เทหน้าตักรักนางมารร้าย ตอนพิเศษ (Love scene!!!)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: Love scene ต่อ

ภาพความวุ่นวายเล็กๆ หน้าสถาบันสอนภาษาทูพีเอ็นก่อนเริ่มต้นการเรียนการสอนในการเปิดคอร์สวันแรกจุดรอยยิ้มอ่อนจางแต่งแต้มบนดวงหน้าใส หนึ่งในสามสาวผู้ถือหุ้นใหญ่และรับหน้าที่ในการบริหารงาน

ภายหลังจบการศึกษาระดับปริญญาโทปุณยวีร์ เหมือนพิมพ์และณัชชาเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายก็ตัดสินใจลงขันกันเช่าตึกขนาดหนึ่งคูหาเปิดเป็นออฟฟิศเล็กๆ รับงานด้านแปลเอกสาร เป็นที่ปรึกษาแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ รวมทั้งจัดซัมเมอร์แคมป์ที่ประเทศเกาหลี ประเทศยอดนิยมอันดับต้นๆ ของคนไทยในระยะสองสามปีที่ผ่านมา และจากผลประกอบการซึ่งเป็นที่น่าพอใจหลังเปิดดำเนินงานได้เพียงปีเศษปุณยวีร์กับเหมือนพิมพ์จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมาทุ่มเทให้กับกิจการของตัวเองอย่างเต็มตัวหลังจากปล่อยให้ณัชชาดูแลอยู่เพียงลำพังส่วนพวกเธอก็จะเข้ามาช่วยงานในวันว่างหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ชินพัตต์และกลุ่มเพื่อนวิศวกรที่สนิทสนมกันดีตัดสินใจลาออกจากงานประจำแล้วมาร่วมหุ้นกันเปิดบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ แล้วจากผลกำไรที่เป็นกอบเป็นกำอีกทั้งมองเห็นลู่ทางว่าธุรกิจมีแนวโน้มจะเติบโตไปได้อีกไกลทั้งสามสาวจึงลงหุ้นเพิ่มแล้วมาเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานใจกลางกรุงพร้อมทั้งเปิดสถาบันสอนภาษาจีน ญี่ปุ่นและเกาหลีควบคู่ไปด้วย ซึ่งก็ถือว่าเดินมาถูกทางทีเดียวเพราะทุกคอร์สที่เปิดสอนมีผู้สมัครเข้าเรียนเต็มหมดทุกคอร์สทั้งนักเรียน นักศึกษา หนุ่มสาวออฟฟิศรวมไปถึงบุคคลทั่วไปที่สนใจจะเรียนรู้ภาษาที่สามและเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ให้กับตัวเอง

“ปุ่น! แกมาทำไม” เสียงแหลมสูงที่ดังขึ้นทักพร้อมทั้งส่งคำถามมาด้วยในตัวเรียกให้คนที่กำลังโบกมือทักทายรุ่นน้องซึ่งได้ตอบรับมาเป็นอาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นถอนหายใจก่อนจะผินหน้าไปหาเจ้าของคำถาม

“ฉันก็เข้าออฟฟิศมาทำงานเหมือนแกน่ะสิ ถามออกมาได้ แปลกคน อย่าบอกนะว่านี่ก็เป็นอาการข้างเคียงอย่างหนึ่งของคนท้อง” ไม่เพียงตอบคำถามเท่านั้นปุณยวีร์ยังแขวะคนท้องที่มักจะมีอาการแปลกๆ มาทำให้คนรอบข้างต้องกุมขมับเพราะรับมือกับอารมณ์แปรปรวนของเจ้าหล่อนไม่ค่อยจะถูก

เหมือนพิมพ์แยกเขี้ยวใส่คนขยันผิดเวล่ำเวลา “แกนี่มัน… มานี่เดี๋ยวนี้เลย” ว่าแล้วก็ออกแรงฉุดยัยเพื่อนตัวดีเข้าไปในห้องทำงานเพื่อทำการสังคายนาครั้งใหญ่



“มาแล้วเหรอพิมพ์ อ้าว! ปุ่นก็มาด้วย” คนอยู่ในห้องแสดงสีหน้าแปลกใจเมื่อพบว่าคนที่เพิ่งผลักประตูเข้ามาไม่ได้มีเพียงเพื่อนสาว ว่าที่คุณแม่เท่านั้น หากยังรวมไปถึงเจ้าสาวหมาดๆ ซึ่งเพิ่งจะผ่านพ้นพิธีมงคลสมรสไปเมื่อวานนี้รวมอยู่ด้วย

“แกก็รับไม่ได้ใช่มั้ยนัท” เหมือนพิมพ์ได้จังหวะเปิดฉากสังคายนาทันที “เห็นเพื่อนเพิ่งแต่งงานไอ้เราก็อุตส่าห์หวังดีบอกให้ไปฮันนีมูนมีความสุขกับสามีสักอาทิตย์สองอาทิตย์ แต่แกดูมันทำสิไม่ยอมหยุดสักวันแล้วยังมีหน้าจะมาทำงานให้เราเสียความตั้งใจอีก”

ปุณยวีร์ถอนหายใจพลางนั่งลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานของตัวเอง “พวกแกนี่ยังไงเพื่อนมาช่วยงานก็บ่น แล้วใครที่ไหนเขาห้ามไม่ให้คนเพิ่งแต่งมาทำงานไม่ทราบยะ”

“จริงๆ ก็ไม่มีใครห้ามหรอกย่ะ เพราะคนอื่นเขาสวีทหวานกับแฟนจนเป็นเรื่องปกติ แต่กับนางมารร้ายบางคนที่ไม่ค่อยจะแคร์แฟน ลืมได้แม้กระทั่งวันเกิดวาระสำคัญต่างๆ นี่ ก็น่าจะคิดพิจารณาตัวเองบ้าง ว่ามั้ยยะ”

นางมารร้ายได้แต่ค้อนปะหลับปะเหลือกเถียงไม่ออก ณัชชาส่ายหน้ายิ้มขำๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์ช่วยพูดคลี่คลายสถานการณ์ “เมื่อวานก็ยุ่งทั้งวันทั้งพิธีตอนเช้าแล้วยังงานเลี้ยงตอนค่ำ เราว่าวันนี้ปุ่นกลับไปพักดีกว่าไม่ต้องมาช่วยงานพวกเราหรอก อีกอย่างงานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรด้วย”

“จะว่าเหนื่อยมันก็เหนื่อยอยู่หรอก แต่พองานเลี้ยงเลิกหัวถึงหมอนปุ่นก็หลับยาวจนถึงเช้าตื่นขึ้นมาก็สดชื่นไม่รู้สึกเหนื่อยแล้วล่ะ”

เหมือนพิมพ์หรี่ตา “เดี๋ยวนะ เมื่อกี้แกบอกว่าพองานเลี้ยงเลิกหัวถึงหมอนก็หลับยาวจนถึงเช้า… นี่หมายความว่าในคืนเข้าหอแกดันหลับอุตุปล่อยให้เจ้าบ่าวนอนหง่าวจนน้ำยาบูดอุดท่ออยู่คนเดียวอย่างงั้นเหรอ โถ… เพื่อนเขยฉัน เวรกรรมอะไรอย่างนี้” คนท้องคร่ำครวญเสียงรันทดจนเพื่อนอีกคนทนไม่ไหวระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ส่วนเจ้าสาวที่ปล่อยให้เจ้าบ่าวต้องนอนหง่าวก็หน้าดำหน้าแดงทั้งโกรธทั้งอายไปตามระเบียบ

“ดราม่าเกินไปแล้วแก คนเหนื่อยจะตายแกจะให้มีอารมณ์ทำอะไรได้อีกล่ะ”

“เรื่องเหนื่อยกับเรื่องอารมณ์มันอยู่คนละส่วนกันย่ะ แล้วฉันก็แน่ใจว่าชินมีอารมณ์จะทำอะไรแกแน่ถ้าแกไม่ชิ่งหลับไปก่อน ใช่มั้ยนัท” เหมือนพิมพ์หันไปหาผู้สนับสนุน

“เราว่าจะลงไปดื่มกาแฟสักหน่อย พิมพ์เอาน้ำส้มคั้นนะ ส่วนปุ่นก็กรีนทีเฟรปเป้เหมือนเดิม โอเคเดี๋ยวจะซื้อมาให้” ณัชชารีบตัดช่องน้องแต่พอตัวหลบฉากออกจากห้องโดยที่เพื่อนไม่ทันได้คัดค้าน ซึ่งเหมือนพิมพ์ก็แค่ยักไหล่ ส่วนคนที่ถูกทิ้งให้ผจญชะตาอยู่ตามลำพังกับคนท้องฮอร์โมนไม่ค่อยจะปกตินักได้แค่อ้าปากยกมือค้าง

“ฉันคงต้องเลกเชอร์หลักสูตรเข้าหอสำหรับเจ้าสาวมือใหม่ให้แกอย่างจริงจังซะแล้วล่ะปุ่น ไม่งั้นเพื่อนเขยของฉันได้สวรรค์ล่มอีกแน่ๆ”

“อ๊ายยย พิมพ์… แกเลิกพูดเรื่องนี้ซะที ฉันขี้เกียจล้างหู”

“ไม่เลิก! ฉันพูดความจริงทำเป็นรับไม่ได้ เฮอะ! ทีก่อนแต่งล่ะทำปากเก่งพูดสองแง่สองง่ามไม่เคยแคร์สื่อ แต่พอเอาเข้าจริงก็อ่อน… คนแต่งงานกันนอนเตียงเดียวกันแกจะให้นอนหันหลังพูดกันอย่างเดียวไม่ทำอะไรเลยรึไง บ้า! สุดที่รักของแกน่ะผู้ชายทั้งแท่งไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะยะ แล้วถ้าแกทำใจรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้แกตกลงแต่งงานกับเขาทำไม”

“ก็เพราะฉันรักเขา เรารักกันแล้วก็อยากจะแชร์ชีวิตร่วมกันน่ะสิ แกนี่ถามแปลกๆ อีกแล้ว หรือว่าแกกับพี่อาร์มแต่งงานกันเพราะไม่ได้รักล่ะ” ย้อนกลับรวนๆ

“รักสิ! ฉันกับพี่อาร์มรักกันมาก แล้วเราก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่แกมี แกบอกว่ารักชิน ต้องการแชร์ชีวิตกับเขา แต่สิ่งที่แกทำอยู่มันใช่เหรอปุ่น แค่คืนแรกแกก็นอนหันหลังให้เขาพอเช้าก็เผ่นแน่บมาทำงานแบบนี้ ถามหน่อยเถอะว่าแกได้พูดได้อธิบายให้เขาเข้าใจบ้างรึเปล่าว่าแกยังไม่พร้อม ไม่ใช่เอาแต่หลบหน้าปล่อยให้เขาเข้าใจเอาเอง ไม่รู้ป่านนี้จะน้อยใจคิดว่าแกรังเกียจจนคิดฆ่าตัวตายไปแล้วมั้ง”

ปุณยวีร์ถลึงตาใส่แม่เพื่อนจอมเว่อร์ “มากไปย่ะ ชินไม่ใช่คนไร้สาระสิ้นคิดสักหน่อย” แต่ไอ้เรื่องขี้น้อยใจนี่สิ… คงกำลังงอนกันอยู่แน่ๆ

“เฮ้อ… ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไง ตอนตัดสินใจแต่งงานฉันก็ว่าฉันพร้อมแล้วนะ แต่พอถึงเวลานั้น… มันก็ทั้งกลัวทั้งอาย บอกไม่ถูก”

คนเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วพยักหน้า “ฉันเข้าใจ… แต่อะไรๆ มันก็ต้องมีครั้งแรกทั้งนั้นแหละแก แล้วพอผ่านครั้งแรกไปนะแกจะติด…”

“พอๆ พิมพ์ ยิ่งฟังแกพูดฉันยิ่งหลอน” คนอ่อนประสบการณ์รีบเบรกเสียงหลง

“ทำไม ก็ฉันพูดเรื่องจริง เอาเถอะ… ถ้าแกยังไม่พร้อมแกก็ควรจะเปิดอกพูดตรงๆ กับสามีตามกฎหมายของแกให้เรียบร้อยซะ เขาจะได้ทำใจไม่ต้องเตรียมตัวเป็นสามีตามพฤตินัยของแกจนต้องคอยเก้ออีก”

“ก็ฉันไม่กล้า… จะมีใครเป็นแบบฉันบ้างมั้ยเนี่ย” เพียงเปรยกับตัวเองไม่ต้องการคำตอบ

“ไม่มีแน่นอน เด็กอายุยังไม่ถึงสิบห้าบางคนยังใจถึงมากกว่าแก” ตอบกลับทันควันแถมยังยักคิ้วใส่คนใจไม่ถึงที่สะอึกไปถึงไหนๆ

“โอเค ฉันผิดเอง ฉันคนเดียว” ประชดน้ำเสียงกระเง้ากระงอดหวังว่าอีกฝ่ายจะเห็นใจตอบปฏิเสธ ทว่าผิดคาด เจ้าหล่อนดันตอบมาว่า “รู้ตัวก็ดี” ซะงั้น

“นังพิมพ์!”

เหมือนพิมพ์ไหวไหล่ “จะว่าเข้าข้างคนอื่นมากกว่าเพื่อนตัวเองฉันก็ยอมรับล่ะ เพราะ ณ จุดนี้ฉันอยู่ข้างชินเต็มตัว คิดดูก็แล้วกันแกกับเขาคบกันมากี่ปีถึงจะตกลงใจแต่งงาน ห้าเกือบหกปีใช่มั้ย เขาเคยนอกใจแกไปหาเศษหาเลยกับคนอื่นรึเปล่า ก็ไม่เคย ใช่มั้ยล่ะ กับแกเขาก็ได้แค่กอดจูบไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น พูดถึงจูบลึกซึ้งเห็นแกเป็นแบบนี้แล้วฉันก็แน่ใจว่ามันน่าจะนับครั้งได้ คิดดูเองก็แล้วกันว่าเขาต้องหักห้ามใจมานานแค่ไหน สู้ทนอัดอั้นมาตั้งเท่าไหร่ ความต้องการของผู้หญิงกับผู้ชายมันต่างกันนะแก ฉันมีประสบการณ์มาแล้วฉันรู้ดี เห็นท้องอย่างนี้ฉันก็ยังทำหน้าที่ภรรยาที่แสนดีให้ความสุขสามีไม่มีบกพร่องหรอกนะยะ”

คนท้องเชิดหน้าบอกด้วยความภาคภูมิใจจะเขินสักนิดก็ไม่มีกลับเป็นคนฟังซะอีกที่หน้าแดงก่ำพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ได้แต่เบิกตามองว่าที่คุณแม่สุดมั่นในเดรสสีเทาแขนยาวสามส่วนสวมทับเลกกิ้งลายขาวดำอึ้งๆ ถึงจะรู้จักนิสัยกันมาเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเปรี้ยวซ่าก๋ากั่นถึงเพียงนี้ สุดท้าย… เลยจำต้องทำใจคิดว่าคงเป็นผลข้างเคียงจากฮอร์โมนของคนท้องจะได้ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนมากนัก





ชินพัตต์ขับรถเข้ามาจอดยังส่วนที่กันเอาไว้สำหรับผู้บริหารของ WE Associate Co.,Ltd. นานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ร่างสูงยังคงปักหลักอยู่กับที่ไม่ก้าวลงจากรถเสียทีนำความสงสัยมาสู่พนักงานรักษาความปลอดภัยวัยกลางคนที่ได้แต่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าไปซักถามเพราะเกรงมาดนิ่งๆ ของท่านรองสุดหล่อ แล้วเท่าที่ดูก็ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ

บริษัทแห่งนี้ชายหนุ่มและกลุ่มเพื่อนวิศวกรได้ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจการให้บริการงานที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์แบบครบวงจร มีผู้ถือหุ้นใหญ่สี่รายรับหน้าที่ในการบริหารงาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหนุ่มมาดนิ่งที่ยังยึดพื้นที่ภายในห้องโดยสารของรถยุโรปคันหรู ดวงตาคู่คมเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือเห็นเข็มสั้นชี้อยู่ระหว่างเลขสิบกับเลขสิบเอ็ด สายพอสมควร บรรดาขาใหญ่… คงจะเข้าห้องทำงานกันหมดแล้ว หนทางน่าจะสะดวกไม่มีพวกตัวกวน เพราะฉะนั้นเขาก็ควรจะลงจากรถเสียที

ชายหนุ่มจัดการปิดแอร์ดับเครื่องรถยนต์ก่อนจะก้าวลงจากรถท่ามกลางความโล่งใจของลุง รปภ. ที่เห็นว่าท่านรองของแกไม่ได้เป็นอะไร

“กลับมาแล้วเหรอชิน” เสียงทุ้มนุ่มดังทักขึ้นมาขณะที่ชินพัตต์ยังเดินไม่ถึงห้าก้าวเลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มไม่ทันจะได้ตอบกลับก็มีอีกเสียงที่เขาโคตร! ไม่อยากได้ยินโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็ในตอนนี้ดังขึ้นตามกันมาติดๆ

“เฮ้ย! นายลาฮันนีมูนสองอาทิตย์ไม่ใช่เหรอวะ ยังไม่ครบกำหนดเลยนี่หว่ารีบกลับมาทำไม หรือว่า จะมีปัญหา… ติดขัดอะไรตรงไหนเหรอน้องชายปรึกษาป๋าได้ทุกเมื่อเลยนะ”

ไม่ได้มีแค่เสียงยียวนกวนประสาทกันเท่านั้น ท่านประธานมาดเข้มยังเดินเข้ามาหาพลางโอบไหล่หนาของเขาไว้ด้วย ท่านรองมาด (เคย) นิ่งออกอาการเก๊กซิม นี่มันวันโลกาวินาศหรือไงนะ!

ครั้นก้องภพออกโรงแล้วจะไม่มีอนุพงษ์มาเป็นลูกคู่ก็กระไรอยู่ “ถูกต้องแล้วคร้าบ ทุกปัญหาป๋าช่วยได้ โนพร็อบเล็ม” หนุ่มรุ่นพี่บอกเสียงยียวนก่อนจะเดินเข้ามาประกบเขาไว้คนละด้านกับคู่หูตัวป่วน

ชินพัตต์หลับตาลงพลางถอนใจ เอาวะ! ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วเอาให้ครบองค์ประชุมเลยแล้วกัน

“พี่ชินกลับมาแล้วเหรอ อ้าว! ไปฮันนีมูนมาไหงหน้าดำคร่ำเครียดงี้อ่ะพี่” เป็นตรัยที่ส่งเสียงขึ้นล่าสุดและคงจะจบลงเพียงเท่านี้

คนมีปัญหาเบี่ยงตัวออกจากการประกบก่อนจะหันไปหาหนุ่มตี๋รุ่นน้อง “โครงการติดตั้งระบบ Contact Center และ CRM ของ SPC Group ที่นายเป็นหัวหน้าโปรเจ็คท์เรียบร้อยแล้วเหรอเต้ถึงได้มีเวลามาเดินเอ้อระเหยอยู่ตามลานจอดรถ อ้อ… จะเรียบร้อยหรือไม่มันก็ไม่สำคัญแล้วนี่นะ แว่วๆ มาว่าประธานกรรมการท่านกำลังจะเปลี่ยนนโยบายจากบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ครบวงจรไปเป็นปรึกษาปัญหาอย่างอื่นแล้วนี่” จบการเชือดไก่ให้บรรดาป๋าๆ ดู ชินพัตต์ก็จ้ำพรวดๆ จากไปทันที

“ไหงถึงมาลงที่ผมทุกทีอ่ะพี่” หนุ่มตี๋ที่ไม่ค่อยดูตาม้าตาเรือจนถูกจับเชือดบูชายัญเป็นประจำโอดครวญ

ก้องภพส่งสายตาเห็นใจมาให้พลางจับคางอีกฝ่ายแล้วหันซ้ายขวา “อืม… ว่าไปแล้วหน้านายนี่ก็ดูดีเหมือน… ไก่ เลยว่ะ” เขายิงมุกหน้าตายเรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากคู่หูทำเอาคนหน้าตาดีเหมือนไก่หน้าคว่ำบ่นอุบอิบทำนองใครๆ ก็ไม่รัก

ภควัตส่ายศีรษะ บรรดาคนสนิทของเขาปากดีกันทั้งนั้นถ้าไม่ติดว่าคบหาจนสนิทสนมรู้จักนิสัยกันมานานคงมีเหตุให้ได้วางมวยอัปเปอร์คัทปลายคางกันบ้าง

“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นวะ ลางานตั้งสองอาทิตย์ไปฮันนีมูนแท้ๆ แต่นี่เพิ่งจะเข้าวันที่สามเองดันกลับมาซะแล้ว แถมยังหน้าดำคร่ำเครียดอย่างกับถูกราหูอม” เมื่อคนต้นเรื่องไม่อยู่ให้ถามก้องภพก็ยกเอาประเด็นเดิมขึ้นมาถกกันเองในหมู่คนที่เหลือ

“จะสงสัยอะไรมากมายวะ คนเรามันก็มีปัญหาโน่นนี่นั่นเข้ามาทุกวันแหละ แล้วโปรเจ็คท์ของ The Empress ที่เจ้าชินส่งให้พิจารณาไปถึงไหนแล้ว เดี๋ยวมันก็ทวงขึ้นมาหรอก” ภควัตพยายามพาเบี่ยงประเด็น

ก้องภพไหวไหล่หันไปทางเพื่อนและรุ่นน้องที่น่าจะยังสนใจประเด็นเดียวกับเขาอยู่ “คิดว่าไงวะ”

อนุพงษ์หรี่ตาทำท่าครุ่นคิด “ปกติแล้วคนเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ หน้าตามันต้องใสปิ๊งๆ แบบสุขสดชื่นเพราะตกกลางคืนได้ exercise บึ๊ดจั้มบึ๊ดไม่ใช่เหรอวะ แต่นี่พวกเอ็งก็เห็นว่าหน้ามันหมองแค่ไหน แล้วจะเป็นเพราะอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่…”

“เฮ้ย! ไม่มั้งพี่ต้น พี่เค้าก็ออกจะรักกันดีไม่ได้ถูกจับแต่งงานสักหน่อย ทำไมจะไม่ได้…”

“เรื่องรักน่ะพี่ไม่เถียงโว้ย แต่เรื่องนั้น… น่ะไม่แน่ยิ่งอีกฝ่ายเป็นนางมารหน้าใสอย่างยัยปุ่นด้วยแล้ว หรือว่าไงไอ้พี่ชาย…” ก้องภพว่าพลางหันไปยักคิ้วให้พี่ชาย (ร่วมโลก) ของปุณยวีย์ ซึ่งฝ่ายนั้นก็ได้แค่ถลึงตากลับก่อนจะผละจากไป เขาพยายามอย่างเต็มที่แล้วเพื่อน้องสาวคนสนิทแต่มันก็ไม่เป็นผล

“กรรม… มีเมียน่ารักแต่ได้แค่มองแตะต้องไม่ได้ โชคดีนะนี่ที่ข้าคิดถูกมีเมียหน้าตาบ้านๆ พอไปวัดไปวาไหวไม่อายใคร ดูเอาไว้เป็นกรณีศึกษานะเจ้าเต้ มีเมียน่ารักมีสิทธิ์จะกระอักเลือดตายเพราะไม่ได้แอ้ม”






เขากำลังจะบ้าตาย! จะมีใครเป็นเหมือนเขาบ้างไหมที่รู้สึกว่าการอยู่ใกล้ชิดกับหญิงคนรักกลับกลายเป็นเรื่องทรมานจนแทบทนไม่ไหวทั้งที่เขาเฝ้ารอคอยเวลานี้มาไม่รู้เท่าไหร่ หากสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาต้องบังคับตัวเองให้จดจ่ออยู่กับการทำงานและออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อที่เวลากลับไปถึงบ้านเขาจะได้หลับใหลลงอย่างง่ายดายโดยไม่รู้สึกอะไรกับเจ้าของร่างนุ่มนิ่มกรุ่นกลิ่นหอมที่นอนอยู่ข้างๆ บนเตียงเดียวกัน ซึ่งอยู่ในฐานะภรรยาที่สามีเช่นเขามีสิทธิ์ครอบครองตัวเธอเต็มที่ หากจนถึงตอนนี้เขาก็มีสิทธิ์แค่มอง จะแตะต้องก็ได้แค่นิดๆ หน่อยๆ ซึ่งมันทรมานจิตใจ สุดท้ายเขาจึงต้องสรรหากิจกรรมอย่างอื่นมาทำแทนให้รู้แล้วรู้รอดไป

ชินพัตต์ดึงผ้าขนหนูผืนเล็กที่คล้องคออยู่ขึ้นมาซับน้ำบนใบหน้า หลังจากออกแรงไปกับการตีสคอชราวสองชั่วโมงเต็มก่อนจะอาบน้ำชำระร่างกาย บริเวณทางเดินภายในฟิตเนสเริ่มเงียบเหงาร้างไร้ผู้คนผิดกันกับไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่เขาเพิ่งเข้ามา นาฬิกาที่ติดอยู่บนฝาผนังข้างทางเดินบอกเวลาสองทุ่มครึ่งแล้วถ้าบวกกับเวลาที่เขาจะขับรถเอ้อระเหยลอยชายไปตามท้องถนนอีกกว่าจะกลับถึงบ้านก็ราวสี่ทุ่ม และพอถึงตอนนั้นเธอ… ก็คงจะเข้านอนไปแล้ว เอาล่ะ ได้เวลากลับบ้านเสียที




ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าไม่ผิดไปจากที่ชินพัตต์คาดการณ์เอาไว้นัก ภรรยาของเขาหลับไปแล้ว แต่แทนที่เธอจะนอนหลับอยู่บนเตียงเหมือนเช่นที่เคย วันนี้ร่างแบบบางกลับมานอนกอดหมอนอิงแนบอกซุกซบอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก

แพขนตายาวหนาทาบทับลงบนดวงหน้าขาวนวลผุดผาด ริมฝีปากชุ่มชื้นสีชมพูอ่อนเผยอน้อยๆ ผมยาวยุ่งเหยิงตกระใบหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแป้งเด็กลอยกรุ่นขึ้นมาจากเรือนร่างนุ่มนิ่ม ทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างที่ประกอบขึ้นเป็นเธอในตอนนี้ช่างน่าหลงใหลเชิญชวนให้เข้าไปใกล้

คนมองต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการหักห้ามใจ หากความอดทนอดกลั้นของเขากลับยิ่งลดน้อยถอยลงไปทุกที สวนทางกับความต้องการ… ที่นับวันมีแต่จะปะทุขึ้นมา นี่เขาควรจะทำเช่นไรดี… คำตอบคือ ร่างสูงของชายหนุ่มค่อยๆ ทรุดลงแล้วคุกเข่าอยู่ข้างๆ โซฟาที่ภรรยาของเขากำลังหลับใหลอยู่บนนั้น ก่อนที่ใบหน้าคมคายจะก้มลงไปอย่างสุดที่จะห้ามใจ…

#######

สวัสดีค่ะ ขอโทษที่ปล่อยให้ชินค้าง... ไปนานเลยทีเดียว กลับมาต้อแล้วน้า^^

คุณ getup : คิดถึงเช่นกันค่ะ มากๆๆ เลย^^

คุณ padeedee : 555 ขนมจีนยังทำใจไม่ได้ซักที

คุณ sai : บทนี้ก็ต้องสงสารชินต่อไปอีกละ T_T

คุณ ukkanirut : เดี๋ยวตอนสุดท้ายจะเติมน้ำตาลให้เสพจนมดขึ้นเลยทีเดียว อิอิ...

คุณ Edelweiss : ดีใจจังค่ะที่ชอบเรื่องนี้ ขอบคุณนะคะ^^

คุณ aom : ไม่ต้องเศร้าไปค่ะ เดี๋ยวจะจัดซีนเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ให้นายชิน^^

คุณ pumkin : กรี๊ดดด... ชินกะปุ่นมีแฟนคลับด้วย ดีใจจังค่ะ ขอบคุณมากนะคะ//\\







พนาศิลป์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ม.ค. 2555, 20:17:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2556, 15:05:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 2854





<< Love scene   ต่อ >>
ukkanirut 21 ม.ค. 2555, 22:36:34 น.
ตามมาขำนายชินค่ะ ^^


mhengjhy 21 ม.ค. 2555, 22:51:52 น.
55 จะอดอีกไหมหนออออออ


sai 21 ม.ค. 2555, 23:18:42 น.
โถ่ๆๆๆๆ นายชิเรา จะน่าสงสารอะไรขนาดเนี่ยนี่


wane 22 ม.ค. 2555, 02:58:12 น.
น่าสงสารนายชิน


ใบบัวน่ารัก 22 ม.ค. 2555, 07:25:10 น.
ไร ไม่น่าเลย แต่งงานกันก็แล้ว
นายชินไม่มีน้ำยาหรือไม่สู้ ค้า


pumkin 22 ม.ค. 2555, 10:06:48 น.
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
น่าสงสารนายชิน


aom 22 ม.ค. 2555, 11:07:41 น.
55555 อดอยากปากแห้ง ถ้ามีโอกาสดูท่านายชินจะต้องจัดหนัก


incanto 22 ม.ค. 2555, 17:58:45 น.
อยากอ่านตอนหน้าแล้วค่า


Edelweiss 22 ม.ค. 2555, 21:33:45 น.
โถ่ ชิน 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account