รอยร่างรางรัก
หญิงสาวคนหนึ่งกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ส่วนอีกคนต้องติดอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง โดยมีเบื้องหลังอยู่ที่ความปรารถนาอันแรงกล้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง
รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด
ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด
ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
Tags: วิญญาณ ดวงจิต สลับร่าง
ตอน: ตอนที่ 7
อวิกาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองที่วิจิตรเตรียมมาให้จากที่บ้าน สำรวจดูใบหน้าของตนเอง...หรือจะพูดให้ถูกคือใบหน้าของสลิลา ยกนิ้วมือที่ดูกลมและสั้นกว่านิ้วมือของตนเล็กน้อยขึ้นจับที่แก้มทั้งสองข้างแผ่วเบา ไม่อยากจะเชื่อ ไม่เชื่อ...และคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความฝัน อะไร ๆ มันคงจะง่ายกว่าที่เป็น แต่ตอนนี้ที่ต้องทำก็คือยอมรับความเป็นจริง และหาทางแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น
คุณฝนอาจมีโอกาสได้กลับเข้าร่างและเราก็มีโอกาสจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม
หญิงสาวลูบผมหยักศกสีน้ำตาลที่เห็นในกระจก กระเป๋าเครื่องแต่งหน้าของสลิลามีเพียงแป้งหนึ่งตลับและลิปกลอสสีชมพูอ่อนหนึ่งแท่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าของร่างนี้ไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการแต่งหน้า ขนาดเทียบกับอวิกาที่ไม่ใช่คนแต่งหน้าจัดแล้วยังมีเครื่องสำอางมากกว่านี้อยู่หลายชิ้น เธอใช้ของเท่าที่มีจัดการแต่งให้ใบหน้าที่ยังดูซีดอยู่เล็กน้อยนั้นดูมีสีสันขึ้น
โชคดีของอวิกาที่ครอบครัวของสลิลาไม่มีใครติดใจเอาความเรียกร้องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เรื่องการชดใช้ค่าเสียหายและจ่ายค่ารักษาพยาบาลจึงเป็นเรื่องของบริษัทประกันของทั้งสองฝ่ายที่พูดคุยทำความตกลงกัน วิจิตรและฐิตินั้นนอกจากจะไม่ถือสาเอาความแล้วยังถามถึงคู่กรณีเมื่อรู้ว่าลูกสาวไปเยี่ยมเมื่อรู้ว่าฟื้นคืนสติแล้ว สองสามีภรรยาก็ยิ้มอย่างยินดีที่คนเป็นพ่อเป็นแม่เหมือนตนไม่ต้องมานั่งทุกข์กับอาการบาดเจ็บของลูก
เมื่อถึงวันที่แพทย์เจ้าของไข้อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลอวิกาในร่างของสลิลาจึงกล้าที่จะเอ่ยปากขอไปเยี่ยมคู่กรณีอีกสักครั้ง นอกจากจะอนุญาตแล้ว วิจิตรและฐิติก็ยังเอ่ยปากว่าจะตามไปเยี่ยมด้วย วิจิตรถึงกับสั่งให้พารินธรไปซื้อตะกร้าผลไม้ที่ร้านภายในโรงพยาบาลมาเป็นของเยี่ยมด้วย
หลังจากที่วางอุปกรณ์เก็บเข้าไปในกระเป๋าหญิงสาวก็หยิบมันขึ้นมาหันหลังกลับหมายจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่แล้วก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากไม่ต้องเสียงร้องหลุดรอดออกมา กิริยานั้นทำให้กระเป๋าถือล่วงหล่นลงกับพื้นส่งเสียงดัง
“เป็นอะไรลูก”
วิจิตรรีบตะโกนเข้าทันที เสียงตบประตูดังอยู่หลายครั้ง ก่อนที่อวิกาจะตั้งสติได้กลืนน้ำลายก่อนส่งเสียงตอบ
“ไม่เป็นอะไรค่ะแม่ เผลอเอามือไปปัดกระเป๋าเท่านั้นเอง ขอเวลาอีกแป๊บนะคะ”
อวิกาหันไปตอบวิจิตรแล้วจึงหันกลับมาทางเดิม มองสิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เอ่ยเรียกออกมาเบา ๆ
“คุณฝน”
“คุณเห็นฉันแล้วจริง ๆ ด้วย ดีจัง ไม่เสียแรงที่พยายามมาตั้งนาน” สลิลาพูดแล้วทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ขมวดคิ้วถาม “คุณได้ยินฉันใช่ไหม”
“ค่ะ ฉันได้ยินคุณ”
“แสดงว่าคนเขียนหนังสือเล่มที่บอกว่า ดวงจิตจะแข็งแกร่งเมื่อรวบรวมสมาธิ ถ้าตั้งใจให้ใครเห็นหรือใครไม่เห็นต้องเพ่งจิตแล้วจะสามารถทำให้เป็นตามที่คิดได้ไม่ได้เขียนมั่วสินะ”
“คุณฝนเพ่งจิตให้ฉันมองเห็นได้อย่างนั้นเหรอคะ ถ้าอย่างนั้น...”
“เรื่องพ่อแม่กับพี่เมฆ ฉันคุยกับนายว่านแล้วค่ะ เขาไม่อยากให้พ่อแม่กับพี่เมฆตกใจกันไปเปล่า ๆ แล้วเรื่องก็จะแดงไปถึงทางโน้นด้วย ถ้าคุณพูดจริงนะคะ ว่าคุณคือคุณเพชร เราไม่ควรให้คนที่อยู่ในร่างนั้นระแคะระคายเรื่องนี้เพราะเรายังไม่รู้เจตนาแน่ชัดของเขา”
“ฉันจะพิสูจน์ยังไงได้คะ ให้คุณฝนแน่ใจ”
“คงไม่จำเป็นหรอกค่ะ” ดวงจิตของหญิงสาวผมหยักศกว่า “เพราะตราบเท่าที่ฉันยังไม่แน่ใจเรื่องนี้ ฉันจะตามติดร่างของฉัน ไม่ยอมให้คลาดสายตาไปไหนแน่”
คนที่อาศัยอยู่ร่างของสลิลาชะงักไปเล็กน้อย พยักหน้ากับตัวเอง
“ฉันเข้าใจค่ะ คุณอาจจะยังไม่เชื่อใจฉัน แต่เราคุยกันได้แล้วแบบนี้ เราจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้ด้วยกันนะคะ”
เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นอีกครั้ง หากครั้งนี้เป็นพารินธรที่ส่งเสียงเรียกมา
“ทำอะไรอยู่น่ะฝน การเงินเขาแจ้งมาว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว รีบไปกันเถอะ”
“ค่ะพี่เมฆ”
อวิกาตะโกนตอบก้มลงหยิบกระเป๋าถือที่หล่นอยู่กับพื้นก่อนเอ่ยย้ำ
“ฉันก็อยากกลับร่างของตัวเองเหมือนกัน เชื่อฉันนะคะคุณฝน แต่ตอนนี้เราต้องลองหาวิธีกัน”
สลิลาไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าเบา ๆ อวิการีบเปิดประตูก้าวออกจากน้ำ ฝืนยิ้มให้กับพารินธรที่ยืนรออยู่หน้าห้อง เขามองเธอ...ด้วยสายตาแปลก ๆ อีกแล้ว
สลิลาเดินตามฐิติ วิจิตร พารินธรและร่างของตนไปตามโถงทางเดิน เริ่มคุ้นชินกับการที่เดินไปไหนต่อไหนโดยไม่มีใครเห็น ตอนนี้เธอสามารถเลือกที่จะเพ่งสมาธิให้ใครสักคนเห็นเธอได้แล้ว แต่มีอีกสิ่งที่หญิงสาวอยากทดลองโดยไม่เคยบอกกับวงศ์วรัณที่คอยหาข้อมูลมาให้อ่าน
อยากจะลองดูนักว่าจะทำให้วงศ์วรัณที่เห็นเธอตั้งแต่แรกมองไม่เห็นขึ้นมาบ้างจะได้หรือไม่ ก็อยากมาบ่นเธอนักทำไมกันล่ะ คอยดูเถอะ คุยกับคนอื่นได้แล้วแบบนี้ไม่ง้อนายหรอก
ถึงหน้าห้องอวิกาในร่างของเธอก็เคาะประตูก่อนจะเปิดก้าวเข้าไป ตามด้วย วิจิตร ฐิติและพารินธร ภายในห้องพักชายหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ที่ชุดเก้าอี้รับแขก ขณะที่ข้างเตียงชายวัยไล่เลี่ยกับพารินธรนั่งเฝ้าหญิงสาวในชุดผู้ป่วยไม่ห่าง
ผู้น้อยยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ก่อนที่ผู้มาเยี่ยมทั้งหมดจะหันไปให้ความสนใจกับผู้ป่วย
วูบหนึ่งที่แววตาของเธอเองดูจะสลดลงกับภาพที่เห็น ชายหนุ่มที่คอยเอาอกเอาใจหญิงสาว
ใครที่อยู่ในร่างเธอนั้นดูจะเศร้าใจจริง ๆ กับการเห็นภาพชายหนุ่มที่คอยเอาใจหญิงสาวอยู่ข้างเตียง...สลิลาซึ่งเริ่มจะทำใจยอมรับได้กับการได้เห็นร่างของตัวเองทำกิริยาต่าง ๆ พูดคุยกับคนอื่นด้วยน้ำเสียงของเธอ มองคนอื่นด้วยดวงตาของเธอ อดคิดไม่ได้ว่าการได้อยู่ในที่ที่ไม่มีใครมองเห็นหรือได้ยินตนเองแบบนี้ก็ดีไปอย่าง
สลิลาสามารถจับสังเกตอาการของใครก็ได้โดยที่คนคนนั้นไม่รู้ตัว และเมื่อหันไปมองหญิงสาวในชุดผู้ป่วย เธอก็ทันสังเกตเห็นแววกร้าวในดวงตาที่วูบขึ้นมาก่อนจะเลือนหายไปเมื่อเจ้าตัวคลี่ยิ้ม
“คุณฝน กลับบ้านได้แล้วใช่ไหมคะ ดีจังค่ะ” เธอเอ่ยพลางกระพุ่มมือขึ้นไหว้ฐิติและวิจิตร “เพชรไม่มีโอกาสได้กราบขอโทษเลยนะคะที่ทำให้ต้องเดือดร้อนกัน วันนั้นเหมือนมีอะไรไม่รู้วิ่งตัดหน้ารถ พอตกใจมากก็หักรถหลบไม่คิดว่าตัวเองจะประคองรถไม่อยู่”
“หนูเพชรเองก็เจ็บเหมือนกันนะ อุบัติเหตุแบบนี้ไม่มีใครตั้งใจให้เกิด อย่าคิดมากเลย” ฐิติเอ่ยขึ้น “ครอบครัวเราไม่มีใครติดใจอะไร ตอนนี้ยัยฝนก็หายดีแล้ว ไม่มีอาการผิดปกติอะไร”
“หนูรักษาตัวให้หายดีเถอะจ๊ะ”
สุนันทาและมโนเชาว์เอ่ยขอบคุณกับพ่อแม่ของสลิลา วิจิตรและมโนเชาว์จึงหันไปให้ความสนใจกับคนวัยเดียวกันเดินไปสมทบ ก่อนที่ผู้ใหญ่ทั้งสี่จะพูดคุยกันอยู่ทางหนึ่ง
สลิลาซึ่งคอยมองคนโน้นคนนี้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นแอบจับความผิดปกติของใครอีกคนในห้องได้...พี่ชายของเธอกำลังจับตาดูเธออยู่ ไม่ใช่ดวงจิตแต่เป็นร่าง เหมือนกับว่าพารินธรกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง
“พี่ชายฉันกำลังจับตามองคุณ ระวังด้วยนะคะ ถ้าไม่อยากให้ความแตกก่อนที่เราจะแก้ปัญหาเรื่องนี้เสร็จ”
เธอทดลองเอ่ยกับร่างของตนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ได้ผล...ใบหน้านั้นมีปฏิกิริยาบางอย่างที่บ่งบอกการรับรู้ ดวงตาสีน้ำตาลใสปรายมองคนที่ยืนอยู่ข้างตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองภาพชายหนุ่มที่นั่งดูแลหญิงสาวข้างเตียงอีกครั้ง
หลังการไปเยี่ยมเยือนครอบครัวของคู่กรณี ครอบครัวของเธอก็พร้อมจะเดินทางกลับ พารินธรนั้นนำรถกลับไปไว้ที่บ้านตั้งแต่คืนวันก่อนและใช้รถเพียงคันเดียวในการเดินทางกลับ
สลิลาเกือบจะกรีดร้องที่เบาะหลังไม่เหลือที่นั่งให้เธอเพราะวิจิตรวางข้าวของไว้ตรงกลางระหว่างตนกับลูกสาว แต่แล้วก็ยิ้มขันตัวเองที่ลืมอะไรบางอย่างไปเสียสนิท
จะนั่งรถไปทำไม อยากไปไหนก็ไปได้อยู่แล้ว กลับไปรอที่บ้านดีกว่าอีก
หญิงสาวหลับตากำลังจะคิดถึงบ้านของตนเอง แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจเพราะเอาเข้าจริง การไปนั่งรถอยู่ที่บ้านตอนนี้ก็ดูจะเร็วเกินไปเพราะกว่าพารินธรจะขับรถพาพ่อแม่และน้องสาวไปถึงบ้านก็คงใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง สลิลาคิดถึงสถานที่ที่อยากไปเป็นอันดับสองก่อนที่จะไปปรากฏอยู่ที่นั่น มองไปรอบตัวเห็นวัยรุ่นชายหญิงเดินเลือกเสื้อผ้าอยู่เต็มร้านใจกลางย่านการค้า ทว่าหนึ่งในหุ้นส่วนของร้านไม่อยู่ที่นี่
ไปไหนนะนายทื่อ...อยากจะคุยด้วยสักหน่อยก็ไม่อยู่ร้าน
สลิลาหลับตานึกถึงสถานที่อีกแห่งทันที เพียงแค่หลับตาแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง สภาพรอบตัวก็เปลี่ยนไปทันที ห้องนอนสีเหลืองนวลกว้างขวาง แบ่งสัดส่วนระหว่างห้องนั่งเล่นกับเตียง มีส่วนหนึ่งของโถงส่วนนั่งเล่นที่จัดคล้ายกับเป็นสตูดิโอวาดภาพเล็ก ๆ เจ้าของห้องไม่อยู่แต่มีของทิ้งไว้ดูต่างหน้ากองอยู่บนเตียง
เสียงลูกบิดประตูหมุนเปิดก่อนที่แม่บ้านวัยกลางคนจะเดินเข้ามา จัดการเก็บเสื้อผ้าบนเตียงใส่ลงในตะกร้า เริ่มลงมือทำความสะอาดห้อง เพราะเคยเห็นแต่ห้องในสภาพเรียบร้อยจึงไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเป็นที่คนทำความสะอาดไม่ใช่ที่ความเป็นระเบียบของเจ้าของห้อง
คุณหนูเอาเรื่องนะนายทื่อ ถอดทิ้งให้แม่บ้านมาเก็บ ห้องก็กว้างแต่ยังอุตส่าห์ทำรกได้อีก
ไปไหนของเค้านะ แล้วจะไปตามตัวได้ที่ไหนเนี่ย หญิงสาวมองหญิงวัยกลางคนทำงานอยู่ในห้องนอนของวงศ์วรัณครู่หนึ่งก่อนจะนึกอะไรขึ้น ถึงจะไม่รู้ว่าไปไหน แต่อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าชายหนุ่มจะเดินทางไปด้วยพาหนะคันใด
ชายผิวเข้มละมือจากพวงมาลัยหลังจากบังคับพาหนะคู่ใจให้เลี้ยวไปตามความโค้งของทางพิเศษเข้าสู่ช่วงทางตรง มองกระจกเมื่อหมายใจจะเปลี่ยนช่องทางเพื่อแซงรถคันหน้าทว่าเมื่อเลื่อนสายตาจากกระจกมองหลังกลับมายังทิศทางด้านหน้า จังหวะที่ระยะสายตาผ่านเบาะข้างคนขับ ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาทันที
“เฮ้ย....”
มือใหญ่ตะปบเข้ากับพวงมาลัยเมื่อเจ้าตัวตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ดีที่เขาประคองสติได้เร็ว รถจึงเป๋ไปไม่มากนักกระนั้นรถที่แล่นตามมาในเลนข้างเคียงก็บีบแตรเตือน
“ทำอะไรน่ะฝน ตกใจหมด เกือบไปแล้วนะเนี่ย”
“ขวัญอ่อนไปได้ ไม่ได้แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกสักหน่อย แค่นั่งเฉย ๆ”
“วันนี้ฝนกลับบ้านได้แล้วไม่ใช่เหรอ นี่เรากำลังจะไปเยี่ยมเลยนะ”
“ร่างของฉันได้กลับ แต่ไม่ใช่ฉันสักหน่อย” หญิงสาวพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก “จริง ๆ เลยนะ...ไม่รู้เวรกรรมอะไรของฉัน ถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
“แล้วไม่กลัวว่าใครจะเอาร่างตัวเองไปทำอะไรแล้วเหรอ”
สลิลาถอนใจหนัก “กลัวไปแล้วได้อะไรล่ะ กลับเข้าร่างก็ไม่ได้ จะให้คุณเพชรหรือคุณอะไรก็ไม่รู้ที่อยู่ในร่างเขาโดดตึก วิ่งให้รถชนหรือว่าโดดน้ำตาย ก็ไม่แน่ว่าฉันจะกลับเข้าร่างได้ หรือเกิดว่าร่างแหลกเหลวพิกลพิการไปกลับเข้าไปได้ก็เท่านั้น”
วงศ์วรัณไม่แย้งหรือต่อคำของหญิงสาวเพราะคำพูดนี้เขาเองเป็นคนบอกกับเธอตอนที่หญิงสาวมาปรึกษาวิธีการกลับเข้าร่าง
“บางทีอาจจะเป็นฉันที่ดวงถึงฆาต ฉันอาจจะตายไปแล้วจริง ๆ อย่างที่นายเคยบอกก็ได้”
“ไม่นะฝน” เขารีบหันไปแย้ง “ตอนนั้นเราแค่พูดไปไม่คิด ฝนอย่าเพิ่งหมดหวังสิ มันอาจจะมีวิธีก็ได้”
“ก็แค่อาจจะ ไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นนี่เกิดได้ยังไงยังไม่รู้เลย แล้วจะให้แก้...จะแก้ยังไงกันล่ะว่าน”
ชายหนุ่มขยับอ้าปากจะหันไปเอ่ยให้กำลังใจสลิลา แต่แล้วก็จำต้องหุบปากเพราะไม่รู้ว่าจะสามารถแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไรเหมือนกัน
ระหว่างทางกลับบ้านอวิกาคอยเฝ้าสังเกตกิริยาการพูดจาของชายหนุ่มแปลกหน้ากับผู้ให้กำเนิดทั้งสองของเขามาตลอดทาง อย่างน้อยก็ทำให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่านคอยคิดแต่เรื่องของตัวเอง
พารินธรเป็นคนมีอารมณ์ขัน พูดเล่นพูดหัว กับพ่อแม่และน้องสาว โดยเฉพาะกับสลิลานั้นเขาวางตัวเหมือนเพื่อนมากกว่าพี่ชายแต่กระนั้นก็ยังดูมีความเป็นพี่ชายที่น่ายำเกรงอยู่ในที ขณะที่การแสดงออกต่อฐิติและวิจิตรก็แฝงด้วยความเคารพแม้ขณะที่พูดยั่วล้อ เล่นมุกตลก
จะว่าไปแล้วพารินธรมีความโดดเด่นที่ประกายในดวงตาคล้ายกับคนรักของหญิงสาว หากดูเจือด้วยความเป็นคนอบอุ่น อ่อนโยนมากกว่า
วูบหนึ่งที่ความคำนึงถึงชนวิททำให้อวิการู้สึกสะท้อนขึ้นมาในใจ เธออาจจะต้องพรากจากเขาไปตลอดกาลหากว่าจะต้องติดอยู่ในร่างของสลิลาไม่อาจกลับไปใช้ชีวิตเป็นตัวเองได้ดังเดิม
หากความรู้สึกนั้นผ่านมาแล้วผ่านไป เพียงวูบเดียวจริง ๆ เพราะทันทีที่ขับรถผ่านรั้วบ้านเข้าไปแล้วชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้น
“ครั้งนี้ห่างบ้านนานที่สุดในชีวิตเลยนะ สงสัยคนติดบ้านอย่างคุณหนูฝนจะคิดถึงบ้านน่าดู”
อวิกาเพียงแต่ยิ้ม เธอไม่มีความทรงจำใดให้คิดถึงบ้านหลังนี้เลย นึกภาพภายในบ้านสองชั้นหลังย่อมนี้ไม่ออกด้วยซ้ำ เท่าที่เห็นสภาพภายนอกนั้นดูร่มรื่น ความสดเขียวของหญ้านวลน้อยที่ปูที่สนามรอบทั้งสามด้านของบ้าน ไม้ดอกไม้ประดับที่ตกแต่งสวนนั้นแสดงให้เห็นว่าได้รับการดูแลอย่างดี ชิงช้าที่นั่งคู่แบบมีโต๊ะกลางและมุงหลังคาสีขาวซึ่งวางอยู่ข้างบ้านด้านหนึ่งนั้นดูสะอาดเหมือนใหม่
หญิงสาวมองภาพบ้านตรงหน้าขณะที่พาหนะคันใหญ่ค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปภายในบริเวณบ้าน จอดต่อท้ายรถอีกคันที่จอดอยู่ในโรงรถก่อนแล้ว
วิจิตรคว้าข้าวของที่วางอยู่ตรงกลางระหว่างตนกับลูกสาวก้าวลงจากรถ พารินธรรีบเดินอ้อมหน้ารถไปรับของจากมารดา ขณะที่ฐิติบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนค่อยเปิดประตูก้าวลงไป
เหลือเพียงหญิงสาวที่ไม่มีความรู้สึกคุ้นเคยใดกับบ้านหลังนี้ที่ยังคงนั่งอยู่ที่เบาะหลัง มองไปข้างหน้าด้วยความไม่มั่นใจ เธอกำลังจะก้าวเข้าไปในชีวิตของสลิลาเพิ่มขึ้นอีกก้าวหนึ่ง และอาจจะหมายถึงว่าเธอกำลังหันหลังให้กับชีวิตของตนเองมากขึ้นอีกก้าวหนึ่งด้วย
“ซาบซึ้งมากเหรอยัยฝน เห็นบ้านแค่นี้น้ำตาคลอเชียว”
พารินธรชะโงกถามผ่านประตูด้านคนขับที่เปิดทิ้งไว้ อวิกาสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมัวแต่ใจลอย ทว่าได้ยินคำถามของชายหนุ่มทุกถ้อยจึงเพียงส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะผลักประตูก้าวลงจากรถ กลิ่นหญ้าและดอกไม้บางชนิดหอมโชยให้ความรู้สึกสดชื่น เรียวปากของหญิงสาวคลี่ออกเล็กน้อยกับสัมผัสธรรมชาติที่ได้รับก่อนจะต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าพารินธรที่ถือของอยู่ในมือยังคงจับตามองเธออยู่
“มีอะไรเหรอคะ”
“ไม่มีอะไร รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะเข้าบ้าน พ่อกับแม่ไปยืนรออยู่ตรงแล้ว ตรงนี้แดดส่องด้วยเดี๋ยวจะไม่สบายนะ ร่างกายยังไม่แข็งแรงดีเลย”
“ค่ะ”
อวิกาตอบรับคำสั้น ๆ ก่อนเดินยิ้มเข้าไปหาวิจิตรและฐิติที่ยืนรออยู่ ไม่ทันสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มที่เดินตามมานั้นขมวดคิ้ว ยังไม่คลายความแคลงใจ
ภายในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาล สองสามีภรรยานั่งรับประทานอาหารพลางให้ความสนใจกับรายการศิลปวัฒนธรรมของสถานีเคเบิ้ลทีวี ขณะที่ลูกชายคนเล็กนั้นนอนเอกเขนกเปิดนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ อาศิสทำทีเหมือนจะตั้งใจอ่านสิ่งที่อยู่ในมือหากสายตานั้นลอบมองไปทาง ‘พี่สาว’ และคนรักอยู่ตลอดเวลา
อวิกาคนที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้ดูแปลกไปจริง ๆ ถ้าหากเขาไม่ได้พูดคุยกับหญิงสาวอีกคนที่อ้างว่าเป็นพี่สาวที่อยู่ในร่างของคนอื่นและที่อยู่ในร่างอวิกาคือใครอีกคน อาศิสก็คงไม่นึกสงสัยกับท่าทีของพี่สาวในตอนนี้
ชนวิทคนรักของพี่สาวคนนี้เคยมาเยี่ยมเยือนที่บ้านอยู่หลายครั้ง แม้คนในครอบครัวจะมองออกว่าอวิการักผู้ชายคนนี้อยู่ไม่น้อย แต่หญิงสาวก็ไม่เคยแสดงออกมาอย่างชัดเจนเท่านี้
คนในชุดผู้ป่วยโรงพยาบาลยอมให้คนรักกุมไม้กุมมืออยู่ตลอดเวลาต่อหน้าพ่อ แม่และน้องชาย ทั้งยังคล้ายจะพูดจาออดอ้อนชนวิทมากกว่าที่เคยเป็น
ถ้าอาศิสไม่คิดสงสัยว่ามีใครคนหนึ่งอยู่ในร่างพี่สาว เขาอาจมองสิ่งที่ได้เห็นและรับรู้เป็นเรื่องปกติ...อุบัติเหตุชั่วขณะนั้นอาจทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งรู้สึกได้ว่าโอกาสที่จะต้องจากคนรักไปโดยไม่มีวันกลับเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ เธออาจจะอยากแสดงออกถึงความรักที่มีต่อคนรักให้มากขึ้นกว่าเดิม
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว...เขาพิสูจน์ได้แล้วก็จริงว่าคนที่อยู่ในร่างไม่ใช่พี่สาว แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวที่มาอยู่ในร่างอวิกาจึงไม่คิดจะหาทางกลับร่างเดิมของตน ยิ่งแสดงออกเหมือนกับว่าเธอเป็นอวิกาจริง ๆ เสียด้วย
จะให้ระวังยังไงดีล่ะพี่เพชร เขาจะคิดร้ายอะไรกับครอบครัวเรารึเปล่า แล้วผมต้องทำยังไงเนี่ย
“การ์ตูนมันเครียดขนาดนั้นเลยเหรอพีท”
เสียงพี่สาวทักมาจากบนเตียงคนไข้ ทำให้อาศิสต้องลดหนังสือการ์ตูนลงวางที่ตัก พี่สาวและคนรักกำลังมองมาที่เขาเป็นตาเดียว ชนวิทซึ่งพูดคุยถูกคอกับอาศิสพอสมควรพลอยเอ่ยทักไปอ้วย
“นั่นสิ คิ้วขมวดเชียวนะ”
“มันจบตอนแบบคาใจน่ะครับพี่ชน ต้องรออ่านตอนต่อไปอาทิตย์หน้า” อาศิสตอบแล้วลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจหันไปทางบิดามารดาก่อนเอ่ยขออนุญาต “แม่ครับผมขอเดินลงไปซื้อขนมที่มินิมาร์ทหน่อยนะครับ พ่อกับแม่จะเอาอะไรไหมครับ”
สุนันทาส่ายหน้าไม่ตอบคำถามแต่เอ่ยสิ่งที่ขัดเคืองใจ “จะไปซื้อขนม ข้าวปลาก็ยังไม่กินเลย”
“ยังไม่หิวเท่าไหร่เลยครับ”
“ก็แน่ล่ะสิเราน่ะ ตื่นซะสายโด่กว่าจะกินข้าวเช้าก็สายแล้ว ไม่เป็นเวล่ำเวลาเอาซะเลย”
“โห...ผมรีบไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวโดนชุดใหญ่” ชายหนุ่มหันไปพูดกับคนที่นั่งอยู่บนเตียง “ไปนะพี่เพชร เดี๋ยวซื้อนมมาฝาก”
“พีทนี่ ไปล้อพี่เขา ก็รู้อยู่ว่าพี่เพชรเขากินนมไม่ได้ ท้องจะเสีย” สุนันทาว่า “แล้วแม่ก็ยังไม่อยากให้พี่เขากินอะไรเรื่อยเปื่อยนอกจากที่ทางโรงพยาบาลเขาเตรียมให้”
“รู้แล้วครับแม่ แค่แหย่พี่เขาเล่นเอง ดูสิพี่เพชรเขายังไม่ว่าอะไรสักคำ ทำเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกินนมแล้วจะท้องเสียอย่างนั้นแหละ”
อาศิสหมุนตัวเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยนั้น เขารู้เสียยิ่งกว่ารู้ว่าอวิกาดื่มนมสดไม่ได้เลยแต่ที่พูดออกไปเพราะอยากสังเกตปฏิกิริยาของคนที่อยู่ในร่างพี่สาวมากกว่าและจากสิ่งที่ได้เห็นทำให้ชายหนุ่มเชื่อว่า...เธอคนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองดื่มนมสดไม่ได้
หญิงสาวในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลยิ้มให้กับคนรักและพ่อแม่ ที่ตอนนี้หันมาให้ความสนใจกับเธอเพราะชนวิทเกิดทักขึ้นมาว่าจู่ ๆ เธอก็หน้าซีดไป
“รู้สึกไม่ค่อยดีรึเปล่าลูก”
มโนเชาว์ซึ่งวางช้อนส้อมทันทีหลังจากได้ยินคนรักของลูกสาวเอ่ยทักเพียงแต่เอ่ยถามแต่สุนันทานั้นถึงกับลุกขึ้นเดินมายืนข้างเตียงพิจารณาใบหน้าและเนื้อตัวของลูกสาว
“ตามหมอหรือว่าพยาบาลมาดูอาการหน่อยไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ชนไม่น่าทักเลยนะคะ คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงแย่ เพชรคงแค่เหนื่อยเกินไปเท่านั้นเอง” หญิงสาวฝืนยิ้ม “ทานข้าวกันต่อเถอะค่ะ เพชรไม่เป็นอะไร”
สุนันทามองจนแน่ใจว่าลูกสาวไม่เป็นอะไรแน่จึงเดินกลับไปนั่งรับประทานอาหารกลางวันต่อ
“ถ้าอย่างนั้นคุณนอนพักก่อนนะเพชร เดี๋ยวผมต้องออกไปธุระให้คุณแม่ที่ธนาคาร”
“ไม่เห็นพี่ชนบอกก่อนล่วงหน้าเลย” เธอเอื้อมไปดึงข้อมือของชายหนุ่ม เมื่อเขาตั้งท่าจะลุกขึ้น “แล้ววันนี้จะมาเยี่ยมเพชรอีกไหมคะ”
ชนวิทมองตอบสายตาของเธอ ยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนเอ่ย “เย็น ๆ นะครับ ตอนนี้คุณนอนหลับพักผ่อนก่อนเถอะ”
หญิงสาวในร่างของอวิกาพยักหน้ายิ้มตอบคำพูดของชนวิท ตั้งที่ในใจนั้นรู้สึกโมโหอาศิส ที่ทำให้เธอใจคอไม่ดีจนแสดงสีหน้าไม่ปกติออกไป
เพราะไอ้เด็กบ้านั่นเชียว มาพูดแหย่อะไรก็ไม่รู้...ใครจะคิดว่าแม่นี่จะดัดจริต กินนมแล้วท้องเสีย
คุณฝนอาจมีโอกาสได้กลับเข้าร่างและเราก็มีโอกาสจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม
หญิงสาวลูบผมหยักศกสีน้ำตาลที่เห็นในกระจก กระเป๋าเครื่องแต่งหน้าของสลิลามีเพียงแป้งหนึ่งตลับและลิปกลอสสีชมพูอ่อนหนึ่งแท่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าของร่างนี้ไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการแต่งหน้า ขนาดเทียบกับอวิกาที่ไม่ใช่คนแต่งหน้าจัดแล้วยังมีเครื่องสำอางมากกว่านี้อยู่หลายชิ้น เธอใช้ของเท่าที่มีจัดการแต่งให้ใบหน้าที่ยังดูซีดอยู่เล็กน้อยนั้นดูมีสีสันขึ้น
โชคดีของอวิกาที่ครอบครัวของสลิลาไม่มีใครติดใจเอาความเรียกร้องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เรื่องการชดใช้ค่าเสียหายและจ่ายค่ารักษาพยาบาลจึงเป็นเรื่องของบริษัทประกันของทั้งสองฝ่ายที่พูดคุยทำความตกลงกัน วิจิตรและฐิตินั้นนอกจากจะไม่ถือสาเอาความแล้วยังถามถึงคู่กรณีเมื่อรู้ว่าลูกสาวไปเยี่ยมเมื่อรู้ว่าฟื้นคืนสติแล้ว สองสามีภรรยาก็ยิ้มอย่างยินดีที่คนเป็นพ่อเป็นแม่เหมือนตนไม่ต้องมานั่งทุกข์กับอาการบาดเจ็บของลูก
เมื่อถึงวันที่แพทย์เจ้าของไข้อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลอวิกาในร่างของสลิลาจึงกล้าที่จะเอ่ยปากขอไปเยี่ยมคู่กรณีอีกสักครั้ง นอกจากจะอนุญาตแล้ว วิจิตรและฐิติก็ยังเอ่ยปากว่าจะตามไปเยี่ยมด้วย วิจิตรถึงกับสั่งให้พารินธรไปซื้อตะกร้าผลไม้ที่ร้านภายในโรงพยาบาลมาเป็นของเยี่ยมด้วย
หลังจากที่วางอุปกรณ์เก็บเข้าไปในกระเป๋าหญิงสาวก็หยิบมันขึ้นมาหันหลังกลับหมายจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่แล้วก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากไม่ต้องเสียงร้องหลุดรอดออกมา กิริยานั้นทำให้กระเป๋าถือล่วงหล่นลงกับพื้นส่งเสียงดัง
“เป็นอะไรลูก”
วิจิตรรีบตะโกนเข้าทันที เสียงตบประตูดังอยู่หลายครั้ง ก่อนที่อวิกาจะตั้งสติได้กลืนน้ำลายก่อนส่งเสียงตอบ
“ไม่เป็นอะไรค่ะแม่ เผลอเอามือไปปัดกระเป๋าเท่านั้นเอง ขอเวลาอีกแป๊บนะคะ”
อวิกาหันไปตอบวิจิตรแล้วจึงหันกลับมาทางเดิม มองสิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เอ่ยเรียกออกมาเบา ๆ
“คุณฝน”
“คุณเห็นฉันแล้วจริง ๆ ด้วย ดีจัง ไม่เสียแรงที่พยายามมาตั้งนาน” สลิลาพูดแล้วทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ขมวดคิ้วถาม “คุณได้ยินฉันใช่ไหม”
“ค่ะ ฉันได้ยินคุณ”
“แสดงว่าคนเขียนหนังสือเล่มที่บอกว่า ดวงจิตจะแข็งแกร่งเมื่อรวบรวมสมาธิ ถ้าตั้งใจให้ใครเห็นหรือใครไม่เห็นต้องเพ่งจิตแล้วจะสามารถทำให้เป็นตามที่คิดได้ไม่ได้เขียนมั่วสินะ”
“คุณฝนเพ่งจิตให้ฉันมองเห็นได้อย่างนั้นเหรอคะ ถ้าอย่างนั้น...”
“เรื่องพ่อแม่กับพี่เมฆ ฉันคุยกับนายว่านแล้วค่ะ เขาไม่อยากให้พ่อแม่กับพี่เมฆตกใจกันไปเปล่า ๆ แล้วเรื่องก็จะแดงไปถึงทางโน้นด้วย ถ้าคุณพูดจริงนะคะ ว่าคุณคือคุณเพชร เราไม่ควรให้คนที่อยู่ในร่างนั้นระแคะระคายเรื่องนี้เพราะเรายังไม่รู้เจตนาแน่ชัดของเขา”
“ฉันจะพิสูจน์ยังไงได้คะ ให้คุณฝนแน่ใจ”
“คงไม่จำเป็นหรอกค่ะ” ดวงจิตของหญิงสาวผมหยักศกว่า “เพราะตราบเท่าที่ฉันยังไม่แน่ใจเรื่องนี้ ฉันจะตามติดร่างของฉัน ไม่ยอมให้คลาดสายตาไปไหนแน่”
คนที่อาศัยอยู่ร่างของสลิลาชะงักไปเล็กน้อย พยักหน้ากับตัวเอง
“ฉันเข้าใจค่ะ คุณอาจจะยังไม่เชื่อใจฉัน แต่เราคุยกันได้แล้วแบบนี้ เราจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้ด้วยกันนะคะ”
เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นอีกครั้ง หากครั้งนี้เป็นพารินธรที่ส่งเสียงเรียกมา
“ทำอะไรอยู่น่ะฝน การเงินเขาแจ้งมาว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว รีบไปกันเถอะ”
“ค่ะพี่เมฆ”
อวิกาตะโกนตอบก้มลงหยิบกระเป๋าถือที่หล่นอยู่กับพื้นก่อนเอ่ยย้ำ
“ฉันก็อยากกลับร่างของตัวเองเหมือนกัน เชื่อฉันนะคะคุณฝน แต่ตอนนี้เราต้องลองหาวิธีกัน”
สลิลาไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าเบา ๆ อวิการีบเปิดประตูก้าวออกจากน้ำ ฝืนยิ้มให้กับพารินธรที่ยืนรออยู่หน้าห้อง เขามองเธอ...ด้วยสายตาแปลก ๆ อีกแล้ว
สลิลาเดินตามฐิติ วิจิตร พารินธรและร่างของตนไปตามโถงทางเดิน เริ่มคุ้นชินกับการที่เดินไปไหนต่อไหนโดยไม่มีใครเห็น ตอนนี้เธอสามารถเลือกที่จะเพ่งสมาธิให้ใครสักคนเห็นเธอได้แล้ว แต่มีอีกสิ่งที่หญิงสาวอยากทดลองโดยไม่เคยบอกกับวงศ์วรัณที่คอยหาข้อมูลมาให้อ่าน
อยากจะลองดูนักว่าจะทำให้วงศ์วรัณที่เห็นเธอตั้งแต่แรกมองไม่เห็นขึ้นมาบ้างจะได้หรือไม่ ก็อยากมาบ่นเธอนักทำไมกันล่ะ คอยดูเถอะ คุยกับคนอื่นได้แล้วแบบนี้ไม่ง้อนายหรอก
ถึงหน้าห้องอวิกาในร่างของเธอก็เคาะประตูก่อนจะเปิดก้าวเข้าไป ตามด้วย วิจิตร ฐิติและพารินธร ภายในห้องพักชายหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ที่ชุดเก้าอี้รับแขก ขณะที่ข้างเตียงชายวัยไล่เลี่ยกับพารินธรนั่งเฝ้าหญิงสาวในชุดผู้ป่วยไม่ห่าง
ผู้น้อยยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ก่อนที่ผู้มาเยี่ยมทั้งหมดจะหันไปให้ความสนใจกับผู้ป่วย
วูบหนึ่งที่แววตาของเธอเองดูจะสลดลงกับภาพที่เห็น ชายหนุ่มที่คอยเอาอกเอาใจหญิงสาว
ใครที่อยู่ในร่างเธอนั้นดูจะเศร้าใจจริง ๆ กับการเห็นภาพชายหนุ่มที่คอยเอาใจหญิงสาวอยู่ข้างเตียง...สลิลาซึ่งเริ่มจะทำใจยอมรับได้กับการได้เห็นร่างของตัวเองทำกิริยาต่าง ๆ พูดคุยกับคนอื่นด้วยน้ำเสียงของเธอ มองคนอื่นด้วยดวงตาของเธอ อดคิดไม่ได้ว่าการได้อยู่ในที่ที่ไม่มีใครมองเห็นหรือได้ยินตนเองแบบนี้ก็ดีไปอย่าง
สลิลาสามารถจับสังเกตอาการของใครก็ได้โดยที่คนคนนั้นไม่รู้ตัว และเมื่อหันไปมองหญิงสาวในชุดผู้ป่วย เธอก็ทันสังเกตเห็นแววกร้าวในดวงตาที่วูบขึ้นมาก่อนจะเลือนหายไปเมื่อเจ้าตัวคลี่ยิ้ม
“คุณฝน กลับบ้านได้แล้วใช่ไหมคะ ดีจังค่ะ” เธอเอ่ยพลางกระพุ่มมือขึ้นไหว้ฐิติและวิจิตร “เพชรไม่มีโอกาสได้กราบขอโทษเลยนะคะที่ทำให้ต้องเดือดร้อนกัน วันนั้นเหมือนมีอะไรไม่รู้วิ่งตัดหน้ารถ พอตกใจมากก็หักรถหลบไม่คิดว่าตัวเองจะประคองรถไม่อยู่”
“หนูเพชรเองก็เจ็บเหมือนกันนะ อุบัติเหตุแบบนี้ไม่มีใครตั้งใจให้เกิด อย่าคิดมากเลย” ฐิติเอ่ยขึ้น “ครอบครัวเราไม่มีใครติดใจอะไร ตอนนี้ยัยฝนก็หายดีแล้ว ไม่มีอาการผิดปกติอะไร”
“หนูรักษาตัวให้หายดีเถอะจ๊ะ”
สุนันทาและมโนเชาว์เอ่ยขอบคุณกับพ่อแม่ของสลิลา วิจิตรและมโนเชาว์จึงหันไปให้ความสนใจกับคนวัยเดียวกันเดินไปสมทบ ก่อนที่ผู้ใหญ่ทั้งสี่จะพูดคุยกันอยู่ทางหนึ่ง
สลิลาซึ่งคอยมองคนโน้นคนนี้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นแอบจับความผิดปกติของใครอีกคนในห้องได้...พี่ชายของเธอกำลังจับตาดูเธออยู่ ไม่ใช่ดวงจิตแต่เป็นร่าง เหมือนกับว่าพารินธรกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง
“พี่ชายฉันกำลังจับตามองคุณ ระวังด้วยนะคะ ถ้าไม่อยากให้ความแตกก่อนที่เราจะแก้ปัญหาเรื่องนี้เสร็จ”
เธอทดลองเอ่ยกับร่างของตนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ได้ผล...ใบหน้านั้นมีปฏิกิริยาบางอย่างที่บ่งบอกการรับรู้ ดวงตาสีน้ำตาลใสปรายมองคนที่ยืนอยู่ข้างตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองภาพชายหนุ่มที่นั่งดูแลหญิงสาวข้างเตียงอีกครั้ง
หลังการไปเยี่ยมเยือนครอบครัวของคู่กรณี ครอบครัวของเธอก็พร้อมจะเดินทางกลับ พารินธรนั้นนำรถกลับไปไว้ที่บ้านตั้งแต่คืนวันก่อนและใช้รถเพียงคันเดียวในการเดินทางกลับ
สลิลาเกือบจะกรีดร้องที่เบาะหลังไม่เหลือที่นั่งให้เธอเพราะวิจิตรวางข้าวของไว้ตรงกลางระหว่างตนกับลูกสาว แต่แล้วก็ยิ้มขันตัวเองที่ลืมอะไรบางอย่างไปเสียสนิท
จะนั่งรถไปทำไม อยากไปไหนก็ไปได้อยู่แล้ว กลับไปรอที่บ้านดีกว่าอีก
หญิงสาวหลับตากำลังจะคิดถึงบ้านของตนเอง แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจเพราะเอาเข้าจริง การไปนั่งรถอยู่ที่บ้านตอนนี้ก็ดูจะเร็วเกินไปเพราะกว่าพารินธรจะขับรถพาพ่อแม่และน้องสาวไปถึงบ้านก็คงใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง สลิลาคิดถึงสถานที่ที่อยากไปเป็นอันดับสองก่อนที่จะไปปรากฏอยู่ที่นั่น มองไปรอบตัวเห็นวัยรุ่นชายหญิงเดินเลือกเสื้อผ้าอยู่เต็มร้านใจกลางย่านการค้า ทว่าหนึ่งในหุ้นส่วนของร้านไม่อยู่ที่นี่
ไปไหนนะนายทื่อ...อยากจะคุยด้วยสักหน่อยก็ไม่อยู่ร้าน
สลิลาหลับตานึกถึงสถานที่อีกแห่งทันที เพียงแค่หลับตาแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง สภาพรอบตัวก็เปลี่ยนไปทันที ห้องนอนสีเหลืองนวลกว้างขวาง แบ่งสัดส่วนระหว่างห้องนั่งเล่นกับเตียง มีส่วนหนึ่งของโถงส่วนนั่งเล่นที่จัดคล้ายกับเป็นสตูดิโอวาดภาพเล็ก ๆ เจ้าของห้องไม่อยู่แต่มีของทิ้งไว้ดูต่างหน้ากองอยู่บนเตียง
เสียงลูกบิดประตูหมุนเปิดก่อนที่แม่บ้านวัยกลางคนจะเดินเข้ามา จัดการเก็บเสื้อผ้าบนเตียงใส่ลงในตะกร้า เริ่มลงมือทำความสะอาดห้อง เพราะเคยเห็นแต่ห้องในสภาพเรียบร้อยจึงไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเป็นที่คนทำความสะอาดไม่ใช่ที่ความเป็นระเบียบของเจ้าของห้อง
คุณหนูเอาเรื่องนะนายทื่อ ถอดทิ้งให้แม่บ้านมาเก็บ ห้องก็กว้างแต่ยังอุตส่าห์ทำรกได้อีก
ไปไหนของเค้านะ แล้วจะไปตามตัวได้ที่ไหนเนี่ย หญิงสาวมองหญิงวัยกลางคนทำงานอยู่ในห้องนอนของวงศ์วรัณครู่หนึ่งก่อนจะนึกอะไรขึ้น ถึงจะไม่รู้ว่าไปไหน แต่อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าชายหนุ่มจะเดินทางไปด้วยพาหนะคันใด
ชายผิวเข้มละมือจากพวงมาลัยหลังจากบังคับพาหนะคู่ใจให้เลี้ยวไปตามความโค้งของทางพิเศษเข้าสู่ช่วงทางตรง มองกระจกเมื่อหมายใจจะเปลี่ยนช่องทางเพื่อแซงรถคันหน้าทว่าเมื่อเลื่อนสายตาจากกระจกมองหลังกลับมายังทิศทางด้านหน้า จังหวะที่ระยะสายตาผ่านเบาะข้างคนขับ ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาทันที
“เฮ้ย....”
มือใหญ่ตะปบเข้ากับพวงมาลัยเมื่อเจ้าตัวตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ดีที่เขาประคองสติได้เร็ว รถจึงเป๋ไปไม่มากนักกระนั้นรถที่แล่นตามมาในเลนข้างเคียงก็บีบแตรเตือน
“ทำอะไรน่ะฝน ตกใจหมด เกือบไปแล้วนะเนี่ย”
“ขวัญอ่อนไปได้ ไม่ได้แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกสักหน่อย แค่นั่งเฉย ๆ”
“วันนี้ฝนกลับบ้านได้แล้วไม่ใช่เหรอ นี่เรากำลังจะไปเยี่ยมเลยนะ”
“ร่างของฉันได้กลับ แต่ไม่ใช่ฉันสักหน่อย” หญิงสาวพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก “จริง ๆ เลยนะ...ไม่รู้เวรกรรมอะไรของฉัน ถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
“แล้วไม่กลัวว่าใครจะเอาร่างตัวเองไปทำอะไรแล้วเหรอ”
สลิลาถอนใจหนัก “กลัวไปแล้วได้อะไรล่ะ กลับเข้าร่างก็ไม่ได้ จะให้คุณเพชรหรือคุณอะไรก็ไม่รู้ที่อยู่ในร่างเขาโดดตึก วิ่งให้รถชนหรือว่าโดดน้ำตาย ก็ไม่แน่ว่าฉันจะกลับเข้าร่างได้ หรือเกิดว่าร่างแหลกเหลวพิกลพิการไปกลับเข้าไปได้ก็เท่านั้น”
วงศ์วรัณไม่แย้งหรือต่อคำของหญิงสาวเพราะคำพูดนี้เขาเองเป็นคนบอกกับเธอตอนที่หญิงสาวมาปรึกษาวิธีการกลับเข้าร่าง
“บางทีอาจจะเป็นฉันที่ดวงถึงฆาต ฉันอาจจะตายไปแล้วจริง ๆ อย่างที่นายเคยบอกก็ได้”
“ไม่นะฝน” เขารีบหันไปแย้ง “ตอนนั้นเราแค่พูดไปไม่คิด ฝนอย่าเพิ่งหมดหวังสิ มันอาจจะมีวิธีก็ได้”
“ก็แค่อาจจะ ไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นนี่เกิดได้ยังไงยังไม่รู้เลย แล้วจะให้แก้...จะแก้ยังไงกันล่ะว่าน”
ชายหนุ่มขยับอ้าปากจะหันไปเอ่ยให้กำลังใจสลิลา แต่แล้วก็จำต้องหุบปากเพราะไม่รู้ว่าจะสามารถแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไรเหมือนกัน
ระหว่างทางกลับบ้านอวิกาคอยเฝ้าสังเกตกิริยาการพูดจาของชายหนุ่มแปลกหน้ากับผู้ให้กำเนิดทั้งสองของเขามาตลอดทาง อย่างน้อยก็ทำให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่านคอยคิดแต่เรื่องของตัวเอง
พารินธรเป็นคนมีอารมณ์ขัน พูดเล่นพูดหัว กับพ่อแม่และน้องสาว โดยเฉพาะกับสลิลานั้นเขาวางตัวเหมือนเพื่อนมากกว่าพี่ชายแต่กระนั้นก็ยังดูมีความเป็นพี่ชายที่น่ายำเกรงอยู่ในที ขณะที่การแสดงออกต่อฐิติและวิจิตรก็แฝงด้วยความเคารพแม้ขณะที่พูดยั่วล้อ เล่นมุกตลก
จะว่าไปแล้วพารินธรมีความโดดเด่นที่ประกายในดวงตาคล้ายกับคนรักของหญิงสาว หากดูเจือด้วยความเป็นคนอบอุ่น อ่อนโยนมากกว่า
วูบหนึ่งที่ความคำนึงถึงชนวิททำให้อวิการู้สึกสะท้อนขึ้นมาในใจ เธออาจจะต้องพรากจากเขาไปตลอดกาลหากว่าจะต้องติดอยู่ในร่างของสลิลาไม่อาจกลับไปใช้ชีวิตเป็นตัวเองได้ดังเดิม
หากความรู้สึกนั้นผ่านมาแล้วผ่านไป เพียงวูบเดียวจริง ๆ เพราะทันทีที่ขับรถผ่านรั้วบ้านเข้าไปแล้วชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้น
“ครั้งนี้ห่างบ้านนานที่สุดในชีวิตเลยนะ สงสัยคนติดบ้านอย่างคุณหนูฝนจะคิดถึงบ้านน่าดู”
อวิกาเพียงแต่ยิ้ม เธอไม่มีความทรงจำใดให้คิดถึงบ้านหลังนี้เลย นึกภาพภายในบ้านสองชั้นหลังย่อมนี้ไม่ออกด้วยซ้ำ เท่าที่เห็นสภาพภายนอกนั้นดูร่มรื่น ความสดเขียวของหญ้านวลน้อยที่ปูที่สนามรอบทั้งสามด้านของบ้าน ไม้ดอกไม้ประดับที่ตกแต่งสวนนั้นแสดงให้เห็นว่าได้รับการดูแลอย่างดี ชิงช้าที่นั่งคู่แบบมีโต๊ะกลางและมุงหลังคาสีขาวซึ่งวางอยู่ข้างบ้านด้านหนึ่งนั้นดูสะอาดเหมือนใหม่
หญิงสาวมองภาพบ้านตรงหน้าขณะที่พาหนะคันใหญ่ค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปภายในบริเวณบ้าน จอดต่อท้ายรถอีกคันที่จอดอยู่ในโรงรถก่อนแล้ว
วิจิตรคว้าข้าวของที่วางอยู่ตรงกลางระหว่างตนกับลูกสาวก้าวลงจากรถ พารินธรรีบเดินอ้อมหน้ารถไปรับของจากมารดา ขณะที่ฐิติบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนค่อยเปิดประตูก้าวลงไป
เหลือเพียงหญิงสาวที่ไม่มีความรู้สึกคุ้นเคยใดกับบ้านหลังนี้ที่ยังคงนั่งอยู่ที่เบาะหลัง มองไปข้างหน้าด้วยความไม่มั่นใจ เธอกำลังจะก้าวเข้าไปในชีวิตของสลิลาเพิ่มขึ้นอีกก้าวหนึ่ง และอาจจะหมายถึงว่าเธอกำลังหันหลังให้กับชีวิตของตนเองมากขึ้นอีกก้าวหนึ่งด้วย
“ซาบซึ้งมากเหรอยัยฝน เห็นบ้านแค่นี้น้ำตาคลอเชียว”
พารินธรชะโงกถามผ่านประตูด้านคนขับที่เปิดทิ้งไว้ อวิกาสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมัวแต่ใจลอย ทว่าได้ยินคำถามของชายหนุ่มทุกถ้อยจึงเพียงส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะผลักประตูก้าวลงจากรถ กลิ่นหญ้าและดอกไม้บางชนิดหอมโชยให้ความรู้สึกสดชื่น เรียวปากของหญิงสาวคลี่ออกเล็กน้อยกับสัมผัสธรรมชาติที่ได้รับก่อนจะต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าพารินธรที่ถือของอยู่ในมือยังคงจับตามองเธออยู่
“มีอะไรเหรอคะ”
“ไม่มีอะไร รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะเข้าบ้าน พ่อกับแม่ไปยืนรออยู่ตรงแล้ว ตรงนี้แดดส่องด้วยเดี๋ยวจะไม่สบายนะ ร่างกายยังไม่แข็งแรงดีเลย”
“ค่ะ”
อวิกาตอบรับคำสั้น ๆ ก่อนเดินยิ้มเข้าไปหาวิจิตรและฐิติที่ยืนรออยู่ ไม่ทันสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มที่เดินตามมานั้นขมวดคิ้ว ยังไม่คลายความแคลงใจ
ภายในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาล สองสามีภรรยานั่งรับประทานอาหารพลางให้ความสนใจกับรายการศิลปวัฒนธรรมของสถานีเคเบิ้ลทีวี ขณะที่ลูกชายคนเล็กนั้นนอนเอกเขนกเปิดนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ อาศิสทำทีเหมือนจะตั้งใจอ่านสิ่งที่อยู่ในมือหากสายตานั้นลอบมองไปทาง ‘พี่สาว’ และคนรักอยู่ตลอดเวลา
อวิกาคนที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้ดูแปลกไปจริง ๆ ถ้าหากเขาไม่ได้พูดคุยกับหญิงสาวอีกคนที่อ้างว่าเป็นพี่สาวที่อยู่ในร่างของคนอื่นและที่อยู่ในร่างอวิกาคือใครอีกคน อาศิสก็คงไม่นึกสงสัยกับท่าทีของพี่สาวในตอนนี้
ชนวิทคนรักของพี่สาวคนนี้เคยมาเยี่ยมเยือนที่บ้านอยู่หลายครั้ง แม้คนในครอบครัวจะมองออกว่าอวิการักผู้ชายคนนี้อยู่ไม่น้อย แต่หญิงสาวก็ไม่เคยแสดงออกมาอย่างชัดเจนเท่านี้
คนในชุดผู้ป่วยโรงพยาบาลยอมให้คนรักกุมไม้กุมมืออยู่ตลอดเวลาต่อหน้าพ่อ แม่และน้องชาย ทั้งยังคล้ายจะพูดจาออดอ้อนชนวิทมากกว่าที่เคยเป็น
ถ้าอาศิสไม่คิดสงสัยว่ามีใครคนหนึ่งอยู่ในร่างพี่สาว เขาอาจมองสิ่งที่ได้เห็นและรับรู้เป็นเรื่องปกติ...อุบัติเหตุชั่วขณะนั้นอาจทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งรู้สึกได้ว่าโอกาสที่จะต้องจากคนรักไปโดยไม่มีวันกลับเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ เธออาจจะอยากแสดงออกถึงความรักที่มีต่อคนรักให้มากขึ้นกว่าเดิม
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว...เขาพิสูจน์ได้แล้วก็จริงว่าคนที่อยู่ในร่างไม่ใช่พี่สาว แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวที่มาอยู่ในร่างอวิกาจึงไม่คิดจะหาทางกลับร่างเดิมของตน ยิ่งแสดงออกเหมือนกับว่าเธอเป็นอวิกาจริง ๆ เสียด้วย
จะให้ระวังยังไงดีล่ะพี่เพชร เขาจะคิดร้ายอะไรกับครอบครัวเรารึเปล่า แล้วผมต้องทำยังไงเนี่ย
“การ์ตูนมันเครียดขนาดนั้นเลยเหรอพีท”
เสียงพี่สาวทักมาจากบนเตียงคนไข้ ทำให้อาศิสต้องลดหนังสือการ์ตูนลงวางที่ตัก พี่สาวและคนรักกำลังมองมาที่เขาเป็นตาเดียว ชนวิทซึ่งพูดคุยถูกคอกับอาศิสพอสมควรพลอยเอ่ยทักไปอ้วย
“นั่นสิ คิ้วขมวดเชียวนะ”
“มันจบตอนแบบคาใจน่ะครับพี่ชน ต้องรออ่านตอนต่อไปอาทิตย์หน้า” อาศิสตอบแล้วลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจหันไปทางบิดามารดาก่อนเอ่ยขออนุญาต “แม่ครับผมขอเดินลงไปซื้อขนมที่มินิมาร์ทหน่อยนะครับ พ่อกับแม่จะเอาอะไรไหมครับ”
สุนันทาส่ายหน้าไม่ตอบคำถามแต่เอ่ยสิ่งที่ขัดเคืองใจ “จะไปซื้อขนม ข้าวปลาก็ยังไม่กินเลย”
“ยังไม่หิวเท่าไหร่เลยครับ”
“ก็แน่ล่ะสิเราน่ะ ตื่นซะสายโด่กว่าจะกินข้าวเช้าก็สายแล้ว ไม่เป็นเวล่ำเวลาเอาซะเลย”
“โห...ผมรีบไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวโดนชุดใหญ่” ชายหนุ่มหันไปพูดกับคนที่นั่งอยู่บนเตียง “ไปนะพี่เพชร เดี๋ยวซื้อนมมาฝาก”
“พีทนี่ ไปล้อพี่เขา ก็รู้อยู่ว่าพี่เพชรเขากินนมไม่ได้ ท้องจะเสีย” สุนันทาว่า “แล้วแม่ก็ยังไม่อยากให้พี่เขากินอะไรเรื่อยเปื่อยนอกจากที่ทางโรงพยาบาลเขาเตรียมให้”
“รู้แล้วครับแม่ แค่แหย่พี่เขาเล่นเอง ดูสิพี่เพชรเขายังไม่ว่าอะไรสักคำ ทำเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกินนมแล้วจะท้องเสียอย่างนั้นแหละ”
อาศิสหมุนตัวเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยนั้น เขารู้เสียยิ่งกว่ารู้ว่าอวิกาดื่มนมสดไม่ได้เลยแต่ที่พูดออกไปเพราะอยากสังเกตปฏิกิริยาของคนที่อยู่ในร่างพี่สาวมากกว่าและจากสิ่งที่ได้เห็นทำให้ชายหนุ่มเชื่อว่า...เธอคนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองดื่มนมสดไม่ได้
หญิงสาวในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลยิ้มให้กับคนรักและพ่อแม่ ที่ตอนนี้หันมาให้ความสนใจกับเธอเพราะชนวิทเกิดทักขึ้นมาว่าจู่ ๆ เธอก็หน้าซีดไป
“รู้สึกไม่ค่อยดีรึเปล่าลูก”
มโนเชาว์ซึ่งวางช้อนส้อมทันทีหลังจากได้ยินคนรักของลูกสาวเอ่ยทักเพียงแต่เอ่ยถามแต่สุนันทานั้นถึงกับลุกขึ้นเดินมายืนข้างเตียงพิจารณาใบหน้าและเนื้อตัวของลูกสาว
“ตามหมอหรือว่าพยาบาลมาดูอาการหน่อยไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ชนไม่น่าทักเลยนะคะ คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงแย่ เพชรคงแค่เหนื่อยเกินไปเท่านั้นเอง” หญิงสาวฝืนยิ้ม “ทานข้าวกันต่อเถอะค่ะ เพชรไม่เป็นอะไร”
สุนันทามองจนแน่ใจว่าลูกสาวไม่เป็นอะไรแน่จึงเดินกลับไปนั่งรับประทานอาหารกลางวันต่อ
“ถ้าอย่างนั้นคุณนอนพักก่อนนะเพชร เดี๋ยวผมต้องออกไปธุระให้คุณแม่ที่ธนาคาร”
“ไม่เห็นพี่ชนบอกก่อนล่วงหน้าเลย” เธอเอื้อมไปดึงข้อมือของชายหนุ่ม เมื่อเขาตั้งท่าจะลุกขึ้น “แล้ววันนี้จะมาเยี่ยมเพชรอีกไหมคะ”
ชนวิทมองตอบสายตาของเธอ ยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนเอ่ย “เย็น ๆ นะครับ ตอนนี้คุณนอนหลับพักผ่อนก่อนเถอะ”
หญิงสาวในร่างของอวิกาพยักหน้ายิ้มตอบคำพูดของชนวิท ตั้งที่ในใจนั้นรู้สึกโมโหอาศิส ที่ทำให้เธอใจคอไม่ดีจนแสดงสีหน้าไม่ปกติออกไป
เพราะไอ้เด็กบ้านั่นเชียว มาพูดแหย่อะไรก็ไม่รู้...ใครจะคิดว่าแม่นี่จะดัดจริต กินนมแล้วท้องเสีย

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ม.ค. 2555, 22:42:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ม.ค. 2555, 22:42:35 น.
จำนวนการเข้าชม : 2187
<< ตอนที่ 6 | ตอนที่ 8 >> |

กมลภัทร 21 ม.ค. 2555, 22:49:30 น.
sai >>>> คนเขียนก็ลุ้นครับว่าคนอ่านจะชอบรึเปล่า ^^
jink >>>> เค้าเป็นใครหนอ เค้ามาจากไหน....
lovemuay >>>> ตามสบายครับ คิดว่าพีทยังไม่มีนางเอกนะ คิดว่าอาจจะได้เป็นพระเอกเรื่องใดเรื่องหนึ่งในอนาคตอยู่นะครับ
pseudolife >>>> ^^
ของขวัญ >>>> ลองติดตามกันต่อนะครับ ว่าเกี่ยวข้องอะไรกันยังไงรึเปล่า
XaWarZd >>>> ไว้จะลองหาบทพระเอกให้พีทดูสักเรื่องนะครับ
น้องอุด้ง >>>> ลุ้นด้วยครับ
panon >>>> แสดงตัวเล็กน้อยแล้วครับท้ายตอนนี้ อิอิ
เพียงพลอย >>>> จะช่วยได้รึเปล่าต้องติดตามจ้า
นกอุมาพร >>>> อย่าเพิ่งรีบครับ เดี๋ยวจบ
wane >>>> รอตามต่อตอนหน้าด้วยนะครับ ฝากเนื้อฝากตัว ^^
sai >>>> คนเขียนก็ลุ้นครับว่าคนอ่านจะชอบรึเปล่า ^^
jink >>>> เค้าเป็นใครหนอ เค้ามาจากไหน....
lovemuay >>>> ตามสบายครับ คิดว่าพีทยังไม่มีนางเอกนะ คิดว่าอาจจะได้เป็นพระเอกเรื่องใดเรื่องหนึ่งในอนาคตอยู่นะครับ
pseudolife >>>> ^^
ของขวัญ >>>> ลองติดตามกันต่อนะครับ ว่าเกี่ยวข้องอะไรกันยังไงรึเปล่า
XaWarZd >>>> ไว้จะลองหาบทพระเอกให้พีทดูสักเรื่องนะครับ
น้องอุด้ง >>>> ลุ้นด้วยครับ
panon >>>> แสดงตัวเล็กน้อยแล้วครับท้ายตอนนี้ อิอิ
เพียงพลอย >>>> จะช่วยได้รึเปล่าต้องติดตามจ้า
นกอุมาพร >>>> อย่าเพิ่งรีบครับ เดี๋ยวจบ
wane >>>> รอตามต่อตอนหน้าด้วยนะครับ ฝากเนื้อฝากตัว ^^

pseudolife 21 ม.ค. 2555, 23:09:15 น.
เอาแล้วไง พีทต้องระวังนะแหย่บ่อยๆ เดี๋ยวคนที่มาอยู่ในร่างเพชรจะรู้ตัวว่ารู้ความจริงแล้ว
หุหุ ตอนนี้ชักสนใจหนูเพชรกับพี่เมฆแฮะ ^^
เอาแล้วไง พีทต้องระวังนะแหย่บ่อยๆ เดี๋ยวคนที่มาอยู่ในร่างเพชรจะรู้ตัวว่ารู้ความจริงแล้ว
หุหุ ตอนนี้ชักสนใจหนูเพชรกับพี่เมฆแฮะ ^^

sai 21 ม.ค. 2555, 23:28:15 น.
อั๊ยยะ ใครกันหนอไม่ชอบทั้งเพชรและฝนเลยอ่ะ
ปล.ไม่ต้องลุ้นแล้วค่ะพี่คนอ่านคนนี้ชอบมั่กมากกก
อั๊ยยะ ใครกันหนอไม่ชอบทั้งเพชรและฝนเลยอ่ะ
ปล.ไม่ต้องลุ้นแล้วค่ะพี่คนอ่านคนนี้ชอบมั่กมากกก

lovemuay 22 ม.ค. 2555, 04:10:22 น.
+55 ดูยังไงก็เป็นคนที่แอบรักชนวิทอยู่ เลยอิจฉาและเกลียดเพชรม้ากมาก
+55 ดูยังไงก็เป็นคนที่แอบรักชนวิทอยู่ เลยอิจฉาและเกลียดเพชรม้ากมาก

wane 22 ม.ค. 2555, 07:38:11 น.
ที่นายเมฆเค้ายังรู้สึกว่าน้องสาวเค้าเปลี่ยนไป แล้วทำไมบ้านของเพชรถึงไม่รู้สึกบ้างหล่ะ
ที่นายเมฆเค้ายังรู้สึกว่าน้องสาวเค้าเปลี่ยนไป แล้วทำไมบ้านของเพชรถึงไม่รู้สึกบ้างหล่ะ

lookpud 22 ม.ค. 2555, 13:48:21 น.
ใครมาเป็นพีทนะ
ใครมาเป็นพีทนะ

ของขวัญ 22 ม.ค. 2555, 14:55:20 น.
นายพีทจะแหย่มากไปหรือเปล่าเนี่ย เดี๋ยวคนไม่หวังดีก็รู้ทันพอดี
นายพีทจะแหย่มากไปหรือเปล่าเนี่ย เดี๋ยวคนไม่หวังดีก็รู้ทันพอดี

น้องอุด้ง 23 ม.ค. 2555, 08:51:11 น.
อร๊ายย ครายกันน้าที่สิงอยู่ ดูจะเป็นศัตรูกะหนูฝนและหนูเพชรเรยอ่า ลุ้นๆ
อร๊ายย ครายกันน้าที่สิงอยู่ ดูจะเป็นศัตรูกะหนูฝนและหนูเพชรเรยอ่า ลุ้นๆ

เพียงพลอย 23 ม.ค. 2555, 23:54:24 น.
หรือวิญญาณเบอร์สามจะเป็นแฟนเก่าของแฟนหนูเพชร ... อ่านะ เดาเข้าไป
เอาใจช่วยคุณพี่ชายกับคุณน้องชายดีกว่า
หรือวิญญาณเบอร์สามจะเป็นแฟนเก่าของแฟนหนูเพชร ... อ่านะ เดาเข้าไป
เอาใจช่วยคุณพี่ชายกับคุณน้องชายดีกว่า

panon 24 ม.ค. 2555, 08:30:19 น.
อยากรู้ๆๆๆๆๆๆใครน่ะที่มาอยู่ในร่างของเพชร
อยากรู้ๆๆๆๆๆๆใครน่ะที่มาอยู่ในร่างของเพชร

นกอุมาพร 28 ม.ค. 2555, 00:32:26 น.
จะแก้ปัญหาแบบนี้ยังไง เครียดแทนทุกคนค่ะ
จะแก้ปัญหาแบบนี้ยังไง เครียดแทนทุกคนค่ะ