กรงรักแดนเถื่อน
เขา...เจ้าป่ายักษ์ใหญ่ เขาเถื่อน เขาโหด เขาเหี้ยม แต่เมื่อสบตาสีมรกตงดงามคู่หวานนั่นแล้วก็กลับกลายเปลี่ยนแปลงให้เขาต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ครอบครองเป็นเจ้าของสาวน้อยแสนสวยนั่น...“คุณจะทำอะไร ปล่อยนะ จะพาฉันไปไหนดอม!!” “ไปทำเมีย!!”
Tags: กรงรักแดนเถื่อน ลดา ลัลลดา แก้วจอมขวัญ

ตอน: ตอนที่ 1...เจ้าป่า


บทที่ 1...เจ้าป่า




ท่ามกลางป่าสนหนาทึบดูมึดมิด มีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่สาดส่อง...แสงจันทร์ในค่ำคืนที่อื้ออึงไปด้วยแรงลมและหิมะที่โปรยปรายดั่งสายฝน แม้จะดูแปลกแต่ธรรมชาติที่รวมตัวกันก็ก่อให้เกิดภาพที่ดูงดงามราวภาพฝัน




และในภาพฝันที่ถูกย้อมด้วยสีขาวของหิมะทนทั่วทุกตารางเมตรในป่าแห่งนี้นั้น กลับปรากฏสิ่งก่อสร้างที่มีรูปทรงคล้ายบ้านหรือกระท่อมซุกซ่อนตัวอยู่ภายใต้แมกไม้ กลมกลืนจนหากว่าไม่สังเกตุอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็คงจะไม่มีทางมองเห็น




อุณหภูมิภายในสิ่งก่อสร้างคล้ายกระท่อมหลังน้อยนั้นแตกต่างจากภายนอกลิบลับ เหมือนดั่งอยู่กันคนละซีกโลก ฮีสเตอร์ขนาดใหญ่ที่ส่งความอบอุ่นจนเกือบร้อน จนสิ่งมีชีวิตภายในที่แห่งนั้นไม่ต้องพึ่งพาอาภรณ์อุ่นหนา ไหนจะสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันราวกับเป็นโรงแรมที่พักสุดหรูที่ราคาค่าห้องสูงลิบลิ่วมากกว่าจะเป็นเพียงกระท่อมกลางป่าเช่นนี้




ร่างสูงใหญ่ที่สวมเพียงกางเกงผ้าสีดำตัวเดียว นอนเหยียดยาวอยู่บนเก้าอี้นอนที่สีน้ำตาลเข้มที่รองด้วยขนสัตว์หนานุ่มหน้าเตาพิงขนาดใหญ่ที่ตอนนี้มีเปลวไฟลุกโชนเพียงน้อยนิดเท่านั้น ในมือข้างหนึ่งถือกระดาษปึกใหญ่ อีกข้างหนึ่งวางลงบนศรีษะสัตว์เลี้ยงแสนรักที่นอนหมอบหลับตาอยู่ข้างเก้าอี้ เสียงหายใจครืดคราดของมันฟังดูน่าสพรึงกลัวยิ่งนัก หากสำหรับคนที่คุ้นชินและเป็นเจ้าชีวิตของมันมาตั้งแต่มันลืมตาดูโลกได้ไม่ถึงขวบปี กลับกลายเป็นเสียงที่ฟังดูเพราะพิ้งคล้ายเสียงของลูกแมวตัวน้อยยามอยู่ในห้วงนิทรา




โดมินิค เดล ปิเอโร่ ลูกครึ่งรัสเซีย – อิตาลี อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยซีล ( SEAL [ 1] ) สหรัฐอเมริกา เจ้าของกระท่อมหลังน้อยแต่หรูหราแห่งนี้ กำลังหลับตาพักหลังจากคร่ำเคร่งนั่งจ้องตัวหนังสือในเอกสารที่ถืออยู่มานานนับชั่วโมง หากแต่ก็เป็นหนึ่งชั่วโมงที่ไม่เสียเปล่า ข้อมูลที่เขาได้รับทำให้รู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังเริ่มเคลื่อนไหวใกล้เข้ามาในเขตแดนของเขา...ไอ้พวกโลภมาก ไม่รู้จักพอพวกนั้น อยากลองของกันนัก ทั้ง ๆ ที่เขาคิดว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก คิดว่าจะต่างคนต่างอยู่แท้ ๆ แต่พวกมันก็ประเคนเรื่องใส่พานมาให้จนถึงที่สิน่า




ก้าวขาเข้ามาในป่าแห่งนี้ คิดหรือว่าจะมีโอกาสได้กลับออกไปอีกถ้าเจ้าของอย่างเขาไม่อนุญาติ...พวกมันไม่รู้หรือยังไงว่าผืนป่าเครียฟรุสนี้เป็นของใคร!!




น้อยคนนักที่จะรู้ว่าป่าเครียฟรุสที่อยู่ทางตอนเหนือของนครเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์กแห่งนี้เป็นของตระกูลครอส ตระกูลทางฝั่งมารดาของโดมินิค แอนนา ครอส ลูกสาวคนเล็กของตระกูลครอสที่เป็นตระกูลเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจน้ำมันปิโตเลียมของรัสเซีย แอนนาได้พบรักกับ อันโตลิโอ เดล ปิเอโร่ ทายาทของตระกูลมาเฟียที่ทรงอิทธิพลหนึ่งในสามของอิตาลีเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ทั้งสองแอบคบหาอยู่กินกันโดยที่ทางครอบครัวของแอนนาไม่ได้รับรู้ แต่ภายหลังจากคลอดลูกชายได้เพียงสามเดือนแอนนาก็เสียชีวิตลงจากถูกลอบยิง โดยที่ทางฝั่งบิดาของเขาได้บอกให้เขารู้ในภายหลังว่าท่านเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุรถยนต์




หลังจากนั้นชีวิตของโดมินิคก็พลิกผัน อันโตลิโอที่เศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของผู้หญิงที่รัก ทำให้เขาลืมไปว่าโดมินิคในวัยเพียงสามเดือนนั้น ต้องการความรักความเอาใจใส่จากบิดาอย่างเขาซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่อันโตลิโอกลับปล่อยให้บิดามารดาของตนเองเป็นผู้เลี้ยงดูเด็กน้อยที่เกิดจากผู้หญิงที่ท่านทั้งสองไม่เคยคิดจะยอมรับ ดังนั้นเมื่อบิดาบอกให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนที่เหมาะสมโดยให้เหตุผลว่าเพื่อลูกชาย อันโตลิโอก็ทำตามโดยไม่คัดค้าน จากนั้นเขาก็ปล่อยให้หนูน้อยโดมินิคอยู่ในความดูแลของภรรยาใหม่




ซึ่งมันก็เป็นไปตามสถานะภาพแม่เลี้ยงใจยักษ์กับลูกเลี้ยงผู้น่าสงสารตามปกติทั่วไป โดมินิคเป็นเหมือนที่ระบายอารมณ์ให้แม่เลี้ยงยามที่เธอไม่ได้รับการเหลียวแลจากอันโตลิโอ ที่วัน ๆ เอาแต่ทำงาน กลับบ้านดึกดื่นเที่ยงคืนจากนั้นก็ขังตัวเองอยู่ในห้องที่เคยอยู่กับแอนนาครั้งที่เธอยังมีชีวิตอยู่ กว่าที่อันโตลิโอจะรู้ว่าบุตรชายตัวน้อยของเขาถูกกระทำการเลวร้ายเพียงใดก็สายเกินไปเสียแล้ว เพราะบาดแผลในใจของโดมินิคมันลึกเกินกว่าที่เขาจะยอมให้อภัยบิดาผู้ให้กำเนิด




โดมินิคย้ายมาอยู่กับ เชอมิท ครอส ผู้เป็นตาเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ หลังจากที่ท่านสืบจนรู้ว่าลูกสาวที่เสียชีวิตไปมีหลานชายทิ้งไว้ให้ท่าน ก่อนหน้านั้นกว่าจะรู้ว่าแอนนาเสียชีวิตเวลาก็ผ่านไปหลายเดือน และเพราะไม่เคยรับรู้เรื่องราวระหว่างลูกสาวกับอันโตลิโอ แม้กระทั่งในวันแต่งงานทั้งสองคนก็แอบแต่งกันเงียบ ๆ โดยที่บิดาอย่างท่านไม่เคยรู้ และพอรู้ว่าตัวเองมีหลานชายเชอมิท ครอส ก็เดินทางไปหาและเมื่อเห็นสภาพหลานชายที่สมบูรณ์แต่ร่างกายแต่จิตใจกลับมีรอยแผลใหญ่ เชอมิทก็พาตัวโดมินิคกลับรัสเซียทันทีด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ความจริงเชอมิทอยากจะตัดขาดกับตระกูลเดล ปิเอโร่ เสียด้วยซ้ำ อยากจะให้หลานชายของเขาได้ใช้นามสกุลครอสมากกว่านามสกุลของคนที่เป็นต้นเหตุให้บุตรสาวตัวเองต้องตาย รวมทั้งยังทำให้หลานชายของตนมีชีวิตที่ไม่เหมือนเด็กในวัยเดียวกัน




โดมินิคอยู่รัสเซียจนกระทั่งอายุสิบห้า จึงได้ขอเชอมิทไปเรียนต่อไฮสคูลที่อเมริกา จวบจนอายุสิบแปดเขาได้สมัครเข้ารับการฝึกเป็นสายลับของหน่วยงานสืบราชการลับที่วอชิงตัน ดีซี และเข้าบรรจุเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษซีลเมื่ออายุยี่สิบสอง เขาออกปฏิบัติหน้าที่ไปทั่วทุกมุมโลก เฉียดความตายไปก็หลายครั้ง แต่ความตายไม่ได้ทำให้เขานึกกลัวแต่อย่างใด การต่อสู้ฆ่าฟันกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย มันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย...




จนกระทั่งเมื่อสี่ปีก่อนเชอมิทตาของเขาได้เสียชีวิตลงด้วยโรคประจำตัว ท่านได้มอบบางอย่างให้กับเขา...บางอย่างที่ทำให้เขารู้ว่ามารดาของตัวเองไม่ได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุรถยนต์อย่างที่เคยรู้มาจากคนของตระกูลเดล ปิเอโร่ หากแต่ท่านถูกลอบยิง และก็เพราะเหตุนี้ ทำให้เขาต้องออกจากงานที่รัก ย้ายมาอยู่ที่รัสเซีย




เพื่อ...รอเวลาส่งไอ้สารเลวนั่นลงนรก!!






ดวงตาสีสนิมเหล็กเปิดลืมขึ้นก่อนจะตวัดมองไปทางสัตว์เลี้ยงแสนรัก หยุดความคิดออกจากเรื่องราวในอดีต เมื่อรับรู้ถึงการไหวตัวของมัน และเมื่อหันไปก็สบเข้ากับตาสีเขียวอ่อนจนเกือบเทา ก่อนที่ร่างใหญ่โตที่ปกคลุมด้วยขนยาวหนาแน่นสีเทาอมเหลือง มีลายดอกเข้มเป็นวงทั่วตัวสีดำ จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหกสิบเซ็นติเมตร ทำให้เมื่อมันหันหน้าเข้าหาร่างสูงที่เอนกายนอนอยู่ ลมหายใจอุ่น ๆ จึงเป่ารดใบหน้าที่อยู่ภายใต้เครารกครึ้มจนต้องหันหน้าหนี




“บอกกี่ครั้งแล้วเลม ว่าอย่าหายใจรดหน้า...แล้วนี่ตื่นขึ้นมาทำไม มีแขกยามวิกาลมางั้นหรือ”




เสียงห้าวเอ่ยถามเหมือนอีกฝ่ายจะสามารถโต้ตอบกลับมาเป็นภาษาเดียวกันได้ พร้อมกับยกมือขึ้นดันหน้าสัตว์เลี้ยงที่ตัวเองเห็นว่ามันน่ารัก(ก่อนหน้าที่มันจะพ่นลมหายใจใส่หน้า)โดมินิคยันกายลุกขึ้นนั่งตัวตรง วางเอกสารในมือลงที่โต๊ะไม้เตี๊ย ๆ ตรงปลายเท้า ก่อนจะหันไปมองทางประตูไม้โอ๊คสีเข้ม




“ลมแรงหิมะตกหนักขนาดนี้จะมีใครมาวะ”เสียงลมที่พัดแรงจนบานหน้าต่างสั่นกึก ๆ บ่งบอกว่าไม่น่าจะมีใครมาที่นี่ในยามนี้ อีกอย่างก็เพิ่งแยกจากกันมาไม่ถึงชั่วโมงดี แต่ความรู้สึกและประสาทสัมผัสของสัตว์มักจะไวกว่าคนเราเสมอ มันก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีใครมา “หรือถ้าจะมีใครมาก็คงจะเป็นเพื่อนซี้แกนั่นแหละเลม นั่งรออยู่นี่ เดี๋ยวมันก็เปิดประตูเข้ามาเองนั่นแหละ”




แต่เจ้าเลมแสนรู้กลับไม่ฟังคำเจ้านาย(เพราะฟังภาษาคนไม่เข้าใจ? )มันเดินอย่างองอาจตรงไปที่ประตู แล้วยืนจ้องอยู่อย่างนั้น ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าเจ้านายเป็นเชิงว่าให้ช่วยลุกมาเปิดประตูให้มันที โดมินิคไหวไหล่ส่งให้เป็นคำตอบ จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนหลับตาลงตามเดิม ทิ้งให้เจ้าเลมส่งเสียงครืดคราดอย่างไม่พอใจก่อนที่มันจะหันกลับไปจ้องบานประตูไม่โอ๊คตามเดิม




++++++++++




นั่นอะไร?




ชินานางค์คิดพลางเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้สิ่งก่อสร้างเล็ก ๆ คล้ายบ้านหรือกระท่อมที่ซุกตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้ที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ตอนนี้เธอวิ่งไปต่อแทบจะไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อเช้าวานนี้เธอกับพี่ชายหนีหัวซุกหัวซุนท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ จนกระทั่งตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหนบนผืนแผ่นดินรัสเซีย รู้เพียงแต่ว่าเชนทร์พานั่งรถจากในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กออกมาอีกเกือบสองชั่วโมง จากนั้นพี่ชายเธอก็พาวิ่งเข้าป่ามาเรื่อย ๆ จนมาสิ้นสุดอยู่ที่หน้าป่าสนกว้างใหญ่แห่งนี้เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน และเธอก็วิ่งวนไปวนมาอยู่ในป่าแห่งนี้จนอ่อนล้าไปหมด อ่อนล้าและหนาวจนสั่น เท้าเย็นจนแทบจะไร้ความรู้สึก




เมื่อพยายามพาตัวเองเข้ามาใกล้จนเกลือบจะถึงจุดหมาย ชินานางค์ก็พบว่าตรงหน้าเธอเป็นที่พักเล็ก ๆ ที่เธอไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันสร้างขึ้นจากอะไรเพราะทั้งหลังนั้นเป็นสีขาวเพราะถูกหิมะปกคลุมอยู่ รู้แต่ว่ามีลักษณะรูปทรงเหมือนกับบ้านพัก ทำให้ในยามกลางคืนที่มีเพียงแสงจันทร์ให้ความสว่างและหิมะที่ตกโปรยปรายเหมือนสายฝนนี้แทบจะทำให้ไม่สามารถมองเห็นกระท่อมหลังน้อยตรงหน้าได้ถ้าไม่สังเกตดี ๆ เพราะมันดูกลมกลืนเป็นสีขาวไปกับธรรมชาติรอบข้างที่ถูกหิมะปกคลุมจนหมด ทั้งต้นไม้ใบหญ้าและทางเดิน




ชินานางค์ทรุดลงพิงบานประตู เมื่อใช้มือลูบหิมะออกก็พบว่าที่บานประตูทั้งบานทำจากไม้แผ่นใหญ่ หญิงสาวตัดสินใจยกมือขึ้นตบประตูเพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะเป็นทางเดียวที่เธออาจจะรอดในสภาวะที่ร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงแม้จะลุกขึ้นยืนอย่างในตอนนี้ แต่เมื่อไม่มีการตอบรับจากอีกฝั่งก็ออกแรงดันหวังจะเปิดประตูเข้าไปหากแต่แผ่นไม้หน้าหนักตรงหน้ากลับไม่เขยื่อนสักนิด




“ เฮ้ย ผู้หญิงอยู่นั่น !! ”




เสียงตะโกนไม่ไกลที่ได้ยินทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวใบหน้าหวานซีดเผือดลงกว่าเดิม เร่งตบประตูพร้อมกับตะโกนขอความช่วยเหลือ




ปัง!!ปัง!!ปัง!!




“ชะ ช่วยด้วย!!มีใครอยู่ข้างในหรือเปล่า ได้โปรดเปิดประตูให้ที!!ช่วยด้วย!!” ตะโกนไปพลางถอยหนีเมื่อกลุ่มคนเกือบสิบเดินยิ้มเหี้ยมเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ หากแต่ก็ถอยไปไหนไม่ได้นักเพราะถูกตีวงล้อมเข้ามาปิดทางหนีทั้งหมด




ชินานางค์ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว นึกเสียใจที่ทำให้พี่ชายผิดหวัง เชนทร์ยอมเสี่ยงสละชีวิตเพื่อช่วยให้เธอมีโอกาสรอด แต่...เธอกลับทำให้สิ่งที่พี่ชายทำไปต้องสูญเปล่า หญิงสาวยกมือขึ้นปัดมือหยาบกร้านของหนึ่งในพวกมันออก เมื่อมันยื่นเข้ามาแตะตัวเธอ




“หนีไปไหนไม่พ้นแล้วล่ะคนสวย”ไอ้หน้าโหดที่เป็นหัวหน้าพูดพลางแสยะยิ้มน่าเกลียด “ตามพวกเรากลับไปดี ๆ ดีกว่า หน้าตาสวยอย่างนี้รับรองนายคงเอ็นดูเธอไม่น้อย คงไม่ลงโทษหนักหนาอะไรมากนัก แต่ถ้าขัดขืน คนสวยอาจจะกลายเป็นตุ๊กตาให้พวกเราเล่นกันก่อนที่จะพาไปอยู่ซ่องที่ไหนสักที่ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กก็ได้”เมื่อตัวหัวหน้าพูดจบ พวกลูกน้องที่เหลือก็ส่งเสียงหัวเราะประสานกันจนคนฟังหัวใจแทบหยุดเต้นเพราะความกลัว




“ยะ อย่าเข้ามานะ!!ฉันกับพี่ไปทำอะไรให้พวกคุณ ทำไมต้องตามล่าพวกเราด้วย” เธอไม่รู้อะไรเลย เชนทร์ไม่เคยพูดหรือเล่าอะไรให้ฟัง ว่าทำไมนักวิทยาศาสตร์อย่างเขาถึงได้ถูกไล่ล่าเอาชีวิตอย่างนี้ เขาแค่ห้ามเธอเด็ดขาดว่ายังไม่ให้มาเยี่ยมที่รัสเซียในช่วงนี้เท่านั้น เชนทร์บอกว่าเขางานยุ่งมากไม่มีเวลาพาเธอเที่ยว เธอเลยแอบมาเซอร์ไพส์เพราะสามปีแล้วตั้งแต่ที่เขาย้ายมาทำงานที่รัสเซีย ที่เธอไม่ได้ฉลองวันเกิดร่วมกันกับพี่ชายฝาแฝด




ชินานางค์กับเชนทร์มีบิดาเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย ส่วนมารดาเป็นคนไทย ท่านทั้งสองเสียชีวิตไปเมื่อสิบสองปีก่อน ตั้งแต่เธอกับพี่ชายอายุได้สิบสองหลังจากที่บิดามารดาส่งพวกเธอสองคนขึ้นเครื่องไปเยี่ยมคุณตาที่ประเทศไทยได้ไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ ท่านทั้งสองเสียชีวิตเพราะแก๊ซระเบิดจนไฟลุกท่วมบ้านพัก แต่หน้าแปลกที่ไม่มีดับเพลิงหรือใครมาช่วยสักนิด ทั้ง ๆ ที่ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักขององค์กรที่บิดาเธอทำงานให้อยู่ ที่สำคัญที่พักก็อยู่ด้านหลังขององค์กรที่เต็มไม่ด้วยเวรยามหนาแน่น




“อยากรู้ก็คงต้องตามพวกเรากลับไปหาเจ้านายนั่นแหละคนสวย พี่ชายเธอนี่มันโง่หรือบ้ากันนะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบากดันให้น้องสาวมาหา...หรือเพราะเกิดพร้อมกันก็เลยอยากจะตายพร้อมกันด้วยจ๊ะ”




ชินานางค์ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาได้นานนัก เมื่อถูกหนึ่งในพวกมันกระชากแขนให้ลุกขึ้น แล้วทำท่าจะลากเธอเดินไป หญิงสาวยกมือข้างที่จับแขนขึ้นมากัดเต็มแรงจนจมเขี้ยว จนอีกฝ่ายส่งเสียงร้องโอดโอย พลางสะบัดมือออกอย่างแรงจนเธอปลิวไปกระแทกกับบานประตูดังปัง มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นกั้นใบหน้าไว้ตามสัณชาตณานเมื่อคนที่เธอกัดมือมันไปเมื่อกี้ ยกมือขึ้นทำท่าจะฟาดลงมา




กึก...




“อ๊ะ!!”




เสียงบานประตูไม่โอ๊คที่ถูกกระชากจากด้านในอย่างแรง ตามมาด้วยเสียงอุทานอย่างตกใจของชินานางค์ที่นั่งปิดหน้าพิงหลังอยู่กับบานประตู จนหงายหลังทรุดลงไปซบอยู่กับ...รองเท้าขนสัตว์หนานุ่มสีดำแบบใส่ในบ้าน ที่โผล่พ้นออกมาจากขากางเกงสีเดียวกันภายใต้ชายผ้าสีน้ำตาลยาวกร่อมเท้า




ดวงตาสีเขียวมรกตไล่สายตาขึ้นไปช้า ๆ ชินานางค์พบว่าสิ่งที่ค้ำหัวเธออยู่ในตอนนี้ใหญ่โตเหมือนกำแพงอิฐดี ๆ นี่เอง เธอรู้ว่าคงจะเป็นคนและเป็น...ผู้ชาย หากแต่เพราะการนั่งหมอบแบบนี้ทำให้เห็นมากสุดได้เพียงแค่แผงอกกว้างและคางบึกบึนที่รกครึ้มของเขาเท่านั้น




“สะ สะ เสือดาวหิมะ!! “




ยังไม่ทันที่ชินานางค์จะขยับตัวออกห่างจากยักษ์ปักหลั่นตรงหน้า ก็เกิดเสียงร้องอย่างตกใจและตื่นตะลึงจากกลุ่มคนที่ไล่ล่าเธอขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับเสียงเหมือนอะไรสักอย่างที่ดังอยู่ด้านหลังของเธอ




กรรรรร...กรรรรร...




ชินานางค์ขนลุกซู่กับเสียงที่ได้ยิน ก่อนจะหันหน้าไปช้า ๆ แล้วตาคู่หวานสีเขียวมรกตก็เบิกกว้าง เสียงกรีดร้องหายเข้าไปในลำคอทำได้เพียงอ้าปากค้าง ลมหายใจสะดุดแทบจะสิ้นสติเมื่อสบเข้ากับนัยย์ตาสีเขียวอ่อนของ...เสือดาวหิมะ (Snow Leopard [ 2 ] )




ไม่อยากจะเชื่อ...ชินานางค์ครางในใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจอะเจอกับสัตว์หายากที่ใกล้จะสูญพันธ์อย่างเสือดาวหิมะที่นี่ ตัวมันสูงใหญ่มาก ขนหนาแน่นของมันสีเทาอมเหลือง ตอนนี้มันกำลังใช้ดวงตาสีเขียวอ่อนที่มองสบตาเธอเมื่อกี้ เปลี่ยนไปจ้องมองกลุ่มคนที่ไล่ล่าเธอมาแทน พร้อมกับส่งเสียงขู่ กรร กรร ออกไป มันดังข้าง ๆ หูจนทำให้ชินานางค์ไม่กล้าจะขยับร่างกายไปมากกว่าหันหน้ากลับไปทางเดิม และก็ได้แต่นั่งนิ่งเป็นหุ่นมองกลุ่มคนนับสิบที่ยืนนิ่งเหมือนยังไม่หายตกตะลึง สายตาทุกคู่จ้องเจ้าของเสียงขู่




ส่วนพวกที่ทำเสียงดังหน้าเหี้ยมเมื่อครู่นี้ บัดนี้บางคนหน้าซีดเผือด บางคนมือไม้สั่นเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว มีบางคนที่ยังทำใจกล้ายกปืนในมือขึ้นเล็งไปทางเจ้าของเสียงขู่กับร่างสูงใหญ่ที่ทั้งใหญ่ทั้งหนาจนศรีษะแทบจะชนขอบประตูที่ดูแล้วคงไม่ต่ำกว่าสองเมตร




“พวกเราแค่มาตามตัวผู้หญิง ไม่ได้จะมาบุกลุกหรือหาเรื่อง” คนที่เป็นหัวหน้าทำใจกล้าเอ่ยบอกเสียงเข้ม หากแต่มือที่ถือปืนเล็งใส่ร่างสูงนั้นสั่นนิด ๆ




ก็จะไม่ให้สั่นได้ยังไง นอกจากจะสูงใหญ่คับประตูแล้ว หน้าตาและสายตายังดุดันดูโหดเหี้ยมจนคนที่เคยฆ่าคนเป็นผักปลาอย่างพวกเขายังอดใจสั่นไม่ได้ แล้วพอยืนคู่กันกับเจ้าสัตว์ตระกูลแมวอย่างเสือดาวหิมะตัวโตนั่นแล้ว รังสีความโหดเหี้ยมน่ากลัวมันแผ่กระจายหนาวยิ่งกว่าหิมะที่หล่นกระทบใบหน้าเนื้อตัวเสียอีก เห็นทีคงต้องรีบกลับไปรายงานในนายทราบเสียแล้ว พวกมันคิดโดยที่ไม่รู้ตัวว่าจะไม่มีโอกาสได้ออกไปจากป่าแห่งนี้ได้อีก...หากเจ้า(ของ)ป่าไม่อนุญาติ




โดมินิคที่ยืนกอดอกพิงไหล่ข้างหนึ่งกับกรอบประตู เปลี่ยนสายตาตวัดมองลงไปที่ร่างบางที่นั่งนิ่งพิงขาเขาอยู่ ใบหน้าที่ถูกปิดด้วยหมวกขนสัตว์สีขาวเสียเกือบครึ่งนั้นทำให้ไม่รู้ว่าคนที่พวกนั้นพูดถึงมีหน้าตาเป็นยังไง โดมินิคคลายมือที่กอดอกออกจากกัน ก่อนจะยื่นไปดึงสิ่งที่เกะกะขวางสายตาโยนทิ้งไปให้พ้นทาง




ชินานางค์สะดุ้งสุดตัวเมื่อหมวกถูกดึงออกอย่างแรง ใบหน้าซีดเผือดแหงนขึ้นมองคนกระทำ แล้วใบหน้าที่ซีดแล้วก็ยิ่งซีดลงไปอีกจนไร้สีเลือด เมื่อเห็นใบหน้าดุดันโดยเฉพาะดวงตาสีสนิมเหล็กที่คมกริบราวใบมีดโกนที่มองสบสายตาเธออยู่นั้น ชินานางค์ที่นั่งนิ่งอยู่นานขยับถอยหลังหนีอัตโนมัติจนไปชนเข้ากับความนุ่มหยุ่นอบอุ่น แล้วก็สำนึกได้ว่าสิ่งที่เธอชนอยู่ขณะนี้คือสัตว์ป่าที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตที่เธอเคยพบเจอ แต่สายตาสีสนิมเหล็กที่ยังไม่ยอมละไปจากใบหน้าของเธอนั้น ทำให้ชินานางค์เริ่มไม่มั่นใจเสียแล้วว่าระหว่างสัตว์ป่ากับ...คน(ป่า)ตรงหน้า สิ่งไหนที่เธอควรจะถอยออกห่างมากกว่ากัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++


โดมินิคที่ยืนกอดอกพิงไหล่ข้างหนึ่งกับกรอบประตู เปลี่ยนสายตาตวัดมองลงไปที่ร่างบางที่นั่งนิ่งพิงขาเขาอยู่ ใบหน้าที่ถูกปิดด้วยหมวกขนสัตว์สีขาวเสียเกือบครึ่งนั้นทำให้ไม่รู้ว่าคนที่พวกนั้นพูดถึงมีหน้าตาเป็นยังไง โดมินิคคลายมือที่กอดอกออกจากกัน ก่อนจะยื่นไปดึงสิ่งที่เกะกะขวางสายตาโยนทิ้งไปให้พ้นทาง



ชินานางค์สะดุ้งสุดตัวเมื่อหมวกถูกดึงออกอย่างแรง ใบหน้าซีดเผือดแหงนขึ้นมองคนกระทำ แล้วใบหน้าที่ซีดแล้วก็ยิ่งซีดลงไปอีกจนไร้สีเลือด เมื่อเห็นใบหน้าดุดันโดยเฉพาะดวงตาสีสนิมเหล็กที่คมกริบราวใบมีดโกนที่มองสบสายตาเธออยู่นั้น ชินานางค์ที่นั่งนิ่งอยู่นานขยับถอยหลังหนีอัตโนมัติจนไปชนเข้ากับความนุ่มหยุ่นอบอุ่น แล้วก็สำนึกได้ว่าสิ่งที่เธอชนอยู่ขณะนี้คือสัตว์ป่าที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตที่เธอเคยพบเจอ แต่สายตาสีสนิมเหล็กที่ยังไม่ยอมละไปจากใบหน้าของเธอนั้น ทำให้ชินานางค์เริ่มไม่มั่นใจเสียแล้วว่าระหว่างสัตว์ป่ากับ...คน(ป่า)ตรงหน้า สิ่งไหนที่เธอควรจะถอยออกห่างมากกว่ากัน



ผู้หญิง? แล้วหล่อนมาทำบ้าอะไรที่นี่ ในป่าแบบนี้ สายตาที่ฉายแววหวาดกลัวที่มองมาเหมือนตากวางเวลาที่เจอกับเจ้าเลมของเขาทำให้โดมินิคเกิดความรู้สึก...สงสาร ไม่บ่อยนักที่เขาจะเกิดความรู้สึกนี้กับใคร ยิ่งกับคนแปลกหน้าที่เข้ามาบุกลุกอาณาเขตของเขายิ่งแล้วใหญ่ แล้วทำไมเขาถึงได้เกิดความรู้สึกนั้นกับผู้หญิงคนนี้...



แต่เอาเถอะ...เขาไม่อยากเสียเวลามาคิดถึงมันในเวลานี้ ตอนนี้สิ่งที่เขาควรจะทำเหมือนทุกครั้งที่มีใครหรืออะไรลุกล้ำเข้ามาในผืนป่าเครียฟรุสแห่งนี้ก็คือ...เก็บกวาด แล้วโยนทิ้งเสียให้สิ้นซาก



“เฮ้ย ไม่ได้ยินหรือไง ว่าปล่อยตัวผู้หญิงมา แล้วพวกเราจะออกไปจากที่นี่ หรือแกอยากกินลูกปืนวะ!! “ และพวกที่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะโดนเก็บกวาดก็ตะโกนแทรกขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงที่ไม่หนักแน่นนัก



“ก็...ตามสบาย” ประโยคแรกที่หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากหยักลึกภายใต้เคราที่รกครึ้ม



จากนั้นก่อนที่ใครจะคาดคิดพื้นหิมะที่กลุ่มผู้บุกลุกนับสิบยืนอยู่ ก็ทรุดตัวลงก่อให้เกิดหลุมลึกเกือบสองเมตร ตามมาด้วยเสียงประสานร้องอย่างตกใจ และเสียงกรีดร้องของร่างบางที่ถูกมือหนาขยุ้มคอเสื้อโค๊ท กระชากขึ้นก่อนที่จะล่วงหล่นลงไปพร้อมผู้ชายนับสิบคนเหล่านั้น



“เงียบ!! ถ้ายังไม่อยากจะถูกโยนลงไปในนั้นกับพวกมัน” เสียงประกาศิตดังขึ้น แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้เสียงกรีดร้องของชินานางค์เงียบกริบราวกับถูกสับสวิตซ์ลง



โดมินิคโยนร่างบางที่เขาหิ้วอยู่เหมือนเธอเบาราวกับนุ่นเข้าไปด้านใน จากนั้นก็หันกลับไปกดสวิตซ์ข้างประตู และไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นตะแกรงเหล็กจากสองฝั่งของปากหลุมใหญ่ตรงหน้ากระท่อมก็ดีดตัวเข้าหากัน ปิดล๊อคดังกริ๊ก ตามด้วยแผ่นไม้หนาหนักแผ่นใหญ่ที่เลื่อนปิด ดูดซับเสียงร้องตะโกนอื้ออึงของผู้บุกลุกให้เงียบหายไป เมื่อจัดการเรียบร้อยก็ดันประตูปิด ใส่รหัส ก่อนจะหันกลับไปภายในห้อง คิ้วหนาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำย่นเข้าหากันนิด ๆ อย่างแปลกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า



เจ้าเลมสัตว์เสี้ยงของเขากำลังแลบลิ้นเลียใบหน้าของตุ๊กตารัสเซียที่เขาเพิ่งจับโยนเข้ามาเมื่อก่อนหน้านี้ ทำไมถึงเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าตุ๊กตารัสเซียน่ะหรือ ก็ดูจากหน้าตา...เขาไม่เถียงว่าผู้หญิงตรงหน้าแม้จะใบหน้าซีดเผือด หากแต่ก็ยังเห็นถึงเค้าความงดงามของเจ้าตัว และไหนจะการแต่งตัว วิ่งเข้าป่ามากับโค๊ทสีชมพูอ่อน ผ้าพันคอขนสัตว์สีน้ำตาล หมวกสีขาว แล้วยังไม่ใส่รองเท้ามีแต่ถุงเท้าสีชมพูสด...ไม่น่าจะใช่ โดมินิคหลี่ตามอง ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ ทรุดนั่งลงตรงหน้า จับข้อเท้าเล็ก ๆ ยกขึ้นมาดู...



เลือด? นี่เจ้าหล่อนโง่หรือบ้ากันแน่ ถึงได้เข้าป่ามาด้วยเท้าเกือบเปลือยอย่างนี้



“ยะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉัน...ฉันถูกพวกนั้นตามล่า แล้ว แล้วก็วิ่งเข้ามาในนี้ ฉันไม่ได้จะมาบุกลุกอะไรนะคะ ฉัน...” ชินานางค์บอกเสียงสั่น ๆ พลางพยายามดึงเท้าให้หลุดจากฝ่ามือหนาที่เกาะกุมอยู่ พร้อมกับเบี่ยงใบหน้าหนีจากสัมผัส(รักใคร่?)ของเจ้าเสือดาวหิมะตัวยักษ์ไปด้วย



เธอไม่กล้ามองหน้าผู้ชายตรงหน้า ก่อนหน้านี้เมื่อกี้ที่เธอสบสายตากับเขา หัวใจเธอก็เต้นระรัวจนน่ากลัวว่าจะหลุดออกมาจากอก มันไม่ใช่เต้นแรงเพราะความถูกใจหรือเขินอาย หากแต่เป็นเพราะเธอ...กลัว...กลัวว่าถ้าเผลอไปมองหน้าเขาแล้วเขาไม่พอใจขึ้นมา เขาอาจจจับเธอโยนลงไปในหลุมตามพวกนั้นอย่างที่เขาพูด หรือไม่งั้นมันอาจจะร้ายแรงกว่านั้น หากเขาไม่พอใจมากจนนึกอยากจะฆ่าเธอทิ้ง



“อย่าพูดมาก...เลม” เสียงห้าวสั่ง ก่อนจะตวัดสายตาไปทางสัตว์เลี้ยงของตนแล้วเอ่ยเรียกเสียงเข้ม



เจ้าเลมหันหน้าไปมองนายครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาสนใจร่างบางตามเดิม ตอนนี้มันหยุดเลียใบหน้าเล็ก ๆ นั่นแล้ว หากแต่เปลี่ยนมาใช้จมูกใหญ่ของมันสูดดมไล่จากใบหน้าลงสู่ลำคอระหง แล้วจู่ ๆ มันก็ส่งเสียง กรรรรร ชิดลำคอระหงจนเจ้าของขนลุกซู่ ใจหายวาบ เสียวปราบตรงลำคอทันทีที่ได้ยิน ชินานางค์ห่อใหล่ตัวสั่นด้วยความกลัว ใจชื้นขึ้นมานิด ๆ เมื่อมันถอยออกห่างกลับมายืนจังก้าจ้องตาเธอแทน แต่ไม่นานมันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ ชินานางค์อยากจะหลบแต่เธอก็ไม่กล้า กลัวจะทำให้มันโกรธ หญิงสาวทำได้แต่มองสบตากับมันอย่างหวาด ๆ กำลังจะถอยหายใจเมื่อมันทำท่าจะถอยห่างออกไปอีกครั้ง หากแต่แล้ว...



กรรรรรร...



“กรี๊ดดดด!! “



เสียงกรีดร้องดังก้องกระท่อมหลังน้อยจนผนังแทบสะเทือน เมื่อเสือดาวหิมะสัตว์เลี้ยงที่ผู้เป็นเจ้าของมองว่ามันน่ารัก อ้าปากกว้างจนสุด ก่อนจะส่งเสียงคำรามก้อง...จากนั้นเมื่อสิ้นเสียงกรีดร้อง ร่างบางที่ผวาโผเข้าหาร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านข้างก็แน่นิ่ง ตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าของกระท่อม



“ไอ้เลม” โดมินิคส่ายหัวให้กับสัตว์เสี้ยงของตัวเอง เมื่อเห็นมันเดินเข้ามาคลอเคลียทำจมูกฟุดฟิตสูดดมตามใบหน้าและซอกคอของร่างบางในอ้อมแขนของเขา คนที่คุ้นเคยกับมันจะรู้ดีว่าท่าทางที่มันทำไปก่อนหน้านี้ เป็นการหยอกล้อและต้องการจะเล่นด้วยกับคนที่มันถูกใจเท่านั้น



ถูกใจ? โดมินิคส่งเสียง หึ ในลำคอเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เจ้าเลมมันมาเกิดติดใจถูกใจอะไรกับแม่ตุ๊กตารัสเซียนี่ ตาคู่คมสีสนิมเหล็กเหลือบลงมองใบหน้าเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะส่ายหัว



ก็แค่ผู้หญิงสวย...แปลก...



เมื่อเห็นว่าถ้าจะรอให้คนในอ้อมแขนฟื้นขึ้นมาแล้วลุกเดินไปไหนมาไหนเองก็คงต้องรอจนถึงเช้า และถ้าจะพึ่งเจ้าเลมที่ยืนจ้องร่างบางนี้ตาไม่กระพริบก็คงจะไม่ได้เรื่อง เมื่อคิดสารตะแล้วว่ายังไงก็คงไม่พ้นตัวเขาเองอยู่ดี โดมินิคก็ถอนหายใจอย่างรำคาญใจ ก่อนจะลุกขึ้นตวัดแขนรอบเอวคอดแล้ว หิ้ว ร่างบอบบางเดินเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ไม่สนใจว่าศรีษะเล็ก ๆ นั่นจะแกว่งไกวไปมาราวกับตุ๊กตารัสเซียอย่างที่เขาว่า



ทำไมต้องสน...แค่ช่วยหิ้วเข้ามาในห้องไม่โยนลงไปรวมกับไอ้พวกนั้นก็ดีแค่ไหนแล้ว



เจ้า(ของ)ป่าเครียฟรุสวางร่างบางลงกลางเตียงกว้างอย่างไม่ถนอมนัก แต่ก่อนจะผละห่างก็เห็นรอยเปื้อนสีแดงบนผ้าปูขนสัตว์สีเทา โดมินิคพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะสบถอย่างหงุดหงิด เขาลืมไปได้ยังไงว่าเธอมีแผลที่เท้า และตอนนี้เลือดมันก็เปรอะเปื้อนที่นอนของเขาไปหมดแล้ว



ให้ตายสิ...แล้วใครจะเป็นคนทำแผลดูแลผู้หญิงคนนี้กันวะ



------------------------------------------------------------------------------------------------

[1] SEAL ย่อมาจาก SEa - Air - Land ซึ่งแสดงถึงการปฏิบัติการได้ทั้งในทะเล บนฝั่ง และจากอากาศ หน่วย SEAL ของสหรัฐเป็นหน่วยงานหนึ่งใน U.S. Navy Special Warfare Command ซึ่งอยู่ภายใต้ United States Special Operations Command (SOCOM) หน่วย SEAL ของสหรัฐแบ่งเป็นทีม คือ ทีม 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, และ 10 โดยมีทีมที่ 6 หรือ SEAL Team Six ที่เป็นทีมที่ค่อนข้างโดดเด่น เนื่องจากมีภารกิจในการต่อต้านการก่อการร้ายสากล

[2] เสือดาวหิมะ (Snow Leopard) สัตว์ในวงศ์ Felidae ชนิดหนึ่ง ที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์แล้ว มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Uncia uncia นับเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่อยู่ในสกุล Uncia มีขนยาวหนาแน่น สีพื้นเทาอมเหลือง ลายดอกเข้มทั่วตัวช่วยให้ดูกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่อาศัยซึ่งเป็นภูเขาหินและหิมะปกคลุม มีความยาวลำตัวและหัว 90-135 เซนติเมตร ความยาวหาง 90 เซนติเมตร ความสูงถึงหัวไหล่ 60 เซนติเมตร น้ำหนักในตัวผู้ 44-55 กิโลกรัม ตัวเมีย 35-40 กิโลกรัม มีการกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางบนภูเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมในภูมิภาคเอเชียกลาง เช่น มองโกเลีย, ภูฐาน, ทิเบต, จีน, อัฟกานิสถาน, รัสเซีย, อินเดีย, เนปาล

....................................................................................







ปล.หลัก ๆ จะอัพเรื่องนี้นะคะเพราะเป็นการรีไรท์ไปในตัว

ส่วนเรื่อง มาเฟียร้ายพ่ายไฟรัก ยังแต่งไม่จบเลยต้องไปแบบกระดิ๊บ ๆ ^___^





ฝากติดตามมาเฟียร้ายพ่ายไฟรัก อีกเรื่องด้วยนะค้า ^^



ลัลลดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ม.ค. 2555, 13:30:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ม.ค. 2555, 13:30:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 2030





<< บทนำ   ตอนที่ 2...คนคุ้นเคย & ยักษ์ใหญ่เจ้าของกระท่อม >>
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 13 ม.ค. 2555, 21:02:12 น.
อ่านแล้วขัดใจ จังเลยค่า "บุกรุก" ค่ะ ไม่ใช่ "บุกลุก"


หมูอ้วน 14 ม.ค. 2555, 07:24:13 น.
ชอบเจ้าเลมอ่ะค่ะ


nutcha 15 ม.ค. 2555, 11:08:57 น.
เจ้าเลมถูกใจตุ๊กตารัสเซียตั้งแต่แรกแต่เจ้านายยังไม่ถูกใจ


lookAme 16 ม.ค. 2555, 13:18:41 น.
ตีตราจองก่อนเจ้านายอีกมั้งเนี่ย 555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account