ม่านพรหม
เมขลา น้องสาวคนเล็กของผู้การจิรวัติ เธอผู้มีซิกเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ สามารถยั่งรู้อนาคตของคนอื่นได้บ้าง..เมขลา ต้องพบกับภัยคุกคามจาก กฤษณะ อดีตคนรักของลูกค้า เพราะเธอไปดูว่า กฤษณะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอคนนั้น...จากเรื่องสนุก ๆ ที่ได้รู้อนาคตคนอื่น เมขลา เริ่มเครียด และเขาก็ค่อย ๆ ทำให้เธอรู้ว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้นั้น ไม่ได้เกิดจาก รู้ดวงชะตา..
Tags: นายรถไฟ กับยายซิกเซ้นส์

ตอน: 4.ศุภนิมิตร

ม่านพรหม
4.

กฤษณะมองเบอร์โทรศัพท์ในมือแล้วอมยิ้ม...

ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ..เจ้าหล่อนคนนั้นมีชื่อเล่นว่า หนูนา ชื่อจริง เมขลา นามสกุล สุกปลั่ง พักอยู่กับเพื่อนชื่อวิจิตรศราเป็นเจ้าของร้านนางฟ้าคาเฟ่กับเป็นเจ้าของตึกแถวห้องนั้น..หล่อนเป็นคนนครสวรรค์ทำงานอยู่ที่สีลมยังไม่ถึงปี..โดยชอบนั่งรถไฟไปทำงาน..

กฤษณะหลับตาลง นึกถึงตอนที่เขารับผิดชอบขบวนรถที่เข้าถึงสถานีดอนเมืองประมาณ 6 โมงเช้า..มันจะมีบางวันที่เขาเห็นเจ้าหล่อนบ้างไหม และมันจะมีบ้างไหม ที่เจ้าหล่อนมองเห็นเขา..เขาที่ชอบนั่งเก็กหล่อเวลาที่หัวรถจักรจะถึงสถานีรถไฟเพราะอยากให้สาว ๆ ที่ยืนรอรถอยู่มองเห็นเขา..ส่งสายตาทอดสะพาน
แต่อย่างว่าถึงจะมีสาว ๆ ส่งสายตาให้พนักงานขับรถกับช่างเครื่องที่นั่งคู่กันมา..แต่ว่า โอกาสที่จะสานสัมพันธ์ก็หาได้มีง่าย ๆ และเขาเองตั้งแต่มีมัทนา เขาก็ต้องหลบสายตาหญิงอื่นเพราะไม่อยากมีปัญหา
พรหมจรรย์ของมัทนากับข้อสัญญาว่าเขาต้องเธอคนเดียว..นั่นคือสัญญาของลูกผู้ชาย..

แต่มัทนาก็เลือกที่จะไปจากชีวิตของเขาอย่างฉับพลัน...ปล่อยให้เขาเคว้งคว้างกับอนาคตที่ได้ช่วยสานกันไว้..

กฤษณะถอนหายใจออกมา..เขาจะต้องเข้มแข็งให้เร็วที่สุด..กฤษณะมองเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาจากน้องอ้อ ญาติของอาวุธที่ทำงานในร้านนางฟ้าคาฟ่อีกครั้ง..นึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนสี่ทุ่มกว่า ๆ แล้วก็ยังไม่หายประหลาดใจ..ขณะที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่กับอาวุธในร้านซึ่งเป็นญาติ ๆ ของอาวุธ..ที่ตั้งอยู่หน้าร้านนางฟ้าคาเฟ่ ตอนที่จะสั่งเช็คบิล เขากับอาวุธที่นั่งหันข้างให้ร้านนั้น ก็เห็นว่าที่ประตูเหล็กยืดช่องเล็กนั้น..มีเมขลากำลังนั่งลงไขกุญแจส่วนวิจิตรศราซึ่งเขามารู้ชื่อภายหลังจากดอกอ้อถือของรออยู่ และเมื่อสองสาวเข้าบ้าน..เขาก็เงยหน้ามองป้ายหน้าร้าน..อาวุธเองก็หันมาจ้องหน้าของเขา ก่อนจะยกมือขึ้นตบกัน..

“ไหมละไอ้น้า..โห..พรหมลิขิตจริง ๆ เลยวุ้ย..เค้าเกิดมาเพื่อมึงแน่ ๆ”

ตอนนั้นเขารู้สึกขนลุกเกลียวขึ้นมา..ใจที่ลิงโลดอย่างประหลาดมีคำถามว่า ‘พระพรหมมีจริงอย่างนั้นหรือ’ แต่อีกใจตอนนี้เขาก็ได้บังเอิญเจอเจ้าหล่อนถึงสามครั้งในหนึ่งวัน..มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้แต่มันก็เป็นไปแล้ว และที่สำคัญในตอนนี้ เขาก็มีน้องอ้อลูกพี่ลูกน้องของอาวุธซึ่งทำงานอยู่ในร้านนั้นมาเป็นสปายให้ด้วย..

และเมื่อนึกสนุกกับพระพรหมที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริง ๆ หรือเปล่า กฤษณะก็กดโทรออกไปหาเจ้าของหมายเลข เพราะมั่นใจว่า..ระหว่างเขากับเธอจะต้องมีเรื่องคุยกันอย่างยืดยาวแน่ ๆ..

เสียงรอสายของหญิงสาวไม่มีเสียงเพลงบ่งบอกความรู้สึก..เขานึกถึงหน้าตาเจ้าของเบอร์..ผมหน้าม้าด้านหลังยาวสลวยสีดำไร้สีสันปรุงแต่งอย่างที่สาว ๆ สมัยนี้นิยม ชุดที่สวมอยู่ก็ดูเรียบร้อยผิดกับมัทนาอย่างสิ้นเชิง..

“สวัสดีค่ะ”..

เสียงที่ตอบรับกลับมานั้นนุ่มนวล..ผิดกับตอนที่คุยกับเขายามมีอารมณ์โกรธขึ้ง
เขาปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ..แน่นอนว่าทางนั้นแปลกใจจนน้ำเสียงเข้มขึ้น

“สวัสดีค่ะ..ถ้าไม่พูดฉันจะวางสายนะ..”

“สวัสดีครับ พูดสิครับ”

“ใคร” น้ำเสียงห้วนสั้นบ่งบอกให้รู้ว่าไม่พอใจ

“น้าครับ”

“น้าไหน..โทรผิดแน่ ๆ”

“โทรไม่ผิดหรอกครับ ตั้งใจโทร..”

“ฉันไม่รู้จักคนชื่อนี้..”

“ผมก็ยังไม่รู้จักคนที่ผมโทรหาเลยครับ”

“แล้วเอาเบอร์ฉันมาจากไหน”

“แผลที่หน้าคุณเป็นอย่างไรบ้าง”

“รู้ได้อย่างไรว่าหน้าฉันมีแผล”

“เมื่อเช้าผมเห็นว่าคุณเดินชนกับ..แล้วคุณก็ล้มลงไป เลือดไหล”

“คุณเห็น..”

“ครับ ผมเห็น ผมห่วง คุณเป็นอย่างมาก..”

“แล้วคุณเป็นใคร เอาเบอร์ฉันมาได้อย่างไร”

“ผมเป็นห่วงนะครับ..เป็นอะไรมากไหม”

“ฉันอยากรู้ว่าฉันคุยอยู่กับใคร”

“น้าครับ..คะน้า”

“นี่..ฉันขอวางสายนะ..ฉันจะนอน”

“งั้นฝันดีนะครับ..”

เสียงสัญญาณถูกตัดขาดไปโดยที่กฤษณะเองก็ยิ้มกริ่มกับวิธีการจีบสาวที่หวังผลเพียงแค่ว่า หาอะไรทำแบบ
เซ็งดีกว่าอยู่อย่างเหงา ๆ



งานในวันนี้ของกฤษณะคือรับรถขบวน 202 ที่วิ่งมาจากพิษณุโลกถึงนิคมรถไฟ กม.11 เข้าสถานีกรุงเทพฯ ในเวลาบ่ายโมงกว่า ๆ กฤษณะจึงมีเวลาเล่นเกมส์กับสาวที่อาวุธเป่าหูให้เขาเชื่อว่าเป็นลิขิตจากพระพรหม ด้วยรู้ว่าเมขลาจะนั่งรถไฟมาถึงที่สถานีกรุงเทพฯ ในเวลากี่โมงและจะขึ้นรถสายไหนไปทำงาน ในวันที่เขาก็นอนไม่ค่อยหลับเพราะจิตใจนั้นยังสลัดมัทนาไม่หลุด เขาจึงตื่นแต่เช้า ขี่รถออกจากแฟลตแวะไปตลาด อตก. ซื้อดอกไม้ช่อกำลังพอเหมาะมือใส่ถุงแขวนแฮนด์รถแล้วรีบบึ่งมายังหัวลำโพง..

กระทั่งเห็นว่าหญิงสาวที่เขามีเหตุต้องขอโทษเป็นการใหญ่ลงมาจากรถ เขาก็ออกจากที่ซ่อนสะกดรอยตามจนกระทั่งเมขลาไปยืนสงบนิ่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ พอรถสายที่เจ้าหล่อนต้องการขึ้นแล่นเข้ามาจอด
เมขลาก็ก้าวขึ้นไปอย่างว่องไว กฤษณะก้าวขึ้นทางประตูหลัง และเมื่อเห็นว่าเมขลาเข้าไปนั่งติด
หน้าต่างเขาก็สาวเท้าเข้าไปทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ..

พอนั่งลงแล้วเมขลาก็มองไปนอกรถ..แต่ความรู้สึกของเมขลานั้นที่ว่างข้างกายของเธอมีผู้ชายในชุดกางเกงสีกรมท่ามาทรุดตัวลงนั่งพร้อมกับกลิ่นดอกกุหลาบโชยเข้ามาเตะจมูก และพอเหลือบตาไปมองเมขลาก็เห็นว่าเขาถือกุหลาบช่อสีขาววางไว้บนตัก..เมขลาอมยิ้มแล้วหันกลับไปมองข้างทาง..โดยคิดในใจว่า เขาคนนั้นคงจะถือกุหลาบไปให้แฟนและแฟนของเขาคงจะดีใจเป็นอย่างมาก

เพราะดอกกุหลาบเป็นดอกไม้สื่อรัก..สีขาวเป็นรักอย่างบริสุทธิ์ใจ..เธอเองก็ชอบกุหลาบสีขาว แต่ยังไม่ได้เคยได้จากใคร..เนื่องจากอยากให้เธอเพราะความรักจริง ๆ สักที..มีแต่เพื่อน ๆ ที่ให้กันในวันวาเลนไทน์ตามธรรมเนียมของฝรั่งเท่านั้น

เมขลานั่งปล่อยใจเลื่อนลอยมองข้างทางพลางครุ่นคิดถึงงานที่ยังกองสุมอยู่บนโต๊ะ นึกถึงเป้าหมายของตนที่จะต้องทำให้ได้..พี่ต้นกล้า จิรวัติ พี่ชายคนโตเป็นนายทหารเรืออยู่ที่สัตหีบ พี่ชายคนรอง พี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ เป็นอาจารย์สอนศิลปะอยู่ที่วิทยาลัยในวัง และยังทำงานอิสระอย่างที่ใจรักได้เงินมากมายแต่ก็ใช้ชีวิตอย่างสมถะเข้าวัดเข้าวาทำบุญแถมยังส่งมาให้เธอใช้อยู่เสมอ ส่วนเธอนั้นเป้าหมายก็คืองานราชการ ที่จะต้องสอบแข่งขันเข้าทำงานให้ได้ในเร็ววัน เพราะชีวิตในกรุงเทพฯ เธอรู้สึกว่ามันไม่ใช่ชีวิตของเธอ ถ้าสอบได้เมื่อไหร่ เป้าหมายของเธอคือการย้ายออกไปจากที่นี่ ถ้าได้กลับไปอยู่นครสวรรค์อยู่ใกล้ ๆ พ่อกับแม่เธอคงจะมีความสุขเป็นอย่างมาก

เมขลานั่งคิดเพลิน ๆ จนกระทั่งรถวิ่งจะถึงป้ายที่เธอต้องลง ด้วยนั่งข้างในเมขลาจึงต้องหันมาหาคนที่นั่งปิดทางเธออยู่ และพอเห็นหน้าของเขาที่มองตรงไปด้านหน้า เมขลาก็ต้องเบิกตากว้าง..

“คุณ..” เมขลาเผลอขึ้นเสียง และเขาก็หันมายิ้มให้ แต่เป็นยิ้มที่เมขลารู้สึกว่ามันยียวนกวนประสาทเป็นที่สุด..

“ฉันจะลงป้ายหน้า”..

เขาเบี่ยงขาเปิดทางให้เมขลาลุกขึ้นและด้วยไม่อยากถูกตัวของเขาเมขลาจึงลุกออกจากเก้าอี้อย่างระมัดระวังเป็นที่สุด..

“ผมอาบน้ำแล้ว เชื้อโรคไม่มีหรอกน่า”

เมขลาไม่ตอบเพราะถือว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะคุยด้วย..หญิงสาวปั้นหน้าปั้นปึ่งไปที่ประตู พอรถจอดที่ป้ายรถเมล์เมขลาก็รีบก้าวลงจากรถ..จุดหมายก็คือตึกสำนักงานที่อยู่ไม่ไกลจากสายตา..

แต่พอเดินไปได้ยี่สิบเมตรที่ข้างกายของเธอ ก็มีเขา..คนที่เธอตั้งชื่อไว้ในใจว่า ‘ไอ้บ้า’ ก็ก้าวเท้า ยาว ๆ มาเดินเคียงกัน แถมในมือยังมีช่อดอกไม้เหมือนกับว่ากำลังจะส่งให้เธอด้วย..

“คุณ ๆ จะรีบไปไหน”

“นายจะอยากรู้ไปทำไม”

“ก็ผมมีธุระกับคุณ”

“แต่ฉันไม่มี”

“แต่ผมมี..”

“ไปไกล ๆ เลย อย่ามาเดินใกล้ฉัน”

“ก็ผมจะคุยกับคุณ..คุณก็หยุดสิ..” เมขลาหยุดทันที ดังนั้นเขาจึงถอยหลังกลับมา..และวิธีการถอยของเขาเกือบทำให้เมขลาหัวเราะออกมาแต่ว่าเจ้าหล่อนก็จำเป็นต้องปั้นหน้าเคร่งเครียดเข้าไว้

“คุณนี่ จะหยุดก็ไม่บอก..”

“มีอะไรว่ามา..”

“ดอกไม้ของคุณ” เขายื่นดอกไม้ช่อนั้นให้ เมขลาปรายตามองแล้วจ้องหน้าของเขา..

“ในโอกาสอะไรรึ”

“คุณทายมา”

“ฉันต้องรีบไปทำงาน”

“ก็ทายมาสิ”..

เมขลาปั้นหน้าว่ารำคาญก่อนจะผลุนผลันเดินต่อ เขาวิ่งไปดักหน้า เมขลาขยับหนีไปทางซ้าย เขาก็ขยับมาขวาง จนคนที่อยู่บริเวรณนั้นกับที่กำลังจะเดินมา และที่กำลังจะเดินผ่านไปต่างก็มองด้วยสนใจ..

“นี่..จะมาขวางทางฉันทำไม”

“ก็คุณจะเดินหนีผมอ่ะ..”

“ฉันจะรีบไปทำงานมันสายแล้ว”

“ยังไม่แปดโมงเลย ที่ทำงานคุณเข้างานเก้าโมงไม่ใช่เหรอ”

เมขลาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ว่า “หลีกทาง”

“ไม่”

เมขลาตัดสินใจกลับหันหลังเพื่อจะเดินหนีเขาแต่เขาก็รีบวิ่งไปดักหน้าเอาไว้..

“นายทำอย่างนี้ทำไม”

“ผมเอาดอกไม้มาขอโทษ..แต่คุณไม่ฟังผมเลย..”

เมขลาจ้องหน้าของเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ..แต่กฤษณะกลับยิ้มเห็นฟันขาวเรียงเสมอกัน..

“เมื่อวานนี้ผมเมา ผมรีบวิ่งไปห้องน้ำ ผมจะไปอาเจียน ก็เลยไม่ทันได้ช่วยคุณ..ผมขอโทษครับ ขอโทษจากใจจริง”

ว่าแล้วเขาก็ยื่นกุหลาบสีขาวช่อนั้นให้ เมขลาจำต้องรับไว้..และพอกุหลาบอยู่ในมือแล้วเมขลาก็หันหลังเดินกลับไปยังอาคารสำนักงาน โดยที่กฤษณะได้แต่ยิ้มอย่างลำพองใจว่า ลองได้รับกุหลาบของเขาไปแล้ว ต่อไปคงจะเดินหน้าจีบได้ง่ายขึ้น..โดยเขาหาได้เห็นว่า เมื่อเมขลาเดินเข้าอาคารสำนักงานพ้นสายตาของเขาแล้ว หญิงสาวก็ทิ้งกุหลาบช่อนั้นลงถังขยะท่ามกลางความแปลกใจของคนอื่น ๆ ซึ่งมีบางคนเห็นด้วยว่าก่อนหน้าเมขลาเล่นเอาล่อเอาเถิดกับเจ้าของดอกไม้งามนั้นนานแค่ไหน..




กิตติศัพท์เรื่องทำนายทายทักของเมขลาดังไปทั่วตึกสำนักงานและตึกใกล้เคียง ระหว่างทางจึงมีคนยิ้มให้ ร้องทักอยู่ไม่ได้ขาด เมขลาฝืนยิ้มตอบทั้งที่ใจนั้นยังรู้สึกหนักอึ้งกับเรื่องของ ‘ไอ้บ้านั่น’ รวมถึงเรื่องของนายคะน้านั่นอีกคน ซึ่งเมขลาก็สงสัยว่า เขาไปได้เบอร์โทรของเธอมาจากไหน

..กระทั่งเมขลาเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะประจำตำแหน่ง ซึ่งโต๊ะหน้าจะนั่งอยู่ข้าง ๆ กับพี่วรวัฒน์หัวหน้าแผนกของเธอ ซึ่งบัดนี้เขาได้แจกการ์ดสีชมพูไปทั่วสำนักงาน และก่อนที่เขาจะแต่งงาน เขาก็ขอให้เธอช่วยดูว่า เขากับว่าที่ภรรยานั้นเกิดมาเพื่อกันหรือไม่..และเมื่อรู้สึกว่าเขาทั้งคู่เกิดมาเพื่อกัน เมขลาจำต้องพูดไปตามนั้น โดยใจของตัวเองก็รู้สึกเจ็บแปลบอยู่ไม่น้อย

..แต่ว่าเมื่อพรหมลิขิตให้เขาคู่กับคนอื่นเสีย แล้วเธอก็จำต้องยอมรับ..แต่ในใจของเมขลาก็มีคำถามว่า แล้วทำไมเธอไม่รู้อนาคตของตัวเอง ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเธอจะสอบเป็นข้าราชการอย่างที่เธอเขียนแผนไว้หรือไม่..

เมขลาหลับตาลงเพื่อกำหนดสมาธิเรียกพลังเรียกความสดชื่นให้ร่างกาย เช่นที่เคยทำตามคำแนะนำของพี่ชายคนรอง แต่ว่าวันนี้พอหลับตาเพียงห้านาทีเมขลาก็ได้กลิ่นดอกกุหลาบโชยเข้าจมูก และพอลืมตา พี่แม่บ้านก็ยิ้มตาหยีให้พลางกล่าวว่า..

“น้องหนูนา กุหลาบช่อนี้ไม่รู้ใครเอาทิ้งถังขยะ..พี่เห็นว่ามันสวยดีและก็ยังไม่ช้ำด้วย..พี่ก็เลยตั้งใจถือมาถามน้องว่าหากพี่จะแบ่งกุหลาบมาใส่แจกันบนโต๊ะน้องสักดอกสองดอกน้องจะรับไหม..”

เมขลาปั้นหน้าลำบากใจ แต่ด้วยไม่อยากให้เสียน้ำใจ เมขลาจึงพูดเบา ๆ ว่า “ของหนูนาขอดอกตูม ดอกเดียวก็พอค่ะ ที่เหลือก็ลองถามคนอื่นดูแล้วกัน..”..



เมขลาจากไปแล้วกฤษณะที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มของการรถไฟแห่งประเทศก็ยืนเคว้งอยู่พักใหญ่ ใจหนึ่งนั้นลิงโลดที่ปฏิบัติการห่าม ๆ ตามจีบตามราวีเจ้าหล่อนบรรเทาความเหงาความเจ็บช้ำใจอันเกิดจากมัทนา แต่อีกใจพอเห็นสาว ๆ ในชุดทำงานเสื้อกระโปรงเข้าชุดกัน เขาก็นึกถึงมัทนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

กฤษณะถอนหายใจอย่างแรง..และเมื่อคิดจะข้ามถนนไปขึ้นรถเมล์กลับไปยังหัวลำโพง เพื่อขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังโรงรถจักรที่บางซื่อ แล้วลงชื่อเข้าทำงาน เขาก็เห็นว่าอุมารินทร์กำลังเดินรี่เข้ามา หญิงสาวไม่เห็นเขา ดังนั้นเขาจึงหลบตัวกับเสาไฟ และพออุมารินทร์เดินผ่านเขาก็ดึงแขนเจ้าหล่อนไว้...

“ว๊าย..ช่วย..อ้าว น้า เล่นอะไรบ้า ๆ” อุมารินทร์จับแขนตัวเองข้างที่ถูกกฤษณะดึง..

“เดินหน้าตั้งเลยนะ”

“อืม...รีบ..แล้วน้า มาแถวนี้ได้อย่างไร”

“นั่งรถเล่น..” สีหน้าของกฤษณะในเวลานี้ บ่งบอกให้รู้ว่า ยังไม่มีความสุข..และความสุขนั้นเพื่อนของเธอก็เป็นคนทำให้เกิดขึ้นกับเขา..แต่อย่างว่าแหละ ถ้าเป็นเธอเองเทียบกันระหว่างฝรั่งตาน้ำข้าวผู้มีฐานะร่ำรวยกับกฤษณะคนตรงหน้านี้ เธอเป็นมัทนาเธอก็ต้องทำอย่างนั้นเหมือนกัน..

และที่สำคัญ..ไม่ใช่แค่เงินอย่างเดียว คำทำนายจากเมขลานั่นก็มีผลต่อการตัดสินใจของมัทนาอยู่ไม่น้อย..ๆ

“หมวยโทรกลับมาหาบ้างหรือเปล่า”

อุมารินทร์ยืนนิ่ง..

“บอกมาเหอะ น้าอยากรู้ว่าหมวยเป็นอย่างไรบ้าง”

“ก็..เขาฝากขอโทษนะมาด้วย..เค้าเอ่อ ที่โน่นโอเคเลย บ้านช่องอีตานั่นหลังใหญ่ดี..มีเงินจริง ๆ..แค่นี้นะน้า อุ๋มไปก่อน..”

“เดี๋ยว” อุมารินทร์ชะงักเพราะว่าเสียงของกฤษณะเข้มทีเดียว

“ถ้าหมวยโทรมาอีก..บอกเค้าด้วยนะว่า น้าอวยพรขอให้เขาโชคดีตลอดไป..” อุมารินทร์พลอยตื้น
ตันไปด้วยเมื่อเห็นว่า ดวงตาของกฤษณะนั้นมีน้ำตาคลอครองในขณะที่พูด..




ปากอวยพรแต่ใจนั้นเจ็บแปลบเป็นอย่างมาก..เป็นเพราะเขามันจน..มัทนาถึงต้องเป็นอื่น..กฤษณะกลับมาถึงโรงรถจักรในเวลาสามโมงกว่า ดังนั้นเขายังมีเวลาพอที่จะกวนใจคนที่เพิ่งจากมา..

แต่ครั้งนี้เขาตัดสินใจเดินไปยังตู้โทรศัพท์สาธารณะเพราะไม่มั่นใจว่าเบอร์เมื่อคืนเจ้าหล่อนตั้งค่าขึ้นบัญชีดำไปแล้วหรือยัง..

“สวัสดีค่ะ” เสียงปลายสายนุ่มหูอย่างที่เขารู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาอย่างประหลาด..และเขาก็อยากจะฟังเสียงนั้นอีกสักสองสามครั้ง แต่กลายเป็นว่า ครั้งที่สองและสามนั้นเป็นเสียงที่ชักห้วนขึ้นมาเสียแล้ว..

“สวัสดีครับ..”

“จากไหนคะ”

“คะน้าครับ”

สัญญาณหายไปทันที กฤษณะอมยิ้ม..ผู้หญิงเล่นตัวจีบยาก ๆ ก็สนุกดีเหมือนกัน..



เมื่อรู้ว่า นายกฤษณะตามไปกวนถึงเมขลาถึงบนรถเมล์กระทั่งลงจากรถไปทำให้เมขลาขายหน้า วิจิตรศราก็ถึงกับเดือดพล่านขึ้นมา..

“ไอ้บ้านี่ สุดยอดเลย..มันคงจะตามราวีเมไม่เลิกแน่ ๆ”

“คอยดูพรุ่งนี้อีกวัน”

“ไปรถเมล์เลยดีกว่า”

“ถ้าไปก็กลัวนะซิ..”

“ก็ ถ้ายังไปแบบเดิมมันก็จะว่าเมเล่นกับมัน”

“..เขาอาจจะอยากแค่ขอโทษก็ได้นะ...” พอหลังจากพี่แม่บ้านเอากุหลาบมาปักแจกันบนโต๊ะ พอได้กลิ่นใบหน้าของเจ้าของดอกไม้ก็ลอยเข้ามา..พร้อมกับคำพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังของเขา ‘ผมขอโทษ ขอโทษจริง ๆ’

“มองโลกในแง่ดีตลอด ๆ แม่นางฟ้า..”

“ก็ชื่อเมขลานี่จ๊ะ” อันที่จริง แม่เคยเล่าให้ฟังว่า ก่อนจะรู้ว่าตั้งท้องแม่ฝันว่ามีนางฟ้าที่แต่งตัวเหมือนฉลากข้างขวดน้ำอบนางลอยเหาะลงมาจากสรวงสวรรค์ พอมาถึงที่นอนของแม่ นางฟ้าก็ยื่นแก้วมณีในมือให้ แม่รับไว้ แล้วลูกแก้วก็ลอยเข้าสู่ท้องของแม่ แม่สะดุ้งตื่น

หลังจากนั้นแม่ตั้งท้อง พอคลอดลูกออกเป็นผู้หญิง แรกทีเดียวแม่จะตั้งชื่อเธอว่า ‘มณีเมขลา’ พ่อเห็นว่าดูจะเป็นชื่อนางเอกลิเกไป..ชื่อของเธอจึงได้เหลือแต่เมขลา..ซึ่งพ่อมักจะเล่าไปอีกทางมากกว่า เพราะพี่ชายคนโต จิรวัติ พ่อได้ชื่อมาตอนไปติดทหารเกณฑ์ในค่ายจิระประวัติ พ่อตัดประออกไป..ส่วนพี่ชายคนรอง เดชาพงษ์ พ่อเอาชื่อของสะพานเดชาติวงศ์สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาดัดแปลง ส่วนชื่อของเธอพ่อบอกกับคนอื่น ๆ ว่ามาจากชื่อถนนเส้นหนึ่งในเมืองนครสวรรค์ ไม่เกี่ยวกับเมขลาบนสวรรค์เพราะพ่อไม่อยากให้เธอมีรามสูรมาคอยไล่ล่า และพอนึกถึงหน้าตาของนายคนนั้น..ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร..แต่ด้วยที่เขาไว้หนวดหน้าเข้มคล้าย ๆ คนใต้ หากตอนนี้เขาจะเป็นรามสูรของเธอก็เป็นไปได้..

“เมขลาล่อแก้ว..เอ๊ะ..อย่าบอกนะว่า ไอ้นั่นมันชื่อรามสูร”

“เดี๋ยวถ้าเจอเค้าอีกจะถามให้แล้วกัน..”

“มัน..”

“หยาบคาย..ถ้าเราเอ่ยถึงเค้า แล้วใช้ มัน ใจเราก็ขุ่นไปด้วย แทน มัน ว่า เขา หรือ เค้า นะดีแล้ว”

“อะจ๊ะเอาเลยจ๊ะ..” พูดจบวิจิตรศราหมุนตัวเพื่อจะออกจากห้องครัวซึ่งมีเมขลานั่งกินอาหารค่ำอยู่เพื่อที่จะไปดูลูกน้อง..แต่ว่ายังไม่ทันที่จะเดินไปพ้นประตูโทรศัพท์ของเมขลาที่วางอยู่ใกล้ ๆมือก็ดังขึ้น
เมขลามองวิจิตรศราที่หันกลับมาและหยุดฟังก่อนจะกดรับ..และเรื่องของนายคะน้านี้เธอก็ยังไม่ได้เล่าให้วิจิตรศราฟังเพราะคิดว่าถ้าวิจิตรศรารู้จะต้องเต้นเหยง ๆ แน่ ๆ..

และพอมองดูเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอเมขลาก็รู้ทันทีว่าเป็นเบอร์เดียวกับเบอร์เมื่อคืน หญิงสาวปล่อยให้มันดังอยู่นาน จนวิจิตรศราต้องเอ่ยปากถาม..

“เบอร์ใครเหรอ..”

“พวกโรคจิต..ปล่อยให้มันบ้าไป”

“ใช้มันได้ที่ไหน..ใช้เค้าสิจ๊ะ”..ค้อนให้เพื่อนแล้ววิจิตรศราก็เดินออกไปหน้าร้านโดยวันนี้เมขลาไม่มีคิวดูดวงแต่ถึงอย่างไร ด้วยไม่อยากเอาเปรียบวิจิตรศรา เมขลาจึงต้องขอรีดผ้าที่วิจิตรศราเป็นผู้ซักเองให้ และเมขลาจะรีดผ้าทุกวันพฤหัสบดี เผื่อวันศุกร์ตอนเย็นวิจิตรศราจะชวนไปปาร์ตี้ตามประสาวัยสาวที่พึ่งจะพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัย กับวันเสาร์วันอาทิตย์นั้นที่ร้านมีลูกค้าอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน..

และพอวิจิตรศราเดินออกไปหน้าร้านแล้ว เมขลาก็กดอ่านข้อความ..

“หน้าตาก็ดี แต่ทำไมใจร้ายจัง คิดถึงนะครับ..คะน้า”...


เมื่อออกมมาหน้าร้านวิจิตรศราก็เข้าช่วยดอกอ้อกับอุสาซึ่งมีร่างตุ้ยนุ้ย ดอกอ้อนั้นเพิ่งเข้ามาทำงานเมื่อหลังปีใหม่เพราะงานโรงงานที่เคยทำอยู่นั้นปลดพนักงานออกหลังจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ ดอกอ้อนั้นไม่อยากทำงานในร้านนี้เท่าไหร่ ที่ทำอยู่ก็เพื่อรอเวลาหางานอื่นทำเท่านั้น ส่วนอุสานั้นมาอยู่กับวิจิตรศราได้เกือบปี หญิงสาวมาจากภาคอีสานความรู้แค่ประถมหก มาพักอยู่กับพี่สาวพี่เขยซึ่งมีบ้านทาวเฮ้าส์ชั้นเดียวในหมู่บ้านจัดสรรใกล้ ๆ

อุสานั้นเป็นคนขยัน เอาใจใส่งานและพร้อมจะเรียนรู้สูตรเครื่องดื่มที่วิจิตรศราไปเล่าเรียนมาเพื่อเปิดร้าน และวิจิตรศราก็ไม่ได้หวงแหนวิชาแต่อย่างใด เพียงแต่ขอไว้ว่า หากมีทุนมีรอนก็ให้ไปตั้งร้านทำมาหากินให้ไกลจากร้านสักหน่อย อุสาก็รับปากทั้งที่ในใจนั้นไม่ได้มีความคิดเปิดร้านเป็นของตัวเองเลยสักนิด..เพราะการเป็นลูกจ้างในร้านนี้ก็สบายไปหลายอย่าง

วิจิตรศรานั้นใจดี เมนูอาหารจานเดียวประเภทสปาเก็ตตี้ มักกะโรนีผัด นั้นวิจิตรศราไม่ได้หวงห้ามหากจะทำกินในเวลากลางวันหรือตอนเย็น หรือของในตู้เย็นพวกเนื้อสัตว์ผักต่าง ๆ หากอยากกินก็ทำได้เลย แต่วิจิตรศราก็มีข้อแม้ว่า ให้ทำงานเหมือนเป็นของตนให้เอาใจใส่เป็นหูเป็นตาอย่างเต็มที่ และวิจิตรศราก็ยังให้วันหยุดงานอาทิตย์ละวันโดยเป็นอังคารหรือไม่ก็วันพฤหัสซึ่งวันนี้เป็นวันหยุดของดอกอ้อแต่ดอกอ้อขอไปหยุดวันอาทิตย์แทนเพราะจะออกไปเที่ยวกับคนรัก

..ซึ่งวิจิตรศราก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตามให้ เพราะเข้าใจว่า ร้านของตนเองนั้นไม่ได้มีสวัสดิการอะไรที่จะดึงพนักงานไว้ แต่ในอนาคตวิจิตรศราก็คิดว่าจะทำให้ร้านให้มันมั่นคงกว่านี้..เพราะเพื่อนที่แวะเวียนมาเยี่ยมต่างก็บอกกันว่าร้านของเธอนั้นออกแนวจับฉ่าย มีเสียทุกสิ่งทุกอย่างจนหาเอกลักษณ์ไม่ได้ แต่วิจิตรศราก็เถียงไปว่าความจับฉ่ายนี่แหละคือเอกลักษณ์ของร้านและนับวันลูกค้าของเธอก็มากขึ้น ๆ ขึ้นเพราะจับกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่เด็กที่ชอบของหวานยันคนแก่ที่ชอบดื่มกาแฟรสชาติเข้มข้น

มีคนแนะนำให้วิจิตรศราขายเหล้าปั่นด้วยแต่วิจิตรศราก็อ้างว่า เมื่อตั้งชื่อว่า นางฟ้าคาเฟ่ แล้วจะให้มีอบายมุขไม่ได้..หนังสือเช่า กาแฟ สมูทตี้ เครื่องดื่มดับกระหาย ขนมเค้ก เบเกอรี่และอาหารรองท้อง เบา ๆ ก็นำรายได้มาให้วิจิตรศรามากกว่าเงินเดือนของเมขลาที่รับทั้งเดือนเสียอีก..

และในใจของวิจิตรศราในเวลานี้นอกจากคิดจะเข้าหุ้นกับเพื่อนๆ หากใครมีโปรเจคที่น่าสนใจมานำเสนอ เป้าหมายที่เธอเล็งไว้อีกข้อก็คือร่วมทุนกับศุภนิมิตรผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ‘จันทรเจ้าฉาย’ เพราะเธอมั่นใจว่าเขาจะต้องนำผลิตภัณฑ์ตัวนี้ติดตลาดในเร็ววันและที่สำคัญเธอรักเขา อยากอยู่ข้าง ๆ เขาแม้ว่าอนาคตมันไม่จะไม่ได้ลงเอยด้วยกันแต่งงานก็ตาม..

“รับอะไรคะ” ดอกอ้อนั้นรู้อยู่แล้วว่าผู้ชายที่มายืนอยู่หน้าร้านนั้นคือกฤษณะ เพื่อนของพี่อาวุธ แต่หญิงสาวก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น อุสาจึงต้องร้องทักเมื่อเขามายืนอยู่ที่หน้าร้าน และวิจิตรศราก็เงยหน้าขึ้นจากการทำเครปญี่ปุ่นและพอเห็นว่าเป็นใครวิจิตรศราก็ถลึงตาให้ทันที..

“นี่นาย นายรู้จักร้านฉันได้อย่างไร..” วิจิตรศราเสียงแหวเข้าใส่ ลูกค้าที่ยืนรอเครปรอเครื่องดื่ม และที่นั่งกินอยู่ในร้านหันไปมองคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่แทบจะเป็นตาเดียวกัน และคนที่มาใหม่ก็เรียกความน่าสนใจได้ไม่น้อย เพราะผมของเขานั้นหยักศกรุงรังมีหนวดที่เหนือริมฝีปากและที่คาง เสื้อนั้นก็เป็นเสื้อแขกแขนยาวสีส้มกางเกงขาเดฟและก็รองเท้าหูคีบ..

“นางฟ้าคาเฟ่ใครไม่รู้จักก็เชยแย่แล้วครับ..” กฤษณะยิ้มเห็นฟันเรียงเป็นระเบียบ..ดวงตากลมโตนั้นกลอกไปมาอย่างท้าทาย..และยังไม่ทันที่วิจิตรศราจะใช้คำพูดอะไรไล่ลูกค้า เมขลาก็เดินออกมาจากในครัวพอดี และพอเห็นเมขลา เขาก็ยิ้มกว้างให้ประหนึ่งว่าเขารู้จักกับเจ้าหล่อนมานานแสนนาน แต่ว่าเมขลานั้นพอเห็นว่าเป็นเขา หญิงสาวก็ถลึงตาปั้นหน้ายักษิณีเข้าใส่เช่นเดียวกับวิจิตรศรา..

แต่ว่ากฤษณะก็พูดลอย ๆ ขึ้นมาว่า “นี่มันร้านนางฟ้าคาเฟ่หรือร้านนางยักษ์คาเฟ่กันแน่..”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ม.ค. 2555, 09:48:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2555, 09:48:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 2507





<< 3.วิจิตรศรา   5. "มาย เนม อิส กิสสะนะ" >>
pseudolife 10 ม.ค. 2555, 10:28:23 น.
นายคะน้านี่น่ารักแฮะ


คิมหันตุ์ 10 ม.ค. 2555, 10:40:41 น.
ประโยคท้ายแรงมาก สองสาวได้ยินเข้าคะแนนติดลบชัวร์. 555


innam 10 ม.ค. 2555, 10:50:33 น.
ตามเป็นกำลังใจ+กด like


morisa 10 ม.ค. 2555, 11:14:30 น.
นายคะน้าจะมาจีบ หรือจะมาป่วนเขากันแน่นะเนี่ย

แต่ชอบความฝันของแม่เมขลา่มากเลย


panon 10 ม.ค. 2555, 13:08:39 น.
ชอบคะน้าอ่ะน่ารัก


มุกมาดา 10 ม.ค. 2555, 15:35:39 น.
มาลงชื่ออ่านค่ะ ขอปรินซ์ใส่กระดาษไปอ่านนะคะ 4 ตอนรวด อ่านตรงจอคอมนานไม่ได้ ตาลาย แล้วจะมาแสดงความคิดเห็นอีกครั้งค่ะ ก่อนจากไปกด like ให้ค่ะ


แว่นใส 10 ม.ค. 2555, 17:11:06 น.
วิธีจีบอะ คิดใหม่ซะนะ


nutcha 10 ม.ค. 2555, 20:51:17 น.
จะมาจีบหรือจะมาหาเรื่องกันแน่นายคะน้า


loveleklek 10 ม.ค. 2555, 23:12:35 น.
ชอบอ่ะ น่ารัก


minafiba 11 ม.ค. 2555, 00:36:58 น.
^_^


Zephyr 11 ม.ค. 2555, 03:09:27 น.
คะน้า มาหาเรื่องมากกว่าจีบอีก
พ่อพี่ต้นกล้านี่แบบคิดชื่อลุกได้จาก เอิ่ม ค่ายทหารบ้างล่ะ สะพานบ้างล่ะ ถนนบ้างล่ะ ไม่บอกนี่คิดว่าทำกิจการก่อสร้างนะเนี่ย


Pat 11 ม.ค. 2555, 07:54:10 น.
555 กะรุกเต็มที่เลยนะ "น้า"


kk007 11 ม.ค. 2555, 11:06:04 น.
ชื่อตอน "ศุภนิมิตร" ไม่มีเรื่องของศุภนิมิตรเลยค่ะ


มุกมาดา 13 ม.ค. 2555, 12:30:02 น.
อ่านจบแล้วค่ะ 4 ตอนรวด อ่านเรื่องนี้แล้ว หน้าเพื่อนลอยมาเชียว เพื่อนทำงานรถไฟ มีสามีทำงานรถไฟควบคุมขบวนรถขึ้นเหนือล่องใต้


ปิลันธน์ 20 ม.ค. 2555, 20:55:42 น.
ไอ้บ้า กับ คะน้า ช่างใกล้เคียง^^
ลีลาจีบสาวของตัวนี่ใช่ย่อยนะกฤษณะ แต่เรื่องจะคิดมาจีบหนูเมเล่นๆเนี่ย โป้งแระนะ ไม่ชอบ *^*


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account