รอยร่างรางรัก
หญิงสาวคนหนึ่งกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ส่วนอีกคนต้องติดอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง โดยมีเบื้องหลังอยู่ที่ความปรารถนาอันแรงกล้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง
รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด
ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด
ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
Tags: วิญญาณ ดวงจิต สลับร่าง
ตอน: ตอนที่ 5
“ไปไหนกันมา”
“เอ่อ...”
ขณะที่วงศ์วรัณอ้ำอึ้ง สายตาคมดุนั้นอาจตีความเป็นขุ่นเคืองได้แต่สำหรับอวิกานั้นเธอเหมือนจะรับรู้ถึงแววของความห่วงใยน้องสาวในท่าทีคล้ายจะตำหนิของคนที่เป็นพี่ชาย
“พี่เมฆ ฝนแค่ขอให้ว่านเขาพาไปเยี่ยมคุณเพชรเท่านั้นเองค่ะ”
“แล้วร่างกายเราไหวแล้วเหรอยัยตัวแสบ หน้าตายังดูเซียวอยู่เลยนะ”
“ขอโทษนะคะที่ทำให้พี่เมฆเป็นห่วง ฝนไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
พารินธรพยักหน้าเบา ๆ ดวงตาดุนั้นดูนิ่งขึ้น ทว่าอวิกากลับรู้สึกหวั่นใจกับสีหน้าตอนนี้ของเขามากกว่าตอนที่เขาทำหน้าดุเมื่อครู่เสียอีก
“พี่ซื้อก๋วยเตี๋ยวเผื่อด้วยเหมือนจะรู้ว่าจะมีแขกมาเยี่ยม ยังไงว่านอยู่กินกลางวันด้วยกันก่อนนะจะได้อยู่เป็นเพื่อนคุยกับฝนเค้า รีบพาฝนเข้าไปในห้องเถอะ เดี๋ยวคุณลุงคุณป้าคงมาถึงแล้ว”
“ครับ”
พี่ชายของสลิลายืนมองตามหลังสองหนุ่มสาวขณะที่เพื่อนสนิทของน้องสาวกำลังเข็นรถเธอเข้าไปภายในห้องพักผู้ป่วย คิ้วเข้มขมวดก่อนจะคลายลงทันทีที่พ่อแม่ของเขาเดินออกจากลิฟต์ตรงเข้ามาหา
“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะตาเมฆแล้วน้องล่ะลูก”
“อยู่ในห้องครับแม่ เพิ่งจะกลับมา”
“กลับมา” วิจิตรทวนคำอย่างสงสัย “กลับมาจากไหน น้องไปไหนไปทำอะไรมา”
“ผมว่าแม่เข้าไปซักจำเลยเอาเองดีกว่าครับ ผมก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน กลับขึ้นห้องมาก็ไม่เจอแล้ว รู้จากพยาบาลแต่ว่านายว่านไปขอยืมรถเข็น พายัยฝนออกไปข้างนอก”
หญิงวัยกลางคนรีบสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย ทิ้งให้สามีและลูกชายยืนมองสบตากันยิ้ม ๆ อยู่หน้าห้อง
หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้วางช้อนกลับลงไปบนถาดวางอาหาร ยกแก้วน้ำขึ้นจิบแล้วเสมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกห้องพัก ประสาทหูยังคงได้ยินเสียงพ่อ แม่ พี่ชายและเพื่อนของสลิลารับประทานอาหารและพูดคุยอะไรกันอยู่ หากเธอกลับได้ยินแต่เสียงของตนเอง
‘พี่ชน’
ร่างของเธอเอ่ยเรียกชนวิทอย่างออดอ้อนทั้งยังกอดกระชับร่างของชายหนุ่มแน่น อย่างที่เธอคงไม่คิดจะทำ จริงอยู่หากเป็นอวิกาฟื้นขึ้นมาหลังจากอุบัติเหตุร้ายแรงนั้นก็คงอยากจะกอดชายคนรักแต่คงไม่ใช่ลักษณะการกอดด้วยแรงปรารถนาอย่างที่ได้เห็น
ใครก็ตามในร่างนั้น...อยากจะใช้ร่างของเธอ อยากอยู่ในฐานะคนรักของชนวิท เรื่องที่หญิงสาวเข้ามาอยู่ในร่างของสลิลาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยที่เธออธิบายไม่ได้และไม่ได้อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้ แต่เรื่องที่มีดวงจิตหรือดวงวิญญาณของคนอื่นมาอยู่ในร่างของเธออาจจะเป็นเรื่องจงใจ
ชนวิทมีผู้หญิงอื่นนอกจากเธอหรือ
อวิกาใคร่ครวญ จริงอยู่เขาอาจไม่รับโทรศัพท์บ้าง ติดต่อมาเพื่อขอเลื่อนหรือยกเลิกนัดบ้าง แต่เรื่องเหล่านี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ หน้าที่การงานต้องมาก่อนเสมอสำหรับคนที่จะเป็นผู้นำครอบครัว หลายครั้งที่สุนันทาต้องกลับมาดูแลลูกสาวลูกชายในขณะที่มโนเชาว์ต้องอยู่ทำงานในหน้าที่ต่อด้วยตำแหน่งที่สูงกว่าที่มาพร้อมภาระหน้าที่ที่มากกว่า
แม้อาจต้องกลับบ้านผิดเวลา ปล่อยให้ภรรยากลับบ้านเองบ้าง บางครั้งก็มีงานที่ต้องดูแลรับใช้ผู้ใหญ่ในกระทรวง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อของเธอมีผู้หญิงอื่น ชีวิตครอบครัวของอวิกายังคงเป็นสุขเสมอมา
หากชนวิทจะเคยคบหาใครก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก มันอาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานก่อนหน้าที่เธอจะคบหากับชนวิทก็ได้และอดีตของชายคนรักก็ไม่ใช่สิ่งที่อวิกาอยากจะสืบเสาะว่าเป็นมาอย่างไร
ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเคยคบหาใคร แล้วเลิกรากันจนกระทั่งมาคบกับเธอ ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงคนนั้นก็...อาจจะตายไปแล้ว
ยิ่งคิดอวิกายิ่งใจคอไม่ดีเพราะดูเหมือนว่าหนทางในการที่จะได้กลับไปใช้ร่างเดิมของตนนั้นดูจะเลือนรางลงไป แน่ล่ะ ก็ในเมื่อดวงวิญญาณในร่างของเธอไม่ใช่สลิลา และตั้งใจที่จะใช้ร่างนั้น คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะช่วยเธอหาวิธีกลับคืนร่าง
สลิลายืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่าง หลังจากหญิงสาวโวยวายอยู่พักใหญ่ วงศ์วรัณก็เอ่ยขอตัวเข้าห้องน้ำแอบส่งสัญญาณให้เธอเดินตามเข้าไป
‘นายจะบ้าเหรอนายว่าน ให้ฉันตามเข้ามาคุยในห้องน้ำเนี่ยนะ’
‘แล้วจะให้คุยข้างนอกเหรอฝน เรื่องที่ฝนกลายเป็นวิญ…’ ชายหนุ่มหยุดปากไว้ทันก่อนเปลี่ยนคำเรียกสิ่งที่เธอเป็นใหม่ ‘ดวงจิตไม่มีร่าง ทั้งคุณลุง คุณป้า พี่เมฆ คงตกใจกันแย่’
เธอเถียงไม่ออกเพราะไม่อยากให้พ่อแม่และพี่ชายรับรู้สภาพตนในตอนนี้เช่นกัน
‘จะทำยังไงดีล่ะ ตกลงความจริงเป็นยังไงก็ไม่รู้ วิญญาณที่อยู่ในร่างฉันอาจจะโกหกก็ได้’
‘หรือไม่อย่างนั้นวิญญาณที่อยู่ในร่างคุณเพชรก็ต้องมีวัตถุประสงค์แอบแฝงบางอย่าง เราไม่รู้แน่หรอกฝนว่าใครพูดจริง’ ชายหนุ่มว่า ‘แต่ฝนใจเย็น ๆ หน่อยนะ ตอนนี้เราอยู่กับครอบครัวฝน อยากทำตัวให้เป็นปกติ ไม่อย่างนั้นคงได้มีคนสงสัยเข้าแน่ ๆ มีอะไรอยากบ่นอยากระบาย เอาไว้หลังจากนี้เรายินดีรับฟังแล้วก็ช่วยหาทางออกเต็มที่’
‘ก็ได้’
วงศ์วรัณเอื้อมมือไปดึงกดชักโครก ทำทีเป็นเปิดน้ำล้างมือไม่ให้ผิดสังเกต ก่อนจะเปิดประตูก้าวออกจากห้องน้ำ ชายหนุ่มก็หันกลับมาทางเธอที่ยังคงยืนอยู่ยกนิ้วชี้ขึ้นปิดปากเป็นเชิงบอกให้เธอเงียบ
ตาบ้า...นอกจากนายใครจะได้ยินฉันกันล่ะ
ดวงจิตของสลิลาออกจากห้องน้ำตามหลังวงศ์วรัณ ยืนมองเขาร่วมรับประทานอาหารกับคนในครอบครัวอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับร่างบนเตียง
เมื่อใครก็ตามที่อยู่ในร่างนั้นไม่สามารถมองเห็นเธอได้ หญิงสาวจึงคอยจับสังเกตท่าทางอยู่ตลอด ใบหน้าของเธอเองดูเหมือนจะไม่มีความสุขเลย ดูเหม่อลอยและคล้ายจะครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจตลอด
คำพูดเตือนสติของวงศ์วรัณเหมือนจะดังซ้ำขึ้นในความคิด เธอไม่อาจรู้ได้ว่าจิตที่อยู่ในร่างของเธอและจิตที่อยู่ในร่างของอวิกานั้น คิดอะไรอยู่กันแน่
เสียงเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดคุยกับพ่อแม่และพี่ชายเรียกให้เธอหันกลับไปมอง ‘ตาทื่อ’ กลับคอยเตือนสติเธอได้ ซ้ำยังรับปากที่จะให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง
แล้วสลิลาจะไปขอความช่วยเหลือจากใครอื่นที่ไหนได้อีกล่ะ ในเมื่อมีแค่เขาคนเดียวที่เห็นและได้ยินเธอ
หลังจากที่อวิกาฟื้นขึ้นมาในร่างของสลิลาได้ราวหนึ่งสัปดาห์ แพทย์เจ้าของไข้ตรวจร่างกายจนแน่ใจจึงอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ในวันรุ่งขึ้นทว่าคนไข้กลับมีสีหน้าไม่สบายใจเท่าใดนัก วิจิตรและฐิติมัวแต่ดีใจกันจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นจะมีก็เพียงพารินธรที่รู้สึกถึงความผิดปกติของน้องสาวนับตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาและคอยจับสังเกตอยู่เท่านั้นที่สัมผัสได้
เขารอโอกาสกระทั่งฐิติทนหิวไม่ไหวชักชวนภรรยาออกไปหาร้านอาหารกินมื้อกลางวัน เอ่ยกับพ่อแม่ว่ายังไม่รู้สึกหิว สองสามีภรรยาจึงออกจากห้องไปทิ้งชายหนุ่มไว้กับ ‘น้องสาว’ เพียงลำพัง
“เป็นอะไรไปยัยฝน ทำหน้าตาเหมือนไม่ดีใจที่จะได้กลับบ้าน”
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะพี่เมฆ กลับบ้านทั้งทีใครจะไม่ดีใจ”
อวิกาตอบคำของชายหนุ่มทั้งที่อดใจหายไปได้กับการกลับบ้านของเธอในครั้งนี้ บ้านของเธอจะไม่ใช่บ้านหลังที่อยู่อาศัยมานานปีแต่จะเป็นบ้านหลังใหม่ที่เธอไม่เคยคุ้น
“หรือว่าอยากจะไปพักผ่อนที่ไร่ไหม อากาศดีกว่ากรุงเทพ น่าจะฟื้นตัวเร็วกว่านี้ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ตรงไปปากช่องกันเลย พี่ก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไร่นานแล้ว”
“คือ...”
หญิงสาวต้องนิ่งคิดกับคำถามของพารินธร เธอควรอยู่ใกล้ร่างของตัวเองให้มากที่สุด เผื่อว่าจะมีทางไหนหรือปาฏิหาริย์ใดทำให้สามารถกลับคืนสู่ชีวิตที่เคยมีได้
“ถ้าไปพักที่ไร่ แม่คงวุ่นวายดูแลฝนตลอด คงไม่เหมาะนะคะ”
อวิกาพูดไปแล้วก็นึกได้ว่าตนลืมตัวพูดเพราะเกินควรกับ ‘พี่ชาย’ ของตัว พารินธรขยับเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับเปลี่ยนใจนิ่งไป ทำให้หญิงสาวลอบระบายลมหายใจเมื่อเห็นว่าเขาไม่ซักไซ้อะไรต่อ ทว่าเธอก็ยังมีสิ่งที่ต้องครุ่นคิดอยู่ดีและสิ่งที่กังวลอยู่นั้นคงจะรบกวนเธอไปตลอดหากไม่จัดการให้เรียบร้อยก่อนออกจากโรงพยาบาล
“พี่เมฆ...ฝนอยากโทร.หาเพื่อนหน่อย ยืมโทรศัพท์ได้ไหม”
“เอาสิ” พารินธรหยิบเครื่องมือสื่อสารประจำตัวจากกระเป๋ากางเกงส่งให้ “แล้วตั้งแต่ฟื้นขึ้นมานี่...ยังไม่ได้โทรไปบอกเจ้านายเลยไม่ใช่เหรอ คุณฝ้ายเขาเคยมาเยี่ยมตอนฝนยังไม่ฟื้น ดูเขาเป็นห่วงมากนะ ตอนนี้คงยุ่งมากเพราะฝนมาเข้าโรงพยาบาลตอนเขายังหาคนมาทำงานไม่ได้แบบนี้”
“จริงสิ ฝนลืมไปเลย”
หญิงสาวว่าลืมแต่ที่จริงแล้วไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนด้วยซ้ำ การเข้ามาอยู่ในร่างของสลิลานั้นเท่ากับว่าเธอต้องรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในความเป็นสลิลา นอกเหนือจากครอบครัว เพื่อนฝูงแล้ว ยังมีหน้าที่การงานอีก
เพราะไม่มีโอกาสอยู่ลำพังกับวงศ์วรัณเท่าใดนักจึงทำให้เธอไม่มีโอกาสได้ซักถามอะไร แต่เรื่องของสลิลาอาจรอไปก่อนได้เนื่องจากเรื่องที่เธอกังวลอยู่คงเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องไหน
“จะโทร.หาเพื่อนไม่ใช่เหรอ”
เสียงของพารินธรเรียกสติของอวิกาให้กลับคืนมาเธอหันไปมองเขาอย่างลังเล ก่อนเอ่ยโดยเลี่ยงคำลงท้ายอย่างที่เคยชิน เธอปิดเครื่องมือสื่อสารของชายหนุ่ม เอี้ยวตัวไปหยิบเอาซิมหมายเลขของสลิลาที่ยังคงใช้การได้แม้ว่าเครื่องจะพังไปเพราะอุบัติเหตุรถชนครั้งนั้น
“ไม่เห็นต้องเปลี่ยนซิมเลย ใช้เบอร์พี่โทร.ก็ได้”
“เบอร์เพื่อนอยู่ในซิม ฝนจำเบอร์ไม่ได้”
หญิงสาวตอบขณะที่จัดการถอดฝาหลัง เปลี่ยนเอาซิมของสลิลาใส่เข้าไปแล้วเปิดเครื่องโทรศัพท์อีกครั้ง พารินธรยืนมองการกระทำของเธอทุกขั้นตอนและไม่ขยับไปไหนจนอวิกาต้องตัดสินใจหันไปบอก
“อยากคุยส่วนตัวนะพี่เมฆ ขอเวลาสักห้านาทีได้ไหม”
“งั้นพี่ลงไปซื้อกาแฟก็แล้วกัน”
พารินธรยอมตามคำอย่างง่ายดายทำให้อวิกาในร่างของสลิลาโล่งใจ ยินดีจนไม่ทันสังเกตว่าดวงตาคมของหนุ่มร่างสูงนั้นหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อมองเธอก่อนจะก้าวออกจากห้องไป จึงกดหนึ่งในหมายเลขโทรศัพท์ที่เธอท่องไว้จนจำได้แม่น
ปลายสายเหมือนมีท่าทางแปลกใจเล็กน้อย หากอวิกาพยายามโน้มน้าวจนอีกฝ่ายตั้งใจฟังและตอบตกลงกับคำร้องขอของเธอ
หญิงสาวถอนใจหนักเมื่อวางสายจากคนที่โทร.หาแล้ว ถือเครื่องมือสื่อสารของพารินธรนิ่งอยู่ในมือก่อนกดลบหมายเลขแรกที่โทร.ออกเพื่อความแน่ใจว่าพารินธรจะไม่โทรกลับไปเช็คว่าเธอต่อสายถึงใคร แต่จงใจทิ้งหมายเลขของวงศ์วรัณเอาไว้ในเครื่อง เธอโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากเขาและดูเหมือนชายหนุ่มรุ่นน้องจะเต็มใจช่วยเป็นอย่างดี และความช่วยเหลืออย่างเต็มใจนี้คงไม่ใช่เป็นเพราะอยากช่วยเธอ แต่เป็นช่วยเหลือเจ้าของร่างนี้และครอบครัวต่างหาก
ตอนนี้ที่ต้องทำก็เพียงแค่โทรไปลางานกับเจ้านาย ตามข้อมูลชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้จากวงศ์วรัณเมื่อครู่ และทิ้งหมายเลขเอาไว้ในเครื่องเช่นเดียวกับหมายเลขของวงศ์วรัณ
พารินธรคงจะไม่สงสัยอะไร
เย็นวันนั้นวงศ์วรัณก็มาเยี่ยม ‘เพื่อนสนิท’ หลังจากไหว้พ่อแม่และพี่ชายของสลิลาแล้วเขาก็ยื่นเครื่องเล่น mp4 ให้หญิงสาว เอ่ยพร้อมส่งสัญญาณที่ทำให้รู้กันว่าเขาได้ทำตามคำขอของเธอแล้ว
“เพลงที่ฝนเคยบอกว่าหาฟังยาก เราหาลงเอ็มพี 4 มาให้แล้วจะได้ฟังแก้เบื่อ ช่วงที่ยังพักฟื้น”
“ขอบใจนะ”
อวิกาถืออุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดนั้นไว้ในมือ พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกให้วงศ์วรัณทำตามสิ่งที่ขออีกข้อหนึ่ง หนุ่มผิวเข้มกระแอมเบา ๆ ก่อนเปรยขึ้น
“ที่จริงฝนอุดอู้อยู่แต่ในห้องอย่างนี้คงเบื่อ อยากไปรับลมที่ชั้นสิบสองไหม”
บริเวณชั้นสิบสองของโรงพยาบาลมีส่วนที่ตกแต่งเป็นสวนเพื่อให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับคนไข้และญาติที่มาเฝ้า และเป็นสถานที่ซึ่งอวิกานัดพบกับใครคนหนึ่งเอาไว้ และตอนนี้ก็ใกล้เวลานัดหมายแล้ว
“ก็ดีนะ”
“งั้นคุณลุง คุณป้า พี่เมฆครับ ผมขออนุญาตพาฝนไปนั่งเล่นที่ดาดฟ้านะครับ เดี๋ยวผมไปขอรถเข็นกับพยาบาลเองครับ”
วงศ์วรัณเห็นว่าวิจิตร ฐิติและพารินธรไม่ว่าอะไรก็รีบสาวเท้าเดินออกจากห้องไปทันที
“แม่ว่ามันจะยังไง ๆ แล้วนะยัยฝน เพื่อนคนอื่นเขาก็มาเยี่ยมกันครั้งสองครั้ง แต่ตาว่านมาทุกวัน แถมยังเอ่ยปากขอพาเราไปนั่งเล่นข้างนอกอีก”
อวิกายิ้มฝืดกับการถูกมารดาของสลิลายั่วล้อ ไม่อาจคาดเดาได้ว่าหากเป็นสลิลาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับท่าทีเช่นนี้
“ไม่ปฏิเสธซะด้วยนะแม่” ฐิติทักขึ้นอีกคน “อย่างนี้สงสัยยัยฝนจะหนีนายว่านไม่ซะจริง ๆ”
“พ่อคะ แม่คะ”
เธอแสดงกิริยาออกไปได้เพียงเท่านั้นจริง ๆ เอ่ยเรียกทั้งสองเป็นการขอร้องให้หยุด
“ท่าทางจะจริงล่ะมั้งครับพ่อ แม่ ปกติถ้าล้อเรื่องนี้ทีไร เห็นยัยฝนเป็นเดือดเป็นร้อนโวยวายใหญ่โตทุกที”
“ก็...” อวิการู้ตัวว่าแสดงอาการที่ต่างไปจากเจ้าของร่างให้พารินธรจับสังเกตได้อีกครั้งแล้ว “ถ้าโวยวายแล้วไม่โดนล้อ ก็คงโวย...แต่ทำไปก็เหนื่อยเปล่า อยู่เฉย ๆ ดีกว่า”
ฐิติและวิจิตรหัวเราะออกมาเบา ๆ ในขณะที่พารินธรเพียงแค่ยิ้ม ทว่ายิ้มของเขานั้นทำให้อวิการู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก โชคดีที่เธอไม่ต้องทนกับความอึดอัดจากท่าทางของพารินธรนานนักเพราะวงศ์วรัณเข็นรถเข้ามาก่อน
“ที่จริงฝนพอจะเดินได้แล้วนะ ไม่เวียนหัวแล้ว”
“นั่งรถเข็นไปดีกว่า เกิดเป็นอะไรไปจะลำบากว่านเสียเปล่า ๆ” คนที่มีปฏิกิริยาคนแรกก็คือชายหนุ่มผิวสองสี “รีบไปแล้วรีบมาล่ะว่าน เดี๋ยวพยาบาลคงเอาอาหารกับยามื้อเย็นมาให้แล้ว”
“ครับพี่เมฆ”
คนที่นั่งอยู่บนเตียงปีนลงไปหย่อนตัวลงบนรถเข็น หันไปยิ้มให้กับพ่อ แม่ รวมไปถึง ‘พี่ชาย’ อวิกาอดคิดหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมรอยยิ้มและสายตาของพารินธรจึงทำให้เธอรู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมาได้เช่นนี้
เมื่ออยู่กับวงศ์วรัณที่โถงทางเดินมุ่งสู่ลิฟต์อวิกาก็เหลียวหลังไปมองชายหนุ่มแล้วเอ่ยถามขึ้น
“คุณว่านคะ คุณฝนอยู่แถวนี้รึเปล่าคะ”
“เอ่อ...ก็ตามมาเหมือนกันครับ” วงศ์วรัณตอบแล้วมองไปด้านขวาของรถเข็น “คุณเพชรมีอะไรเหรอครับ”
“ไม่รู้สิคะ เพชรไม่แน่ใจ เพชรอาจจะทำตัวไม่ปกติรึเปล่า ทำไมคุณเมฆเขาถึงได้มองเพชรแปลก ๆ ก็ไม่รู้”
ชายหนุ่มซึ่งเข็นรถพาเธอมาถึงหน้าลิฟต์พอดีเงียบไปพักหนึ่ง กระทั่งบานเหล็กเลื่อนเปิดออกเขาจึงเข็นเธอเข้าไปและเอ่ยตอบคำถามเมื่อลิฟต์ปิดลง
“ฝนเขาบอกว่าพี่เมฆชอบยั่วโมโห ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“เหรอคะ” อวิกาถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก “แล้วเรื่องที่คุณว่านไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องจิตให้คุณฝนศึกษาเป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่ค่อยได้ผลครับ ฝนเค้าเป็นคนใจร้อน”
วงศ์วรัณพูดถึงตรงนี้ก็เงียบไปพักใหญ่จนอวิกาต้องหันหลังกลับไปมอง เห็นเขาทำหน้านิ่วเล็กน้อย ‘คนใจร้อน’ คงจะบ่นอะไรเข้าให้อีกแน่
“ที่จริงผมอยากให้เขาลองฝึกควบคุมตัวเองให้ได้ คุณเพชรกับฝนได้คุยกันเรื่องมันอาจจะง่ายขึ้นกว่าที่เป็น”
“เพชรก็หวังว่าอะไร ๆ มันจะไม่ยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้นะคะ แล้วก็หวังว่าคนในร่างของเพชรเขาจะไม่มีเจตนาร้ายอะไรกับครอบครัวเพชร”
หนุ่มผิวเข้มเงียบไปพักใหญ่ก่อนบอกเมื่อลิฟต์เลื่อนตัวลงมาถึงชั้นที่หมาย
“ฝนเขาบอกว่า ลองเจตนาจะใช้ร่างของคุณเพชรแบบนี้ จะว่าไม่คิดร้ายอะไรก็คงไม่ใช่แน่...ผมก็เห็นด้วยกับฝนนะครับ เพียงแต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาต้องการอะไร”
เมื่อวงศ์วรัณเข็นรถพ้นจากบริเวณตัวอาคารสู่สวนร่มรื่น อวิกาก็มองไปเห็นคนที่เธอนัดเอาไว้ หญิงสาวหันกลับมาบอกว่าจะขอเข้าไปคุยเพียงลำพัง ก่อนจะเข็นรถเข้าไปยังม้านั่งไม้ตัวยาว
“ใครน่ะ”
สลิลาซึ่งเดินตามวงศ์วรัณและอวิกามาเอ่ยถามอย่างสงสัยและคำตอบที่ได้รับจากหนุ่มผิวเข้มก็คือส่ายหน้า
“ไม่รู้สิ”
“ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ”
“อ้าว...ก็เราไม่ได้ถาม ฝนก็เห็นไม่ใช่เหรอ ตอนคุณเพชรโทร.หาเราฝนก็อยู่กับเราด้วยนี่นา”
“ต้องคุยความลับกันด้วยเหรอ สงสัยจังคุยเรื่องอะไรกันนะ”
“ถ้าฝนอยากรู้ฝนก็เข้าไปยืนฟังสิ” วงศ์วรัณตอบพลางเดินไปหาม้านั่งว่าง ๆ หย่อนตัวลงนั่ง “ไม่มีใครเห็นฝนสักหน่อย”
หญิงสาวไม่ได้ทำตามคำของชายหนุ่มหากแต่เดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ
“เสียมารยาทออก เดี๋ยวคุณเพชรคุยธุระเสร็จนายช่วยถามให้หน่อยแล้วกัน”
“แล้วทำไมต้องเป็นเราด้วยล่ะ”
“นายว่าน” หญิงสาวกอดอกมองอย่างไม่พอใจ “แล้วนายจะให้ฉันถามคุณเพชรเองหรือไง เขาไม่เห็นไม่ได้ยินฉันสักหน่อย”
“เราถึงบอกให้ฝนลองฝึกความคิดดู แบบข้อมูลในหนังสือที่เราซื้อมาไง”
สลิลาระบายลมหายใจ...ไม่สิ แค่ทำท่า แต่ไม่มีลมหายใจที่แสดงถึงการมีชีวิตล่วงพ้นออกมาจากบริเวณที่เป็นจมูก วงศ์วรัณขนซื้อหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการฝึกจิต ดวงวิญญาณมามากมาย แต่ละเล่มก็เขียนขึ้นบนข้อมูล ความเชื่อที่แตกต่างกันไป ทำให้หญิงสาวไม่ค่อยจะเชื่อถือเล่มไหนเป็นพิเศษ
“หนังสือพวกนั้นคนเขียนเขาเคยถอดร่าง ย้ายวิญญาณได้จริงรึเปล่าล่ะ เรื่องเหลือเชื่อแบบนี้ใครจะคิดจะเชื่อ แล้วเขียนออกมายังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
“แต่มันก็น่าจะลองดูนะฝน”
ดวงตาของชายหนุ่มดูเชื่อมั่นจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ที่สลิลาเคยเห็น หญิงสาวจึงตอบรับคำแบบไม่ค่อยเต็มใจนักก่อนมองไปทางอวิกา...ในร่างของเธอที่กำลังพูดคุยกับใครคนหนึ่งอยู่
ใครกันนะ...แล้วคุยอะไรกันท่าทางซีเรียสจริง ๆ
“เอ่อ...”
ขณะที่วงศ์วรัณอ้ำอึ้ง สายตาคมดุนั้นอาจตีความเป็นขุ่นเคืองได้แต่สำหรับอวิกานั้นเธอเหมือนจะรับรู้ถึงแววของความห่วงใยน้องสาวในท่าทีคล้ายจะตำหนิของคนที่เป็นพี่ชาย
“พี่เมฆ ฝนแค่ขอให้ว่านเขาพาไปเยี่ยมคุณเพชรเท่านั้นเองค่ะ”
“แล้วร่างกายเราไหวแล้วเหรอยัยตัวแสบ หน้าตายังดูเซียวอยู่เลยนะ”
“ขอโทษนะคะที่ทำให้พี่เมฆเป็นห่วง ฝนไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
พารินธรพยักหน้าเบา ๆ ดวงตาดุนั้นดูนิ่งขึ้น ทว่าอวิกากลับรู้สึกหวั่นใจกับสีหน้าตอนนี้ของเขามากกว่าตอนที่เขาทำหน้าดุเมื่อครู่เสียอีก
“พี่ซื้อก๋วยเตี๋ยวเผื่อด้วยเหมือนจะรู้ว่าจะมีแขกมาเยี่ยม ยังไงว่านอยู่กินกลางวันด้วยกันก่อนนะจะได้อยู่เป็นเพื่อนคุยกับฝนเค้า รีบพาฝนเข้าไปในห้องเถอะ เดี๋ยวคุณลุงคุณป้าคงมาถึงแล้ว”
“ครับ”
พี่ชายของสลิลายืนมองตามหลังสองหนุ่มสาวขณะที่เพื่อนสนิทของน้องสาวกำลังเข็นรถเธอเข้าไปภายในห้องพักผู้ป่วย คิ้วเข้มขมวดก่อนจะคลายลงทันทีที่พ่อแม่ของเขาเดินออกจากลิฟต์ตรงเข้ามาหา
“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะตาเมฆแล้วน้องล่ะลูก”
“อยู่ในห้องครับแม่ เพิ่งจะกลับมา”
“กลับมา” วิจิตรทวนคำอย่างสงสัย “กลับมาจากไหน น้องไปไหนไปทำอะไรมา”
“ผมว่าแม่เข้าไปซักจำเลยเอาเองดีกว่าครับ ผมก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน กลับขึ้นห้องมาก็ไม่เจอแล้ว รู้จากพยาบาลแต่ว่านายว่านไปขอยืมรถเข็น พายัยฝนออกไปข้างนอก”
หญิงวัยกลางคนรีบสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย ทิ้งให้สามีและลูกชายยืนมองสบตากันยิ้ม ๆ อยู่หน้าห้อง
หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้วางช้อนกลับลงไปบนถาดวางอาหาร ยกแก้วน้ำขึ้นจิบแล้วเสมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกห้องพัก ประสาทหูยังคงได้ยินเสียงพ่อ แม่ พี่ชายและเพื่อนของสลิลารับประทานอาหารและพูดคุยอะไรกันอยู่ หากเธอกลับได้ยินแต่เสียงของตนเอง
‘พี่ชน’
ร่างของเธอเอ่ยเรียกชนวิทอย่างออดอ้อนทั้งยังกอดกระชับร่างของชายหนุ่มแน่น อย่างที่เธอคงไม่คิดจะทำ จริงอยู่หากเป็นอวิกาฟื้นขึ้นมาหลังจากอุบัติเหตุร้ายแรงนั้นก็คงอยากจะกอดชายคนรักแต่คงไม่ใช่ลักษณะการกอดด้วยแรงปรารถนาอย่างที่ได้เห็น
ใครก็ตามในร่างนั้น...อยากจะใช้ร่างของเธอ อยากอยู่ในฐานะคนรักของชนวิท เรื่องที่หญิงสาวเข้ามาอยู่ในร่างของสลิลาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยที่เธออธิบายไม่ได้และไม่ได้อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้ แต่เรื่องที่มีดวงจิตหรือดวงวิญญาณของคนอื่นมาอยู่ในร่างของเธออาจจะเป็นเรื่องจงใจ
ชนวิทมีผู้หญิงอื่นนอกจากเธอหรือ
อวิกาใคร่ครวญ จริงอยู่เขาอาจไม่รับโทรศัพท์บ้าง ติดต่อมาเพื่อขอเลื่อนหรือยกเลิกนัดบ้าง แต่เรื่องเหล่านี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ หน้าที่การงานต้องมาก่อนเสมอสำหรับคนที่จะเป็นผู้นำครอบครัว หลายครั้งที่สุนันทาต้องกลับมาดูแลลูกสาวลูกชายในขณะที่มโนเชาว์ต้องอยู่ทำงานในหน้าที่ต่อด้วยตำแหน่งที่สูงกว่าที่มาพร้อมภาระหน้าที่ที่มากกว่า
แม้อาจต้องกลับบ้านผิดเวลา ปล่อยให้ภรรยากลับบ้านเองบ้าง บางครั้งก็มีงานที่ต้องดูแลรับใช้ผู้ใหญ่ในกระทรวง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อของเธอมีผู้หญิงอื่น ชีวิตครอบครัวของอวิกายังคงเป็นสุขเสมอมา
หากชนวิทจะเคยคบหาใครก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก มันอาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานก่อนหน้าที่เธอจะคบหากับชนวิทก็ได้และอดีตของชายคนรักก็ไม่ใช่สิ่งที่อวิกาอยากจะสืบเสาะว่าเป็นมาอย่างไร
ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเคยคบหาใคร แล้วเลิกรากันจนกระทั่งมาคบกับเธอ ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงคนนั้นก็...อาจจะตายไปแล้ว
ยิ่งคิดอวิกายิ่งใจคอไม่ดีเพราะดูเหมือนว่าหนทางในการที่จะได้กลับไปใช้ร่างเดิมของตนนั้นดูจะเลือนรางลงไป แน่ล่ะ ก็ในเมื่อดวงวิญญาณในร่างของเธอไม่ใช่สลิลา และตั้งใจที่จะใช้ร่างนั้น คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะช่วยเธอหาวิธีกลับคืนร่าง
สลิลายืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่าง หลังจากหญิงสาวโวยวายอยู่พักใหญ่ วงศ์วรัณก็เอ่ยขอตัวเข้าห้องน้ำแอบส่งสัญญาณให้เธอเดินตามเข้าไป
‘นายจะบ้าเหรอนายว่าน ให้ฉันตามเข้ามาคุยในห้องน้ำเนี่ยนะ’
‘แล้วจะให้คุยข้างนอกเหรอฝน เรื่องที่ฝนกลายเป็นวิญ…’ ชายหนุ่มหยุดปากไว้ทันก่อนเปลี่ยนคำเรียกสิ่งที่เธอเป็นใหม่ ‘ดวงจิตไม่มีร่าง ทั้งคุณลุง คุณป้า พี่เมฆ คงตกใจกันแย่’
เธอเถียงไม่ออกเพราะไม่อยากให้พ่อแม่และพี่ชายรับรู้สภาพตนในตอนนี้เช่นกัน
‘จะทำยังไงดีล่ะ ตกลงความจริงเป็นยังไงก็ไม่รู้ วิญญาณที่อยู่ในร่างฉันอาจจะโกหกก็ได้’
‘หรือไม่อย่างนั้นวิญญาณที่อยู่ในร่างคุณเพชรก็ต้องมีวัตถุประสงค์แอบแฝงบางอย่าง เราไม่รู้แน่หรอกฝนว่าใครพูดจริง’ ชายหนุ่มว่า ‘แต่ฝนใจเย็น ๆ หน่อยนะ ตอนนี้เราอยู่กับครอบครัวฝน อยากทำตัวให้เป็นปกติ ไม่อย่างนั้นคงได้มีคนสงสัยเข้าแน่ ๆ มีอะไรอยากบ่นอยากระบาย เอาไว้หลังจากนี้เรายินดีรับฟังแล้วก็ช่วยหาทางออกเต็มที่’
‘ก็ได้’
วงศ์วรัณเอื้อมมือไปดึงกดชักโครก ทำทีเป็นเปิดน้ำล้างมือไม่ให้ผิดสังเกต ก่อนจะเปิดประตูก้าวออกจากห้องน้ำ ชายหนุ่มก็หันกลับมาทางเธอที่ยังคงยืนอยู่ยกนิ้วชี้ขึ้นปิดปากเป็นเชิงบอกให้เธอเงียบ
ตาบ้า...นอกจากนายใครจะได้ยินฉันกันล่ะ
ดวงจิตของสลิลาออกจากห้องน้ำตามหลังวงศ์วรัณ ยืนมองเขาร่วมรับประทานอาหารกับคนในครอบครัวอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับร่างบนเตียง
เมื่อใครก็ตามที่อยู่ในร่างนั้นไม่สามารถมองเห็นเธอได้ หญิงสาวจึงคอยจับสังเกตท่าทางอยู่ตลอด ใบหน้าของเธอเองดูเหมือนจะไม่มีความสุขเลย ดูเหม่อลอยและคล้ายจะครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจตลอด
คำพูดเตือนสติของวงศ์วรัณเหมือนจะดังซ้ำขึ้นในความคิด เธอไม่อาจรู้ได้ว่าจิตที่อยู่ในร่างของเธอและจิตที่อยู่ในร่างของอวิกานั้น คิดอะไรอยู่กันแน่
เสียงเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดคุยกับพ่อแม่และพี่ชายเรียกให้เธอหันกลับไปมอง ‘ตาทื่อ’ กลับคอยเตือนสติเธอได้ ซ้ำยังรับปากที่จะให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง
แล้วสลิลาจะไปขอความช่วยเหลือจากใครอื่นที่ไหนได้อีกล่ะ ในเมื่อมีแค่เขาคนเดียวที่เห็นและได้ยินเธอ
หลังจากที่อวิกาฟื้นขึ้นมาในร่างของสลิลาได้ราวหนึ่งสัปดาห์ แพทย์เจ้าของไข้ตรวจร่างกายจนแน่ใจจึงอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ในวันรุ่งขึ้นทว่าคนไข้กลับมีสีหน้าไม่สบายใจเท่าใดนัก วิจิตรและฐิติมัวแต่ดีใจกันจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นจะมีก็เพียงพารินธรที่รู้สึกถึงความผิดปกติของน้องสาวนับตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาและคอยจับสังเกตอยู่เท่านั้นที่สัมผัสได้
เขารอโอกาสกระทั่งฐิติทนหิวไม่ไหวชักชวนภรรยาออกไปหาร้านอาหารกินมื้อกลางวัน เอ่ยกับพ่อแม่ว่ายังไม่รู้สึกหิว สองสามีภรรยาจึงออกจากห้องไปทิ้งชายหนุ่มไว้กับ ‘น้องสาว’ เพียงลำพัง
“เป็นอะไรไปยัยฝน ทำหน้าตาเหมือนไม่ดีใจที่จะได้กลับบ้าน”
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะพี่เมฆ กลับบ้านทั้งทีใครจะไม่ดีใจ”
อวิกาตอบคำของชายหนุ่มทั้งที่อดใจหายไปได้กับการกลับบ้านของเธอในครั้งนี้ บ้านของเธอจะไม่ใช่บ้านหลังที่อยู่อาศัยมานานปีแต่จะเป็นบ้านหลังใหม่ที่เธอไม่เคยคุ้น
“หรือว่าอยากจะไปพักผ่อนที่ไร่ไหม อากาศดีกว่ากรุงเทพ น่าจะฟื้นตัวเร็วกว่านี้ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ตรงไปปากช่องกันเลย พี่ก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไร่นานแล้ว”
“คือ...”
หญิงสาวต้องนิ่งคิดกับคำถามของพารินธร เธอควรอยู่ใกล้ร่างของตัวเองให้มากที่สุด เผื่อว่าจะมีทางไหนหรือปาฏิหาริย์ใดทำให้สามารถกลับคืนสู่ชีวิตที่เคยมีได้
“ถ้าไปพักที่ไร่ แม่คงวุ่นวายดูแลฝนตลอด คงไม่เหมาะนะคะ”
อวิกาพูดไปแล้วก็นึกได้ว่าตนลืมตัวพูดเพราะเกินควรกับ ‘พี่ชาย’ ของตัว พารินธรขยับเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับเปลี่ยนใจนิ่งไป ทำให้หญิงสาวลอบระบายลมหายใจเมื่อเห็นว่าเขาไม่ซักไซ้อะไรต่อ ทว่าเธอก็ยังมีสิ่งที่ต้องครุ่นคิดอยู่ดีและสิ่งที่กังวลอยู่นั้นคงจะรบกวนเธอไปตลอดหากไม่จัดการให้เรียบร้อยก่อนออกจากโรงพยาบาล
“พี่เมฆ...ฝนอยากโทร.หาเพื่อนหน่อย ยืมโทรศัพท์ได้ไหม”
“เอาสิ” พารินธรหยิบเครื่องมือสื่อสารประจำตัวจากกระเป๋ากางเกงส่งให้ “แล้วตั้งแต่ฟื้นขึ้นมานี่...ยังไม่ได้โทรไปบอกเจ้านายเลยไม่ใช่เหรอ คุณฝ้ายเขาเคยมาเยี่ยมตอนฝนยังไม่ฟื้น ดูเขาเป็นห่วงมากนะ ตอนนี้คงยุ่งมากเพราะฝนมาเข้าโรงพยาบาลตอนเขายังหาคนมาทำงานไม่ได้แบบนี้”
“จริงสิ ฝนลืมไปเลย”
หญิงสาวว่าลืมแต่ที่จริงแล้วไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนด้วยซ้ำ การเข้ามาอยู่ในร่างของสลิลานั้นเท่ากับว่าเธอต้องรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในความเป็นสลิลา นอกเหนือจากครอบครัว เพื่อนฝูงแล้ว ยังมีหน้าที่การงานอีก
เพราะไม่มีโอกาสอยู่ลำพังกับวงศ์วรัณเท่าใดนักจึงทำให้เธอไม่มีโอกาสได้ซักถามอะไร แต่เรื่องของสลิลาอาจรอไปก่อนได้เนื่องจากเรื่องที่เธอกังวลอยู่คงเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องไหน
“จะโทร.หาเพื่อนไม่ใช่เหรอ”
เสียงของพารินธรเรียกสติของอวิกาให้กลับคืนมาเธอหันไปมองเขาอย่างลังเล ก่อนเอ่ยโดยเลี่ยงคำลงท้ายอย่างที่เคยชิน เธอปิดเครื่องมือสื่อสารของชายหนุ่ม เอี้ยวตัวไปหยิบเอาซิมหมายเลขของสลิลาที่ยังคงใช้การได้แม้ว่าเครื่องจะพังไปเพราะอุบัติเหตุรถชนครั้งนั้น
“ไม่เห็นต้องเปลี่ยนซิมเลย ใช้เบอร์พี่โทร.ก็ได้”
“เบอร์เพื่อนอยู่ในซิม ฝนจำเบอร์ไม่ได้”
หญิงสาวตอบขณะที่จัดการถอดฝาหลัง เปลี่ยนเอาซิมของสลิลาใส่เข้าไปแล้วเปิดเครื่องโทรศัพท์อีกครั้ง พารินธรยืนมองการกระทำของเธอทุกขั้นตอนและไม่ขยับไปไหนจนอวิกาต้องตัดสินใจหันไปบอก
“อยากคุยส่วนตัวนะพี่เมฆ ขอเวลาสักห้านาทีได้ไหม”
“งั้นพี่ลงไปซื้อกาแฟก็แล้วกัน”
พารินธรยอมตามคำอย่างง่ายดายทำให้อวิกาในร่างของสลิลาโล่งใจ ยินดีจนไม่ทันสังเกตว่าดวงตาคมของหนุ่มร่างสูงนั้นหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อมองเธอก่อนจะก้าวออกจากห้องไป จึงกดหนึ่งในหมายเลขโทรศัพท์ที่เธอท่องไว้จนจำได้แม่น
ปลายสายเหมือนมีท่าทางแปลกใจเล็กน้อย หากอวิกาพยายามโน้มน้าวจนอีกฝ่ายตั้งใจฟังและตอบตกลงกับคำร้องขอของเธอ
หญิงสาวถอนใจหนักเมื่อวางสายจากคนที่โทร.หาแล้ว ถือเครื่องมือสื่อสารของพารินธรนิ่งอยู่ในมือก่อนกดลบหมายเลขแรกที่โทร.ออกเพื่อความแน่ใจว่าพารินธรจะไม่โทรกลับไปเช็คว่าเธอต่อสายถึงใคร แต่จงใจทิ้งหมายเลขของวงศ์วรัณเอาไว้ในเครื่อง เธอโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากเขาและดูเหมือนชายหนุ่มรุ่นน้องจะเต็มใจช่วยเป็นอย่างดี และความช่วยเหลืออย่างเต็มใจนี้คงไม่ใช่เป็นเพราะอยากช่วยเธอ แต่เป็นช่วยเหลือเจ้าของร่างนี้และครอบครัวต่างหาก
ตอนนี้ที่ต้องทำก็เพียงแค่โทรไปลางานกับเจ้านาย ตามข้อมูลชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้จากวงศ์วรัณเมื่อครู่ และทิ้งหมายเลขเอาไว้ในเครื่องเช่นเดียวกับหมายเลขของวงศ์วรัณ
พารินธรคงจะไม่สงสัยอะไร
เย็นวันนั้นวงศ์วรัณก็มาเยี่ยม ‘เพื่อนสนิท’ หลังจากไหว้พ่อแม่และพี่ชายของสลิลาแล้วเขาก็ยื่นเครื่องเล่น mp4 ให้หญิงสาว เอ่ยพร้อมส่งสัญญาณที่ทำให้รู้กันว่าเขาได้ทำตามคำขอของเธอแล้ว
“เพลงที่ฝนเคยบอกว่าหาฟังยาก เราหาลงเอ็มพี 4 มาให้แล้วจะได้ฟังแก้เบื่อ ช่วงที่ยังพักฟื้น”
“ขอบใจนะ”
อวิกาถืออุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดนั้นไว้ในมือ พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกให้วงศ์วรัณทำตามสิ่งที่ขออีกข้อหนึ่ง หนุ่มผิวเข้มกระแอมเบา ๆ ก่อนเปรยขึ้น
“ที่จริงฝนอุดอู้อยู่แต่ในห้องอย่างนี้คงเบื่อ อยากไปรับลมที่ชั้นสิบสองไหม”
บริเวณชั้นสิบสองของโรงพยาบาลมีส่วนที่ตกแต่งเป็นสวนเพื่อให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับคนไข้และญาติที่มาเฝ้า และเป็นสถานที่ซึ่งอวิกานัดพบกับใครคนหนึ่งเอาไว้ และตอนนี้ก็ใกล้เวลานัดหมายแล้ว
“ก็ดีนะ”
“งั้นคุณลุง คุณป้า พี่เมฆครับ ผมขออนุญาตพาฝนไปนั่งเล่นที่ดาดฟ้านะครับ เดี๋ยวผมไปขอรถเข็นกับพยาบาลเองครับ”
วงศ์วรัณเห็นว่าวิจิตร ฐิติและพารินธรไม่ว่าอะไรก็รีบสาวเท้าเดินออกจากห้องไปทันที
“แม่ว่ามันจะยังไง ๆ แล้วนะยัยฝน เพื่อนคนอื่นเขาก็มาเยี่ยมกันครั้งสองครั้ง แต่ตาว่านมาทุกวัน แถมยังเอ่ยปากขอพาเราไปนั่งเล่นข้างนอกอีก”
อวิกายิ้มฝืดกับการถูกมารดาของสลิลายั่วล้อ ไม่อาจคาดเดาได้ว่าหากเป็นสลิลาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับท่าทีเช่นนี้
“ไม่ปฏิเสธซะด้วยนะแม่” ฐิติทักขึ้นอีกคน “อย่างนี้สงสัยยัยฝนจะหนีนายว่านไม่ซะจริง ๆ”
“พ่อคะ แม่คะ”
เธอแสดงกิริยาออกไปได้เพียงเท่านั้นจริง ๆ เอ่ยเรียกทั้งสองเป็นการขอร้องให้หยุด
“ท่าทางจะจริงล่ะมั้งครับพ่อ แม่ ปกติถ้าล้อเรื่องนี้ทีไร เห็นยัยฝนเป็นเดือดเป็นร้อนโวยวายใหญ่โตทุกที”
“ก็...” อวิการู้ตัวว่าแสดงอาการที่ต่างไปจากเจ้าของร่างให้พารินธรจับสังเกตได้อีกครั้งแล้ว “ถ้าโวยวายแล้วไม่โดนล้อ ก็คงโวย...แต่ทำไปก็เหนื่อยเปล่า อยู่เฉย ๆ ดีกว่า”
ฐิติและวิจิตรหัวเราะออกมาเบา ๆ ในขณะที่พารินธรเพียงแค่ยิ้ม ทว่ายิ้มของเขานั้นทำให้อวิการู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก โชคดีที่เธอไม่ต้องทนกับความอึดอัดจากท่าทางของพารินธรนานนักเพราะวงศ์วรัณเข็นรถเข้ามาก่อน
“ที่จริงฝนพอจะเดินได้แล้วนะ ไม่เวียนหัวแล้ว”
“นั่งรถเข็นไปดีกว่า เกิดเป็นอะไรไปจะลำบากว่านเสียเปล่า ๆ” คนที่มีปฏิกิริยาคนแรกก็คือชายหนุ่มผิวสองสี “รีบไปแล้วรีบมาล่ะว่าน เดี๋ยวพยาบาลคงเอาอาหารกับยามื้อเย็นมาให้แล้ว”
“ครับพี่เมฆ”
คนที่นั่งอยู่บนเตียงปีนลงไปหย่อนตัวลงบนรถเข็น หันไปยิ้มให้กับพ่อ แม่ รวมไปถึง ‘พี่ชาย’ อวิกาอดคิดหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมรอยยิ้มและสายตาของพารินธรจึงทำให้เธอรู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมาได้เช่นนี้
เมื่ออยู่กับวงศ์วรัณที่โถงทางเดินมุ่งสู่ลิฟต์อวิกาก็เหลียวหลังไปมองชายหนุ่มแล้วเอ่ยถามขึ้น
“คุณว่านคะ คุณฝนอยู่แถวนี้รึเปล่าคะ”
“เอ่อ...ก็ตามมาเหมือนกันครับ” วงศ์วรัณตอบแล้วมองไปด้านขวาของรถเข็น “คุณเพชรมีอะไรเหรอครับ”
“ไม่รู้สิคะ เพชรไม่แน่ใจ เพชรอาจจะทำตัวไม่ปกติรึเปล่า ทำไมคุณเมฆเขาถึงได้มองเพชรแปลก ๆ ก็ไม่รู้”
ชายหนุ่มซึ่งเข็นรถพาเธอมาถึงหน้าลิฟต์พอดีเงียบไปพักหนึ่ง กระทั่งบานเหล็กเลื่อนเปิดออกเขาจึงเข็นเธอเข้าไปและเอ่ยตอบคำถามเมื่อลิฟต์ปิดลง
“ฝนเขาบอกว่าพี่เมฆชอบยั่วโมโห ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“เหรอคะ” อวิกาถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก “แล้วเรื่องที่คุณว่านไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องจิตให้คุณฝนศึกษาเป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่ค่อยได้ผลครับ ฝนเค้าเป็นคนใจร้อน”
วงศ์วรัณพูดถึงตรงนี้ก็เงียบไปพักใหญ่จนอวิกาต้องหันหลังกลับไปมอง เห็นเขาทำหน้านิ่วเล็กน้อย ‘คนใจร้อน’ คงจะบ่นอะไรเข้าให้อีกแน่
“ที่จริงผมอยากให้เขาลองฝึกควบคุมตัวเองให้ได้ คุณเพชรกับฝนได้คุยกันเรื่องมันอาจจะง่ายขึ้นกว่าที่เป็น”
“เพชรก็หวังว่าอะไร ๆ มันจะไม่ยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้นะคะ แล้วก็หวังว่าคนในร่างของเพชรเขาจะไม่มีเจตนาร้ายอะไรกับครอบครัวเพชร”
หนุ่มผิวเข้มเงียบไปพักใหญ่ก่อนบอกเมื่อลิฟต์เลื่อนตัวลงมาถึงชั้นที่หมาย
“ฝนเขาบอกว่า ลองเจตนาจะใช้ร่างของคุณเพชรแบบนี้ จะว่าไม่คิดร้ายอะไรก็คงไม่ใช่แน่...ผมก็เห็นด้วยกับฝนนะครับ เพียงแต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาต้องการอะไร”
เมื่อวงศ์วรัณเข็นรถพ้นจากบริเวณตัวอาคารสู่สวนร่มรื่น อวิกาก็มองไปเห็นคนที่เธอนัดเอาไว้ หญิงสาวหันกลับมาบอกว่าจะขอเข้าไปคุยเพียงลำพัง ก่อนจะเข็นรถเข้าไปยังม้านั่งไม้ตัวยาว
“ใครน่ะ”
สลิลาซึ่งเดินตามวงศ์วรัณและอวิกามาเอ่ยถามอย่างสงสัยและคำตอบที่ได้รับจากหนุ่มผิวเข้มก็คือส่ายหน้า
“ไม่รู้สิ”
“ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ”
“อ้าว...ก็เราไม่ได้ถาม ฝนก็เห็นไม่ใช่เหรอ ตอนคุณเพชรโทร.หาเราฝนก็อยู่กับเราด้วยนี่นา”
“ต้องคุยความลับกันด้วยเหรอ สงสัยจังคุยเรื่องอะไรกันนะ”
“ถ้าฝนอยากรู้ฝนก็เข้าไปยืนฟังสิ” วงศ์วรัณตอบพลางเดินไปหาม้านั่งว่าง ๆ หย่อนตัวลงนั่ง “ไม่มีใครเห็นฝนสักหน่อย”
หญิงสาวไม่ได้ทำตามคำของชายหนุ่มหากแต่เดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ
“เสียมารยาทออก เดี๋ยวคุณเพชรคุยธุระเสร็จนายช่วยถามให้หน่อยแล้วกัน”
“แล้วทำไมต้องเป็นเราด้วยล่ะ”
“นายว่าน” หญิงสาวกอดอกมองอย่างไม่พอใจ “แล้วนายจะให้ฉันถามคุณเพชรเองหรือไง เขาไม่เห็นไม่ได้ยินฉันสักหน่อย”
“เราถึงบอกให้ฝนลองฝึกความคิดดู แบบข้อมูลในหนังสือที่เราซื้อมาไง”
สลิลาระบายลมหายใจ...ไม่สิ แค่ทำท่า แต่ไม่มีลมหายใจที่แสดงถึงการมีชีวิตล่วงพ้นออกมาจากบริเวณที่เป็นจมูก วงศ์วรัณขนซื้อหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการฝึกจิต ดวงวิญญาณมามากมาย แต่ละเล่มก็เขียนขึ้นบนข้อมูล ความเชื่อที่แตกต่างกันไป ทำให้หญิงสาวไม่ค่อยจะเชื่อถือเล่มไหนเป็นพิเศษ
“หนังสือพวกนั้นคนเขียนเขาเคยถอดร่าง ย้ายวิญญาณได้จริงรึเปล่าล่ะ เรื่องเหลือเชื่อแบบนี้ใครจะคิดจะเชื่อ แล้วเขียนออกมายังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
“แต่มันก็น่าจะลองดูนะฝน”
ดวงตาของชายหนุ่มดูเชื่อมั่นจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ที่สลิลาเคยเห็น หญิงสาวจึงตอบรับคำแบบไม่ค่อยเต็มใจนักก่อนมองไปทางอวิกา...ในร่างของเธอที่กำลังพูดคุยกับใครคนหนึ่งอยู่
ใครกันนะ...แล้วคุยอะไรกันท่าทางซีเรียสจริง ๆ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ม.ค. 2555, 20:41:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ม.ค. 2555, 20:41:31 น.
จำนวนการเข้าชม : 2079
<< ตอนที่ 4 | ตอนที่ 6 >> |

กมลภัทร 9 ม.ค. 2555, 20:43:07 น.
มาช้าอีกแล้ว ไปต่างจังหวัดเพิ่งกลับมาถึงเมื่อเช้ามืดครับ เย็นเลิกงานถึงมีโอกาสมาโพสต์ตอนใหม่ ตอนนี้กำลังคิดชื่อเรื่องใหม่ด้วย เพราะรู้สึกว่า รอยร่างรางรัก มันจะกระดกลิ้นมากไปนิดดดด 555
มาช้าอีกแล้ว ไปต่างจังหวัดเพิ่งกลับมาถึงเมื่อเช้ามืดครับ เย็นเลิกงานถึงมีโอกาสมาโพสต์ตอนใหม่ ตอนนี้กำลังคิดชื่อเรื่องใหม่ด้วย เพราะรู้สึกว่า รอยร่างรางรัก มันจะกระดกลิ้นมากไปนิดดดด 555


pseudolife 10 ม.ค. 2555, 07:00:46 น.
คนที่ใช้ร่างของเพชรนี่เจตนาไม่ดีแหงๆ
คงเป็นใครสักคนที่หวังในตัวพี่ชน
ไม่ก็อยากทำลายเพชร
คนที่ใช้ร่างของเพชรนี่เจตนาไม่ดีแหงๆ
คงเป็นใครสักคนที่หวังในตัวพี่ชน
ไม่ก็อยากทำลายเพชร

lovemuay 10 ม.ค. 2555, 16:55:48 น.
พี่ชายฝนเริ่มสงสัยแล้ว คริคริ
พี่ชายฝนเริ่มสงสัยแล้ว คริคริ

XaWarZd 12 ม.ค. 2555, 05:33:40 น.
ฝึกเหอะยายฝนจะได้คุยกันเสียที พี่ชายฝนต้องสงสัยแน่ๆ เลยอ่ะ แล้วจะมาเป็นพระเอกคู่กันอ่ะเปล่าอยากรู้
ฝึกเหอะยายฝนจะได้คุยกันเสียที พี่ชายฝนต้องสงสัยแน่ๆ เลยอ่ะ แล้วจะมาเป็นพระเอกคู่กันอ่ะเปล่าอยากรู้

นกอุมาพร 15 ม.ค. 2555, 00:35:27 น.
อยากรู้คนที่อยู่ในร่างเพชรเร็ว ๆ จังว่าเป็นใคร
อยากรู้คนที่อยู่ในร่างเพชรเร็ว ๆ จังว่าเป็นใคร