ม่านพรหม
เมขลา น้องสาวคนเล็กของผู้การจิรวัติ เธอผู้มีซิกเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ สามารถยั่งรู้อนาคตของคนอื่นได้บ้าง..เมขลา ต้องพบกับภัยคุกคามจาก กฤษณะ อดีตคนรักของลูกค้า เพราะเธอไปดูว่า กฤษณะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอคนนั้น...จากเรื่องสนุก ๆ ที่ได้รู้อนาคตคนอื่น เมขลา เริ่มเครียด และเขาก็ค่อย ๆ ทำให้เธอรู้ว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้นั้น ไม่ได้เกิดจาก รู้ดวงชะตา..
Tags: นายรถไฟ กับยายซิกเซ้นส์
ตอน: 6.“ทำไมคุณไม่ตัดสินใจเลือกใครสักคนด้วยความรู้สึกของตัวคุณเอง "
ม่านพรหม
6.
ความโกลาหลเกิดขึ้น..ในทันที..
“นี่นายจะทำอะไรน่ะ” วิจิตรศราเสียงแหวเข้าใส่..กฤษณะมองหน้าเมขลาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อจนกระทั่งเมขลาต้องถอยออกห่างจากเขา สามสาวสวมเสื้อคนละสีนั้นขยับไปเกาะกันสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก อุสาตัวสั่น สายตาก็มองหามีดหรือไม้อะไรที่พอจะช่วยเจ้านายตัวเองได้..
“พวกคุณทำอะไรกัน ผมอยากรู้ว่า เป็นบ้าอะไรกัน” เสียงเขาเขาแทบจะเรียกว่าตะคอก
“แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย”
“ผมมีเหตุผลที่จะยุ่งแล้วกัน..บ้าบอคอแตก” เสียงของเขาดังยิ่งขึ้น..
“นายนั่นแหละบ้าบอคอแตก”
“วิ” เมขลาร้องปรามเพราะเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำของเขา เธอก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา.. ที่เขาไม่พอใจจนออกนอกหน้าอย่างนี้ มันต้องมีเหตุผลเพียงพอแน่ ๆ แต่เธอไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร..
“ถามจริง ๆ เถอะ..ถามจริง ๆ” เขาหันไปหาหญิงสาวเสื้อสีแดง สีเขียว แต่ว่าดวงตาของเขานั้นจิกไปหาคนใส่เสื้อสีชมพู.. “ทำไมคุณไม่ตัดสินใจเลือกใครสักคนด้วยความรู้สึกของตัวคุณเอง ถ้าเค้าบอกว่า ว่าคนที่เป็นเนื้อคู่ของคุณเป็นใคร คุณก็เลือกผู้ชายคนนั้นอย่างนั้นเหรอ..แล้วความรู้สึกของตัวคุณเองล่ะ คุณไม่รู้หรือไงว่าใครดีกว่าใคร และคุณอยากอยู่กับใครไปตลอดชีวิต”..
“ฉันก็แค่อยากได้ความมั่นใจ”
“เขาบอกให้คุณไปตาย คุณจะไปไหม ถ้าเขาบอกว่าทั้งสองคนมันไม่ใช่เนื้อคู่คุณทั้งคู่ คุณจะเชื่อไหมล่ะ ถามจริง ๆ คุณจะเชื่อไหม หรือคุณพร้อมจะแคนเซิ้ลผู้ชายสองคนนั่นออกไปจากชีวิตคุณทันที.. ไหน ๆ ก็ถามแล้วนะ ผมอยากจะรู้ว่า ก่อนหน้านั้นน่ะ คุณทำอย่างไรถึงทำให้ผู้ชายสองคนไม่มาเจอกัน ไม่รู้ว่าคุณมีเขาทั้งสองคนพร้อมกัน....”
“นี่..” วิจิตรศราจับแขนของเขาเพราะรู้สึกว่าอารมณ์ของเขานั้นเพริดไปแล้ว..สามสาวนั่นเกาะกันสั่นงันงก..และพอเห็นว่ากฤษณะหันไปหาวิจิตรศรากับเมขลาที่ยืนนิ่ง..สามสาวก็รีบสะกิดกันออกจากร้าน..
“จะรีบไปไหนล่ะ อยู่ฟังผม ด่าให้จบก่อนไหม..ผู้หญิงอย่างพวกคุณน่ะ..ใช้สมองใช้ความรู้สึกตัดสินใจเองไม่ได้ แบบนี้เขาเรียกว่าสวยแต่รูป..ใครได้ไปเป็นแม่ของลูกมีแต่จะซวย..”
“ไอ้บ้า ไอ้ปากหมา”..คนใส่เสื้อสีเขียวตะโกนด่ากลับมา..แต่ว่าเพื่อนเห็นว่า เรื่องจะบานปลายใหญ่โตจึงรีบรั้งไปขึ้นรถเสียก่อน..คนที่อยู่ภายนอกร้านเริ่มเดินมามุงดูด้วยความอยากรู้...
“นายหยุดบ้าได้หรือยัง..แล้วก็ออกไปจากร้านนี้เลย”
“ไม่ออกไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ฉันจะแจ้งความ”
“โทรเลย แจ้งเลย..”
“นายทำอย่างนี้นายต้องการอะไร” เมขลาเชิดหน้าต่อปากต่อคำกับเขา..
“ผมต้องการให้คุณเลิกดูหมอดูไปตลอดชีวิต”
“ทำไม”
“วิชาของคุณมันมั่ว..มั่ว รู้ไหมว่ามันมั่ว เดามั่ว ๆ ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน”
“ใครเดือนร้อน..ไม่เห็นมีใครเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้สักคน”
“ผมนี่ไง ผมเดือดร้อน”
“นายเดือดร้อน..ตอนไหน”
“ตอนนี้ไง..คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงต้องเป็นโสด..”
“จะไปรู้นายเหรอ”..
“ก็เพราะไอ้คำทำนายมั่ว ๆ ของคุณไง..ผมนี่แหละ แฟนเก่าของอีน้องหมวย”
“หมวยไหน”
“ก็อีคนที่ทิ้งผู้ชายไทยจน ๆ ไปกับฝรั่งที่มาจากอิตาลี..ตามคำทำนายของคุณ รู้จักไหม”
วิจิตรศราตาเหลือกด้วยความตกใจเพราะตอนลงบันไดมาเธอได้ยินสามสาวที่วิ่งหนีไปคุยกันถึงเรื่องนี้..เป็นเพราะอย่างนี้ เขาถึงได้สติแตก เมขลาเป่าลมหายใจออกจากปาก..สั่นหัวเบา ๆ..
“วันนี้ ถ้าผมไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้..หนึ่งในสองของไอ้ผู้ชายหน้าโง่ของนังคนนั้นมันต้องมีสักคนตกที่นั่งเดียวกับผมเพราะคำทำนายของคุณ..เขาผิดอะไร ผมผิดอะไร ผมอยากรู้ว่าผมผิดอะไร”
เมขลายกมือขึ้นมากอดอกด้วยรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมา..ใช่ที่ผ่านมาเธอไม่เคยนึกเลยว่า การทำนายทายทักของเธอนั้นจะมีอีกคนที่เสียผลประโยชน์..ไม่เคยเลย..และเขาก็เป็นคนแรกที่อุทธรณ์ผลเสียจากการดูดวงแบบใช้การสัมผัสของเธอ...
เมื่อเจอคำถามของเขา เมขลาหายใจเข้าออกอย่างติด ๆ ขัด ๆ ร้านที่กว้างขวางดูคับแคบลงจนกระทั่งเมขลารู้สึกว่าใบหน้าของเขานั้นอยู่ห่างจากใบหน้าของเธอเพียงคืบ ดวงตาขี้เล่นของเขา บัดนี้เหมือนดวงตาของยักษาที่กำลังโมโหโกรธา ปากที่แสยะยิ้มบาง ๆ นั้นบัดนี้ฟันกรามของเขานั้นกดกันอย่างข่มอารมณ์..
“นายไม่ผิดหรอก..” วิจิตรศราทำลายความเงียบในอึดใจนั้น..
“แล้วใครผิด..”
“ไม่มีใครผิด”
“มี..คนผิดคือคนที่ทำนายทายทัก เพราะฉะนั้น ผมขอ ต่อไปอย่าให้ใช้ไอ้ศาสตร์อะไรนี่ บอกอนาคตกับใครเขาอีกเลย..ผมขอได้ไหม”
เมขลาสูดลมหายใจเข้าปอด เรื่องที่เธอทำนายทายทักมันไม่ได้มีแต่โทษ ประโยชน์ของมันก็มี บางคนทนทำงานต่อไปได้..เพราะรู้ว่างานเก่ามันจะพาอนาคตที่สดใสมาให้..บางคนหลบเลี่ยงเคราะห์กรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เพราะระมัดระวังตัว หนักก็กลายเป็นเบา..และบางคนที่ไม่เชื่อคำทำนายของเธอ เชื่อมั่นว่าความรู้สึกตัวเอง ..สุดท้ายคนที่ไม่ใช่เนื้อคู่กัน ก็ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ..
“ผมขอได้ไหม อย่าดูหมอดูมั่วๆ แบบนี้อีก” กฤษณะถามย้ำอีกครั้ง..เมขลาสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความมั่นใจ..ก่อนจะตอบแบบอวดดื้อถือดีว่า..
“ไม่..”
ดวงตาของกฤษณะแข็งกร้าวขึ้นมา..
“ข้อดีของมันก็มี..”
“อะไรบ้างล่ะ..มันมีข้อดีตรงไหน..”
“ก็...ลดการเสียเวลาไง..”
“เหรอ..งั้นคุณช่วยดูให้ผมหน่อยสิ..ว่าเนื้อคู่ของผมเป็นใคร..ผมจะได้รีบไปหาเขาเสียเดียวนี้เลย” ว่าแล้วกฤษณะก็หงายสมือทั้งสองข้างของตัวเองแล้วยื่นไปหาเมขลา..หญิงสาวปรายตามองมือหนาของเขาก่อนจะเชิดหน้าขึ้นประหนึ่งว่ามือนั้นเป็นสิ่งปฏิกูล..กฤษณะจึงต้องขยับตัวเพื่อให้มือทั้งสองข้างไปใกล้เมขลาอีกนิด แต่เมขลาก็ถอยหนี ทีนี้เองเขาจึงเป็นฝ่ายฉวยมือทั้งสองข้างของเมขลามากุมไว้เสียเอง..
“ปล่อยนะ”
“ไม่..คุณต้องดูว่า เนื้อคู่ของผมเป็นใคร”
“ไม่ดู..”
“นี่นายปล่อยมือเพื่อนฉันนะ” วิจิตรศราเต้นอยู่ข้าง ๆ แต่ว่ามือของกฤษณะก็แข็งเกินกว่าที่เมขลาจะดิ้นหลุด..อุสานั้นก็อยากจะเข้ามาช่วยแต่ว่าก็กล้า ๆ กลัว ๆ ..วิจิตรศราเห็นว่ากฤษณะชักจะบ้าไปใหญ่แล้ว หญิงสาวจึงบันดาลโทสะทุบตีเขาเป็นพัลวัน.แต่ว่ากำลังจะกำปั้นขอเธอนั้นก็หาทำให้ผิวของเขาระคายเคือง..
“คุณต้องดูให้ผม..”
“ไม่..ไม่ดู..”
“ถ้าไม่ดูให้ผม ก็ต้องเลิกดูให้คนอื่นด้วย”
“ไม่..ทำไมฉันต้องเชื่อนายด้วย”
“ก็ผมไม่อยากเสียเวลา..ผมอยากรู้ว่าเนื้อคู่ผมอยู่ตรงไหน..ผมอยากเจอคนของผมบ้าง เร็ว ๆ “
“ไม่..ปล่อยมือฉันนะ..ฉันบอกให้ปล่อย..”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย” วิจิตรศราเสียงดัง คนที่ออกันอยู่ที่หน้าร้านส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงกับเด็ก ๆ จึงไม่มีใครเข้ามาช่วย เพราะส่วนหนึ่ง กฤษณะเองก็ไม่ได้ทำร้ายใคร เพียงแต่เขาต้องการให้ หมอเมขลาดูดวงให้เท่านั้น..ดังนั้นเสียงของวิจิตรศราจึงไม่มีผลอะไร จนกระทั่งที่หน้าร้านปรากฏเงาของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเมขลาเหลือบตาไปเห็นพอดี..
“พี่กล้วย ช่วยด้วย..”...
เดชาพงษ์พี่ชายคนรองของเมขลาเดินอาด ๆ เข้ามาในร้าน เขาเป็นคนตัวใหญ่ สูงถึงร้อยแปดสิบห้า
เซ็นติเมตร ช่วงไหล่ของเขากว้าง หน้าตาของเขาคมคาย ผมทรงรากไทรยาวระต้นคอ ใบหน้าของเขายามที่
ไม่ยิ้มนั้นดุดันอยู่ไม่น้อย และเสียงเรียกชื่อเขาของเมขลา ทำให้กฤษณะต้องปล่อยมือนุ่มนิ่มนั้นทันที..ด้วยถ้าผู้ชายคนนี้เป็นคนรักของเมขลา เขาเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายผิด
“มีอะไรกัน” เสียงของเขาดังลั่นร้าน..
“ไอ้..” วิจิตรศราตั้งท่าจะฟ้องดีแต่ว่ากฤษณะโพล่งขึ้นมาว่า..
“ไม่มีอะไร..” ว่าแล้วกฤษณะที่รู้ว่าตัวเองผิดและเสียเปรียบ..ก็เดินเฉียดเขาออกไปจากร้านอย่างง่ายๆ
..วิจิตรศรากับเมขลามองหน้ากันด้วยความงุนงง..
“มีอะไรกัน” เดชาพงษ์ยังไม่เลิกสงสัยทั้งที่จริง ๆ เขาก็พอเดาออกว่า เรื่องทั้งหมดเกิดจากอะไร?
และเมื่ออยู่กันตามลำพังในร้านอาหารตามสั่งที่อยู่เลยจากร้านของวิจิตรศราไปเพียงห้าคูหา เมขลาก็จำต้องเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้พี่ชายได้รับรู้...
“เค้าก็พูดถูกนี่”
“พี่กล้วยอ่ะ ไม่เข้าข้างกันเลยนะ” เมขลาที่ใจเย็นลงแล้วเริ่มออดอ้อนพี่ชายตามที่เคยคุ้น
“เรื่องดูเนื้อคงเนื้อคู่อะไรนี่..พี่ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้ว คนเรานะหนูนา..ถ้ามันจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่านะ มันไม่ใช่แค่มีใครมาบอกว่าใช่เนื้อคู่ไม่ใช่เนื้อคู่..”
“ก็แล้วทำไม คนที่ไม่ใช่เนื้อคู่เขาถึงต้องมีอันเป็นไปล่ะ”
“ใครบ้างล่ะ”
“ก็..” เมขลานึกถึงเคสของมัทนาแฟนสาวของนายกฤษณะ แต่ว่า เจ้าหล่อนไปจากแฟนเก่าก็เพราะคำทำนายของเธอจริง ๆ แต่ว่าตอนนั้นเธอไม่รู้ว่า เจ้าหล่อนมีนายกฤษณะ เธอเห็นเพียงแต่ว่า เนื้อคู่ คู่แท้ของเขาเป็นคนต่างชาติ..เธอไม่รู้หรอกว่า ก่อนหน้านั้นแต่ละคนมีเรื่องราวเป็นมาอย่างไร..ฉุกคิดถึงตรงนี้ เมขลาก็รู้สึกผิดขึ้นมา..นายกฤษณะพูดถูก หากว่าเธอไม่ดูดวงให้แฟนของเขา มัทนาก็คงยังไม่ไปง่าย ๆ แบบนี้..แต่อีกนั่นแหละ ก็เขาเป็นเนื้อคู่กัน อีตาฝรั่งนั่นถึงได้ดั้นด้นมาเมืองไทย หญิงไทยมีไม่รู้กี่สิบล้านคนแล้วทำไม ฝรั่งนั่นต้องมาเจาะจงเจอยายหมวยนั่นด้วยเล่า ก็เขาเนื้อคู่กัน เพียงแต่เธอนั้นเป็นสื่อกลาง
เป็นคนมองเห็น......การมองเห็นของเธอ การเป็นสื่อกลางของเธอ ทำให้ลดการเสียเวลาลง...
สีหน้าของเมขลาเต็มไปด้วยความสับสนซึ่งไม่พ้นสายตาของพี่ชายที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามไปได้
“เป็นอะไร..”
“ปวดหัวนิดหน่อย”
“ก็ทำอย่างที่นายนั่นแนะนำ เลิกดูดวงถาวร”
“ก็เท่ากับกลัวนายนั่น”
“หาเหตุของมันให้เจอ”
“ก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากการที่หนูนาไปดูดวง..แต่ว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายสร้างความเสียหายให้ใคร”
“แล้วที่เขามาร้องทุกข์นั่นล่ะ เขาเดือดร้อนใช่ไหม.. ตั้งสติให้ดี ๆ นะหนูนา..เซ้นส์ที่หนูนาได้มา มันไม่ใช่ของจีรังยั่งยืนหรอก..มันไม่ใช่ของแท้ ไม่ใช่ศาสตร์ที่จะทำให้คนพ้นทุกข์ได้อย่างถาวรเหมือนธรรมของพระพุทธเจ้า..เราไปเล่นกับมัน เราก็ต้องเจอแบบนี้แหละ..”
“แล้วมันมาจากไหน..มาได้อย่างไร..”
“น่าจะเป็นของจากชาติที่แล้ว..”
พอพี่ชายตั้งท่าจะอรรถาธิบายเมขลาก็นั่งตัวตรงยกมือกอดอกสีหน้านั้นพร้อมฟัง
“เท่าที่พี่ได้อ่านหนังสือของครูบาอาจารย์มา..บางท่านก็ว่า มันเกิดจากการ อภิญญา 5 ผสมกับการอธิษฐานจิตในชาติปางก่อน..”
เมขลาขมวดคิ้ว ด้วยหญิงสาวก็สงสัยว่า ทำไมตัวเองถึงได้รู้มีญาณหยั่งรู้บางสิ่งบางอย่างในอนาคตของคนอื่นได้..แต่ว่าก็ไม่ได้คิดจะรู้อย่างลึกซึ้งจริงจัง..ที่คิด ๆ ไว้ ก็คือ อยากรักษา สิ่งนี้ไว้และอยากให้มันกล้าแข็งขึ้น ซึ่งเธอก็ใช้วิธีสำรวมกาย ไม่ไปในที่อโคจร รักษาศีล และฝึกสมาธิแบบกำหนดภาวนาพุท-โธ ตามแบบที่ได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งพอใจนิ่ง เธอมองเห็นอนาคตของคนอื่นจากการสัมผัสมือได้ชัดเจนขึ้น แต่ถ้ารู้เห็นมากเกินไป นานเกินไป เธอจะรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย เหมือนกับว่าพลังหรือแบตเตอรี่ที่ชาร์ตไว้หมด แต่ถ้าปล่อยใจตัวเองให้ลุ่มหลงไปกับแสงสีเสียงความสนุกสนานแบบคนรุ่นเดียวกัน บางครั้งเธอก็มองไม่เห็นอะไรเลย แต่จะปฏิเสธเพื่อน ๆ ที่เร่มาแบมือให้ช่วยทำนายทายทัก เมขลาก็ทำไม่ได้ ดังนั้นเมขลาจึงต้องพลอยประพฤติตัวให้อยู่ในศีลในธรรมโดยอัตโนมัติ..สำรวมกาย วาจา และใจ จนตอนหลังๆ เมขลารู้สึกว่าตัวเองไม่อยากพูด อยากอยู่เงียบ ๆ ไม่อยากจะคุยโม้โอ้อวดและรู้สึกว่าการที่วิจิตรศราเอาเรื่องของเธอไปโอ้อวดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรดีใจได้ปลื้ม..เพราะเมื่อเธอได้ชื่อเสียงมา สิ่งที่เธอเสียไปคือความเป็นคนธรรมดาของเธอ...
“อภิญญา 5”
“อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึง ปัญญา ความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน อันได้แก่ มีฤทธิ์เดชสามารถหายตัว เหาะเหินเดินอากาศได้ มีตาทิพย์ มีหูทิพย์ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ ระลึกชาติได้..อย่างของน้อง น่าจะเกิดจากการฝึกกรรมฐานจนได้ตาทิพย์จึงสามารถมองเห็นอนาคตได้ หรือมันอาจจะเกิดจากการอธิษฐานจิตไว้เมื่อบำเพ็ญภาวนาในชาติปางก่อน ว่าขอให้ได้รู้อนาคต แล้วมันก็สะสมติดตัวข้ามภพข้ามชาติมา”
“แต่หนูนาไม่สามารถมองเห็นอนาคตตัวเอง”
“ก็อาจจะขอเห็นอนาคตคนอื่นมาละมั้ง คนเราเกิดมาแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วนนะหนูนา..เราไม่รู้หรอกว่า เราอธิษฐานอะไรกันไว้บ้าง ผูกจิตไว้อะไรบ้าง ไว้กับใครบ้าง..เนื้อคู่เราอาจจะไม่ได้มีคนเดียวก็ได้ เพียงแต่ตอนนั้นมันถึงจังหวะของคนนี้เท่านั้นเอง”
“ตกลงพี่กล้วยเชื่อเรื่องเนื้อคู่..”
“ใช่ พี่เชื่อ..พระพุทธเจ้าพูดถึง บุพเพสันนิวาส คือการทำบุญร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน..มาชาตินี้
ถึงได้มาเจอกัน แต่ว่าพี่ก็ไม่ได้อยากรู้หรอกว่าเนื้อคู่ของพี่ในชาตินี้คือใคร พี่รู้แค่ว่า ถ้ามันจะมามันก็มาเอง
หรือถ้ามันไม่มา ไม่มี ก็แสดงว่าชาติก่อน ๆ พี่อาจจะบำเพ็ญเน็กขัมมะบารมีไว้พอสมควร”
“มันคือ”
“อาจจะเคยออกบวช แล้วก็ไม่ได้ครองคู่ครองเรือนกับใครมาเนิ่นนาน หลายภพหลายชาติ..”
จังหวะที่พี่ชายกำลังคุยพลางใช้ปลายนิ้วชี้ที่จับแต่พู่กันเคาะโต๊ะอาหารเบา ๆ ไปด้วยนั้นเมขลาก็ฉวย โอกาสนั้นเอื้อมมือซ้ายของตนไปวางทาบไว้ที่หลังมือ เดชาพงษ์ไม่ได้ชักมือหนี..เมขลาจึงหลับตาพริ้ม
เพียงอึดใจเมขลาก็ลืมตาขึ้น..ยิ้มบาง ๆ
“พี่ไม่อยากรู้คำทำนาย”
เมขลายิ้มอย่างเป็นต่อก่อนจะพูดว่า “ไม่มีใครไม่อยากรู้อนาคตของตัวเองหรอกค่ะ”
“ถูก..งั้นพี่เปลี่ยนเป็น พี่ไม่อยากใส่ใจกับมัน..คนไทยเกือบทุกคนเคยผ่านการดูหมอ นั่งอยู่ในวงหมอดู เคยเดินผ่านหมอดู ห้าในสิบอยากรู้แล้วก็เข้าไปดู แต่อีกห้าในสิบก็คิดว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ชีวิตเราเราลิขิตมันเอง พี่ก็คงเป็นแบบหลัง ”
“เมื่อปีแล้ว หนูนาดูให้พี่ต้นกล้า..สุดท้ายมันก็เป็นไปตามนั้น ส่วนของพี่..เอาแบบอ้อม ๆ นะคะ..หนูนาถามคำเดียวว่า ทำไมพี่ถึงต้องกลับไปทำงานที่นครสวรรค์ ทั้งที่ก็มีโอกาสที่จะเจริญก้าวหน้าในอาชีพมากกว่าหากพี่อยู่ที่อื่น"
“พี่อยากอยู่ใกล้ ๆ พ่อกับแม่”
“แต่พี่ก็ไม่ได้อยู่บ้าน”
“พี่รักนครสวรรค์ อยู่แล้วไม่อยากไปไหน เหมือนสาวเมืองนนท์”
เมขลายิ้มชื่นเมื่อพี่ชายปล่อยมุกตลก..เป็นตลกหน้าตายที่คนต้องมีภูมิถึงจะยิ้มขำขึ้นมาได้..
“เค้าเป็นคนนครสวรรค์ เกิดที่นครสวรรค์ เป็นคนไทยเชื้อสายจีน” เมขลาเริ่มเผยคำทำนายที่มันวาบขึ้นมา..
“ไม่ต้อง”
“เขากำลังจะกลับมาจากต่างประเทศ”
ตอนนั้นขนแขนของเดชาพงษ์ลุกเกลียวขึ้นมาอย่างยากระงับ แต่เขาก็ทำได้เพียงยกแขนที่พันแขนเสื้อเหนือศอกไปกอดอก..
“ที่พี่กลับไปอยู่บ้านก็เพราะพี่ต้องกลับไปรอเขา..บอกแค่นี้แหละ เพราะบอกไปพี่ก็ไม่เชื่อ..”
เดชาพงษ์ถอนหายใจเบา ๆ..
“ครั้งที่แล้ว พี่ต้นกล้า ท้าว่าถ้าเป็นจริงจะให้โทรศัพท์หนูนาหนึ่งเครื่อง ใช้จนจะพังแล้ว แต่ว่าครั้งนี้ขอเป็นแลบท็อปได้ป่ะ สองหมื่น”
“เอาเงินไปเลยไหม” เดชาพงษ์นั้นเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว เสื้อผ้านั้นแทบไม่ได้ซื้อหามาเปลี่ยน เคยใส่เสื้อยืดที่ได้มาฟรี ก็ใส่จนเปื่อยจนขาด มีเสื้อเชิ้ตก็แค่เพียงซักให้สะอาด กางเกงยีนส์หรือก็มีนับตัวได้ พี่ชายกับน้องสาวเห็นดังนั้น จึงต้องเป็นฝ่ายหามาหา จิรวัติพี่ชายคนโต นายทหารเรือนั้น สังคมจัดเสื้อผ้าทันสมัย
พอเบื่อจึงโละมาครั้งละเป็นกระเป๋า ส่วนเมขลานั้น แม้เงินทองจะยังไม่คล่องมือ แต่ว่าหญิงสาวก็เอาเงินที่พี่ชายแบ่งปันให้มาใช้ในตอนเรียนหนังสือนั้น ดูแลซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายไปให้อยู่เสมอ..
และถ้ารู้ว่าพี่ชายขายรูปได้ เมขลาก็รีบชวนไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อบังคับให้พี่ชายจับจ่ายเสื้อผ้าไปใส่ไม่ให้ดูมีสง่าราศี..ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้เดชาพงษ์ก็ไม่ขัดข้อง เงินทองที่มีอยู่ในบัญชีนั้น เขาบอกให้เมขลารู้รหัสเอทีเอ็มด้วยซ้ำ เพราะเขาคิดว่า หากเป็นอะไรไปกะทันหัน จะได้สามารถเอาเงินออกมาจัดงานศพให้เขาได้ในทันที..
“เครื่องเก่ามันยังใช้การได้ดี แล้วเรื่องนี้มันก็อีกนาน..แต่มันก็ไม่นานเกินรอ”
เดชาพงษ์ยอมรับกับตัวเองว่า การถูกทำนายทายทักจากคนที่ ‘รู้อนาคต’ อย่างผ่านการพิสูจน์มาแล้วหลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ หน ทำให้จิตใจที่เคยนิ่ง ๆ มีแต่งานและเพื่อน ๆ ไม่เป็นปกติ แต่เขาก็ไม่อยากซักถามอะไรให้น้องสาวต้องหัวเราะเยาะเอาได้..
และเขาก็เพิ่งเข้าใจว่า การ “รู้” อนาคตเพียงเล็กน้อยมันทำให้ฐานของใจเคลื่อนจากที่เคยเป็นอยู่..และคนวัยเขา คนที่งานพร้อมแล้ว เงินในกระเป๋าพร้อมแล้ว เรื่องอะไรจะสำคัญไปกว่าเรื่องของการมีครอบครัวสร้างอนาคตร่วมกันให้มั่นคง..แต่ถ้ามันยังไม่เจอคนที่อยากอยู่ด้วยทุกวัน หรือทำหัวใจของเขาหวั่นไหวได้อย่างรุนแรง เขาก็พอใจที่อยู่เป็นโสดไปแบบนี้..มันอาจจะเหงา ๆ บ้าง แต่เมื่อใจทุ่มเทไปกับงานจิตรกรรมไทยที่ต้องสืบสานให้ถึงชั้นลูกชั้นหลาน ตัวเขามีความสุขกับชีวิตไม่น้อย..แต่ถ้าชีวิตในภายหน้าจะเป็นไปอย่างที่หนูนาทำนายไว้ เขาเองก็อยากจะรู้ว่า คนอย่างเขา จะหนี ลิขิตจากพระพรหมได้หรือไม่..
“แล้วเมื่อกี้ ทำไมไม่ยอมทำนายให้นายคนนั้น”
พอพี่ชายซักถามกลับมาแบบนี้ใบหน้าที่คลี่บานปานดอกบัวรับแสงพระอาทิตย์ยามเช้าก็เฉาลงในทันที..
“ก็..โอ้ย อย่าไปพูดถึงมันเลย..” หัวคิ้วที่หนาของเมขลาขมวดเข้าหากัน ตอนที่นายกฤษณะจับมือของเธอ ความรู้สึกแรกนั่นก็คือเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ แล่นปราดเข้าสู่ร่างกาย..มันอุ่น ๆ..มันหวิว ๆ วาบ ๆ ในหัวใจ เธอไม่เคยสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวใครแล้วเป็นแบบนี้..
“มองไม่เห็นอะไรเลย”
“อาจจะใช้เวลาไม่นาน”
“แล้วเมื่อกี้หนูนาจับพี่นานไหม”
เดชาพงษ์ส่ายหัว..
“พี่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม”
“พี่เป็นชาวพุทธ พี่เชื่อเรื่องกรรม เชื่อเรื่องการกระทำ กรรมในอดีตของเรา ชักนำให้เรามาเป็นแบบนี้ แต่ว่า การได้รู้ได้ยินได้ฟังพระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้คนเราขีดสิ้นชีวิตของเราได้..พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้เราบูชาสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ให้เชื่อว่าการกระทำของเราจะมีผลต่ออนาคตของเรา พรหมลิขิต อาจจะหมายถึงพระพรหมข้างบนบันดาลให้เราต้องเป็นไป ..แต่ทางธรรมเรียกว่า บุพเพสันนิวาส คือ เคยเป็นผัวเป็นเมียกันมา เคยทำบุญทำกรรมร่วมกันมา ถึงได้มาเจอกัน..แต่คนเราจะ
อยู่ด้วยกันนั้น ไม่ใช่แค่กรรมในอดีตหรอก อาจจะเกิดจากการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาตินี้ด้วย..คนบางคนชาติที่แล้วอาจจะทำให้เราพอใจได้ แต่ว่า ชาติที่เราพลัดพรากกันไป มันก็อาจจะทำให้อุปนิสัยในชาตินี้ของ
เขาเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน..”
“ยาวไป หนูงง”
“พี่ก็งง ๆ..” พอดีกับอาหารที่สั่งไว้ถูกเด็กในร้านลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ..
เดชาพงษ์ตักไข่เจียวให้น้องสาว..
“ใครได้พี่พงษ์ไป..ชีวิตจะมีแต่ความสุข”
“คงมีคนกลัวจะสำลักความสุขละมั้งพี่ถึงไม่มีใครเข้ามาในชีวิตเลย”
“เลือกมากละซิ”
“ก็รู้สึกเฉย ๆ”
“ก็คนไม่ใช่เนื้อคู่กัน..เห็นกันก็มองผ่านไป..”
“คิดได้เอง”
“ก็ตั้งแต่ดูหมอมา ใจมันก็ครุ่นคิดไปทางนี้เยอะค่ะ..อย่างพี่ต้นกล้า..กับพี่แพรว..อยู่กันละทิศละทางถึงเวลาก็ยังต้องเจอกัน คนเก่า ๆ ของพี่ต้นกล้าน้อยเสียเมื่อไหร่ เมื่อมันไม่ใช่ก็ต้องไป ส่วนพี่แพรวเค้าเกิดมาเพื่อคู่กัน เขาก็ต้องลงเอยกันในที่สุด..อย่างวิจิตรศรากับพี่ศุภนิมิตร..ถึงเวลาเขาก็เจอกัน..”
“เขาคบหากันแบบแฟนแล้วเหรอ” เมขลานั้นโทรคุยกับพี่ชายทั้งสองคนอยู่เป็นประจำ บางเรื่องจึงได้พลั้งเล่าให้ได้รับรู้ในขณะนั้นไปบ้าง
“ยังค่ะ แต่เขาเป็นเนื้อคู่กัน จะหนีกันไปพ้นได้อย่างไร”
“มั่นใจ”
“ยายวิไม่เคยชอบใครอย่างจริงจังสักคน ผู้ชายผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่รายนี้เห็นวันแรกก็ไข้ขึ้นเลย”
“งั้นคนที่มาไข้ขึ้นกับพี่..ก็ต้องเป็นเนื้อคู่พี่”
“ไหนว่าไม่มีใครเข้ามาในชีวิต”
“มีบ้าง แต่ว่า ใจมันเฉย ๆ”
“ก็มันยังไม่ใช่นี่..ถ้าใช่นะ มันก็ต้องมีเหตุให้มาผูกพันกันจนได้แหละ”
“จะโยงเข้ามาหาคำว่า พรหมลิขิตใช่ไหม”
“ภาษาของคนในโลกที่เต็มไปด้วยโลกีย์เค้าเรียกแบบนี้นี่ค่ะ”
“แล้วเราเอง..มีเหตุให้ต้องผูกพันกับใครบ้างหรือยัง”
นึกถึงชีวิตรักของตัวเองแล้วเมขลาก็ต้องส่ายหน้าอย่างปลง ๆ
“การที่ไม่รู้ อนาคตของตัวเองเลย หนูนาคิดว่าดีไหม”
เมขลานิ่งคิด..ก่อนจะตอบว่า “ก็ดีค่ะ..ใช้ความรู้สึกของตัวเองตัดสินใจ ถูกผิดกจะได้ไม่โทษใคร”
และพอตอบไปแบบนี้เมขลาก็นึกถึงกฤษณะขึ้นมา ‘ทำไมคุณไม่ตัดสินใจเลือกใครสักคนด้วยความรู้สึกของตัวคุณเอง คุณไม่รู้หรือไงว่าใครดีกว่าใคร และคุณอยากอยู่กับใครไปตลอดชีวิต’
6.
ความโกลาหลเกิดขึ้น..ในทันที..
“นี่นายจะทำอะไรน่ะ” วิจิตรศราเสียงแหวเข้าใส่..กฤษณะมองหน้าเมขลาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อจนกระทั่งเมขลาต้องถอยออกห่างจากเขา สามสาวสวมเสื้อคนละสีนั้นขยับไปเกาะกันสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก อุสาตัวสั่น สายตาก็มองหามีดหรือไม้อะไรที่พอจะช่วยเจ้านายตัวเองได้..
“พวกคุณทำอะไรกัน ผมอยากรู้ว่า เป็นบ้าอะไรกัน” เสียงเขาเขาแทบจะเรียกว่าตะคอก
“แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย”
“ผมมีเหตุผลที่จะยุ่งแล้วกัน..บ้าบอคอแตก” เสียงของเขาดังยิ่งขึ้น..
“นายนั่นแหละบ้าบอคอแตก”
“วิ” เมขลาร้องปรามเพราะเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำของเขา เธอก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา.. ที่เขาไม่พอใจจนออกนอกหน้าอย่างนี้ มันต้องมีเหตุผลเพียงพอแน่ ๆ แต่เธอไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร..
“ถามจริง ๆ เถอะ..ถามจริง ๆ” เขาหันไปหาหญิงสาวเสื้อสีแดง สีเขียว แต่ว่าดวงตาของเขานั้นจิกไปหาคนใส่เสื้อสีชมพู.. “ทำไมคุณไม่ตัดสินใจเลือกใครสักคนด้วยความรู้สึกของตัวคุณเอง ถ้าเค้าบอกว่า ว่าคนที่เป็นเนื้อคู่ของคุณเป็นใคร คุณก็เลือกผู้ชายคนนั้นอย่างนั้นเหรอ..แล้วความรู้สึกของตัวคุณเองล่ะ คุณไม่รู้หรือไงว่าใครดีกว่าใคร และคุณอยากอยู่กับใครไปตลอดชีวิต”..
“ฉันก็แค่อยากได้ความมั่นใจ”
“เขาบอกให้คุณไปตาย คุณจะไปไหม ถ้าเขาบอกว่าทั้งสองคนมันไม่ใช่เนื้อคู่คุณทั้งคู่ คุณจะเชื่อไหมล่ะ ถามจริง ๆ คุณจะเชื่อไหม หรือคุณพร้อมจะแคนเซิ้ลผู้ชายสองคนนั่นออกไปจากชีวิตคุณทันที.. ไหน ๆ ก็ถามแล้วนะ ผมอยากจะรู้ว่า ก่อนหน้านั้นน่ะ คุณทำอย่างไรถึงทำให้ผู้ชายสองคนไม่มาเจอกัน ไม่รู้ว่าคุณมีเขาทั้งสองคนพร้อมกัน....”
“นี่..” วิจิตรศราจับแขนของเขาเพราะรู้สึกว่าอารมณ์ของเขานั้นเพริดไปแล้ว..สามสาวนั่นเกาะกันสั่นงันงก..และพอเห็นว่ากฤษณะหันไปหาวิจิตรศรากับเมขลาที่ยืนนิ่ง..สามสาวก็รีบสะกิดกันออกจากร้าน..
“จะรีบไปไหนล่ะ อยู่ฟังผม ด่าให้จบก่อนไหม..ผู้หญิงอย่างพวกคุณน่ะ..ใช้สมองใช้ความรู้สึกตัดสินใจเองไม่ได้ แบบนี้เขาเรียกว่าสวยแต่รูป..ใครได้ไปเป็นแม่ของลูกมีแต่จะซวย..”
“ไอ้บ้า ไอ้ปากหมา”..คนใส่เสื้อสีเขียวตะโกนด่ากลับมา..แต่ว่าเพื่อนเห็นว่า เรื่องจะบานปลายใหญ่โตจึงรีบรั้งไปขึ้นรถเสียก่อน..คนที่อยู่ภายนอกร้านเริ่มเดินมามุงดูด้วยความอยากรู้...
“นายหยุดบ้าได้หรือยัง..แล้วก็ออกไปจากร้านนี้เลย”
“ไม่ออกไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ฉันจะแจ้งความ”
“โทรเลย แจ้งเลย..”
“นายทำอย่างนี้นายต้องการอะไร” เมขลาเชิดหน้าต่อปากต่อคำกับเขา..
“ผมต้องการให้คุณเลิกดูหมอดูไปตลอดชีวิต”
“ทำไม”
“วิชาของคุณมันมั่ว..มั่ว รู้ไหมว่ามันมั่ว เดามั่ว ๆ ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน”
“ใครเดือนร้อน..ไม่เห็นมีใครเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้สักคน”
“ผมนี่ไง ผมเดือดร้อน”
“นายเดือดร้อน..ตอนไหน”
“ตอนนี้ไง..คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงต้องเป็นโสด..”
“จะไปรู้นายเหรอ”..
“ก็เพราะไอ้คำทำนายมั่ว ๆ ของคุณไง..ผมนี่แหละ แฟนเก่าของอีน้องหมวย”
“หมวยไหน”
“ก็อีคนที่ทิ้งผู้ชายไทยจน ๆ ไปกับฝรั่งที่มาจากอิตาลี..ตามคำทำนายของคุณ รู้จักไหม”
วิจิตรศราตาเหลือกด้วยความตกใจเพราะตอนลงบันไดมาเธอได้ยินสามสาวที่วิ่งหนีไปคุยกันถึงเรื่องนี้..เป็นเพราะอย่างนี้ เขาถึงได้สติแตก เมขลาเป่าลมหายใจออกจากปาก..สั่นหัวเบา ๆ..
“วันนี้ ถ้าผมไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้..หนึ่งในสองของไอ้ผู้ชายหน้าโง่ของนังคนนั้นมันต้องมีสักคนตกที่นั่งเดียวกับผมเพราะคำทำนายของคุณ..เขาผิดอะไร ผมผิดอะไร ผมอยากรู้ว่าผมผิดอะไร”
เมขลายกมือขึ้นมากอดอกด้วยรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมา..ใช่ที่ผ่านมาเธอไม่เคยนึกเลยว่า การทำนายทายทักของเธอนั้นจะมีอีกคนที่เสียผลประโยชน์..ไม่เคยเลย..และเขาก็เป็นคนแรกที่อุทธรณ์ผลเสียจากการดูดวงแบบใช้การสัมผัสของเธอ...
เมื่อเจอคำถามของเขา เมขลาหายใจเข้าออกอย่างติด ๆ ขัด ๆ ร้านที่กว้างขวางดูคับแคบลงจนกระทั่งเมขลารู้สึกว่าใบหน้าของเขานั้นอยู่ห่างจากใบหน้าของเธอเพียงคืบ ดวงตาขี้เล่นของเขา บัดนี้เหมือนดวงตาของยักษาที่กำลังโมโหโกรธา ปากที่แสยะยิ้มบาง ๆ นั้นบัดนี้ฟันกรามของเขานั้นกดกันอย่างข่มอารมณ์..
“นายไม่ผิดหรอก..” วิจิตรศราทำลายความเงียบในอึดใจนั้น..
“แล้วใครผิด..”
“ไม่มีใครผิด”
“มี..คนผิดคือคนที่ทำนายทายทัก เพราะฉะนั้น ผมขอ ต่อไปอย่าให้ใช้ไอ้ศาสตร์อะไรนี่ บอกอนาคตกับใครเขาอีกเลย..ผมขอได้ไหม”
เมขลาสูดลมหายใจเข้าปอด เรื่องที่เธอทำนายทายทักมันไม่ได้มีแต่โทษ ประโยชน์ของมันก็มี บางคนทนทำงานต่อไปได้..เพราะรู้ว่างานเก่ามันจะพาอนาคตที่สดใสมาให้..บางคนหลบเลี่ยงเคราะห์กรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เพราะระมัดระวังตัว หนักก็กลายเป็นเบา..และบางคนที่ไม่เชื่อคำทำนายของเธอ เชื่อมั่นว่าความรู้สึกตัวเอง ..สุดท้ายคนที่ไม่ใช่เนื้อคู่กัน ก็ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ..
“ผมขอได้ไหม อย่าดูหมอดูมั่วๆ แบบนี้อีก” กฤษณะถามย้ำอีกครั้ง..เมขลาสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความมั่นใจ..ก่อนจะตอบแบบอวดดื้อถือดีว่า..
“ไม่..”
ดวงตาของกฤษณะแข็งกร้าวขึ้นมา..
“ข้อดีของมันก็มี..”
“อะไรบ้างล่ะ..มันมีข้อดีตรงไหน..”
“ก็...ลดการเสียเวลาไง..”
“เหรอ..งั้นคุณช่วยดูให้ผมหน่อยสิ..ว่าเนื้อคู่ของผมเป็นใคร..ผมจะได้รีบไปหาเขาเสียเดียวนี้เลย” ว่าแล้วกฤษณะก็หงายสมือทั้งสองข้างของตัวเองแล้วยื่นไปหาเมขลา..หญิงสาวปรายตามองมือหนาของเขาก่อนจะเชิดหน้าขึ้นประหนึ่งว่ามือนั้นเป็นสิ่งปฏิกูล..กฤษณะจึงต้องขยับตัวเพื่อให้มือทั้งสองข้างไปใกล้เมขลาอีกนิด แต่เมขลาก็ถอยหนี ทีนี้เองเขาจึงเป็นฝ่ายฉวยมือทั้งสองข้างของเมขลามากุมไว้เสียเอง..
“ปล่อยนะ”
“ไม่..คุณต้องดูว่า เนื้อคู่ของผมเป็นใคร”
“ไม่ดู..”
“นี่นายปล่อยมือเพื่อนฉันนะ” วิจิตรศราเต้นอยู่ข้าง ๆ แต่ว่ามือของกฤษณะก็แข็งเกินกว่าที่เมขลาจะดิ้นหลุด..อุสานั้นก็อยากจะเข้ามาช่วยแต่ว่าก็กล้า ๆ กลัว ๆ ..วิจิตรศราเห็นว่ากฤษณะชักจะบ้าไปใหญ่แล้ว หญิงสาวจึงบันดาลโทสะทุบตีเขาเป็นพัลวัน.แต่ว่ากำลังจะกำปั้นขอเธอนั้นก็หาทำให้ผิวของเขาระคายเคือง..
“คุณต้องดูให้ผม..”
“ไม่..ไม่ดู..”
“ถ้าไม่ดูให้ผม ก็ต้องเลิกดูให้คนอื่นด้วย”
“ไม่..ทำไมฉันต้องเชื่อนายด้วย”
“ก็ผมไม่อยากเสียเวลา..ผมอยากรู้ว่าเนื้อคู่ผมอยู่ตรงไหน..ผมอยากเจอคนของผมบ้าง เร็ว ๆ “
“ไม่..ปล่อยมือฉันนะ..ฉันบอกให้ปล่อย..”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย” วิจิตรศราเสียงดัง คนที่ออกันอยู่ที่หน้าร้านส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงกับเด็ก ๆ จึงไม่มีใครเข้ามาช่วย เพราะส่วนหนึ่ง กฤษณะเองก็ไม่ได้ทำร้ายใคร เพียงแต่เขาต้องการให้ หมอเมขลาดูดวงให้เท่านั้น..ดังนั้นเสียงของวิจิตรศราจึงไม่มีผลอะไร จนกระทั่งที่หน้าร้านปรากฏเงาของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเมขลาเหลือบตาไปเห็นพอดี..
“พี่กล้วย ช่วยด้วย..”...
เดชาพงษ์พี่ชายคนรองของเมขลาเดินอาด ๆ เข้ามาในร้าน เขาเป็นคนตัวใหญ่ สูงถึงร้อยแปดสิบห้า
เซ็นติเมตร ช่วงไหล่ของเขากว้าง หน้าตาของเขาคมคาย ผมทรงรากไทรยาวระต้นคอ ใบหน้าของเขายามที่
ไม่ยิ้มนั้นดุดันอยู่ไม่น้อย และเสียงเรียกชื่อเขาของเมขลา ทำให้กฤษณะต้องปล่อยมือนุ่มนิ่มนั้นทันที..ด้วยถ้าผู้ชายคนนี้เป็นคนรักของเมขลา เขาเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายผิด
“มีอะไรกัน” เสียงของเขาดังลั่นร้าน..
“ไอ้..” วิจิตรศราตั้งท่าจะฟ้องดีแต่ว่ากฤษณะโพล่งขึ้นมาว่า..
“ไม่มีอะไร..” ว่าแล้วกฤษณะที่รู้ว่าตัวเองผิดและเสียเปรียบ..ก็เดินเฉียดเขาออกไปจากร้านอย่างง่ายๆ
..วิจิตรศรากับเมขลามองหน้ากันด้วยความงุนงง..
“มีอะไรกัน” เดชาพงษ์ยังไม่เลิกสงสัยทั้งที่จริง ๆ เขาก็พอเดาออกว่า เรื่องทั้งหมดเกิดจากอะไร?
และเมื่ออยู่กันตามลำพังในร้านอาหารตามสั่งที่อยู่เลยจากร้านของวิจิตรศราไปเพียงห้าคูหา เมขลาก็จำต้องเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้พี่ชายได้รับรู้...
“เค้าก็พูดถูกนี่”
“พี่กล้วยอ่ะ ไม่เข้าข้างกันเลยนะ” เมขลาที่ใจเย็นลงแล้วเริ่มออดอ้อนพี่ชายตามที่เคยคุ้น
“เรื่องดูเนื้อคงเนื้อคู่อะไรนี่..พี่ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้ว คนเรานะหนูนา..ถ้ามันจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่านะ มันไม่ใช่แค่มีใครมาบอกว่าใช่เนื้อคู่ไม่ใช่เนื้อคู่..”
“ก็แล้วทำไม คนที่ไม่ใช่เนื้อคู่เขาถึงต้องมีอันเป็นไปล่ะ”
“ใครบ้างล่ะ”
“ก็..” เมขลานึกถึงเคสของมัทนาแฟนสาวของนายกฤษณะ แต่ว่า เจ้าหล่อนไปจากแฟนเก่าก็เพราะคำทำนายของเธอจริง ๆ แต่ว่าตอนนั้นเธอไม่รู้ว่า เจ้าหล่อนมีนายกฤษณะ เธอเห็นเพียงแต่ว่า เนื้อคู่ คู่แท้ของเขาเป็นคนต่างชาติ..เธอไม่รู้หรอกว่า ก่อนหน้านั้นแต่ละคนมีเรื่องราวเป็นมาอย่างไร..ฉุกคิดถึงตรงนี้ เมขลาก็รู้สึกผิดขึ้นมา..นายกฤษณะพูดถูก หากว่าเธอไม่ดูดวงให้แฟนของเขา มัทนาก็คงยังไม่ไปง่าย ๆ แบบนี้..แต่อีกนั่นแหละ ก็เขาเป็นเนื้อคู่กัน อีตาฝรั่งนั่นถึงได้ดั้นด้นมาเมืองไทย หญิงไทยมีไม่รู้กี่สิบล้านคนแล้วทำไม ฝรั่งนั่นต้องมาเจาะจงเจอยายหมวยนั่นด้วยเล่า ก็เขาเนื้อคู่กัน เพียงแต่เธอนั้นเป็นสื่อกลาง
เป็นคนมองเห็น......การมองเห็นของเธอ การเป็นสื่อกลางของเธอ ทำให้ลดการเสียเวลาลง...
สีหน้าของเมขลาเต็มไปด้วยความสับสนซึ่งไม่พ้นสายตาของพี่ชายที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามไปได้
“เป็นอะไร..”
“ปวดหัวนิดหน่อย”
“ก็ทำอย่างที่นายนั่นแนะนำ เลิกดูดวงถาวร”
“ก็เท่ากับกลัวนายนั่น”
“หาเหตุของมันให้เจอ”
“ก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากการที่หนูนาไปดูดวง..แต่ว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายสร้างความเสียหายให้ใคร”
“แล้วที่เขามาร้องทุกข์นั่นล่ะ เขาเดือดร้อนใช่ไหม.. ตั้งสติให้ดี ๆ นะหนูนา..เซ้นส์ที่หนูนาได้มา มันไม่ใช่ของจีรังยั่งยืนหรอก..มันไม่ใช่ของแท้ ไม่ใช่ศาสตร์ที่จะทำให้คนพ้นทุกข์ได้อย่างถาวรเหมือนธรรมของพระพุทธเจ้า..เราไปเล่นกับมัน เราก็ต้องเจอแบบนี้แหละ..”
“แล้วมันมาจากไหน..มาได้อย่างไร..”
“น่าจะเป็นของจากชาติที่แล้ว..”
พอพี่ชายตั้งท่าจะอรรถาธิบายเมขลาก็นั่งตัวตรงยกมือกอดอกสีหน้านั้นพร้อมฟัง
“เท่าที่พี่ได้อ่านหนังสือของครูบาอาจารย์มา..บางท่านก็ว่า มันเกิดจากการ อภิญญา 5 ผสมกับการอธิษฐานจิตในชาติปางก่อน..”
เมขลาขมวดคิ้ว ด้วยหญิงสาวก็สงสัยว่า ทำไมตัวเองถึงได้รู้มีญาณหยั่งรู้บางสิ่งบางอย่างในอนาคตของคนอื่นได้..แต่ว่าก็ไม่ได้คิดจะรู้อย่างลึกซึ้งจริงจัง..ที่คิด ๆ ไว้ ก็คือ อยากรักษา สิ่งนี้ไว้และอยากให้มันกล้าแข็งขึ้น ซึ่งเธอก็ใช้วิธีสำรวมกาย ไม่ไปในที่อโคจร รักษาศีล และฝึกสมาธิแบบกำหนดภาวนาพุท-โธ ตามแบบที่ได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งพอใจนิ่ง เธอมองเห็นอนาคตของคนอื่นจากการสัมผัสมือได้ชัดเจนขึ้น แต่ถ้ารู้เห็นมากเกินไป นานเกินไป เธอจะรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย เหมือนกับว่าพลังหรือแบตเตอรี่ที่ชาร์ตไว้หมด แต่ถ้าปล่อยใจตัวเองให้ลุ่มหลงไปกับแสงสีเสียงความสนุกสนานแบบคนรุ่นเดียวกัน บางครั้งเธอก็มองไม่เห็นอะไรเลย แต่จะปฏิเสธเพื่อน ๆ ที่เร่มาแบมือให้ช่วยทำนายทายทัก เมขลาก็ทำไม่ได้ ดังนั้นเมขลาจึงต้องพลอยประพฤติตัวให้อยู่ในศีลในธรรมโดยอัตโนมัติ..สำรวมกาย วาจา และใจ จนตอนหลังๆ เมขลารู้สึกว่าตัวเองไม่อยากพูด อยากอยู่เงียบ ๆ ไม่อยากจะคุยโม้โอ้อวดและรู้สึกว่าการที่วิจิตรศราเอาเรื่องของเธอไปโอ้อวดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรดีใจได้ปลื้ม..เพราะเมื่อเธอได้ชื่อเสียงมา สิ่งที่เธอเสียไปคือความเป็นคนธรรมดาของเธอ...
“อภิญญา 5”
“อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึง ปัญญา ความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน อันได้แก่ มีฤทธิ์เดชสามารถหายตัว เหาะเหินเดินอากาศได้ มีตาทิพย์ มีหูทิพย์ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ ระลึกชาติได้..อย่างของน้อง น่าจะเกิดจากการฝึกกรรมฐานจนได้ตาทิพย์จึงสามารถมองเห็นอนาคตได้ หรือมันอาจจะเกิดจากการอธิษฐานจิตไว้เมื่อบำเพ็ญภาวนาในชาติปางก่อน ว่าขอให้ได้รู้อนาคต แล้วมันก็สะสมติดตัวข้ามภพข้ามชาติมา”
“แต่หนูนาไม่สามารถมองเห็นอนาคตตัวเอง”
“ก็อาจจะขอเห็นอนาคตคนอื่นมาละมั้ง คนเราเกิดมาแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วนนะหนูนา..เราไม่รู้หรอกว่า เราอธิษฐานอะไรกันไว้บ้าง ผูกจิตไว้อะไรบ้าง ไว้กับใครบ้าง..เนื้อคู่เราอาจจะไม่ได้มีคนเดียวก็ได้ เพียงแต่ตอนนั้นมันถึงจังหวะของคนนี้เท่านั้นเอง”
“ตกลงพี่กล้วยเชื่อเรื่องเนื้อคู่..”
“ใช่ พี่เชื่อ..พระพุทธเจ้าพูดถึง บุพเพสันนิวาส คือการทำบุญร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน..มาชาตินี้
ถึงได้มาเจอกัน แต่ว่าพี่ก็ไม่ได้อยากรู้หรอกว่าเนื้อคู่ของพี่ในชาตินี้คือใคร พี่รู้แค่ว่า ถ้ามันจะมามันก็มาเอง
หรือถ้ามันไม่มา ไม่มี ก็แสดงว่าชาติก่อน ๆ พี่อาจจะบำเพ็ญเน็กขัมมะบารมีไว้พอสมควร”
“มันคือ”
“อาจจะเคยออกบวช แล้วก็ไม่ได้ครองคู่ครองเรือนกับใครมาเนิ่นนาน หลายภพหลายชาติ..”
จังหวะที่พี่ชายกำลังคุยพลางใช้ปลายนิ้วชี้ที่จับแต่พู่กันเคาะโต๊ะอาหารเบา ๆ ไปด้วยนั้นเมขลาก็ฉวย โอกาสนั้นเอื้อมมือซ้ายของตนไปวางทาบไว้ที่หลังมือ เดชาพงษ์ไม่ได้ชักมือหนี..เมขลาจึงหลับตาพริ้ม
เพียงอึดใจเมขลาก็ลืมตาขึ้น..ยิ้มบาง ๆ
“พี่ไม่อยากรู้คำทำนาย”
เมขลายิ้มอย่างเป็นต่อก่อนจะพูดว่า “ไม่มีใครไม่อยากรู้อนาคตของตัวเองหรอกค่ะ”
“ถูก..งั้นพี่เปลี่ยนเป็น พี่ไม่อยากใส่ใจกับมัน..คนไทยเกือบทุกคนเคยผ่านการดูหมอ นั่งอยู่ในวงหมอดู เคยเดินผ่านหมอดู ห้าในสิบอยากรู้แล้วก็เข้าไปดู แต่อีกห้าในสิบก็คิดว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ชีวิตเราเราลิขิตมันเอง พี่ก็คงเป็นแบบหลัง ”
“เมื่อปีแล้ว หนูนาดูให้พี่ต้นกล้า..สุดท้ายมันก็เป็นไปตามนั้น ส่วนของพี่..เอาแบบอ้อม ๆ นะคะ..หนูนาถามคำเดียวว่า ทำไมพี่ถึงต้องกลับไปทำงานที่นครสวรรค์ ทั้งที่ก็มีโอกาสที่จะเจริญก้าวหน้าในอาชีพมากกว่าหากพี่อยู่ที่อื่น"
“พี่อยากอยู่ใกล้ ๆ พ่อกับแม่”
“แต่พี่ก็ไม่ได้อยู่บ้าน”
“พี่รักนครสวรรค์ อยู่แล้วไม่อยากไปไหน เหมือนสาวเมืองนนท์”
เมขลายิ้มชื่นเมื่อพี่ชายปล่อยมุกตลก..เป็นตลกหน้าตายที่คนต้องมีภูมิถึงจะยิ้มขำขึ้นมาได้..
“เค้าเป็นคนนครสวรรค์ เกิดที่นครสวรรค์ เป็นคนไทยเชื้อสายจีน” เมขลาเริ่มเผยคำทำนายที่มันวาบขึ้นมา..
“ไม่ต้อง”
“เขากำลังจะกลับมาจากต่างประเทศ”
ตอนนั้นขนแขนของเดชาพงษ์ลุกเกลียวขึ้นมาอย่างยากระงับ แต่เขาก็ทำได้เพียงยกแขนที่พันแขนเสื้อเหนือศอกไปกอดอก..
“ที่พี่กลับไปอยู่บ้านก็เพราะพี่ต้องกลับไปรอเขา..บอกแค่นี้แหละ เพราะบอกไปพี่ก็ไม่เชื่อ..”
เดชาพงษ์ถอนหายใจเบา ๆ..
“ครั้งที่แล้ว พี่ต้นกล้า ท้าว่าถ้าเป็นจริงจะให้โทรศัพท์หนูนาหนึ่งเครื่อง ใช้จนจะพังแล้ว แต่ว่าครั้งนี้ขอเป็นแลบท็อปได้ป่ะ สองหมื่น”
“เอาเงินไปเลยไหม” เดชาพงษ์นั้นเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว เสื้อผ้านั้นแทบไม่ได้ซื้อหามาเปลี่ยน เคยใส่เสื้อยืดที่ได้มาฟรี ก็ใส่จนเปื่อยจนขาด มีเสื้อเชิ้ตก็แค่เพียงซักให้สะอาด กางเกงยีนส์หรือก็มีนับตัวได้ พี่ชายกับน้องสาวเห็นดังนั้น จึงต้องเป็นฝ่ายหามาหา จิรวัติพี่ชายคนโต นายทหารเรือนั้น สังคมจัดเสื้อผ้าทันสมัย
พอเบื่อจึงโละมาครั้งละเป็นกระเป๋า ส่วนเมขลานั้น แม้เงินทองจะยังไม่คล่องมือ แต่ว่าหญิงสาวก็เอาเงินที่พี่ชายแบ่งปันให้มาใช้ในตอนเรียนหนังสือนั้น ดูแลซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายไปให้อยู่เสมอ..
และถ้ารู้ว่าพี่ชายขายรูปได้ เมขลาก็รีบชวนไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อบังคับให้พี่ชายจับจ่ายเสื้อผ้าไปใส่ไม่ให้ดูมีสง่าราศี..ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้เดชาพงษ์ก็ไม่ขัดข้อง เงินทองที่มีอยู่ในบัญชีนั้น เขาบอกให้เมขลารู้รหัสเอทีเอ็มด้วยซ้ำ เพราะเขาคิดว่า หากเป็นอะไรไปกะทันหัน จะได้สามารถเอาเงินออกมาจัดงานศพให้เขาได้ในทันที..
“เครื่องเก่ามันยังใช้การได้ดี แล้วเรื่องนี้มันก็อีกนาน..แต่มันก็ไม่นานเกินรอ”
เดชาพงษ์ยอมรับกับตัวเองว่า การถูกทำนายทายทักจากคนที่ ‘รู้อนาคต’ อย่างผ่านการพิสูจน์มาแล้วหลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ หน ทำให้จิตใจที่เคยนิ่ง ๆ มีแต่งานและเพื่อน ๆ ไม่เป็นปกติ แต่เขาก็ไม่อยากซักถามอะไรให้น้องสาวต้องหัวเราะเยาะเอาได้..
และเขาก็เพิ่งเข้าใจว่า การ “รู้” อนาคตเพียงเล็กน้อยมันทำให้ฐานของใจเคลื่อนจากที่เคยเป็นอยู่..และคนวัยเขา คนที่งานพร้อมแล้ว เงินในกระเป๋าพร้อมแล้ว เรื่องอะไรจะสำคัญไปกว่าเรื่องของการมีครอบครัวสร้างอนาคตร่วมกันให้มั่นคง..แต่ถ้ามันยังไม่เจอคนที่อยากอยู่ด้วยทุกวัน หรือทำหัวใจของเขาหวั่นไหวได้อย่างรุนแรง เขาก็พอใจที่อยู่เป็นโสดไปแบบนี้..มันอาจจะเหงา ๆ บ้าง แต่เมื่อใจทุ่มเทไปกับงานจิตรกรรมไทยที่ต้องสืบสานให้ถึงชั้นลูกชั้นหลาน ตัวเขามีความสุขกับชีวิตไม่น้อย..แต่ถ้าชีวิตในภายหน้าจะเป็นไปอย่างที่หนูนาทำนายไว้ เขาเองก็อยากจะรู้ว่า คนอย่างเขา จะหนี ลิขิตจากพระพรหมได้หรือไม่..
“แล้วเมื่อกี้ ทำไมไม่ยอมทำนายให้นายคนนั้น”
พอพี่ชายซักถามกลับมาแบบนี้ใบหน้าที่คลี่บานปานดอกบัวรับแสงพระอาทิตย์ยามเช้าก็เฉาลงในทันที..
“ก็..โอ้ย อย่าไปพูดถึงมันเลย..” หัวคิ้วที่หนาของเมขลาขมวดเข้าหากัน ตอนที่นายกฤษณะจับมือของเธอ ความรู้สึกแรกนั่นก็คือเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ แล่นปราดเข้าสู่ร่างกาย..มันอุ่น ๆ..มันหวิว ๆ วาบ ๆ ในหัวใจ เธอไม่เคยสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวใครแล้วเป็นแบบนี้..
“มองไม่เห็นอะไรเลย”
“อาจจะใช้เวลาไม่นาน”
“แล้วเมื่อกี้หนูนาจับพี่นานไหม”
เดชาพงษ์ส่ายหัว..
“พี่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม”
“พี่เป็นชาวพุทธ พี่เชื่อเรื่องกรรม เชื่อเรื่องการกระทำ กรรมในอดีตของเรา ชักนำให้เรามาเป็นแบบนี้ แต่ว่า การได้รู้ได้ยินได้ฟังพระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้คนเราขีดสิ้นชีวิตของเราได้..พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้เราบูชาสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ให้เชื่อว่าการกระทำของเราจะมีผลต่ออนาคตของเรา พรหมลิขิต อาจจะหมายถึงพระพรหมข้างบนบันดาลให้เราต้องเป็นไป ..แต่ทางธรรมเรียกว่า บุพเพสันนิวาส คือ เคยเป็นผัวเป็นเมียกันมา เคยทำบุญทำกรรมร่วมกันมา ถึงได้มาเจอกัน..แต่คนเราจะ
อยู่ด้วยกันนั้น ไม่ใช่แค่กรรมในอดีตหรอก อาจจะเกิดจากการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาตินี้ด้วย..คนบางคนชาติที่แล้วอาจจะทำให้เราพอใจได้ แต่ว่า ชาติที่เราพลัดพรากกันไป มันก็อาจจะทำให้อุปนิสัยในชาตินี้ของ
เขาเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน..”
“ยาวไป หนูงง”
“พี่ก็งง ๆ..” พอดีกับอาหารที่สั่งไว้ถูกเด็กในร้านลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ..
เดชาพงษ์ตักไข่เจียวให้น้องสาว..
“ใครได้พี่พงษ์ไป..ชีวิตจะมีแต่ความสุข”
“คงมีคนกลัวจะสำลักความสุขละมั้งพี่ถึงไม่มีใครเข้ามาในชีวิตเลย”
“เลือกมากละซิ”
“ก็รู้สึกเฉย ๆ”
“ก็คนไม่ใช่เนื้อคู่กัน..เห็นกันก็มองผ่านไป..”
“คิดได้เอง”
“ก็ตั้งแต่ดูหมอมา ใจมันก็ครุ่นคิดไปทางนี้เยอะค่ะ..อย่างพี่ต้นกล้า..กับพี่แพรว..อยู่กันละทิศละทางถึงเวลาก็ยังต้องเจอกัน คนเก่า ๆ ของพี่ต้นกล้าน้อยเสียเมื่อไหร่ เมื่อมันไม่ใช่ก็ต้องไป ส่วนพี่แพรวเค้าเกิดมาเพื่อคู่กัน เขาก็ต้องลงเอยกันในที่สุด..อย่างวิจิตรศรากับพี่ศุภนิมิตร..ถึงเวลาเขาก็เจอกัน..”
“เขาคบหากันแบบแฟนแล้วเหรอ” เมขลานั้นโทรคุยกับพี่ชายทั้งสองคนอยู่เป็นประจำ บางเรื่องจึงได้พลั้งเล่าให้ได้รับรู้ในขณะนั้นไปบ้าง
“ยังค่ะ แต่เขาเป็นเนื้อคู่กัน จะหนีกันไปพ้นได้อย่างไร”
“มั่นใจ”
“ยายวิไม่เคยชอบใครอย่างจริงจังสักคน ผู้ชายผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่รายนี้เห็นวันแรกก็ไข้ขึ้นเลย”
“งั้นคนที่มาไข้ขึ้นกับพี่..ก็ต้องเป็นเนื้อคู่พี่”
“ไหนว่าไม่มีใครเข้ามาในชีวิต”
“มีบ้าง แต่ว่า ใจมันเฉย ๆ”
“ก็มันยังไม่ใช่นี่..ถ้าใช่นะ มันก็ต้องมีเหตุให้มาผูกพันกันจนได้แหละ”
“จะโยงเข้ามาหาคำว่า พรหมลิขิตใช่ไหม”
“ภาษาของคนในโลกที่เต็มไปด้วยโลกีย์เค้าเรียกแบบนี้นี่ค่ะ”
“แล้วเราเอง..มีเหตุให้ต้องผูกพันกับใครบ้างหรือยัง”
นึกถึงชีวิตรักของตัวเองแล้วเมขลาก็ต้องส่ายหน้าอย่างปลง ๆ
“การที่ไม่รู้ อนาคตของตัวเองเลย หนูนาคิดว่าดีไหม”
เมขลานิ่งคิด..ก่อนจะตอบว่า “ก็ดีค่ะ..ใช้ความรู้สึกของตัวเองตัดสินใจ ถูกผิดกจะได้ไม่โทษใคร”
และพอตอบไปแบบนี้เมขลาก็นึกถึงกฤษณะขึ้นมา ‘ทำไมคุณไม่ตัดสินใจเลือกใครสักคนด้วยความรู้สึกของตัวคุณเอง คุณไม่รู้หรือไงว่าใครดีกว่าใคร และคุณอยากอยู่กับใครไปตลอดชีวิต’

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ม.ค. 2555, 08:49:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2555, 08:49:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 2753
<< 5. "มาย เนม อิส กิสสะนะ" | ึ7.“ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปซิวะ..จีบผู้หญิงมันก็ต้องมีลูกล่อลูกชน” >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 20 ม.ค. 2555, 08:51:29 น.
ซินเจียยู่อี่ซินนี้ฮวดใช้..นครสวรรค์จัดงานตรุษจีนไ้ด้ยิ่งใหญ่อลังการนะครับ ...เสาร์ อาทิตย์นี้มาเยี่ยมเืยือนกันได้นะครับ..วันแห่ มังกร คือ คืนที่ 25 กับ กลางวัน วันที่ 26 นะครับ ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ ใครเม้นท์ ใครไลน์ ขอให้รวย ๆ ยิ่งขึ้น ๆ นะครับ จุ๊บ ๆ
ซินเจียยู่อี่ซินนี้ฮวดใช้..นครสวรรค์จัดงานตรุษจีนไ้ด้ยิ่งใหญ่อลังการนะครับ ...เสาร์ อาทิตย์นี้มาเยี่ยมเืยือนกันได้นะครับ..วันแห่ มังกร คือ คืนที่ 25 กับ กลางวัน วันที่ 26 นะครับ ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ ใครเม้นท์ ใครไลน์ ขอให้รวย ๆ ยิ่งขึ้น ๆ นะครับ จุ๊บ ๆ

มุกมาดา 20 ม.ค. 2555, 08:53:58 น.
คนแรก...ออนปุ๊บได้อ่านปั๊บ...ขอตัวไปอ่านก่อนนะคะ แล้วจะมาเวิ้นเว้อใหม่ อิ อิ
คนแรก...ออนปุ๊บได้อ่านปั๊บ...ขอตัวไปอ่านก่อนนะคะ แล้วจะมาเวิ้นเว้อใหม่ อิ อิ

จุฬามณีเฟื่องนคร 20 ม.ค. 2555, 08:59:55 น.
คุณเวียง..เป็นกำลังใจมากมายครับ.
คุณเวียง..เป็นกำลังใจมากมายครับ.

มุกมาดา 20 ม.ค. 2555, 09:04:15 น.
555 กฤษณะเนี่ย ปากร้ายใช่ย่อยนะคะ อิอิ ชอบ อ่านแล้วมันส์...รู้สึกนางเอกจะเริ่มมีอาการไฟสปาร์คกับพระเอกบ้างแล้ว
555 กฤษณะเนี่ย ปากร้ายใช่ย่อยนะคะ อิอิ ชอบ อ่านแล้วมันส์...รู้สึกนางเอกจะเริ่มมีอาการไฟสปาร์คกับพระเอกบ้างแล้ว

แว่นใส 20 ม.ค. 2555, 09:10:29 น.
เนื้อคู่ตัวเองอยู่ไม่ไกลไง
เนื้อคู่ตัวเองอยู่ไม่ไกลไง

innam 20 ม.ค. 2555, 09:17:09 น.
ตามเป็นกำลังใจ
ตามเป็นกำลังใจ

thanya 20 ม.ค. 2555, 10:16:04 น.
ซินเจียยู่อี่ซินนี้ฮวดใช้ เช่นกันจ้า เนื้อเรื่องเริ่มเข็มข้นแล้วสิ มาลุ้นกันว่า หนูนากับ นายนะ จะเป็นอย่างไร
ซินเจียยู่อี่ซินนี้ฮวดใช้ เช่นกันจ้า เนื้อเรื่องเริ่มเข็มข้นแล้วสิ มาลุ้นกันว่า หนูนากับ นายนะ จะเป็นอย่างไร

Sansanook 20 ม.ค. 2555, 10:58:54 น.
อ้าวคุณเฟื่อง ไปรับจ๊อบ ททท.นครสวรรค์แล้วเหรอค่ะ อิอิ แต่อยากดูแห่มังกรมากๆจริงๆ ชอบตอนนี้นะ แทรกธรรมะเข้ามาได้สวยค่ะ
อ้าวคุณเฟื่อง ไปรับจ๊อบ ททท.นครสวรรค์แล้วเหรอค่ะ อิอิ แต่อยากดูแห่มังกรมากๆจริงๆ ชอบตอนนี้นะ แทรกธรรมะเข้ามาได้สวยค่ะ

morisa 20 ม.ค. 2555, 13:05:36 น.
กฤษณะพูดถูก "ทำไมคุณไม่ตัดสินใจเลือกใครสักคนด้วยความรู้สึกของตัวคุณเอง คุณไม่รู้หรือไงว่าใครดีกว่าใคร และคุณอยากอยู่กับใครไปตลอดชีวิต"
นิยายเฟื่องก็ยังคงเป็นสไตล์ที่สอดแทรกธรรมะได้อย่างแนบเนียนเสมอนะ
กฤษณะพูดถูก "ทำไมคุณไม่ตัดสินใจเลือกใครสักคนด้วยความรู้สึกของตัวคุณเอง คุณไม่รู้หรือไงว่าใครดีกว่าใคร และคุณอยากอยู่กับใครไปตลอดชีวิต"

นิยายเฟื่องก็ยังคงเป็นสไตล์ที่สอดแทรกธรรมะได้อย่างแนบเนียนเสมอนะ

anOO 20 ม.ค. 2555, 14:45:17 น.
แล้วแบบนี้ นายคะน้ายังจะมาตามจีบเมอยู่รึป่าวล่ะ
แล้วแบบนี้ นายคะน้ายังจะมาตามจีบเมอยู่รึป่าวล่ะ

Niceday 20 ม.ค. 2555, 14:50:06 น.
ชอบจัง อยากไปดูดวงกับหมอเมขลาบ้าง
ชอบจัง อยากไปดูดวงกับหมอเมขลาบ้าง

ปิลันธน์ 20 ม.ค. 2555, 18:10:33 น.
เปิดมาเจอ สะดุดกับชื่อตอน ก็เลยแวะอ่าน ปรากฏว่าทำให้อยากจะย้อนไปอ่านตั้งแต่บทแรกเลยค่ะ^^......
เปิดมาเจอ สะดุดกับชื่อตอน ก็เลยแวะอ่าน ปรากฏว่าทำให้อยากจะย้อนไปอ่านตั้งแต่บทแรกเลยค่ะ^^......

loveleklek 20 ม.ค. 2555, 23:21:37 น.
อ่านแล้วอยากรู้ต่อ มาต่อเร็วๆ เน้อ
อ่านแล้วอยากรู้ต่อ มาต่อเร็วๆ เน้อ

minafiba 21 ม.ค. 2555, 00:25:36 น.
^_^
^_^

nutcha 21 ม.ค. 2555, 00:40:56 น.
เห็นด้วยกับนะค่ะ
เห็นด้วยกับนะค่ะ

กาซะลองพลัดถิ่น 21 ม.ค. 2555, 01:46:13 น.
เป็นนินจามาตั้งนาน พอเจอคำว่า ใครเมนท์ ใครไลน์ ขอให้รวย ๆ .....เลยทั้งกด ทั้งเมนท์เลยคะ ...
ซินเจีย ยู่อี้ ซินนี่ฮวดไช้ ไรเตอร์ด้วยนะคะ ขอให้รวย ๆ นิยายได้พิมพ์ทุก ๆ เรื่อง ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นะคะ
เป็นนินจามาตั้งนาน พอเจอคำว่า ใครเมนท์ ใครไลน์ ขอให้รวย ๆ .....เลยทั้งกด ทั้งเมนท์เลยคะ ...
ซินเจีย ยู่อี้ ซินนี่ฮวดไช้ ไรเตอร์ด้วยนะคะ ขอให้รวย ๆ นิยายได้พิมพ์ทุก ๆ เรื่อง ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นะคะ

Zephyr 21 ม.ค. 2555, 10:35:12 น.
เห็นด้วยกะพี่คะน้าเลยนะ เลือกด้วยหัวใจและความรู้สึก
ดูดวงมันก็ช่วยให้ความมั่นใจ แต่นะ คนเดือดร้อยจากมันก็มี
อ่านแล้วก็แบบ เห็นใจพี่คะน้า สงสารหนูนาอ่ะ แต่ว่าเรื่องนี้ ถ้าหนูนาไม่ดูดวง แล้วยายหมวยนั่นบ้าทำตาม มันก็จะไม่เป็นยังงี้ แสดงว่ายายนั่นไม่จริงใจกะพี่คะน้าสินะ ไม่ใช้หัวใจและความรู้สึก โลเลอ่ะ
หนูนาดูให้พี่คะน้าไม่ได้ เพราะเนื่อคู่พี่คะน้า คือ หนูนาไงล่ะจ้ะ หึหึ
เห็นด้วยกะพี่คะน้าเลยนะ เลือกด้วยหัวใจและความรู้สึก
ดูดวงมันก็ช่วยให้ความมั่นใจ แต่นะ คนเดือดร้อยจากมันก็มี
อ่านแล้วก็แบบ เห็นใจพี่คะน้า สงสารหนูนาอ่ะ แต่ว่าเรื่องนี้ ถ้าหนูนาไม่ดูดวง แล้วยายหมวยนั่นบ้าทำตาม มันก็จะไม่เป็นยังงี้ แสดงว่ายายนั่นไม่จริงใจกะพี่คะน้าสินะ ไม่ใช้หัวใจและความรู้สึก โลเลอ่ะ
หนูนาดูให้พี่คะน้าไม่ได้ เพราะเนื่อคู่พี่คะน้า คือ หนูนาไงล่ะจ้ะ หึหึ

ภาม 22 ม.ค. 2555, 22:32:03 น.
อ่านแล้ว ซอบหลายแท้เด้
อ่านแล้ว ซอบหลายแท้เด้

OPUS 14 มี.ค. 2555, 12:06:59 น.
รู้ล่ะว่าทำไมแต่ละเรื่องของคุณเฟื่องจะต้องมีนครสวรรค์เข้ามาเกี่ยวด้วย เพราะคงเป็นบ้านเกิดของคนเขียนนี่เองใช่ไหมค่ะ
รู้ล่ะว่าทำไมแต่ละเรื่องของคุณเฟื่องจะต้องมีนครสวรรค์เข้ามาเกี่ยวด้วย เพราะคงเป็นบ้านเกิดของคนเขียนนี่เองใช่ไหมค่ะ
