ต้องชะตารัก By ณพรชล
ความรักของมนุษย์เราจะมั่นคงสักแค่ไหนกันนะ

หากว่าคนที่เรารักที่สุดกลับจำเรื่องราวระหว่างกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เราควรจะทำอย่างไรดี

ทำทุกวิถีทางให้เธอจำได้

ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป

หรือ สร้างความทรงจำใหม่ให้กับเธอ

ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกอะไร

"ผมไม่รู้ว่าสำหรับพี่ต้นแล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าดี หรือ แค่ไหนถึงจะเรียกว่ามากพอ แต่ในความรู้สึกของผมปลายข้าวไม่ใช่แค่ความหลง ไม่ใช่แค่ความผูกพันธ์ หรือแม้แต่ความสงสารใดๆ แต่ปลายข้าวคือความรัก ชีวิต และจิตใจของผม เพียงครั้งแรกที่ผมเห็นเธอ ผมรู้ในทันทีว่าเธอคือ ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่มีใครเชื่อเพราะคิดว่าผมยังเด็กเกินไป แต่ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันความรู้สึกเดิมว่าปลายข้าวยังเป็น ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม คือคนที่ผมอยากมีอนาคตร่วมกับเธอและไม่มีใครสามารถแทนที่เธอได้ ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ปลายข้าวอยู่ใกล้ๆ เคียงข้างผมได้โดยไม่ให้เธอเสียหายหรือมีใครมาครหา"
Tags: พี่สกาย ปลายข้าว

ตอน: ตอนที่ 9.1 อัพวันล่ะนิดให้คนอ่านกระชุ่มกระชวยหัวใจ

มาตามสัญญาแล้วนะคะ กับตอนที่ 9(.1) อิอิ

ขอให้อ่านกันอย่างมีความสุขนะคะ
ด้วยรักและจุ๊บๆ
ปอรินทร์^^



9.1



แสงที่ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาปลุกให้ร่างที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราลืมตาขึ้น นัยน์ตากลมโตสีนิลที่พราวระยับเหมือนสายน้ำที่ถูกแสงแดดสาดส่องเอาแต่เหม่อมองเพดานห้องสีขาว เช้าแล้วสินะ ร่างบางคิดอย่างเศร้าสร้อย ช่วงเวลายามรุ่งเช้านี่แหละที่หญิงสาวชอบที่สุดและไม่อยากให้มันผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก เพราะมันทำให้เธอรู้สึกสงบและมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับคำพูดที่เสียดแทงใจ สายตาที่ริษยาที่จ้องมองเธอ หรือแม้แต่เข็มนับสิบเล่มหรือไม้เรียวที่ค่อยทำร้ายเธอ ตลอดสามปีที่เธอเหมือนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง


“ก๊อกๆ คุณหนูปลายค่ะ นมเองนะคะ ตื่นหรือยังคะ เปิดประตูให้นมหน่อยค่ะ” เสียงเคาะของนมรุ้งดังขึ้น ‘นมรุ้ง’ เป็นแม่นมของเธอกับพี่สาวและเป็นที่เพิ่งเพียงหนึ่งเดียวของเธอยามที่ผู้เป็นบิดาไปทำงาน


“ตื่นแล้วค่ะนม ทำไมวันนี้ถึงเช้าเร็วอย่างนี้คะนม” หญิงสาวพูดอย่างเหม่อลอย หลังจากเปิดประตูให้นมรุ้งเข้ามา ถ้าเป็นเด็กคนอื่นพูดแบบนี้นมรุ้งคงจะบิดคนที่พูดประโยคนี้ให้เนื้อเขียวเพราะเข้าใจว่าคนพูดขี้เกียจสันหลังยาว หากแต่คนที่พูดประโยคนี้คือ ‘ธัญพัชร’ คนที่นางเลี้ยงมากับมือ


“โถ่! ทูนหัวของนม” นมรุ้งพูดได้แค่นั้นก็รวบร่างบางเข้ามากอดแนบอก น้ำตาค่อยรินไหลด้วยความสงสาร ทำไมคุณหนูของเธอช่างโชคร้ายอย่างนี้นะ


“ที่วันนี้เช้าเร็วก็เพราะว่าวันนี้คุณหนูต้นจะกลับมาอยู่กับทูลหัวของนมแล้วน่ะสิคะ ไม่ได้ทิ้งคุณหนูอย่างที่คุณนันทวรรณบอกสักหน่อย” นางเอ่ยปลอบร่างในอ้อมกอด


“จริงเหรอคะนม ต้นจ๋าจะกลับมาหาปลายแล้วใช่ไหมคะ จะไม่ทิ้งปลายไปอีกแล้วใช้ไหมคะ” ร่างบางพูดอย่างตื่นเต้นแล้วผละจากอ้อมกอดของนมรุ้งทันที


“จริงสิคะ นมจะโกหกคุณหนูทำไมกัน ไปค่ะ รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นมทำข้าวต้มกุ้งของโปรดคุณหนูเอาไว้ด้วย ถ้าช้าเดี๋ยวพี่นุ่มกับพี่นิ่มแย่งกินหมดนะคะ” นมรุ้งรีบเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดกับคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม


“งั้นปลายต้องรีบอาบน้ำเสียแล้ว นมลงไปรอปลายข้างล่างก่อนนะคะ เดี๋ยวปลายจะรีบลงไป” ร่างบางบอกก่อนรีบเข้าห้องน้ำทันที ทำให้แม่นมได้แต่ยิ้มกับการกระทำของหญิงสาว หากแต่รอยยิ้มนั้นก็ไม่ได้อยู่บนใบหน้านั้นนานนัก เมื่อนางหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณหนูของเธอตลอดสามปีที่ผ่านมา


ร่างบางที่รีบเข้าห้องน้ำมานั้น พอเข้ามาอยู่ในห้องน้ำแล้วก็ไม่ได้รีบล้างหน้าแปรงฟันแต่อย่างใด เธอเอาแต่จ้องกระจกที่สะท้อนใครอีกคนที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับพิมพ์เดียวกันหากแต่นัยน์ตาที่สะท้องกลับมานั้นมีแต่ความเศร้าสร้อยสะท้อนออกมา เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดสามปีที่ผ่านมายังชัดเจนถึงแม้ว่าเธอจะอยากลืมมันเพียงใดก็ตาม


ครอบครัวที่สุขสันต์ที่แสนจะอบอุ่นของเธอมีอันต้องพังลง เพราะผู้หญิงคนหนึ่งก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมกับเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ในตอนนั้นแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต แต่หลังจากงานศพของแม่ได้เพียงแค่อาทิตย์เดียวพ่อของเธอก็พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในบ้านหลังนี้พร้อมกับเด็กผู้ชายที่อายุมากกว่าเธอเพียงหนึ่งปี พ่อบอกเพียงแค่ว่าผู้หญิงกับเด็กชายผู้มาใหม่จะมาเป็นแม่และพี่ชายคนใหม่ของเธอ ในช่วงแรกๆ ที่แม่ใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน พี่สาวของเธอคัดค้านและต่อต้าน แต่พ่อของเธอก็บอกให้พี่สาวและเธอเปิดใจรับ และบอกว่าแม่ใหม่ของเธอน่าสงสาร พวกเขาไม่เคยร้องขออะไรพ่อเลยตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา นั้นยิ่งทำให้ภาพของพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี เหมือนฮีโร่ในดวงใจของเธอและพี่สาวสูญสลายไปต่อหน้าอย่างไม่มีชิ้นดี


พี่สาวของเธอโชคดีกว่าเธอตรงที่หลังจากเกิดเรื่องราวได้หกเดือน พี่สาวของเธอก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่ออสเตเรีย หลังจากที่พี่สาวเธอไปเรียนต่อได้ไม่นาน ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป แม่เลี้ยงของเธอแรกๆ ก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่หลังจากที่พี่สาวของเธอไปเรียนต่อที่เมื่อนอกแล้ว แม่เลี้ยงดูแลเธอเป็นอย่างดีเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าพ่อของเธอเท่านั้น แต่ลับหลังพ่อของเธอ แม่เลี้ยงก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน คำพูดคำจาเริ่มเปลี่ยนไปจากที่เคยพูดจาดีกลับมีแต่คำด่าทอ เสียดสี แดกดัน สายตาที่เคยมองอย่างอ่อนโยนกลับกลายเป็นริษยา เย็นชา และเกรี้ยวกราด บทลงโทษต่างๆ ที่สรรหามาทำโทษเธอยามเธอทำอะไรไม่ถูกใจแม่เลี้ยงหรือโดยพี่ชายคนใหม่ใส่ร้ายหาว่าแกล้งนั้น สุดแสนจะร้ายกาจ อย่างเช่น ถูกจับมัดไว้กับเสาแล้วตีด้วยไม้เรียว โดยแม่เลี้ยงเธอตีแต่เฉพาะในส่วนที่เสื้อผ้าปิดได้เท่านั้น


แต่นั้นก็ไม่เลวร้ายเท่าครั้งหนึ่งที่เธอถูกกล่าวหาว่าขโมยเงินของแม่เลี้ยง ซึ่งเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย แม่เลี้ยงโมโหมากหาว่าเธอปากแข็งไม่ยอมรับผิด แม่เลี้ยงสั่งจับเธอมัดไว้กับเสาเตียงแล้วเอาเข็มแทงหลังเธอ เธอร้องบอกว่าเธอไม่ได้เป็นคนขโมย แต่แม่เลี้ยงเธอก็ไม่เชื่อ จนนมรุ้งวิ่งเข้ามาบอกว่าถ้าแม่เลี้ยงไม่หยุดทำโทษเธอด้วยวิธีที่โหดร้ายแบบนี้นางจะบอกพ่อ และยังบอกอีกว่าลูกชายของแม่เลี้ยงนั่นแหละที่เป็นคนขโมยเงินแม่เลี้ยงไปเพราะนางเห็นกับตา แต่ถามไม่เชื่อนายก็ยินดีที่จะชดใช้เงินที่หายไปเอง เธอจึงรอดมาได้ นมรุ้งทายาที่หลังเธอไปก็ร้องไห้ไป นางเอาแต่คร่ำครวญว่านางไม่น่าปล่อยเธออยู่บ้านกับแม่เลี้ยงเลย ไม่งั้นเธอคงไม่ถูกแม่เลี้ยงทำร้ายขนาดนี้


พ่อซึ่งทำงานกลับดึกเป็นประจำทุกวันไม่เคยรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอเลย แม่ใหม่ไม่เคยปล่อยให้คนใช้ภายในบ้านคนไหนได้แพร่งพรายเรื่องนี้ให้พ่อของเธอได้รับรู้ เพราะหาใครที่เอาเรื่องนี้ไปบอกจะถูกไล่ออกจากบ้านทันที แม้แต่นมรุ้งก็เกือบจะถูกไล่ออกจากบ้านหลายครั้งเหมือนกัน แต่ติดที่เป็นคนเก่าคนแก่ของบ้าน แม่ใหม่จึงทำอะไรนมรุ้งไม่ได้มากเพราะเกรงใจพ่อ


ขณะที่เธอกำลังเดินผ่านห้องทำงานของบิดาเพื่อลงไปชั้นล่าง เธอก็ได้ยินเสียงของนันทวรรณแม่เลี้ยงของเธอดังมาจากในห้องนั้น ฟังจากน้ำเสียงเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง


“ทำไมคุณทำตามแผนเดิมของเราคะคุณวัฒน์ ทำแบบนี้มันเสี่ยงมากรู้ไหม”


“แต่ที่ผมทำไปทุกอย่างก็เพื่อคุณกับลูกนะ” เสียงของวิวัฒน์ผู้จัดการฝ่ายการเงินบริษัทของบิดาเธอ ทำให้ธัญพัชรสงสัยว่าเขามาทำอะไรที่นี่ ในเมื่อตอนนี้บิดาของเธอก็ออกไปทำงานแล้ว


“แต่ที่คุณโกงไปมันแค่เศษเงินของวรพงษ์พานิชเท่านั้นนะ ทำไมคุณไม่รอให้คุณธัชยกสมบัติให้ตานิคล่ะคะ คุณก็เห็นว่าคุณธัชหลงตานิคจะตาย” นันทวรรณเอ่ยอย่างหัวเสีย เพราะวิวัฒน์กำลังจะทำให้แผนที่ร่วมกันวางไว้ต้องพังลง


“แล้วถ้าเกิดมันรู้ว่าตานิคเป็นลูกผม ไม่ใช่ลูกมัน ทุกอย่างก็พังหมดน่ะสิ ที่ผมทำไปอย่างน้อยถ้าเกิดวันหนึ่งความลับแตก เราก็ยังมีอะไรติดไม้ติดมือไปสร้างชีวิตใหม่ได้ ถึงมันจะเสี่ยงแต่มันก็คุ้มไม่ใช่หรือไง แม้ว่าคุณจะเห็นว่าเงินสองร้อยล้านมันเป็นแค่เศษเงินก็เถอะ” วิวัฒน์พยายามบอกอย่างใจเย็น


“คุณวัฒน์ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ นันไม่ปล่อยให้ใครรู้เรื่องของตานิคเด็ดขาด” นันทวรรณบอกเสียงเหี้ยม
ทุกสิ่งที่เธอได้ยินมันทำให้เธออดสั่นสะท้านไม่ได้ แต่อะไรก็ไม่ร้ายแรงเท่ากับสิ่งที่เธอได้ยินว่า ‘แม่เลี้ยงกับคุณวิวัฒน์กำลังรวมหัวกันหลอกพ่อเธอ และพี่นิคไม่ใช่ลูกของพ่อ’ มือบางของเธอก็เผลอปัดแจกันที่ตั้งอยู่ตรงหน้าห้องโดยไม่ทันตั้งตัว ถึงแม้ว่าเสียงจะไม่ดังมากนักเพราะตกบนพื้นพรม แต่มันก็ดังพอที่คนข้างในจะได้ยิน


“นั่นใครน่ะ!”เสียงของวิวัฒน์ดังขึ้นเพราะได้ยินเสียงเหมือนของบางอย่างตกพื้นที่หน้าห้อง นันทวรรณรีบเดินไปเปิดประตูทันที ก็เห็นลูกเลี้ยงกำลังจะวิ่งหนี เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้าตัวลูกเลี้ยงเธอเอาไว้ได้ตรงหน้าบันได


“แม่เคยสอนหนูแล้วนี่จ๊ะปลาย ว่า ‘เวลาผู้ใหญ่เขาคุยอย่าแอบฟัง’” นันทวรรณเอ่ยเสียงหวาน หากแต่ประโยคสุดท้ายกลับแฝงความดุดัน ทำเอาคนถูกเอ่ยชื่อถึงกับสั่นด้วยความกลัว


“นะ...หนูไม่ได้แอบ ฟะ..ฟังนะคะแม่นัน นะ...หนูกำลังจะ..จะลงไปหา นะ...นมรุ้งข้างล่าง” คำพูดตะกุกตะกักบวกกับน้ำเสียงตื่นกลัวของลูกเลี้ยง ไม่ได้ทำให้นันทวรรณสงสารเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับยิ่งทำให้เธอโมโหมากยิ่งขึ้น


“แม่ว่าแม่เคยสอนหนูอีกอย่างหนึ่งแล้วนะ ว่า ‘เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าหัดพูดโกหก’” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดในตอนท้ายพร้อมทั้งเพิ่มแรงบีบที่ต้นแขนของลูกเลี้ยง


“จริงๆ นะคะแม่นัน นะ...หนูไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น” ร่างบางทั้งเจ็บทั้งกลัวจนน้ำตาไหลอาบแก้ม


“หนูอยากรู้ไหมปลาย ว่าทำไมแม่แท้ๆ ของหนูถึงได้ทิ้งหนูไป” เสียงเย็นๆ ของแม่เลี้ยงที่ถามไปอีกเรื่องนั้น ยิ่งทำให้ให้เธอหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม เธอส่ายหน้าไม่ยอมตอบ


“หนูไม่ตอบก็ไม่เป็นไรปลาย เพราะแม่เลี้ยงผู้แสนจะใจดีคนนี้จะเป็นคนบอกให้ลูกเลี้ยงผู้น่าสงสารได้ตาสว่างสักที ก็เพราะนังพิมพ์มันรู้ความลับของฉันไง มันถึงได้อายุสั้น” นันทวรรณเอ่ยน้ำเสียงเหี้ยม


“อย่าทำอะไรหนูเลย ปล่อยหนูเถอะ หนูกลัวแล้ว” ธัญพัชรอ้อนวอนทั้งน้ำตา แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลนักเพราะแม่เลี้ยงค่อยๆ เดินเข้ามาหาด้วยท่าทีคุกคาม ขณะที่เธอก็ถอยหลังอย่างหวาดกลัว จนสุดทางเดิน


“ช่างน่าสงสารจริงๆ เลย ที่ลูกสาวของนังพิมพ์ภัทราจะมีชะตากรรมเหมือนแม่ของมัน” พูดจบนันทวรรณก็ผลักร่างบางของลูกเลี้ยงอย่างแรง จนร่างบางนั้นหงายหลังลงไป ก่อนจะกลิ้งลงไปตามขั้นบันได จนสุดท้ายก็แน่นิ่งไปเมื่อร่างบางลงไปถึงข้างล่าง


“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องของใครก็ไม่อาจรู้ เพราะก่อนที่ทุกอย่างจะมืดมิด สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงร่างสมส่วนของพี่สาวและร่างเล็กบางของเพื่อนสนิทของเธอที่ยืนตะลึงอยู่หน้าประตูเท่านั้น...





>>>>>>>>>> โปรดติดตามต่อกับ 9.2 นะคะ^^ <<<<<<<<<<




ปอรินทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ม.ค. 2555, 22:18:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2555, 22:45:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1785





<< ตอนที่ 8.3 ขอโทษทีมาช้าค่าาาาาาา T^T   ตอนที่ 9.2 กลับมาต่อจนจบตอนแล้วนะค่ะ^^ >>
ทองหลาง 20 ม.ค. 2555, 23:44:19 น.
โหดร้าย..งือๆๆๆๆ


anOO 21 ม.ค. 2555, 14:43:23 น.
รู้แล้วๆ ทำไมปลายถึงจำเรื่องเก่าๆ ไม่ค่อยได้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account