Crazy Laws กฏหมายฮาเดือด!!
เมื่อ "วินด์ ฮิลล์" นักเรียนกฎหมายปี 1 ผู้มีดีแค่หน้าตาแต่สติปัญญาอยู่ในระดับน่าอับอาย ต้องมาพานพบกับ "เวสต์ วิซ" ผู้ช่วยผู้พิพากษา ที่ถูกไหว้วานจากอาจารย์ีที่ปรึกษาของวินด์ ฮิลล์ ให้มาช่้่วยเข็นให้หนุ่มดีแต่รูปคนนี้เลื่อนชั้นไปได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น..เมื่อสองคนนี้ต้องมาร่วมไขคดีไปด้วยกัน พร้อมกับ "ประมวลกฎหมาย" อาวุธประจำตัวนักเรียนกฎหมายทุกคน!?
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: มาตราที่ 3


มาตราที่ 3 : นักเรียนกฎหมายพึงมีความกล้าหาญแม้ต้องเผชิญกับสิ่งใดก็ตาม



“คดีฆาตกรรมนายและนางเฟลแลน” เป็นหนึ่งในคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญแห่งยุคที่เกิดขึ้นเมื่อกว่าหนึ่งเดือนก่อน ปัจจุบันยังไม่สามารถหาตัวผู้ร้ายมาลงโทษได้ โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 2 คน คือ นายไบรอัน เฟลแลน และ นางดาเลีย เฟลแลน สองสามีภรรยาที่ถูกสังหารภายในอพาร์ตเมนต์ขนาด 3 ห้องนอนที่พวกเขาอาศัย


ฟังดูแล้วมันก็น่าจะเป็นคดีฆาตกรรมธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าคดีอื่น แต่สาเหตุที่มันกลายเป็นหนึ่งในคดีที่ได้ชื่อว่าสะเทือนขวัญแห่งยุคน่ะเหรอ?


นั่นก็เพราะว่าผู้เสียชีวิตในคดีนี้ทั้งสอง ต่างก็ตายด้วยอาวุธมีคมสี่รู หรือที่เรียกกันด้วยภาษาชาวบ้านว่า “ส้อม” นั่นเอง!!


ลองคิดดูว่ามันต้องใช้ความอาฆาตมากแค่ไหน จึงจะสามารถใช้ส้อมแทงทะลุหัวใจของผู้ชายคนหนึ่งได้ มันจะต้องมีความโหดร้ายมากแค่ไหนถึงจะใช้ส้อมเสียบเข้าคอหอยของผู้หญิงคนหนึ่งจนถึงแก่ความตาย


และด้วยเหตุนี้เอง คดีฆาตกรรมนายและนางเฟลแลน จึงกลายเป็นที่หวาดกลัวของสาธารณชน โดยเฉพาะเมื่อทางการยังไม่อาจหาตัวคนร้ายมาลงโทษได้!



“รุ่นพี่ แน่ใจนะครับว่าคนที่เขียนรายงานคดีนี้ไม่ได้ฝันอยากเป็นนักเขียนนิยายน่ะ? โอ๊ย!! เอาประมวลตบผมทำไมเนี่ย!!?”


“หุบปาก แล้วอ่านต่อซะ”



เช้าวันศุกร์ที่ 15 เวลาประมาณ 10.00 น. นายแซม วินเตอร์ ผู้เป็นเพื่อนบ้านแวะมาเพื่อจะเล่นหมากรุกกับดาเลียอย่างที่ทำเป็นกิจวัตรประจำวันทุกเช้า เขากดออดเรียกอยู่หลายครั้งก็ยังไม่มีใครมาเปิดประตูให้ แซมจึงลองบิดลูกบิดประตูและพบว่ามันไม่ได้ล็อค เขาจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้าน และได้พบกับภาพอันสยดสยอง...



“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก...!!!!?”


“...............หนวกหู!! ไม่ต้องอินขนาดนั้นก็ได้”



ที่ด้านหลังประตูทางเข้านั่นเอง ไบรอัน เฟลแลนถูกพบในสภาพนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น ในแวบแรกมันเหมือนกับว่าเขาแค่หมดสติไประหว่างที่กำลังจะออกไปข้างนอก ด้วยความที่แซมเป็นหมอ จึงรีบเข้าไปประคองเพื่อหมายจะตรวจดูอาการ ทว่าทันทีที่เขาพลิกร่างนั้นขึ้นจึงได้พบว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว


บนอกของเสื้อเชิ้ตสีขาวแบรนด์ดังอย่างที่ไบรอันชอบใส่ไปทำงาน เวลานี้กลับถูกย้อมไปด้วยคราบเลือดสีสด ดวงตาทั้งคู่ยังคงเบิกค้าง สีหน้าสุดท้ายที่แสดงออกมามันเต็มไปด้วยความตกใจ และแน่ล่ะว่า..ความหวาดกลัว!?


แซมรีบเดินตามรอยเลือดที่นองพื้นเข้าไปในตัวบ้าน และแล้วเขาก็ได้พบกับดาเลีย..ผู้กลายเป็นศพนอนฟุบอยู่กับโต๊ะกินข้าวที่ได้จัดวางอาหารเช้าเอาไว้ 2 ชุดด้วยกัน!


ถ้าเทียบกับสีหน้าตื่นตกใจของผู้เป็นสามีแล้ว ดาเลียกลับมีสภาพที่สงบกว่ากันมาก เธอเหมือนกับเพียงแค่หลับตาและนอนหลับไประหว่างที่ถูกฆาตกรโหดสังหาร เลือดที่ทะลักออกมาจากคอของเธอเจิ่งนองอยู่บนโต๊ะอาหาร ย้อมพื้นไม้ของโต๊ะให้กลายเป็นสีแดงฉานอันน่าสะพรึงกลัว


แซม วินเตอร์รีบใช้โทรศัพท์ในบ้านหลังนั้นโทรไปขอความช่วยเหลือ เป็นโชคดีที่บริเวณนั้นมีหุ่นจ่าเฉยตั้งอยู่ 1 ตัว จึงทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมาถึงในระยะเวลาอันสั้น แต่ถึงจะมาช้าหรือเร็วมันก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก ในเมื่อนอกจากผู้ที่โทรไปแจ้งความแล้ว ไม่มีใครเหลือให้ช่วยชีวิต



“รุ่นพี่เวสสสสสสสสสสต์ คือว่าผมไม่เคยดูรูปศพมาก่อนเลยนะครับ แล้วก็ไม่คิดอยากจะดูด้วยในชีวิตนี้ นี่ผมต้องเปิดอ่านรายงานชันสูตรศพต่อจริงๆเหรอครับ..”


“ถ้าไม่อ่านต่อ นายก็เป็นศพที่นี่ไปเลยเป็นไง”



จากผลการชันสูตรศพ...สาเหตุการตายของนายไบรอัน เฟลแลน คือถูกอาวุธมีคม 4 รู แทงเข้าที่อกทะลุหัวใจเป็นเหตุให้เสียเลือดมากจนถึงแก่ความตาย คาดว่าเวลาที่เสียชีวิตคือ ประมาณ 9.00 – 9.15 น.


ฝ่ายนางดาเลีย เฟลแลน สาเหตุการตายคือถูกอาวุธมีคม 4 รู แทงเข้าบริเวณลำคอจนถึงแก่ชีวิต เวลาที่เสียชีวิตโดยประมาณคือ 9.15 – 9.30 น. ไล่เลี่ยกับผู้เป็นสามี


จากการตรวจสอบพบว่าสถานที่ที่ทั้งคู่เสียชีวิตน่าจะเป็นที่โต๊ะอาหาร ซึ่งตรวจพบเลือดปริมาณมากของคนทั้งสอง แต่ฆาตกรกลับจงใจลากศพของไบรอันมาวางทิ้งไว้ที่หน้าประตูบ้านอย่างไม่รู้สาเหตุ นอกจากนี้บานประตูที่เป็นทางเข้าออกเพียงทางเดียวก็ไม่มีร่องรอยงัดแงะเกิดขึ้น สันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนรู้จักของสองสามีภรรยา จึงสามารถเข้ามาในตัวบ้านได้โดยที่ไม่ต้องทำลายกลอนประตู และยังมีเครื่องประดับเพชรพลอยของมีค่าของดาเลียถูกขโมยไปจากในตัวบ้านอีกเป็นจำนวนมาก


นอกจากนี้ยังไม่พบส้อมแม้แต่คันเดียวในบ้าน คาดว่าคนร้ายคงจะหยิบติดมือไปทั้งหมดเพื่อเป็นการทำลายหลักฐาน


จากการสืบสวน ได้จำกัดวงผู้ต้องสงสัยทั้งหมดเหลือ 3 คน ซึ่งต่างก็ไม่มีพยานยืนยันที่อยู่ในเช้าวันเกิดเหตุ อย่างไรก็ตามยังไม่พบหลักฐานที่จะเอาผิดหรือแรงจูงใจที่มากพอที่คนใดคนหนึ่งจะทำการฆาตกรรมได้



“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว!! ถ้างั้นงานของเราก็คือ หาตัวฆาตกรจากในผู้ต้องสงสัย 3 คนที่เรานัดให้มาเจอพร้อมกันที่สถานที่เกิดเหตุนี่สินะครับ รุ่นพี่!”


“งานของนาย ไม่ใช่ งานของเรา” เสียงนุ่มทุ้มขัดอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะพยักหน้าไปยังกระดาษแผ่นสุดท้ายในรายงาน “เหลืออีกแผ่น ไม่อ่านให้จบรึไง?”


“ไม่ต้องแล้วมั้ง แค่นี้ผมก็แทบจำข้อมูลไม่หมดแล้ว เดี๋ยวเข้าไปสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนกันเลยดีกว่า”


“......ตามใจ”


นั่นเป็นครั้งแรกที่เวสต์ วิซยอมเห็นด้วยกับความคิดของวินด์ ฮิลล์ และเพราะมันเป็นครั้งแรก..ชายหนุ่มรุ่นน้องจึงแย้มรอยยิ้มจนหน้าบานเป็นกระด้ง ก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องอาหารที่มีผู้ต้องสงสัยทั้งสามคนมารออยู่ก่อนแล้ว โดยไม่ทันได้คิดเลยว่า เจ้าของฉายาเกรียน(ไม่)เงียบนั้น..มีหรือที่จะละเว้นไม่เกรียนใส่เขา



++++++++++++++



ท่าทางว่าเราจะทำผิดพลาดไปซะแล้ว...


นั่นคือความคิดแรกหลังจากที่วินด์ ฮิลล์ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง และได้เห็นผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนกำลังล้อมวงอยู่รอบโต๊ะที่มีอาหารเรียงรายอยู่มากมายหลายชนิด ทั้งไอร้อนเอื่อยๆ และยังกลิ่นหอมน่ากินล้วนแล้วแต่เย้ายวนกระเพาะเป็นที่สุด


ใช่..มันคงจะเย้ายวนมาก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าโต๊ะอาหารตัวนี้คือตัวเดียวกับที่เกิดคดีฆาตกรรมขึ้น!?


...ถึงจะล้างคราบเลือดออกแล้วก็เถอะ แต่พวกแกกินลงเข้าไปได้ไงเนี่ย..!!?


ประโยคคำถามที่วินด์ ฮิลล์อยากจะตะโกนออกไปให้ลั่นโลก กระนั้นก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้หลุดปากพูดคำนั้นออกไปจริง มือของคุณรุ่นพี่ก็พลันตบลงมาบนบ่าแรงๆอย่างตักเตือน


“อยากไม่อ่านรายงานให้ครบก่อนเองนี่ ในหน้าสุดท้ายก็บอกไว้แล้วแท้ๆว่าผู้ต้องสงสัยพวกนี้ชอบแกล้งเจ้าหน้าที่เป็นที่สุด” เสียงทุ้มที่กระซิบเจือไปด้วยรอยหยัน “อ้อ..ใช่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ไก่อ่อนแบบนายน่ะนะ”


เวสต์ วิซยิ้มเย็น ขณะแกล้งหยุดยืนอยู่ด้านหลังของหนุ่มรุ่นน้องในฐานะผู้ชม เขาต่างกับเจ้าไก่อ่อนคนนี้ที่เพิ่งจะมาอ่านรายงานเอาหน้าห้อง แถมยังบ้าพอที่จะอ่านรายงานไม่จบ ก็ก้าวเท้าเข้ามาเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ต้องสงสัยตัวแสบที่เป็นต้นเหตุให้นักเรียนกฎหมายถูกหามเข้าโรงพยาบาลไปแล้วถึง 3 ราย


แม้จะไม่พูดถึงว่าการบาดเจ็บของนักเรียนกฎหมายทั้งสามคนนั่นจะเกิดจากการกลั่นแกล้งของบรรดาผู้ต้องสงสัยรึเปล่า แต่แค่การที่คนพวกนี้เคยถูกสอบปากคำมาแล้วถึงสามครั้ง ส่วนผู้ชายที่มีดีแต่หน้าคนนี้ก็ไม่เคยสอบปากคำผู้ร้ายมาก่อน ใครที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบนั้น..ก็คงจะพอรู้กันอยู่


“ผม วินด์ ฮิลล์ นักเรียนกฎหมายชั้นปี 1 ได้รับมอบหมายให้มาสอบสวนคดีนี้ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”


เปล่าประโยชน์ที่จะเปลืองสายตาไปค้อนใส่คนที่กำลังยืนรอชมความสนุกอยู่ วินด์ ฮิลล์ตัดสินใจเดินเข้ามาทักทายกับกลุ่มคนที่ประกอบด้วยชายสองหญิงหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนใดในนี้ก็ตามก็ล้วนแล้วแต่กำลังยิ้มแย้มอย่างไม่สมกับเป็นฆาตกรเลยสักนิด


ช่างตรงข้ามกับนักเรียนกฎหมายที่ถูกบังคับให้มารับผิดชอบคดีนี้ นั่นก็เพราะว่าเขา..เริ่มนึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเป็นกอง


“แหมๆ นักเรียนกฎหมายคนนี้หน้าตาดีจังเลยนะคะ”


ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอึดอัดที่เกิดจากการที่ทุกคนต่างก็ยิ้มแย้มกันหมด หญิงสาววัยประมาณยี่สิบปลายๆในชุดสูทสีครีมก็กลับเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายบรรยากาศขึ้น เรียกดวงตาคู่สีฟ้าให้หันไปมองอย่างติดจะโล่งใจ แล้วข้อมูลที่ถูกบังคับให้ท่องมาก็ราวกับจะปรากฏเป็นคำบรรยายใต้ภาพของเธอคนนี้



‘ผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1 กลอเรีย แอมป์ อายุ 28 ปี เลขานุการควบตำแหน่งเมียน้อยของนายไบรอัน เฟลแลน จากข่าวลือดูเหมือนว่าเธอจะเคยมีปากเสียงกับดาเลียอยู่บ่อยครั้ง’



กลอเรียส่งยิ้มหวานให้แก่ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า ร่างแบบบางลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางออกเดินนวยนาดอ้อมโต๊ะอาหาร สลับขาหลบร่างสูงของคนที่กำลังยื่นมือมาทักทาย เพื่อจะก้าวไปหยุดตรงหน้าของชายหนุ่มผมทองประกายชมพูเสียแทน!?


“ว่าไงจ๊ะ? สนใจไปดินเนอร์กับพี่สาวหน่อยมั้ย?”


คำชวนที่ทำเอาวินด์ ฮิลล์ถึงกับช็อคค้าง มันเป็นครั้งแรกที่เขายังไม่หลุดเก๊กหล่อที่หน้า แต่กลับมีผู้หญิงเดินผ่านไป เพียงเพื่อจะไปเลือกผู้ชายคนอื่นที่หล่อน้อยกว่าเขาอย่างนั้นเหรอ!?


วินด์ ฮิลล์รับไม่ด๊ายยยยยยยยยยยย!!


หากเป็นคนทั่วไปแล้ว เมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็คงจะคิดว่าฟาดเคราะห์ไปสักครั้งหนึ่ง หรือคิดว่าโชคร้ายที่สเป็คของผู้หญิงคนนี้ไม่ปกติเท่าไหร่นัก แต่ว่าสำหรับผู้ชายที่มีดีจนถึงขั้นโดดเด่นแค่ใบหน้าแล้ว..การที่ตนเองต้องมาถูกเมินแบบนี้..มันก็ทำเอาวินด์ ฮิลล์ถึงกับแทบทรุดลงไปจริงๆ


“อุ๊ยตาย ไม่ต้องเสียใจไปหรอกจ้ะ”


หญิงสาวปิดปากหัวเราะเบาๆ พลางชม้ายชายตากลับมายังหนุ่มรูปงามสุดๆเท่าที่เธอเคยเห็น ถึงแม้ว่าเขาคนนี้จะอยู่ในอาการช็อคหน่อยๆใกล้หัวใจวายเล็กๆ แต่ความหล่อก็ยังไม่ลดน้อยถอยลงแม้แต่นิดเดียว


ทว่า..ถึงจะรูปงามแค่ไหนก็เถอะ..


“หนุ่มน้อย เธอน่ะหล่อกว่าคุณคนนี้จริงๆนั่นแหละ แต่ว่ายุคนี้สมัยนี้ ถึงจะหล่อแต่ถ้าต้องกัดก้อนเกลือกิน มันก็ไม่ไหวหรอกนะจ๊ะ”


ริมฝีปากสีอ่อนสั่งสอนตามประสาคนที่แก่กว่า พลางแตะมือลงบนไหล่ของคนที่ส่อราศีรวยและอนาคตไกลออกมาอย่างยากจะปิดบังกันได้


“สมัยนี้น่ะหน้าตาดีอย่างเดียวมันกินไม่ได้หรอก ต้องรวยแถมอนาคตไกลถึงจะน่าสน แล้วยิ่งถ้าหล่อขนาดคุณคนนี้ด้วย..ก็ยิ่งสมบูรณ์แบบ”


นิ้วเรียวเชยคางของคุณผู้ชายที่ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องก็เอาแต่ยืนเงียบตลอด ลางสังหรณ์บอกเธอว่าเป้าหมายรายนี้น่าจะเล่นด้วยยาก แต่ว่าเกมที่เล่นยากนั้นมักให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเสมอ


น่าเสียดายที่กลอเรียไม่รู้เลยว่า กับผู้ชายอย่างเวสต์ วิซแล้ว..คำว่ายากที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น มันสมควรที่จะเติมให้เต็มยศว่า ยากเย็นแสนเข็ญประหนึ่งจะตะกายดวงจันทร์ เข้าไปด้วย


“รู้มั้ยครับว่าการลวนลามเจ้าหน้าที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเหมือนกัน” มือจับนิ้วที่ถือวิสาสะนั่นไว้ ก่อนจะผลักออกห่างเบาๆอย่างนุ่มนวล “ถ้าคิดจะเชิญชวนล่ะก็เอาไว้รอตอนที่ผมไม่ได้อยู่ระหว่างทำงานดีกว่านะ คุณผู้หญิง”


ประโยคที่นุ่มนวลกับรอยยิ้มบางๆบนมุมปาก ไม่ได้ส่งขึ้นไปถึงดวงตาคู่สีน้ำเงินภายใต้กรอบแว่นแม้แต่น้อย มันเป็นสัญญาณบอกถึงการปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่มีหรือที่คนฉลาดอย่างกลอเรียจะไม่เข้าใจ


“เธอนี่เย็นชาจังนะ”


ร่างที่เคยแนบชิดยอมถอยออกห่างมานิดหนึ่ง ริมฝีปากนุ่มเม้มน้อยๆด้วยความขัดใจ สำหรับเธอผู้ผ่านสังเวียนมามากต่อมากแล้ว นี่จัดได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับผู้ชายที่มีขันติระดับนี้..ผู้ชายที่โดนเรือนร่างอันสวยสดงดงามของเธอแนบชิดแต่ก็ยังไม่มีแม้แต่อาการใจเต้น ซึ่งหากว่าไม่ใช่เพราะเขาใกล้จะบรรลุแล้วล่ะก็..มันก็น่าจะต้องเป็นเพราะ...


“อย่าบอกนะว่าพวกเธอสองคนเป็นอย่างว่ากัน เธอถึงได้ไม่สนใจผู้หญิงสวยๆอย่างฉันน่ะ!?”


ความคิดอันน่าตกใจที่ผ่านเข้ามาในสมองมากพอจะทำให้กลอเรียถึงกับโพล่งออกไปแบบไม่ทันหยุดคิดซ้ำสอง หญิงสาวหันมองซ้ายมายังหนุ่มหน้าตาดีท่าทางเคร่งขรึม ก่อนจะกลับมามองขวาที่หนุ่มรูปงามท่าทางปวกเปียก แล้วใจก็หวนคิดไปถึงตอนที่สองคนนี้เดินเข้ามาในห้อง ที่เวสต์ วิซก็ก้มลงกระซิบบางอย่างกับวินด์ ฮิลล์ด้วยท่าทางที่ชวนให้เข้าใจผิดเป็นอย่างมาก


“นี่มันอะไรกัน สมัยนี้จะหาผู้ชายแท้ๆไม่ได้เลยรึไง!”


ร่างบางกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด แต่ความหงุดหงิดที่ว่านั้นคงไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวของสองคนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอย่างว่ากัน เมื่อเวสต์ วิซถึงกับโยนมาดอันแสนจะสุขุมเยือกเย็นทิ้ง ขณะที่วินด์ ฮิลล์ก็กระโดดผลุงขึ้นยืน สองคนชี้นิ้วไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความสามัคคีที่คงมีร่วมกันเพียงครั้งเดียวในชีวิต


“ใครเป็นอย่างว่ากับหมอนี่ไม่ทราบ! เห็นอย่างนี้ผม/ฉันก็เลือกนะ!!”


ว่ากันว่าการประสานเสียงตะโกนในครั้งนั้นดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งตึก อพาร์ตเมนต์ที่อยู่บนชั้น 6 ถึงกับสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว เศษปูนจากมุมห้องร่วงกราวลงมาท่ามกลางเสียงหอบของคนสองคนที่เค้นเรี่ยวแรงออกมาใช้กับเสียงไปจนหมดสิ้น ใช้เสียงเท่าที่มีเพื่อจะปฏิเสธให้ชัดเจนอย่างที่ไม่มีอะไรจะชัดเจนไปกว่านี้ว่าความเกี่ยวพันเพียงอย่างเดียวระหว่างพวกเขานั้นคือการไม่มีความเกี่ยวพันนั่นเอง!


“เอาล่ะๆ ถือซะว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดแล้วก็ลืมๆมันไปซะเถอะนะ”


ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อเชิ้ตลายทางสีขาวสลับฟ้ารีบเข้ามาไกล่เกลี่ย ก่อนที่จะได้เกิดการวางมวยระหว่างเจ้าหน้าที่กฎหมายด้วยกัน ซึ่งแน่ล่ะว่าแม้จะเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก แม้จะเป็นแค่การประเมินด้วยสายตา แต่คนที่ชนะก็คงไม่มีทางเป็นเจ้าหนุ่มรูปงามผู้มีดวงตาสีฟ้าใสแจ๋วไปได้


“คุณ...แซม วินเตอร์?”



‘ผู้ต้องสงสัยหมายเลข 2 แซม วินเตอร์ อายุ 49 ปี อาชีพหมอ ผู้พบศพคนแรก ทั้งยังเป็นเพื่อนบ้านของสองสามีภรรยาเฟลแลน มักจะแวะมาเล่นหมากรุกกับดาเลียในทุกเช้า ลือกันว่าเขาคนนี้แอบหลงรักดาเลียมานานหลายปี แต่ไม่เคยสมหวัง’



ซับไตเติ้ลประกอบคำบรรยายข้อมูลของผู้ต้องสงสัยปรากฏขึ้นในใจของวินด์ ฮิลล์อีกครั้ง ชายหนุ่มเงยหน้ามองผู้ชายวัยกลางคนที่มีรอยยิ้มอันแจ่มใส ความอ่อนโยนเฉกเช่นหมอดูจะฉายชัดอย่างที่ไม่ว่าจะคิดยังไง เขาคนนี้ก็ดูไม่น่าจะเป็นคนร้ายไปได้


“ใช่แล้ว ฉันคือ แซม วินเตอร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคุณนักเรียนกฎหมาย”


แซมจับมือกับวินด์ ฮิลล์ด้วยท่าทางถ้อยทีถ้อยอาศัย มือหนึ่งตบลงบนบ่าของเด็กที่อายุรุ่นลูกเป็นการแสดงความสนิทสนม ก่อนจะผายมือไปยังโต๊ะอาหาร


“พวกเรารู้ว่านักเรียนกฎหมายคนใหม่จะมาวันนี้ ก็เลยจัดเตรียมอาหารต้อนรับไว้ ถ้ายังไงก็นั่งกินด้วยกันก่อนแล้วค่อยสอบปากคำระหว่างกินข้าวเถอะ”


“หา!? มะ..ไม่รบกวนดีกว่าครับ”


วินด์ ฮิลล์ยกสองมือขึ้นโบกปฏิเสธด้วยท่าทางเหมือนพร้อมจะยกสองเท้าขึ้นด้วยในกรณีที่สองมือดูน้อยไป แต่อันว่าฝ่ายปฏิเสธที่ช่างให้ความรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน เมื่อต้องมาพบกับฝ่ายเชื้อเชิญที่เป็นผู้ใหญ่กว่ามาก แถมยังไม่สนใจฟังคำปฏิเสธแม้แต่น้อย สองมือที่ยกขึ้นปฏิเสธก็มีอันถูกอีกฝ่ายคว้ามือไว้ก่อนจะลากตรงดิ่งไปยังโต๊ะอาหารอย่างง่ายดาย


“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า มีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้นเลยนะ”


“ไม่อ๊าววววววว!!”


วินด์ ฮิลล์ดิ้นปัดๆไปตามทางอย่างแทบไม่เหลือสภาพคนที่จะมาสอบปากคำใคร กระนั้นเรือนผมสีดำที่ยุ่งเหยิงหน่อยๆ กับดวงตาคู่สีฟ้าที่แตกตื่นสุดขีด ก็กลับยังคงทำให้วงหน้าคมคายนั้นยังคงหล่อเหลาได้อีกอยู่นั่นเอง


รุ่นพี่เวสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสต์ เฮ๊ววววว มี!!


ว่ากันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ และในดวงตาคู่สีฟ้านั่นมันก็สะท้อนถึงความในใจออกมาอย่างไม่มีแอบแฝง มืออีกข้างหนึ่งที่ไม่ได้กำลังถูกลาก เลือกจะตะกายกลับไปด้านหลังเพื่อขอความช่วยเหลือจากคุณรุ่นพี่ที่เคารพที่เอาแต่ยืนกอดอกเฉย แสดงท่าทางชัดว่าคิดจะยืนดูอยู่ห่างๆอย่างไม่ห่วงแม้แต่น้อย


“กินข้าวกับพวกเขาสักมื้อก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหายนี่”


“!!!?”


อนิจจา..ดูเหมือนคำว่า ไม่ห่วง ดูจะเป็นการเปรียบเทียบที่น้อยเกินไปสำหรับคำพูดและท่าทางยิ้มเยาะที่คุณรุ่นพี่แสดงออกมาอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายแกล้งเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะหยอดคำพูดสั้นๆแต่เร้าใจให้ได้ยินกันเพียงสองคน


“ไม่อยากสอบผ่านรึไง?”


ประโยคเดียวแต่เสียวไปถึงทรวงใน ให้คนที่คิดจะยึดสุภาษิตเก่าแก่ ‘ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน’ ด้วยการโดดเข้ากอดเสากลางบ้านเอาไว้ไม่ปล่อย ก็ยังมีอันต้องชะงักการกระทำอันน่าอับอายไว้ ก่อนจะหันหน้าไปหาคุณรุ่นพี่ผู้มีชื่อว่า เวสสสสสสสสสสต์ วิซ แต่เริ่มจะแปลได้ว่า ทั้งชั่วทั้งเกรียน ด้วยสายตาเจ็บปวดรวดร้าวและหนาวใจ


“ระ..รุ่นพี่...”


ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนที่ท่านเรียก หรือถ้าจะว่าให้ถูกแล้วคือคนคนนั้นเลือกจะเดินผ่านไปนั่งที่เก้าอี้ว่างตัวหนึ่งที่โต๊ะอาหาร แสดงออกชัดว่าไม่คิดจะพูดอะไรมากไปกว่านี้อีก ด้วยเพราะเพียงแค่ประโยคเดียวมันก็เพียงพอที่จะทำให้วินด์ ฮิลล์ได้หยุดคิดว่าทำไมตนเองจึงได้ตัดสินใจยอมมาทำงานที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้


ใช่แล้ว..ทั้งหมดก็เพื่อสอบผ่านไงล่ะ!!


ร่างโปร่งผลุดลุกขึ้นยืนตัวตรงด้วยพลังงานที่คล้ายจะเอ่อล้นออกมาจากในร่างกาย เท้าซ้ายก้าวออกไปข้างหน้า เท้าขวาก้าวตามมาด้วยอาการแข็งทื่อ เท้าขวาออกก้าวอีกครั้ง แล้วเท้าซ้ายก็มาถึงโต๊ะอาหาร ก่อนที่วินด์ ฮิลล์จะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งโดยสวัสดิภาพในที่สุด


...นับจากที่พวกเขาเข้ามาในห้องจนเดินมาถึงโต๊ะอาหารตัวนี้ กินเวลาทั้งหมด 30 นาที...


“เอาล่ะ ในเมื่อคนก็นั่งกันหมดแล้ว ถ้างั้นก็เริ่มกินกันเลยดีกว่ามั้ยครับ?”


เสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพดังมาจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับวินด์ ฮิลล์ และเป็นคนที่ตั้งแต่เขากับรุ่นพี่เดินเข้ามาในห้องก็เรียกความสนใจได้มากที่สุดในบรรดาผู้ต้องสงสัยทั้งสาม ซึ่งความสนใจนั้นแน่นอนว่าไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการนิ่งเงียบมาตลอดของอีกฝ่าย แต่เป็นความสนใจที่มีต่อสิ่งที่เป็นพื้นฐานกว่านั้น นั่นก็คือ รูปร่างหน้าตา!


ด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนรับกับดวงตาสีเดียวกัน วงหน้าคมคายที่เจือด้วยแววเศร้า ความหม่นหมองที่ฉายชัดออกมาผ่านทางสีหน้าและชุดไว้ทุกข์สีดำสนิท มันช่างให้ความรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับคุณชายตระกูลผู้ดีที่เปี่ยมด้วยสง่าราศีตัวจริง


...และราวกับจะรู้ถึงสายตาที่แอบมองมา ให้ชายหนุ่มผู้ถูกนินทาในใจเมื่อครู่เบือนหน้ามาหา แล้วรอยยิ้มอ่อนโยนก็แต่งแต้มบนมุมปากได้รูป


“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อ ซิลเวีย แคนน่อน”



‘ผู้ต้องสงสัยหมายเลข 3 ตื๊ด..ตื๊ด..ตื๊ด.......”



แว่วเสียงประมวลผลข้อมูลดังขึ้นในใจ หากน่าเสียดายที่ด้วยเซลล์สมองอันน้อยนิดของวินด์ ฮิลล์นั้น ลำพังแค่จำรายละเอียดสั้นๆของผู้ต้องสงสัยสองคนแรกได้ก็นับว่าน่าทึ่งมากแล้ว ดังนั้นเองกับผู้ต้องสงสัยคนที่ 3 นี้ ข้อมูลในสมองของชายหนุ่มจึงเหลือเพียงแค่...ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกค่ะ...


“คุณคือลูกติดของคุณดาเลีย เฟลแลนสินะครับ”


เวสต์ วิซ ผู้นั่งอยู่ทางด้านขวาของวินด์ ฮิลล์ เป็นฝ่ายทักทายตอบ แทนรุ่นน้องที่ยังขุดคุ้ยหาข้อมูลในความทรงจำไม่เจอ


“ได้ยินว่าคุณพ่อที่แท้จริงของคุณเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว หลังจากนั้นเมื่อ 4 ปีก่อน คุณดาเลียก็แต่งงานใหม่กับคุณไบรอัน เฟลแลน ส่วนคุณก็เลือกจะใช้นามสกุลเดิมของพ่อคุณมากกว่าจะเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของพ่อเลี้ยง และแยกตัวไปอาศัยอยู่ตามลำพังอย่างนั้นสินะครับ?”


“ถูกต้องตามนั้นทั้งหมดเลยครับ”


ซิลเวียรับคำด้วยรอยยิ้มบางๆ ดวงตาคู่สีน้ำตาลรับกับเรือนผมสีเดียวกันดูจะอ่อนแสงลงยามเมื่อพูดถึงพ่อแม่ที่ตายไปแล้ว ในบรรดาคนทั้งหมดในที่นี้ดูจะมีเขาเพียงคนเดียวที่เหมือนจะเสียใจกับการจากไปของคนทั้งสองจากใจจริง


“คิดดูแล้วมันก็แปลกดีนะครับ ที่ผมกลับได้กลับมาอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่..ไม่มีใครอยู่หรือคอยเรียกชื่อของผมอีกแล้วแท้ๆ”


เสียงทุ้มเจือแววเศร้าและความไม่เข้าใจกับการจากไปอย่างรวดเร็วของบุพการีทั้งสอง ในเมื่อแผ่นภาพความทรงจำที่เคยมีร่วมกันยังคงชัดเจนอยู่ในใจ


“ชื่อ ซิลเวีย ของผม แม่ก็เป็นคนตั้งให้ เพราะว่าตอนตั้งท้องผม แม่อยากได้ลูกสาวมากก็เลยคิดแต่ชื่อผู้หญิงเอาไว้ สุดท้ายพอคลอดออกมาเป็นผู้ชาย แม่ก็ไม่อยากนึกชื่อใหม่แล้วก็เลยให้ชื่อซิลเวียกับผมอยู่ดี”


ชายหนุ่มว่าพลางฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับนักเรียนกฎหมายรูปงามตรงหน้า ผู้ที่แสดงท่าทางเห็นอกเห็นใจเขาอย่างเต็มที่


“ถึงผมจะนึกไม่ถึงเลยก็เถอะว่าตัวผมจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปด้วย แต่ผมก็สาบานแล้วว่าจะต้องหาตัวฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ผมมาให้ได้ เพราะฉะนั้นพยายามเข้านะครับ”


ตั้งแต่วินด์ ฮิลล์เริ่มเรียนทางด้านกฎหมายเป็นต้นมา มันเป็นครั้งแรกที่มีคนพูดกับเขาว่าพยายามเข้า ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและจริงใจถึงขนาดนี้ ทั้งยังท่าทางที่เต็มไปด้วยความเสียใจในการตายของแม่และพ่อเลี้ยง มันก็ทำให้ชายหนุ่มแทบอยากจะเข้าไปปลอบเหลือเกิน


แต่มันก็แค่อยากล่ะนะ...


ดวงตาคู่สีฟ้าแอบปรายตาลงมองศอกของคุณรุ่นพี่ที่จ่ออยู่แนบกับชายโครงของเขา มันเป็นการเตือนโดยไร้เสียงว่าหากพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าออกไปจนเสียรูปคดี มีหวังวันนี้เขาคงได้ถูกหามเข้าโรงพยาบาลโดยฝีมือของ(ไอ้)คุณรุ่นพี่เป็นแน่


ดังนั้นเอง วินด์ ฮิลล์จึงได้แต่กล้ำกลืนคำพูดปลอบโยนหรือคำพูดเท่ๆประมาณว่า ผมนี่แหละจะจับคนร้ายให้ดูเอง กลับลงคอไป ก่อนจะรีบต่อบทสนทนาด้วยการเปลี่ยนเรื่องกลับมายังมื้ออาหารที่เขาไม่นึกอยากเลยสักนิด


“ว่าแต่มีอะไรทานบ้างเหรอครับ?”


มันเป็นคำถามตามมารยาทที่คงจะมีมารยาทมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ในเมื่อคนถามเองก็ตกอยู่ในอาการเหงื่อแตกกับความคิดที่ต้องเอาอะไรจากบนโต๊ะนี้เข้าปาก ซึ่งแน่ล่ะว่าในฐานะเจ้าบ้าน..ซิลเวีย แคนน่อนก็ย่อมตอบกลับอย่างมีมารยาทเช่นกัน ด้วยการเลื่อนจานอาหารใบหนึ่งไปตรงหน้าของแขก


“นี่ครับ ลาบเลือด มันมีสีแดงสดน่ากินเหมือนกับคราบเลือดที่ล้างไม่ออกตรงข้างมือของคุณเลยใช่มั้ยล่ะครับ”


ประโยคแรกว่าสยองแล้วแต่ประโยคหลังยิ่งสยองกว่า วินด์ ฮิลล์ค่อยๆเลื่อนสายตาไปยังตำแหน่งที่มือข้างขวาของตนวางอยู่บนโต๊ะ แล้วชายหนุ่มก็ได้เห็นคราบสีแดงที่เป็นรอยจางๆอยู่บนนั้น....


“แม่จ๋า ช่วยด้วย!!!”


ไวกว่าความคิด ร่างโปร่งกระโดดลุกขึ้นยืนจนเก้าอี้แทบคว่ำ ความตั้งใจมีเพียงอย่างเดียวคือหนีออกไปจากบ้านผีสิงนี้ให้เร็วที่สุด ถ้าไม่ติดที่เท้าของเขากลับทำได้แค่ตะกายอยู่กลางอากาศ นั่นเพราะคุณรุ่นพี่มือไวพอที่จะคว้าคอเสื้อของคนหล่อแต่ปอดแหกเอาไว้ทันนั่นเอง


“ห้ามหนี! นายมีหน้าที่ต้องสอบสวนคดีนี้ให้สำเร็จ”


เสียงทุ้มกรอกใส่หูของคนที่ขวัญกระเจิงแล้วกระเจิงอีก วินด์ ฮิลล์รีบยกมือขึ้นปิดทั้งหูทั้งตา พลางส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ


“ไม่ๆๆ ผมกลัวเลือด กลัวผี กลัวศพ กลัว...”


“แล้วถ้าเทียบกับกลัวฉันล่ะ?”


เวสต์ วิซถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ให้คนที่พยายามหนีความจริงถึงกับชะงัก ชายหนุ่มเหลือบมองคนตรงหน้าแล้วหันไปมองคราบเลือดบนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเสยผมอย่างหล่อ


“หึ คุณมันก็แค่รุ่นพี่ คิดจริงๆเหรอว่าผมจะต้องกลัว....เอิ่ม..คือ..กลัว....”


คำท้ายๆเสียงเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆภายใต้การถูกกดดันด้วยดวงตาสีน้ำเงินที่โหดเหี้ยมไม่ต่างไปจากฆาตกรตัวจริง แล้วในที่สุดสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวมากกว่าก็เป็นฝ่ายมีชัย..


“..............ขอโทษกั๊บ จะกลับไปนั่งดีๆแล้วครับ”


“หึ มันก็แค่นี้”


เวสต์ วิซพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ ชายหนุ่มยอมปล่อยมือจากคอเสื้อของรุ่นน้องผู้รีบคลานกลับมานั่งที่เดิมด้วยท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม


“เมื่อกี้แค่ล้อเล่นนิดหน่อยน่ะครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆไม่คิดว่าจะกลัวกันขนาดนี้”


ซิลเวียพูดด้วยท่าทางสำนึกผิด หลังจากที่เห็นว่าสถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว


“ถ้ายังไงลองจานนี้ดีกว่าครับ มีกุ้งมังกร ปูอลาสก้า มีพวกเนื้อย่างด้วยนะครับ”


รายการอาหารแต่ละอย่างล้วนเป็นของที่ยาจกอย่างวินด์ ฮิลล์ไม่มีทางจะเคยได้ลิ้มลองมาก่อน และถึงจะยังผะอืดผะอมจากคราบเลือดบนโต๊ะอยู่มาก แต่เมื่อเห็นผู้ร่วมโต๊ะทุกคนต่างก็เริ่มตักอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้แต่ยอมพ่ายแพ้แก่ความต้องการของกระเพาะ แล้วเริ่มตักอาหารกินด้วยท่าทางแสนสุขบ้าง


มื้ออาหารระหว่างผู้ต้องสงสัยกับนักเรียนกฎหมายดำเนินไปด้วยความเรียบง่ายเกินคาด ด้วยฝ่ายผู้ต้องสงสัยย่อมไม่อยากเป็นฝ่ายเอ่ยปากเกี่ยวกับคดีอยู่แล้ว ส่วนฝ่ายนักเรียนกฎหมายก็มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาตักอาหารราคาแพงกินจนลืมจุดประสงค์ในการมาไปหมด


ดังนั้นเอง หลังจากที่ทุกคนต่างก็บรรจุอาหารลงไปได้กว่าครึ่งกระเพาะแล้ว วินด์ ฮิลล์ผู้เริ่มอิ่มจึงเพิ่งทันได้สังเกตเห็นถึงแววตาฆาตกรจากคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง...และในแววตาที่จ้องเขม็งมานั้นมันก็ทำให้คนที่ลืมหน้าที่ถึงกับสำลักด้วยความตกใจ


“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ซิลเวียถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง “อาหารไม่ถูกปากเหรอครับ?”


“เปล่าครับ อาหารอร่อยมาก”


วินด์ ฮิลล์รีบยิ้มตอบทั้งที่ตกอยู่ในอาการเหงื่อแตก ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดปากกระแอมกระไอเล็กน้อยพอเป็นพิธี ก่อนจะตัดสินใจเข้าเรื่องที่ทำให้พวกเขาต้องมาที่นี่


“อะแฮ่ม เอาเป็นว่าจะขอเริ่มการสอบปากคำเลยแล้วกันนะครับ เริ่มจากคุณซิลเวีย แคนน่อนก่อนเลยก็แล้วกัน”


ประโยคเริ่มต้นทำท่าดูดี ให้ทุกคนที่นั่งรอฉากนี้อยู่นานแล้วต่างก็เริ่มเพ่งความสนใจมายังชายหนุ่มรูปงามที่เอียงคอน้อยๆคล้ายจะขบคิดคำถาม แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลากับคำถามสอบปากคำครั้งแรกในชีวิตนักเรียนกฎหมายของวินด์ ฮิลล์



“คุณซิลเวีย แคนน่อน อาหารที่คุณชอบคืออะไรครับ?”




- - - - TBC. - - - -



Langlae
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ม.ค. 2555, 21:32:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ม.ค. 2555, 21:32:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1666





<< มาตราที่ 2   มาตราที่ 4 >>
แว่นใส 7 ม.ค. 2555, 23:34:08 น.
น่าสงสารจริง


sparrow 8 ม.ค. 2555, 17:36:02 น.
สนุกค่ะ ลุ้นไปด้วยว่าใครคือฆาตกร


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account