันไปพยักหน้ากับคนสนิทคู่ใจ ก่อนที่อีกฝ่ายจะออกจากห้องไป แล้วหันมาบอกหญิงสาวเสียงนุ่ม“เดี๋ยวพี่ไปประชุมกับบอร์ดผู้บริหารกับพลก่อนนะ ปลายอยู่รอพี่ในห้องก่อน เดี๋ยวเที่ยงเราค่อยไปหาอะไรกินกัน”

การประชุมกินเวลาเกือบสามชั่วโมง หลังเสร็จจากการประชุมกายนภัสนิ์ก็พาหญิงสาวไปทานอาหารกลางวัน พอทานอาหารเสร็จ กายนภัสนิ์ก็ทำงานต่อ โดยชายหนุ่มนั่งจมอยู่กับเอกสารที่กองเต็มโต๊ะชั่วโมงกว่า แล้วยื่นกระดาษเอสี่ที่มีลายมือหวัดอย่างเป็นระเบียบมาให้ธัญพัชร พร้อมบอกสั้นๆ ว่า “ช่วมพิมพ์ให้พี่หน่อยสิ” แล้วก็กลับไปนั่งจมกับกองเอกสารต่อ กายนภัสนิ์ทำอย่างนี้มาเป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์ ครึ่งวันเช้ากายนภัสนิ์จะเข้าประชุมกับฝ่ายต่างๆ ในบริษัท ส่วนตอนบ่ายหลังจากกินข้าวเสร็จ กายนภัสนิ์ก็จะนั่งจมอยู่กับเอกสารที่ฝ่ายต่างๆ ส่งมาให้

ตลอดเกือบสามสัปดาห์ที่ผ่านมาธัญพัชรมีหน้าที่หลักเพียงแค่ชงกาแฟให้กายนภัสนิ์ในตอนเช้าและพิมพ์เอกสารในตอนบ่ายเท่านั้น การทำงานในตอนเช้าเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากในความรู้สึกของธัญพัชร เพราะหลังจากเธอชงกาแฟแล้ว ก็ไม่ได้ทำอะไรอีก กายนภัสนิ์เข้าประชุมพร้อมกับพล โดยบอกให้เธออยู่รอเขาอยู่ในห้องไม่ต้องเข้าร่วมประชุม ส่วนการการทำงานในตอนบ่ายไม่น่าเบื่อเท่าตอนเช้า เพราะกายนภัสนิ์ให้เธอพิมพ์เอกสารที่เขาสรุปเองตลอดบ่าย เธอรู้สึกว่าตอนที่เป็นผู้ช่วยเลขาให้คุณภาวิณีเธอทำงานเยอะกว่านี้มาก ไหนจะตามเอกสารกับฝ่ายต่างๆ ทำสรุปวาระการประชุม พิมพ์รายละเอียดประกาศต่างๆ ในบริษัท บางครั้งก็ช่วยคุณภาวิณีทำตารางนัดหมายของท่านประธาน ในตอนนั้นเธอรู้สึกสนุกกับงานที่ได้รับมอบหมาย แต่ตอนนี้เธอกลับเบื่อที่จะอุดอู้อยู่แต่ในห้องนี้เสียแล้ว

“ก๊อกๆ คุณธัญพัชรครับ” เสียงเรียกดังชื่อที่หน้าประตู ทำให้หญิงสาวเจ้าของชื่อหลุดจากภวังค์ หันไปมองต้นเสียงพบว่าพลหิ้วถุงพะรุงพะรังเต็มสองมือ

“มีอะไรหรือคะคุณพล ให้ปลายช่วยถือไหมคะ” หญิงสาวเดินไปช่วยพล แต่ไม่ทันเพราะถุงทั้งหมดถูกวางบนโต๊ะที่ใช้สำหรับรับแขกเรียบร้อยแล้ว

“นายฝากของมาให้คุณธัญพัชรครับ” พลบอกพร้อมทั้งหยิบกระดาษที่พับขนาดเท่าฝ่ามือยื่นมาให้หญิงสาวรับมาอย่างงงๆ

“หมดธุระแล้ว ผมขอตัวนะครับ” พลบอกแล้วก็เดินออกไป ปล่อยให้หญิงสาวยื่นอ่านข้อความบนกระดาษแผ่นนั้น อยู่คนเดียว

‘ปลาย
หนังสือที่พี่ฝากพลเอาไปให้ เป็นของนักเขียนที่พี่ชอบมาก แต่ตอนนี้พี่งานยุ่งจนไม่มีเวลาอ่านมันเลย ยังไงพี่ฝากปลายช่วยอ่านทีนะ แล้วก็สรุปเรื่องให้พี่ด้วยว่าแต่ล่ะเล่มเรื่องมันเป็นยังไงบ้าง หวังว่าปลายคงจะไม่เบื่องานชิ้นนี้ไปก่อนนะ
พี่สกาย^^’

ธัญพัชรรื้อถุงที่วางอยู่เต็มโต๊ะ พบว่ามีแต่หนังสือนิยายหลายสิบเล่มที่เขียนโดยนักเขียนที่เธอชื่นชอบทั้งนั้น แถมข้างในเล่มก็มีลายเซ็นของนักเขียนท่านนั้นทุกเล่ม เธอค่อยๆ หยิบหนังสือขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ด้วยแววตาเป็นประกายราวกับได้ของถูกใจ รอยยิ้มอ่อนหวานเริ่มปรากฏบนใบหน้า เมื่อเธอพลิกหนังสือหน้าแรก...

ธัญพัชรไม่รู้หรอกว่าเขาทำเพื่อเธอแค่ไหน ที่เขาให้เธอมาทำงานอยู่ในห้องเดียวกันนั้นก็เพราะอย่างให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา ทุกครั้งที่เหน็ดเหนื่อยหรือปวดหัวกับการอ่านเอกสารต่างๆ แต่พอเงยขึ้นหน้าขึ้นมาแล้วเห็นดวงหน้าหวานๆ นั่งอยู่ข้างๆ ก็ทำให้เขาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแถมยังมีกำลังใจทำงานเพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง และที่เขาไม่ให้หญิงสาวทำอะไรมากไปกว่าการชงกาแฟและพิมพ์เอกสารเล็กน้อยๆ ก็เพราะเขาไม่อยากเห็นเธอทำงานหนัก อยากให้เธออยู่เป็นกำลังใจ (ถึงจะไม่รู้ตัวก็เถอะ) ให้เขา เวลาที่เขานั่งทำงานมากกว่า แล้วก็เรื่องอื่นๆ อีกตั้งมากมายที่เขาทำเพื่อเธอ สักวันหนึ่งเขาจะเป็นคนค่อยๆ บอกเธอเอง

“พล บ่ายนี้วันนี้เรามีนัดอะไรสำคัญไหม” กายนภัสนิ์ถามคนสนิทหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมในช่วงสายของวันหนึ่ง

“ความจริงวันนี้นายมีนัดกับมิสเตอร์ลูคัส ซารีเนสตอนบ่ายสองครับ แต่เมื่อสิบห้านาทีที่แล้วเลขาของมิสเตอร์ลูคัสโทรมาขอเลื่อนนัดเป็นวันพรุ่งนี้แทนครับ” พลบอกตารางงานอย่างคล่องแคล่ว

“อืม...งั้นก็แสดงว่าวันนี้เราก็ว่างน่ะสิ” กายนภัสนิ์ถามด้วยรอยยิ้ม ทำให้พลเดาได้ไม่ยากว่านายน้อยของเขาคงมีแผนอะไรสักอย่างในใจเพราะรอยยิ้มที่ปรากฎเหมือนสมใจอะไรสักอย่าง

“พล! บ่ายนี้เราไม่เขาบริษัทนะ ถ้ามีเอกสารอะไรที่สำคัญจริงๆ นายก็เอาวางไว้ที่โต๊ะได้เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเราจะเข้ามาเซ็นให้ และที่สำคัญ...วันนี้นายไม่ต้องตามเราหรอก แล้วก็สั่งให้คนของนายอยู่ห่างเราสิบเมตรเป็นอย่างน้อยด้วย” กายนภัสนิ์สั่งงานลูกน้องคนสนิท

“ได้ครับนาย แต่ทำไมต้องไม่ให้ผมตามด้วยล่ะครับ แถมยังให้คนของผมอยู่ห่างขนาดนั้นด้วย” พลถามอย่างสงสัย ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็ไม่ได้ให้ความกระจ่างแต่อย่างใด กลับเพิ่มความงุนงงให้เขาอีก

“เราว่าจะพา ‘เลขาส่วนตัว’ ไป ‘สำรวจตลาด’ สักหน่อย”



ปอรินทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ม.ค. 2555, 00:15:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ม.ค. 2555, 00:15:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1740





<< ตอนที่ 6   ตอนที่ 8.1 อัพทีละนิ๊ดพอให้ชุ่มช่ำหัวใจ^^ >>
morisa 1 ม.ค. 2555, 01:39:07 น.
สวัสดีปีใหม่ค่ะหนูปลาย

แวะมาส่งกำลังใจในวันใหม่ของปีใหม่ค่ะ


anOO 1 ม.ค. 2555, 15:33:15 น.
จะแอบพาสาวไปเที่ยว แบบไม่รู้ตัวล่ะสิ เดี๋ยวโดนโกธรอีกนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account