คือ...รัก
'ความรัก'เป็นสิ่งมนุษย์ทุกคนถวิลหา ไม่มีใครมีชีวิตอยู่โดยปราศจากรัก ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจรักก็ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนโหยหา แม้บางคราวรักจะทำให้มีน้ำตา แต่รักก็คือความสุข 'วิมาลินธ์' หญิงสาวผู้มีอดีตแห่งรักที่ไม่เคยแน่ใจในความรัก เธอไม่เคยเชื่อในอิสระของหัวใจ หากหัวใจดวงนี้จะมีรักมันก็มีแต่เพียงความรักที่บริสุทธิ์งดงามระหว่างแม่กับลูก หากทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...เมื่อเขาเดินเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้ง...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 3
บทที่ 3
ขบวนขันหมากที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาบริเวณหน้าประตูบ้าน ‘สุรวงศ์’ นั้นสร้างความตื่นเต้นให้กับ ‘เจ้าสาว’ คนสวยที่แอบมองอยู่ริมหน้าต่างชั้นบนของบ้านยิ่งนัก เสียงกลองยาวที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจรัวเร็วราวกับจะกระดอนออกมาจากอก คุณพระ...ช่วยลูกด้วยทำไมมันถึงได้ตื่นเต้นอย่างนี้ เอื้อนดาวพึมพำในใจ พลางหยิบทิชชู่มาเช็ดเหงื่อที่มือทั้งสองข้างที่เริ่มจะเปียกชื้น วันนี้เธอตื่นมาตั้งแต่ตีสี่เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับการเป็นเจ้าสาว โชคดีที่ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมของเพราะคุณยายและคุณแม่ให้เด็กในบ้านช่วยกันจัดการ เธอมีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือแต่งหน้าทำผมและทำตัวให้สวยที่สุดในวันสำคัญ...
เสียงเคาะประตูทำให้เอื้อนดาวลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู อดไม่ได้ที่จะสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“ว้าว...วันนี้น้องสาวของพี่สวยจังเลย” วิมาลินธ์ที่ขึ้นมาดูความเรียบร้อยของน้องสาวตามคำสั่งของคุณเอื้องพรบอกด้วยความชื่นชม มองน้องสาวที่หมุนตัวโชว์ความงามด้วยรอยยิ้ม วันนี้เอื้อนดาวสวยมาก เสื้อผ้าหน้าผมที่ได้รับการจัดแต่งอย่างปราณีต ชุดไทยจักรพรรดิสีครีมคลุมทับด้วยสะไบปักทองทั้งผืนที่หญิงสาวสวมใส่นั้นขับผิวขาวจัดให้ดูนวลผ่องขึ้น ทรงผมที่ได้รับการตกแต่งอย่างดีเผยให้เห็นใบหน้าเรียวอวดเครื่องหน้างดงามลงตัวบวกกับรอยยิ้มสดใสที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของเจ้าหล่อน ส่งผลให้หญิงสาวตรงหน้ากลายเป็นเจ้าสาวที่งดงามน่าทะนุถนอมที่สุด...
“ถ้าคุณสิทได้เห็นคงตะลึงจนตาค้าง...”
คุณถูกชมยิ้มกว้างจนแก้มปริแต่ก็ไม่วายถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “จริงเหรอคะพี่ลินธ์”
“จริงสิจ๊ะ...พี่จะโกหกเอื้อนทำไมล่ะ” วิมาลินธ์ย้ำอีกรอบ “วันนี้เอื้อนเป็นเจ้าสาวที่สวยและน่ารักที่สุด ใครที่ได้เห็นก็ต้องคิดแบบนี้กันทุกคน”
“วันนี้พี่ลินธ์ก็สวยเหมือนกันนั่นแหละ” เอื้อนดาวมองร่างโปร่งระหงของพี่สาวในชุดแขนกุดผ้าชีฟองแต่งลูกไม้สีขาวและนุ่งซิ่นไหมสีชมพูอ่อนอย่างชื่นชม แม้จะมีลูกสาวตัวน้อยถึงหนึ่งคนก็ไม่ได้ทำให้ความงามของวิมาลินธ์ลดน้อยลงตรงข้ามหญิงสาวกับสวยสง่าดูมีน้ำมีนวลมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“แต่ก็น้อยกว่าเอื้อนอยู่ดีนั่นแหละจ้ะ”
“เอื้อนสวยกว่าพี่ลินธ์ก็แค่วันนี้เท่านั้นแหละค๊า...” ลากเสียงล้อเลียนพี่สาว “เฮ้อ! เอื้อนตื่นเต้นจังเลยค่ะพี่ลินธ์ กลัวจะทำอะไรเป๋อเหลอให้คุณพ่อคุณแม่ขายหน้าเอา” ใบหน้าที่ตกแต่งไว้เป็นอย่างดีฉายแววกังวล
“อย่ากลัวไปเลยน่า ยิ่งเอื้อนกังวลก็จะยิ่งเครียดนะ ทำใจสบายๆ ยิ้มหวานๆ เข้าไว้ดีกว่า” ผู้เป็นพี่สาวปลอบ
“ก็ได้ค่ะ” ว่าที่เจ้าสาวรับคำพร้อมกับฉีกยิ้มหวานหยด
“มานี่ดีกว่าเดี๋ยวพี่ปักดอกไม้ให้ คุณยายสั่งให้พี่เอาดอกพุดจีบมาให้เอื้อนปักผม” วิมาลินธ์ฉุดแขนน้องสาวให้ไปนั่งอยู่ที่ตั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง พลางปักดอกพุดจีบสีขาวบริสุทธ์ลงบนผมที่เกล้าไว้เป็นมวยอย่างสวยงามของหญิงสาว “คุณยายบอกว่าพุดจีบเป็นดอกไม้ประจำวันเกิดของคนเกิดวันพฤหัส ถ้าใครปลูกแล้วออกดอกสวยแสดงว่าชีวิตจะเจริญก้าวหน้าและมีความสุข”
“แต่เอื้อนไม่ได้ปลูกนี่คะ...แล้วอย่างนี้จะมีความสุขเหรอ” คนเกิดวันพฤหัสบดีแย้ง
“ก็เพราะอย่างนี้ไงคุณยายถึงให้เอาดอกพุดจีบมาปักผม เป็นการอวยพรให้เอื้อนมีความสุขกับชีวิตคู่ทางอ้อมไงจ๊ะ” วิมาลินธ์อธิบายพลางสำรวจความเรียบร้อยเมื่อปักดอกไม้เสร็จ “สวยจัง...ไม่คิดเลยว่าดอกไม้
ไทยๆ จะติดผมแล้วสวยขนาดนี้ แปลกตาแต่ก็น่ามอง คุณยายนี่ตาถึงสมกับเป็นกูรูด้านดอกไม้จริงๆ เลย”
“สวยจริงๆ ด้วยค่ะ” เจ้าสาวคนสวยเห็นด้วยพร้อมกับหันซ้ายหันขวาสำรวจทรงผมของตนเองด้วยความพึงพอใจ
“นี่คงใกล้ถึงเวลาแล้ว...พร้อมหรือยังจ๊ะ” วิมาลินธ์มองนาฬิกาที่ข้อมือ ฤกษ์ดีของงานวันนี้อยู่เวลาเก้านาฬิกาเก้านาที
“พร้อมยิ่งกว่าพร้อมอีกค่ะ” เจ้าสาวคนสวยตอบพร้อมกับทำหน้าทะเล้นใส่พี่สาว “พร้อมมาตั้งหลายปีแล้วด้วย”
สิทธามองว่าที่เจ้าสาวที่เดินเคียงคู่ว่าที่พ่อตาเข้ามาในห้องโถงด้วยความตะลึง ร่างบางอยู่ในชุดไทยสีทองอร่ามแลดูบอบบางน่าทะนุถนอม ใบหน้านวลที่มักจะปราศจากเครื่องสำอางถูกตกแต่งไว้เป็นอย่างดี ผมยาวสลวยสีน้ำตาลไหม้ที่เขาชอบจับเล่นอยู่บ่อยๆ ถูกเกล้าไว้อย่างสวยงามแซมด้วยดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ วันนี้เจ้าสาวของเขาสวยมากจริงๆ สวยอย่างไม่มีที่ติ ชายหนุ่มมองค้างจนกระทั่งหญิงสาวนั่งลงข้างๆ ก็ยังไม่หลุดจากภวังค์นั้น จนบรรดาผู้ใหญ่ต้องสะกิดแซว
“มองเจ้าสาวตาไม่กระพริบเลยนะพ่อสิท” ประธานในพิธีซึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายนับถือเอ่ยแซวเจ้าบ่าวด้วยความเอ็นดู
คำแซวของผู้ใหญ่ทำให้สิทธาได้สติยิ้มเก้อๆ ให้ทุกคน เอื้อนดาวที่นั่งแก้มแดงอยู่ข้างๆ จึงสบโอกาสชำเลืองมองเจ้าบ่าวที่อยู่ในเสื้อผ้าไหมพระราชทานสีครีมทองและกางเกงสีขาวครีมด้วยรอยยิ้มเขินๆ วันนี้พี่สิทของเธอหล่อไม่เบาเลยแฮะ...
“เอาล่ะทีนี้ก็ได้เวลาเป็นมงคลแล้วนะ ขอให้เจ้าบ่าวสวมแหวนหมั้นให้กับเจ้าสาว ค่อยๆ สวมนะพ่อหนุ่มไม่ต้องรีบ” คำพูดติดตลกของผู้ใหญ่ทำให้สิทธาหยิบแหวนหมั้นน้ำงามที่วางอยู่ในพานสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเอื้อนดาวอย่างบรรจง ทอดตามองเจ้าสาวด้วยแววตาอบอุ่นจนคนมองใจรับไหว้มือไม้สั่น พลางหยิบแหวนที่อยู่ในพานมาสวมให้เจ้าบ่าวตอบแทน เอื้อนดาวมองแหวนเพชรน้ำงามที่อยู่บนนิ้วด้วยความรู้สึกเต็มตื้นทั้งตื่นเต้นและดีใจแต่ก็เอ่อล้นไปด้วยความสุข เมื่อสวมแหวนเสร็จทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็นำพานหมากพลูและผ้าไหว้เข้าไปกราบผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งผู้ใหญ่จะรับผ้าไหว้ไว้และมอบของขวัญรับไหว้ให้แก่คู่บ่าวสาว พร้อมทั้งกล่าวให้ศีลให้พรให้คู่บ่าวสาว...
“เห็นยัยเอื้อนแต่งงานแล้วอิจฉาชะมัดเลย” นวียาที่นั่งอยู่หันมากระซิบกับเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ “คู่นี้เหมาะสมกันดีเนาะลูกสาวอธิบดีกับลูกชายท่านทูต สมฐานะจริงๆ เล้ย...”
“อิจฉาเขานัก...ก็รีบแต่งสิจ๊ะ” วิมาลินธ์บอกเพื่อนสนิท “คู่ต่อไปอาจจะเป็นวีก็ได้นะ”
“แหม...จะให้เราแต่งกับใครล่ะลินธ์ เจ้าบ่าวยังหาไม่ได้เลย”
“อ้าว...ก็พี่เอื้อไง” วิมาลินธ์ตอบอย่างล้อๆ ทำเอาคนเป็นเพื่อนถึงกับหน้าแดงแปร้ดด้วยความเขิน
“บ้า!...ใครจะอยากแต่งงานกับคนแบบนั้นกัน” นวียาเชิดหน้า
“อ้าว...ชอบมาตั้งหลายปี ไหงถอดใจซะงั้น”
“เปล่าสักหน่อย...แค่ไม่อยากมีสามีเป็นข้าราชการจนๆ เงินเดือนรวมกันทั้งปียังไม่พอค่ากระเป๋าใบที่ถูกที่สุดของเราเลยเหอะ” คำตอบของนวียาทำเอาวิมาลินธ์หัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความขำ กับเหตุผลแปลกๆ ของเจ้าหล่อนเลยอดที่จะแหย่เล่นอีกครั้งไม่ได้
“จริงเร้อ...”
“จริงสิ...” นวียาพยักหน้ารับคำทั้งๆ ที่ความรู้สึกลึกๆ นั้นตรงกันข้าม ความจริงแล้วไม่เค้ยไม่เคยจะรังเกลียดอาชีพข้าราชการเลยสักนิดแล้วก็ไม่เคยสนใจเรื่องเงินทองด้วยถึงจะเงินเดือนน้อยแค่ไหนเธอก็ไม่เกี่ยงยอมไปกัดก้อนเกลือกินต่างข้าว แต่ที่พูดออกไปอย่างนั้นก็เพราะเขินเท่านั้นเอง...
ความปากไม่ตรงกับใจของเพื่อนสนิททำให้วิมาลินธ์ส่ายหน้าขำๆ เอื้อภูมิกับนวียามีนิสัยอย่างนี้ด้วยกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างปากแข็ง ชอบกันแท้ๆ แต่ก็ไม่เคยแสดงออกมา แล้วอย่างนี้จะได้เป็นแฟนกันเมื่อไหร่ล่ะ หญิงสาวคิดอย่างปลงๆ พลางหันไปคว้าตัวลูกสาวที่เริ่มจะอยู่นิ่งไม่เป็นมาไว้บนตัก ท่าทางฮึดฮัดไม่พอใจของแม่หนูน้อยทำให้เธอต้องก้มลงไปกระซิบกระซาบเสียงนุ่ม
“ไม่ซนนะคะคนเก่ง เดี๋ยวเสร็จงานแล้วแม่จะพาธาร่าไปกินขนมอร่อยๆ นะ”
“จริงนะคะ ธาร่าจา...กินขนมหม้อแกง”
“จริงสิคะ”
“แม่ลินธ์สัญญาแล้วนะ” นิ้วก้อยน้อยๆ ชูขึ้นเกี่ยวกับนิ้วก้อยใหญ่ๆ ของผู้เป็นแม่ไว้
พอโดนหลอกล่อด้วยขนมลูกลิงก็สิ้นฤทธิ์ยอมนั่งนิ่งๆ อยู่บนตักมารดา ฉีกยิ้มหวานไปทั่วงาน ยิ่งถูกจับให้แต่งตัวในชุดโจงกระเบนสีชมพูและเสื้อลูกไม้สีขาวด้วยแล้วยิ่งมีแต่คนสนใจในความน่ารักน่าเอ็นดูของหลานสาวเจ้าของบ้าน จนแขกหลายๆ คนพากันมาขอถ่ายรูปด้วย ขายดีพอๆ กับเจ้าบ่าวเจ้าสาวในงานเลยทีเดียว
วิมาลินธ์นั่งอยู่กับธาร่าจนได้เวลารดน้ำสังข์หญิงสาวจึงเข้าไปอวยพรให้น้องสาวและน้องเขยตามหลังเอื้อภูมิ
“ขอให้เอื้อนมีความสุขมากๆ ดูแลและประคับประคองชีวิตคู่ให้ดีนะจ๊ะ” หญิงสาวบอกน้องสาว ก่อนจะหันไปทางน้องเขย “ฝากเอื้อนด้วยนะคะ ลินธ์เชื่อว่าคุณสิทรักและจะดูแลเอื้อนได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเอื้อนดื้อนักอนุญาตให้ตีก้นสักทีสองทีได้ค่ะ”
อวยพรเสร็จแล้วก็ถอยออกมามองภาพความรักความชื่นมื่นที่ลอยฟุ้งอยู่ในงานด้วยความสุข เอื้อนดาวกำลังก้าวไปสู่อีกขั้นของชีวิตรัก หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่มีใครคาดเดาได้ แต่ที่แน่ๆ น้องสาวเธอได้พบกับสิ่งที่เรียกว่า ‘รักแท้’ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธออยากสัมผัสมาตลอดแต่มันไม่เคยแม้แต่จะเฉียดกรายเข้ามาในชีวิต...
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการในช่วงเช้าก็เข้าสู่พิธีฉลองมงคลสมรสในช่วงเย็นซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมเก่าแก่ใจกลางกรุงฯ คู่บ่าวสาวที่ยืนต้อนรับแขกเหรื่ออยู่ที่ซุ้มดอกไม้แสนสวยหน้างานแต่งงานนั้นเรียกรอยยิ้มชื่นชมจากผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดีในความเหมาะสมราวกิ่งทองใบหยกของคนทั้งคู่ และคำพูดแสดงความยินดีจากแขกที่มาร่วมงานก็สร้างความปลาบปลื้มให้แก่บุพการีของทั้งสองฝ่ายไม่แพ้กัน ความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่คงไม่มีอะไรไปมากกว่าการที่ได้เห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา...
สิทธาหันมาส่งยิ้มหวานให้ภรรยาที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวสะอาดตา ซึ่งเขาเคยแอบแซวเล่นๆ ตอนไปลองว่าเหมือนขนมถ้วยฟูเดินได้ แต่พอเอาเข้าจริงแล้วหาได้เป็นอย่างนั้นไม่ ตรงข้ามกันมันกลับทำให้เจ้าสาวของเขางดงามราวกลับเจ้าหญิง คงเป็นความโชคดีของเขาที่ได้พบกับเจ้าสาวแสนสวยและแสนดีคนนี้ เวลากว่าห้าปีที่ได้เรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกันทำให้เขามั่นใจว่า ‘ภรรยาและแม่ของลูก’ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหญิงสาวคนที่ยืนอยู่ข้างกายในเวลานี้
“พี่สิทธิมองตาหวานอย่างนี้เอื้อนก็อายเป็นเหมือนกันนะ” เอื้อนดาวหันไปต่อว่าสามีหมาดๆ ด้วยความเขินอายที่อีกฝ่ายเอาแต่จ้องเธอตาไม่กระพริบ แถมยังขยันส่งสายตาวาบหวามมาให้อีกเป็นระยะ
“เอื้อนสวย” สิทธาตอบสั้นๆ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบชิดใบหูบอบบาง “พี่อยากเข้าหอกับเอื้อนเร็วๆ จัง”
เสียงกระซิบแหบพร่าและไอร้อนๆ จากลมหายใจของอีกฝ่ายส่งผลให้ใบหน้าของคนฟังแดงเถือก “อย่าแกล้งกันนะพี่สิทธิ คนเยอะแยะหัดอายบ้างสิ”
“พี่ไม่ได้แกล้งซักหน่อย ยังไม่รู้อีกเหรอว่าพี่เอาจริง รอมาตั้งหลายปีกว่าจะมีวันนี้ รับรองว่าคืนนี้พี่ไม่ปล่อยให้เอื้อนได้นอนหลับสบายๆ แน่”
“คนลามก คิดเป็นอยู่แต่เรื่องเดียว” มือเล็กหยิกหมับเข้าที่สีข้างของสามีอย่างไม่ออมแรง จนผู้ถูกกระทำรีบคว้ามือเล็กๆ นั้นไว้ก่อนที่มันจะประทุษร้ายจนเนื้อช้ำ
“เมียจ๋า...อย่ารุนแรงนักสิ พี่เจ็บนะ”
“คนขี้แกล้งแบบพี่สิทธิต้องโดนแบบนี้แหละจะได้จำซะบ้าง”
“โอ๋ๆ ไม่งอนนะครับทูลหัว ยิ้มหน่อยสิจ๊ะดูซิแขกมองใหญ่แล้วว่าเอื้อนงอนอะไรพี่” เจ้าบ่าวง้อด้วยรอยยิ้มที่ทำให้คนมองใจอ่อนยวบเหมือนผักโดนน้ำร้อนลวก...
“เชอะ! ไม่เห็นจะสนเลย”
“สนหน่อยสิครับที่รัก...” พูดพร้อมกับคว้ามือเรียวขึ้นไปจูบเบาๆ โชว์แขกในงาน จนคนโดยขโมยจูบต้องก้มหน้างุดด้วยความอาย
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ พอดีติดสอบ และวุ่นๆ กับการทำเรื่องจบ
จากนี้นี้คงมีเวลาปั่นนิยายมากขึ้นเพราะกำลังว่างงาน
กินฝุ่นแทนข้าว หัวสมองปลอดโปร่งดีนะเออ...
อ่านกันให้สนุกนะคะ อิอิ
พุดจีบ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ม.ค. 2555, 23:26:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ม.ค. 2555, 23:31:06 น.
จำนวนการเข้าชม : 1452
<< บทที่ 3 | บทที่ 4 >> |
Auuuu 18 ม.ค. 2555, 00:41:53 น.
น่ารัก ^^
น่ารัก ^^
anOO 18 ม.ค. 2555, 13:44:41 น.
ลุ้นๆ ลินธ์จะได้เจอใครในงานแต่งไหมหนอ
ลุ้นๆ ลินธ์จะได้เจอใครในงานแต่งไหมหนอ