กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....


Tags: โรแมนติก..

ตอน: 6.เรียนรู้ ดูใจกัน

6.

เมื่อเห็นกุสุมาเหินรถมอเตอร์ไซค์คาวาซากิ รุ่น KSR เข้ามายังลานจอด สูรย์ที่กำลังยืนดูลุงชมคนสวนรดน้ำต้นไม้ถึงกับยิ้มบาง ๆ ส่วนกุสุมาพอลงจากรถ หลังจากถอดหมวกกันน็อคที่มีสีเขียวสีเดียวกับตัวรถ เจ้าหล่อนก็เอ่ยทักลุงชมว่า

“เป็นไงบ้างลุง”

“อากาศดี น้ำเย็นดี”

“เข้าหน้าร้อนแล้วลุง ใช้น้ำเยอะหน่อยนะ ..” ว่าแล้วกุสุมาที่สวมกางเกงยีนเพื่อขับรถมอเตอร์ไซด์ก็เดินเข้าตัวอาคารสไตล์บาหลีท่ามกลางดงไม้ไป โดยทำเหมือนกับว่าไม่เห็นสูรย์ยืนอยู่ตรงนั้น

“อีหนูนี่มันปากดีจังเลยคุณสูรย์ มาทำงานได้สามวัน เขาทักผมมาสองวัน เมื่อวาน ตอนบ่าย ๆ ก็ยังมาช่วยผมใส่ปุ๋ยต้นไม้ เขาถามผมว่า ทำไมที่นี่มีแต่ไม้ใบ ไม่มีไม้ดอกเลย”

“ลุงตอบไปว่าไง”

“ลุงก็ตอบไปว่า คุณสูรย์สั่งมาปลูก ลุงแค่ดูแล แล้วเขาก็บอกว่า ต้นไม้ของพ่อมดนี่เอง”


ด้วยพอรู้ในครัวนั้นใคร ‘ใหญ่’ สุด หลังเปลี่ยนจากกางเกงเป็นกระโปรงทรงเอ กุสุมาก็เดินไปหน้าเคาน์เตอร์ครัว มองเข้าไปคนอื่น ๆ กำลังยุ่งทีเดียว ส่วนป้าส้มลิ้มนั้นกำลังยืนปรุงรสน้ำพริกกะปิ ที่ถือว่าเป็นเมนูแนะนำของร้าน กุสุมาจึงเรียกเพื่อให้เจ้าตัวเงยหน้า

“ป้า..” ด้วยเสียงของกุสุมาดัง ป้าส้มลิ้มจึงอุทานว่า

“อุ้ย หก หก..”

“ยังไม่หกป้า สวัสดีฮะ สวัสดีพี่ ๆ นะฮะ”

ป้าส้มลิ้มสวัสดีตอบ ส่วนคนอื่น ๆ หันมายิ้มให้แล้วก็ง่วนทำงานของตัวเองไป

“เออ ๆ หวัดดี มาแต่เช้าเลย”

“ม่าหิวข้าว”

“อ้าว ที่บ้านไม่มีข้าวกินหรือไง”

“มีฮะ แต่ว่า ฝีมือแม่ สู้ของป้าไม่ได้ฮะ ม่าก็เลย กินมาแค่รองท้อง พอรถมันกระแทกลูกคลื่นในซอย ข้าวมันก็ไหลลงลำไส้หมดเลย หิ๊วหิว วันนี้ป้าทำอะไรเลี้ยงม่าฮะ”

“อยากกินอะไรละ” จริง ๆ แล้วมื้อกลางวันวันนี้ นางส้มลิ้มกะจะให้พ่อครัวแกงหมูมะเขือขาว แล้วก็ไข่เจียวหมูสับ พอกุสุมาเอ่ยชม ใบหน้าที่บานอยู่แล้วก็เลยขยายใหญ่ขึ้น และอีกอย่างใกล้วันหวยออก นางถือเคล็ดจิตใจนั้นจะต้องผ่องใส ไม่อย่างนั้นเทวดาก็จะไม่ลงมาให้โชคลาภ

“ม่าขอได้ด้วยเหรอ”

“ป้าให้พิเศษแล้วกัน”

พอแม่ครัวใหญ่พูดมาแบบนี้ กุสุมาก็นึกถึงปูผัดผงกะหรี่ที่ทำให้น้ำลายไหลตั้งแต่เมื่อวาน แต่ถ้าพูดไม่ดีเธออดกินแน่ ๆ

“พิเศษจริง ๆ นะป้า ป้ามีพิเศษให้ม่าจริง ๆ นะ”

“จริงสิ อยากกินอะไรละ”

กุสุมาหันซ้ายหันขวาด้วยกลัวว่าพนักงานเสิร์ฟคนอื่น ๆ จะรู้ กับกลัวเจ้าของร้านจะตามมาทำตาขวาง กุสุมาก็เลย เกาะเคาน์เตอร์แล้วก็เขย่งกระซิบกระซาบกับป้าส้มลิ้มเบา ๆ ว่า

“ม่าอยากชิมปูผัดผงกระหรี่ ป้าให้ม่าได้ไหมฮะ”



ช่วงห้าโมงเช้า โต๊ะแถบที่กุสุมาดูแลอยู่ยังไม่มีลูกค้า เพราะตรงนั้นยังมีแสงแดดส่อง กุสุมาจึงว่าง และเมื่อว่างกุสุมาจึงดึงโทรศัพท์มือถือออกมาแอบเล่นเกมส์ แต่มีหรือที่คนหูตาอย่างกับสับปะรดจะไม่รู้

“ม่า คุณสูรย์เรียก” เป็นเสียงของพี่ไก่ที่ออกจากเคาน์เตอร์มาส่งข่าว

กุสุมาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินเนือย ๆ ไปยังห้องที่เขานั่งเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์

“มีอะไรหรือฮะเจ้านาย” เรื่องเมื่อคืนแม้จะทำให้เธออยากงอนเขา แต่กุสุมาก็ไม่เคยงอนใครได้นาน

และตลอดคืน เธอคิดทบทวนเรื่องของถมยาตามคำพูดของเขา แล้วก็เห็นได้ว่า เขาพูดออกมาจากความปรารถนาดี เธอต่างหากที่พูดต่อว่าเขาอย่างแรง จนกระทั่งเขาต้องลุกเดินจากไปโดยไม่มีคำพูดโต้แย้ง

“นั่งสิ”

กุสุมาเดินเนือย ๆ ไปนั่งแล้วก็ก้มหน้าดูมือตัวเอง เหมือนเวลาที่อาจารย์ห้องปกครองเรียกไปตักเตือนเรื่องความประพฤติ

“นั่งตัวตรง แล้วสบตาฉันด้วย”

กุสุมายืดตัวตรง แต่ว่าไม่ยอมสบตากับเขาอย่างที่เขาสั่ง

“ปูผัดผงกะหรี่อร่อยไหม”

พอเขาเอ่ยจี้ใจดำ กุสุมาก็ถึงทำปากขมุบขมิบทำหน้าแหย ๆ เพื่อให้เขารู้ว่า เธอน่ะไม่ใช่คนธรรมดา สามารถประเหลาะป้าส้มลิ้มกินของแพง ๆ ได้ด้วย

“อร่อยมากกกกกกกกกกกกกก ป้าส้มลิ้มนี่ใจดี๊ดี..”

“ใช่ ป้าเขาใจดี ราคา 200 บาท ป้าแกให้ได้”

“หมายความว่า”

“ป้าเขาออกตังค์ค่าปูผัดผงกะหรี่ให้เรานะสิ”

กุสุมาหน้าเจื่อนลงทันที รู้สึกว่าตัวเองผิดมากที่ไปฉอเลาะจนกระทั่งป้าต้องควักเงินตัวเองออกมาเลี้ยง

“แต่ถ้าพนักงานอยากกินอะไรในเมนู ก็ครึ่งราคา คนเก่า ๆ จะรู้”

“ม่าจะไม่ทำอีกแล้ว”

“รู้ไว้ก็ดี จะได้ไม่ไปอ้อนป้าเขาอีก”

กุสุมานิ่งเงียบ รู้สึกหน้าชา ๆ และสูรย์เองก็นิ่งเงียบ เพื่ออยากจะดูฤทธิ์เดช ของคนตรงหน้า แต่ว่า พอเห็นหน้าตาไร้สีสันอย่างที่ผู้หญิงส่วนใหญ่นิยมเจื่อนลง เขาก็รู้สึกเวทนาขึ้นมา

“ทำงานได้สองวันแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง”

“ก็ดี”

“ดีอย่างไง”

“อยากรู้ไปทำไม”

“ตอบมา”

“ก็..ดี ได้เงินใช้รายวัน มีตังค์ขึ้นมา อยากรวย อยากมีเงินมากินของแพง ๆ มีคนเอาใจแบบนี้บ้าง”

“เก็บได้แค่นี้เหรอ”

“แล้วอยากให้ม่าเก็บอะไรได้ล่ะ มีใครทำอะไรตกเหรอ”

“เรามาอยู่ที่ร้านนี้ด้วยจุดประสงค์อะไร”

“มาฝึกงานครัว แต่คุณสูรย์ให้มาอยู่หน้าร้านเป็นเด็กเสิร์ฟก่อน”

“ใช่ เพราะฉันอยากให้เธอเห็นว่า ถ้าคนอื่นกินอาหารของเราจนหมดถ้วยหมดชามนั่นก็แสดงว่า อาหารของเราอร่อย และเมื่อคนกินอาหารเห็นบิลค่าอาหารแล้วไม่รู้สึกตกใจก็สรุปว่า ร้านเรานั้นมีอาหารอร่อยและราคาไม่แพง และระหว่างที่เขากินอาหารไปเขายิ้มแย้มคุยกันดูมีความสุขก็แสดงว่าร้านเราบริการดี เห็นบ้างไหม”

“เห็น แต่ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนี่”

“จะเป็นคนปรุงอาหารหรือคนเสิร์ฟอาหารมันก็สำคัญเท่า ๆ กัน ถ้าเธอไม่รู้จักคนกิน ไม่นึกถึงหน้าตาคนกิน เธอก็จะไม่มีวันใส่ใจลงไปในอาหาร เข้าใจที่ฉันสั่งให้เธอไปอยู่หน้าร้านหรือยัง”

“เข้าใจแล้วค่ะ”

พอมีค่ำว่า “ค่ะ” สูรย์ก็มีรอยยิ้มอย่างผู้ใหญ่ระบายอยู่บนหน้า

“แล้วเกมส์ในโทรศัพท์ ถ้าไม่จำเป็น..”

“เกมส์ที่ไหน เช็คเมล์”

“เหรอ..เอาละ สรุปว่า ไม่จำเป็นอย่ามองหน้าจอโทรศัพท์นาน ๆ คนอื่นเขาเห็นเขาจะหมั่นไส้เอา”

“ก็ไม่มีงานนี่..”

“ก็ไปดูช่วยคนอื่น ๆ ที่นี่แม้จะแบ่งโซนกัน แต่อย่าลืมว่าอย่างไรเราก็กินทิปด้วยกัน”

“ก็ตรงอื่นก็ไม่ได้ยุ่งนี่ คนเยอะที่ไหนละ วันนี้วันธรรมดา”

“บอกไว้”

“รับทราบค่ะ..ไปได้แล้วใช่ไหมคะ” น้ำเสียงนั้นคือประชดให้มากกว่านอบน้อม

“เรื่องเพื่อนรักของเธอว่าไง”

พอเขาเอ่ยถึงเรื่องที่เธอก็ยังมีความกังวลอยู่ไม่น้อย กุสุมาจึงมองหน้าเขาสบตาก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

“เมื่อเช้าหมอให้มันออกจากโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้มันอยู่หอ คงกำลังคิดหาเงินมาใช้หนี้อยู่มั้ง หรือไม่มันก็คงคิดหาวิธีหนีหนี้อยู่..”

“ฉันอยากช่วยนะ แต่ขอคุยอะไรกับเขาหน่อยได้ไหม”

“ช่วย”

“วิธีของฉันมันเป็นวิธีที่ดีกว่าของเราแหละ โทรตามให้เขามาหาฉันหน่อย มีเรื่องจะคุย”


“กุสุมาเธอออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับเพื่อนเธอตามลำพัง”

กุสุมายืนอยู่ข้างหน้าถมยาหันไปมองหน้าเพื่อน ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเปิดประตูออกไปคอยข้างนอก

“นั่งลงก่อนสิ” ใบหน้าเรียบเฉยของเจ้าของห้อง ทำให้ถมยารู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ไม่น้อย

“มีอะไรกับผมเหรอครับ” เขาเอ่ยถามหลังจากที่ทรุดตัวลงนั่งอย่างทุลักทุเล

“เรื่องหนี้ของนายกับโต๊ะบอล ฉันอยากรู้ว่า เป็นเงินทั้งหมดเท่าไหร่”

“ห้าหมื่นครับ”

“แค่นั้นเหรอ”

“ดอกเบี้ยด้วยก็..เกือบหกหมื่นซะมั้ง เขาคิดรายเดือนครับ ร้อยละห้าบาท ผมไม่มีจ่ายมาสองเดือนแล้ว”

“ฉันจะไม่ถามนะว่าทำไมต้องไปเล่นบอล แต่ฉันรู้และเห็นมา เพื่อนของนายเขารักและห่วงใยนายมาก รู้ไหมว่า เมื่อคืนเขาจะเอารถมอเตอร์ไซค์ของเขาจำนำกับฉัน เพื่อให้เอาเงินไปให้นายใช้หนี้”

ถมยาส่ายหน้าเบา ๆ

“นายมีเพื่อนดีนะ ฉันก็อยากช่วยนาย ช่วยกุสุมา แต่บอกตรง ๆ ว่าเงินหกหมื่นก็มากโขอยู่ กุสุมาเขาจะไม่บอกพ่อแม่เขาด้วย เขาจะทำโดยพลการ เขาบอกว่า เขาจะทำงานใช้หนี้ให้ กับส่วนหนึ่งเขามั่นใจว่านายจะไปทำงานแล้วเอาเงินมาใช้หนี้ในภายหลัง ซึ่งฉันบอกตรง ๆ ว่าฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น”

“ฮะ” ขอบตาของถมยารื้อด้วยหยาดน้ำตา เพราะรู้สึกตื้นตันใจกับน้ำใจของกุสุมาเป็นอย่างมาก

“แต่ฉันมีทางออกสำหรับปัญหานี้ ฉันรู้มาว่า นายเรียนเก่งไม่ใช่ย่อย ดังนั้นฉันคิดว่า ฉันจะหางานให้นายทำ เพื่อที่นายจะได้เอาเงินนั้นมาไถ่ถอนหนี้ด้วยตัวนายเอง แล้วนายก็ไม่ต้องย้ายไปไหนด้วย”

“หมายความว่า”

“ฉันจะให้นายยืมเงินหกหมื่นบาท ไปใช้หนี้โต๊ะบอล แล้วนายก็ไปทำงานกับเพื่อนของฉัน ในตำแหน่งโฟร์แมน เงินเดือนของนายส่วนหนึ่งจะถูกหักมาใช้หนี้ฉัน ปีหนึ่งคงหมด ไม่มีดอกเบี้ย นายคิดว่าเป็นข้อเสนอที่ดีไหม”

ถมยาก้มหน้าเขียวช้ำแล้วใช้หลังมือซับน้ำตาที่ไหลออกมา

“ร้องไห้ทำไม”

“ผมไม่คิดว่าเลยว่า ผมจะได้เจอคนดี ๆ แบบนี้”

“ฉันก็หวังว่าฉันจะเจอคนดี ๆ เพิ่มขึ้นอีกคน ฉันอยากให้คนคนนั้นเป็นนายด้วย ถ้านายยินยอมพร้อมใจจะช่วยเหลือตัวเองและจะช่วยเหลือเพื่อน นายก็เซ็นเอกสารนี้..” ว่าแล้วสูรย์ก็เลื่อนสัญญากู้ยืมเงินไปตรงหน้า..


กุสุมานั่งอ่านสัญญาของถมยากับสูรย์อีกครั้งก่อนจะลงมือเซ็นเป็นพยานพร้อมทั้งเป็นคนค้ำประกันเงินกู้ในครั้งนี้ ใจของกุสุมานั้นก็รู้สึกตื้นตันที่สูรย์ยอมช่วย แต่กุสุมาก็ไม่รู้จะเอ่ยออกไปอย่างไงนอกจากกระทุ้งศอกบอกกับเพื่อนไปว่า

“ขอบคุณคุณสูรย์หรือยัง”

“ขอบแล้ว”

“แล้วเราจะได้เงินตอนไหน” กุสุมาถามสูรย์ด้วยดวงตาเป็นประการแห่งความสุข

“ตอนนี้แหละ แต่ว่าฉันจะไปกับถมยา เอาเงินไปใช้หนี้ให้หมด ส่วนที่เหลือ ถมยาก็เก็บเอาไว้อยู่ไว้กินระหว่างทำงาน”

“ขอบคุณครับ” ถมยายกมือพนมค้อมศีรษะให้สูรย์ด้วยความเต็มใจอีกรอบ สูรย์ยิ้มบาง ๆและระหว่างที่ถมยายังก้มหน้าอยู่สูรย์ก็ยักแอบยักคิ้วให้ กุสุมาก็ยิ้มรับและชูหัวแม่โป้งให้กับเขา


เมื่อเห็นหน้าเจ้าหนี้ของถมยาสูรย์ถึงกับชะงักเท้า แต่ว่าเมื่อกล้าเดินทางมาถึงตึกแถวในตรอกกลางซอยใหญ่แล้ว คนอย่างสูรย์ก็ไม่มีวันถอยอย่างเด็ดขาด

“อ้าว นึกว่าใคร” คนที่นั่งอยู่โต๊ะหน้าสุดร้องทัก สูรย์ยิ้มเพียงแย้มให้ ถมยาที่เดินรั้งท้ายหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวงกับส่วนหนึ่งเขาก็มองว่าคนที่มันทำร้ายเขาจนกระอักเลือด

“ผมมาธุระเรื่องของน้องผมครับ”

“น้องคุณเหรอ คุณมีน้องชอบทางนี้ด้วยเหรอ”

“ครับ เขาติดหนี้ทั้งหมดเท่าไหร่”

“ดูบัญชีก่อน” คนที่อยู่หลังโต๊ะตัวหน้าหันไปเปิดลิ้นชักพลางผิวปากอย่างใจเย็น ส่วนคนอื่น ๆที่นั่งอยู่โต๊ะหลังก็เงยหน้ามายิ้ม แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานกันต่อไป สูรย์กวาดตามองรอบ ๆ ห้อง บนผนังมีภาพนักฟุตบอลทีมของประเทศในแทบยุโรปติดอยู่ บนโต๊ะทำงานมีคอมพิวเตอร์ ปริ้นเตอร์ กับกองเอกสารไม่กี่หน้า เขามองไปยังชั้นบน ซึ่งมันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้

“ได้ยอดมาแล้ว ใช้หมดเลยหรือเปล่า”

“หมดครับ”

“ห้าหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาทครับ”

“ทำไมมันเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ” ถมยาถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ

“ก็นี่ย่างเข้าเดือนที่สามแล้ว..โอเคป่ะ” แววตาคนถามนั้นแข็งกร้าว

“โอเคครับ แต่ผมขอหลักฐานการชำระเงินด้วยได้ไหม” สูรย์ต้องการหลักฐานแต่ว่า เขาก็ต้องชะงัก

“ไม่มีครับ..คุณก็น่าจะทราบดีว่าทำไม”

สูรย์ยิ้ม ๆ ควักเงินในกระเป๋าเสื้อส่งให้ถมยา ก่อนจะเลี่ยงเดินออกมาขึ้นรถ



ตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนกระทั่งถึงสามทุ่ม แขกเข้าร้านจนกระทั่งพนักงานทุกแผนกแทบไม่มีเวลาหยุดพักทานข้าวเย็น ส่วนกุสุมาด้วยดีใจกับข่าวดีของถมยา ทำให้มีเรี่ยวแรงทำงานเป็นอย่างมาก และพออารมณ์ดี จึงทำให้รู้สึกว่างานบริการที่เคยน่าเบื่อหน่ายก็ยังมีส่วนของความสุข

แต่ลึก ๆ กุสุมาก็อดชะแง้ไปยังต้นทางไม่ได้ ด้วยจนป่านนี้สูรย์ก็ยังไม่กลับเข้ามาในร้าน ครั้นจะโทรไปหาถมยา โทรศัพท์ของถมยาเบอร์เดิมก็ติดต่อไม่ได้

เวลาผ่านไปจนกระทั่งได้เวลาเช็ดโต๊ะยกเก้าอี้ขึ้นเพื่อทำความสะอาดพื้น เงาของสูรย์ก็ยังไม่ปรากฏ คราวนี้เองกุสุมาจึงอดรนทนไม่ไหว ตัดสินใจเดินเข้าไปหาวิชาญคนขยันและพ่วงตำแหน่งหัวหน้าเด็กเสิร์ฟอย่างกราย ๆ ซึ่งกำลังก้มลงกวาดพื้นอย่างขมีขมันและสีหน้าก็เต็มไปด้วยความสุขเช่นเคยเห็น

“วิชาญ คุณสูรย์ไม่เห็นกลับมาซะที”

“ไม่กลับมาแล้วมั้ง อาจจะมาเช้าเลยก็ได้”

“เช้า..”

“ปกติเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดหรอก เย็น ๆ บางทีก็ออกไปเข้าฟิตเนตหรือไม่ก็กลับไปทานข้าวเย็นกับครอบครัวเขา”

“แล้วแฟนเขาละ”

“ไม่มี้ โสด”

“ทำไมโสด อายุเท่าไหร่แล้ว”

“สามสิบมั้ง แก่กว่าเราเป็นสิบปีแหละ”

“เคยมีแฟนไหม”

“อยากรู้ไปทำไม”

“ก็..รู้ไว้ก็ดีนี่”

“สนใจเค้าเหรอ”

“..อยากรู้ไว้ อยากรู้ว่าเขาเป็นอย่างไง อยากรู้ว่าเขาเอ่อ เบี่ยงเบนทางเพศหรือเปล่า”

“ไม่หรอกมั้ง ก็เคยมีแฟนหญิง เพิ่งเลิกกันไป”

“เลิก เลิกกันเพราะอะไร”

วิชาญหันซ้ายหันขวา ก่อนจะตอบว่า “ผู้หญิงคืนดีกับคู่รักเก่า”

“มีแบบนี้ด้วยเหรอ แล้วสวยไหม”

“สวยมาก ผู้หญิงทุกกระเบียดนิ้ว”

“ว่าฉันละซิ”

“ก็ไม่อยากให้มีความหวังอะไรมาก เพราะสเป็คพี่สูรย์นะ คงไม่ใช่แกหรอก”

“วิชาญ” กุสุมาถลึงตาให้ วิชาญยิ้มขำ

“แล้วแกละมีฟงมีแฟนกับเขาบ้างหรือเปล่าเนี่ย” กุสุมารีบผลักเรื่องให้พ้นตัว

“จะรีบมีไปทำไม”

“จะรออะไร ใคร ๆ เขาก็มีกัน เรียนไม่ทันจบ พาเมียมาอยู่กันด้วยก็ไม่น้อย”

“รอให้รวย ๆ ก่อน รวยแล้วเดี๋ยวก็มีคนมาให้เลือกเอง”

“แต่เท่าที่สังเกตดู ที่นี่ก็ดูเสนอตัวกับนายอยู่หลายคนนะ” แม้จะมาทำงานเพียงสามวันแต่กุสุมาก็ผูกไมตรีกับคนทั้งร้านไว้ได้ และตามสายตาก็เห็นว่า มีพนักงานหญิงที่เป็นทั้งเด็กเสิร์ฟ อยู่ในครัว รวมถึงที่เคาน์เตอร์เบเกอร์รี่มีสายตาเปิดเผยความในใจกับวิชาญ แต่วิชาญเองดูไม่ได้สนใจใครจริง ๆ จัง ๆ สักคน

“ช่างมันเหอะ แล้วแกละม่ามีแฟนหรือเปล่า”

กุสุมาส่ายหน้า

“แกชอบแบบไหน หญิงหรือชาย”

“ถ้าฉันชอบคนขยัน ๆ แบบแก แกจะมองฉันไหมละ” พูดจบกุสุมาก็กะพริบตาถี่ ๆ ให้ แต่ว่าวิชาญกลับสั่นหัวดิกก่อนจะตอบว่า

“ไอ้บ้า ข้าไม่ใช่เกย์นะโว้ย”

“ฉันเหมือนผู้ชายขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็..มันก็ไม่เหมือนผู้ชายหรอกนะ แต่แกแข็ง ๆ กระโดกกระเดกอ่ะ จะเปรียบกับอะไรดีละ วันนี้แกทำแก้วน้ำหลุดมือแตกไปกี่หนนะ”

“พอเหอะ..” ว่าแล้วกุสุมาก็เสยผมขึ้นก่อนจะขยี้แรง ๆ

“แต่มันก็อาจจะมีผู้ชายสักคนชอบผู้หญิงแบบแกนะ”

“พอ ๆ เปลี่ยนเรื่องคุย..เอ้อ ถามจริง ๆ แกนี่เที่ยวเตร่บ้างไหม กลางค่ำกลางคืน หรือไปดูหนังในโรงอะไรแบบนี้ มีบ้างไหม”

“ไม่มี ไม่เคย ไม่คิดด้วย อยากเก็บเงินไว้เรียนอย่างเดียว อยากรวย”

“หัด ๆ บ้างนะ”

“ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไง เป็นคนดีจนชินแล้วอ่ะ”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 11:46:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 11:46:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 3184





<< 5.งานเข้า..   7.พระเอกใจดี.. >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 2 เม.ย. 2554, 11:47:45 น.
สวัสดีครับเพื่อน ๆ นักอ่าน ผมจะโพสต์ ทุกวันจันทร์ นะครับ ขอบคุณสำหรับแรงใจ..


chat 2 เม.ย. 2554, 11:57:39 น.
:)


กมลภัทร 2 เม.ย. 2554, 12:53:53 น.
มาเจิมบ้างอะไรบ้าง ^^


ตุ๊งแช่ 2 เม.ย. 2554, 13:25:42 น.
ตามเป็นกำลังใจ


ตุ๊งแช่ 2 เม.ย. 2554, 13:26:08 น.
ลองดู


boonja 3 เม.ย. 2554, 22:06:16 น.
มาเป็นกำลังใจให้ม่า.....จ้า


innam 4 เม.ย. 2554, 08:19:08 น.
ตามเป็นกำลังใจ


ปิลันธน์ 18 มี.ค. 2555, 15:10:04 น.
ูู:)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account