รอยร่างรางรัก
หญิงสาวคนหนึ่งกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ส่วนอีกคนต้องติดอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง โดยมีเบื้องหลังอยู่ที่ความปรารถนาอันแรงกล้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง
รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด
ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด
ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
Tags: วิญญาณ ดวงจิต สลับร่าง
ตอน: ตอนที่ 6
วงศ์วรัณเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นว่าหญิงในชุดผู้ป่วยเข็นรถออกมาจากจุดที่เธอนั่งคุยอยู่กับชายซึ่งดูน่าอ่อนวัยกว่าเขาเล็กน้อยขณะที่เด็กหนุ่มยังคงนั่งขมวดคิ้วราวกับคิดอะไรไม่ตกอยู่ที่ม้านั่ง หนุ่มผิวเข้มตรงเข้าไปยืนหลังรถเข็นออกแรงดันให้ที่นั่งติดล้อนั้นเคลื่อนไปตามโถงทางเดินภายในตัวอาคาร
“คุณฝนล่ะคะ”
“ไม่รู้สิครับ คุยกันสักพักก็หนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
“คุณฝนเขาโกรธอะไรรึเปล่าคะ”
“เปล่าหรอกครับ ฝนเค้าก็เป็นของเค้าแบบนี้”
อวิกาอดยิ้มออกมาไม่ได้ ถ้าหากสลิลาอยู่ด้วยชายหนุ่มคงไม่กล้าตอบอะไรแบบนี้ออกมาแน่ ดูเหมือนว่าวงศ์วรัณจะเข้าอกเข้าใจและยอมตาม ‘เพื่อน’ อยู่ไม่น้อย
“ฝนเขาไม่มีอะไรหรอกครับ บางทีก็ดูเหมือนจะใจร้อน อารมณ์เสียง่าย แต่โกรธเดี๋ยวเดียวก็ลืม”
“ดูคุณว่านจะเข้าใจคุณฝนดีจังนะคะ”
“เรารู้จักกันมาหลายปีนะครับ เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง”
หญิงสาวบนรถเข็นพยักหน้ารับรู้ ทั้งคู่เงียบกันไปพักใหญ่ก่อนที่วงศ์วรัณจะเอ่ยขึ้น
“ผู้ชายคนเมื่อกี้...”
“น้องชายของเพชรเองค่ะ ชื่อพีท”
“คุณเพชรคุยกับน้องชายเรื่อง...เอ่อ...เรื่องที่เกิดขึ้นเหรอครับ”
อวิการับคำสั้น ๆ
“แล้วเขาเชื่อรึเปล่าครับ”
“ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่หวังว่าเขาจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการพิสูจน์สิ่งที่ฉันบอกเขาได้”
ตอบคำของวงศ์วรัณไปแล้ว อวิกาก็ได้แต่ระบายลมหายใจยาว ทั้งสองรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ใครก็คงทำใจให้เชื่อได้ยาก กระทั่งชายหนุ่มเข็นหญิงสาวไปถึงห้องพัก
เมื่อเปิดประตูเข้าไปอวิกาเห็นเพียงวิจิตรและฐิตินั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวยาวของชุดรับแขก ขณะที่วงศ์วรัณมองเห็นหญิงสาวอีกคนกำลังนั่งหลับตาอยู่กอดอกด้วยท่าทีที่แสดงออกถึงความเบื่อหน่ายเจือด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย
“พี่เมฆกลับไปแล้วเหรอครับ”
“อ๋อ...เห็นตาเมฆบอกว่ามีเพื่อนร่วมงานเขา พาลูกสาวมารักษาตัวที่นี่เลยขอไปเยี่ยมหน่อย เดี๋ยวสักพักคงกลับ เมื่อกี้พยาบาลเพิ่งจะเอาถาดอาหารเย็นกับยามาให้ มา ๆ กินข้าวกินยานะยัยฝน”
“ค่ะแม่”
อวิการับคำ ยิ้มให้กับวิจิตร สายตาและท่าทีห่วงใยของสองสามีภรรยาสร้างแรงสะท้อนขึ้นมาในอกเมื่อใจกระหวัดนึกไปถึงผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของตน...เธอจะยังมีโอกาสได้กลับไปเป็นลูกสาวของสุนันทาและมโนเชาว์อีกไหม
หญิงสาวพยายามสกัดกลั้นน้ำตา การทำให้พ่อแม่ของสลิลารับรู้ความจริง จะทำร้ายจิตใจของพ่อแม่ถึงสองคู่ และหากการนิ่งเฉยพยายามหาทางแก้ไขปัญหาอย่างเงียบ ๆ จะช่วยไม่ให้ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนต้องทุกข์ร้อนใจได้ เธอก็จำต้องเลือกทางนั้น
พารินธรเงยหน้าขึ้นมองพยาบาลที่มาเรียกเขาซึ่งนั่งรออยู่หน้าห้องพักแพทย์ เพื่อนสนิทคนหนึ่งเพิ่งจะโทรนัดหมายนายแพทย์หนุ่มใหญ่ซึ่งบังเอิญรับเวรพิเศษอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเขา ดวงตาหลังกรอบแว่นสีเงินดูอ่อนโยนใจดี เอ่ยทักทายเมื่อผู้มาเยือนยกมือขึ้นไหว้
“เมฆใช่ไหม”
“ครับคุณอาหมอ อาร์ตคงจะแจ้งให้ทราบแล้วว่าผมต้องการจะปรึกษาเรื่องน้องสาว”
“น้องของเมฆรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ใช่ไหม”
ชายหนุ่มตอบรับคำสั้น ๆ ยุ่งยากใจกับการเกริ่นนำสิ่งที่เขาสงสัย ตั้งแต่สลิลาฟื้นขึ้นมาเขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติของน้อง หากไม่มั่นใจว่าเป็นเขาเพียงคนเดียวหรือไม่ที่มองผิดไป เพราะวิจิตรและฐิติซึ่งเป็นพ่อแม่นั้นยังสัมผัสไม่ได้
“ผมไม่แน่ใจว่าผมคิดมากไปเองรึเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาบุคลิกของน้องสาวผมดูจะแปลกไป”
“ลองอธิบายให้หมอฟังหน่อยได้ไหม”
“ครับ ผมรู้สึกเหมือนเขาใจลอยบ่อย การพูดจาก็ดูแปลกกว่าที่ผมเคยคุ้น ปกติยัยฝนเป็นคนร่าเริง กับผมเขาพูดจาติดห้วนนิด ๆ ด้วยซ้ำแต่ตอนนี้เขาพูดสุภาพกับผมมาก เหมือน...เหมือนคนแปลกหน้า”
“แล้วพ่อแม่ของเมฆเขาสังเกตเห็นเหมือนกันรึเปล่า”
พารินธรส่ายหน้าเหมือนกับปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองรับรู้มากกว่าที่จะตอบคำถามของนายแพทย์หนุ่มใหญ่
“พ่อแม่ผมอยู่ต่างจังหวัดเสียส่วนใหญ่ ตั้งแต่ยัยฝนโตขึ้นมาผมก็ดูแลน้องเป็นหลัก อีกอย่างกับพ่อแม่ยัยฝนเขาก็พูดคะขาดีอยู่แล้ว ท่านก็เลยอาจจะไม่ได้เห็นสิ่งที่ผมเห็น”
“เมฆไม่แน่ใจใช่ไหมว่าความเปลี่ยนแปลงของน้องเกิดขึ้นจริง ๆ หรือว่าเมฆเป็นฝ่ายคิดไปเอง”
จิตแพทย์หนุ่มใหญ่อ่านความรู้สึกจากสีหน้า ท่าทางของเขาได้ทะลุปรุโปร่ง
“ผมเป็นห่วงน้อง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดมากไปเองรึเปล่า ผมเลยอยากมาปรึกษาเรื่องบุคลิกลักษณะของคนน่ะครับ ว่ามันสามารถเปลี่ยนไปได้เพราะอุบัติเหตุรึเปล่า”
“บุคลิกภาพของคนบางครั้งก็ไม่ใช่สิ่งที่คงที่นะเมฆ บางคนก็เปลี่ยนบุคลิกไปมาตลอด เหมือนว่าเขาไม่มั่นใจในตัวเอง จะบอกว่ามันเปลี่ยนไปเพราะการประสบอุบัติเหตุเสียทีเดียวอาจจะสรุปอย่างนั้นไม่ได้ แต่จะว่าไม่มีผลเสียทีเดียวก็คงไม่ใช่”
“แล้วมันจะมีผลถึงขั้นทำให้เป็นโรคจิต โรคประสาทไหมครับคุณอา”
“อันนี้ก็คงจะตอบไม่ได้แน่ชัดหรอกนะ ถ้าแค่พูดจาสุภาพเรียบร้อยมากขึ้นคงไม่มีอะไร แต่ถ้าเมฆคอยจับตาดูแล้ว น้องสาวมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือไปจากนี้ คงต้องพามาตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด การที่จะให้สรุปว่าใครเป็นโรคจิตโรคประสาทแค่ฟังจากอาการหมอคงระบุไม่ได้หรอกว่าเขาป่วย เมฆคงเข้าใจนะ ถ้าถึงตอนที่มีปัญหาแบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ เมฆคงต้องหาทางพาน้องมาพบอา อายินดีช่วยเต็มที่”
พารินธรรับคำก่อนยกมือขึ้นไหว้กล่าวคำขอบคุณจิตแพทย์หนุ่มใหญ่ ตัดใจเดินออกจากห้องพักแพทย์มาด้วยความรู้สึกที่ยังคลางแคลงอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
ร่างสูงหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์เอื้อมมือไปกดปุ่มลูกศรขึ้น เพราะมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องน้องสาวจึงไม่ทันสังเกตว่าขณะที่เขาเดินเข้าไปภายในพื้นที่สี่เหลี่ยมนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ก่อนแล้ว
“คุณเมฆ คุณเมฆใช่ไหมคะ”
ชายหนุ่มหันกลับไปมองด้านหลังของตัวเองพบหญิงสาวร่างผอมบางในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีฟ้า ชายเสื้อพลิ้วนั้นอยู่ในระดับเหนือสะโพกเล็กน้อย กางเกงยีนสีดำสนิทรัดเรียวขา เขาต้องนึกทบทวนครู่หนึ่งก่อนเอ่ยทวนชื่อของเธอ
“คุณมิน”
“ค่ะ มินเอง ดีใจแทบแย่นึกว่าคุณเมฆจะจำมินไม่ได้เสียอีก”
“จำได้สิครับ ลูกสาวของลูกค้าผมจะลืมได้ยังไง”
เหมือนฝันหรือมิน เป็นลูกสาวของเจ้าของธุรกิจสถานบันเทิงใจกลางเมืองที่เพิ่งยืนสินทรัพย์ขออนุมัติสินเชื่อเพื่อขยายทั้งตัวสถานที่ของสาขาแรกรวมไปถึงเปิดสาขาใหม่ย่านชานเมืองเมื่อไม่กี่เดือนมานี้
พารินธรได้ไปดูสถานที่ของ อิน ดรีม ผับแอนด์เรสเตอรองท์ และได้พบกับหญิงสาวซึ่งช่วยบิดาดูแลกิจการซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารในช่วงเย็น ตกดึกบรรยากาศของร้านก็แปรไปเป็นผับ จากปริมาณลูกค้าที่เริ่มทยอยกันมาในช่วงเย็นเพื่อรับประทานอาหาร เขาก็คาดได้ว่าบิดาของเหมือนฝันน่าจะไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน
วันที่เขาไปดูสถานที่นั้นหญิงสาวให้พนักงานนำอาหารจานเด็กของร้านมาเสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มเป็นเบียร์วุ้นเย็นเชียบ ทั้งยังคอยอยู่ฟังตอนที่เขาคุยธุระเรื่องการขยายร้าน คอยอธิบายเสริมเมื่อบิดาพูดถึงจุดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอาหารและบริการ
ชายหนุ่มไม่ใช่เด็กรุ่นไม่ประสาเรื่องหนุ่มสาว มองสายตาของเหมือนฝันแล้วพอเข้าใจได้ว่าเธอแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าสนใจเขา หากเขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะบุคลิกลักษณะ หรือเพราะตำแหน่งหน้าที่ของเขากันแน่ที่ทำให้หญิงสาวดูไม่สงวนท่าทีนักทั้งที่อยู่ต่อหน้าพ่อ และรายหลังก็ดูจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับกิริยาของลูกสาว
เมื่อเขาลากลับหญิงสาวให้นามบัตรของเธอมาอีกใบหนึ่งทั้งที่พารินธรแจ้งว่ามีนามบัตรของพ่อเธอแล้วก็ตาม เขารับมาใส่กระเป๋านามบัตรหากไม่คิดจะติดต่อไปด้วยเหตุอื่นเพราะถือว่าเธอเป็นลูกค้า
“แหม...คุณเมฆพูดแบบนี้มินเสียใจนะคะ ที่จำมินได้เพราะว่ามินเป็นลูกของคุณพ่อเท่านั้นหรอกเหรอคะ”
พารินธรเพียงแต่ยิ้มไม่ตอบครับหากเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นตะกร้าในมือของหญิงสาว “คุณมินมาเยี่ยมใครเหรอครับ”
“เพื่อนคะ” เธอตอบพลางมองตะกร้าหวายบุฟ้าสีผ้าอ่อนบรรจุของใช้เด็กอ่อนอย่างดี “เพิ่งแต่งเมื่อปีก่อน ปีนี้มีน้องแล้ว น่าอิจฉาจังนะคะ…แล้วคุณเมฆมาเยี่ยมใครคะ”
“น้องสาวผมประสบอุบัติเหตุครับ”
“คงไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ แย่จัง ถ้ารู้มินจะได้ซื้อผลไม้ไปเยี่ยมด้วย”
“อย่าลำบากเลยครับคุณมิน”
“ไม่ได้สิคะ คุณเมฆมาคอยดูแลให้จนทางธนาคารอนุมัติสินเชื่อให้คุณพ่อ มินยังไม่ได้ตอบแทนเลย”
คำว่า ‘ตอบแทน’ ของเหมือนฝันฟังสะดุดหู เธอแทบไม่ปิดนัยเชิญชวนในคำพูดเลยแม้แต่น้อย เธอคะยั้นคะยอขอหมายเลขห้องจากเขา เมื่อเห็นว่าป่วยการปฏิเสธ พารินธรจึงบอกไปหากแต่เอ่ยทิ้งท้าย
“แต่พรุ่งนี้ยัยฝนก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะครับ ผมว่าถ้าคุณมินอยากจะตอบแทนผมเรื่องสินเชื่อ ขอเป็นโอกาสหน้าดีกว่านะครับ จะว่าไปแล้วเรื่องนี้มันเป็นงานของผมอยู่แล้วคุณมินไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไรผมด้วยซ้ำ”
“ไม่ได้ค่ะ มินถือว่าคุณเมฆรับปากว่าจะให้มินทำอะไรบางอย่างตอบแทนเรื่องที่วงเงินกู้ของคุณพ่อได้รับอนุมัติ เอาไว้วันไหนโอกาสเหมาะมินขออนุญาตโทรนัดคุณเมฆก็แล้วกันนะคะ”
“ครับ”
ประตูลิฟต์เปิดออก หญิงสาวก็เดินผละออกไป มือเรียวยกโบกเล็กน้อย พารินธรยิ้มตอบรอยยิ้มเย้ายวนของเหมือนฝัน ใจอดนึกถึง ‘ค่าตอบแทน’ ที่เขาจะได้รับไม่ได้
แม้ใจหนึ่งจะนึกถึงความสุขทางกายที่เขาอาจะได้รับเป็นรางวัล แต่อีกใจก็ทำให้เขาเลือกที่จะกดลิฟท์ไปยังชั้นที่ผู้ป่วยหญิงคนหนึ่งนอนพักรักษาตัวอยู่ อยากจะเอื้อมมือไปเคาะประตูหากเมื่อเห็นว่าเธอมีทั้งพ่อ แม่และคนรักดูแลอยู่แล้วก็ตัดใจหันหลังเดินกลับ
อาศิสเปิดประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยพิเศษซึ่งพี่สาวนอนพักรักษาตัวอยู่นาน จากที่มีสภาพคล้ายคนหลับแต่ไม่มีอาการรับรู้อะไรจนกระทั่งฟื้นคืนสติขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อน มโนเชาว์นอนเอนหลังอยู่บนโซฟาตัวยาวขณะที่สุนันทากำลังปอกผลไม้ใส่จาน ข้างเตียงคนไข้นั้นชนวิทคอยนั่งดูแลอวิกาอยู่
“มาพอดีเลยพีท มาซะเย็นป่านนี้กินข้าวมาแล้วใช่ไหม มานี่มา...แม่ปอกแอปเปิ้ลให้พี่เขา เผื่อให้เราด้วยนะ”
“แหม...แม่ ของผมแค่ของแถมเหรอครับ”
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ ก็พี่เขาป่วยนี่ ตอนพี่เขาดี ๆ เขาก็ช่วยพ่อแม่ดูแลเราเหมือนกันนะ นี่พี่เขายังไม่หายดีแม่ก็ต้องดูแลพี่เขา จะให้เอาใจเราคนเดียวเลยหรือไง”
“โห...พี่เพชร พี่ชนดูสิ ผมพูดเล่นแค่นี่โดนเป็นชุด นี่ถ้ารู้เรื่องเช้าวันที่พี่เพชรประสบอุบัติเหตุสงสัยผมโดนบ่นหูชา...”
อาศิสพูดไปแล้วทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ว่าไม่ควร สุนันทาที่ทำท่าจะส่งจานผลไม้ให้ลูกชายขมวดคิ้วก่อนเอ่ยถาม
“เรื่องอะไรกันเหรอเพชร พีท มีอะไรปิดแม่ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
หญิงสาวที่นั่งพิงหมอนอยู่บนเตียงคนไข้ เพียงแต่ยิ้มไม่ตอบคำ ผู้เป็นแม่จึงหันไปคาดคั้นเอากับลูกคนเล็ก
“ว่ายังไงพีท นี่แอบทำเรื่องอะไรกัน ถ้าไม่บอกก็ไม่ต้องกิน”
“โธ่...แม่ครับ แค่เรื่องกระทะไหม้เองไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย”
“อะไรนะ นี่ทำกระทะแม่ไหม้เหรอ ไปทำยังไงเข้าล่ะ”
“พีททอดไข่ดาวกับไส้กรอก แล้วพอดีเพื่อนมันโทร.มา คุยกัน...ไม่นานนะแม่ ไม่นานจริง ๆ”
“ไม่นานแล้วกระทะแม่จะไหม้ได้ยังไง” สุนันทาดุ ดึงจานในมือกลับไปถือไว้ใกล้ตัว “แล้วแม่ก็เห็นว่ากระทะที่บ้านยังอยู่ครบทุกใบไม่เห็นมีใบไหนหายไปนี่”
“ก็...พี่เพชรช่วยปิดให้ แล้วก็ให้เงินผมไปหาซื้อใบใหม่ที่เหมือนกันเปี๊ยบมาแทน วันนั้นผมเรียนครึ่งวันเช้าเสร็จ ก็เลยซื้อใบใหม่มาเปลี่ยนคืน ใบเดิมก็ทิ้งไปแล้วล่ะครับ” อาศิสอ้อน “ให้ผมกินเถอะนะครับ แม่ปอกแอปเปิ้ลสวยน่ากินที่สุดเลย”
“จริง ๆ เลยนะพีท เลยต้องเดือดร้อนพี่เขา ที่จริงเงินเดือนพี่เขาก็แบ่งให้แม่ใช้จ่ายซื้อของสดของแห้งเข้าบ้านทุกเดือนอยู่แล้ว ถ้าไม่ปิดแม่ แม่เอาเงินส่วนที่พี่เขาช่วยค่าใช้จ่ายไปซื้อก็ได้”
“ไม่เป็นไรคะแม่ เรื่องเล็ก”
“เพชรก็ตามใจน้องเกินไป พีทถึงได้เหลวไหลใหญ่”
คนว่าลูกสาวตามใจน้องกลับยื่นจานผลไม้ให้ลูกชาย ไม่ดุว่าอะไรอาศิสอีก ชายหนุ่มถือจานผลไม้เดินไปนั่งบนเก้าอี้นวมตัวเล็กปลายเท้าผู้เป็นพ่อ มโนเชาว์นอนหลับสนิทส่งเสียงกรนเล็กน้อย
“เบา ๆ ล่ะพีท เดี๋ยวพ่อตื่น”
คำเตือนของสุนันทานั้นแทบไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะอาศิสนั้นนั่งนิ่ง หยิบกลีบแอปเปิ้ลกลิ่นหอมเข้าปากโดยไม่สนใจจะใช้ส้อมจิ้มเล็ก ๆ ที่ผู้ให้กำเนิดวางไว้ให้ สายตาจับไปทางหญิงสาวในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล นึกถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงกลางวันที่เขากำลังนั่งทำรายงานส่งอาจารย์อยู่ที่บ้าน
ชายหนุ่มแปลกใจที่มีหมายเลขไม่คุ้นเคยโทรเข้ามือถือของเขา เมื่อรับสายเสียงใสก็ดังขึ้น
“พีท...เอ่อ...คุณพีทใช่ไหมคะ”
“ครับ” อาศิสไม่คุ้นทั้งเบอร์และน้ำเสียงของหญิงสาว “ใครครับนั่นน่ะ”
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณนะ เรื่องสำคัญขอฉันพบคุณได้ไหมคะ”
จะว่าไปเสียงนี่เหมือนเขาจะเคยได้ยินไม่นานมานี้...ใครนะ...เสียงแบบนี้
“คุณคือ...คุณฝนรึเปล่าครับ ผมเริ่มจะคุ้นเสียง”
“ใช่ค่ะ”
“คุณฝนมีธุระอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ แน่ใจนะครับว่าไม่ใช่ว่าคุณฝนอยากจะหาทางเอาเรื่องพี่สาวผมที่ขับรถพุ่งไปชนรถคุณ”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่เรื่องนั้นแน่นอน เอาเป็นว่าฉันขอพบคุณสักครู่ได้ไหมคะ ตอนนี้คุณพีทอยู่ที่ไหนคะ”
“ผมอยู่บ้านครับ ทำรายงานใกล้เสร็จแล้ว’ อาศิสยังไม่ค่อยเข้าใจวัตถุประสงค์ของฝ่ายที่ติดต่อมา แต่เขาก็อยากจะรู้ให้แน่ “อาจจะเข้าไปเยี่ยมพี่สาวช่วงเย็น”
“ถ้าอย่างนั้นเราเจอกันที่สวนสาธารณะชั้นสิบสองของโรงพยาบาลได้ไหมคะ ขอเวลาไม่นาน”
ความใคร่รู้ทำให้ชายหนุ่มตอบรับคำ และไปพบกับหญิงสาวตามนัดหมาย
อาศิสทำรายงานเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าออกเดินทางไปยังโรงพยาบาลเพราะบอกพ่อกับแม่เอาไว้ว่าอาจจะเข้าไปช่วงเย็น เขาจึงไม่เร่งรีบนักแต่กระนั้นการจราจรในวันเสาร์ก็คล่องตัวพอควร ทำให้มีเวลาไปนั่งรอก่อนเวลานัดหมาย เมื่อถึงเวลานัดก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข็นรถนำหญิงสาวในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลออกมาจากบริเวณอาคาร
เธอหมุนล้อรถเข็นเข้ามาหาเขาขณะที่ชายคนที่พามานั้นเลี่ยงเดินไปหาที่นั่งอีกทางหนึ่ง เรียวปากขยับยิ้มอ่อนทว่าหลังจากนั้นกลับนิ่งไปเหมือนกับคิดหาคำพูดที่จะใช้เริ่มต้นการสนทนา
“คุณพ่อคุณแม่สบายดีใช่ไหม”
หญิงสาวเริ่มต้นด้วยคำถามที่ค่อนข้างแปลกในความคิดของอาศิส ซ้ำเธอยังใช้คำเรียกแทนราวกับถามถึงพ่อแม่ของตนเองทั้งที่ไม่ได้รู้จักสนิทสนมอะไรกับครอบครัวของเขา
“สบายดีครับ ว่าแต่คุณฝนมีธุระอะไรกันแน่ครับ”
“ก่อนที่พี่...เอ่อ ขอเรียกแทนตัวเองว่าพี่ก็แล้วกันนะ ก่อนที่พี่จะพูดอะไร ขอให้พีทลองตั้งใจฟัง อย่าเพิ่งพูดอย่าเพิ่งถามอะไรทั้งนั้นได้ไหม”
เขาขมวดคิ้วมองตอบสายตาที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นของหญิงสาวใบหน้ารูปหัวใจแล้วได้แต่พยักหน้าเบา ๆ พลางเอ่ยรับคำ
“ตอนที่พีทอยู่มอสาม พี่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง พ่อกับแม่เราไปสัมมนาต่างจังหวัด วันนั้นพีทดื่มน้ำอัดลมไปเสียเยอะแยะเมื่อตอนหัวค่ำ พี่ห้ามก็ไม่ฟัง...”
หญิงสาวเว้นช่วงคล้ายจะรอสังเกตปฏิกิริยาของเขา อาศิสอ้าปากค้างก่อนหุบลงหมายใจจะฟังเรื่องที่เธอจะพูดให้จบ
“เช้าวันรุ่งขึ้น พี่ไปเรียกพีทลงมากินข้าวก็เจอพีทนอนอยู่กับพื้น ที่นอนเปียกไปหมด พี่ช่วยเอาผ้าปู ปลอกหมอนไปซัก พีทขอร้องให้พี่ไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แล้วพี่ก็รักษาสัญญามาตลอด”
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
“พี่รู้ว่ามันเหลือเชื่อ แต่ถ้าพีทยังต้องการจะพิสูจน์ความจริง พี่ยังมีเรื่องที่เรารู้กันแค่สองคนพี่น้องอีก”
อาศิสขยับตัวเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไรขัด
“ตอนพีทเรียนปีหนึ่ง พี่เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่กี่เดือน พีทมีเรื่องต่อยตีกับเด็กนักศึกษาที่มารังแกเพื่อนในกลุ่ม พีทให้อาจารย์ฝ่ายวินัยของมหาวิทยาลัยโทรหาพี่ พี่ต้องลางานทั้งที่ยังไม่ผ่านทดลองงาน ไปลงชื่อรับทราบทัณฑ์บนของพีท...เรื่องนี้พีทก็ขอเอาไว้เหมือนกันว่าไม่ให้บอกพ่อกับแม่ พี่ไม่เคยบอกท่าน แล้วก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังด้วย”
“คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้ร่วมมือกับพี่สาวผม หาเรื่องแกล้งอำกัน”
“ถ้าพีทรู้จักพี่ดี พีทจะไม่พูดแบบนี้”
ชายหนุ่มนิ่งงัน ใช่...พี่สาวเขาไม่ใช่คนชอบล้อชอบอำ อวิกาออกจะเป็นคนที่นิ่งและจริงจังกับเรื่องต่าง ๆ ด้วยซ้ำ
“คุณจะบอกว่าคุณคือพี่สาวผมอย่างนั้นเหรอครับ”
“ถ้าพีทเชื่อเรื่องจิตวิญญาณหรืออะไรแบบนั้น พี่ยืนยันว่าถึงพีทจะมองเห็นว่าร่างกายของพี่เป็นคุณฝนแต่ที่อยู่ข้างในนี้คือพี่จริง ๆ”
“ถ้าคุณคือพี่เพชร แล้วในห้องพักนั่นก็คือคุณฝน...” อาศิสนิ่วหน้า “ไม่ใช่ ถ้าเป็นคุณฝนไม่น่าจะรู้จักพี่ชนนี่ วันที่ฟื้นขึ้นมาพอเห็นหน้าพี่ชนก็โผเข้ากอด เรียกชื่อถูก พ่อแม่ก็รู้จัก ชื่อผมก็เรียกถูก”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันพีทว่าเขารู้จักพีท รู้จักพ่อกับแม่แล้วก็รู้จักพี่ชนได้ยังไง แต่พี่ยืนยันได้ว่าที่อยู่ในร่างนี้คือพี่เอง”
“เรื่องนี้มันเชื่อยากนะครับ”
“พีทไม่ต้องเชื่อก็ได้ว่าพี่เป็นพี่ แต่ลองหาทางพิสูจน์ดูว่าคนที่อยู่ในร่างพี่เป็นคนอื่น...ที่จริงเช้าก่อนวันที่จะเกิดอุบัติเหตุ ก็มีเรื่องที่เรารู้กันแค่สองคนเหมือนกัน พีทจะลองเอาเรื่องนั้นไปทดสอบดูก็ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นรู้เรื่องรึเปล่า”
“ทำไม...” เขาไม่รู้จะเอ่ยถามอย่างไรดี ยิ่งไม่อยากจะเชื่อด้วยว่าพี่สาวไปอยู่ในร่างของคนอื่นขณะที่มีใครสักคนมาอยู่ในร่างของพี่สาวแทน
“พี่ไม่รู้เจตนาของคนที่อยู่ในร่างนั้น พี่เป็นห่วงกลัวเขาจะคิดร้าย พีทต้องคอยจับตาดูให้ดีนะ” หญิงสาวยิ้มฝืด “ถ้าเกิดพีทพิสูจน์เรื่องนี้ได้แล้วก็อย่าบอกให้พ่อแม่รู้นะ พี่ไม่อยากให้ท่านตกใจกัน พี่กับคุณฝนแล้วก็คุณว่านเพื่อนคุณฝนกำลังลองพยายามหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้กันอยู่ พี่ไปก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็โทร.เข้าเบอร์ที่พี่ใช้โทร.หาก็แล้วกัน อีกสักวันสองวันพี่คงมีมือถือส่วนตัวใช้”
หญิงสาวผิวขาว เข็นรถตนเองออกไปอีกทาง ชายหนุ่มผิวเข้มที่นั่งอยู่อีกจุดหนึ่งรีบลุกขึ้นมาช่วยเข็นรถให้ทันที ทิ้งให้อาศิสนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ครุ่นคิดถึงคำพูดของหญิงแปลกหน้าอยู่นาน กระทั่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและแสงไฟจากเสาที่ประดับอยู่ในสวนเริ่มติดสว่างขึ้นจึงค่อยรู้สึกตัว
ตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองทำใจเชื่อคำพูดของหญิงแปลกหน้าได้ยากแล้ว แต่ขณะที่กัดกินชิ้นแอปเปิ้ลและมองหญิงสาวที่เขาคุ้นเคยดีมาตั้งแต่จำความได้นี้ เขายิ่งทำใจเชื่อได้ยากกว่า
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่พี่สาวของเขาจริง ๆ
เช้าวันเกิดเหตุ เขาไม่ได้ทอดไข่ดาว ไส้กรอกแล้วทำกระทะไหม้ แต่รีดเสื้อนักศึกษาไหม้ต่างหาก
“คุณฝนล่ะคะ”
“ไม่รู้สิครับ คุยกันสักพักก็หนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
“คุณฝนเขาโกรธอะไรรึเปล่าคะ”
“เปล่าหรอกครับ ฝนเค้าก็เป็นของเค้าแบบนี้”
อวิกาอดยิ้มออกมาไม่ได้ ถ้าหากสลิลาอยู่ด้วยชายหนุ่มคงไม่กล้าตอบอะไรแบบนี้ออกมาแน่ ดูเหมือนว่าวงศ์วรัณจะเข้าอกเข้าใจและยอมตาม ‘เพื่อน’ อยู่ไม่น้อย
“ฝนเขาไม่มีอะไรหรอกครับ บางทีก็ดูเหมือนจะใจร้อน อารมณ์เสียง่าย แต่โกรธเดี๋ยวเดียวก็ลืม”
“ดูคุณว่านจะเข้าใจคุณฝนดีจังนะคะ”
“เรารู้จักกันมาหลายปีนะครับ เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง”
หญิงสาวบนรถเข็นพยักหน้ารับรู้ ทั้งคู่เงียบกันไปพักใหญ่ก่อนที่วงศ์วรัณจะเอ่ยขึ้น
“ผู้ชายคนเมื่อกี้...”
“น้องชายของเพชรเองค่ะ ชื่อพีท”
“คุณเพชรคุยกับน้องชายเรื่อง...เอ่อ...เรื่องที่เกิดขึ้นเหรอครับ”
อวิการับคำสั้น ๆ
“แล้วเขาเชื่อรึเปล่าครับ”
“ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่หวังว่าเขาจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการพิสูจน์สิ่งที่ฉันบอกเขาได้”
ตอบคำของวงศ์วรัณไปแล้ว อวิกาก็ได้แต่ระบายลมหายใจยาว ทั้งสองรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ใครก็คงทำใจให้เชื่อได้ยาก กระทั่งชายหนุ่มเข็นหญิงสาวไปถึงห้องพัก
เมื่อเปิดประตูเข้าไปอวิกาเห็นเพียงวิจิตรและฐิตินั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวยาวของชุดรับแขก ขณะที่วงศ์วรัณมองเห็นหญิงสาวอีกคนกำลังนั่งหลับตาอยู่กอดอกด้วยท่าทีที่แสดงออกถึงความเบื่อหน่ายเจือด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย
“พี่เมฆกลับไปแล้วเหรอครับ”
“อ๋อ...เห็นตาเมฆบอกว่ามีเพื่อนร่วมงานเขา พาลูกสาวมารักษาตัวที่นี่เลยขอไปเยี่ยมหน่อย เดี๋ยวสักพักคงกลับ เมื่อกี้พยาบาลเพิ่งจะเอาถาดอาหารเย็นกับยามาให้ มา ๆ กินข้าวกินยานะยัยฝน”
“ค่ะแม่”
อวิการับคำ ยิ้มให้กับวิจิตร สายตาและท่าทีห่วงใยของสองสามีภรรยาสร้างแรงสะท้อนขึ้นมาในอกเมื่อใจกระหวัดนึกไปถึงผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของตน...เธอจะยังมีโอกาสได้กลับไปเป็นลูกสาวของสุนันทาและมโนเชาว์อีกไหม
หญิงสาวพยายามสกัดกลั้นน้ำตา การทำให้พ่อแม่ของสลิลารับรู้ความจริง จะทำร้ายจิตใจของพ่อแม่ถึงสองคู่ และหากการนิ่งเฉยพยายามหาทางแก้ไขปัญหาอย่างเงียบ ๆ จะช่วยไม่ให้ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนต้องทุกข์ร้อนใจได้ เธอก็จำต้องเลือกทางนั้น
พารินธรเงยหน้าขึ้นมองพยาบาลที่มาเรียกเขาซึ่งนั่งรออยู่หน้าห้องพักแพทย์ เพื่อนสนิทคนหนึ่งเพิ่งจะโทรนัดหมายนายแพทย์หนุ่มใหญ่ซึ่งบังเอิญรับเวรพิเศษอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเขา ดวงตาหลังกรอบแว่นสีเงินดูอ่อนโยนใจดี เอ่ยทักทายเมื่อผู้มาเยือนยกมือขึ้นไหว้
“เมฆใช่ไหม”
“ครับคุณอาหมอ อาร์ตคงจะแจ้งให้ทราบแล้วว่าผมต้องการจะปรึกษาเรื่องน้องสาว”
“น้องของเมฆรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ใช่ไหม”
ชายหนุ่มตอบรับคำสั้น ๆ ยุ่งยากใจกับการเกริ่นนำสิ่งที่เขาสงสัย ตั้งแต่สลิลาฟื้นขึ้นมาเขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติของน้อง หากไม่มั่นใจว่าเป็นเขาเพียงคนเดียวหรือไม่ที่มองผิดไป เพราะวิจิตรและฐิติซึ่งเป็นพ่อแม่นั้นยังสัมผัสไม่ได้
“ผมไม่แน่ใจว่าผมคิดมากไปเองรึเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาบุคลิกของน้องสาวผมดูจะแปลกไป”
“ลองอธิบายให้หมอฟังหน่อยได้ไหม”
“ครับ ผมรู้สึกเหมือนเขาใจลอยบ่อย การพูดจาก็ดูแปลกกว่าที่ผมเคยคุ้น ปกติยัยฝนเป็นคนร่าเริง กับผมเขาพูดจาติดห้วนนิด ๆ ด้วยซ้ำแต่ตอนนี้เขาพูดสุภาพกับผมมาก เหมือน...เหมือนคนแปลกหน้า”
“แล้วพ่อแม่ของเมฆเขาสังเกตเห็นเหมือนกันรึเปล่า”
พารินธรส่ายหน้าเหมือนกับปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองรับรู้มากกว่าที่จะตอบคำถามของนายแพทย์หนุ่มใหญ่
“พ่อแม่ผมอยู่ต่างจังหวัดเสียส่วนใหญ่ ตั้งแต่ยัยฝนโตขึ้นมาผมก็ดูแลน้องเป็นหลัก อีกอย่างกับพ่อแม่ยัยฝนเขาก็พูดคะขาดีอยู่แล้ว ท่านก็เลยอาจจะไม่ได้เห็นสิ่งที่ผมเห็น”
“เมฆไม่แน่ใจใช่ไหมว่าความเปลี่ยนแปลงของน้องเกิดขึ้นจริง ๆ หรือว่าเมฆเป็นฝ่ายคิดไปเอง”
จิตแพทย์หนุ่มใหญ่อ่านความรู้สึกจากสีหน้า ท่าทางของเขาได้ทะลุปรุโปร่ง
“ผมเป็นห่วงน้อง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดมากไปเองรึเปล่า ผมเลยอยากมาปรึกษาเรื่องบุคลิกลักษณะของคนน่ะครับ ว่ามันสามารถเปลี่ยนไปได้เพราะอุบัติเหตุรึเปล่า”
“บุคลิกภาพของคนบางครั้งก็ไม่ใช่สิ่งที่คงที่นะเมฆ บางคนก็เปลี่ยนบุคลิกไปมาตลอด เหมือนว่าเขาไม่มั่นใจในตัวเอง จะบอกว่ามันเปลี่ยนไปเพราะการประสบอุบัติเหตุเสียทีเดียวอาจจะสรุปอย่างนั้นไม่ได้ แต่จะว่าไม่มีผลเสียทีเดียวก็คงไม่ใช่”
“แล้วมันจะมีผลถึงขั้นทำให้เป็นโรคจิต โรคประสาทไหมครับคุณอา”
“อันนี้ก็คงจะตอบไม่ได้แน่ชัดหรอกนะ ถ้าแค่พูดจาสุภาพเรียบร้อยมากขึ้นคงไม่มีอะไร แต่ถ้าเมฆคอยจับตาดูแล้ว น้องสาวมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือไปจากนี้ คงต้องพามาตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด การที่จะให้สรุปว่าใครเป็นโรคจิตโรคประสาทแค่ฟังจากอาการหมอคงระบุไม่ได้หรอกว่าเขาป่วย เมฆคงเข้าใจนะ ถ้าถึงตอนที่มีปัญหาแบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ เมฆคงต้องหาทางพาน้องมาพบอา อายินดีช่วยเต็มที่”
พารินธรรับคำก่อนยกมือขึ้นไหว้กล่าวคำขอบคุณจิตแพทย์หนุ่มใหญ่ ตัดใจเดินออกจากห้องพักแพทย์มาด้วยความรู้สึกที่ยังคลางแคลงอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
ร่างสูงหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์เอื้อมมือไปกดปุ่มลูกศรขึ้น เพราะมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องน้องสาวจึงไม่ทันสังเกตว่าขณะที่เขาเดินเข้าไปภายในพื้นที่สี่เหลี่ยมนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ก่อนแล้ว
“คุณเมฆ คุณเมฆใช่ไหมคะ”
ชายหนุ่มหันกลับไปมองด้านหลังของตัวเองพบหญิงสาวร่างผอมบางในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีฟ้า ชายเสื้อพลิ้วนั้นอยู่ในระดับเหนือสะโพกเล็กน้อย กางเกงยีนสีดำสนิทรัดเรียวขา เขาต้องนึกทบทวนครู่หนึ่งก่อนเอ่ยทวนชื่อของเธอ
“คุณมิน”
“ค่ะ มินเอง ดีใจแทบแย่นึกว่าคุณเมฆจะจำมินไม่ได้เสียอีก”
“จำได้สิครับ ลูกสาวของลูกค้าผมจะลืมได้ยังไง”
เหมือนฝันหรือมิน เป็นลูกสาวของเจ้าของธุรกิจสถานบันเทิงใจกลางเมืองที่เพิ่งยืนสินทรัพย์ขออนุมัติสินเชื่อเพื่อขยายทั้งตัวสถานที่ของสาขาแรกรวมไปถึงเปิดสาขาใหม่ย่านชานเมืองเมื่อไม่กี่เดือนมานี้
พารินธรได้ไปดูสถานที่ของ อิน ดรีม ผับแอนด์เรสเตอรองท์ และได้พบกับหญิงสาวซึ่งช่วยบิดาดูแลกิจการซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารในช่วงเย็น ตกดึกบรรยากาศของร้านก็แปรไปเป็นผับ จากปริมาณลูกค้าที่เริ่มทยอยกันมาในช่วงเย็นเพื่อรับประทานอาหาร เขาก็คาดได้ว่าบิดาของเหมือนฝันน่าจะไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน
วันที่เขาไปดูสถานที่นั้นหญิงสาวให้พนักงานนำอาหารจานเด็กของร้านมาเสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มเป็นเบียร์วุ้นเย็นเชียบ ทั้งยังคอยอยู่ฟังตอนที่เขาคุยธุระเรื่องการขยายร้าน คอยอธิบายเสริมเมื่อบิดาพูดถึงจุดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอาหารและบริการ
ชายหนุ่มไม่ใช่เด็กรุ่นไม่ประสาเรื่องหนุ่มสาว มองสายตาของเหมือนฝันแล้วพอเข้าใจได้ว่าเธอแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าสนใจเขา หากเขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะบุคลิกลักษณะ หรือเพราะตำแหน่งหน้าที่ของเขากันแน่ที่ทำให้หญิงสาวดูไม่สงวนท่าทีนักทั้งที่อยู่ต่อหน้าพ่อ และรายหลังก็ดูจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับกิริยาของลูกสาว
เมื่อเขาลากลับหญิงสาวให้นามบัตรของเธอมาอีกใบหนึ่งทั้งที่พารินธรแจ้งว่ามีนามบัตรของพ่อเธอแล้วก็ตาม เขารับมาใส่กระเป๋านามบัตรหากไม่คิดจะติดต่อไปด้วยเหตุอื่นเพราะถือว่าเธอเป็นลูกค้า
“แหม...คุณเมฆพูดแบบนี้มินเสียใจนะคะ ที่จำมินได้เพราะว่ามินเป็นลูกของคุณพ่อเท่านั้นหรอกเหรอคะ”
พารินธรเพียงแต่ยิ้มไม่ตอบครับหากเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นตะกร้าในมือของหญิงสาว “คุณมินมาเยี่ยมใครเหรอครับ”
“เพื่อนคะ” เธอตอบพลางมองตะกร้าหวายบุฟ้าสีผ้าอ่อนบรรจุของใช้เด็กอ่อนอย่างดี “เพิ่งแต่งเมื่อปีก่อน ปีนี้มีน้องแล้ว น่าอิจฉาจังนะคะ…แล้วคุณเมฆมาเยี่ยมใครคะ”
“น้องสาวผมประสบอุบัติเหตุครับ”
“คงไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ แย่จัง ถ้ารู้มินจะได้ซื้อผลไม้ไปเยี่ยมด้วย”
“อย่าลำบากเลยครับคุณมิน”
“ไม่ได้สิคะ คุณเมฆมาคอยดูแลให้จนทางธนาคารอนุมัติสินเชื่อให้คุณพ่อ มินยังไม่ได้ตอบแทนเลย”
คำว่า ‘ตอบแทน’ ของเหมือนฝันฟังสะดุดหู เธอแทบไม่ปิดนัยเชิญชวนในคำพูดเลยแม้แต่น้อย เธอคะยั้นคะยอขอหมายเลขห้องจากเขา เมื่อเห็นว่าป่วยการปฏิเสธ พารินธรจึงบอกไปหากแต่เอ่ยทิ้งท้าย
“แต่พรุ่งนี้ยัยฝนก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะครับ ผมว่าถ้าคุณมินอยากจะตอบแทนผมเรื่องสินเชื่อ ขอเป็นโอกาสหน้าดีกว่านะครับ จะว่าไปแล้วเรื่องนี้มันเป็นงานของผมอยู่แล้วคุณมินไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไรผมด้วยซ้ำ”
“ไม่ได้ค่ะ มินถือว่าคุณเมฆรับปากว่าจะให้มินทำอะไรบางอย่างตอบแทนเรื่องที่วงเงินกู้ของคุณพ่อได้รับอนุมัติ เอาไว้วันไหนโอกาสเหมาะมินขออนุญาตโทรนัดคุณเมฆก็แล้วกันนะคะ”
“ครับ”
ประตูลิฟต์เปิดออก หญิงสาวก็เดินผละออกไป มือเรียวยกโบกเล็กน้อย พารินธรยิ้มตอบรอยยิ้มเย้ายวนของเหมือนฝัน ใจอดนึกถึง ‘ค่าตอบแทน’ ที่เขาจะได้รับไม่ได้
แม้ใจหนึ่งจะนึกถึงความสุขทางกายที่เขาอาจะได้รับเป็นรางวัล แต่อีกใจก็ทำให้เขาเลือกที่จะกดลิฟท์ไปยังชั้นที่ผู้ป่วยหญิงคนหนึ่งนอนพักรักษาตัวอยู่ อยากจะเอื้อมมือไปเคาะประตูหากเมื่อเห็นว่าเธอมีทั้งพ่อ แม่และคนรักดูแลอยู่แล้วก็ตัดใจหันหลังเดินกลับ
อาศิสเปิดประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยพิเศษซึ่งพี่สาวนอนพักรักษาตัวอยู่นาน จากที่มีสภาพคล้ายคนหลับแต่ไม่มีอาการรับรู้อะไรจนกระทั่งฟื้นคืนสติขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อน มโนเชาว์นอนเอนหลังอยู่บนโซฟาตัวยาวขณะที่สุนันทากำลังปอกผลไม้ใส่จาน ข้างเตียงคนไข้นั้นชนวิทคอยนั่งดูแลอวิกาอยู่
“มาพอดีเลยพีท มาซะเย็นป่านนี้กินข้าวมาแล้วใช่ไหม มานี่มา...แม่ปอกแอปเปิ้ลให้พี่เขา เผื่อให้เราด้วยนะ”
“แหม...แม่ ของผมแค่ของแถมเหรอครับ”
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ ก็พี่เขาป่วยนี่ ตอนพี่เขาดี ๆ เขาก็ช่วยพ่อแม่ดูแลเราเหมือนกันนะ นี่พี่เขายังไม่หายดีแม่ก็ต้องดูแลพี่เขา จะให้เอาใจเราคนเดียวเลยหรือไง”
“โห...พี่เพชร พี่ชนดูสิ ผมพูดเล่นแค่นี่โดนเป็นชุด นี่ถ้ารู้เรื่องเช้าวันที่พี่เพชรประสบอุบัติเหตุสงสัยผมโดนบ่นหูชา...”
อาศิสพูดไปแล้วทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ว่าไม่ควร สุนันทาที่ทำท่าจะส่งจานผลไม้ให้ลูกชายขมวดคิ้วก่อนเอ่ยถาม
“เรื่องอะไรกันเหรอเพชร พีท มีอะไรปิดแม่ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
หญิงสาวที่นั่งพิงหมอนอยู่บนเตียงคนไข้ เพียงแต่ยิ้มไม่ตอบคำ ผู้เป็นแม่จึงหันไปคาดคั้นเอากับลูกคนเล็ก
“ว่ายังไงพีท นี่แอบทำเรื่องอะไรกัน ถ้าไม่บอกก็ไม่ต้องกิน”
“โธ่...แม่ครับ แค่เรื่องกระทะไหม้เองไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย”
“อะไรนะ นี่ทำกระทะแม่ไหม้เหรอ ไปทำยังไงเข้าล่ะ”
“พีททอดไข่ดาวกับไส้กรอก แล้วพอดีเพื่อนมันโทร.มา คุยกัน...ไม่นานนะแม่ ไม่นานจริง ๆ”
“ไม่นานแล้วกระทะแม่จะไหม้ได้ยังไง” สุนันทาดุ ดึงจานในมือกลับไปถือไว้ใกล้ตัว “แล้วแม่ก็เห็นว่ากระทะที่บ้านยังอยู่ครบทุกใบไม่เห็นมีใบไหนหายไปนี่”
“ก็...พี่เพชรช่วยปิดให้ แล้วก็ให้เงินผมไปหาซื้อใบใหม่ที่เหมือนกันเปี๊ยบมาแทน วันนั้นผมเรียนครึ่งวันเช้าเสร็จ ก็เลยซื้อใบใหม่มาเปลี่ยนคืน ใบเดิมก็ทิ้งไปแล้วล่ะครับ” อาศิสอ้อน “ให้ผมกินเถอะนะครับ แม่ปอกแอปเปิ้ลสวยน่ากินที่สุดเลย”
“จริง ๆ เลยนะพีท เลยต้องเดือดร้อนพี่เขา ที่จริงเงินเดือนพี่เขาก็แบ่งให้แม่ใช้จ่ายซื้อของสดของแห้งเข้าบ้านทุกเดือนอยู่แล้ว ถ้าไม่ปิดแม่ แม่เอาเงินส่วนที่พี่เขาช่วยค่าใช้จ่ายไปซื้อก็ได้”
“ไม่เป็นไรคะแม่ เรื่องเล็ก”
“เพชรก็ตามใจน้องเกินไป พีทถึงได้เหลวไหลใหญ่”
คนว่าลูกสาวตามใจน้องกลับยื่นจานผลไม้ให้ลูกชาย ไม่ดุว่าอะไรอาศิสอีก ชายหนุ่มถือจานผลไม้เดินไปนั่งบนเก้าอี้นวมตัวเล็กปลายเท้าผู้เป็นพ่อ มโนเชาว์นอนหลับสนิทส่งเสียงกรนเล็กน้อย
“เบา ๆ ล่ะพีท เดี๋ยวพ่อตื่น”
คำเตือนของสุนันทานั้นแทบไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะอาศิสนั้นนั่งนิ่ง หยิบกลีบแอปเปิ้ลกลิ่นหอมเข้าปากโดยไม่สนใจจะใช้ส้อมจิ้มเล็ก ๆ ที่ผู้ให้กำเนิดวางไว้ให้ สายตาจับไปทางหญิงสาวในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล นึกถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงกลางวันที่เขากำลังนั่งทำรายงานส่งอาจารย์อยู่ที่บ้าน
ชายหนุ่มแปลกใจที่มีหมายเลขไม่คุ้นเคยโทรเข้ามือถือของเขา เมื่อรับสายเสียงใสก็ดังขึ้น
“พีท...เอ่อ...คุณพีทใช่ไหมคะ”
“ครับ” อาศิสไม่คุ้นทั้งเบอร์และน้ำเสียงของหญิงสาว “ใครครับนั่นน่ะ”
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณนะ เรื่องสำคัญขอฉันพบคุณได้ไหมคะ”
จะว่าไปเสียงนี่เหมือนเขาจะเคยได้ยินไม่นานมานี้...ใครนะ...เสียงแบบนี้
“คุณคือ...คุณฝนรึเปล่าครับ ผมเริ่มจะคุ้นเสียง”
“ใช่ค่ะ”
“คุณฝนมีธุระอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ แน่ใจนะครับว่าไม่ใช่ว่าคุณฝนอยากจะหาทางเอาเรื่องพี่สาวผมที่ขับรถพุ่งไปชนรถคุณ”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่เรื่องนั้นแน่นอน เอาเป็นว่าฉันขอพบคุณสักครู่ได้ไหมคะ ตอนนี้คุณพีทอยู่ที่ไหนคะ”
“ผมอยู่บ้านครับ ทำรายงานใกล้เสร็จแล้ว’ อาศิสยังไม่ค่อยเข้าใจวัตถุประสงค์ของฝ่ายที่ติดต่อมา แต่เขาก็อยากจะรู้ให้แน่ “อาจจะเข้าไปเยี่ยมพี่สาวช่วงเย็น”
“ถ้าอย่างนั้นเราเจอกันที่สวนสาธารณะชั้นสิบสองของโรงพยาบาลได้ไหมคะ ขอเวลาไม่นาน”
ความใคร่รู้ทำให้ชายหนุ่มตอบรับคำ และไปพบกับหญิงสาวตามนัดหมาย
อาศิสทำรายงานเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าออกเดินทางไปยังโรงพยาบาลเพราะบอกพ่อกับแม่เอาไว้ว่าอาจจะเข้าไปช่วงเย็น เขาจึงไม่เร่งรีบนักแต่กระนั้นการจราจรในวันเสาร์ก็คล่องตัวพอควร ทำให้มีเวลาไปนั่งรอก่อนเวลานัดหมาย เมื่อถึงเวลานัดก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข็นรถนำหญิงสาวในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลออกมาจากบริเวณอาคาร
เธอหมุนล้อรถเข็นเข้ามาหาเขาขณะที่ชายคนที่พามานั้นเลี่ยงเดินไปหาที่นั่งอีกทางหนึ่ง เรียวปากขยับยิ้มอ่อนทว่าหลังจากนั้นกลับนิ่งไปเหมือนกับคิดหาคำพูดที่จะใช้เริ่มต้นการสนทนา
“คุณพ่อคุณแม่สบายดีใช่ไหม”
หญิงสาวเริ่มต้นด้วยคำถามที่ค่อนข้างแปลกในความคิดของอาศิส ซ้ำเธอยังใช้คำเรียกแทนราวกับถามถึงพ่อแม่ของตนเองทั้งที่ไม่ได้รู้จักสนิทสนมอะไรกับครอบครัวของเขา
“สบายดีครับ ว่าแต่คุณฝนมีธุระอะไรกันแน่ครับ”
“ก่อนที่พี่...เอ่อ ขอเรียกแทนตัวเองว่าพี่ก็แล้วกันนะ ก่อนที่พี่จะพูดอะไร ขอให้พีทลองตั้งใจฟัง อย่าเพิ่งพูดอย่าเพิ่งถามอะไรทั้งนั้นได้ไหม”
เขาขมวดคิ้วมองตอบสายตาที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นของหญิงสาวใบหน้ารูปหัวใจแล้วได้แต่พยักหน้าเบา ๆ พลางเอ่ยรับคำ
“ตอนที่พีทอยู่มอสาม พี่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง พ่อกับแม่เราไปสัมมนาต่างจังหวัด วันนั้นพีทดื่มน้ำอัดลมไปเสียเยอะแยะเมื่อตอนหัวค่ำ พี่ห้ามก็ไม่ฟัง...”
หญิงสาวเว้นช่วงคล้ายจะรอสังเกตปฏิกิริยาของเขา อาศิสอ้าปากค้างก่อนหุบลงหมายใจจะฟังเรื่องที่เธอจะพูดให้จบ
“เช้าวันรุ่งขึ้น พี่ไปเรียกพีทลงมากินข้าวก็เจอพีทนอนอยู่กับพื้น ที่นอนเปียกไปหมด พี่ช่วยเอาผ้าปู ปลอกหมอนไปซัก พีทขอร้องให้พี่ไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แล้วพี่ก็รักษาสัญญามาตลอด”
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
“พี่รู้ว่ามันเหลือเชื่อ แต่ถ้าพีทยังต้องการจะพิสูจน์ความจริง พี่ยังมีเรื่องที่เรารู้กันแค่สองคนพี่น้องอีก”
อาศิสขยับตัวเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไรขัด
“ตอนพีทเรียนปีหนึ่ง พี่เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่กี่เดือน พีทมีเรื่องต่อยตีกับเด็กนักศึกษาที่มารังแกเพื่อนในกลุ่ม พีทให้อาจารย์ฝ่ายวินัยของมหาวิทยาลัยโทรหาพี่ พี่ต้องลางานทั้งที่ยังไม่ผ่านทดลองงาน ไปลงชื่อรับทราบทัณฑ์บนของพีท...เรื่องนี้พีทก็ขอเอาไว้เหมือนกันว่าไม่ให้บอกพ่อกับแม่ พี่ไม่เคยบอกท่าน แล้วก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังด้วย”
“คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้ร่วมมือกับพี่สาวผม หาเรื่องแกล้งอำกัน”
“ถ้าพีทรู้จักพี่ดี พีทจะไม่พูดแบบนี้”
ชายหนุ่มนิ่งงัน ใช่...พี่สาวเขาไม่ใช่คนชอบล้อชอบอำ อวิกาออกจะเป็นคนที่นิ่งและจริงจังกับเรื่องต่าง ๆ ด้วยซ้ำ
“คุณจะบอกว่าคุณคือพี่สาวผมอย่างนั้นเหรอครับ”
“ถ้าพีทเชื่อเรื่องจิตวิญญาณหรืออะไรแบบนั้น พี่ยืนยันว่าถึงพีทจะมองเห็นว่าร่างกายของพี่เป็นคุณฝนแต่ที่อยู่ข้างในนี้คือพี่จริง ๆ”
“ถ้าคุณคือพี่เพชร แล้วในห้องพักนั่นก็คือคุณฝน...” อาศิสนิ่วหน้า “ไม่ใช่ ถ้าเป็นคุณฝนไม่น่าจะรู้จักพี่ชนนี่ วันที่ฟื้นขึ้นมาพอเห็นหน้าพี่ชนก็โผเข้ากอด เรียกชื่อถูก พ่อแม่ก็รู้จัก ชื่อผมก็เรียกถูก”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันพีทว่าเขารู้จักพีท รู้จักพ่อกับแม่แล้วก็รู้จักพี่ชนได้ยังไง แต่พี่ยืนยันได้ว่าที่อยู่ในร่างนี้คือพี่เอง”
“เรื่องนี้มันเชื่อยากนะครับ”
“พีทไม่ต้องเชื่อก็ได้ว่าพี่เป็นพี่ แต่ลองหาทางพิสูจน์ดูว่าคนที่อยู่ในร่างพี่เป็นคนอื่น...ที่จริงเช้าก่อนวันที่จะเกิดอุบัติเหตุ ก็มีเรื่องที่เรารู้กันแค่สองคนเหมือนกัน พีทจะลองเอาเรื่องนั้นไปทดสอบดูก็ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นรู้เรื่องรึเปล่า”
“ทำไม...” เขาไม่รู้จะเอ่ยถามอย่างไรดี ยิ่งไม่อยากจะเชื่อด้วยว่าพี่สาวไปอยู่ในร่างของคนอื่นขณะที่มีใครสักคนมาอยู่ในร่างของพี่สาวแทน
“พี่ไม่รู้เจตนาของคนที่อยู่ในร่างนั้น พี่เป็นห่วงกลัวเขาจะคิดร้าย พีทต้องคอยจับตาดูให้ดีนะ” หญิงสาวยิ้มฝืด “ถ้าเกิดพีทพิสูจน์เรื่องนี้ได้แล้วก็อย่าบอกให้พ่อแม่รู้นะ พี่ไม่อยากให้ท่านตกใจกัน พี่กับคุณฝนแล้วก็คุณว่านเพื่อนคุณฝนกำลังลองพยายามหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้กันอยู่ พี่ไปก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็โทร.เข้าเบอร์ที่พี่ใช้โทร.หาก็แล้วกัน อีกสักวันสองวันพี่คงมีมือถือส่วนตัวใช้”
หญิงสาวผิวขาว เข็นรถตนเองออกไปอีกทาง ชายหนุ่มผิวเข้มที่นั่งอยู่อีกจุดหนึ่งรีบลุกขึ้นมาช่วยเข็นรถให้ทันที ทิ้งให้อาศิสนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ครุ่นคิดถึงคำพูดของหญิงแปลกหน้าอยู่นาน กระทั่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและแสงไฟจากเสาที่ประดับอยู่ในสวนเริ่มติดสว่างขึ้นจึงค่อยรู้สึกตัว
ตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองทำใจเชื่อคำพูดของหญิงแปลกหน้าได้ยากแล้ว แต่ขณะที่กัดกินชิ้นแอปเปิ้ลและมองหญิงสาวที่เขาคุ้นเคยดีมาตั้งแต่จำความได้นี้ เขายิ่งทำใจเชื่อได้ยากกว่า
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่พี่สาวของเขาจริง ๆ
เช้าวันเกิดเหตุ เขาไม่ได้ทอดไข่ดาว ไส้กรอกแล้วทำกระทะไหม้ แต่รีดเสื้อนักศึกษาไหม้ต่างหาก

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ม.ค. 2555, 00:37:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ม.ค. 2555, 12:18:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 2167
<< ตอนที่ 5 | ตอนที่ 7 >> |

กมลภัทร 15 ม.ค. 2555, 00:41:27 น.
กลับมาตอบเมนท์แบบเดิม ๆ ดีกว่า รู้สึกว่าได้คุยกับคนอ่านหน่อย ^^
ของขวัญ >>>> เรื่องนี้ไม่ค่อยเน้นซ่อนอะไรนะครับ ตรง ๆ อิอิ
pseudolife >>>> อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง รึเปล่าน้า
lovemuay >>>> สงสัยมากซะด้วยสิครับ
XaWarZd >>>> อันนี้ต้องติดตามกันต่อไปนะครับ
นกอุมาพร >>>> อุบไว้หน่อยก่อนนะครับ ^^
กลับมาตอบเมนท์แบบเดิม ๆ ดีกว่า รู้สึกว่าได้คุยกับคนอ่านหน่อย ^^
ของขวัญ >>>> เรื่องนี้ไม่ค่อยเน้นซ่อนอะไรนะครับ ตรง ๆ อิอิ
pseudolife >>>> อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง รึเปล่าน้า
lovemuay >>>> สงสัยมากซะด้วยสิครับ
XaWarZd >>>> อันนี้ต้องติดตามกันต่อไปนะครับ
นกอุมาพร >>>> อุบไว้หน่อยก่อนนะครับ ^^

sai 15 ม.ค. 2555, 00:52:33 น.
อ่านไปก็ลุ้นไป
อ่านไปก็ลุ้นไป

jink 15 ม.ค. 2555, 01:03:23 น.
อย่างน้อยก็มีคนรู้แล้วว่าในร่างเพชณเป็นตัวปลอม คราวนี้ก็มารอดูกันดีกว่าว่าใครกันที่สิงร่างเพชร
อย่างน้อยก็มีคนรู้แล้วว่าในร่างเพชณเป็นตัวปลอม คราวนี้ก็มารอดูกันดีกว่าว่าใครกันที่สิงร่างเพชร

lovemuay 15 ม.ค. 2555, 09:23:11 น.
แหม..แอบปลื้มหนุ่มพีทซะแระ ขอได้ป่ะคะ? อิอิ
แหม..แอบปลื้มหนุ่มพีทซะแระ ขอได้ป่ะคะ? อิอิ

pseudolife 15 ม.ค. 2555, 16:58:21 น.
ลุ้นกันต่อไป มีน้องพีทมาเป็นกำลังสำคัญอีกแรง^^
ลุ้นกันต่อไป มีน้องพีทมาเป็นกำลังสำคัญอีกแรง^^

ของขวัญ 16 ม.ค. 2555, 01:10:50 น.
เอ พี่เมฆเกี่ยวข้องอะไรกับคุณเพชรหรือเปล่าเนี่ย ชักสงสัยแล้ว
เอ พี่เมฆเกี่ยวข้องอะไรกับคุณเพชรหรือเปล่าเนี่ย ชักสงสัยแล้ว

XaWarZd 16 ม.ค. 2555, 04:40:13 น.
แล้วเค้าเป็นใครอ่ะ เมื่อไหร่จะรู้ความจริง พีทก็นะ นายแจ๋วมาก หลอกล่อได้เก่ง
แล้วเค้าเป็นใครอ่ะ เมื่อไหร่จะรู้ความจริง พีทก็นะ นายแจ๋วมาก หลอกล่อได้เก่ง

น้องอุด้ง 16 ม.ค. 2555, 09:03:34 น.
ลุ้นนนนนนนนนนนนน><
ลุ้นนนนนนนนนนนนน><

กมลภัทร 16 ม.ค. 2555, 12:19:19 น.
แอบเข้ามาเก็บไก่ กระต๊าก ๆ ตัวละครสลับร่าง คนเขียนประสาทกลับ ^^
แอบเข้ามาเก็บไก่ กระต๊าก ๆ ตัวละครสลับร่าง คนเขียนประสาทกลับ ^^

panon 16 ม.ค. 2555, 14:30:40 น.
อยากรู้ความจริงอ่ะเขาคือใครน่ะ
อยากรู้ความจริงอ่ะเขาคือใครน่ะ

เพียงพลอย 16 ม.ค. 2555, 22:52:18 น.
ติดตามต่อ ลุ้นคุณน้องชายช่วยพี่สาว ^^
ติดตามต่อ ลุ้นคุณน้องชายช่วยพี่สาว ^^

นกอุมาพร 18 ม.ค. 2555, 23:39:28 น.
อึดอัดใจเหลือหลาย ตกลงหล่อนคนนั้นเป็นใครกันแน่ เปิดเผยตัวออกมาซะดี ๆ
อึดอัดใจเหลือหลาย ตกลงหล่อนคนนั้นเป็นใครกันแน่ เปิดเผยตัวออกมาซะดี ๆ

wane 19 ม.ค. 2555, 12:47:15 น.
อ่านไปลุ้นไปตลอดค่ะ ...ได้คนช่วยเพิ่มมาอีกหนึ่งแล้ว
อ่านไปลุ้นไปตลอดค่ะ ...ได้คนช่วยเพิ่มมาอีกหนึ่งแล้ว