Missing Love
(ภาคต่อของพาย) เมื่อเขาทำรักหายไปจนมาเจอเธอ และเธอตั้งใจพลาดความรักเพื่อความสำเร็จ แล้วเขาจะทำให้เธอหันมาสนใจความรักได้อย่างไร
Tags: พาย แจ็คลีน

ตอน: ML015

Missing Love ตอนที่ 15

ดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินกลับห้องนอน ปิดประตูห้องล็อคและขังตัวเองเอาไว้ในห้อง โดยไม่สนใจว่าใครจะว่ายังไง

“แจ็คออกมาคุยกับพี่ก่อน” มิคาเอลพยายามเคาะประตูห้องน้องสาวที่ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น

“ออกไปให้พ้นหน้าห้องแจ็คเดี๋ยวนี้ คนบ้า!” แจ็คลีนตะโกนด่าออกมาจากห้อง

พายต้องเดินมาดู เพราะรู้ว่านี่เป็นครั้งที่หนักเกินกว่าที่แจ็คลีนจะรับไหว “ปล่อยน้องอยู่ตามลำพังเถอะนะ ให้น้องได้สงบจิตใจก่อน แม่ว่าลูกควรจะไปรับมือกับพ่อมากกว่า”

มิคาเอลพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วคุยกับพ่อ

พายถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปในห้องลูกสาว แล้วล็อคประตู แล้วก็ต้องตกใจเพราะลูกสาววิ่งเข้ามากอดแม่เอาไว้แน่น

“ท่านแม่ต้องห้ามไม่ให้ท่านพี่ไปนะคะ ต้องห้ามให้ได้ แจ็คไม่ยอมเสียท่านพี่ไป” แจ็คลีนร้องไห้หนักขึ้น เมื่อนึกถึงอันตราย ที่จะเกิดขึ้นกับพี่ชายท่ามกลางสงคราม

“เฮ้อ แจ็ค ลูกก็รู้ว่าครั้งนี้พี่ของลูกเจอปัญหาหนักแค่ไหน แม่อยากจะห้าม แต่ก็ห้ามไม่ได้ เพราะแม่ก็เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน แม่เสียใจแต่แม่ไม่สามารถห้ามพี่ชายของลูกได้” พายพยายามกอดปลอบลูกสาว ก่อนจะอุ้มลูกสาวไปยังเตียง จากนั้นก็ลูบหลังเบาๆ อย่างอ่อนโยน

“ทำไมต้องไปที่ที่มีแต่อันตรายแบบนั้นด้วยล่ะคะ” แจ็คลีนพูดอย่างไม่เข้าใจนัก

“บางทีการช่วยเหลือคนอื่น ก็ช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้เหมือนกัน ที่นั่นอาจทำให้พี่ชายของลูกตาสว่าง เห็นคนที่เป็นทุกข์มากกว่าเรา ได้ช่วยเหลือคนอื่น” พายพยายามช่วยให้ลูกสาวทำใจ

“ทำดีทำที่ไหนก็ได้ในโลกนี่คะ ทำไมต้องไปในที่แบบนั้นด้วย แจ็คไม่อยากจะพูดใจร้ายหรอกนะคะ แต่แจ็คมีพี่ชายคนเดียว แล้วก็ไม่อยากให้พี่ชายเป็นอะไรไปด้วยค่ะ” แจ็คลีนพยายามอ้อนวอนให้แม่ช่วยพูดกับพี่ชาย

“แม่รู้ เอาอย่างนี้ไหม แจ็คมีพี่ชายคนเดียว แม่ก็มีลูกชายคนเดียว เราก็ต้องทำใจแล้วก็เคารพการตัดสินใจของเขาด้วยกัน” พายพยายามปลบอลูกสาวที่ทำเหมือนกับกำลังจะเสียพี่ชายไป

“ท่านแม่ใจร้าย!” แจ็คลีนผละจากอ้อมแขนของแม่ เพราะรู้ว่าแม่จะไม่พูดกับพี่ชายให้แน่นอน

“นั่นไง ลูกสาวที่น่ารักของแม่ แม่ยังรักลูกเสมอนะ แต่แม่ห้ามพี่ชายของลูกไม่ได้ และห้ามลูกสาวแม่ไม่ให้เสียใจไม่ได้ด้วย แต่แม่จะไม่รับผิดชอบความเสียใจครั้งนี้ของลูก เพราะคนที่ทำให้ลูกเสียใจคือพี่ชายลูก ไม่ใช่แม่ เอาล่ะ แม่จะออกไปดูพ่อกับพี่ชายลูกก่อน หวังว่าจะไม่มีการวางมวยเกิดขึ้น” พายปล่อยให้ลูกสาวนอนทำใจอยู่ในห้อง แล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่นที่ซึ่งตอนนี้มีแต่ความเงียบ

“เธอบอกลูกเรื่องที่เคยไปเป็นอาสาสมัครเหรอ เธอก็รู้ว่าถ้าลูกรู้จะจุดประกายให้ลูกทำสิ่งที่กำลังตั้งใจจะทำอยู่” กาเบรียลหันมาถามภรรยาทันทีที่พบหน้า

พายทำหน้าเซ็ง เพราะรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น “ใช่ ลูกกำลังจะแห้งเหี่ยวตาย ฉันแค่อยากให้ลูกรู้ว่ามีคนที่เป็นทุกข์มากกว่า แต่ไม่เคยชวนลูกไปทำ เขาคิดของเขาได้เอง”

“พ่อครับ แม่ไม่ได้ชวนผม ผมนึกอยากไปของผมเอง ผมอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง ที่ที่ผมจะไม่สร้างปัญหาให้กับใคร ผมอยากทำจริงๆ” มิคาเอลพยายามชี้ประเด็นกับพ่อ

“มันไม่ใช่เรื่อง” กาเบรียลพยายามจะพูดกล่อมแต่คงไม่ได้ผลเท่าไรนัก

“พ่อคงไม่ห้ามไม่ให้ลูกได้ทำความดีใช่ไหมฮะ ผมกำลังจะออกไปทำความดี แทนที่จะทำเรื่องอย่างที่เคยทำ ไม่มีข่าวฉาว มีแต่ความดีที่ผมได้ทำ ครั้งหนึ่งพ่อภูมิใจที่แม่เคยทำสิ่งดีๆ เพื่อโลกใบนี้ ทำไมพ่อจะไม่ดีใจที่ลูกชายพ่อได้ทำความดีบ้างล่ะฮะ” มิคาเอลกล่อมพ่อเสียอยู่หมัด พูดไม่ออกกันทีเดียว

กาเบรียลมองหน้าพายเป็นเชิงให้ช่วยพูด แต่เมื่อเธอนิ่งเฉย เขาก็ไม่รู้จะพูดยังไง เขาจึงเดินออกไปจากห้อง แล้วเข้าห้องตัวเอง...ปิดประตูเงียบ

พายส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะมองลูกชาย “เป็นไงล่ะ ฝีมือลูก ยังแน่ใจกับสิ่งที่จะทำอยู่ไหม”

มิคาเอลชักไม่แน่ใจ เพราะคนสำคัญสองคนกำลังพยศกับเขา “ไม่รู้สิครับ แต่ผมก็ยังอยากจะทำ ไปให้ห่างจากทุกอย่างสักพัก โดยไม่มีเรื่องของโจ ผมจะดีขึ้น”

“งั้นลูกไปจัดการกับแจ็ค แม่จะไปดูพ่อเอง” พายแบ่งงานแล้วแยกไปหาสามี

มิคาเอลถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะเดินไปที่ห้องน้องสาว เคาะประตู แล้วเดินไปที่เตียง หากน้องสาวเขาก็ขว้างหมอนใส่เขา เมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตู

“ออกไปให้พ้น!!” แจ็คลีนออกฤทธิ์ทั้งที่ไม่ได้ทำมานาน ตั้งแต่อายุสิบสอง

“พี่เอง” มิคาเอลรับหมอนทันก่อนโดนตัวเขา แล้วก็มองน้องสาวอายุยี่สิบที่เคยทำท่าทางแก่กว่าวัย กำลังทำตัวเป็นเด็ก

“นั่นแหละ! ออกไปให้พ้น!!” แจ็คลีนออกปากไล่พี่ชายเมื่อรู้

“เราจะจากกัน แบบจำกันไว้ว่าประโยคสุดท้ายคือ ‘ไปให้พ้น’ อย่างนั้นเหรอ” มิคาเอลถามน้องสาว ก่อนจะนั่งลงที่ข้างเตียง และได้ผลเพราะน้องสาวนิ่งเงียบ

“งั้นก็อย่าไปสิคะ อย่าไปเลยนะคะ อยู่กับแจ็คก็ได้ ใครไม่รักก็ช่างประไร แจ็ครักท่านพี่คนเดียวก็พอ” แจ็คลีนลุกขึ้นกอดเอวพี่ชายเอาไว้แน่น

“ให้พี่ได้ลองใช้ชีวิตอย่างมีประโยชน์บ้างเถอะนะ พี่อยากทำประโยชน์เพื่อคนอื่นได้อย่างแม่บ้าง พี่อยากเรียนรู้ชีวิตในแบบที่เราจะไม่มีวันได้สัมผัสด้วย” มิคาเอลกอดปลอบน้องสาวของเขา

แม้รูปร่างเธอจะเข้าขั้นนางแบบ แต่ในยามงอแง เธอก็เป็นน้องสาวคนเล็กของทุกคนได้

“แจ็คไม่อยากคุยกับท่านพี่แล้ว” แจ็คลีนกลับไปดื้อได้เหมือนเดิม แล้วหันไปกอดหมอนแทน

“แจ็คที่รัก พี่อยากได้กำลังใจจากแจ็คนะ น้องสาวของพี่ อย่างน้อยให้พี่รู้ว่า พี่ต้องพยายามเอาตัวรอดกลับมากอดน้องสาวที่รักของพี่อีกไง” มิคาเอลโอบกอดน้องสาวจากด้านหลัง

“ท่านพี่ต้องไปจริงๆ เหรอคะ” แจ็คลีนหันมามองอย่างอ้อนวอน

“พี่จะเดินทางอาทิตย์หน้า พี่จัดการงานทั้งหมดไว้แล้วล่ะ พี่สัญญาเอาไว้แล้วก็จะไม่ผิดสัญญาด้วย” มิคาเอลบอกน้องสาวแล้วถอนหายใจ

“งั้นท่านพี่ต้องสัญญากับแจ็ค ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าชีวิตจะแย่แค่ไหนก็ตาม ท่านพี่ต้องกลับมาหาแจ็ค กลับมาหาครอบครัวเรานะคะ อย่าทำให้แจ็คเสียใจ” เมื่อหยุดพี่ชายไม่ได้ เธอก็ร้องขอให้เขารักษาสัญญา

“พี่สัญญา พี่จะกลับมาเสมอ”

มิคาเอลจูบที่แก้มน้องสาวหนักหน่วงเพื่อคำสัญญา และยังคงกอดน้องสาวเอาไว้แน่น คิดว่าเขาคงต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่กับครอบครัวมากกว่าเพื่อน

****************************************


ขณะที่ในห้องนอนอีกห้อง สามีก็กำลังพยายามระงับความโกรธที่ภรรยาไม่สนับสนุนความคิดเขา กาเบรียลพยายามจะไม่ทะเลาะกับภรรยา ถ้าเลี่ยงได้

พายค่อยๆ ขึ้นไปบนเตียงที่สามีกำลังนอนหันหลังให้ประตู จากนั้นก็เข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลัง “แก่แล้วนะ อย่างอนเลยนะ”

“งอนเหรอ! นี่มันเรื่องใหญ่นะ ลูกชายเราทั้งคน เธอจะส่งไปอยู่ในสงครามได้ลงเชียวเหรอ” กาเบรียลหันมามองภรรยาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ฉันห้ามไม่ได้จริงๆ เขาเป็นลูกของเราสองคน และเขาก็ดื้อรั้นเหมือนเราสองคนรวมกัน อีกอย่างเขาต้องการบางสิ่ง มาทดแทนความรู้สึกที่เขาได้ทำร้ายคนที่เขารัก เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วหาทางจัดการกับความรู้สึกนี้ไม่ได้ เขาพยายามไม่รักผู้หญิงที่เขาทำร้ายไงล่ะ จำได้ไหมว่าเคยเกิดอะไรขึ้นกับเรา” พายพยายามอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะต้องกอดเขาเอาไว้ ปล่อยให้เขาซบอก แล้วจูบที่เรือนผมสีทองของเขาอย่างหนักหน่วง

กาเบรียลยอมแพ้ แต่ก็รู้สึกแย่ที่ต้องปล่อยลูกไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่รู้ว่าลูกจะต้องไปให้ได้ แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงให้ใจของลูกอยู่ที่นี่

จิตใจของมิคาเอลเป็นอิสระอยู่เสมอ แม้เขาจะพยายามยึดแม่เอาไว้เป็นแม่แบบ ถ้าไม่อย่างนั้นก็สุดจะคิดได้ว่าหัวใจของลูกชายคนนี้จะล่องลอยไปไกลแค่ไหน...

****************************************


เสียงถอนหายใจดังขึ้น เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากคนรักเก่า ทุกสิ่งควรจะจบลงไปแล้ว แต่ไม่เคยจบลงเลย

“มื้อค่ำมื้อเดียวนะคะ ฉันกับเธอนะ ฉันจะไม่พาลิซซี่ไปด้วย แล้วฉันก็ขอให้เพื่อนมาช่วยดูแลช่วงค่ำได้ด้วยนะคะ” แก้วกินรีพยายามไม่เข้าไปล่วงเกินชีวิตส่วนตัวของเขามากนัก พยายามให้ระยะห่าง และไม่ทำให้เขาอึดอัดเหมือนครั้งแรกที่เธอพยายามกลับเข้าไปในชีวิตเขา

“ก็ได้” ทรงธรรมพูดเพื่อให้ทุกอย่างมันจบ จะได้ไม่ต้องโดนโทรถาม โทรตื้อต่อ ก่อนทวนสถานที่นัดและเวลา “เย็นนี้ใช่ไหม”

เขามองภาพหญิงสาวผมสีทองใจแข็ง และจัดฐานะให้เขาเป็นเพียงเพื่อนอย่างสม่ำเสมอ ตอนนี้เขาเหนื่อยล้ากับความสัมพันธ์ที่มี เขาเบื่อที่จะต้องอยู่อย่างเงียบเหงา และรอคอยให้เธอหันมามองเขาในฐานะอื่นบ้าง

ตั้งแต่รู้จักกันมา เธอแทบไม่เคยโทรหาเขา ถ้าไม่ใช่เพราะนัดกันเอาไว้แต่แรก เขาเป็นฝ่ายโทรไปถามเธอถึงเรื่องต่างๆ การสนทนาก็เป็นเรื่องสั้นๆ เมื่อเธอปิดใจอีกครั้งหลังจากเกิดเรื่องระหว่างเขากับญาติเธอ

เขาไม่ได้ฟังเธอตัดสาย เพราะงานที่กำลังวุ่นวาย ทั้งเรื่องน้ำท่วมเป็นระลอก อากาศที่ร้อนจัด ต่างก็มีผลกับงานไม้ของเขาทั้งสิ้น ยังไม่นับรวมถึงเรื่องหุ้นต่างๆ ที่เขาต้องลงทุนอย่างระมัดระวังอีกด้วย เกือบสองปีมานี่เขาแทบไม่มีเวลาจัดการเรื่องอื่นนอกจากงานที่งอกเงยมากขึ้น

ถ้ามองเวลา นี่คงเป็นช่วงเช้าตรู่ของเธอ เขาไม่ได้ไปปารีสมาหลายเดือนแล้ว และเมื่อเธอมาเมืองไทย เขาก็ไม่มีเวลาไปพบเธออีก

นี่เป็นปัญหาเรื่องระยะทางกับเวลาที่แตกต่างกันอีก

ด้วยอายุเขา เขาต้องการคนมาอยู่เคียงข้างมากกว่า และไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถอยู่เคียงข้างเขาได้ เพราะเธอมีธุรกิจของเธอเอง และต้องเดินทางไปในหลายที่ โดยเฉพาะที่ยุโรป

เขานั่งจัดการงานตัวเองอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ต่อระบบอินเตอร์เนตผ่านดาวเทียม และดูตลาดหุ้นไปพร้อมกัน

พอตกเย็น เขาแต่งตัวแล้วลงจากบ้านไม้ที่อยู่ห่างจากบ้านใหญ่ ก่อนจะขับรถออกไปจากปางไม้ เพื่อทานมื้อค่ำกับแก้วกินรี และพอถึงที่หมายเขาก็นั่งลงและรอคอยผู้หญิงอย่างอดทน

แก้วกินรีแต่งตัวสวยหรู ดูเซ็กซี่นิดๆ เย้ายวนแต่ไม่ถึงกับยั่วจนเกินงาม เธอต้องรู้อยู่แล้วว่าเขาชอบแบบไหนและไม่ชอบแบบไหน ต้องพยายามไม่ทำให้เขาอึดอัดจนปิดประตูใส่หน้าเธออีกรอบ

“สวัสดีค่ะ” แก้วกินรีทักทายสุภาพและนั่งลง เมื่อเขาไม่ยอมเลื่อนเก้าอี้ให้เธออย่างที่เขาเคยทำเสมอ เขาดูกระด้างผิดจากที่เคยรู้จักนัก “เทรนด์ใหม่เหรอคะ ไว้หนวดไว้เคราเสียดุเลย”

“สั่งอาหารเถอะ” ทรงธรรมไม่ตอบ แต่พูดเชิงออกคำสั่ง ราวกับต้องการให้ทุกอย่างเสร็จเร็วขึ้น

แก้วกินรีจึงได้แต่ทำตามคำสั่ง เขาไม่เหลือความอ่อนโยนไว้เลย มีแต่ความแข็งกระด้าง เธอก็ยังอดทนและถาม “เป็นอะไรคะ ดูเครียดๆ”

“ไม่ใช่ธุระของคุณ ชวนผมมาทานอาหาร มีธุระอะไรก็พูดมาสิ” ทรงธรรมนั่งเฉยและไม่เริ่มการสนทนาก่อน

“ฉันรู้ว่าธรรมให้กตซื้อบ้านกับรถให้ฉัน ฉันอยากขอบคุณนะ จากใจทั้งหมด ขอบคุณที่เมตตาฉันกับลูกในเวลาที่เราต้องการมากที่สุด” แก้วกินรีตัดสินใจพูด และเห็นเขามองสบตา

“แค่นี้ใช่ไหม ช่วงนี้ผมเหนื่อยนะ เพราะงั้นเรื่องแค่นี้ คุณไม่ต้องลำบากก็ได้” ทรงธรรมตัดบท

“ฉันก็ได้ข่าวมาเหมือนกันค่ะ คู่แข่งคุณเล่นงานหนักมาก การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหมคะ” แก้วกินรีพยายามทำให้เขาสบายใจมากขึ้น และหันไปอึดอัดอย่างอื่นที่ไม่ใช่เธอ

“ครับ” เขายังรักษาระยะห่างเอาไว้อย่างมาก เมื่อเขามีคุณสมบัติพร้อม แล้วทำไมต้องรับคนรักเก่าที่เคยสร้างปัญหาให้เขากลับมาด้วย

“ต้องหาเวลาพักผ่อนบ้างนะ ฉันรู้ว่าธรรมเก่ง แต่คนเก่งก็ต้องการผ่อนคลายเพื่อให้ผ่านปัญหาไปได้ หาอะไรที่ช่วยให้ผ่อนคลายทำบ้างสิ” แก้วกนรีแสดงความเป็นห่วงเขา

“อืม” สิ่งแรกที่เขาคิดถึงกลับเป็นหญิงสาวผมสีทองสวยงาม ดวงหน้าเย็นชาของเธอดึงดูดหัวใจเขาเอาไว้ได้อยู่หมัด แม้จะรู้ว่าต้องการคนมาอยู่เคียงข้าง แต่เขาก็ยังต้องการผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่สูงค่าและคุ้มค่าที่จะได้ครอบครอง

โทรศัพท์สั่นอยู่ในอกเสื้อเขา และปลุกเขาให้ตื่นจากความคิด เขาเอาออกมาดู ก่อนจะเห็นหมายเลขจากปารีส “ขอตัวสักครู่นะ ผมต้องรับสายนี้”

แก้วกินรีมองเขาลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินไปยังส่วนติดแม่น้ำ ก่อนจะแอบเดินตามเขาไป และหาช่องทางที่จะฟังเขาพูดกับปลายสาย

“สวัสดีครับ” เขาพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสแทนภาษาไทย ทำให้แก้วกินรีฟังเขาไม่รู้เรื่อง

“ฉัน...ฉัน” แจ็คลีนกำลังร้องไห้ นั่นยิ่งทำให้เขาตกใจไปใหญ่ เพราะเธอไม่เคยโทรมาและร้องไห้กับเขาแบบนี้

“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ” ทรงธรรมตกใจมาก ถามเธอเป็นภาษาฝรั่งเศสที่ฟังแทบไม่รู้เรื่อง

“พี่ชายฉัน เขาไปแล้วค่ะ เขาไปตั้งแต่เช้า เขาไม่ลาฉันก่อนจะออกจากบ้าน เขาคงกลัวว่าฉันจะไม่ให้เขาไป” แจ็คลีนร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วก็พูดภาษาฝรั่งเศสเร็วมาก จนเขาแทบฟังไม่ทัน

“เขาน่ะ...ใคร” ทรงธรรมจับคำแรกไม่ได้ รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก และเริ่มนึกว่าช่วงที่ห่างกัน เธอมีคนใครเข้ามา และเธอกำลังร้องไห้กับเขาเพราะอกหัก

“พี่ชายฉัน เขาไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม เขาไปแล้ว...วันนี้ เขาให้ฉันทานยานอนหลับ ฉันถึงเพิ่งตื่นแล้วรู้ว่าเขาไม่รอบอกลาฉัน แต่ออกไปเลย” แจ็คลีนฟังสิ่งที่ตัวเองพูดแล้วร้องไห้หนักกว่าเดิม จนเขาร้อนใจ ก่อนจะต้องฟังเธอพูดอีก “ท่านพ่อท่านแม่ก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง ท่านพี่ไปแล้ว ฉันยังทำใจไม่ได้ แล้วก็ไม่มีใครรับสายฉันนอกจากคุณ”

“ใจเย็นๆ นะ คุณพูดเร็วมากจนผมฟังไม่ทันแล้วล่ะ” ทรงธรรมพยายามจับใจความ ดูเหมือนพี่ชายเธอกำลังไปที่ไหนสักแห่งที่เกี่ยวกับสงคราม

“ไม่เป็นไร ฉันอยากมีเพื่อนน่ะ ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว” แจ็คลีนพยายามสงบใจและพูดช้าลง แล้วนึกขึ้นได้ “คุณสะดวกไหม”

“มันเลยจุดนั้นมาแล้วล่ะ ให้ผมโทรกลับไหม ตอนนี้ผมยังทานมื้อค่ำกับเพื่อนอยู่ แต่คงไม่อร่อย ถ้าผมยังเป็นห่วงคุณแบบนี้” ทรงธรรมฟังเธอร้องไห้เบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้านอาหาร “แก้ว ผมต้องกลับก่อนนะ ไว้วันหลังก็แล้วกัน ทานตามสบายไม่ต้องคิดมาก”

เขาหยิบแบงค์พันออกมาสี่ใบ แล้ววางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะสั่งให้ห่ออาหารเขาที่มาแล้ว เพื่อให้เขากลับไปทานที่บ้าน

“ทำไมล่ะคะ เราเพิ่งเริ่มทานกันเอง” แก้วกินรีมองเงินที่เขาวางไว้

“ผมมีธุระสำคัญ เงินนี่คุณเก็บเอาไว้จ่ายค่าอาหารก็แล้วกัน น่าจะพอนะ เมื่อไรอาหารที่นำไปใส่กล่องจะมาสักที” เขาหันไปถามบริกรและเร่ง ก่อนนึกขึ้นได้แล้วสั่งไวน์กลับด้วย และเรียกคิดเงินเท่าที่มี แต่ส่วนที่แก้วกินรีจะเพิ่มเขาก็ให้เงินเธอเอาไว้แล้ว

“ทำไมต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย” แก้วกินรีจับแขนเขาเอาไว้แล้วอ้อนวอน

“ปล่อยผมนะ แก้ว ผมมีคนที่สำคัญที่เขาต้องการผม อย่าให้ความเป็นเพื่อนของเรา ต้องแปดเปื้อนไปมากกว่านี้” ทรงธรรมพูดเสียงขรึม ก่อนจะรับของมาจากบริกรและเซ็นชื่อในใบเสร็จ จากนั้นก็ออกไปขึ้นรถกลับ

แก้วกินรีได้แต่นั่งร้องไห้อย่างเจ็บปวด แต่คิดว่านี่คงไม่มากเท่าที่เขาเคยเจอมา

****************************************


เมื่อขึ้นรถได้ เขาก็วางโทรศัพท์ไว้ที่ตัวรับ ก่อนจะเปิดลำโพง เพราะเห็นแต่แรกแล้วว่าสายยังไม่ได้ถูกตัดทิ้ง

“ยังอยู่ไหม” เขาถามเพราะไม่มีเสียงพูด

“อยู่ค่ะ” แจ็คลีนสงบใจได้มากขึ้น แล้วก็รู้สึกผิดที่ทำให้เขากับคู่เดทต้องผิดใจกัน “ฉันทำให้คู่เดทของคุณโกรธหรือเปล่า จริงๆ แล้วคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นะคะ”

“อย่าไปสนใจเลย นั่นไม่ใช่คู่เดทของผม คุณไม่สบายใจ แล้วจะให้ผมนั่งทานข้าวเหมือนไม่รู้เรื่อง คงทำไม่ได้หรอกนะ อีกอย่างผมไม่อยากทานอาหารกับเพื่อนคนนี้เท่าไรหรอก เธอเคยสร้างปัญหาให้ผมน่ะ” ทรงธรรมพูดให้เธอสบายใจ และเขาก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ

“งั้นคืนนี้คุณมีเวลาให้ฉันตลอดเลยไหม โอ้ ไม่สิ คุณคงอยากพักผ่อน อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะดึกแล้ว ฉันคงรบกวนคุณมาก” แจ็คลีนเริ่มคิดหลายอย่าง แต่อย่างเดียวที่เธอไม่อยากทำก็คือ...อยู่ตามลำพัง

“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกว่าอยู่ตามลำพังคนเดียว คุณยังมีผมนะ” ทรงธรรมรู้ว่าเธอกำลังจิตตก เพราะคิดว่าพี่ชายเธอกำลังเดินเข้าสู่อันตราย

“พี่ชายฉัน ทำไมไม่คิดแบบนี้บ้างนะ ใช่ เขาพยายามทำความดีเพื่อคนอื่นอยู่ แต่ทำไมเขาไม่คิดว่าเขาควรจะอยู่ดูแลฉันด้วย” แจ็คลีนกำลังสวมบทบาทน้องสาวที่กำลังเสียใจ ห่วงใย และเอาแต่ใจในเวลาเดียวกัน

ทรงธรรมอยากให้เธอเล่าใหม่ สองอาทิตย์นี้เขาแทบไม่ได้คุยกับเธอเลย จำได้ว่าล่าสุดพี่ชายเธอเลิกกับแฟนแบบเลวร้ายมาก ทำให้เก็บตัวเงียบไป

“ฉันยังไม่ได้อธิบายให้คุณฟังเลยนี่นะ เฮ้อ พี่ชายฉันสมัครเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือประเทศที่มีสงคราม เขาบอกแล้วให้เวลาฉันเตรียมใจแค่อาทิตย์เดียว กับพี่ชายที่ฉันสนิทด้วยมาทั้งชีวิต อาทิตย์เดียว แล้วเขายังไม่ให้ฉันบอกเพื่อนสนิทเขาว่าเขาไปแล้ว ไม่ยอมให้บอกใครเลย แม้แต่ท่านปู่ท่านย่า พี่ชายฉัน เขาทำแบบนี้ได้ยังไง” แจ็คลีนบ่นออกไปหมด

เขาเผลอยิ้มอย่างเอ็นดู เขารู้ว่าเธอรักครอบครัวมาก และทุกคนที่สนิทกับเธอ เธอจะห่วงใยใส่ใจเป็นพิเศษ แต่กับเขา เขาไม่แน่ใจนักว่าเธอรู้สึกอย่างไร เพราะเธอจะทำท่าทีห่างเหินอยู่เรื่อย ราวกับกลัวว่าจะใกล้ชิดเขามากเกินพอดี

“ผมคิดว่าพี่ชายคุณคงคิดแล้วว่า ถ้าได้ช่วยคนอื่นก็เท่ากับได้ช่วยตัวเองมั้ง” ทรงธรรมให้ความเห็นแบบเป็นกลาง

“คุณพูดเหมือนท่านแม่เลย ฉันรู้ว่าท่านพี่เทิดทูนท่านแม่ ถึงท่านแม่จะเคยไปที่นั่น แต่ท่านพี่ก็ไม่ควรจะพาตัวเองไปในที่ที่อันตรายแบบนั้นนี่คะ” เธอไม่เคยเห็นด้วยกับสงคราม และเกลียดสงครามมาก โดยเฉพาะยิ่งตอนที่แม่เล่าให้ฟังเรื่องในอดีต เธอยิ่งรังเกียจ

“บางทีพี่ชายคุณอาจได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเขาที่นั่น บางครั้งคุณก็ต้องปล่อยให้เขาตัดสินใจเอง เขาต้องค้นพบตัวเองได้ในสักวันหนึ่งล่ะ เขากำลังเจ็บปวดจากเรื่องความรัก เขากำลังวิ่งเข้าหาสิ่งที่สูงค่านะ คุณต้องทำใจ ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงเขา แล้วเขาจะเข้าใจความห่วงใยของคุณ” ทรงธรรมพยายามปลอบเธอ เพราะเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบเธอเท่านั้น

พี่ชายเธอออกเดินทางไปแล้ว โดยไม่รอให้เธอห้าม เพราะเจ้าตัวรู้ว่าต้องถูกห้ามแน่นอน และอาจใจไม่แข็งพอที่จะปฏิเสธ ถ้าน้องสาวรั้งเอาไว้ คงเพราะสายใยที่ผูกพันกันแน่นแฟ้นนั่นเอง

“คุณใจร้าย!!” แจ็คลีนพูดอย่างงอนๆ แต่ก็รับฟัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตู และเห็นแม่เปิดประตูเข้ามา

“ไง ตื่นแล้วเหรอ ลูก” พายถามลูกสาว ที่กำลังถือกระดาษเช็ดน้ำตาอยู่ คงเพราะรู้ว่าพี่ชายออกเดินทางไปแล้ว และหลายวันนี้ก็ทำท่าทางงอนใส่เธอตลอด จึงตัดบทแล้วถอยก่อน “คุยโทรศัพท์อยู่เหรอ งั้นแม่ออกไปก่อนนะ”

แจ็คลีนนั่งหันหลังให้แม่ มีท่าทางงอนๆ กับทุกคนไปหมด “ท่านแม่มาค่ะ”

“นึกว่าจะวางสายผมซะแล้ว” ทรงธรรมพูดขึ้น ฟังน้ำเสียงงอนๆ ของเธอออกอยู่บ้าง

“ยังค่ะ หรือคุณง่วงแล้ว” แจ็คลีนทำเสียงจ๋อยๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เธอโกรธแม่

“ทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะ มีอะไรหรือเปล่า” ทรงธรรมฟังน้ำเสียงที่แตกต่างกันไปของเธอออก

“เมื่อกี้นี้ท่านแม่เข้ามาค่ะ ฉันโกรธที่ท่านแม่ไม่ห้ามท่านพี่ เพราะถ้าท่านแม่ห้ามท่านพี่ ท่านพี่ต้องไม่ไป” แจ็คลีนหันไปโกรธแม่แทน

ทรงธรรมเริ่มเดาอารมณ์งอนๆ ของเธอออกแล้ว จึงต้องค่อยๆ กล่อม “คุณคิดว่าแม่คุณเป็นคนที่อยากจะผลักลูกชายออกไปในสงครามเหรอ คุณรู้จักแม่คุณดี ผมเชื่อว่าการที่ท่านไม่ห้ามก็คงเพราะ ท่านรู้ว่าการห้ามไม่ใช่ทางออก พี่ชายคุณจะทรมานแค่ไหน ถ้าถูกจำกัดขอบเขตความคิด ครอบครัวคุณให้อิสระทางความคิดมาตลอด ผมเชื่อว่าท่านคงรู้ว่าอะไรควร...ไม่ควร”

“คนใจร้าย!!” แจ็คลีนเถียงไม่ออกก็ว่าเขาเข้าให้ ก่อนจะนิ่งเงียบไป

“คุณยังอยู่ไหม” ทรงธรรมพยายามจอดรถใต้ถุนบ้านหลังใหม่ของเขา ก่อนจะจัดการล็อครถ แล้วขึ้นบ้าน ควานหาจานมา แล้วนั่งทานอยู่ในห้องนั่งเล่น

“อยู่สิคะ จะให้ไปไหนได้ล่ะ แค่ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะรู้สึกว่าตัวเองไร้สาระมากก็เท่านั้นเอง แต่ฉันรักพี่ชายฉันนี่” แจ็คลีนแก้ตัวในตอนท้าย

ทรงธรรมเผยหัวเราะ เขาไม่เคยทำแบบนี้มานานมากแล้ว ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้เขากับเธอกำลังพูดคุยไปเรื่อยๆ เธอก็ดูผ่อนคลาย และงอแงตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงแต่เธอไม่กดตัดสาย แม้เขาจะไม่เข้าข้างเธอนัก

“คุณหัวเราะทำไม! พี่ชายฉันกำลังไปเสี่ยงอันตรายนะ” แจ็คลีนตำหนิเขาแค่คำพูด แต่ไม่จริงจังนัก เพราะเธอสบายใจขึ้นหลังจากได้งอแงใส่เขา

“แม่คุณส่งคนติดตามไปด้วยใช่ไหม” เขาถาม

“อืม ปิแอร์ไปกับท่านพี่ค่ะ” แจ็คลีนตอบตามตรง เพราะรู้จากเบเนดิกซ์ว่า ปิแอร์ไม่มีวันทิ้งให้มิคาเอลไปคนเดียวแน่นอน แม้จะต้องห่างไกลจากภรรยาก็ตาม

“ปิแอร์คนนี้เก่งไหม” ทรงธรรมถามไปอย่างนั้น เชื่อแน่ว่าต้องเก่ง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ได้รับความไว้วางใจจากคนในครอบครัวนี้แน่นอน

“มากค่ะ เก่งกว่าเบนอีก เบนเป็นทหารเก่าค่ะ แต่ปิแอร์เป็นพ่อบ้านฝึกหัดมาตั้งแต่ต้น ฉันไม่อยากให้คำว่า ‘พ่อบ้าน’ เพราะปิแอร์กับเบนเป็นมากกว่านั้น เขาทั้งคู่เป็นเหมือนเพื่อนตาย เขาทั้งสองคนคอยดูแลเราพี่น้องตั้งแต่เด็ก ปิแอร์เคยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ฉันด้วยนะคะ พวกเขาเป็นครอบครัวของเราจริงๆ” แจ็คลีนเล่าละเอียด จนเขาต้องแอบยิ้ม เพราะดูเธอจะให้ความสนิท และไม่ได้ทำตัวสูงส่งอย่างคุณหนู ที่สักแต่ว่าจ่ายเงินจ้างบอดี้การ์ดส่วนตัว

“งั้นคุณก็ต้องไว้ใจเขา คุณไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่อย่างน้อยพี่ชายคุณก็มีเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาไปด้วย” ทรงธรรมพูดตามตรง

“คุณทานอะไรอยู่คะ” แจ็คลีนได้ยินเขาทานเป็นระยะ และเธอก็ชักหิวแล้ว

“สเต็กเนื้อแกะ ร้านนี้ทำอร่อยมาก มีไวน์แดงด้วยนะ ผมรู้แล้วว่าทำไมคนถึงบอกว่าไวน์แต่ละที่ไม่เหมือนกัน รสชาติแตกต่างกัน คนละอารมณ์แต่ดื่มได้เรื่อยๆ” ทรงธรรมเล่าให้เธอฟัง แล้วได้ยินเสียงเธอพยายามกลืนน้ำลาย

“ฉันหิวแล้วล่ะค่ะ คุณพูดซะน่าทานจริงๆ ฉันตื่นมายังไม่ได้ทานอะไรเลย แล้วก็ร้องไห้หนักมาก ลืมหิวไปเลยค่ะ” แจ็คลีนอธิบาย ก่อนจะกดสายโทรสั่งอาหารจากห้องครัว

“คุณอยากวางสายไหม” ทรงธรรมถาม เพราะดูเธอจะไม่สะดวกเท่าไรนัก

“คุณอยากวางสายแล้วเหรอคะ” แจ็คลีนทำเสียงแบบเสียดาย ดูอ้อนๆ ด้วยทำให้เขารีบปฏิเสธ

“ไม่ครับ” ใจแทบละลายเพราะน้ำเสียงออดอ้อนของเธอ นึกภาพไม่ออก แต่แค่ฟังเสียงเขาก็แทบลืมทุกอย่างแย่ๆ ระหว่าเขากับเธอ แล้วเขาจะยอมแพ้ได้อย่างไร

“ฉันสั่งอาหารมาแล้วค่ะ” แจ็คลีนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น แม้ในมือจะถือภาพพี่ชายเอาไว้ตลอดเวลาก็ตาม

เขาปล่อยให้เธอได้ระบายมากที่ต้องการ และยังจำได้ว่ารู้สึกกับเธออย่างไร อยากเห็นเธอทำท่าทางต่างๆ ที่หลากหลาย มากกว่าท่าทางเย็นชาอย่างที่เคย

กำลังใจมาได้ด้วยน้ำเสียงน่ารักๆ จากเธอ...

****************************************


กลางดึกที่เธอต้องประหลาดใจ เพราะเสียงลูกสาวที่นอนอยู่ข้างๆ แปลกไปจากที่เคย เสียงอึกๆ ของลูกสาวที่เป็นไข้ทำให้เธอตื่นตระหนกอย่างมาก ทำอะไรแทบไม่ถูก จึงโทรหาเพื่อนที่อยู่ใกล้ที่สุด

“ธรรมคะ ลิซซี่เป็นอะไรก็ไม่รู้ เธอชักไม่หยุดเลยค่ะ” แก้วกินรีโทรหาทรงธรรมเพราะหาทางออกไม่เจอ

“โทรเรียกรถพยาบาลตามเบอร์นี้” เขาบอกทันที เพราะรู้จักโรงพยาบาลเอกชนในเมืองดี เขาต้องมีเบอร์ฉุกเฉินพวกนี้ เพราะย่าของเขาก็อายุมากแล้ว

“ได้ค่ะ ได้” แก้วกินรีรีบโทรตามที่เขาบอก แล้วรีบแต่งตัว ก่อนจะกลับมาโทรหาเขาอีกครั้ง “ธรรมมาอยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม”

“ได้สิ เดี๋ยวฉันออกไป” ทรงธรรมเป็นห่วงเด็กมากกว่าจะมาตั้งแง่ และน้ำเสียงเธอก็แตกตื่นจริงจัง ไม่น่าเป็นการเสแสร้ง

เธอรออยู่ไม่นาน รถพยาบาลก็มาถึง แล้วช่วยดูเบื้องต้น ก่อนจะพาเด็กหญิงไปโรงพยาบาล เธอจึงโทรบอกเขาอีกรอบ “ฉันจะไปโรงพยาบาลเลยนะคะ”

“ผมรู้แล้วล่ะ กำลังขับไปที่โรงพยาบาล” ทรงธรรมขับรถอยู่ระหว่างทางพอดี และเขาไปถึงหลังจากที่เด็กหญิงเข้าห้องฉุกเฉิน และวินิจฉัยโรคเบื้องต้นแล้ว “เป็นยังไงบ้าง”

“หมอบอกว่าชักเพราะเป็นไข้สูงค่ะ กำลังดูอาการอยู่” แก้วกินรีบอกทรงธรรมด้วยท่าทางหวาดกลัว “ตอนเย็นแกยังพูดคุย ยังหัวเราะอยู่เลยนะคะ ฉันก็ให้ทานยาแก้ไข้แล้วพาเข้านอน”

“ทำไมไม่พาลูกไปหาหมอ เด็กนะ ไม่แข็งแรงอย่างผู้ใหญ่หรอก ซื้อยาให้กินเองใช่ไหม” ทรงธรรดุเพื่อนนิดๆ

“ก็ไม่นึกว่าจะป่วยหนักแบบนี้” แก้วกินรีพูดอย่างใจไม่ดีนัก เพราะลูกสาวคือญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเธอ

“เรื่องมันแล้วไปแล้ว คุณก็ดูแลเธอให้ดีก็แล้วกัน นี่หมอว่ายังไงบ้างล่ะ” ทรงธรรมถามขึ้น ก่อนจะได้รับคำตอบที่ต้องถอนหายใจ

“หมอบอกว่าต้องนอนดูอาการ ไม่รู้ว่าจะมีอาการติดเชื้อไหม ฉันดูแล้วค่ะ ค่าใช้จ่ายสูง กำลังคิดว่าจะขอย้ายไปโรงพยาบาลรัฐ” แก้วกินรีรู้ดีถึงกำลังจ่ายของตน งานพนักงานต้อนรับไม่ได้เงินมาก และยังแทบไม่มีเวลาเหลือ

“ไม่ต้อง” ทรงธรรมเดินไปหาพยาบาล แล้วติดต่อขอเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายให้กับการรักษาเด็กหญิง พร้อมทั้งจัดการให้ได้ห้องพิเศษ พร้อมมีพยาบาลพิเศษคอยดูแล

“มันมากเกินไปนะคะ ฉันไม่อยากให้ธรรมเดือดร้อน” แก้วกินรีพูดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว

“ช่างเถอะ ช่วยคนมีอะไรต้องเดือดร้อน” ทรงธรรมพูดอย่างไม่เข้าใจนัก

“แฟนเธออาจจะเข้าใจผิดได้นะ ที่ต้องมาคอยช่วยเหลือฉันแบบนี้” แก้วกินรีอ่านท่าทางของเขาออก เธอใช้เวลาพักหลังสนใจข่าวเขามากขึ้น และเห็นข่าวที่เขามักไปปารีสอยู่เสมอ และมีข่าวเขากับหญิงสาวชาวฝรั่งเศสคนนั้น คนที่เขาทิ้งเธอไว้ที่ร้านอาหารแล้วออกไปทันที

“อ๋อ คิดมาก เธอคนนั้นไม่คิดมากอยู่แล้วล่ะ เธอใจดีและมีจิตใจสูงส่งเกินกว่าจะมานั่งตั้งแง่กับเรื่องแค่นี้” ทรงธรรมพูดเบี่ยงเบน เพื่อตัดปัญหา เมื่อเจ้าหล่อนนึกจะเข้าใจแบบนั้นก็ปล่อยไปจะง่ายกว่า

แก้วกินรีฟังเขาพูดถึงผู้หญิงอีกคนอย่างชื่นชมก็ได้แต่คิดอย่างอิจฉา หากก็นึกเกลียดตัวเองที่หลงโง่หันไปคบชาร์ลีในเวลาที่เขากำลังลำบาก มันแย่และเลวร้ายกว่าอยู่อย่างลำบากมาก เมื่อต้องโดนทอดทิ้งเป็นผลของกรรม ที่เธอเคยทำกับเขา

หวังว่าทุกอย่างจะยังคงแก้ไขได้อยู่...

****************************************

สวัสดีค่ะ
วันนี้ขอติดตอบเม้นเอาไว้ก่อนนะคะ ไม่ไหวแล้วจริงๆ 555+
วันนี้เดินทางสวดมนต์เก้าสถานที่ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ
เริ่มจากที่บ้าน (ไม่นับค่ะ 555+) ต่อที่วัดประจำหมู่บ้าน...1. วัดสุขเกษม
ต่อมาก็ไปบนดอยที่ 2. วัดพระธาตุดอยสะเก็ด จากนั้นไปรับเพื่อนกับสามีเพื่อน
ต่อด้วย 3. สถานธรรมไท่เสิ่น (พระโพธิสัตว์กวนอิม)
แล้วก็ต่อด้วย 4. วัดดอนจั่น จากนั้นพาเพื่อนไปส่ง แล้วรีบไปหาหมอฟัน
พี่ลูกพี่ลูกน้องกับน้ามาหาที่บ้านเพื่อน ก็ไปต่อที่ 5. อนุสาวรีย์สามกษัตริย์
แล้วไปไม่ไกล ที่ 6. วัดพันเตา ติดๆ กันเลย 7. วัดเจดีย์หลวง
จากนั้นก็ไปเชิงดอยสุเทพ หยุดสวดมนต์ต่อที่ 8. อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย
แล้วก็กลับไปรับเพื่อนที่บ้าน แล้วไปต่อที่แม่แตง 9. วัดป่าหมู่ใหม่
ส่งเพื่อนแล้วก็กลับบ้านค่ะ ^^ เหนื่อยเลย แต่ละที่มีทั้งใกล้ๆ และไกลๆ
เพื่อขอพรให้ปีนี้อะไรที่ใครทำนายว่าจะหนัก ขอให้เบาบางลงบ้างค่ะ
ประกอบกับเป็นปีชงของทั้งพ่อและแม่ ก็เลยต้องหาทางบรรเทาเข้าไปใหญ่
พรุ่งนี้จะไปวัดอีก จะสวดชินบัญชรให้ครบ 108 จบ
ไปมา 9 แห่ง ได้เพียงครึ่งเดียว (54 จบ) เพราะเวลาไม่พอ
กลับมาก็ปวดหัวมากๆ ค่ะ เพราะบางแห่งสวดกลางแดด
แต่ทั้งหมดเพื่อความสบายใจของตนเอง
เอาบุญมาฝากคนอ่านด้วยนะคะ จะมาตอบเม้นวันจันทร์ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายค่ะ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ม.ค. 2555, 22:11:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ม.ค. 2555, 22:11:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1884





<< ML014   ML016 >>
wind 5 ม.ค. 2555, 23:31:10 น.
เข้าใจแล้วว่าทำไมแก้วถึงโดนทิ้ง เพราะพูดไม่รู้เรื่องนี่เอง


ร้อยวจี 6 ม.ค. 2555, 01:11:04 น.
แจ็คน่ารัก แต่ยังเป็นพายที่เข้าใจลูกตัวเองมากที่สุด สู้สู้ค่ะ อยากให้ถึงตอนที่แจ็ค
หายตัวไปเร็ว อยากอ่านช่วงเวลานั้นว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ


XaWarZd 6 ม.ค. 2555, 04:51:33 น.
ยังจะแก้ไขอีกเรอะยัยแก้ว อยู่ห่างๆ ไม่ทำปัญหานะดีที่สุด


anOO 6 ม.ค. 2555, 08:38:43 น.
เหมือนแก้วกำลังจะหาเรื่องใส่ตัวอีกนะ อย่ายุ่งเกี่ยวอีกต่อไปน่าจะดีกว่า


dino 6 ม.ค. 2555, 08:58:22 น.
สาธุ


ตุ๊งแช่ 6 ม.ค. 2555, 09:11:52 น.
อนุโมทนาสาธุ ใกล้จะชนจุดเริ่มต้นแล้ว รออ่านต่อไป


Noka 6 ม.ค. 2555, 13:07:43 น.
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ตามเป็นกำลังใจแม้จะอย่างเงียบๆนะคะ

อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ


kaeka 6 ม.ค. 2555, 13:59:36 น.
อนุโมทนาด้วยคนค่ะ

แจ็ค...คนที่คิดถึงอยากคุยด้วยก็คือทรงธรรมหล่ะนะ แต่ที่แน่ๆทรงธรรมต้องสลัด สะบัดยายแก้วให้หลุด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account