ม่านพรหม
เมขลา น้องสาวคนเล็กของผู้การจิรวัติ เธอผู้มีซิกเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ สามารถยั่งรู้อนาคตของคนอื่นได้บ้าง..เมขลา ต้องพบกับภัยคุกคามจาก กฤษณะ อดีตคนรักของลูกค้า เพราะเธอไปดูว่า กฤษณะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอคนนั้น...จากเรื่องสนุก ๆ ที่ได้รู้อนาคตคนอื่น เมขลา เริ่มเครียด และเขาก็ค่อย ๆ ทำให้เธอรู้ว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้นั้น ไม่ได้เกิดจาก รู้ดวงชะตา..
Tags: นายรถไฟ กับยายซิกเซ้นส์

ตอน: ึ7.“ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปซิวะ..จีบผู้หญิงมันก็ต้องมีลูกล่อลูกชน”

7.

เสียงออดที่ดังอยู่ชั้นล่างแต่ว่าเสียงก็แทรกผ่านผนังห้องมาจนถึงหูของเมขลา ทำให้เมขลาดีดตัวลุกขึ้นนั่ง พร้อมกันนั้น เมขลาก็ตะโกน บอกให้วิจิตรศราซึ่งขี้เซากว่าตนนั้นได้ยินด้วยว่า..

“โอเค ได้ยินแล้ว เดี๋ยวลงไปเอง”

เมขลารีบเปิดประตูไปคว้ากุญแจที่แขวนอยู่หน้าห้องน้ำแล้ววิ่งลงจากชั้นบนไปทั้งที่ยังใส่ชุดนอนแบบที่เป็นเสื้อกับกางเกงสีชมพูลายดอกกุหลาบ..และเมื่อถึงชั้นล่างเมขลาก็ต้องตะโกนบอกคนที่กดออดอยู่หน้าบ้านอีกรอบ..

“ได้ยินแล้ว..รอเดี๋ยว” เมขลากรากไปยังประตูยืด..แล้วพอคิดได้ว่า..ควรถามก่อนจะดึงประตูยืดขึ้น เพื่อไขกุญแจกประตูเหล็กแบบดันไปด้านข้าง เมขลาก็ชะงักมือ..

“ใครคะ”

“ผมเอง” มีเสียงแหบ ๆ ห้วน ๆ ตอบกลับมา

“ใครล่ะ”

“ผม..เอง”

“ใคร”

“ผม กฤษณะ..”

“ฉันไม่รู้จัก”

“อย่ามัว... ผมรีบ”

“จะมาทำอะไร”

“ผมมาเอาหนังสือของผม”

“หนังสืออะไร”

“หนังสือเรียนภาษาอังกฤษ”

“ไม่เห็นมี”

“เมื่อวานผมลืมไว้”

“ที่ไหน”

“บนโต๊ะ”

“ไม่เห็นมี”

“แต่ผมลืมไว้”

“ฉันไม่เห็น”

เสียงออดดังขึ้นอีกรอบ แต่คราวนี้เหมือนกับว่าเขากดปลายนิ้วแช่ไว้..

“นายจะกดทำไม เสียงมันรบกวนคนจะหลับจะนอน” เมขลาตะคอกกลับไป..

“คุณจะมัวเล่นลิ้นอยู่ทำไมล่ะ..”

“ฉันเล่นที่ไหน ฉันไม่เห็นหนังสือนาย..”

“เพื่อนคุณล่ะ ถามเขาซิ”

“เขาหลับ”

“งั้นผมปลุกให้” ว่าแล้วเขาก็กดออดยาว ๆ อีกรอบ...เมขลาถอนหายใจอย่างแรง พอดีกับโทรศัพท์ภายในอาคารดังขึ้น เมขลากรากไปรับสายจากวิจิตรศรา..

“มันมากวนเหรอ บอกมันด้วยว่าหนังสือมันน่ะ ฉันทิ้งถังขยะไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ให้มันไปคุ้ยเอา ..ถ้าเขตเขายังไม่มาเก็บอะนะ”..

“วิ..มันแรงมากเลยนะ”

“โอ้ย..ทำไปแล้ว..บอกไปตามนั้น”

เมขลาวางสายแล้วเดินมาที่ประตูอีกรอบ แต่ว่ารอบนี้ เมขลาตะโกนบอกคนที่อยู่ข้างนอกว่า “เดี๋ยว ๆ รู้แล้ว ๆ” เมขลาดึงประตูยืดขึ้น แต่ถึงกระนั้นประตูเหล็กอีกชั้นก็ยังกั้นเขากับเธอไว้..และพอเห็นเขาที่อยู่ในชุดลำลองสภาพดูดีพร้อมกับใบหน้าที่ดูเหมือนจะแกล้งบึ้งตึงของเขาซึ่งไร้หนวดเคราเหมือนที่เคยเห็น ใจของเมขลาก็อ่อนยวบลง.. “หนังสือผมละครับ”..และยิ่งมีครับต่อท้ายพร้อมกับมองเห็นสายตากรุ้มกริ่มของเขา เมขลาก็รู้สึกอายหน้าตัวเองขึ้นมา..

เมขลาหันข้างคุยกับเขาเพราะว่ายังไม่ได้ล้างหน้า

“คือ..หนังสือนาย..วิเค้า ทิ้งลงถังขยะไปแล้ว..โน่นนะ ใบนั้น..”



นึกถึงดวงตาวาวโรจน์สื่อถึงความโกรธแล้วความผิดหวังของเขาก่อนที่จะเดินไปยังถังขยะใบใหญ่เพื่อรื้อค้นหาหนังสือเรียน เมขลาก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะรู้สึกผิด รู้สึกว่าวิจิตรศราเล่นแรงเกินไป เพราะการศึกษาเป็นของสูงเป็นเรื่องที่ควรสนับสนุนยกย่องและให้กำลังใจกันและกัน มากกว่าจะมากลั่นแกล้งให้สาแก่ใจโดยการเอาหนังสือเรียนไปทิ้งแบบนี้..

“เป็นอะไรใจลอย”.. ตาของเมขลานั้นอยู่กับโทรทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้าแต่ว่าใจนั้นไม่ได้จดจ่ออยู่กับเรื่องราวที่กำลังโลดแล่น จนวิจิตรศราที่นั่งอยู่ด้วยกันบนโซฟาที่อยู่ในห้องนอนของตนซึ่งเปิดเครื่องปรับ อากาศเสียเย็นฉ่ำต้องเอ่ยปากถาม..ทั้งที่มือก็พิมพ์ข้อความคุยกับเพื่อน ๆ และศุภนิมิตรทางโทรศัพท์มือถือ

“วิเล่นแรงไปนะ”

“มันจบแล้ว..ต่อไปเรากับเขาก็ต่างคนต่างอยู่ มันโกรธเราก็ดี..มันจะได้ไม่มาตอแยเราอีก..”

“ว่าไปเมก็ไม่อยากดูดวงแล้วนะ..” หลังจากที่พี่เดชาพงษ์กลับไป เมขลาก็นอนพลิกซ้ายพลิกขวา ครุ่นคิด ถึงคำพูดของกฤษณะ..นึกถึงความเจ็บช้ำของเขาที่ต้องสูญเสียคนรักโดยที่มีเธอเป็นต้นเหตุ นึกถึงชีวิตปกติสุขของตนเอง หากจะไม่ใส่ใจกับ ‘ญาณ’ ที่ได้มาจากเบื้องบน..และคำพูดของพี่เดชาพงษ์ก่อนจะกลับนครสวรรค์ก็ถูกดึงมาร่วมประมวลผล.. ‘ถ้าหนูนาอยากเป็นคนปกติธรรมดา หนูนาก็ต้องใจแข็ง ต้องไม่สนใจมัน ไม่ต้องใส่ใจใครทั้งนั้น ชีวิตเค้า ชีวิตเรา ต่างก็ต้องเป็นคนลิขิตมันเอง ยังไม่สายที่จะถอยออกมา..’

“ไม่ได้นะ..” วิจิตรศราวางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัวแล้วหยัดกายตรง..

“ถ้าเมเลิกแสดงว่าเมกลัวนายนั่น”

“ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเค้าเลยนะ”

“ไม่เกี่ยวได้ไง..เพราะถูกมันว่าให้ เมก็เลยใจเสีย..”

“ด้วย..แต่ลึก ๆ แล้วเมอยากเป็นคนธรรมดา..”

“คนธรรมดามีอยู่เยอะแยะ เป็นคนพิเศษ ๆ แบบนี้เมนี่ ใคร ๆ ก็อยากเป็น..มันเป็นธุรกิจได้ มันเป็นช่องทางรวยได้นะเม..มันเป็นประโยชน์เกื้อกูล..สบู่เอย โทนเนอร์ของพี่ศุภมิตรเอย..เขาก็ช่วยเราซื้อ เมก็ได้เปอร์เซนต์”

“แต่เมกลัว..กลัวว่ามันต้องแลกกับอะไรบางอย่าง”

“อะไรล่ะ”

“บางคนต้องประพฤติพรหมจรรย์ รักษาศีลแปด บูชาครู ทำบุญให้เบื้องบน..เมเคยได้ยินมาแบบนั้น”
พอเมขลาเอ่ยมาแบบนี้วิจิตรศราก็นิ่วหน้าขึ้นมา..

“คงไม่หรอกมั้ง”

“เมอยากเป็นคนธรรมดา..”

วิจิตรศรายิ้มบาง ๆ รับคำขอนั่น ใจหนึ่งอยากจะค้านแต่ว่าเสียงโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้นเสียก่อน และพออุสารายงานว่า คนดูดวงที่นัดไว้มาถึงแล้ว วิจิตรศราก็บอกกับเมขลาว่า

“ไป ลุก ทำหน้าที่วันนี้ให้เสร็จสิ้นก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

“ไม่ผลัดวันประกันพรุ่งได้ไหม”

“คืนนี้จะพาไปปาร์ตี้..ดูดวงหมดก็ขึ้นมาพักผ่อน..คืนนี้จะได้สวยเด้ง”

“ไปที่ไหนอีก..เมไม่อยากไป”

“ก็ไหนว่าอยากเป็นคนธรรมดา”

“ธรรมดาของเมคือมีชีวิตเรียบ ๆ พอเพียง ๆ”

“ถ้าเมต้องการแบบนั้นเมเลิกดูหมอไม่ได้หรอก”

“ทำไม..”

“เมเคยบอกไม่ใช่เหรอ..ยิ่งเมสงบมากขึ้นเท่าไหร่ ญาณของเมก็จะยิ่งเด่นชัด..เมื่อมันเด่นชัด ก็จะเป็นเหมือนตอนแรก ๆ ที่เมนึกอยากจะคว้ามือใครขึ้นมาจับเอง เพื่อจะบอกอะไรกับเขา..ข้างในของเมมันเรียกร้อง..เรียกร้องให้เมต้องทำ..”

“แล้วถ้าเมไม่ทำ..”

“เมก็ไม่มีความสุขหรอก..เมขลา คุณวิเศษที่เธอได้มานั้น มีแต่คนอยากได้นะ..”

“แต่เมเริ่มกลัว”

“อย่ากลัวสิ..สนุกกับมัน..คิดว่าทำบุญ ช่วยคน ทุกอย่างก็จบ..”

“แต่ถ้าเกิดเคสแบบนายกฤษณะนั่น..คนที่ได้รับผลเสียจากคำทำนายของเมหากมันร้ายแรงกว่านั้น
ล่ะ”

วิจิตรศราเป่าลมออกจากปากอย่างแรง..ก่อนจะสรุปออกมาอย่างอ่อนใจว่า “งั้นพบกันคนละครึ่งทางแล้วกัน คิวที่เรานัดไว้แล้ว เมดูให้หมด แล้ววิก็จะไม่นัดใครอีก..หลังจากนั้นเมจะเป็นคนธรรมดา ซึ่งพอเมเป็นคนธรรมดาแล้ว เราก็มาดูกันว่า มันจะเป็นอย่างที่วิว่าไว้ไหม ถ้าใช่ คราวนี้เมตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของเมเอง..โอเค๊”



เมื่อหัวใจมันเรียกร้อง ว่า ‘คิดถึง’ เมขลาจนกระทั่งเสียสมาธิเรียนหนังสือ.. กฤษณะจำต้องเดินหน้าจีบทั้งที่รู้ว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะสมหวังนั้นน้อยเต็มที..

‘คนใจร้าย’ เขาส่งข้อความไปยังหมายเลขของเมขลาซึ่งได้มาจากดอกอ้อ..ริมฝีปากนั้นคลี่ยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าไร้สีสันของเจ้าของเบอร์..

และเมื่อส่งข้อความเรียบร้อยแล้ว กฤษณะก็พิมพ์ข้อความหาดอกอ้อ.. ‘สะดวกคุยไหม’ ดอกอ้อส่งสัญญาณด้วยการโทรออกมาหาเขาแล้ววางสาย กฤษณะโทรกลับ.. สอบถามถึง กิจกรรมของเมขลาในค่ำคืนนี้ และพอรู้ว่า วิจิตรศรากับเมขลาจะไปงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนในร้านเหล้าย่านรามอินทรา เขาก็โทรหาอาวุธทันที...



แม้จะรู้สึกว่าไม่อยากมาแต่ว่าเมื่อมาแล้วเมขลาก็จำต้องปั้นหน้าให้สดชื่น..และเมื่อเพื่อน ๆ ที่เรียนจบและต่างแยกย้ายกันไปทำงานแบมือมาให้เมขลาได้สัมผัส วิจิตรศราจึงต้องทำหน้าที่ผู้จัดการคิว..

“ตามกฏกติกานะคะ เรียนเชิญที่ร้านนางฟ้าคาเฟ่ ซึ่งจะต้องรับบัตรคิวจากดิฉันก่อน..”

“หลอกให้ไปอุดหนุนแก”

“ของก็แพง”

“อร่อยก็ไม่อร่อย”

“เมกลับ” วิจิตรศราทำท่าดึงเมขลาออกจากโต๊ะที่มีสาว ๆ อยู่ในชุดแซคสั้นหลากดีไซด์ แต่ว่าคนที่ตั้งใจแซวก็ช่วยกันรั้งด้วยมือ..

“แกสองคนจะกลับก็ได้ แต่ว่าทิ้งแบงก์ห้าร้อยไว้คนละใบ..”

“เรื่องอะไร ..เสียเงินแล้วต้องใช้ให้คุ้ม”..

ความสนุกสนานตามประสาสาว ๆ ที่เหมือนดอกไม้รอแมลงมาไต่ตอมดำเนินไป จนกระทั่งวิจิตรศาราได้รับข้อความภาพจากเพื่อนหญิงคนหนึ่ง ซึ่งวันนี้เจ้าหล่อนขอตัวไม่มาร่วมงานที่เป็นข้ออ้างที่จะพบกันครั้งนี้ และพอเปิดภาพดู วิจิตรศราก็ส่งภาพนั้นให้เมขลาได้เห็น...

เป็นภาพของศุภนิมิตรกับผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งสองเดินด้วยกันในห้างสรรพสินค้าในมือของศุภนิมิตรนั้นมีถุงกระดาษพะรุงพะรัง ความสนุกสนานของวิจิตรศราหายไปทันที

“อาจจะเป็นเพื่อนพี่เค้าก็ได้นะ”

“แต่ท่าทางสนิทสนมกันมากเลยนะ”

“หรือจะเป็นเพื่อนสาวกัน” เมขลาแสร้งบ่อยมุก วิจิตรศราจึงค้อนให้ทีหนึ่งก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้า
กระเป๋าสะพายใบจิ๋ว แล้วดื่มกินด้วยใจร้อนรุ่ม..

เธอเสนอตัวจีบเขามาตั้งนาน แต่ว่าความสัมพันธ์มันหยุดอยู่กับคำว่าพี่น้อง..

และขณะที่ดื่ม กิน ฟังเพลง ฟังเพื่อน ๆ เย้าแหย่กัน สายตาของเมขลาก็ปะทะกับชายหญิงที่เพิ่งเข้ามาใหม่..ฝ่ายหญิงยิ้มให้เมขลาเพราะว่าทำงานอยู่ในตึกเดียวกัน และเจ้าหล่อนคนนี้ก็เป็นคนชักนำแฟนสาว ของกฤษณะให้มาดูดวงกับเธอ..จนกระทั่งเกิดเรื่อง..

หลังจากที่อุมารินทร์กับแฟนหนุ่มได้โต๊ะตัวที่อยู่ติดกับเมขลา หญิงสาวลอบมองดูหน้าเมขลาซึ่งดูซึม ๆ ไม่ร่าเริงอย่างที่เคยเห็น..ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพิษของคนที่รอเวลาอยู่ข้างนอก ซึ่งวันนี้เขาขอร้องแกมบังคับให้อาวุธกับเธอออกมาจากแฟลตเพราะต้องการตามมาวอแวเมขลา..หมอดูที่ทำให้แฟนของเขาตีจากไป..ซึ่งอาวุธได้เล่าให้เธอได้รับรู้ถึงเรื่องราวเหมือนปาฏิหาริย์นั่น..ซึ่งเป็นไม่ได้ง่าย ๆ นักที่คนสองคนจะบังเอิญเจอกันวันหนึ่งถึงสามครั้ง..แต่ว่าพระพรหมก็แย้มมาให้ได้เอะใจว่า..การเช่นนี้ มันเป็นเรื่องที่ควรฉุกคิด..

และกฤษณะก็เริ่มคิดเข้าข้างตัวเองว่า เมขลานั้นเกิดมาเพื่อเขา จนกระทั่งคิดจะจีบให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ว่า..ตอนนั่งรถยนต์ของอาวุธมาที่นี่พอกฤษณะเล่าย้อนหลังให้ฟังถึงเหตุการณ์แต่ละครั้งจนถึงครั้งล่าสุด..อุมารินทร์ยังนึกไม่ออกเลยว่า เมขลานั้นจะนึกรักกฤษณะได้อย่างไร..

เพราะกฤษณะนั้นแม้จะเป็นเพื่อนกับอาวุธ แม้จะเรียนจบมาจากที่เดียวกันทำงานในตำแหน่งช่างเครื่องเหมือนกันแต่ว่าบุคลิกท่าทางนั้นห่างกันอยู่ไม่น้อย..อาวุธเรียบร้อยและสุภาพกว่า การแต่งเนื้อแต่งตัวนั้นก็ออกแนวบูติคส่วนกฤษณะนั้น ทั้งห่าม ทั้งตรง แถมเซอร์ตัวพ่อ ซึ่งไม่น่าจะใช่สเป็คของผู้หญิงเรียบร้อยอย่างเมขลา

แต่..มันก็ไม่มีอะไรแน่นอนบนโลกใบนี้..คนสองคนที่จะอยู่ด้วยกันบางทีมันอาจจะไม่ใช่ที่รูปกายข้างนอก มันอาจจะเป็นเหมือนนางรจนาที่เห็นรูปทองของพระสังข์ซึ่งอยู่คราบของเจ้าเงาะ..

และพอเวลาเคลื่อนไป..เจ้าเงาะที่วันนี้พยายามแต่งตัวให้ดูดีผิดหูผิดตาก็เดินตามเข้ามา..และเขาก็เลือกที่จะนั่งหันหลังให้กลุ่มสาว ๆ ที่นั่งอยู่โต๊ะติดกัน...กระทั่งเวลาผ่านไป..เมขลาก็หันมาเห็นว่า กฤษณะนั่งอยู่กับอุมารินทร์และคนรัก หญิงสาวรู้สึกว่า เขากำลังเล่นเกมส์กับเธอ..และพอวิจิตรศราเห็นว่า กฤษณะมานั่งอยู่ห่างเพียงคืบแต่ไม่ยอมทักทาย หญิงสาวก็เป็นฝ่ายไหวไหล่แล้วสะกิดหาเรื่องเขาเสียเอง..

“นึกว่าใครที่ไหน..”

กฤษณะเงยหน้าขึ้นไปหายักคิ้วให้ข้างหนึ่งแล้วก็ยกแก้วเหล้าในมือเฉียงไปด้านข้าง..

“ชนกับผมสักแก้วไหม”

“ไม่..” บอกเสียงห้วน ๆ แล้ววิจิตรศราก็หันไปหาเพื่อนในกลุ่ม เมขลาเองนั้นยอมรับว่า จิตใจวอก แว่ก..รู้ว่าการที่เขาเข้ามาในร้านเดียวกัน นั่งโต๊ะใกล้ ๆ กัน แล้วไม่ยอมทักทาย มันเป็นเกมส์ของเขา และเมขลาก็มั่นใจว่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพียงแต่ว่า เธอไม่รู้ว่า ใครเป็นคนบอกกับเขาว่าเธอกับวิจิตรศรามาที่นี่..

“มึงจะนั่งแอ๊กอยู่แค่นี้เหรอวะ” อาวุธกระซิบถามเบา ๆ กฤษณะที่ตาเยิ้ม ๆ แล้ว ยิ้มกวน ๆ ให้เพื่อน

“ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปซิวะ..จีบผู้หญิงมันก็ต้องมีลูกล่อลูกชน” เจตนาของเขาคือ ทำให้ค่อย ๆ ผูกพันกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง ฝ่ายหญิงจะต้องรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และเมื่อเขาหายไป..เมื่อนั้นสาวเจ้าก็จะรู้สึกว่า.. เขาเป็นคนสำคัญ เป็นคนที่อยากอยู่ด้วยทุกวัน..และมันก็เคยได้ผลมาแล้ว เมื่อครั้งที่เขาจีบมัทนา..

เวลาผ่านไป..เพลงเร้าอารมณ์ขึ้น เมขลาจึงต้องขยับแข้งขยับขากับเพื่อน ๆ ไปด้วย แต่ถึงกระนั้นเมขลาก็ยังรู้สึกว่า คนที่นั่งหันหลังให้นั้นดวงตาของเขาจับจ้องมาที่เธอ..จากที่เคยสนุกประมาณหนึ่งร้อยแรงม้า จนเพื่อน ๆ ตกตะลึงกับความบ้าบิ่นของตัวเองมาแล้ว คราวนี้เมขลายักย้ายส่ายสะโพกอย่างกั๊ก ๆ อารมณ์..จนวิจิตรศราต้องมากระซิบถาม..

“เขินนายนั่นละซิท่า”

“เปล่าเขิน”

“ดูออกหรอก..ท่าเยอะเหลือเกิ๊น..อย่าได้คิดใจอ่อนเลยนะ”

“ถ้าอ่อนไปแล้วละ”..

“ไม่เอา...เกลียดมัน..ไม่ถูกชะตา”

“เหรอ..”

“แล้วเมื่อวานน่ะเห็นไหมว่า เนื้อคู่มันเป็นใคร..”

เมขลาส่ายหน้าเบา ๆ..

“ใครมันจะซวยมาเป็นคู่ด้วยล่ะ..ห่ามซะขนาดนี้..ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนจะมามอง..”..

วิจิตรศราพูดยังไม่ทันขาดคำ เมขลาก็ต้องหันไปหาต้นเสียงที่ร้องกรี๊ดกร๊าดก่อนที่เจ้าหล่อนก็กรากมาเกาะแขนของกฤษณะทันทีเช่นกัน..

“อ้ายยยยยย ..โอ้ยยยย เจอพี่น้าที่นี่ด้วย.. คืนนี้จอยกลับบ้านด้วยนะ..”




พอนั่งรถแท็กซี่กลับมาถึงบ้านเมขลาก็รีบถอดชุดสวยนุ่งผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำ ส่วนวิจิตรศรานั้น ด้วยเรื่องของศุภนิมิตรยังคาใจ หญิงสาวจึงคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แม้จะเห็นว่ามันเป็นเวลาที่เรียกว่า ดึกจนไม่ควรจะพิมพ์ข้อความอะไรไปรบกวนเขา..แต่ว่าใจมันเรียกร้องหาเขา วิจิตรศราจึงยอมที่จะเสียมารยาทและข้ออ้างที่เธออ้างได้ นั่นก็คือวันนี้เธอเมา..

“เมา ๆ งานวันเกิดเพื่อน..”

และพอกลั้นใจส่งความไปหาเขา อึดใจวิจิตรศราก็ได้ข้อความถามกลับมาว่า “ตอนนี้อยู่ไหน”

“ที่บ้านค่ะ” วิจิตรศรากระตือรือร้นที่จะพิมพ์ข้อความโต้ตอบกับเขาและข้อความนั้นก็เป็นไปอย่างระมัดระวัง..เธออยากเป็นคนพิเศษของเขาแต่ว่าต้องไม่ใช่การเสนอตัวจนเกินงาม..

“ขับรถเองหรือเปล่า”

“นั่งแท็กซี่..ไปกับเม..เมอาบน้ำ วิรออาบต่อ..พี่ทำอะไรอยู่คะ ดึกแล้วนะ”

“เคลียร์เอกสาร”

“ขยันจังเลย”

“มีเรื่องต้องใช้เงินเยอะ..ต้องขยันมาก ๆ”

“สู้ ๆ เอาใจช่วยนะคะ”

“ขอบคุณครับ..”

“หิวไหม”

“ดึกแล้ว กินมาก ๆ จะอ้วน”

“ช่วงนี้ได้ว่ายน้ำบ้างหรือเปล่า” ที่คอนโดของเขาส่วนกลางมีสระว่ายน้ำ มีห้องอบซาวน่า มีห้องออกกำลังกาย อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน แต่ว่างานของเขาก็ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเสียมากกว่า เพราะมันไม่ได้ประจำอยู่ในออฟฟิศและบ่อยครั้งที่เขาผ่านมาย่านดอนเมืองเขาจะแวะดื่มกาแฟสดหรือไม่ก็ฝากท้องมื้อกลางวันไว้กับเธอ แต่ว่าความสัมพันธ์นั้นมันแค่พี่น้องเท่านั้น..

“ช่วงนี้หนาว ๆ ขี้เกียจ ๆ แต่ว่าก็มีออกกำลังกายบ้าง”

“พรุ่งนี้ไปไหนหรือเปล่า”

“ว่าจะขับรถกลับบ้าน..ไปหาพ่อ คิดถึงพ่อ แล้วก็จะไปดูว่าเขาติดมุ้งลวด เหล็กดัดหรือยัง”

บ้านของเขาหลังใหม่เป็นบ้านชั้นเดียวหลังกะทัดรัดมีสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำกับหนึ่งครัวห้องโถง เขาสร้างให้พ่อเขาเพราะอยากให้สะดวกสบายติดแอร์เย็น ๆ และแน่นหนากว่าบ้านหลังเดิม..เขาเล่าเรื่องครอบครัวของเขาให้เธอฟังอย่างไม่มีบิดบัง เขาเล่าถึงภาระหนี้สินค่าผ่อนคอนโดมิเนียม เล่าถึงความฝันของเขาที่จะผลิตโทนเนอร์ที่เขาคิดสูตรขึ้นมาออกสู่ท้องตลาดโดยที่เธอเต็มใจฟังและก็ถามเขาอยู่เสมอว่า พร้อมจะให้ลงหุ้นเมื่อไหร่ก็บอกมา แต่เขาก็บอกว่า ยังไม่พร้อมเป็นอาเสี่ย..ยังไม่อยากมีหนี้มากไปกว่านี้ นั่นหมายถึง เขายังไม่พร้อมให้เธอเข้าไปในชีวิตของเขานั่นเอง

“ไปเช้ากลับเย็น หรือว่าค้าง”

“ไม่ค้างหรอก..ใกล้ ๆ แค่นี้เอง วันจันทร์ต้องเข้าบริษัทแต่เช้าด้วย ไม่อยากตื่นเช้ามาก ๆ”

“ไปด้วยได้ไหม”

“ไม่ขายของเหรอ”

“วันอาทิตย์คนน้อย อุสาไว้ใจได้”

“ไม่มีคนมาดูดวง”

“นัดวันเสาร์วันเดียว อยากให้เมพักผ่อน”

“ชวนหนูนาไปด้วยสิ”

“ถ้าเขาไม่ไปล่ะ..จะให้วิไปเที่ยวที่บ้านด้วยได้ไหม” พิมพ์ถามเขาเพราะยั้งใจไว้ไม่ไหวแล้ว วิจิตรศราก็นิ่งรอคำตอบ และคำตอบนั้นก็ทำให้ให้วิจิตรศราใจฟูขึ้น “ได้ครับ”

“จะให้วิไปหาที่คอนโดหรือว่าจะขับรถมารับวิ” วิจิตรศราไม่อยากเรื่องมากกับเขา อยากให้เขาเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่พร้อมเดินไปข้าง ๆ เขามากกว่ามารั้งให้เขาเดินช้าลงเพราะต้องคอยเอาใจเธอ..

“พี่ไปรับดีกว่า..วิกับหนูนาจะได้ตื่นสาย ๆ ได้”

“กี่โมงคะ”

“สามโมงถึงหน้าร้าน..ตอนนี้ตีสามแล้ว แยกย้าย เข้านอนกันดีกว่า”

“ค่ะ ฝันดีนะคะ”

“เช่นกันครับ..บาย”..

วางโทรศัพท์ลงข้างตัวแล้ววิจิตรศราก็ยิ้มหวาน และพอเมขลาที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเดินจากห้องตัวเองเข้ามาหาก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน วิจิตรศราก็เอ่ยขึ้นว่า “พรุ่งนี้ พี่ศุภนิมิตรชวนเราสองคนไปเที่ยวบ้านเขาที่ปราจีน แต่ว่าเม ต้องไม่ว่าง..”

“อ้าว..”

“วิจะไปกับเขาสองคน..ส่วนเม..”

“เมอยากไปด้วย” รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนกำลังจะพูดอะไรแต่เมขลาก็ขอแกล้งไม่รู้ไว้ก่อน

“หาข้ออ้างไม่ว่างด่วน”

“แต่เมว่าง เมอยากเที่ยว”

“พรุ่งนี้พี่เดชาจะมาหาตอนเที่ยงแล้วกันนะ..แล้วพรุ่งนี้วันอาทิตย์เมก็อยากพัก นอนตื่นสิบโมงเลยนะ”

“พี่กล้วยกลับไปแล้ว”

“หรา...แต่พรุ่งนี้เขาจะมาหาตอนเที่ยงนะ วกกลับมาอีกรอบ ลืมของอะไรสักอย่าง..ตามนั้น”

เมขลาจำต้องขมุบขมิบปากยอมรับสมอ้าง..วิจิตรศรากลอกตาไปมา..และพอนึกได้ว่า ยังมีเรื่องคาใจยังไม่ได้คำตอบ วิจิตรศราก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง “แต่ยังไม่ได้ถามพี่เขาเลยว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

“ถ้าเป็นแฟนเขาล่ะ”

“คงไม่ใช่หรอก..คงเป็นแค่เพื่อนกัน..จากรูปเดินห่างกันตั้งสองฟุต..แต่นังเด็กนั่น..วิว่า..คืนนี้ นายกิดซานะนั่นหิ้วขึ้นห้องชัวร์...” วิจิตรศราวกเข้าไปหาเรื่องคนที่นั่งทำเท่ห์อยู่โต๊ะติดกัน..แต่ทำเหมือนไม่รู้จักกัน

“ทำไมต้องพูดถึงเค้าด้วย..พูดบ่อยมากเลยนะ”

“ก็มัน..”

“นี่ถ้าวิไม่ชอบพี่ศุภนิมิตรนะ เมจะคิดว่า วิ ชอบเค้าแน่ ๆ พูดถึงจัง..”

“แหวะ ไม่เป็ควิสักนิด..แล้ววิก็ดูออกด้วยว่า เค้าชอบเม แล้วเค้าก็จะต้องเพียรมาจีบเมอีกแน่ ๆ”

“ก็ไหนว่า คืนนี้เขาจะต้องหิ้วเด็กนั่นขึ้นห้อง”

“ก็ไม่ได้แปลว่าเค้าจะเอาไปทำแม่พันธุ์นี่”..

“เหรอ”

“ถ้าพรุ่งนี้เค้ามา ก็อย่าลงไปให้เค้าแทะเล็มอยู่ล่ะ..ระลึกไว้เลยนะ เล่นกับหมาหมาเลียปาก..”

“จ้า...”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ม.ค. 2555, 09:22:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ม.ค. 2555, 09:22:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 2930





<< 6.“ทำไมคุณไม่ตัดสินใจเลือกใครสักคนด้วยความรู้สึกของตัวคุณเอง "   8.1 สั้น ๆ ครับ ช่วงตีบตัน..กลัวลืมกันอ่ะ.. >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 25 ม.ค. 2555, 09:25:24 น.
สวัสดีครับ.. มีเรื่องปรึกษา เรื่อง ม่านพรหม เป็นภาคต่อน้องสาวคนที่สองของ ผู้การจิรวัติ จากเรื่อง ราชนาวีที่รัก ซึ่งเรื่องราชนาวีฯ อยู่ในชุด ภารกิจรักที่ผมเขียน กับ คุณทองหลาง อัคนี และ อักษรา ซึ่ง ราชนาวีฯ จะมี อีกเรื่องเป็นชุดที่ซ้อนอยู่ ม่านพรหม และก็ ในสวนศิลป์ เรื่องของเดชาพงษ์ ครูสอนโรงเรียนช่างสิบหมู่..ผมได้ชื่อชุดมาสองชุดครับ คือ สื่อรัก..สายสัมพันธ์ กับ ชุด ลิขิตพรหม..ไม่ทราบว่า เพื่อนนักอ่านที่ชอบครอบครัวสุกปลั่ง ชอบชื่อไหนครับครับ..งงเปล่า..


จุฬามณีเฟื่องนคร 25 ม.ค. 2555, 09:26:43 น.
สรุปว่า ราชนาวีที่รัก จะอยุ่ในชุดภารกิจรัก กับชุดน้องชายน้องสาว อีกเรื่องด้วย..ระหว่าง สื่อรัก..สายสัมพันธ์ กับ ลิขิตพรหม นะครับ ขอเสียงหน่อยครับ


มุกมาดา 25 ม.ค. 2555, 09:28:47 น.
เอาเลยกฤษณะ สู้ๆๆ จีบผู้หญิงให้ติดนะคะ เวียงฯ เชียร์อยู่ อิ อิ ปล.คุณเฟื่องฯ เนี่ย นอกจากเดินสายทำบุญ อยู่ระหว่างการท่องเที่ยว ยังไม่ลืมใจดีมาโพสต์นิยายให้อ่านอีกนะคะ ว่าแล้วก็ขอตอนใหม่ไวไวค่ะ 555


มุกมาดา 25 ม.ค. 2555, 09:34:38 น.
คือ แหะๆๆ เวียงฯ เริ่มอ่านอ่านม่านพรหมอ่ะ ค่ะ ส่วนเรือ่งอื่น มันหลายตอนมากแล้ว ตามไม่ทัน 555 จะรออ่านเป็นเล่มแล้วกันค่ะ...งั้นตอบแบบชอบแล้วกันนะคะ ชอบชื่อ ลิขิตพรหม ค่ะ (ไม่รู้จะพอช่วยได้เปล่า)


จุฬามณีเฟื่องนคร 25 ม.ค. 2555, 09:37:17 น.
ขอบคุณครับคุณเวียง ราชนาวีที่รัก ค่อยรอตอนงานเปิดตัวก็ได้ครับ..ในงานหนังสือ เีรียนเชิญด้วยนะครับ.. /// เดี๋ยวพาไปรู้จักบก.ดอกหญ้าด้วย..เผื่อได้มีโอกาสอยู่สนพ.เดียวกันอีกสักครั้ง..//เรื่อง ในสวนศิลป์ ยังไม่ได้เขียนครับ จบม่านพรหม แล้วถึงจะเริ่มครับ เป็นซีรีย์สามพี่น้อง ที่น่าจะทำให้คนอ่านมีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นครับ แล้วบอกไว้นิดหนึ่งว่า ฉากงานแต่งของ ผู้การจิรวัติกับแพรวพรรณ จะอยุ่ในเรื่อง ในสวนศิลป์นะครับ ใครที่รักผู้การฯ กับน้องแพรว ต้องตาม เรื่องในสวนศิลป์ด้วยครับ


มุกมาดา 25 ม.ค. 2555, 09:42:10 น.
^___^ ยินดีรับคำเชิญค่ะ จะไปจับจองราชนาวีที่รัก


sai 25 ม.ค. 2555, 10:07:07 น.
ชอบสื่อรัก...สายสัมพันธ์ เพราะว่าดูเป็นพี่ๆน้องๆดีอ่ะค่ะ


Okuriumi 25 ม.ค. 2555, 10:29:58 น.
ชอบ ลิขิตพหรม มากกว่าค่ะ


morisa 25 ม.ค. 2555, 11:33:22 น.
"ลิขิตพรหม" สิเฟื่อง

แต่มีชื่อชุดแบบนี้ ก็เท่ากับว่ามีเรื่อง "ในสวนศิลป์ กับเรื่อง "ม่านพรหม" อยู่ในชุดเดียวกันใช่ไหม (ถามให้เคลียร์)



แว่นใส 25 ม.ค. 2555, 12:27:18 น.
จะจีบสาวท่าไหนนะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 25 ม.ค. 2555, 12:35:01 น.
ลิขิตพรหม มี ราชนาวีที่รัก ม่านพรหม ในสวนศิลป์ สามพี่น้อง ครอบครัวสุกปลั่ง เรือเอกจิรวัติ สุกปลั่ง อาจารย์เดชาพงษ์ สุกปลั่ง นางสาวเมขลา สุกปลั่ง


lookAme 25 ม.ค. 2555, 13:33:37 น.
สื่อรัก..สายสัมพันธ์ ดีกว่าค่ะ


Zephyr 25 ม.ค. 2555, 14:24:58 น.
ชอบ ลิขิตพรหม ค่ะ มันดูแบบเหมือนเป็นพรหมลิขิตดี ทั้งสามคู่เลย ถึงของพี่ต้นกล้วยจะยังไม่ออกมาก็เถอะนะ แต่เท่าที่เกริ่นๆไว้ในเรื่องนี้ก็น่าจะแบบนั้นมั้ยคะ อย่างแพรวกะพี่ต้นกล้าก็แนวๆบุพเพหน่อยๆ หนูนากะคะน้าก็มาด้วยความเข้าใจผิด รู้สึกผิดและพระพรหมเล่นตลก คิดว่านะ พี่ต้นกล้วยก็แนวนี้เลยอ่ะ เหมือนสามเรื่องนี้จะเป็น รอคนที่เหมาะสมกลับมาเจอกันในเวลาที่เหมาะสม ส่วนสื่อรัก...สายสัมพันธ์ อ่านแล้วมันเน้นความรู้สึกพี่ๆน้องๆ สามคนนี้พี่น้องก็จริง แต่เหมือนคุณเฟื่องจะเขียนเน้นไปทางคู่พรหมลิขิตมากกว่าเลย เค้าว่ามันเข้ากะลิขิตพรหมมากกว่านะคะ
จะโดนด่ามั้ยถ้าบอกว่าอ่านตอนนี้แล้วไม่ชอบวิจิตรศราเลยอ่ะ แนวหมั่นไส้ๆ เธอแรงจริงๆนะคะ ทำงี้กะหนังสือได้ไง ถ้าเราเป้นคะน้าเจอร้านหนังสือทำกะหนังสือเรายังงี้ เราไม่กลับไปใช้บริการอีกแน่ๆ แถมปากเธอยังแกว่งหาเรื่องได้อีก (แต่คะน้าก็แรงอ่ะ) แต่ถ้ายายวิอยู่สถานการณ์เดียวกะคะน้า เราว่าเหวี่ยงวีน ได้โล่ห์กว่าคะน้าแน่นอน แล้วเธอก็ดูรักผลประโยชน์ไงไม่รู้ เมขลาน่ะเพื่อนเธอนะ ให้ลงเอยกะศุภนิมิตรยากๆหน่อยได้มั้ยคะ (หมั่นไส้ส่วนตัว) คุณเฟื่องอย่าเพิ่งเตะโด่งเค้าเพราะเม้นท์นี้นะ อ่านแล้วจี๊ดดดดด จริงๆเลย (อินจัด แหะ แหะ)


จุฬามณีเฟื่องนคร 25 ม.ค. 2555, 14:35:48 น.
ไม่เตะหรอกครับ ชอบเม้นท์แบบนี้ ยิ่งรู้ว่าคนอ่านมีอารมณ์ กับวิจิตรศรา ก็เลยนึกสนุก ๆ อะไร ๆ ขึ้นมาได้อีกครับ..ขอบคุณกับเม้นท์ยาว ๆ พร้อมเหตุผลประกอบนะครับ..สรุปว่า ลิขิตพรหม ครับ


คิมหันตุ์ 25 ม.ค. 2555, 14:39:49 น.
ลิขิตพรหม ค่า


anOO 25 ม.ค. 2555, 14:54:51 น.
พี่คะน้า กลายเป็นหมาไปซะแล้ว
ว่าแต่พรุ่งนี้พี่แกจะมามุกไหน


ปิลันธน์ 25 ม.ค. 2555, 15:49:04 น.
คิดว่า กฤษณะ จะโกรธเมขลา จนเลิกล้มแผนจีบซะอีก// ส่วนชื่อเนื่องจากไม่ได้ติดตามอ่านมาแต่ต้น เพิ่งมาอ่าน.ม่านพรหม.แต่ขอตอบตามที่ชอบได้ไหมคะ...ชอบชื่อ >สื่อรัก...สายสัมพันธ์< เพราะอ่านแล้วมันทำให้นึกถึงหลายๆภาค^^


ภาม 25 ม.ค. 2555, 17:05:24 น.
ชอบ ซื่อรัก เอ้ย สื่อรัก...สายสัมพันธุ์ ครับ


ภาม 25 ม.ค. 2555, 17:05:53 น.
เอ้ย(2) ธ ไม่มี สระ อุ
55555555555


จุฬามณีเฟื่องนคร 25 ม.ค. 2555, 17:12:19 น.
ขอเเสียงเพิ่ม..ทั้งสองชื่อ แล้วจะใ้ห้ บก.เป็นคนตัดสินใจครับ...


nutcha 25 ม.ค. 2555, 20:02:13 น.
กฤษณะเริ่มคิดถึงหนูนาแล้ว ชอบลิขิตพรหมากกว่า ราชนาวีที่รักอยู่ทั้งสองชุดงี้ถ้าซื้อทั้งสองชุดก็มีราชนาวีที่รักสองเล่มสิคะคุณเฟื่อง






loveleklek 25 ม.ค. 2555, 22:47:33 น.
ลิขิตพรหมเลย เฟื่อง


จุฬามณีเฟื่องนคร 26 ม.ค. 2555, 01:39:30 น.
ชุดนี้เป็นชุดที่ไม่เป็นทางการ...แค่เ็ป็นอันรู้กันเฉย ๆ ครับ..แต่ก็มีชื่อชุดให้เพื่อนนักอ่านเรียกขานเฉย ๆ ครับ


innam 26 ม.ค. 2555, 08:02:16 น.
ลิขิตพรหม ด้วยคน


Pat 26 ม.ค. 2555, 19:32:38 น.
ลิขิตพรหม ค่า^_^


คุณแม่ลูกสอง 27 ม.ค. 2555, 02:16:25 น.
ชอบ"ลิขิตพรหม" ค่ะ...เพิ่งมาเริ่มอ่านค่ะ อดใจรอให้มีหลายๆตอนก่อน ไม่งั้นมันจะหงุดหงิดเพราะอยากให้ตอนใหม่มาเร็วๆ อิอิ


OPUS 14 มี.ค. 2555, 12:29:01 น.
ลิขิตพรหม แป๊ะมากค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account