Crazy Laws กฏหมายฮาเดือด!!
เมื่อ "วินด์ ฮิลล์" นักเรียนกฎหมายปี 1 ผู้มีดีแค่หน้าตาแต่สติปัญญาอยู่ในระดับน่าอับอาย ต้องมาพานพบกับ "เวสต์ วิซ" ผู้ช่วยผู้พิพากษา ที่ถูกไหว้วานจากอาจารย์ีที่ปรึกษาของวินด์ ฮิลล์ ให้มาช่้่วยเข็นให้หนุ่มดีแต่รูปคนนี้เลื่อนชั้นไปได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น..เมื่อสองคนนี้ต้องมาร่วมไขคดีไปด้วยกัน พร้อมกับ "ประมวลกฎหมาย" อาวุธประจำตัวนักเรียนกฎหมายทุกคน!?
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: มาตราที่ 4

มาตราที่ 4 : นักเรียนกฎหมายพึงอย่ากลัวพิกุลจะร่วง



หลังจากที่คู่สามีภรรยาเฟลแลนได้เสียชีวิตลง แซม วินเตอร์ , กลอเรีย แอมป์ และ ซิลเวีย แคนน่อน ต่างเชื่อว่าพวกเขาได้ผ่านการสอบปากคำมาหลายต่อหลายครั้งจนกลายเป็นความคุ้นชิน แทบไม่มีคำถามไหนที่จะไม่ถูกถามซ้ำสอง แทบไม่มีคำถามใดที่จะทำให้พวกเขางุนงงหรือตื่นตระหนกได้อีก ไม่ว่าทางการจะส่งนักเรียนกฎหมายมากี่คนต่อกี่คน มันก็ยังเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนลึกๆลงไปในใจ พวกเขาอาจจะเริ่มรู้สึกลำพองก็เป็นได้ อย่างน้อยก็จนกระทั่งพวกเขาได้พบกับนักเรียนกฎหมายคนนี้...


ดูท่าทางโง่ๆ แต่ที่จริงเป็นเสือซ่อนเล็บอย่างนั้นสินะ...


ความคิดที่ดังอยู่ในใจของผู้ต้องสงสัยทั้งสาม กับคำถามแรกที่เพิ่งเคยเจอในการสอบปากคำ และเป็นคำถามที่แม้จะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะถามไปเพื่ออะไรก็ตาม แต่ในเมื่อนักเรียนกฎหมายที่ชื่อวินด์ ฮิลล์คนนี้เอ่ยมันออกมาเป็นคำถามแรก มันก็เป็นไปได้ว่าผู้ชายที่ดูเผินๆเหมือนจะดีแต่หน้าตาคนนี้อาจจะแอบซ่อนกับดักไว้ในคำถามที่ดูไร้สาระรึเปล่า?


ที่จริงแล้ว..ถ้าพวกเขาแค่เพียงถามเวสต์ วิซที่ยังคงตีหน้าเฉยโดยไม่สนใจจะเข้าร่วมการสอบปากคำแล้วล่ะก็ ชายหนุ่มก็คงสามารถตอบได้ทันทีว่า


‘เจ้าโง่นี่ก็แค่ไม่เคยสอบปากคำมาก่อน เลยคิดไม่ออกว่าจะถามอะไรเท่านั้นเอง!!’


น่าเสียดายที่ซิลเวีย แคนน่อนไม่ได้รู้ความจริงในข้อนี้ ชายหนุ่มจึงมองผู้ชายที่ดูอายุใกล้เคียงกับตนด้วยสายตาที่แปลกไปจากเดิม ก่อนจะตอบหลังจากหยุดคิดไปเล็กน้อย


“สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าครับ”


นั่นเป็นอาหารที่ฟังดูเรียบง่ายและพื้นๆเสียจนไม่น่ามีความจำเป็นที่จะต้องโกหก วินด์ ฮิลล์จึงย่อมไม่มีความเห็นเป็นอื่น นอกจากจะก้มหน้าก้มตาจดคำตอบลงในสมุด พลางถามรายละเอียดเพิ่ม


“ชอบแบบใส่ชีสมั้ยครับ?”


“ถ้าเป็นไปได้ขอชีสท่วมๆเลยจะดีมากครับ”


“แล้วระหว่างเบคอนกับแฮมที่ใส่ในสปาเก็ตตี้ล่ะครับ จะเลือกอะไร?”


“ผมชอบทั้งคู่เลย ใส่อันไหนก็โอเค”


“ดีครับ ว่าแต่นี่รู้รึเปล่าครับว่าแถวนี้มีร้านอาหารที่ทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าได้ขั้นเทพเลยด้วย!”


“อ๋อ ถ้าเรื่องนี้ล่ะก็หมายถึงร้านตรงหัวมุมถนนสินะครับ ที่จริงผมมีบัตรสมาชิก...”


อนิจจา..บทสนทนาที่ควรจะเป็นการถกเถียงด้านคดีฆาตกรรมกลับกลายเป็นรายการเชลล์ชวนชิมของชายหนุ่มสองคนที่ดูจะมีรสนิยมการกินอาหารแบบชีสท่วมๆเหมือนกันอย่างน่าประหลาด


พวกเขาพูดคุยกันตั้งแต่เรื่องสปาเก็ตตี้ที่ร้านหัวมุม เลี้ยวซ้ายไปอีก 2 ซอยถึงร้านพิซซ่าหน้าซีฟู้ดชื่อดัง เดินข้ามสี่แยกไปจะเจอกับร้านอาหารที่ทำลาซานญ่าในระดับที่อร่อยจนแทบร้องไห้ แล้วมาจบที่ร้านเชิงสะพานลอยที่มีเมนูเด็ดอย่างผักโขมอบชีส


และบางทีการสอบปากคำเกี่ยวกับชีสเมนูเด็ดก็คงจะดำเนินต่อไปอีกพักใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพราะวินด์ ฮิลล์บังเอิญหันไปเห็นนาฬิกาที่เข็มสั้นของมันได้เคลื่อนไปอีกตัวเลขหนึ่งแล้ว ดังนั้นเองแม้จะแสนเสียดายกับการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านร้านอาหารกับซิลเวีย แต่เพราะยังมีผู้ต้องสงสัยอีก 2 คนรอรับการสอบปากคำอยู่ ชายหนุ่มจึงจำต้องเอ่ยคำถามสุดท้ายออกไปอย่างเสียไม่ได้


“คำถามสุดท้ายนะครับ...คุณซิลเวีย แคนน่อน คุณเป็นคนฆ่าพ่อและแม่เลี้ยงของคุณรึเปล่าครับ?”


ต่อให้ใช่..แล้วใครจะตอบให้โง่!?


ความคิดที่เป็นตรงกันทุกประการของคนที่อยู่ในห้อง อาจจะยกเว้นก็แต่วินด์ ฮิลล์ที่ยังคงมองมาด้วยดวงตาสีฟ้าใสแจ๋วคู่นั้น มันเป็นดวงตาที่บอกถึงความเชื่อใจอย่างสุดซึ้ง และบางทีนี่อาจจะเป็นแผนการใช้สุดยอดดวงตาแอ๊บแบ๊วมาสยบใจคนร้ายก็เป็นได้!?


“ไม่ใช่ครับ”


ซิลเวีย แคนน่อนตอบทั้งรอยยิ้ม....


...การสอบปากคำผู้ต้องสงสัยคนแรกจึงสิ้นสุดลงด้วยเหตุนี้...



“ถ้าอย่างนั้นต่อไปก็ขอถามคุณแซม วินเตอร์แล้วกันนะครับ”


วินด์ ฮิลล์หันไปหาบุคคลผู้เป็นทั้งเพื่อนบ้านของเหยื่อคดีฆาตกรรม และยังเป็นคนที่เขาลือกันว่าแอบหลงรักเมียชาวบ้านข้างเดียวอย่างแซม วินเตอร์


“ปกติผมเป็นคนทานง่ายนะ จะเป็นอะไรผมก็ทานได้หมดแหละ”


คุณหมอวัยกลางคนตอบอย่างยิ้มแย้มหลังจากได้ฟังคำถามเดียวกับคนก่อนนี้


“แต่ถ้าจะให้เลือกที่ชอบจริงๆล่ะก็คิดว่าคงจะเป็นทีโบนสเต็ก แบบมีเดียมแรร์น่ะครับ ความรู้สึกตอนที่ได้กัดลงไปบนเนื้อที่สุกแล้วแต่ก็ฉ่ำไปด้วยเลือดนี่มันสุดยอดจริงๆ”


“.........คุณแซมชอบเลือดเหรอครับ?”


“ผมเป็นหมอนะคุณ วันๆก็ต้องทำงานที่เจอกับเลือดแทบทุกวันอยู่แล้ว ถึงจะไม่ได้ชอบเห็นเลือดเป็นพิเศษ แต่ถ้าวันไหนไม่ได้เห็นเลือด ผมก็คงจะเหงาๆเหมือนกัน”


วินด์ ฮิลล์แอบปาดเหงื่อโดยไม่ให้อีกฝ่ายทันเห็น...


“ร้านที่ผมชอบส่วนมากจะเป็นพวกร้านสเต็กบาร์ที่ขายกันช่วงเช้ามืดน่ะ ตอนนั้นผมก็จะออกเวรจากโรงพยาบาลมาพอดี ได้กินเป็นมื้อแรกของวันแบบนี้ก็นอนหลับสบายเลยล่ะ”


แซมหัวเราะพลางตบพุงกลมๆของตนเองอย่างแสนสุข รายได้จากอาชีพหมอมันมากพอจะทำให้เขาอยู่อย่างสุขสบายได้โดยไม่ต้องมีเรื่องให้ทุกข์ใจ ใช่..อาจจะยกเว้นก็เพียงเรื่องเดียว


“ผมยอมรับว่าผมหลงรักดาเลียจริงๆ แต่ผมก็ไม่บ้าพอที่จะทำลายอาชีพการงานของผมเพียงเพราะความรักไม่สมหวังหรอก ถึงผมจะหลงรักเธอมาตั้งแต่เธอยังมัดผมเปียอยู่ชั้นประถม พอเธอขึ้นมัธยมผมก็ตามไปแอบดูเธออยู่ข้างประตูโรงเรียนบ่อยๆ พอเธอเข้ามหาวิทยาลัยผมก็พยายามทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของเธอ เสียดายก็แต่ว่าดาเลียไม่เคยมองผมอยู่ในสายตาเลย พอเธอเรียนจบได้ปริญญามาในฐานะพยาบาล เข้าทำงานได้ไม่ถึงปี เธอก็ดันไปตกหลุมรักกับคนไข้ จนได้ลูกชายมา 1 หน่อนี่แหละ”


แซมโบกมือไปทางชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่เขาได้เห็นมาตั้งแต่วัยตั้งไข่จนโตมาเป็นหนุ่มอย่างในตอนนี้ แล้วจึงเล่าถึงความหลังของชีวิตรักข้างเดียวของตนต่อด้วยสีหน้าเบิกบาน อาจบางที..มันอาจจะเบิกบานมากเกินไปเมื่อคิดถึงว่าคนที่เขารักได้กลายเป็นศพไปแล้ว


“โชคร้ายสำหรับดาเลีย ที่อยู่กินกับผู้ชายคนนั้นได้ไม่ทันไร เขาก็ดันมาป่วยตายไปซะก่อน เธอก็เลยอยู่เป็นโสดมาตั้งแต่นั้น..ไอ้ผมเองก็นึกว่าเธอจะเป็นโสดไปตลอดชีวิตจริงๆซะอีก ที่ไหนได้เมื่อสี่ปีก่อนอยู่ๆเธอก็เกิดพบรักกับไอ้เจ้าเอลลี่ แคนน่อนเข้า แล้วก็ประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบจนผมที่เฝ้ารอมาเป็นสิบๆปีแทบจะหัวใจวายกลายเป็นคนไข้ไปซะเอง ผมพยายามเกลี้ยกล่อมเธอว่าผู้ชายคนนี้มีข่าวลือว่าเจ้าชู้มากนะ!”


ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นทำท่าประกอบด้วยสีหน้าดุเดือด


“แต่เธอก็บอกว่าเธอไม่สนใจ ผมก็เลยบอกเธอว่าถ้าแต่งกันไปทั้งอย่างนี้ ไบรอันจะต้องทำให้เธอเสียใจแน่ แต่ลงว่าดาเลียตัดสินใจแล้ว เธอก็ไม่เคยจะฟังคำเตือนของผม เธอมั่นใจมากว่าเธอจะทำให้ไบรอันกลายเป็นสามีที่ดีได้ แต่แล้ว......”


คุณหมอวัยกลางคนหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักเพยิดไปยังหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้อง


“ผมคิดไม่ผิดจริงๆที่ทนอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวก็เลยซื้ออพาร์ตเมนต์ห้องติดกันแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ แค่ไม่กี่เดือนหลังจากงานแต่ง คนก็ลือกันกระฉ่อนว่าไบรอันไปหลงเลขาฯสาวเข้าแบบหัวปักหัวปำ แถมยังยอมรับว่าเลขาฯคนนี้เป็นเมียน้อยอย่างออกหน้าออกตาอีก...”


“แล้วเลขาฯคนที่เขาพูดถึงก็คือฉันเองจ้ะ”


กลอเรียยอมรับอย่างยิ้มแย้ม วงหน้างามไร้ร่องรอยของความสำนึกผิดขณะถูกสอบปากคำ


“ที่จริงแล้วเดิมทีฉันก็ไม่ได้สนใจหัวหน้าไบรอันเลย แต่พอดีว่าฉันชอบทานหอยทากอบเนยมาก แล้วหัวหน้าก็รู้ใจฉัน พาฉันไปเลี้ยงข้าวที่ภัตตาคารที่ทำหอยทากอบเนยได้วิเศษสุดๆอยู่แทบทุกอาทิตย์ เขายอมทุ่มเงินเพื่อให้ฉันได้กินหอยทากสดใหม่โดยไม่มีบ่นเลย จนในที่สุดฉันก็ใจอ่อน...”


ร่างบางขยับขาขึ้นไขว่ห้าง พลางชม้ายชายตามองคุณนักเรียนกฎหมายที่ทำสีหน้าผะอืดผะอมหลังจากได้ยินคำว่าหอยทากออกมา


“ฉันน่ะถึงจะเป็นเมียน้อย แต่ก็เป็นเมียน้อยที่ได้รับใบอนุญาตทางวิชาชีพจากสมาคมเมียน้อยแล้วนะจ๊ะ พวกเราน่ะได้รับการอบรมให้เป็นเมียน้อยมืออาชีพที่คำนึงถึงความสุขของคุณผู้ชายเป็นอันดับแรกและหลีกเลี่ยงการทำให้ครอบครัวของคนที่อุปการะพวกเราต้องแตกแยก เพราะฉะนั้นความคิดเรื่องที่จะฆ่าหัวหน้ากับภรรยาเพราะความหึงหวงน่ะเป็นไปไม่ได้เลยจ้ะ”


สาวงามยืนยันอย่างคนที่ยึดมั่นในจรรยาบรรณของอาชีพเมียน้อย


“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ปกติไม่มีเมียหลวงที่ไหนจะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้หรอกนะ แต่กรณีของดาเลียนี่ก็ค่อนข้างจะรุนแรงอยู่เหมือนกัน เพราะว่าเธอโกรธมากจนถึงกับบุกมาตบฉันที่บริษัทเลยล่ะ แล้วหลังจากนั้นเธอก็คุมสามีของเธออย่างเข้มงวดแบบไม่ยอมให้เงินกระเด็นออกมาจากกระเป๋าเลย”


“นั่นแหละถึงจะสมกับที่เป็นดาเลียที่ผมหลงรัก”


วินด์ ฮิลล์ มองผู้ชายที่หลงรักเมียชาวบ้านข้างเดียว กับหญิงสาวที่เป็นเมียน้อยของคนที่มีเมียขี้หึง ซึ่งต่างก็กำลังหัวเราะให้กันกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว แล้วนักเรียนกฎหมายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกว่าบางทีโลกใบนี้อาจจะซับซ้อนกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก...


หรืออย่างน้อยคดีนี้ก็ดูท่าว่าจะซับซ้อนเกินกว่าระดับสติปัญญาของเขามากนัก...



หลังจากที่สอบปากคำจนแล้วเสร็จก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับ วินด์ ฮิลล์ค่อยๆลากสังขารที่หนักอึ้งไปด้วยข้อมูลสุดแสนจะอลวนออกไปนอกประตู โดยมีเวสต์ วิซที่น่าสงสัยว่าจะมาด้วยทำไมในเมื่อไม่มีแม้สักคำถามเดินตามมาเงียบๆ และปิดท้ายด้วยคนที่เดินตามมาส่งตามประสาเจ้าของบ้านที่ดีอย่างซิลเวีย


“วันนี้คงเหนื่อยสินะครับ คุณวินด์ ฮิลล์”


ซิลเวียเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ค่อนข้างมืดแล้ว ก่อนจะส่งยิ้มปลอบใจให้แก่นักเรียนกฎหมายที่ยังไม่เจนสนาม


“ถึงผมจะพูดแบบนี้กับนักเรียนกฎหมายคนอื่นมา 3 ครั้งแล้ว แต่ผมก็ยังอยากจะพูดเป็นครั้งที่ 4 อยู่ดี...ฝากเรื่องคดีฆาตกรรมพ่อกับแม่เลี้ยงของผมด้วยนะครับ”


...เอ้อ..คิดว่าคงไม่ไหวอะครับ...


คำพูดที่ได้แต่ดังอยู่ในใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นบนใบหน้าของคนที่ต้องเสียทั้งแม่และพ่อเลี้ยง แถมยังจับพลัดจับผลูกลายมาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้อีก แล้ววินด์ ฮิลล์ก็พบว่าตนเองได้แต่ปั้นยิ้มตอบ


“แน่นอนอยู่แล้วครับ ไว้ใจผมได้เลย”


นั่นคือคำมั่นในฐานะนักเรียนกฎหมาย..และเป็นคำมั่นที่ถึงว่าพวกเขาจะเดินออกห่างจากอพาร์ตเมนต์มาหลายเมตรแล้ว แต่วินด์ ฮิลล์ก็ยังคงแอบคอตกกับคำพูดที่ตัวเขาเองยังไม่คิดเลยสักนิดว่าจะทำได้ เพราะไม่ว่าจะเอาผลการสอบปากคำมาบวกลบคูณหารยังไง ชายหนุ่มก็ยังดูไม่ออกแม้แต่นิดเดียวว่าใครกันที่จะเป็นฆาตกรไปได้


“รุ่นพี่...คดีนี้มีคนร้ายจริงๆเหรอครับ?”


เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่เดินลอยชายอยู่ข้างกายเบาๆ ความมืดจากยามค่ำคืนทำให้ไม่อาจเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ชัดนัก แต่สำหรับใบหน้าตัวเองนั้น..ถึงไม่ต้องเอากระจกมาส่อง เขาก็ยังรู้ว่าเรียวคิ้วได้รูปของตนคงกำลังขมวดมุ่น ดวงตาคู่สีฟ้าใสคงจะเต็มไปด้วยความกังวล และใบหน้าที่หล่อเหลานี้ก็คงจะหล่อเหลาอย่างยากจะหาใครเปรียบอยู่นั่นเอง


“คุณลูกชายก็ออกจะรักแม่แบบนั้น ดูไงๆก็ไม่น่าจะเป็นฆาตกรสังหารแม่ตัวเองไปได้เลย” ชายหนุ่มยกนิ้วแรกขึ้นเป็นการตัดคนที่น่าจะเป็นผู้ร้ายออกไปหนึ่ง ก่อนจะตามด้วยนิ้วที่สอง “ส่วนคุณเพื่อนบ้านถึงจะดูแอบโรคจิตไปหน่อย แต่ท่าทางเขาก็ออกจะรักจริงหวังแต่ง แล้วจะมาฆ่าผู้หญิงที่เขารักไปทำไมกัน”


วินด์ ฮิลล์ยกนิ้วที่สามขึ้นตามมาติดๆ


“คุณเลขาฯก็ดูจะมีจรรยาบรรณในวิชาชีพเมียน้อย แถมผู้หญิงอ้อนแอ้นตัวคนเดียว จะเอาแรงที่ไหนไปฆ่าคนตั้งสองคนได้...”


“ถ้านายคิดแบบนั้นแสดงว่านายมองโลกในแง่ดีมาก”


เวสต์ วิซหัวเราะเบาๆกับความอ่อนโลกของคนที่เดินคอตกตามมาต้อยๆ มันช่างสมแล้วกับที่วันๆหมอนี่เอาแต่ไล่ตามจับคนร้ายผายลม จนไม่เคยเลยที่จะทำความเข้าใจว่ามนุษย์เรายังมีความเลวร้ายอื่นนอกเหนือจากการปล่อยมลพิษในอากาศอยู่


ความคิดที่ชวนให้ทอดสายตามองออกไปโดยรอบ ยามค่ำคืนที่มีผู้คนเดินสวนกันไปมาในความมืดโดยมีเพียงแสงจากหลอดไฟริมถนน มันก็เป็นเหมือนคดีนี้ที่มีเพียงแสงไฟอันริบหรี่ช่วยส่องทาง แถมยังมีนักเรียนกฎหมายผู้รับผิดชอบคดีที่ทำให้แสงที่ว่าริบหรี่อยู่แล้วยิ่งดูจะดับหายไปได้ทุกเมื่อ ขณะเดียวกันความจริงก็ยังคงซ่อนอยู่เบื้องหลังความมืดนี้...


“โอ๊ย! ยุงกัด!!”


ขอถอนคำพูด..แสงไฟอันริบหรี่นั่นดูท่าจะมอดดับไปตั้งแต่มีชื่อของหมอนี่เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว


เวสต์ วิซหันมามองเจ้าตัวทำลายบรรยากาศที่กำลังทำหน้าเหมือนถูกหวยรางวัลที่ 1 หลังจากเพิ่งตบยุงที่บังอาจมาดูดเลือดไปได้สำเร็จ แล้วชายหนุ่มรุ่นพี่ก็ได้แต่ถอนใจเบาๆกับเคราะห์กรรมของตัวเอง


“คู่สามีภรรยาเฟลแลนทำประกันชีวิตเอาไว้สูงมาก ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากความตายของไบรอันคือ ดาเลีย เป็นเงินทั้งหมดจำนวน 10,000,000 เกล แต่เนื่องจากดาเลียได้เสียชีวิตลงหลังจากที่ไบรอันตายไม่นานนัก ดังนั้นเองเงิน 10,000,000 เกล จึงถูกเอาไปรวมกับเงินประกันชีวิตจำนวน 5,000,000 เกลของดาเลีย ซึ่งผู้รับผลประโยชน์ที่ดาเลียลงชื่อไว้ก็คือ ซิลเวีย ลูกชายคนเดียวของเธอ”


เวสต์ วิซอธิบายตามประสาคนที่ทำการบ้านมาดี ผิดกับเจ้าของคดีตัวจริงที่กำลังทำหูผึ่งรอฟังอยู่ข้างๆ


“จากรายงานที่ได้รับมา ซิลเวีย แคนน่อน ติดหนี้พนันอยู่หลายสิบล้าน แต่แล้วอยู่ดีๆทั้งแม่กับพ่อเลี้ยงของเขาก็พร้อมใจกันถูกฆาตกรรมตายยกครัว แล้วเขาก็ได้เงินจากบริษัทประกันชีวิตมาตูมเดียว 15 ล้าน ฟังแบบนี้แล้วคิดว่าหมอนั่นดูน่าสงสัยขึ้นรึยังล่ะ?”


วินด์ ฮิลล์ไม่ตอบ หากแต่ยอมลดนิ้วชี้ลงมาช้าๆหนึ่งนิ้ว...


“แซม วินเตอร์ ได้ชื่อว่าเป็นหมอที่ดีคนหนึ่ง แต่เขาก็ได้ชื่อเรื่องความโรคจิตแบบไม่เป็นสองรองใครด้วย นายก็เห็นแล้วว่าเขายอมรับออกมาหน้าบานขนาดไหนว่าเขาถึงกับย้ายบ้านตามมาเพียงเพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆกับผู้หญิงที่เขารัก ที่สำคัญ..เขาหลงรักดาเลียมาเกือบสี่สิบปี ขนาดเธอมีลูกหนึ่งแล้วเขาก็ยังไม่สนใจ แล้วอยู่ดีๆวันนึงเขาก็พบว่าผู้หญิงที่ตนแอบรักกลับถูกชายอื่นคาบไปกินเป็นครั้งที่สอง พวกรักมากก็แค้นมากมีให้เห็นถมเถไป..บางทีเขาอาจจะรอโอกาสที่จะได้ฆ่าผู้หญิงหลายใจกับชายชู้ในความรู้สึกของเขามาตลอดก็ได้”


วินด์ ฮิลล์หน้าซีดเผือด นิ้วกลางที่เคยยกขึ้นสูงจนแทบจะจิ้มใส่ลูกตารุ่นพี่ได้ ค่อยๆลดระดับลงมาแนบติดกับฝ่ามืออีกครั้ง


“กลอเรีย แอมป์ เป็นเมียน้อยมืออาชีพก็จริง แต่ถึงจะเป็นมืออาชีพหรือมือสมัครเล่นก็ต้องใช้เงินในการกินอยู่ทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงคนนี้มีรสนิยมชอบใช้ของราคาแพง ของกินที่ชอบอย่างหอยทากอบเนยก็ใช่จะราคาถูกๆ เพราะฉะนั้นเธอถึงต้องมาประกอบอาชีพเสริมเป็นเมียน้อยชาวบ้านเขา แต่ถึงจะจับหัวหน้าของตัวเองได้ แต่น่าเสียดายที่เมียหลวงของเขากลับคุมเข้มจนเงินสักเกลก็แทบไม่กระเซ็นมาถึง แล้วแบบนี้จะไม่ให้กลอเรียแค้นอย่างนั้นเหรอ? บางทีสาเหตุที่เครื่องประดับของมีค่าหายไปอาจเป็นเพราะอย่างนี้ก็ได้”


นิ้วสุดท้ายของวินด์ ฮิลล์กลับลงมาอยู่ในสภาพกำมือครบทั้งห้านิ้ว ก่อนที่มือข้างนั้นและอีกข้างหนึ่งจะกางนิ้วออกอีกครั้ง เพื่อจะยกขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด


“อ๊ากกก!! ปวดหัว!! แล้วแบบนี้ตกลงว่าใครเป็นฆาตกรกันล่ะเนี่ย”


ร่างสูงโวยวายเสียงลั่นถนน เรียกความสนใจจากบรรดาคนที่เดินผ่านไปมา ซึ่งแต่เดิมพวกเขาต่างก็แอบลอบมองรูปลักษณ์อันโดดเด่นสะดุดตานี่อยู่แล้ว แต่เมื่อเจ้าของรูปลักษณ์อันงามเลิศนี้แหกปากออกมาซะดัง มันก็ยิ่งทำให้คู่สายตาต่างก็หันมามองอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิม


ซึ่งแน่ล่ะว่าสำหรับคนที่มีหนังหน้าหนาเทียบเท่าชั้นปูนซีเมนต์อย่างวินด์ ฮิลล์แล้ว ลำพังแค่สายตาจิ๊บจ๊อยแค่นี้ย่อมไม่อาจแม้แต่จะทำให้เขาหน้าแดงด้วยซ้ำ ในทางตรงข้าม..ชายหนุ่มกลับยังคงขยี้หัวตัวเองราวกับว่ามันจะช่วยกระตุ้นเซลล์สมองอันน้อยนิดให้เริ่มทำงานได้ แล้วตอนนั้นเองคำตอบก็ปรากฏขึ้นในใจ!


“ถ้างั้น..หรือว่าฆาตกรจะเป็นกลอเรีย!?”


“แค่เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นชอบกินหอยทาก ก็ไม่ได้หมายความเธอจะต้องเป็นฆาตกรหรอกนะ”


เสียงที่เจือด้วยความเหยียดหยามมากพอจะทำให้วินด์ ฮิลล์ยังต้องแอบสะดุ้งกับการถูกแทงใจดำอย่างแรง..ว่าเขาก็แค่วิเคราะห์ออกมาเพียงเพราะอาหารที่ผู้หญิงคนนั้นชอบจริงๆ


“แหมๆ ใครจะเดาว่าเธอเป็นฆาตกรแค่เพราะเรื่องอาหารจานโปรดกันล่ะครับ”


คำโกหกแบบซึ่งๆหน้า และเป็นคำโกหกที่ทั้งคนพูดทั้งคนฟังต่างก็รู้ดีว่าโกหก แต่เพราะเวสต์ วิซไม่ได้พูดเปิดโปงอะไร ดังนั้นคนที่โกหกกันแบบสดๆร้อนๆจึงรีบเปลี่ยนไปเรื่องอื่นทันที


“ว่าแต่..ถ้างั้นรุ่นพี่คิดว่าใครเป็นฆาตกรกันล่ะครับ?”


“ไม่คิด หรือต่อให้คิดก็ไม่บอกนาย”


เวสต์ วิซเหยียดยิ้มเย้ยกันตรงๆใส่เจ้าคนที่จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่เข้าใจเอาซะเลย


“บอกตั้งแต่แรกแล้วนี่ว่านี่เป็นคดีของนาย ไม่ใช่คดีของฉัน...ฉันมีหน้าที่แค่ลากคอนายมาทำคดีให้เสร็จ แล้วก็ลากคอนายกลับโรงเรียนโดยไม่ให้ตายก่อนเท่านั้น นอกเหนือจากสองเรื่องนี้..ไม่เกี่ยวกับฉัน”


น้ำเสียงว่าเย็นชาแล้ว หากถ้อยคำกลับตัดรอนยิ่งกว่า วินด์ ฮิลล์อ้าปากขึ้นก่อนจะหุบลง แล้วอ้าขึ้นอีกครั้งอย่างคนที่เพิ่งจะเข้าใจความนัยทั้งหมด


“นี่หมายความว่าที่รุ่นพี่นั่งเงียบตลอดตอนผมสอบปากคำก็เพราะอย่างนี้เองเหรอ? ผมก็นึกว่ารุ่นพี่กลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากซะอีก ถึงได้นั่งซะเงียบกริบเลย..โอ๊ย!?”


คนที่ถูกเข้าใจผิดว่ากลัวดอกพิกุลจะร่วงคว้าประมวลขึ้นตบหัวสั่งสอนรุ่นน้องไปหนึ่งที แล้วจึงตามด้วยการลูบหลังทางวาจา


“เอาเถอะ ยังไงการสอบปากคำคราวนี้นายก็ทำได้ดีเกินคาด ท่าทางซื่อๆโง่ๆกับคำถามปัญญาอ่อนของนาย ทำให้คนพวกนั้นยอมพูดออกมามากกว่าปกติ”


ใครเลยจะคิดว่าการสอบปากคำที่มีคำถามแค่ 2 ข้อคืออาหารจานโปรดกับคุณฆ่าพวกเขาหรือเปล่า กลับทำให้คนถูกถามหวาดระแวงกับจำนวนคำถามที่มีน้อยจนเกินเหตุ และเพราะว่ามีให้ตอบน้อยจนเกินไป สัญชาตญาณของมนุษย์จึงเลือกจะทำในสิ่งตรงข้ามด้วยการเป็นฝ่ายพล่ามออกมาเสียแทน และนั่นก็ทำให้พวกเขาได้ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่าข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับจากในรายงานเสียอีก


แม้ว่ามันจะยังเป็นเรื่องน่าสงสัยอยู่มากว่าวินด์ ฮิลล์จะรู้ตัวรึเปล่าว่าข้อมูลที่ได้มาในวันนี้มีประโยชน์มากกว่าที่คิด..โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวที่เพิ่งจะเข้าใจว่าต้องลุยเดี่ยวในคดีนี้ ยังคงเดินวนเวียนไปมาเป็นวงกลมอยู่รอบตัวเขาอย่างคนตื๊อไม่เลิก


“รุ่นพี่เวสสสสสสสสสสต์ ผมต้องการความช่วยเหลือจากรุ่นพี่จริงๆนะครับ เรื่องนี้น่ะมันเกี่ยวพันกับอีก 2 ชีวิตเลยนะ ถ้าเทอมนี้ผมยังสอบตกอีกล่ะก็ ลุงบอกว่าคงจะต้องขายนังทุยศรี ควายประจำบ้านเพื่อเอาเงินมาเป็นค่าเล่าเรียนให้ผมแล้ว รุ่นพี่จะไม่สงสารมนุษย์ตาดำๆกับควายตาแป๋วๆบ้างเหรอครับ??”


คำอ้อนวอนที่ฟังดูน่าถีบมากกว่าน่าช่วยเหลือ ให้ดวงตาสีน้ำเงินภายใต้กรอบแว่นยิ่งเพิ่มความเย็นยะเยียบเสียจนคนขี้ตื๊อยังยอมถอยหลังห่างออกไป 2-3 ก้าว ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาพลางขยับเท้าเต้นฟุตเวิร์คไปพลางกันรุ่นพี่ลอบทำร้ายเอาตอนทีเผลอ


หากว่านี่เป็นสถานการณ์ปกติแล้วล่ะก็ วินด์ ฮิลล์ผู้เกลียดการเจ็บตัวยิ่งกว่าอะไรก็คงจะเผ่นแน่บไปเสียนานแล้ว แต่เพราะเขาได้มาถึงจุดที่เรียกได้ว่าจนตรอก จนอาจจะยอมแม้แต่ก้มศีรษะลงอ้อนวอนผู้ชายที่ทำตัวไม่ต่างไปจากหัวหลักหัวตอคนนี้


แต่อันว่าเข็นครกขึ้นภูเขาคงจะยังง่ายกว่าการเข็นไอ้คุณรุ่นพี่ให้ยอมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ดังนั้นเอง วินด์ ฮิลล์จึงต้องการบางสิ่งบางอย่างเพื่อจะกล่อมให้รุ่นพี่หัวแข็งคนนี้ยอมเปลี่ยนใจให้จงได้ และอะไรบางอย่างที่ว่านั้นก็อาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้เอง...


กลิ่นบางอย่างโชยมาเข้าจมูก แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่กลิ่นอันเป็นมลพิษที่เขาไวเป็นพิเศษ แต่กลับเป็นกลิ่นที่กระตุ้นต่อมน้ำลายให้ทำงานได้อย่างทรงประสิทธิภาพ


“ถ้ารุ่นพี่ยอมช่วยผมล่ะก็ผมจะเลี้ยงลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้เลยเอ้า!!”


โดยไม่รอซึ่งคำตอบรับหรือปฏิเสธ ชายหนุ่มก็พลันโฉบเข้าไปยืนอยู่หน้าร้านขายลูกชิ้นปิ้งริมทาง ก่อนจะเผยรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ทำเอาสาวๆตกหลุมมานักต่อนัก


“ป้าครับ ขอลูกชิ้นปิ้ง 3 ไม้”


“ได้สิ พ่อรูปหล่อ หล่อขนาดนี้ป้าแถมเพิ่มให้อีก 2 ไม้เลยก็ยังได้”


คุณป้าวัยย่างเข้า 50 แต่ใจยังเอ๊าะรีบตอบพลางหยิบลูกชิ้นห้าไม้มาวางบนตะแกรงสำหรับปิ้ง มือขยับพลิกไม้เสียบลูกชิ้นด้วยความชำนาญ ขณะที่ปากก็ชวนคุยไปตามเรื่อง


“พ่อรูปหล่อไม่ใช่คนแถวนี้สินะ ป้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”


“ครับ พอดีวันนี้มีธุระต้องมาทำงานแถวนี้น่ะครับ นึกไม่ถึงว่ากว่าจะเสร็จก็ดึก โชคดีที่ได้กลิ่นหอมๆจากร้านนี้ก็เลยตามกลิ่นมาน่ะครับ”


“แหม รูปหล่อแล้วยังปากหวานอีกนะ”


ป้าขายลูกชิ้นหัวเราะร่วน


“ที่จริงป้าก็ไม่อยากจะคุยหรอกนะ แต่ละแวกนี้น่ะไม่มีลูกชิ้นปิ้งร้านไหนจะเด็ดไปกว่าของป้าอีกแล้ว น้ำจิ้มนี่ก็เป็นสูตรลับเฉพาะที่ได้มาจากแม่ของแม่ของแม่ของป้าทีเดียวนะ รับรองว่าชิมแค่คำเดียวแล้วจะติดใจ อย่างคุณนายอพาร์ตเมนต์ใกล้ๆที่เพิ่งโดนฆาตกรรมไปนี่ เธอยังมาซื้อลูกชิ้นปิ้งจากร้านป้าทุกเช้าวันละ 20 ไม้เลย”


“อื้อฮือ งั้นแสดงว่าต้องอร่อยจริงแน่นอน” วินด์ ฮิลล์รับถุงใส่ลูกชิ้นมา ก่อนจะหยิบไม้หนึ่งขึ้นมาคาบในปากอย่างเอร็ดอร่อย “ไว้ตั้งตัวได้เมื่อไหร่ ผมจะมาอุดหนุนป้าอีกนะ”


ชายหนุ่มว่าด้วยสีหน้าสดใส แม้จะซ่อนความเจ็บปวดลึกๆอยู่ในใจกับการจำยอมหยิบลูกชิ้นปิ้งขึ้นมาจากในถุงหนึ่งไม้ เพื่อจะใช้เป็นบรรณาการแก่คนที่เขาหวังจะพึ่งพาต่อจากนี้ หากน่าเสียดายที่เมื่อวินด์ ฮิลล์หันหน้ากลับมาหาคุณรุ่นพี่ที่เคารพ ก็กลับพบว่าอีกฝ่ายได้หายตัวไปเสียแล้ว...


“...จะแยกกันกลับบ้าน ก็ไม่บอกกันก่อนเลยนะ รุ่นพี่...”


ดังนั้น ลูกชิ้นปิ้งเคราะห์ร้ายทั้ง 5 ไม้จึงมีอันต้องลงเอยในกระเพาะของวินด์ ฮิลล์ทั้งหมดด้วยเหตุนี้นั่นเอง...



- - - - TBC. - - - -



Langlae
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ม.ค. 2555, 14:37:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ม.ค. 2555, 14:37:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1403





<< มาตราที่ 3   มาตราที่ 5 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account