จองจำดวงใจ
...ตราบใดที่หัวใจยังมีรักและชิงชัง ตราบนั้นความทรงจำอันแสนสุขและทุกข์เศร้าก็จะเป็นเสมือนเงาที่ติดตามเราไปทุกหนแห่งชั่วนิจนิรันดร์...

ด้วยสายใยแห่งรักและความผูกพันทำให้หัวใจศศิวิมลยืนยันกับตัวเองหนักแน่นว่า ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในคฤหาสน์วิสุทธิ์สุนทร คือ เด็กหนุ่มคนเดียวกันกับที่เธอเฝ้ารอคอยการกลับมาถึงสิบปีเต็ม แม้ว่าเขาจะแตกต่างจากเดิมไปมากเพียงใด และเมื่อการแต่งงานกะทันหันตามคำสัญญาต้องดำเนินขึ้นศศิวิมลกลับค้นพบว่าชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีแม้จะแค่ในนามกลับเป็นนักธุรกิจหนุ่มไร้หัวใจ ทายาทมหาเศรษฐีสหรัฐที่สวมรอยเข้ามาและใช้เธอเป็นสะพานเพื่อฮุบกิจการทั้งหมดของอังคพิมาน

ทั้งที่รู้ว่าต้องทำอย่างไรให้พ้นเงื้อมือชั่วช้า ทว่าสัญชาตญาณในหัวใจยังเชื่อมั่นและสายสัมพันธ์ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นทีละเล็กละน้อยแต่งดงามที่เกิดขึ้นระหว่างกันกลับกลายเป็นพันธนาที่จองจำเธอไว้มิให้หลุดพ้นไปจากเขา จะทำอย่างไรหากต้องเลือกระหว่างทรยศครอบครัวกับทำร้ายชายผู้เป็นหัวใจ เธอจะเลือกอะไรหากรู้ว่าทุกทางเลือกนั้นต้องจบลงด้วยความเจ็บปวดเท่านั้น

" ต่อให้เป็นนักโทษถูกล่ามโซ่ไว้ในกรงขัง หรือเป็นคนธรรมดาที่ถูกกรอบของสังคมบีบบังคับ ขอเพียงหัวใจยังโบกโบยเป็นอิสระได้ การจองจำเพียงกายนั้นก็ไร้ความหมาย แต่เมื่อใดก็ตามที่หัวใจเราถูกพันธนาการเสียแล้ว ต่อให้ดิ้นรนกระเสือกกระสนอย่างไรก็หลุดพ้นจากการจองจำนี้ไปไม่ได้หรอก เหมือนกับหัวใจของเล็กที่ถูกความรัก ความผูกพัน และความทรงจำที่มีต่อเขามัดแน่น ทั้งที่รู้ดีเหลือเกินว่าควรหนี แต่เท้าทั้งสองข้างกลับก้าวไปไม่พ้นใจเสียที ”

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๓๕

--- แวะคุยกันก่อน ----
สวัสดีปีใหม่คะ ตอนหน้าจบแล้วค่ะ
มีบทส่งท้ายอีกอันที่จะโยงไปสู่เรื่องที่สอง
ขอให้ทุกคนมีความสุข ตอนหน้าจะหวานกระจาย
ให้สะใจกันไปข้างหนึ่ง
-------------

บทที่ 35

รถลีมูซีนสีดำแล่นเข้าจอดเทียบทางเข้าโรงแรมหรูระดับห้าดาวใกล้สนามบินนานาชาติพอร์ตแลนด์ใช้เวลารอเพียงสองนาทีชายชาวตะวันตกร่างสูงกำยำในสูทสีดำตัดผมสั้นเป็นระเบียบสี่นายก็ปรากฏตัวเดินล้อมหญิงสาวร่างเล็กผิวขาวลออเกือบซีดสวมกางเกงขายาวผ้าลูกฟูกสีน้ำตาลรับกับเสื้อโค้ดหนาสีน้ำตาลตัวยาวราวกับเป็นบอดี้การด์คอยรักษาความปลอดภัย โดยมีหญิงวัยกลางคนอีกคนเดินตามมาในระยะกระชั้นชิด

ชายคนหนึ่งในกลุ่มเปิดประตูแล้วผายมือเชิญให้หญิงสาวผู้นั้นขึ้นไปบนรถด้วยท่าทางน้อมนอบ ทว่าผู้ที่ถูกเชิญกลับยืนนิ่งไม่ยอมทำตามความประสงค์ของอีกฝ่ายได้แต่หันหน้าไปมองหญิงชาวไทยวัยกลางคนที่ติดตามมาด้วย

คนที่ไม่เคยเดินทางไปไหนไกลเกินกว่าทะเลที่หัวหินกลับต้องนั่งเครื่องบินข้ามทวีปเป็นเวลาหลายชั่วโมง อีกทั้งต้องเจอกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นรวมถึงการต้องปรับสภาพร่างกายตัวเองให้เข้ากับเวลาที่แตกต่างจากประเทศไทยก็ทำให้อ่อนล้า แล้วไหนยังต้องประสบกับบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากถิ่นที่อยู่เดิมแม้จะมีคนนั่งเครื่องบินและตามประกบไปทุกหนแห่งก็ทำให้ศศิวิมลเหนื่อยล้าและเข้าใจว่าการนั่งรถยนต์มาทานอาหารเช้าต่อในโรงแรมแห่งนี้จะเป็นจุดหมายสุดท้าย

“ ต้องไปต่ออีกเหรอคะ ”

“ ใช่ค่ะ จากที่นี่เราต้องนั่งรถต่อไปที่บริษัทนำเที่ยวของครอมเวลในพอร์ตแลนด์ก่อน พอไปถึงเราจะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากที่นั่นไปต่อ ”

“ ต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ด้วยเหรอคะ ” เสียงหวานร้องออกมาจากความประหลาดใจ แม้จะเตรียมใจไว้ล่วงหน้าว่าการพบกับนายใหญ่แห่งครอมเวลถึงถิ่นนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ทันได้คิดว่าการเดินทางหลังลงจากเครื่องบินจะยุ่งยากถึงเพียงนี้

“ ค่ะ ถ้านั่งเฮลิคอปเตอร์จากที่นั่นตรงไปที่ทะเลสาบออสวีโกเลยก็น่าจะถึงประมาณไม่เกินสี่สิบนาทีคะ ”

“ เรานั่งรถไปอย่างเดียวไม่ได้เหรอคะ ”

“ ถ้านั่งรถจากแถวสนามบินไปถึงที่นั่นนะระยะทางมันตั้งสิบสองไมล์นะคะ ถ้าตีเป็นกิโลเมตรแบบบ้านเราก็จะประมาณสิบเก้ากิโลได้ กว่าจะไปถึงก็ตั้งหลายชั่วโมง ” ล่ามเหลือบมองดวงหน้าของคนตรงข้ามแล้วจึงเอ่ยต่อ “ คุณศศิวิมลไม่เคยขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาก่อนใช่ไหมคะ คงรู้สึกกลัวล่ะสิ ไม่ต้องกลัวนะคะ เฮลิคอปเตอร์ของครอมเวลทุกลำเป็นเครื่องที่สั่งประกอบใหม่ใช้สำหรับการนำเที่ยวทางอากาศเพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยนะคะ ”

“ พอถึงที่นั่นแล้วต้องมีนั่งอะไรต่ออีกไหมคะ ”

“ ไม่ต้องแล้วค่ะ เฮลิคอปเตอร์จะจอดส่งเราที่คฤหาสน์พอดี...รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณคอยด์ท่านจะรอนาน ” ผู้รับหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาให้ตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างผายมือชวนเชิญไปยังบานประตูรถที่เปิดรออยู่และเพราะรู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นหญิงสาวจึงได้แต่ถอนใจยอมก้าวเข้าไปนั่งภายในรถที่หรูหราและกว้างขวาง มีชั้นเครื่องดื่มและเครื่องเสียงคอยให้บริการ

เมื่อประตูปิดลงรถยนต์ก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากสนามบินผ่านอาคารบ้านเรือนที่ดูสงบร่มรื่นไปจอดยังหน้าอาคารที่ทำการบริษัทนำเที่ยวในรัฐออริกอนสาขาพอร์ตแลนด์ก่อนที่หล่อนจะถูกพาขึ้นลิฟต์ไปยังดาดฟ้าซึ่งมีเฮลิคอปเตอร์จอดเตรียมให้บริการเรียงรายอยู่หลายลำ

พื้นที่ส่วนกลางของดาดฟ้ามีเฮลิคอปเตอร์ติดเครื่องจอดรอให้บริการ...เสียงของเครื่องยนต์กลไกในเครื่องรวมทั้งใบพัดที่หมุนเอากระแสลมแรงพัดทุกอย่างรอบบริเวณกระทั่งเสื้อผ้าที่สวมใส่ให้ปลิดปลิวก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวั่นในใจ หากสุดท้ายความคิดที่ต้องไปตามข้อเสนอก็เป็นพลังให้ยอมทำได้ทุกอย่าง

เฮลิคอปเตอร์สีม่วงติดตราสัญลักษณ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นชื่อย่อของนามสกุลครอมเวลทะยานขึ้นฟ้าพาให้ทุกสิ่งเบื้องล่างเล็กแลเห็นผังของเมืองได้ถนัดตา แต่สำหรับผู้ที่โดยสารอยู่กลับมิได้สนใจสิ่งใดได้แต่นั่งคำนึงถึงบุคคลผู้เป็นที่รักยิ่งในชีวิต

คนตัวเล็กเอนหลังพิงกับเบาะนั่งหวนคำนึงถึงวันที่ล่วงรู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดและความพยายามของสามีที่ปกป้องหล่อนจากภยันตราย

ในตอนนั้นหัวใจของหล่อนเหมือนกับจะแตกเป็นเสี่ยง เจ็บปวดเกินจะคณาเป็นภาษาใดในโลก นึกชิงชังชายผู้ให้กำเนิดที่คุกคามทำร้ายชายที่รัก หากเมื่อจำเป็นต้องพบเพื่อรับข้อเสนอจากเขา ความอ่อนละมุนและรอยยิ้มอันอบอุ่นที่แผ่ขยายมาให้สัมผัสดูราวกับมิได้มีเจตนาร้ายอันใดกลับทำให้ภายในอกคล้ายถูกบีบแรงให้สองจิตใจจนมิอาจเกลียดเขาได้เต็มขั้นดังที่ปรารถนา

การเดินทางทางอากาศในครั้งนี้ใช้เวลาสั้นกว่ารอบแรกมาก ทันทีที่เฮลิคอปเตอร์บินอยู่เหนือเกาะในทะเลสาปหล่อนก็ถูกล่ามสะกิดให้เตรียมตัวก่อนที่เครื่องจะค่อยๆลงจอดยังลานกว้างที่ปูแผ่นหินลายไม้เลียนแบบธรรมชาติเพียงไม่นานชายวัยกลางคนผิวดำร่างสูงสวมสูทสีดำก็เดินเข้าหยิบกระเป๋าสัมภาระที่มีเสื้อผ้ากับข้าวของจำเป็นเพียงไม่กี่ชิ้นส่งให้ชายหนุ่มที่ตามมาเป็นฝ่ายถือไป

เขาก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมแล้วยื่นมือมาให้หญิงสาวจับเป็นหลักขณะก้าวลงจากเครื่องจากนั้นจึงเริ่มแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างช้าเพื่อให้ผู้มาเยือนสามารถเข้าใจได้ด้วยตัวเองจนทราบว่าเขาชื่อ ไมเคิลเป็นหัวหน้าพ่อบ้านของคฤหาสน์หลังนี้

“ เชิญครับคุณหนู ” เขากล่าวแล้วเดินนำทางจากลานหินที่ใช้สำหรับจอดเครื่องบินโดยสารส่วนบุคคลใกล้กับผืนน้ำมีต้นสนสูงปลูกเรียงกันเป็นแนวด้านหนึ่งเพื่อกันไม่ให้ส่วนพักอาศัยปรากฏสู่สายตาบุคคลภายนอก ลงไปตามบันใดหินคดโค้งที่ทอดไปสู่ทางเดินพื้นหินผสมกรวดที่รายล้อมด้วยไม้ดอกไม้ประดับพุ่มเตี้ยซึ่งถูกตัดแต่งเป็นรูปทรงเรขาคณิตแสมด้วยไม้ยืนต้นสูงเป็นระยะเพื่อให้ร่มเงา

เมื่อเดินมาถึงตีนบันไดหญิงสาวก็ถึงกับผงะทันทีที่เห็นกลุ่มคนทั้งหญิงชายสวมเครื่องแบบเหมือนกับหัวหน้าพ่อบ้านยืนเรียงเป็นแถวยาวตลอดสองข้างทางไปถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ที่ดูโอ่อ่า ตัวบ้านยาวโค้งเข้ามาคล้ายเส้นรอบวงของครึ่งวงกลมมีต้นไม้แปลกตาเป็นฉากหลังดูราวกับจะโอบกอดผู้อาศัยให้อบอุ่นเสมอ

ทุกคนก้มศีรษะทำความเคารพทุกครั้งทำให้ศศิวิมลรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ทรงอำนาจ แต่แทนที่หล่อนจะพอใจมันกลับทำให้การก้าวเท้าไปข้างหน้ายิ่งยากลำบาก...การต้อนรับเช่นนี้เป็นพิเศษเกินกว่าที่บุคคลที่มีสถานะเป็นเบี้ยล่างจะได้รับ

ไมเคิลนำทางผ่านซุ้มประตูโค้งเข้าไปภายในบ้านที่ประดับตกแต่งโถงทางเดินและห้องหับทั้งหลายไว้อย่างเรียบหรู ตลอดผนังที่อยู่ติดกับบันไดไม้มะฮอกกานีปูพรมสีน้ำเงินมีภาพเหมือนบุคคลวาดด้วยสีน้ำมันติดประดับโดยใต้ภาพมีป้ายชื่อของผู้เป็นต้นแบบ

หญิงสาวถูกพามาส่งให้อยู่เพียงลำพังในห้องทำงานที่อยู่บนชั้นสองซึ่งตบแต่งภายในด้วยไม้แทบทั้งหมดไม่เว้นกระทั่งผนังที่ใช้แผ่นไม้สีเข้มตีปิดทุกด้าน เครื่องเรือนไม้สักแกะสลักให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นบ้านทรงไทยโบราณในเมืองไทย

คนตัวเล็กไม่เห็นนายใหญ่แห่งครอมเวลมาสักทีจึงออกเดินสำรวจรอบห้องกระทั่งมาถึงตู้โชว์ที่อยู่ถัดจากโต๊ะทำงานไปไม่ไกลมีของประดับบ้านแบบโบราณหลายชิ้น แต่ที่หล่อนสะดุดตาจนต้องหยุดจ้องมองเห็นจะเป็นหีบไม้ทรงหกเหลี่ยมขนาดเล็กที่มีลวดลายคล้ายกับหีบของแม่ที่หล่อนนำมาใช้ใส่ข้าวของส่วนตัว

“ หนูชอบอะไรในนั้นเหรอ ” เสียงทุ้มเข้มทรงพลังเอ่ยถามทำลายทั้งความเงียบและความคิดของหญิงสาวให้สะดุ้งผละจากตู้มาเหยียดตัวตรงหันไปมองทางชายสูงวัยร่างสูงใหญ่ที่สวมสเว็ตเตอร์ถักสีเขียวขี้ม้ากับกางเกงขายาวแบบลำลองดูแปลกตาจากภาพใส่สูทที่เคยเห็น ด้านหลังมีสาวใช้คนหนึ่งเดินถือถาดใส่กาและถ้วยชากระเบื้องลายสวยพร้อมกับคุ๊กกี้อัลมอนด์ยกมาวางไว้บนโต๊ะทำงานก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องไป

หล่อนเม้มริมฝีปากมิได้ตอบสนองต่อคำถามของเขาเลยแม้แต่น้อย ถึงกระนั้นแทนที่จะโกรธเขากลับเดินเข้ามาใกล้ไขกุญแจเปิดตู้โชว์ออกแล้วหันมายิ้มให้

“ ชอบอันไหนก็เอาออกมาดูสิ หรือถ้าอยากได้ก็บอก ลุงจะยกให้ ” เขาว่ายังคงแทนตัวเองด้วยสรรพนามที่มิใช่สถานะทางสายสัมพันธ์อันแท้จริง แต่อีกฝ่ายยังคงปิดปากเงียบเหมือนไม่ได้ยินเสียงใดลอดผ่านหู

คอยด์มองความเรียบเฉยของคนตรงหน้าแม้จะเจ็บในใจอยู่ลึกๆ ที่ถูกทายาทเพียงคนเดียวของตนเองเมินเฉย แต่เพราะรู้ดีว่าลูกยังไม่เข้าใจในการกระทำของเขาจึงได้แต่เหยียดริมฝีปากกว้างอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานรินชาเอิร์ลเกรย์หอมกรุ่นลงในถ้วยกระเบื้องแล้วเลื่อนมาให้

“ หนูน่าจะถอดโค้ทก่อนนะจะได้สบายตัวขึ้น เสร็จแล้วก็มาดื่มชาถ้วยนี้ดู หนูจะรู้สึกผ่อนคลาย ” เขาแนะนำอย่างเป็นมิตร อีกฝ่ายจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมถอดโค้ดตัวยาวสีน้ำตาลที่เขาบอกก่อนยกให้ว่าเป็นของแม่แขวนไว้กับตะขอข้างผนังและเดินกลับมายืนดูน้ำสีอ่อนสวยในถ้วยกระเบื้องที่ถูกวางไว้ให้

“ ไหนคุณบอกว่า ถ้าเล็กมาที่นี่แล้ว คุณจะให้พี่ภาคกลับเมืองไทย แล้วตอนนี้พี่ภาคอยู่ที่ไหนคะ ” หลังจากเงียบมานานในที่สุดหล่อนก็ยอมปริปากทำให้คนที่เพียรสนทนาหลุดหัวเราะเบาในลำคออกมาให้ได้ยิน

“ อย่าเพิ่งใจร้อนสิ หนูเพิ่งจะมาถึงเหนื่อยๆน่าจะหาอะไรดื่มแล้วไปพักผ่อนก่อนจะดีกว่า เดี๋ยวลุงจะให้คนพาไปที่ห้อง ถ้าภาคเขามาถึงเมื่อไหร่ลุงจะให้คนไปตามหนูเอง ”

“ ถ้าอย่างนั้นเล็กก็จะรอจนกว่าพี่ภาคจะมา ”

“ กว่าเขาจะมาก็คงเกือบค่ำ หนูไปพักผ่อนก่อนน่าจะดีกว่า ”

“ ค่ำแค่ไหนเล็กก็จะรอ ” น้ำเสียงที่ตอบกลัวแน่วแน่ยืนยันเจตนารมณ์ที่มีหนักแน่น

“ ในเมื่อหนูยืนยันว่าจะรอ งั้นเอาอย่างนี้ ระหว่างที่หนูให้ภาคมาแทนที่จะนั่งรอที่นี่ หนูก็ไปเดินเล่นดูอะไรรอบๆที่นี่ก่อนจะได้ไม่เบื่อดีไหม

เจ้าของคฤหาสน์ลองเสนอความคิดให้พิจารณา แม้จะลังเลแต่เมื่อชั่งใจระหว่างการต้องนั่งอุดอู้รออย่างไม่รู้เวลาในห้องสี่เหลี่ยมกับการออกไปเดินเล่นสูดอากาศด้านนอกทางเลือกอย่างหลังนั้นน่าจะดีกว่าจึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำที่ได้รับมา

คอยด์เดินไปหยิบเสื้อโค้ทที่แขวนมาส่งให้คนตัวเล็กสวมพาเดินจากห้องทำงานไปตามทางคอยอธิบายถึงการตกแต่งภายในซึ่งประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนลายสีสันสดใสที่ส่วนใหญ่เน้นลายเส้นโค้งมนอ่อนช้อย มีเครื่องเรือนที่ผสมผสานกันระหว่างงานไม้และงานกระเบื้องว่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบสแปนิช ยามเมื่อผ่านผนังแทบทุกแห่งที่มีภาพถ่ายหรือภาพวาดของบุคคลแขวนอยู่เขาก็จะคอยแนะนำรายชื่อคนซึ่งเป็นบรรพบุรุษของตระกูลครอมเวลเหล่านั้นให้รวมทั้งเกียรติประวัติให้ทราบ

ทั้งสองก้าวเท้าพ้นจากบานประตูโค้ง สายลมเย็นจากด้านนอกพัดแกว่งไกวกิ่งไม้ส่งเสียงเหมือนทำนองเพลงธรรมชาติ กลิ่นหอมแปลกของพันธ์พฤกษาหลากสีที่บานสะพรั่งราวกับกำลังแข่งขันประชันความงามในสวนชวนให้รื่นใจ

“ ในทะเลสาบออสวีโกมีเกาะส่วนตัวอยู่เกาะเดียวเป็นของพวกแจนเซ่น แต่เขาประกาศขายบ้านหลังนี้ ลุงเห้นว่าที่นี่เป็นส่วนตัวดีก็เลยขอซื้อทั้งบ้านทั้งเกาะ แล้วมาต่อเติมเอาใหม่ ลุงตกแต่งชั้นสองที่ต่อเติมใหม่ตามแบบที่ลุงชอบ แล้วก็คงสภาพด้านนอกเป็นบ้านแบบทิวดอร์เหมือนเดิม ” เขาเอ่ยเรื่อยขณะทอดสายตายังหญิงสาวร่างเล็กที่ก้มลงมองดอกไม้สีม่วง ด้วยลักษณะท่าทางและใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกันแทบจะเป็นคนเดียวนั้นก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงผู้เป็นที่รักที่ล่วงลับไปแสนนาน

...บ่อยครั้งที่เขาเฝ้าฝันถึงวันที่ได้ใช้ชีวิตในบั้นปลายกับมินดารา แต่เพราะมันไม่มีวันเป็นไปได้อย่างน้อยเขาก็อยากให้ทายาทที่เกิดจากความรักของเขายอมรับเขาในฐานะบิดาและอยู่ใกล้ชิดเขาไปกว่าชีวิตจะหาไม่...

“ หนูคิดว่าที่นี่เป็นยังไงบ้าง ”

“ ก็สวยดีค่ะ ” หล่อนตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากผีเสื้อลายสวยที่เกาะนิ่งบนกุหลาบสีขาว

“ แล้วถ้าหนูต้องอยู่ที่นี่ หนูคิดว่าหนูจะมีความสุขไหม ” เชาถามต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนละมุน แต่ทำเอาคนที่สนใจกับธรรมชาติถึงกับชะงักเงยขึ้นมามองชายตรงหน้าที่คอยส่งสายตาอ่อนละมุนให้ไม่วางวายไม่มีแววเหมือนคนที่จะคุกคามทำร้ายกัน

“ เล็กคิดว่าไม่มีที่ไหนจะดีไปกว่าการได้อยู่บ้านของตัวเองหรอกค่ะ”

“ แล้วถ้ามีภาคอยู่ที่นี่กับหนูด้วยล่ะ ”

“ พี่ภาคกับเล็กเป็นคนของตระกูลบรมพิศาลกุล เรามีคฤหาสน์บรมพิศาลกุลเป็นบ้าน และคงจะไม่มีที่ไหนดีไปกว่าการได้อยู่ด้วยกันในบ้านของเราสองคน ” หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่เจือความแข็งกระด้าง

นายใหญ่แห่งครอมเวลแลทายาททางสายเลือดเพียงคนเดียวของตนเอง ในเวลานั้นดวงตาคมกล้าน่าเกรงขามกลับฉายแววเศร้าลึกล้ำให้คนมองรู้สึก หากทันทีที่หัวหน้าพ่อบ้านปรากฏตัวพร้อมกับโทรศัพท์มือถือกระซิบถ้อยความบางอย่างข้างหูความอ่อนแอนั้นกลับหายไปอย่างรวดเร็วราวเล่นกล

“ ลุงขอตัวสักครู่นะ ” ผู้มากวัยกว่าบอกแล้วเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านทิ้งให้หญิงสาวชื่นชมความสวยงามของสวนอยู่โดยมีสาวใช้อีกคนที่เพิ่งเดินออกไปคอยตามดูไม่ห่าง
คอยด์ยืนอยู่ริมหน้าต่างเฝ้ามองทุกอิริยาบถของลูกสาวไว้อย่างไม่คลาดสายตาขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู กรอกคำพูดทักทายผ่านปลายสายไปให้อีกฝ่ายรับรู้จึงได้ยินเสียงของหลานชายจอมกะล่อนดังขึ้นมา

“ ผมโคลินนะครับ ตอนนี้ปู่อยู่ที่ไหนครับ ” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีทองนัยน์ตาสีฟ้าเอ่ยถามพลางหันไปมองชายหนุ่มผมดำร่างสูงใหญ่นั่งบีบโทรศัพท์มือถือที่แม้สีหน้าจะเรียบเฉยไร้อารมณ์กลับมีรังสีอาฆาตมุ่งมาดออกมาให้รู้สึก

หลังจากตระเวนขับรถไปตามบ้านพักและคฤหาสน์ของครอมเวลทั่วทั้งนิวยอร์กหาตัวอยู่หลายชั่วโมง ทั้งพยายามโทรติดต่อไปหายังเบอร์มือถือหลักรวมทั้งโทรเข้าทุกบริษัทที่ครอมเวลเป็นเจ้าของก็ไม่มีใครทราบว่าปู่ไปไหน แต่เมื่อครู่เขาลองเสี่ยงโทรศัพท์ไปอีกรอบในที่สุดปู่ก็ยอมรับสายจนได้

“ ตอนนี้ปู่อยู่ที่ทะเลสาบออสวีโกในพอร์ตแลนด์นะ ”

“ พอร์ตแลนด์...ปู่ไปทำอะไรถึงพอร์ตแลนด์ ยังไม่ถึงเวลาไปตรวจงบประมาณอะไรที่นั่นสักหน่อย ” โคลินหลุดร้องออกมา เพียงคนที่จมอยู่กับความเกรี้ยวกราดภายในอกได้ยินก็รีบดึงโทรศัพท์จากมือไปเสียดื้อๆ

“ ปู่คิดอะไรอยู่ ถึงได้สร้างเรื่องโคมานอฟขึ้นมา ” น้ำเสียงเข้มดุดันกระชากถามด้วยอารมณ์อันคุกรุ่น แต่ปลายสายกลับเงียบหาย สักพักจึงได้ยินเสียงคอยด์เรียกคนใช้ให้ไปตามใครสักคนมา ก่อนที่เขาจะแทบหยุดหายใจเมื่อได้ยินเสียงหวานอันคุ้นหูลอยเข้ามา

“ รู้ใช่ไหมว่าเสียงเมื่อกี้เป็นเสียงใคร ” ปลายสายยกโทรศัพท์กลับมาสนทนาอย่างเป็นต่อ ทำให้ชายหนุ่มร้อนลนแทบจะทนอยู่ไม่ไหว

“ ไหนปู่บอกว่าถ้าผมรับข้อเสนอ ปู่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเล็กอีก แต่ทำไมยังลากเล็กเข้ามาอีก...คอยดูแล้วกัน ถ้าปู่แตะเล็กแม้แต่ปลายเล็ก ผมขอสัญญาเลยว่า ผมจะไม่เก็บปืนเหมือนครั้งก่อนแน่ ”

“ ถ้าอยากรู้เหตุผล ก็รีบมาที่นี่ซะสิ...ขับรถมาที่บริษัทการลงทุนสินทรัพย์ของครอมเวลในแมนฮันตันสิ เลขาของปู่เตรียมตั๋วเครื่องบินไปพอร์ตแลนด์ให้เรียบร้อยแล้ว พอมาถึงสนามบินจะมีคนไปรับพามาที่คฤหาสน์ของปู่ที่นี่ ”

“ ที่ปู่ไม่ยอมรับสายผมกับโคลินก็เพราะตั้งใจจะให้ผมไปตามเวลาที่ปู่กำหนดใช่ไหมครับ ”

“ อาจจะ...รีบมาเถอะ เราจะได้ตกลงอะไรกันให้เรียบร้อยซะที ” ผู้มีอำนาจกว่าว่าพลางหัวเราะอย่างมีเลศนัยแล้วกดปุ่มวางสายส่งโทรศัพท์กลับไปให้คนรับใช้ ก้าวเท้าเตรียมจะเดินเข้าไปในสวนอีกครั้งแต่ก็ไปได้ไม่ไกลเมื่อไมเคิลนำโทรศัพท์ไร้สายมาส่งให้

“ จากไหน ”

“ จากเลขาของท่านครับ ”
เจ้าของบ้านพยักหน้าหยิบโทรศัพท์มาสนทนากับเลขานุการส่วนตัวที่ประจำอยู่ในบริษัทการลงทุนในแมนฮันตันถึงได้ทราบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งบุกมาก่อความวุ่นวายในบริษัทพยายามจะติดต่อท่านให้ได้

“ พนักงานรักษาความปลอดภัยทำอะไรเขาไม่ได้เลย ผมจะแจ้งตำรวจแต่ท่านเคยสั่งไว้ว่าถ้ามีเรื่องด่วนต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ให้บอกกับท่านก่อน ผมเลยยังไม่กล้าโทรแจ้ง ”

“ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ”

“ เขาบอกว่าเขาเป็นลูกชายของคนที่มอบตำแหน่งสำคัญให้ท่านไปเมื่อหลายสิบปีก่อนครับ ”

“ ศิระ ” เขาหลุดอุทานชื่อประธานกรรมการบริหารใหญ่ของอังคพิมานโฮเต็ลออกมาแล้วจึงถามอีก “ เขาบอกหรือเปล่าว่าเขามาหาฉันทำไม ”

“ เขาบอกว่าจะมาทวงสิทธิ์ที่พ่อของเขาให้ท่านไปคืน...ท่านจะเอายังไงครับจะให้ผมแจ้งตำรวจเลยหรือ... ” ประโยคนั้นยังไม่ทันได้กล่าวจนจบ ศิระผลักประตูเข้ามาในห้องทำงานของประธานกรรมการบริษัทเพียงเห็นชายคนหนึ่งโทรศัพท์อยู่ก็รู้ได้ทันทีว่าสนทนากับใครจึงเดินไปแย่งโทรศัพท์มาพูดเสียเอง

“ ผมรู้ความจริงทุกเรื่องชาติกำเนิดตัวเองกับแผนของคุณหมดแล้ว พ่อส่งพินัยกรรมสองฉบับที่คุณเอาไปคืนมาแล้ว ต่อไปนี้คุณคงจะหาอะไรมาทำลายชื่อเสียงของครอมเวลยากซะแล้วล่ะ และในเมื่อพ่อผมเคยสละสิทธิ์ยกตำแหน่งนายใหญ่แห่งครอมเวลที่เป็นของเขาให้คุณ ผมในฐานะที่เป็นลูกทางสายเลือดของพ่อเพียงคนเดียว ผมก็จะใช้สิทธิ์นี้ทวงสิ่งที่พ่อผมเคยให้คุณคืน ” ชายหนุ่มประกาศด้วยสุ้มเสียงแข็งกร้าวเอาจริงทำให้คนฟังหลุดหัวเราะเสียงดัง

“ คิดเหรอว่า แค่ใช้เรื่องสายเลือดมาขู่แล้วจะได้ตำแหน่งนั้นไป...การคุมอำนาจและธุรกิจของครอมเวลไว้ในมือคนเดียวมันไม่เหมือนกับการบริหารงานในอังคพิมานโฮเต็ลหรอกนะ ” อีกฝ่ายเอ่ยด้วยเสียงที่เหยียดหยามกันอยู่ในที

“ ผมไม่สน...ผมรู้แค่ว่า ผมจะทำทุกอย่างเพื่อโค่นคุณหรือทายาทของคุณทุกคนออกจากตำแหน่งนี้ให้ได้ ”

“ ขนาดนั้นเชียวเหรอ ถ้าแน่จริงก็ลองดูสิ ”

“ คุณไม่ต้องท้าผมหรอก ผมทำแน่ แต่ผมต้องรู้ก่อนว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน แล้วผมจะแสดงให้ดูว่าผมเหมาะกับตำแหน่งนี้มากกว่าคนอื่น ”

“ น่าสนใจดี เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะให้เลขาแบ่งตั๋วเครื่องบินใบที่สองให้ แล้วรีบบินมาพอร์ตแลนด์ซะ พอถึงแล้วฉันจะให้คนไปรับพามาถึงที่ที่ฉันอยู่ ”

“ คุณเอาเล็กไปไว้ที่นั่นด้วยหรือเปล่า ”

“ ก็มาเองสิ แล้วจะได้รู้ ” ปลายสายทิ้งท้ายด้วยการท้าทายแล้ววางสายไปในทันทีโดยไม่มีคำลา

ศิระวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะพลางกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาชายอีกคนที่อยู่ร่วมในห้องเป็นเพื่อขอตั๋วเครื่องบินก็เป็นเวลาเดียวกับที่ภาควัฒน์เปิดประตูพรวดเข้ามาพอดี

สองชายหนุ่มแห่งอังคพิมานและบรมพิศาลกุลต่างมองหน้ากันนิ่งแล้วต่างฝ่ายต่างก็ประสานเสียงพร้อมกัน

“ นายมาทำอะไรที่นี่ ”

“ ฉันมาเอาตั๋วเครื่องบิน ฉันต้องบินไปพอร์ตแลนด์ แล้วนายล่ะทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ” คนตัวใหญ่กว่าตอบ

“ มาทำหน้าที่พี่ชาย มารับผิดชอบปัญหาของอังคพิมานโฮเต็ล แล้วก็มาทวงสิ่งที่เป็นของพ่อที่พ่อมอบให้น้องชายไปคืน ”

“ ทวงสิ่งที่พ่อมอบให้น้องชายคืน ”

“ ใช่ พ่อของฉัน คือโครว์ ครอมเวล ทายาทคนโตของครอมเวล คนที่ควรจะได้ดูแลบริหารที่นี่แต่เขากลับทิ้งตำแหน่งนั้นให้น้องชายตัวเองจัดการ ฉันในฐานะลูกเลยจะมาขอสิทธิ์นั้นคืน ”

“ นี่นายกำลังจะบอกฉันว่านายไม่ได้เป็นลูกชายของปู่หรอกเหรอ เป็นไปไม่ได้ ”

“ ทำไมจะเป็นไปไม่ได้...ฉันเพิ่งเจอพินัยกรรมฉบับที่หายไปหลังรูปภาพในห้องทำงาน ในนั้นมีจดหมายกับผลดีเอ็นเอที่พิสูจน์ว่าฉันไม่ได้มีพ่อแม่คนเดียวกับเล็ก ฉันรู้ว่าแผนทุกอย่างของผู้ชายคนนั้นหมดแล้ว รู้ไหม ว่าเขาพยายามใช้นายเป็นตัวล่อให้เล็กมาที่นี่ ”

“ ฉันรู้แล้ว...แค่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยุ่งกับเล็กถึงขนาดพาเล็กไปอยู่ที่คฤหาสน์กับเขา ”

“ นั้นไง ฉันว่าแล้วว่าเล็กต้องอยู่ที่นั่น เมื่อกี้เขาบอกให้ฉันเอาตั๋วเครื่องบิน บินไปพอร์ตแลนด์เหมือนกัน ” คนตัวสูงโปร่งหยุดพูดดึงตั๋วเครื่องบินที่เลขานุการของคอยด์ส่งให้ทั้งสองใบมาดูรายละเอียดแล้วจึงว่า “ ดูจากตั๋วสองใบนี้ เราสองคนคงได้ไปพร้อมกัน ”

“ งั้นจะรอทำไม ก็รีบไปสิ ” คนตรงข้ามรู้เช่นนั้นก็ไม่พิรี้พิไรได้ตั๋วเครื่องบินมาอยู่ในมือเมื่อไหร่ ทั้งสองก็พากันวิ่งออกจากห้องลงลิฟต์ไปยังอาคารจอดรถแล้วกระโจนขึ้นรถของโคลินที่จอดรอจะไปส่งสนามบินให้ทันที

โคลินเหลียวไปมองสองชายหนุ่มเชื้อชาติเดียวกันตรงเบาะหลังด้วยแววตาฉงน หน้าตาเหลอหลาพลางเอ่ยถามญาติหนุ่มของตนเองว่าผู้ที่ขึ้นรถมาด้วยกันนี้เป็นใคร

“ ญาตินายไง ” พอลกระชากเสียงตอบก่อนจะสั่งให้เจ้าของรถรีบขับไปส่งที่สนามบินด้วยใจที่กระวนกระวายเต็มที่ ฝ่ายคนที่รับหน้าที่สารถีได้แต่ทำหน้าเหลอหลาไม่เข้าใจแต่ก็ยอมขับรถไปให้แต่โดยดี ขณะที่หนายใหญ่แห่งครอมเวลหลังจากวางสายโทรศัพท์ได้ก็เดินกลับเข้าไปในสวนจึงเห็นหญิงสาวตัวเล็กนั่งตัวสั่นอยู่ตรงม้านั่งหินก็ตรงดิ่งไปหา

“ หนาวเหรอ...ถ้าหนาวก็เข้าไปพักข้างในเถอะ เดินทางมาก็เหนื่อยเจออากาศหนาวคงจะล้า ห้องที่ลุงเตรียมตัวไว้นะอุ่นนะ ยังไงหนูไปนอนพักสักตื่นเถอะจะได้สดชื่น ไม่ต้องกลัวว่าภาคมาแล้วลุงจะไม่บอก ยังไงลุงก็ต้องให้คนไปตามหนูมาพบเขาอยู่แล้ว ”

“ ถ้าพี่ภาคมาแล้วคุณสัญญาใช่ไหมคะว่าจะให้พี่ภาคกลับบ้าน ” หล่อนทวงถามคำที่เขาเคยกล่าวไว้ก่อนหน้าที่หล่อนจะเดินทางมาที่นี่

ชายสูงวัยพยักหน้ารับคำด้วยนัยน์ตาที่ฉายแววนุ่มนวลอบอุ่นเสมือนกำลังมองคนสำคัญในชีวิตของเขาคนหนึ่ง ริมฝีปากที่เหยียดขยายไม่เคยจางจากใบหน้าด้วยความรักและเอ็นดูนั้นช่างขัดกับน้ำเสียงอันเยียบเย็นไร้หัวใจที่หล่อนเคยได้ยินจากในห้องของมลธิกาโดยสิ้นเชิง

...มีอะไรซ่อนอยู่ในการกระทำของเขา แล้วจะเชื่อใจเขาได้หรือเปล่า เป็นคำที่ศศิวิมลถามตัวเองนับร้อยครั้ง แต่ทุกครั้งบางสิ่งในใจที่เหมือนกับเป็นสายสัมพันธ์ลึกซึ้งที่เกาะเกี่ยวกับทางสายเลือดก็มักดลให้แรงทิฐิลดลงเกินกว่าที่จะเกลียดกันอย่างที่ควรจะเป็น

“ เดี๋ยวไมเคิลจะเป็นคนพาหนูไปที่ห้อง ลุงหวังว่าหนูจะชอบห้องที่ลุงจัดไว้ให้นะ ” เขาบอกแล้วเรียกคนรับใช้ใกล้ชิดให้มาพาทายาทของตนเองไปยังห้องที่จัดให้โดยเฉพาะ

คนตัวเล็กสูดลมหายใจยังนึกระแวงสงสัยในการกระทำของเขาอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็ยอมตามหัวหน้าพ่อบ้านผิวดำเข้าไปในบ้าน

ท่ามกลางสายลมที่พัดกราวคอยด์เดินไปบนลานหินกว้างทอดสายตาออกไปไกลยังนภาเบื้องบนเฝ้าวาดภาพของมินดาราในอากาศด้วยดวงตาอันเหนื่อยล้าที่ต้องอยู่อย่างยิ่งใหญ่แต่ไร้หัวจิตหัวใจมากว่าค่อนชีวิต

...พ่อจะทำตามสัญญาก็ต่อเมื่อเขาแสดงให้พ่อเห็นว่า เขาสละได้ทุกสิ่งเพื่อลูกอย่างที่เขาว่าไว้จริง...

ชายชรารำพึงแล้วกอดอกแลต่ำลงไปยังผืนน้ำที่ไหวระริกเป็นระลอกคลื่นตามแรงของกระแสน้ำและกระแสลมปล่อยเวลาให้ล่วงไปพร้อมกับหัวใจที่ลอยล่องยังดินแดนที่อาจจะมีสตรีผู้เป็นที่รักเฝ้ารออยู่
***************************

ตลอดเส้นทางที่สองชายหนุ่มอดีตศัตรูคู่แค้นต้องเดินทางไปด้วยกันเต็มไปด้วยคำถามจากฝ่ายของทายาทบรมพิศาลกุลซึ่งตีความสายสัมพันธ์ที่ผูกโยงนายใหญ่แห่งครอมเวลเข้ากับอังคพิมานคลาดเคลื่อน ส่วนฝ่ายทายาทของอังคพิมานนอกจากทำหน้าที่ตอบคำถามทุกอย่างให้กระจ่างแจ้ง

จากสนามบินนานาชาติพอร์ตแลนด์ทั้งสองถูกนำตัวส่งไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ต่อท่ามกลางความมืดในยามราตรีเริ่มโรยตัวลงมาพร้อมกับแสงไฟจากเบื้องล่างที่ส่องสว่างเป็นประกายระยับรับช่วงเทศกาลที่ใกล้มาถึง

“ สรุปแล้วนายก็คิดเหมือนฉันใช่ไหม ว่าเขาสร้างเรื่องโคมานอฟและพยายามแกล้งทำเป็นคุกคามเล็กและอังคพิมานรวมทั้งเรื่องทายาทอะไรนั้นก็เพื่อล่อให้เล็กตามนายมาที่นี่ ”

“ ใช่ แต่ฉันไม่คิดว่าปู่จะทำแบบนี้เพราะแค่อยากให้เล็กมาอยู่กับปู่หรอก ฉันอยู่กับปู่มาฉันรู้ดี ปู่เป็นที่คิดอะไรซับซ้อนทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันต้องมีผลประโยชน์อะไรซ่อนอยู่แน่ ” ภาควัฒน์ว่าทั้งที่ยังมองออกไปนอกตัวเครื่องด้วยคิ้วที่แทบจะขมวดเป็นปม

สี่ปีที่ได้มีประสบการณ์ชีวิตอยู่ร่วมและถูกสอนสั่งมาอย่างหนักหน่วงเยี่ยงทหารนายใหญ่แห่งครอมเวลเป็นผู้ชายคนเดียวที่เขาพยายามค้นหาความรู้สึกนึกคิดที่ซ่อนอยู่อย่างไรก็ไม่พบ

“ แล้วนี่นายตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาทำอะไรกันแน่ ไหนจะเรื่องที่นายกล้าไปทวงตำแหน่งสำคัญนั้นอีก...นายคงไม่รู้ใช่ไหมว่าตำแหน่งนี้มีคนแย่งจะเป็นกันเยอะขนาดไหน ปู่คงไม่ยกตำแหน่งให้นายแค่เพราะเป็นลูกของปู่โครว์หรอก ”

“ ฉันคิดว่าฉันควรจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตอนที่ฉันรู้ความจริงฉันคิดว่าวิธีเดียวที่จะทำให้นายกับเล็กหลุดพ้นจากครอมเวลก็คงจะมีแต่แย่งตำแหน่งนี้มาเอง แล้วฉันก็ไม่คิดหรอกนะว่าเรื่องที่ฉันพูดไปจะทำให้ตัวเองได้ตำแหน่ง แต่เขาบอกฉันว่าแน่จริงก็มา ท้าขนาดนี้แล้วฉันจะไม่มาได้ยังไง ”

ผู้บริหารหนุ่มแห่งอังคพิมานโฮเต็ลตอบพลางยิ้มอ่อน มีหรือที่จะไม่รู้ว่าการเสนอหน้าเข้าไปแย่งตำแหน่งกับคนแปลกหน้าที่แม้จะมีสายเลือดเกี่ยวกันจะเป็นเรื่องง่าย

ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับความเครียดที่ก่อตัวแน่นอยู่ในจิตใจ ก่อนจะหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อรู้สึกได้ว่าเฮลิคอปเตอร์กำลังลดระดับต่ำลงแล้วจอดลงยังพื้นดิน...ด้านหนึ่งเป็นหน้าผาสูงจากระดับน้ำในทะเลสาบหลายเมตร อีกด้านต้นไม้ไร้ใบปลูกเรียงรายประดับไว้ด้วยดวงไฟสีเหลืองส่องให้ทั้งบันไดราวกับดวงดาวที่พร่างพราว

บรรยากาศอันสวยงามราวกับความฝันอาจชักนำให้ผู้คนหลงใหล แต่สำหรับชายหนุ่มที่เพิ่งเดินลงจากเฮลิคอปเตอร์กลับเห็นมันเป็นสัญญาณบ่งบอกอันตรายที่ใกล้จะดำเนินขึ้น

ทุกสิ่งรอบด้านดูแปลกตาไม่เหมือนกับที่เคยเห็นมาก่อนทำให้ภาควัฒน์รู้ได้ทันทีว่าบ้านพักหลังนี้คงเป็นบ้านหลังล่าสุดของคอยด์ และความที่มันเป็นเกาะส่วนตัวหากไม่รู้จักโครงสร้างของที่นี่การหาทางหนีทีไล่เอาตัวรอดจะลำบากเขาจึงไม่ผลีผลามทำอะไร เช่นเดียวกับศิระที่รู้ดีว่า การมาเหยียบถิ่นฐานของคนอื่นอย่างไรก็ประมาทไม่ได้

ชายผิวดำยืนรอพวกเขาพร้อมกับกลุ่มชายฉกรรจ์อีกหลายคนอยู่ตรงตีนบันได ทันทีที่ทั้งสองเหยียบลงบนพื้นราบชายเหล่านั้นก็เข้าล้อมหน้าหลังประหนึ่งผู้คุมที่มารับตัวนักโทษ

ผู้มารับกล่าวเสียงเรียบแล้วเดินนำไปข้างหน้า หากเมื่อเข้าถึงตัวบ้านเขากลับสั่งให้ลูกน้องสามคนพาศิระแยกไปอยู่ในห้องรับแขก มีเพียงภาควัฒน์ที่ถูกพาต่อไปที่ชั้นสองของบ้านยังห้องทำงานที่มีชายสูงวัยผู้หนึ่งยืนหันหลังอยู่ตรงหน้าต่างกว้างเหนือเตาผิงที่ไฟในกองฟืนกำลังลุกโชน

เพียงยินเสียงฝีเท้าหนักเหยียบลงมาบนพื้นเจ้าของห้องก็ก้มหน้าละสายตาจากแสงสวยด้านนอกกลับเข้ามาในห้องแลไปยังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนมองมาด้วยแววตาเย็นเยียบน่าขนลุก

“ มาแล้วเหรอ ” คอยด์ทักทายพร้อมเหยียดยิ้มตรงมุมปาก

“ เล็กอยู่ที่ไหนครับ ” คนอ่อนวัยกว่าถาม ฟังคนตรงหน้าหัวเราะแทนคำตอบทำเอาคนฟังขบกรามแน่น

“ กลับมาเป็นคนใจร้อนอีกแล้วเหรอ ”

“ ผมขอย้ำอีกครั้ง...ถ้าปู่ทำอะไรเล็กผมไม่ปล่อยปู่ไว้แน่ ต่อให้ต้องถล่มครอมเวลทั้งตระกูลผมก็จะทำ ”

“ กล้าขู่คนที่มีพระคุณกับตัวเองขนาดนี้ แสดงว่าเราต้องรักเด็กคนนั้นมากสินะ ” เขาเงียบเสียงลงเพื่อจิบชาเอิร์ลเกรย์ในถ้วยกระเบื้อง “ อยากรู้จังว่าถ้าเกิดปู่ทำอะไรเขาขึ้นมาจริงๆ เราจะทำอย่างที่พูดไว้หรือเปล่า ”

เพียงสิ้นประโยคนั้นปืนด้ามสวยจากใต้เสื้อแจ็กแก็ตก็ถูกหลานนอกสายเลือดชักออกมาเลือกเล็งไปตรงจุดตายที่หน้าผากของผู้พูดแล้วเคลื่อนปืนเหนี่ยวไกยิงผ่านเส้นข้างแก้มไปเส้นยาแดงผ่าแปดทะลุผ่านหน้าต่างเป็นรูสร้างรอยร้าวไปทั่วทั้งแผ่นกระจก ฉับพลันนั้นชายฉกรรจ์ที่ตามติดมาอารักขานายของตนก็ขึ้นลำยกปืนเล็งปลายกระบอกทั้งหมดไปยังคนที่ยืนอยู่กลางห้อง

“ ผมไม่ได้ขู่ ผมเอาจริง ” เขาตอบอย่างไม่สะทกสะท้านต่อปืนหลายกระบอกที่พุ่งเป้ามายังตนเอง

“ หึ แค่พูดถึงกับต้องชักปืนเลยเหรอ...พอลที่ปู่รู้จักตอนนี้หายไปไหนซะแล้วนะ ” ชายสูงวัยพูดพลางหัวเราะทุกคำเหมือนกับสนุกที่ยั่วให้อีกฝ่ายโกรธ จากนั้นจึงเดินจากเตาผิงมาหาคนที่ยืนอยู่กลางห้องพร้อมโบกมือส่งสัญญาณให้ลูกเก็บอาวุธแล้วยกมือจับปลายกระบอกปืนไว้แน่น

“ ในเมื่อเด็กคนนั้นสำคัญกับเรา แถมตอนนี้เราก็ไม่เหมือนพอลคนเดิมแล้ว มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรั้งให้เราสืบทอดตำแหน่งของปู่ต่อ แต่ถึงอย่างนั้นการที่จะต้องเสียทายาทครอมเวลมือดีไปมันก็น่าเสียดาย เอาอย่างนี้สิ ในเมื่อเราอยากเป็นอิสระจากครอมเวลเพื่อไปอยู่กับเด็กคนนั้นมากนัก ปู่ก็จะให้ แต่ต้องเป็นหลังจากที่เราเอาชนะปู่ก่อนนะ ”

ภาควัฒน์จ้องผู้มากวัยกว่าที่กำลังหยิบปืนสั้นกระบอกหนึ่งออกมาจากซองหนังที่เหน็บข้างเอวใต้เสื้อ เทกระสุนทั้งหมดที่มีข้างในใส่มือแล้วหยิบลูกหนึ่งใส่กลับเข้าไปในรังเพลิง ใช้มือหมุนลูกโม่ตบกลับเข้าไปในกระบอกปืน

“ รู้จักเกมรัสเซี่ยนรูเล็ตใช่ไหม เรามาเล่นเกมนี้ตัดสินเรื่องทั้งหมดนี้กันเถอะนะ ” น้ำเสียงทุ้มทรงอำนาจบอกขณะยื่นปืนกระบอกนั้นและดึงปืนที่อีกฝ่ายถืออยู่ให้กับลูกน้องไปเก็บ

“ ไม่ต้องไปเล่นกับเขานะ ” เสียงนั้นตะโกนก้องแข่งกับเสียงประตูที่ปิดดังสนั่น คนทั้งห้องหันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่มีหน้าตาคล้ายกับผู้กุมอำนาจทุกอย่างของครอมเวลกุมมือหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนกำหมัดตัวสั่นอยู่ด้วยกัน

เพียงเห็นหน้าชายผู้เป็นที่รักศศิวิมลก็แทบโผเข้าไปหาผู้เป็นสามีแต่ก็ถูกกันไว้ไม่ให้เข้าใกล้ หล่อนดิ้นรนพยายามร้องห้ามพลางส่ายหน้าไปมาไม่ให้เขาหลวมตัวเล่นเกมแห่งชีวิตแล้วหันไปมองคอยด์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“ คุณบอกเล็กว่าถ้าเล็กมาที่นี่คุณจะปล่อยเราสองคนไป ทำไมคุณถึงไม่ทำตามสัญญาค่ะ ทำไม ”หล่อนทวงถามคำสัญญา ริมฝีปากสั่นระริกเช่นเดียวกับหมัดที่กำแน่น

“ ถ้าคุณอยากได้ทายาทมากนัก ผมในฐานะหลานชายแท้ๆของคุณ พ่อของผมเคยยกตำแหน่งพวกนั้นให้คุณ คุณก็ควรให้ทำหน้าที่แทนภาค ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อขึ้นรับตำแหน่งนี้แทนเขา ” ศิระตะโกนผ่านกลุ่มคนที่ยืนเป็นปรากกากันไม่ให้เข้าใกล้

ทายาทบรมพิศาลกุลหันไปมองภรรยาสาวของตนเองสลับกับชายหนุ่มอีกคนที่พยายามหาข้อต่อรองก็ยิ้มเหมือนกับจะปลอบใจทั้งตัวเองที่คนที่รัก

“ เรื่องนี้มันสร้างความเจ็บปวดให้กับคนอื่นและเราสองคนมามากพอแล้ว ในเมื่อเขาเสนอวิธีนี้มาเพื่อจบปัญหาทุกอย่าง พี่ก็จะเล่น ”

“ ไม่นะค่ะ ไม่...พี่ภาคอย่าทำแบบนั้น ” หล่อนร้องทันทีที่เขาหันปลายกระบอกปืนมาจ่อตรงขมับ หลุดกรีดร้องพร้อมน้ำตาร่วงเมื่อเห็นเขาวางปลายนิ้วลงบนไกปืน

นิ้วเรียวเหนี่ยวไกมีเพียงเสียงสับไกเบาๆให้ได้ยินก็เหลือบมองคนตัวเล็กที่แทบจะขาดใจด้วยรอยยิ้มก่อนจะถอนปลายประบอกปืนส่งให้คนที่ยื่นข้อเสนอนี้ไปลั่นไกบ้าง

สองชายต่างวัยสลับกันเหนี่ยวไกกันมาห้าครั้งแต่ก็ยังไม่มีใครพลาดพลั้งเป็นอันแน่ชัดว่าลูกกระสุนจะลั่นออกจากปลายกระบอกในครั้งที่หกและปืนกระบอกนั้นก็ถูกส่งจากมือของคอยด์กลับไปสู่มือของภาควัฒน์แล้วทุกอย่างก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปเป็นสัญญาณให้ศิระรู้ได้ว่า นัดนี้ใครยิงก็ถึงแก่ชีวิต

“ อย่ายิงนะ ” เขาตะโกนอีกครั้งสีหน้าแววตาบ่งบอกความวิตกกังวลอย่างหนักทำให้คนตัวเล็กเห็นเข้าก็รู้ได้โดยไม่ต้องบอกว่า เกมแห่งชีวิตครั้งนี้จะพรากผลาญผู้เป็นที่รักไป

“ พี่ภาคไม่...อย่ายิงนะคะ อย่ายิง เล็กขอร้อง...เล็กไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ เล็กไม่ได้มาที่นี่เพื่อเห็นพี่ยิงตัวเอง มันจะมีความหมายอะไรถ้าเล็กรู้ว่าพี่ภาคไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้อีกแล้ว ” หล่อนร้องแล้วยกมือพนมหันไปถามนายใหญ่แห่งครอมเวล “ เล็กขอร้องล่ะคะ อย่าทำแบบนี้ เล็กยอมแล้ว ยอมไม่อยู่กับพี่ภาคก็ได้ แต่ขอร้องล่ะคะ ขอร้อง อย่าให้พี่ภาคยิงปืนนัดนี้เลย ”

หยดน้ำตาที่ไหลพรากอาบหน้ากับเสียงสะอื้นหอบหายที่เป็นห้วงเหมือนคนใกล้หมดลมพาให้หัวใจของชายสองคนที่ยืนประจันหน้ากันอยู่แทบจะขาดใจตามไป ทว่าคนที่มีเรื่องต้องพิสูจน์ยังคงสวมหน้ากากคนโฉดแสร้งไม่รู้สึกรู้สาในคำอ้อนวอนนั้น

“ ปู่สาบานได้ไหมว่าถ้าผมยิงนัดนี้แล้ว ปู่จะไม่ยุ่งเกี่ยว คุกคาม ทำร้ายเล็กหรือใครในอังคพิมานอีก...ปู่สาบานได้ไหมว่าจะไม่ผิดสัญญาซ้ำซากอีก ”

“ ได้ ” ชายชราตอบรับสั้นยกมือข้างหนึ่งขึ้นให้คำสาบาน แววตานั้นนิ่งสงบไร้อารมณ์ความรู้สึก

“ แล้วถ้าผมจะขออะไรอีกอย่างจะได้ไหม ”

“ ว่ามาสิ ”

“ ถ้าผมจะขอกอดเล็กเป็นครั้งสุดท้ายปู่จะให้ผมได้หรือเปล่า

คนที่รู้ชะตากรรมตนเองร้องขอ ทันทีที่เห็นผู้อยู่เหนือกว่าพยักหน้าเขาก็วิ่งไปหาหญิงสาวที่กำลังร้องไห้ปริ่มจะขาดใจเอื้อมแขนไปโอบกอดร่างบางนั้นไว้ด้วยความรักอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย

“ พี่ภาคอย่าทำแบบนี้ อย่าทิ้งเล็กไปนะคะ เล็กไม่ต้องการอะไรแล้ว ไม่ต้องการอะไรขอแค่รู้ว่าพี่ภาคยังสุขสบายดี ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไร เล็กขอเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ ” หล่อนว่าซบหน้าลงกับอกแข็งปลดปล่อยหยาดน้ำตาหยดลงบนเสื้อยืดเป็นดอกดวง ชายหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมของยอดรักด้วยความรักใคร่อันท่วมท้น

“ พี่อยากให้เล็กรู้ว่าในชีวิตพี่เล็กคือแสงสว่าง คือทุกอย่างของพี่ พี่ไม่มีวันทิ้งเล็กไปอีกแล้วคะ ไม่มีวัน ” เขากระซิบแผ่ว

สิ้นคำนั้นภาควัฒน์กอดเอวของศศิวิมลให้หมุนตัวตามมาพร้อมหันปากกระบอกปืนเล็งไปทางคอยด์แล้วเหนี่ยวไกยิงออกไปอย่างรวดเร็ว

เสียงระเบิดจากปากกระบอกปืนดังสนั่นหวั่นไหวเป็นแรงให้ลูกกระสุนพุ่งเป็นแนบเส้นตรงเข้าใส่ยังอกกว้างของคอยด์เต็มแรงส่งผลให้ได้ยินเสียงร้องออกมาก่อนที่สีแดงฉานจะไหลซึมเปรอะเสื้อเป็นวงกว้าง

หลังเสียงปืนทุกสิ่งภายในห้องกลับเงียบสนิทประหนึ่งเวลาของโลกได้หยุดเดินลงมีเพียงคนตัวใหญ่ที่ขยับกอดรัดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนแน่นใช้ตัวเองเป็นเกราะมิให้บอดี้การ์ดทั้งหลายคิดแค้นแทนเจ้านายกราดยิงมาถูกคนรัก ทว่าแทนที่จะได้ยินเสียงลั่นกระสุนกลับมีเสียงปรบมือดังขึ้นจึงเงยหน้าจากเรือนผมหอมเหลือบเห็นผู้ที่เขายิงใส่ยังยืนทรงตัวอยู่ได้อย่างเป็นปกติก็เบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง

เช่นเดียวกับทุกคนในห้อง แต่ศิระเป็นฝ่ายได้สติก่อนจึงแหวกมือของบอดี้การ์ดหยิบผ้าเช็ดหน้าจากในกระเป๋าเสื้อก้มลงเก็บปลอกกระสุนที่ตกอยู่ขึ้นดูจึงรู้ว่าเป็นกระสุนยางบรรจุสี

“ คงคิดล่ะสิ ว่าปู่จะใช้กระสุนจริง ” ชายสูงวัยเอ่ยถามขณะเดินตรงมายังสองหนุ่มสาวที่ยังกอดกันเหนียวแน่น ท่าทางอันมึนตึงเย็นชามลายไปแทนที่ด้วยรอยยิ้ม วางปืนประจำตัวของหลานชายนอกสายเลือดบนพื้นพลางตบไหล่แข็งแรงเบาๆ

“ ปู่ใช้กระสุนยางแทนกระสุนจริงเหรอครับ ทำไมถึง... ” เสียงนั้นขาดหายไปในลำคอ

“ ปู่ไม่คิดจะฆ่าหลายชายกับลูกเขยตัวเองหรอก ” นายใหญ่แห่งครอมเวลเอ่ยเท่านั้นก็หันมาทางทายาทคนเดียวที่พี่ชายทิ้งไว้ให้ “ เราก็เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องมาอ้างสิทธิ์อะไรเพื่อช่วยเล็กกับภาคเขาหรอก กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองในตอนนี้ให้ดีก็พอ ”

ถ้อยความที่ทิ้งท้ายสร้างความฉงนสงสัยให้กับทั้งผู้ที่มีสายเดียวกันและผู้ที่เป็นคนนอก หญิงสาวโผล่หน้าจากอ้อมแขนแกร่งของสามีขึ้นมามองก็เห็นผู้ให้กำเนิดยื่นมือเข้ามาลูบศีรษะของหล่อนแผ่วเบา...เชื่อแล้วว่าผู้ชายที่ยอมเสียสละตนเองและไม่ลังเลที่ปกป้องคนที่รักแม้ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใครก็ตามย่อมต้องดูแลชีวิตของลูกสาวเพียงคนเดียวที่เขามีได้แน่

...เขาจะยอมปล่อยทั้งลูกและหลานชายที่เขาเคยมุ่งหมายให้ขึ้นมาเป็นทายาทไปตามทาง แม้นจะรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจเหนี่ยวนำหรือชักจูงลูกให้อยู่ที่นี่กับเขาได้ แต่เมื่อนั้นคือความสุขของลูกเขาก็พร้อมเป็นฝ่ายยอมรับและถอยห่างออกมาเป็นฝ่ายเฝ้าดูอยู่ห่างๆ

“ ขอโทษนะที่ลุงต้องก่อเรื่องยุ่งให้หนูมากขนาดนี้...ลุงแค่อยากให้หนูอยู่ที่นี่ แต่ลุงรู้แล้วล่ะว่าคงไม่มีที่ไหนดีไปกว่าบ้านบรมพิศาลกุล แล้วตอนนี้ลุงรู้ด้วยว่าภาคเขารักหนูมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นลุงก็จะให้หนูพาภาคเขากลับบ้านอย่างที่สัญญาไว้ได้แล้ว ลุงเตรียมทุกอย่างให้หนูกับภาคกลับบ้านไว้พร้อมแล้วนะ ”

ชายชราเหยียดยิ้มกว้างผิดกับสีหน้าที่มีเพียงความหม่นเศร้าระบายทั่วจากนั้นเขาจึงเหยียดหลังที่ก้มกลับมายืนเหยียดตัวตรงเดินไปหยุดมองภาพยามค่ำคืนภายนอก

ภาควัฒน์ยกนิ้วปาดน้ำตาที่เอ่อขังขอบกระชับอ้อมแขนกอดร่างนุ่มไว้แน่นหนาพร้อมกับมองไปยังแผ่นหลังของคนตรงหน้าต่างแม้นจะไม่ได้เห็นหน้า ทว่าลักษณะท่าทางทุกอิริยาบกลับทำให้สัมผัสได้ถึงความทุกข์ทรมานที่แอบเร้นอยู่

“ ขอบคุณนะครับที่ยอมปล่อยผมไป ” เขาบอกพร้อมโค้งตัวลงเพื่อยืนยันความรู้สึกตามคำพูดแล้วจึงโอบประคองภรรยาให้เดินออกมา

ทว่ายังไม่ทันพ้นบานประตูศศิวิมลที่รู้สึกอยู่ตลอดเวลาถึงความปรารถนาดีที่เขามีแม้จะแสดงออกมาในรูปแบบที่ซับซ้อนทำร้ายจิตใจผู้คนมากจากความคุ้นชินที่ต้องอยู่ท่ามกลางวงล้อมของคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว...สิ่งที่หล่อนรู้สึกได้จากดวงตาของเขาเมื่อครู่ แม้จะโกรธแค้นอยู่บ้างแต่หล่อนก็ทำใจร้ายกลับไปทั้งที่รู้ว่าตัวเองมีความสำคัญและเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขจึงผละจากอ้อมอกอุ่นกลับเข้าไปหยิบกระเป๋าสะพายใบโตหยิบเอาผ้าพันคอสีเขียวขี้ม้าออกมาถือไว้ในมือ

บอดี้การ์ดทยอยกลับออกจากห้องตามคำสั่งที่ได้รับทิ้งให้คอยด์อยู่กับหลานชายทางสายเลือดคนใหม่ตามลำพัง ก่อนที่คนตัวเล็กจะเดินกลับเข้ามาพร้อมกับตัวใหญ่วางผ้าพันคอถักผืนโตไว้บนโต๊ะทำงาน

“ เล็กถักผ้าพันคอมาให้ตามที่สัญญาไว้...หวังว่าคุณจะใช้มันนะคะ ”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวลสะกิดให้ผู้มากวัยกว่าหันกลับมาและเพียงได้เห็นผ้าพันคอวางอยู่ตรงหน้าริมฝีปากเขาก็เม้มแน่นตื้นตันใจเพราะไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะยังมีโอกาสได้รับข้าวของที่ทำด้วยมือใส่ความตั้งใจจากใครนอกจากมินดารา และเมื่อมันเป็นฝีมือของลูกก็ยิ่งต้องปลื้มปิติมิใช่หรือ

“ ขอบคุณหนูมากนะ ” เขากล่าวเสียงสั่นหยิบผ้าพันคอผืนนั้นมาใช้ในทันที เฝ้ามองสองหนุ่มสาวที่ก้มศีรษะเป็นการอำลาแทนคำพูดจับมือกันก้าวไปยังประตู รู้สึกอาลัยอาวรณ์จนไม่อยากมองเห็นภาพของลูกที่หายลับไปต่อหน้าจึงปิดเปลือกตาสูดดมกลิ่นหอมบนผืนผ้าแทน

และก่อนที่จะออกไปอีกคราวนี้หญิงสาวก็ยั้งตัวเองไว้ตรงประตู เหลียวกลับมามองชายที่ยังสุขอยู่กับการคิดถึงการสานสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่ยากจะเกิดขึ้นได้

“ มันคงเป็นเรื่องยากเกินไปที่เล็กจะยอมรับคุณในฐานะพ่อ เพราะเรื่องที่คุณทำมันไม่ได้หายไปได้ง่าย แต่เมื่อไหร่ที่คุณไปเมืองไทย แวะมาหาเราที่บ้านนะคะ แล้วเล็กจะทำอาหารให้เราสามคนนั่งกินด้วยกันนะคะ ” หล่อนทิ้งท้ายประโยคนั้นพร้อมรอยยิ้ม

ความอิ่มเอมทางใจเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีที่ได้เห็นและได้ยินคำพูดที่เป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมจิตใจ คอยด์พยักหน้าหลุดเหยียดริมฝีปากกว้างด้วยความดีใจ ความเอื้ออารีที่ลูกมอบให้มันมากมายเกินกว่าที่เขาคิดว่าจะได้รับ มือข้างหนึ่งยกขึ้นโบกเฝ้ามองคนทั้งคู่หายหลังลับจากประตูด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข

นายใหญ่แห่งครอมเวลทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้เอนหลังพิงกับผนังราวกับก้อนอิฐหนักที่เคยทับหลุดกระเทาะออกแต่ยังรู้สึกเหมือนมีใครยังอยู่ร่วมก็จึงกวาดสายตาไปก็เห็นหลานชายโดยแท้ยืนอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะทำงานเขามากนัก
“ ยังไม่กลับอีกเหรอ ”

“ ยังครับ ผมยังมีอะไรหลายอย่างที่ต้องพูดกับคุณอยู่ ”

“ มีอะไรอีกอย่างนั้นเหรอ อย่าบอกนะว่ายังไม่ทิ้งความคิดเรื่องตำแหน่งเจ้าของใหญ่ของครอมเวลอีก...จะบอกอะไรให้นะ ถึงพ่อของเราจะยกตำแหน่งนั้นให้แต่ฉันก็ไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งนี้ง่ายๆหรอกนะ ต้องผ่านบททดสอบอะไรมากมายชนิดที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ”

“ ใจจริงผมไม่ได้อยากเป็นคนที่คอยกุมอำนาจของที่นี่หรอก ผมแค่อยากรู้ว่าพ่อมีชีวิตยังไงตอนอยู่ที่นี่ ผมอยากรู้จักพ่อของตัวเองให้มากกว่านี้ และพ่อให้อภัยคนที่ทำร้ายจิตใจตัวเองตลอดมาได้โดยไม่เคยโกรธแค้นเลยได้ยังไงมากกว่า ”

“ การเป็นทายาทอยู่ในตระกูลครอมเวลมันก็ไม่ง่ายเหมือนกัน...คิดหรือว่าจะทนได้ ”

“ ก็ในเมื่อผู้ชายที่เคยใจร้อนเป็นไฟตลอดเวลาอย่างภาคสามารถกลายเป็นคนที่ได้รับการวางตัวให้สืบทอดตำแหน่งจากคุณต่อได้ ผมก็คิดว่าผมทำได้เหมือนกัน อาจจะช้าหน่อยแต่เชื่อเถอะว่าผมต้องผ่านมันไปให้ได้ ” เขายืนยันหนักแน่นสบสายตากับน้องชายของพ่ออยู่เนิ่นนานกว่าที่อีกฝ่ายจะหันไปมองทางเก่า

“ ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู ” ประโยคนั้นของผู้สูงวัยราวกับจะยอมรับให้ร่วมเป็นสมาชิกครอบครัวอยู่กลายๆ ทำให้ศิระเผลอเหยียดริมฝีปากออกมาโดยไม่รู้ตัว

ท่ามกลางความสว่างไสวของแสงไฟที่ประดับตกแต่งส่องให้ทั้งตัวบ้านงดงามเกินกว่าจะพรรณนาเป็นภาษาตรงหน้าต่างบานใหญ่ในห้องทำงานกว้างมีชายต่างวัยสองคนยืนเฝ้าดูเฮลิคอปเตอร์ที่บินขึ้นฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลจนกระทั่งมันลับหายไป







ปาณณิศา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ม.ค. 2555, 03:21:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ม.ค. 2555, 03:21:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 2587





<< บทที่ ๓๔   บทที่ ๓๖ (จบ) >>
เพชรทรียา 5 ม.ค. 2555, 10:34:53 น.
รออยู่มาได้แล้ว


atua 5 ม.ค. 2555, 10:44:21 น.
รอจตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อค่ะ


violette 5 ม.ค. 2555, 10:47:55 น.
เรื่องต่อไปคือคู่พี่ใหญ่กับรสาหรือเปล่าคะ ลุ้นนนน


Auuuu 5 ม.ค. 2555, 11:53:09 น.
ลุ้นระทึกตอนต่อไป !!


anOO 5 ม.ค. 2555, 12:26:15 น.
และแล้วเรื่องร้ายก็หมดไป คุณลุงแกก็เล่นแรงไปหน่อยนะ


คิมหันตุ์ 5 ม.ค. 2555, 13:35:29 น.
โหยยยยยยยย ลุ้นระทึก แอบสงสารพ่อของเล็กอ่ะ T__T


Edelweiss 5 ม.ค. 2555, 19:42:46 น.
เนอะ สงสารคอยด์


minafiba 5 ม.ค. 2555, 21:34:41 น.
^_^


อริสา 6 ม.ค. 2555, 00:02:14 น.
โล่งอก ลุ้นแทบตาย รอตอนจบนะคะ


konhin 7 ม.ค. 2555, 12:26:44 น.
ว่าแล้วว่าตาลุงแกแสบ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account