Crazy Laws กฏหมายฮาเดือด!!
เมื่อ "วินด์ ฮิลล์" นักเรียนกฎหมายปี 1 ผู้มีดีแค่หน้าตาแต่สติปัญญาอยู่ในระดับน่าอับอาย ต้องมาพานพบกับ "เวสต์ วิซ" ผู้ช่วยผู้พิพากษา ที่ถูกไหว้วานจากอาจารย์ีที่ปรึกษาของวินด์ ฮิลล์ ให้มาช่้่วยเข็นให้หนุ่มดีแต่รูปคนนี้เลื่อนชั้นไปได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น..เมื่อสองคนนี้ต้องมาร่วมไขคดีไปด้วยกัน พร้อมกับ "ประมวลกฎหมาย" อาวุธประจำตัวนักเรียนกฎหมายทุกคน!?
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: มาตราที่ 6

มาตราที่ 6 : นักเรียนกฎหมายพึงอย่าสร้างศัตรูโดยใช่เหตุ


กราบเท้าคุณลุงที่เคารพรักอย่างสุดซึ้ง...


นานหลายตอนแล้วที่ผมขาดการติดต่อไม่ได้ส่งจดหมายถึงคุณลุง แต่คุณลุงก็คงจะไม่ว่าอะไรใช่มั้ยครับในเมื่อจดหมายพวกนี้ถึงเขียนเสร็จ ผมก็คงไม่กล้าส่งอยู่ดี...


วินด์ ฮิลล์ หลายชายสุดที่รักของคุณลุงยังแข็งแรงดีครับ ถึงจะต้องสู้รบตบมือกับบรรดาจดหมายลูกโซ่ที่แห่แหนกันมาเยี่ยมเยียนตู้รับจดหมายของผมไม่ขาด แถมช่วงนี้อยู่ดีๆก็เริ่มมีกระถางต้นไม้พยายามตกลงมาใส่หัวผมอยู่เรื่อย เวลาผมกำลังรอขึ้นรถไฟฟ้าก็เหมือนมีคนพยายามผลักผมให้ตกลงไปชอบกล โลกเราเดี๋ยวนี้นี่อันตรายมีอยู่ทุกที่จริงๆ คุณลุงเองก็ระวังตัวด้วยนะครับ


ตอนนี้การสืบสวนกำลังคืบหน้าไปด้วยดี ทำไมถึงคิดว่าคืบหน้าน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าผมยังแคล้วคลาดปลอดภัยไม่ได้โดนหามไปโรงพยาบาลเหมือนคนที่เคยมาดูแลคดีนี้คนอื่นๆยังไงล่ะครับ!! แม้แต่รุ่นพี่เวสต์ยังชมเลยว่าผมน่ะหนังเหนียวตายยาก มันเป็นคำชมที่ผมประทับใจจริงๆนะเนี่ย


นอกจากนี้ถึงเราจะไม่ได้เรื่องอะไรมาเป็นพิเศษ ผมเดินย่ำสถานที่เกิดเหตุมาเป็นร้อยรอบก็ได้หลักฐานมาเพิ่มเป็นไม้เสียบลูกชิ้นแค่อันเดียว แต่โชคยังดีที่คนมันหล่อ เอ๊ย คนมันมีเพื่อนเยอะ...บลิซซาร์ด ลูกชายเจ้าของโรงรับจำนำที่เป็นเพื่อนซี้ผม (ถึงเจ้าตัวจะไม่ยอมรับก็ตาม) ก็เลยยอมอนุญาตให้พวกเรายืมของที่คุณเลขาฯ กลอเรีย เอามาจำนำไปส่งให้ฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจสอบว่าเป็นของชิ้นเดียวกับที่หายไปจากบ้านสามีภรรยาเฟลแลนมั้ย คิดว่าผลคงจะออกมาเร็วๆนี้ล่ะครับ


เขียนมาซะยาว ดูเหมือนผมจะ....โอ๊ะ! โทรศัพท์ดัง งั้นเดี๋ยวผมค่อยมาเขียนจดหมายต่อนะครับ คุณลุง!!



++++++++++++++



บริเวณมุมหนึ่งของโรงเรียนกฎหมาย...


สายลมพัดพลิ้วมา ใบไม้ตกต้องมาโดนกาย กลีบดอกไม้ปลิดปลิวและร่วงหล่นลงมาบนแผ่นหลังของชายหนุ่มผมดำ..ผู้กำลังหมอบกราบอยู่แทบเท้าของชายอีกคนหนึ่ง


“...ขอฉันทวนอีกรอบนะ?”


ชายหนุ่มผู้นั่งไขว่ห้างอยู่บนม้าหินปิดหนังสือประมวลฯเล่มใหญ่ในมือลงอย่างนุ่มนวล ดวงตาภายใต้กรอบแว่นเหลือบลงมองคนไม่รู้จักอายที่นั่งหมอบอยู่แทบเท้ามาพักใหญ่ แถมยังคอยแอบเงยหน้าขึ้นมองด้วยหน้าตาที่ทำยังไงก็คงหล่อไม่หาย..อย่างน่าชวนให้เอาเท้าเหยียบซ้ำลงไปยิ่งนัก


“กองพิสูจน์หลักฐานโทรศัพท์มาบอกนายว่า ไม้เสียบลูกชิ้นอันที่นายเจอนั่น ตรวจพบกรุ๊ปเลือดอยู่บนไม้ 2 กรุ๊ปด้วยกัน คือ A กับ AB อย่างนั้นสินะ”


วินด์ ฮิลล์พยักหน้าหงึก


“ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเลือดโง่ของนาย แต่อีกหนึ่งเป็นเลือดของใครก็ยังไม่รู้ เพราะการตรวจเบื้องต้นทำให้รู้แค่กรุ๊ปเลือดเท่านั้น ยังวิเคราะห์ไปถึงระดับ DNA ไม่ได้”


วินด์ ฮิลล์พยักหน้าหงึกๆ


“การที่จะตรวจ DNA ได้ จำเป็นต้องส่งไปให้ทางห้องแล็บของกองพิสูจน์หลักฐานเป็นผู้ตรวจสอบ แต่เนื่องจากห้องแล็บมีงานยุ่งมาก ถ้าไปต่อคิวตามปกติกว่าจะรู้ผลก็คงอีกไม่ต่ำกว่า 2 เดือน ถึงตอนนั้นก็หมดเทอมนี้ไปแล้ว”


วินด์ ฮิลล์พยักหน้าหงึกๆๆ


“ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ห้องแล็บที่คอยรับเรื่องยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตของนาย เพราะฉะนั้นหนทางเดียวที่จะลัดคิวให้ได้ผลมาเร็วที่สุด ก็คือให้ฉันเป็นคนออกหน้าเองอย่างนั้นสินะ?”


วินด์ ฮิลล์ยิ้มหวานที่สุดในชีวิต ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆๆๆ


“เข้าใจล่ะ”


เวสต์ วิซยิ้มตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมเมตตา มือซ้ายยกขึ้นเสยผมสีทองประกายชมพูที่กำลังล้อกับแสงแดดเป็นประกายระยับ แล้วประมวลฯในมือขวาก็เงื้อขึ้นสูง..ก่อนจะเหวี่ยงวงสวิงเข้าให้เต็มๆแม็กซ์!!


“นายอายุกี่ขวบแล้ว! หา!?”


ประมวลฯฟาดเปรี้ยงเข้าให้ที่แก้มซ้าย ก่อนย้ายมาตบต่อที่แก้มขวา ตามมาด้วยซ้ายอีกครั้ง ขวาอีกสอง เสยปลายคางอีกหนึ่ง...ภายในมุมแคบๆของรั้วโรงเรียนกฎหมายได้บังเกิดเสียงซาวนด์เอ็ฟเฟคอันน่าสยดสยองขึ้น..


หนึ่งคือเสียงดังปั้กๆๆๆๆที่ดังรัวไม่ขาดสาย เสียงนั้นเหมือนมีใครเอาวัตถุอย่างหนาฟาดเข้าให้กับร่างกายของสิ่งมีชีวิตท่าทางปวกเปียก ขณะที่อีกหนึ่งคือเสียงครางหงิงของสิ่งมีชีวิตที่คงกำลังจะถูกทารุณกรรมด้วยวัตถุในเสียงแรกนั่นเอง...


และบางทีมันก็คงเป็นการดีแล้วที่พวกเขาทั้งสองต่างนั่งอยู่ในมุมลับตาคน ไม่เช่นนั้นแล้วเวสสสสสสสสสสต์ วิซ นักเรียนกฎหมายอัจฉริยะก็คงไม่แคล้วได้เสียชื่อจากการฆาตกรรมรุ่นน้องก็คราวนี้...


หลังพายุผ่านพ้น..แน่นอนว่าความสงบย่อมกลับมาถึง แม้ว่าจะเป็นความสงบในยามที่ยังมีคลื่นลมกรรโชกแรงอยู่บ้างก็ตาม เมื่อชายหนุ่มผมทองผู้ยังคงประดับรอยยิ้มไว้บนริมฝีปากได้อย่างน่าทึ่งตลอดระยะเวลาการทารุณกรรมดังกล่าว ยอมหยุดมือลงก่อนจะใช้ประมวลฯเล่มเดิมเปลี่ยนมาเคาะลงกับมือตนเองเบาๆ...


“อยากพูดใหม่อีกรอบมั้ย?”


แน่นอนว่าวินด์ ฮิลล์อยากเสียยิ่งกว่าอยาก แต่เมื่อรวบรวมความกล้าพอที่จะเงยขึ้นมองรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณรุ่นพี่ที่เคารพแล้ว เซลล์สมองอันน้อยนิดของเขาก็ยังสามารถประมวลผลได้ว่า ถ้าขืนพูดขอร้องออกไปอีกคำเดียว ประมวลฯเล่มนั้นก็คงจะเปลี่ยนจากการเคาะลงบนมือตนเอง และกลับมาเป็นเคาะใส่หัวเขาอีกครั้งอย่างแน่นอน..!


“มะ..ไม่แล้วครับ..” วินด์ ฮิลล์ฝืนใจตอบหลังจากกลืนน้ำลายสองเอื๊อกเป็นการเรียกขวัญ “ขอโทษที่มากวนใจขอรับครับกระผม”


กล่าวขออภัยทิ้งท้าย ก่อนที่เท้าจะขยับเตรียมถอยหลังกลับในท่าคืบคลาน ทว่าตอนนั้นเองเท้าของคุณรุ่นพี่ก็พลันตวัดขึ้นและเหยียบ!!!


..............ลงกับพื้น....


ท่ามกลางสายตาของนกเอี้ยงและฝูงอีกาที่บินผ่านไป ชายหนุ่มผมทองประกายชมพูลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางอันสง่างาม สมศักดิ์ศรีของคนผู้เป็นความหวังแห่งวงการกฎหมาย ร่างสูงยกมือขึ้นจับแว่นให้เข้าที่เล็กน้อย ประมวลกฎหมายกระชับอยู่ในมืออีกข้าง ก่อนจะหันมาผงกศีรษะให้แก่ร่างที่กำลังพยายามคลานกระดื๊บๆห่างออกไป


“ไปกันได้แล้ว”


“เอ๋? ไป? ไปไหนอะครับ?”


ประโยคที่มาอย่างไม่มีที่มาที่ไป พาให้วินด์ ฮิลล์ชะงักมือและเท้าที่กำลังพาตัวเองหนีให้หยุดลง


“วันนี้ไม่มีสอบปากคำเพิ่ม แล้วก็ไม่มีนัดอะไรนี่ครับ รุ่นพี่?”


“ก็เพิ่งจะมีเดี๋ยวนี้เอง..”


เวสต์ วิซตอบโดยไม่แม้แต่จะหันมามองคนที่ทำตัวได้ไม่สมกับหน้าตาที่พ่อแม่อุตส่าห์ให้มา ในทางตรงข้ามชายหนุ่มกลับเลือกจะมองไปยังทิศทางของตึกรูปทรงบีกเกอร์ ที่มีป้ายแปะหราเรียงลงมาจากชั้นบนสุดเป็นคำว่า กองพิสูจน์หลักฐาน


“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าหน้าที่ห้องแล็บเล็กๆในหน่วยพิสูจน์หลักฐาน จะทำงานได้สมกับเงินเดือนที่โรงเรียนกฎหมายจ่ายให้รึเปล่า”


รอยยิ้มบางๆประดับบนมุมปากได้รูปของคนที่เหมือนได้เป้าหมายให้ทารุณกรรมใหม่ เวสต์ วิซก้าวเท้าเดินไปตามลำพัง โดยมีสายตาของวินด์ ฮิลล์ที่ทำได้เพียงแค่มองตามชายผ้าคลุมสีดำของชุดครุยที่อีกฝ่ายสวมใส่โบกสะบัด...กับความคิดหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในใจ


ที่แท้รุ่นพี่ก็อยู่สายซึนเองเหรอเนี่ย!?




กองพิสูจน์หลักฐาน ชั้นที่ 24


ก๊า...ก๊า...ก๊า...


ท่ามกลางเสียงของมวลวิหคและฉากหลังของยามอาทิตย์อัสดง ชายหนุ่มสองคนกำลังยืนอยู่บนตึกในชั้นที่สูงจนน่ากลัวนกจะบินชน..ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง


หนึ่งคือผู้ชายที่ใช้เวลาช่วงเช้าไปกับการเข้าร่วมการไต่สวนคดีที่ตนรับผิดชอบ และยังถ่อเดินขึ้นบันไดมาเป็นจำนวน 24 ชั้นในสภาพที่ยังคงสวมชุดครุยสีดำรุ่มร่ามของผู้ช่วยผู้พิพากษาซึ่งยังไม่ว่างพอจะถอดออก แต่กระนั้นกลับไร้ความเหน็ดเหนื่อยให้เห็นนอกจากเพียงสายตาอันครุ่นคิดที่มองไปยังลิฟต์เพียงตัวเดียวของตึกที่เสียมานานจนแม้แต่เจ้าหน้าที่ที่นี่ก็ยังจำความไม่ได้ กับความคิดที่ว่าหลังจากนี้คงต้องไปคุยกับแผนกงบประมาณเสียแล้ว


และอีกหนึ่งนั้นเล่า..?


“ตายรึยัง?”


เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามเจ้าคนน่าสมเพชที่เพียงแค่เดินขึ้นบันไดมา 24 ชั้นก็ถึงกับลงไปทรุดอยู่ในสภาพคลานเข่า เหงื่อไหลท่วมตัว..ซึ่งไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็เป็นเพราะความอ่อนหัดล้วนๆ


“ยะ..ยะ..ยะ..ยะ..ยะ..ยะ..ยะ..ยัง...ยัง..ครับ...เพ่...”


เสียงอันสั่นระริกตอบกลับในสภาพหอบจนลิ้นห้อย เรือนผมสีดำยุ่งๆชื้นไปด้วยเหงื่อแนบลงกับสองข้างแก้มที่กลายเป็นสีชมพูจางๆจากการออกกำลังกายอย่างหนัก ร่างโปร่งตกอยู่ในสภาพที่อาจเรียกว่าดูไม่ได้โดยสิ้นเชิง ทั้งจากการที่เจ้าตัวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก แถมยังถกขากางเกงขึ้นมาเพื่อให้เดินได้สะดวก แต่ถึงกระนั้น..ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของคนที่เปิดประตูออกมาจากแผนกห้องแล็บ ก็ยังคงเป็นภาพของผู้ชายที่หล่อเหลาจนน่าโมโหอยู่ดี..


“แก...วินด์ ฮิลล์!?”


นั่นคือเสียงทักทายด้วยความรัก(?)อย่างสุดซึ้ง ให้ดวงตาคู่สีฟ้าใสหันขวับไปมองตามสัญชาตญาณ เพื่อจะได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่วินด์ ฮิลล์ไม่อยากเห็นมากที่สุด


“ดีน อันไฟล์...”


ชื่อของชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์ที่เดินออกมาจากแผนกห้องแล็บ ถูกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ใกล้เคียงกับการสบถด่า วินด์ ฮิลล์ลุกขึ้นยืนเองเป็นครั้งแรกโดยไม่ต้องคอยให้เวสต์ วิซช่วยใช้เท้าสะกิดอีก เมื่อชายหนุ่มเสยผมยุ่งๆเบาๆ ก่อนจะมองจ้องกลับไปหาเจ้าหน้าที่ห้องแล็บนายนั้นด้วยแววตากินเลือดกินเนื้อไม่แพ้กัน


“หึ ไม่คิดว่าคนที่มีดีแค่หน้าตาอย่างนายจะกล้าบุกมาถึงถิ่นของฉัน”


ดีนแค่นหัวเราะ สองมือยกขึ้นในท่าทางพร้อมต่อยตีทุกเมื่อ แม้ว่าความแค้นระหว่างพวกเขานั้นจะไม่เคยมากพอจนถึงกับทำให้ผู้ชายหุ่นขี้ก้างสองคนตัดสินใจลงไม้ลงมือกันมาก่อนก็ตาม


“ไม่สิ นายคงมาเรื่องผลวิเคราะห์ DNA ของเลือดบนไม้เสียบลูกชิ้นที่ยื่นคำร้องมานั่นสินะ” ประโยคที่แสดงให้เห็นถึงเซลล์สมองที่น่าจะมีมากกว่าศัตรูคู่แค้นอยู่บ้าง จากการเข้าใจอะไรได้รวดเร็วเกินคาด “ขอบอกไว้ก่อนเลยว่ากว่าจะถึงคิวนาย มันก็อีกไม่ต่ำกว่า 4 เดือนแน่นอน เจ้าโง่!!”


ระยะเวลาที่ถูกคูณสองเข้าไปอย่างแน่ใจได้เลยว่าต้องผสมด้วยความแค้นของอีกฝ่าย มากพอจะทำให้หน้าหล่อๆถึงกับกระตุกด้วยความโมโห วินด์ ฮิลล์อ้าปากขึ้น กำลังพยายามใช้ความคิดที่จะสรรหาคำด่าโต้ตอบกลับไป ทว่าในตอนนั้นเอง...เสียงทุ้มก็พลันดังแทรกขึ้น


“พวกนายสองคนมีความแค้นอะไรกัน?”


“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ” วินด์ ฮิลล์หันมามองตัวช่วย ก่อนจะรีบเก๊กหน้าขรึม “ก็แค่ว่าหมอนี่มันแค้นเรื่องที่ผมกับมันเคยจีบผู้หญิงคนเดียวกันก็เท่านั้น ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตเลยจริงๆ”


“อย่ามาพูดเหมือนแกชนะหน่อยเลย! แกเองก็ไม่ได้ชนะเหมือนกันแหละ!!”


คือคำตะโกนสวนกลับมาแทบจะในทันที ด้วยความทรงจำถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครึ่งปีก่อนนั้นยังคงชัดเจนเสียจนพวกเขาต่างก็ยังไม่อาจลืมเลือนได้ กับเรื่องของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นดาวของโรงเรียนกฎหมาย ซึ่งได้หักอกทั้งตัวเขาและวินด์ ฮิลล์ในวันเดียวกัน


‘ขอโทษนะ ถึงคุณจะดูมีอนาคตอยู่บ้าง แต่ฉันชอบผู้ชายหน้าตาดีน่ะ’


นั่นคือคำปฏิเสธที่ดีน อันไฟล์ได้รับ ขณะที่คำปฏิเสธที่วินด์ ฮิลล์ได้รับนั้น...


‘ขอโทษนะ ถึงคุณจะหล่อแค่ไหนก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่สนใจผู้ชายที่ไม่มีอนาคตอยู่ดี’


ในวันนั้นผู้ชายสองคนที่คนหนึ่งมีดีแค่หน้ากับอีกคนที่แม้แต่หน้าตาก็ไม่ดี ได้พานพบกับความรู้สึกที่เรียกว่าอกหักดังเป๊าะในเวลาที่แทบจะเรียกได้ว่าใกล้เคียงกัน และเพราะพวกเขาต่างก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่เอาความแค้นไปลงผู้หญิง ดังนั้นเองความเจ็บแค้นในวันนั้นจึงพุ่งเป้าเข้าหากันและกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาจนถึงทุกวันนี้!


“ไร้สาระสิ้นดี”


เวสต์ วิซเอ่ยด้วยเสียงที่เย็นชาสุดๆหลังจากฟังเรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว และแม้ว่าเรื่องที่ได้ฟังจะชวนให้อยากเดินกลับแล้วทิ้งให้มันผจญเวรผจญกรรมอยู่ที่นี่ต่อไป แต่ถึงยังไงเขาก็อุตส่าห์มาถึงที่นี่ด้วยตัวเองแล้ว และการกลับไปมือเปล่านั้นก็ไม่ใช่อะไรที่เวสต์ วิซเคยชินเสียด้วย


“พักเรื่องไร้สาระของพวกนายไว้ก่อน ทีนี้ก็ไปเอาผล DNA บนไม้เสียบลูกชิ้นมาได้แล้ว”


ประโยคที่เป็นคำสั่งแต่เหนืออื่นใดคือความนัยในคำพูดนั้นที่ราวกับจะบอกว่าการตรวจสอบ DNA ได้เสร็จสิ้นและได้ผลออกมาเรียบร้อยแล้วอย่างไรอย่างนั้น


วินด์ ฮิลล์ทำหน้างง แต่เหนืออื่นใดจากการรู้จักกับรุ่นพี่คนนี้มานานหลายวัน มันก็ทำให้เขารู้ว่าน้อยครั้งนักที่คนอย่างเวสต์ วิซจะพลาด และเพราะรู้ว่ายากที่คุณรุ่นพี่จะพลาด ดังนั้นชายหนุ่มจึงหันขวับไปจ้องเจ้าหน้าที่ห้องแล็บที่ถึงกับรีบเม้มปากแน่นราวกับกลัวจะเผลอหลุดความลับออกมาซะอย่างนั้น..ทั้งที่แค่เพียงท่าทางลนลานนั่นมันก็เพียงพอที่จะคายความลับออกมาแล้ว


“ถึงเจ้าหน้าที่ของห้องแล็บบางคนจะโง่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอุปกรณ์เครื่องมือที่นี่จะงี่เง่าไปด้วย” เวสต์ วิซเริ่มต้นอธิบายด้วยรูปประโยคเชือดเฉือน “ตามปกติการตรวจสอบ DNA ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็เสร็จ นอกจากนี้เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบก็ไม่ได้มีแค่เครื่องเดียว จึงเป็นไปไม่ได้แต่แรกอยู่แล้วที่จะต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 2 เดือน แค่ประมาณ 1 สัปดาห์ก็ถือเป็นระยะเวลาที่มากเกินไปแล้ว”


ดวงตาภายใต้กรอบแว่นปรายมองเจ้าโง่ที่ทำหน้าเป๋อเหลออยู่ข้างๆ แล้วนึกอยากตบเข้าให้ด้วยประมวลฯเป็นการสั่งสอนเสียอีกรอบ โทษฐานถูกคนที่นี่หลอกเอายังไม่รู้ตัว


“คดีฆาตกรรมคู่สามีภรรยาเฟลแลนเป็นคดีที่เกิดขึ้นมานานร่วมเดือน แถมยังเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน ไม้เสียบลูกชิ้นอันนั้นถูกส่งมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนจึงเป็นไปไม่ได้ที่คนของห้องแล็บจะพร้อมใจกันโง่พอที่จะเพิกเฉยต่อความสำคัญของเรื่องนี้ ดังนั้นถึงเจ้าหมอนี่จะโง่”


เวสต์ วิซปรายตามองคนที่ถูกผู้หญิงหักอกแล้วยังไม่เจียมด้วยสายตาเหยียดหยาม


“แต่คนอื่นในห้องแล็บก็ต้องจัดการนำเลือดบนไม้อันนั้นไปตรวจสอบแล้ว ดังนั้นป่านนี้ผลวิเคราะห์ก็ควรจะสรุปออกมาเป็นรายงานได้ ทีนี้ก็ไปเอามาให้เร็วๆเข้า อย่าทำให้เสียเวลา”


คำพูดสุดเชือดเฉือนกับท่าทางอันหยิ่งยโสของคนแปลกหน้า มากพอจะทำให้เส้นเลือดที่ขมับของดีน อันไฟล์เต้นตุบๆด้วยความโมโห ชายหนุ่มอ้าปากขึ้นตั้งใจจะด่าสวนกลับไปให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ใช่เพราะลูกตาบังเอิญกลอกไปเห็นสัญลักษณ์รูปนาฬิกาเวลาเที่ยงตรงบนชุดครุยของอีกฝ่าย!?


หากเทียบชนชั้นภายในโรงเรียนกฎหมายแล้ว สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับชั้นต่ำสุดของปิรามิดแบ่งแยกชนชั้นย่อมเป็นนักเรียนกฎหมาย สูงขึ้นมาหน่อยคือบรรดาเจ้าหน้าที่พนักงานต่างๆ และสูงขึ้นมากว่านั้นก็คือบรรดาปัญญาชนที่กำลังศึกษาอยู่ในสายงานทนายความหรือผู้พิพากษา และสูงที่สุดก็ย่อมจะเป็นผู้พิพากษาที่เป็นทั้งอาจารย์ของโรงเรียนนี้ และยังเป็นผู้กุมอำนาจแทบทั้งหมดของวงการกฎหมาย


อย่างไรก็ตาม มันยากที่จะแยกแยะออกได้ว่าคนตรงหน้ากำลังฝึกงานอยู่ในฐานะผู้ช่วยผู้พิพากษา หรือได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาแล้ว ด้วยถึงจะเป็นอย่างไหนหากพวกเขาก็ประดับเข็มตรารูปนาฬิกาตอนเที่ยงตรงเอาไว้เหมือนกัน และถึงไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ระดับความสูงศักดิ์ของชนชั้นก็แทบไม่แตกต่างกันนัก แต่มันแตกต่างกันหลายล้านปีแสงทีเดียวเมื่อเทียบกับพนักงานห้องแล็บคนหนึ่ง


“ขอบอกให้รู้ไว้อย่างว่าถึงจะเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนกฎหมาย แต่ถ้าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ก็จะต้องถูกลงโทษเช่นกัน”


เวสต์ วิซยิ้มหวานให้กับลูกแกะตัวน้อยที่อยู่ในอาการเหงื่อแตกพลั่ก


“กรณีที่เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนกฎหมายแต่ยังทำผิดกฎอีก ก็ต้องรับโทษเป็น 2 เท่า กรณีของนายที่ทำให้ฉันต้องเสียเวลา ตามปกติควรโดนสั่งจำคุกเป็นเวลา 1 วัน แต่ในเมื่อนายเป็นเจ้าหน้าที่ด้วยแล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้องเอาแต่ละนาทีที่ฉันเสียเวลาอยู่ที่นี่มานับเป็น 10 นาที ต่อ 1 วันในคุก มันถึงจะพอสมน้ำสมเนื้อกันสินะ?”


เสียงทุ้มที่เย็นยะเยียบจนแม้แต่วินด์ ฮิลล์ยังถึงกับขนลุกซู่ นับประสาอะไรกับคนที่ตกเป็นเป้าของการโจมตีทั้งด้วยคำพูดแช่แข็ง และด้วยดวงตาที่เหมือนจะเชือดกันให้ตายทั้งเป็น ให้เจ้าหน้าที่ห้องแล็บผู้โชคร้ายได้สัมผัสกับความกลัวจนตัวแข็งเป็นหินเป็นครั้งแรก


“นะ..นะ..นาย..เป็นใคร?”


ริมฝีปากที่สั่นระริกแต่ยังอดจะถามพะงาบๆออกมาไม่ได้ เรียกรอยยิ้มจางๆให้ปรากฏบนริมฝีปากของชายหนุ่มผู้มีความสามารถพิเศษในการกดขี่ผู้คนด้วยวาจา


“เวสสสสสสสสสสต์ วิซ” ชื่อที่เอ่ยออกมาถูกย้ำด้วยมือที่เคาะลงมาบนโต๊ะเบาๆอย่างจวนเจียนจะหมดความอดทน และเสียงเคาะแต่ละครั้งนั่นมันก็มากพอที่จะทำให้ดีนถึงกับผวากว่าเดิม “ทีนี้ก็ไปเอารายงายผลการตรวจสอบมาได้แล้ว”


“ระ..รับทราบครับผม!!”


โดยไม่จำเป็นต้องให้เตือนซ้ำอีกครั้ง ดีน อันไฟล์ก็ได้ตระหนักในที่สุดว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของวงการกฎหมาย ชายผู้เป็นถึงความหวังแห่งโรงเรียนกฎหมาย คนเดียวที่ผู้พิพากษาสูงสุดคนปัจจุบันรับตัวไปอบรมด้วยตัวเอง และผู้ชายที่แทบจะเรียกได้ว่าจองเก้าอี้ตำแหน่งสูงสุดแห่งวงการกฎหมายในอนาคตเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนั่นก็คือตำแหน่งที่แม้เขาจะมีความกล้ากว่านี้อีกสักเท่าไหร่ หรือต่อให้โง่กว่าวินด์ ฮิลล์สักแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะกล้าหือกับผู้ชายที่ได้ฉายา “เกรียน(ไม่)เงียบ” คนนี้เด็ดขาด!!


ภายในชั่วพริบตา เอกสารที่ควรจะผ่านขั้นตอนการส่งมอบอันยุ่งเหยิงก็กลับถูกข้ามขั้นตอนต่างๆนานา และนำมาส่งมอบให้ถึงมือของคุณท่านที่รับมันมาทั้งรอยยิ้มที่ยังชวนให้หนาวสั่นไม่เลิก ก่อนที่แฟ้มรายงานเล่มนั้นจะถูกส่งต่อให้แก่คนที่ทำหน้าที่เป็นตัวประกอบมานาน


“อ่านซิ”


“ครับผม รุ่นพี่!”


วินด์ ฮิลล์รับคำด้วยอาการเต้นแร้งเต้นกาอย่างผู้ชนะ ชายหนุ่มหันไปแลบลิ้นหลอกศัตรูคู่อาฆาตแถมท้ายเข้าให้ทีหนึ่ง ก่อนจะเริ่มต้นอ่านข้อความในรายงานฉบับนั้นด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำ


“จากการตรวจสอบ พบว่าเลือดที่ติดอยู่บนไม้เสียบลูกชิ้นมาจากคน 3 คนด้วยกัน รอยเลือดที่ใหม่ที่สุดคือ กรุ๊ป AB เป็นของนายวินด์ ฮิลล์ นักเรียนกฎหมายปี 1 ขณะที่เลือดที่เหลือเป็นรอยเลือดแห้งที่ซึมเข้าไปในเนื้อไม้ จากการตรวจสอบคาดว่าน่าจะเป็นรอยเลือดที่ไม่ต่ำกว่า 1 เดือนมาแล้ว โดยตรวจพบเลือดกรุ๊ป A เป็นของนายไบรอัน เฟลแลน และเลือดกรุ๊ป AB เป็นของนางดาเลีย เฟลแลน..”


อ่านถึงตรงนี้ วินด์ ฮิลล์ก็เลิกคิ้วด้วยความสงสัย


“อ้าว..เอ๊ะ..? แล้วทำไมถึงมีเลือดของคู่สามีภรรยาเฟลแลนมาติดอยู่บนนี้ได้ หรือสองคนนั้นจะโดนไม้เสียบลูกชิ้นตำนิ้วเอาเหมือนกัน?”


ข้อสันนิษฐานไร้สาระลอยผ่านหูของเวสต์ วิซไปอย่างไร้ความสนใจ ชายหนุ่มรุ่นพี่ดึงรายงานกลับมาอ่านเองอย่างละเอียดอีกครั้ง คิ้วเรียวขมวดน้อยๆอย่างใช้ความคิด ก่อนที่มันจะคลายออกในอีกไม่กี่นาทีต่อมา พร้อมกับที่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับกลายเป็นเหมือนรอยยิ้มของสิงโตที่พร้อมจะล่าเหยื่อ


“ดูเหมือนว่านายจะไปเหยียบได้หลักฐานชิ้นสำคัญมาซะแล้ว...”



++++++++++++++



............สวัสดีครับ คุณลุง ผมกลับมาเขียนต่อจากเมื่อกี้แล้วนะครับ...


ว่าแต่..ผมมีเรื่องจะบอกคุณลุงแค่คนเดียวนะครับ เรื่องมันก็เกี่ยวกับคุณพี่เวสสสสสสสสสสต์นี่แหละ หายใจเข้าก็บอกว่าจะไม่ยอมช่วยผม หายใจออกก็บอกว่านี่เป็นเรื่องที่ผมต้องจัดการเอง ที่จริงเวลาพี่แกไม่หายใจก็คงสั่งให้ผมไปสืบคดีคนเดียวอีกแหงๆ แต่ใครจะคิดว่าเห็นท่าทางหยิ่งๆปากจัดๆแบบนั้น เอาเข้าจริงรุ่นพี่ก็ยอมช่วยผมหลายเรื่องเลย ที่จริงแล้วผมว่ารุ่นพี่ต้องเป็นพวกซึนตัวพ่อแน่ๆเลยล่ะครับ คุณลุง!!


นอกจากนี้ผมได้รู้แล้วจริงๆว่ามันเป็นโชคดีมหาศาลของผมขนาดไหน ที่อย่างน้อยคุณรุ่นพี่เวสต์ วิซก็ยืนอยู่ข้างเดียวกับผม เพราะกับแค่เห็นแววตาสุดโหดของรุ่นพี่ตอนอ่านรายงานฉบับนั้นเข้า ผมก็กล้าสาบานเลยว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่เป็นศัตรูกับรุ่นพี่เด็ดขาดครับ!! ก็ผมยังไม่อยากตายนี่นา!!


ดูเหมือนว่าหลังจากที่รุ่นพี่อ่านรายงานการตรวจสอบไม้เสียบลูกชิ้นแล้วก็ได้ข้อมูลสำคัญบางอย่างมา แต่รุ่นพี่ก็ไม่ยอมบอกผม แถมยังให้การบ้านมาให้ผมไปนั่งตรวจดูรูปถ่ายของศพให้ดีๆอีก แบบนี้มันโหดร้ายทารุณกันเกินไปแล้วนะ ก็รู้อยู่ว่าผมกลัวเลือดกลัวศพขนาดไหน แถมพี่ท่านยังบอกว่าถ้ายังดูความนัยของเรื่องนี้ไม่ออกล่ะก็..ชาตินี้ไม่ต้องโผล่หน้ากลับไปให้เห็นอีกเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมก็เลยได้แต่นั่งมองรูปศพด้วยความรันทดอยู่


คิดๆดูแล้วคุณลุงว่ารุ่นพี่เค้าต้องการสื่อว่าให้ผมเรียกหมอผีมาเพื่อพูดคุยกับวิญญาณผู้ตายโดยตรงเลยใช่รึเปล่าครับ? ไม่อย่างนั้นจะให้ผมมานั่งดูรายละเอียดของศพทำไม นอกจากเพื่อที่ผมจะได้จำไม่ผิดตัวเวลาเผชิญหน้ากัน มันต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆเลยสินะ!!


ยังไงก็ตาม ผมเริ่มเชื่อว่าจะสามารถไขคดีนี้ได้ทันและสอบผ่านเลื่อนชั้นได้แน่นอนแล้วล่ะครับ ก็ดูเหมือนว่ารุ่นพี่เขาจะรู้อะไรเข้าแล้วนี่นา คุณลุงและผู้ชมทางบ้านช่วยเป็นกำลังใจให้ผมติดต่อกับวิญญาณได้โดยปลอดภัยด้วยนะครับ


รักนะจุ๊บจุ๊บ


หลานชายที่รูปงามที่สุดในโลก



- - - - TBC. - - - -



Langlae
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ม.ค. 2555, 20:34:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ม.ค. 2555, 20:34:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1504





<< มาตราที่ 5   มาตราที่ 7 >>
dino 18 ม.ค. 2555, 13:29:43 น.
สนุกดีนะค่ะ อ่านไปก็ขำไป


Edelweiss 19 ม.ค. 2555, 04:19:32 น.
จริงค่ะ ^ ^


Pat 19 ม.ค. 2555, 18:47:43 น.
อ่านแล้วนึกภาพเป็นการ์ตูนเลยค่ะ อิอิ^_____^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account