รอยร่างรางรัก
หญิงสาวคนหนึ่งกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ส่วนอีกคนต้องติดอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง โดยมีเบื้องหลังอยู่ที่ความปรารถนาอันแรงกล้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง
รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด
ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด
ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
Tags: วิญญาณ ดวงจิต สลับร่าง
ตอน: ตอนที่ 8
วงศ์วรัณใช้ผ้าขนหนูซับหยดน้ำตามร่างกายหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาอยู่ร่วมรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวของสลิลาก่อนจะลากลับหลังจากนั้นไม่นาน นึกแปลกใจที่หญิงสาวไม่ ‘ติดรถ’ เขามาด้วย
ไม่พูดไม่คุยกับใครนาน ๆ อยู่ไม่ไหวก็คงตามมาล่ะมั้ง
ชายหนุ่มคิดขณะที่เอื้อมมือไปเปิดประตูห้องน้ำโดยที่ยังไม่ทันจะพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวดีนัก ที่ตามมาคือเสียงกรี๊ดดังลั่นที่มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยิน
“นายว่าน ทะลึ่งที่สุด ทำไมไม่พันผ้าให้มันเรียบร้อยก่อนออกจากห้องน้ำ”
“ไม่คิดว่าฝนจะมาตอนนี้นี่ นี่ปกติเราไม่นุ่งผ้าด้วยซ้ำ”
“อี๊....ยังจะมาเล่าอีก” สลิลายกมือขึ้นขยี้ตา “หน้าไม่อาย”
“เราจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ฝนหันหลังละกัน”
ชายหนุ่มไม่สนใจท่าทางของหญิงสาว ไม่ตอบโต้ว่านี่เป็นห้องส่วนตัวของเขาเพราะรู้นิสัยใจคออีกฝ่ายดี ขืนพูดไปอย่างที่คิด สลิลาคงจะโวยไม่เลิก เมื่อเธอหันหลังให้เขาก็ทำตัวเป็นปกติสลัดผ้าขนหนู สวมเสื้อและกางเกงนอนลายตารางสีน้ำเงินเข้ม แขวนผ้าขนหนูลงบนราวไม้พลางหันไปกล่าว
“เรียบร้อยแล้ว หันมาได้”
ใบหน้ารูปหัวใจนั้นสะบัดไปมาหลังจากที่หันหลังกลับมามอง ราวกับจะพยายามลบภาพวับ ๆ แวม ๆ ที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ วงศ์วรัณไม่เคยเห็น...สลิลาหน้าแดงอย่างนี้มาก่อน และสิ่งที่ได้เห็นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึก....
ถ้าตอนนี้เธอมีร่างกาย สัมผัสแตะต้องได้ เขาจะกล้าพอที่จะเอื้อมไปหยิกแก้มแดง ๆ นั่นไหมนะ
วงศ์วรัณเผลอถอนใจแผ่วเบาโดยไม่รู้ตัว เขากล้า ๆ กลัว ๆ ค่อนไปทางกลัวเสียมากกับการแสดงออกความรู้สึกของตัวเองต่อสลิลา เธอเป็นเพื่อนในกลุ่ม เพื่อนสนิทมานานปี แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวใบหน้ารูปหัวใจคนนี้เป็นคนละแบบกับที่รู้สึกกับจริณพรและอภิรดี
เพราะความรู้สึกนั้นไม่ใช่หรือที่ทำให้เขาเกาะติดกลุ่มที่เล่นชอบมุก อำกันแกล้งกันสนุกสนานกลุ่มนี้ทั้งที่รู้ตัวดีกว่าเขาตามไม่ทันใครในกลุ่มเลยแม้แต่คนเดียว ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเลือกที่จะถามเรื่องที่เขาไม่เข้าใจกับสลิลามากกว่าที่จะถามจากคนอื่น
ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดคือทำให้เขาปฏิเสธความเชื่อลึก ๆ ในใจว่าสลิลาอาจจะหมดอายุขัยไปแล้วก็ได้ แม้จะไม่มีใครรู้ว่าคนที่อยู่ในร่างอวิกาเป็นใคร แต่คนที่รู้เรื่องนี้อย่างเขา อวิกาและสลิลาต่างก็รู้แก่ใจว่า สลิลาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่มีร่างกาย เป็นเพียงดวงจิตหรือดวงวิญญาณที่คนทั่วไปมองไม่เห็น
“เป็นยังไงบ้าง ได้ลองดูรึยังว่าคนอื่นเขามองเห็นฝนรึเปล่า”
ริมฝีปากนั้นเหมือนขยับจะตอบแต่แล้วกับนิ่งไป ก่อนจะเอ่ยอย่างหงุดหงิด
“ยังอ่ะ...แม่ยังคอยดูแลคุณเพชร” เธอชะงักเมื่อเห็นว่าเขามองอย่างแคลงใจ “คุณเพชร ทำไมล่ะ ถึงจะไม่เชื่อเต็มร้อยว่าเป็นเขาจริง ๆ ก็เรียกไปก่อน เพราะไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ดี แม่น่ะคอยดูแลอยู่ไม่ห่างเลย จะลองทำให้เขามองเห็นดูก็ไม่กล้าเดี๋ยวเขาหลุดอะไรออกมา แม่จะตกใจเปล่า ๆ”
“แต่เราคงคุยกับฝนไม่ไหวนะ วันนี้เหนื่อยมากอยากพักผ่อน เมื่อคืนนอนดึกเอาเรื่อง”
“ก็นอนไปสิใครจะว่าอะไร” หญิงสาวยกไหล่ เดินไปนั่งที่ชุดรับแขกซึ่งสามารถมองผ่านมายังส่วนห้องนอนได้และคนที่นอนอยู่ก็สามารถมองไปเห็นคนที่นั่งอยู่ได้เช่นกัน “ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ อย่างน้อยก็ยังดีที่มีคนเห็นฉันบ้าง หรือเกิดนายนอนไม่หลับขึ้นมาจะชวนคุยก็ไม่ว่ากัน”
“งั้นเราขอนอนนะ”
วงศ์วรัณพูดจบก็เดินไปที่เตียงดึงสอดตัวลงไปใต้ผ้าห่ม นอนตะแคงหันมองไปทางที่สลิลานั่งอยู่ เอาเข้าจริงการมีสลิลานั่งอยู่ในห้องนอนอย่างนี้ก็ทำให้เขาหลับไม่ลง
“ทำอะไรอยู่น่ะฝน”
เสียงทักของคนที่นอนอยู่บนเตียงทำให้ร่างไร้น้ำหนักของสลิลาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมต้องลืมตาขึ้น ส่งเสียงจุปากเบา ๆ อย่างขัดใจ เพราะเธอกำลังหลับตาเพ่งสมาธิไม่ให้วงศ์วรัณเห็นตนเองอยู่
“นั่งหลับตาน่ะสิ”
“แล้วจะหลับทำไมล่ะ ปกติฝนต้องหลับด้วยเหรอ”
นั่นสิ...เธอเคยหลับด้วยเหรอ หญิงสาวแทบไม่รู้ตัว ไม่รู้วันคืนเสียด้วยซ้ำ ตั้งแต่ระเหเร่ร่อนไม่มีร่างเป็นของตัวเอง สลิลาไม่รู้จักคำว่านอนหลับ เธอเพียงอยู่ที่โน่นที่นี่ไปเรื่อย และเมื่อไหร่ที่ใคร ๆ พากันนอนหลับพักผ่อนไปแล้ว เธอก็รู้สึก...ว่างเปล่า ใช่...ช่วงเวลาที่เธอไม่คิดอยากจะไปไหน เหมือนเป็นช่วงที่หายไปในชีวิต...ถ้าสิ่งที่เธอเป็นอยู่จะเรียกว่าชีวิตได้นะ
ทำไมใช้สมาธิทำให้คุณเพชรมองเห็นได้ แต่ทำให้นายว่านมองไม่เห็นเราไม่ได้ล่ะ
“ไม่รู้สิ ไม่ต้องนอนมั้ง ไม่ได้เหนื่อย ไม่ได้ง่วงนี่นา”
คนที่นอนอยู่บนเตียงสลัดผ้าห่มให้พ้นตัวก้าวลงจากที่นอนหนานุ่ม เดินมานั่งสมทบกับสลิลาที่เก้าอี้รับแขก หาวหวอดโดยไม่ยกมือขึ้นปิดปาก
“ง่วงก็นอนไปสิ ลุกขึ้นมาทำไม”
“มันก็ง่วงนะ แต่เหมือนจะนอนไม่ค่อยหลับ เลยมานั่งคุยกับฝนดีกว่า”
“เรื่องสมาธิ สติ ปัญญา หาทางกลับร่างอะไรไม่เอาแล้วนะ ขี้เกียจจะคิดแล้ว”
“งั้นก็คุยเรื่องสมัยเรียน คุยเรื่องเพื่อน ๆ ดีไหม”
หญิงสาวพยักหน้ารับคำ ตอนแรกไม่คิดว่าการพูดคุยกันเรื่องของเพื่อนในกลุ่มจะมีอะไรน่าสนใจแต่เอาเข้าจริงพอได้เริ่มแล้ว ทั้งสองต่างนึกถึงช่วงเวลาสนุกสนานของชีวิตนักศึกษา วีรกรรมของเพื่อนในกลุ่มทั้งในชั้นเรียน ในห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่กระทั่งตอนที่พากันไปเที่ยวรีสอร์ทของครอบครัวสลิลา
เรื่องราวในอดีตกลับสร้างเสียงหัวเราะและความเพลิดเพลินใจให้กับสลิลาอย่างประหลาด เธอเล่าเรื่องขำขันเรื่องหนึ่งที่นึกได้ขณะที่กลุ่มเพื่อน ใช้ให้วงศ์วรัณเป็นคนถือแก้วกดน้ำปั่นแบบกดจากตู้ในร้านสะดวกซื้อ เพราะไม่มีใครกล้าถือยืนชำระเงิน สุดท้ายจึงตกลงกันให้ชายหนุ่มรีบเดินออกจากร้านขณะที่เธอจะเป็นคนเดินไปจ่ายเงินหากไม่ทันจะพ้นประตู ก้อนน้ำแข็งที่เกาะตัวกันเป็นกองสูงอยู่ในแก้วส่วนหนึ่งก็พังลง หล่นกระจายทั่วพื้น สลิลากลับลำรีบเดินผ่านวงศ์วรัณออกจากร้านทันที โดยมีเพื่อนคนอื่นในกลุ่มที่รออยู่นอกร้านพากันหัวเราะขำ
“ตอนนั้นฉันบอกให้นายเดินกลับไปจ่ายตังค์เอง ทำเหมือนเราไม่รู้จักกันเพราะอายมาก” สลิลาเอ่ยยิ้ม ๆ “นายไม่โกรธพวกเราสักนิด แถมออกมาขอโทษขอโพยใหญ่ที่ทำให้เหลือน้ำปั่นให้เพื่อน ๆ กินกันนิดเดียว จะว่าไปนายนี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ”
ไม่มีคำตอบใดจากวงศ์วรัณ มีเพียงเสียงที่ไร้ความหมาย....เสียงกรนเบา ๆ
“นายว่าน”
สลิลาเอ่ยเรียกคนที่นั่งกอดเบาะรองหลัง พิงกายหลับอยู่บนเก้าอี้นวมตัวเล็ก ร่างสูงคุดคู้ดูไม่น่าจะนอนสบายนัก แต่หญิงสาวก็ไม่กล้าจะปลุกเพราะดูท่าทางวงศ์วรัณจะเหนื่อยและง่วงเอาจริง ๆ
“หลับตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ปล่อยให้เราพูดคนเดียวอยู่ตั้งนาน”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมา เธอไม่ต้องนอนหลับ ไม่ต้องพัก และบางทีก็รู้สึกว่าอยู่ในพื้นที่สีขาวว่างเปล่าเมื่อไม่ได้นึกถึงใคร ไม่ได้อยากไปไหน
ตอนนี้เธอเพียงแต่นั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้นวมตัวยาวนั่งมองวงศ์วรัณอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน
อวิกาในร่างของสลิลามองไปรอบห้องนอนของตัวเองอย่างไม่ค่อยคุ้นชินนัก บ้านหลังนี้ใหญ่โตกว่าบ้านทาวน์เฮ้าส์ที่เธออยู่มาตั้งแต่จำความได้ ห้องนอนของสลิลาก็กว้างกว่าห้องนอนของเธอมาก
หลังจากรับประทานอาหารเย็นและนั่งพัก พูดคุยกับครอบครัวของสลิลาอยู่พักใหญ่ วิจิตรซึ่งเห็นว่าเริ่มจะดึกแล้วสำหรับสลิลาที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ก็พาลูกสาวขึ้นมาพักผ่อน
“ต้องให้แม่อยู่คอยดูแลไหมฝน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวสักพักฝนคงอาบน้ำนอนแล้ว ฝันดีนะคะแม่”
วิจิตรดูยังไม่วางใจนักหากสุดท้ายก็ทำเพียงกอดลูกสาวเบา ๆ กล่าวอวยพรให้ฝันดีแล้วผละออกจากห้องนอนของสลิลาไป
หลังจากสำรวจไปรอบห้องสักพัก หญิงสาวก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้ามองไปไม่พบชุดนอนแบบเสื้อกางเกงแบบที่เธอชอบสวมใส่ มีเพียงเสื้อยืดและกางเกงวอร์มหลากสีเท่านั้นที่ดูน่าจะเป็นชุดสำหรับใส่นอนได้
หญิงสาวหยิบเอาเสื้อผ้าและชุดชั้นในรวมถึงผ้าเช็ดตัว เดินไปที่ห้องน้ำซึ่งเปิดประตูเพื่อระบายอากาศเอาไว้ บ้านหลังนี้สะดวกสบายกว่าบ้านของเธอจริง ๆ แต่หากเลือกได้อวิกาขอกลับไปใช้ห้องน้ำร่วมกับพ่อ แม่ และน้องชายในบ้านหลังเล็กที่ตนเคยอยู่มากกว่า
ความเย็นจากสายน้ำทำให้รู้สึกปลอดโปร่งสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง เธอจึงออกจากห้องน้ำด้วยอารมณ์ที่แช่มชื่น ผิดกับเจ้าของห้องที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเตียง คิ้วขมวดราวกับคิดอะไรอยู่
“คุณฝน”
อวิกายกผ้าขึ้นซับน้ำจากเรือนผมหยักศก รู้สึกแปลกอยู่ไม่น้อยที่ได้เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า ผู้หญิงที่เหมือนกับภาพสะท้อนจากกระจกตู้เสื้อผ้าเมื่ออวิกาหันไปมอง ภาพภายในกรอบกระจกนั้นเห็นเพียงแต่สลิลาที่ยืนอยู่เท่านั้น
“ฉันขอมาอยู่ที่นี่นะคุณเพชร”
หญิงสาวยิ้มกับคำพูดของเจ้าของร่างเดินไปหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ
“ทำไมจะไม่ได้ละคะ นี่ก็เป็นห้องของคุณฝน”
ปฏิกิริยาตอบสนองของสลิลาคือถอนใจ เธอเดินหลบไปนั่งที่เก้าอี้หน้าขาตั้งไม้สำหรับวางกรอบผ้าใบวาดรูป
“ฉันชอบนั่งวาดรูปตรงนี้ เวลานอนไม่ค่อยหลับ ตอนนี้ฉันไม่รู้จะไปไหนเลยอยากมานั่งตรงนี้ อยากวาดรูปได้อีกสักครั้งจริง ๆ”
บางอย่างในดวงตาของสลิลาทำให้อวิการู้สึกว่าเธอกำลังวุ่นวายใจอะไรอยู่ ขยับจะถามแต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ นำผ้าเช็ดตัวไปแขวนที่ราวข้างผนังห้องน้ำ ก่อนจะกลับมานั่งบนเตียงอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอนอนพักนะคะคุณฝน รู้สึกง่วงขึ้นมาเหมือนกัน คงเพราะยาออกฤทธิ์”
สลิลาไม่ตอบหากพยักหน้าเบา ๆ ขณะที่ไล้มือไปบนผืนผ้าใบสีขาว ที่ยังไม่ได้รับการวาดเส้นใด ๆ ลงไป อวิกานอนตะแคงมองอาการนั้นได้ไม่นานก็เปลือกตาก็หนักมากขึ้นจนไม่สามารถจะฝืนได้อีก
ทุกอย่างมืดสนิทไปครู่หนึ่งในห้วงความนิทรานั้น ก่อนที่แสงไฟจากเสาข้างทางจะส่องผ่านเข้ามาเป็นระยะ ไฟท้ายรถคันหน้าแล่นทิ้งระยะอยู่พอสมควร
อวิกากำลังนั่งอยู่หลังพวงมาลัยภายในห้องโดยสารรถยนต์ของเธอเอง หญิงสาวกำลังขับรถกลับบ้านหลังจากที่เตรียมเอกสารให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทคำโภคา
หญิงสาวรู้สึกตัวว่ากำลังฝัน หากฝันนั้นเหมือนจริงราวกับว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นกับเธออีกครั้ง
ชั่วแวบที่ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งยืนขวางอยู่หน้ารถ ด้วยดวงตาที่วาวโรจน์ราวกับโกรธเคืองอะไรอวิกา ก่อนที่การตัดสินใจผิดพลาดจะทำให้พาหนะคู่ใจของเธอพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนกับรถของสลิลาเข้า
ร่างของสลิลาสะดุ้งเฮือกขึ้นเมื่อภาพเหตุการณ์ในฝันดำเนินไปถึงตอนที่เสียงโครมสนั่นดังขึ้น ตามมาด้วยอาการวูบ...เหมือน...เธอเคยเห็นมาเพียงแค่ในหนัง ในละคร แต่ตอนที่วิญญาณเหมือนหลุดออกจากร่างคงจะเป็นอย่างนี้ล่ะมั้ง หญิงสาวมองเห็นร่างของตนอยู่ตรงหน้าก็หมายใจจะกลับเข้าไปแต่แล้วกลับมีแรงผลักบางอย่างผลักเธอจนกระเด็น ทุกอย่างมืดสนิทไปในความรู้สึกของอวิกาจนกระทั่งเธอตื่นขึ้นมาในอีกร่างหนึ่ง
ร่างที่ตอนนี้ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงในห้องนอนที่ไม่คุ้นเคย
เจ้าของห้องอย่างแท้จริงซึ่งยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้ากรอบผ้าใบวาดรูป หันมาเอ่ยถาม
“ฝันร้ายเหรอคะ”
“ค่ะ”
อวิกาตอบสั้น ๆ กลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ชุ่มเสื้อผ้า เธอหันไปมองสบตากับเจ้าของร่างก่อนรวบรวมสติบอกสิ่งที่เพิ่งนึกขึ้นได้จากสิ่งที่เห็นในฝัน
“ผู้หญิงค่ะคุณฝน วันนั้นที่ฉันหักรถพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไป เพราะมีผู้หญิงคนนึงยืนขวางหน้ารถเอาไว้”
สลิลาขมวดคิ้ว “ผู้หญิง...ทำไมไม่เห็นมีใครพูดอะไรเลยล่ะคะ แล้วถนนช่วงนั้น รถวิ่งค่อนข้างเร็ว ไม่น่าจะมีใครมาหยุดยืนอยู่บนถนนได้เลยนะคะ”
“ฉันก็ว่ามันแปลกค่ะ ดูเหมือนเขาไม่ใช่...เอ่อ...” อวิกาไม่กล้ามองสบตาสลิลาขณะที่เอ่ยสิ่งที่คิด “เหมือนผู้หญิงคนนั้นไม่...ฉันคิดว่าเขาเหมือน...เหมือนคุณฝนตอนนี้”
ดวงตาสีน้ำตาลใสมีแววตกใจก่อนที่สลิลาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้มานั่งข้างร่างของตนเองบนเตียง
“หรือว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นพวกวิญญาณแค้น ข้ามภพข้ามชาติอะไรแบบนั้นรึเปล่าคะ”
อวิกาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนอธิบาย “ดูจากการแต่งกาย เสื้อผ้าแล้วเขาก็เหมือนพนักงานบริษัททั่วไปที่เราเห็น ๆ อยู่ในปัจจุบันนี่แหละค่ะคุณฝน”
“เขาต้องการร่างคุณเพชรแน่ ๆ ถึงทำแบบนี้” สลิลาคาดการณ์ “เลยต้องเดือดร้อนคนอื่นด้วยเลย แย่จริง ๆ”
คนได้ฟังนิ่งงันไปเล็กน้อย เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอโดยตรงหากมีผลกระทบถึงสลิลาทางอ้อม ซ้ำอวิกายังไม่สามารถบอกที่มาที่ไปได้ด้วยว่าทำไมจู่ ๆ จึงมีคนหรือวิญญาณที่ต้องการร่างของตน
สีหน้าที่สลดลงนั้นคงทำให้เจ้าของร่างที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สัมผัสได้
“แต่ฉันไม่ได้โทษคุณนะคะ คุณเพชร ถ้าเรื่องที่คุณเพชรเล่ามาเป็นความจริง ก็ต้องโทษวิญญาณผู้หญิงคนนั้น” สลิลาใช้คำพูดว่าวิญญาณคล่องปากเมื่อพูดถึงคนอื่น แต่หากตอนนี้มีใครมาเรียกเธอในตอนนี้ว่าวิญญาณ หญิงสาวคงจะกรี๊ดใส่ให้น่าดู “ถ้าเรารู้ว่าเขาเป็นใครก็ดีสินะคะ คุณเพชรแน่ใจนะคะ ว่าไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักเขาก่อนหน้าที่เขาจะมายืนขวางหน้ารถคุณเพชรคืนนั้น”
อวิกานึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้าปฏิเสธ นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเคยเห็นหรือเคยรู้จักผู้หญิงคนนั้นที่ไหน
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นพวกแม่มด หมอผี หรือปิศาจรึเปล่านะคุณเพชร”
ผู้ที่อยู่ในร่างของสลิลาจนปัญญาจะตอบ ขณะที่เจ้าของร่างลุกขึ้นยืน เดินไปมายกมือขึ้นจับคางเหมือนกับครุ่นคิดแผนอะไรอยู่
“คุณเพชร ถ้าเกิดร่างของคุณเพชรกลับไปอยู่บ้านเมื่อไหร่ เราไปบ้านคุณเพชรกันนะคะ ถ้าเป็นฉันล่ะก็คงเข้าไปใกล้ผู้หญิงคนนั้นได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว”
“คุณฝนจะทำอะไรคะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะช่วยอะไรได้ไหม แต่ถ้าเรารู้ว่าคนที่อยู่ในร่างคุณเพชรมีเจตนาอะไรกันแน่ อย่างน้อยเราก็จะได้คิดหาทางกันต่อไปได้ว่าจะทำยังไงดี”
อวิกาพยักหน้ากับตัวเองมากกว่าที่จะยอมรับในคำพูดของสลิลา เพราะเธอมองไม่เห็นทางเลยว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ถัดจากวันที่ออกจากโรงพยาบาลอวิกายังคงไม่มีโอกาสไปไหน เพราะวิจิตรยังห่วงลูกสาวเกรงว่าร่างกายจะยังไม่แข็งแรงพอที่จะออกไปนอกบ้าน หญิงสาวจึงจับเจ่าอยู่กับบ้านตลอดช่วงเช้าหลังจากกินข้าวเช้าเป็นข้าวต้มปลาฝีมือของวิจิตร สลิลาที่เคยพูดเอาไว้ว่าจะมาคอยเฝ้าร่างของตนเองเอาเข้าจริงอวิกาก็มองไม่เห็นตั้งแต่เช้า จะเพราะสลิลาไปที่อื่นหรือไม่ได้ตั้งสมาธิให้อวิกามองเห็นได้ก็สุดจะคาดเดา
การที่ยังต้องกินยาลดอาการปวดทำให้อวิการู้สึกง่วงในตอนสาย ๆ ขึ้นห้องนอนงีบหลับไปพักใหญ่ก็ตื่นขึ้นมาพบกับห้องว่างเปล่าเช่นเดิม ไม่มีวี่แววของเจ้าของห้อง
“คุณฝนคะ คุณฝนอยู่ไหมคะ”
ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ไม่มีปฏิกิริยาของสลิลา
อวิกาถอนใจเบา ๆ ก้าวลงจากเตียง จัดแจงล้างหน้าล้างตาก่อนออกจากห้องเดินลงบันไดบ้านไปก็ได้กลิ่นน้ำซุปไก่หอมหวน เธอจึงเดินไปที่ครัวพบว่าวิจิตรกำลังง่วนตักน้ำซุปในหม้อขึ้นชิม
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะแม่”
“อ้อ...ฝนมาพอดี มาลองชิมดูสิลูกว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง”
หญิงสาวเดินไปมองอาหารที่อยู่ในหม้อต้มซึ่งเป็นซุปมะกะโรนีใส่ปีกบนไก่ มันฝรั่ง หัวหอมและมะเขือเทศ วิจิตรใช้ทัพพีตักน้ำซุปใส่ช้อนส่งให้ลูกสาวชิม
“อร่อยค่ะ รสชาติกำลังดีเลย”
“งั้นฝนออกไปรอเป็นเพื่อนพ่อเขาเถอะลูก เดี๋ยวแม่ยกไปให้”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฝนสบายดีแล้วนะคะ เดี๋ยวช่วยแม่ตักใส่ถ้วยแล้วยกไปให้พ่อดีกว่า”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิคะ”
อวิกาพูดจบก็เดินไปเปิดตู้หยิบเอาภาชนะออกมา หญิงสาวคงจะหยิบจับอะไรไม่ถูกหากไม่อาศัยขอเข้ามานั่งดูวิจิตรทำครัวตั้งแต่มื้อเย็นวาน
“แม่ออกไปรอกับพอก็ได้นะคะ เดี๋ยวฝนยกไปให้เอง”
“รอออกไปพร้อมกันเถอะจ๊ะ รายนั้นน่ะ ถ้ายังอ่านหนังสือพิมพ์ไม่หมดเล่มก็ไม่เงยหน้ามองใครอยู่แล้ว”
หญิงสาวในร่างสลิลายิ้มรับคำ ไม่นานสองแม่ลูกก็เดินออกจากห้องครัวโดยที่อวิกาเป็นฝ่ายถือถาดใส่ชามซุปมะกะโรนีออกไปที่ห้องอาหาร
“มากินมื้อเที่ยงได้แล้วค่ะ”
ฐิติพับหนังสือพิมพ์วางลงบนโต๊ะกลางของชุดเก้าอี้รับแขกหรู ก่อนจะเดินมาสมทบกับภรรยาและลูกสาวที่โต๊ะอาหาร อวิกาวางถ้วยลงบนโต๊ะด้วยท่าทางปกติ แต่ดูเหมือนว่ากิริยานั้นจะเริ่มสะดุดใจฐิติเข้า
“ดูฝนใจเย็น เรียบร้อยขึ้นเยอะนะ ทุกทีถ้าลองได้ถือถาด ถือชามล่ะ ได้ทำหกทำคว่ำตลอด”
“แหม...ลูกเพิ่งจะฟื้นจากเจ็บนี่คะ จะให้ทำอะไรปรูดปราดเหมือนทุกทีคงไม่ได้”
วิจิตรคิดไปอีกทางหนึ่งทำให้อวิกาลอบถอนใจอย่างโล่งอก ก่อนจะนั่งลงกินมื้อกลางวันร่วมกับสองสามีภรรยา หลังจากเริ่มต้นไปได้สักพักฐิติก็ส่งเสียงเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้
“เออจริงสิ...เมื่อกี้ตาเมฆโทร.มา บอกว่าคืนนี้จะกลับค่ำหน่อยนะ”
วิจิตรพยักหน้ารับเหมือนไม่ใส่ใจหากไม่วายบ่น “ลูกคนนี้ ลอยไปลอยมาไม่รู้เมื่อไหร่จะลงหลักปักฐานสักที ถ้ามีหลานให้เลี้ยงฉันจะได้หาข้ออ้างกับครอบครัวคุณขอมาเลี้ยงหลานได้”
“อ้าว...คุณ นี่ใจคอจะให้ผมรับมือกับพี่น้องคนเดียวเหรอ”
“โอ๊ย! ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละค่ะ ตาเมฆดูท่าทางจะยังเพลินกับชีวิตหนุ่มโสดแบบนี้ ฉันคงต้องช่วยคุณรับมือพี่ทิพย์ ตาทัศน์แล้วก็หลาน ๆ ไปอีกนาน”
อวิกาได้แต่ฟังสองสามีภรรยาคุยกันเงียบ ๆ พารินธรเป็นผู้ชายที่จัดว่าดูดีคนหนึ่งถ้าหากเขาจะทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมา และมีผู้หญิงมาติดพันมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำหน้าที่ เขาอาจจะเป็นสามีและเป็นพ่อที่ดีก็ได้
ความเย็นของเครื่องปรับอากาศในห้องหรูดูจะไม่ช่วยอะไรสองหนุ่มสาวที่เพิ่งจะผละออกจากกันหลังจากที่ทั้งคู่ไปถึงจุดหมายร่วมกันได้ พารินธรยกมือขึ้นปาดหน้าผากและเรือนผมของตน หอบหายใจหนักหน่วง หญิงสาวที่ร่างกายเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อเช่นกัน พลิกตัวขึ้นมาอกอิ่มเข้ากับผิวกายของชายหนุ่ม
“อย่างนี้...คงจะเรียกว่ามินตอบแทนคุณเมฆไม่ได้แล้วนะคะ เพราะคุณเมฆทำให้มินมีความสุขมาก” เหมือนฝันเอ่ย นิ้วเรียวไล้ลงบนแผงอกแกร่งของหนุ่มผิวขาว “กลายเป็นว่ามินติดค้างคุณเมฆอีกแล้ว”
ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ โอบแขนกระชับร่างหญิงสาวเข้ากับตัว
“แล้วคุณมินจะตอบแทนผมยังไงอีกล่ะครับคราวนี้”
หญิงสาวมองตอบสายตาของพารินธร ก่อนตอบคำถามด้วยการโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากกับเขา...แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามอารมณ์ของหนุ่มสาวที่ยังมีความปรารถนาอยู่เต็มเปี่ยมในอกทั้งคู่
เหมือนฝันดูเป็นผู้หญิงที่คล่องและเป็นงานสำหรับพารินธร เขาพิจารณาจาก ‘การตอบแทน’ ของเหมือนฝันในวันนี้ที่เริ่มต้นด้วยมื้อค่ำในห้องอาหารหรูภายในโรงแรมย่านธุรกิจแห่งนี้ ก่อนที่จะมาจบที่ห้องพักซึ่งเธอเปิดเตรียมเอาไว้แล้ว ราวกับรู้ว่าสุดท้ายแล้วคืนนี้ของเขาและเธอจะจบลงเช่นนี้
ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างจากทุกครั้ง ต่างฝ่ายก็ต่างให้และรับในสิ่งที่ตนเองต้องการ และทุกอย่างก็จะจบลงในที่สุด
ไม่พูดไม่คุยกับใครนาน ๆ อยู่ไม่ไหวก็คงตามมาล่ะมั้ง
ชายหนุ่มคิดขณะที่เอื้อมมือไปเปิดประตูห้องน้ำโดยที่ยังไม่ทันจะพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวดีนัก ที่ตามมาคือเสียงกรี๊ดดังลั่นที่มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยิน
“นายว่าน ทะลึ่งที่สุด ทำไมไม่พันผ้าให้มันเรียบร้อยก่อนออกจากห้องน้ำ”
“ไม่คิดว่าฝนจะมาตอนนี้นี่ นี่ปกติเราไม่นุ่งผ้าด้วยซ้ำ”
“อี๊....ยังจะมาเล่าอีก” สลิลายกมือขึ้นขยี้ตา “หน้าไม่อาย”
“เราจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ฝนหันหลังละกัน”
ชายหนุ่มไม่สนใจท่าทางของหญิงสาว ไม่ตอบโต้ว่านี่เป็นห้องส่วนตัวของเขาเพราะรู้นิสัยใจคออีกฝ่ายดี ขืนพูดไปอย่างที่คิด สลิลาคงจะโวยไม่เลิก เมื่อเธอหันหลังให้เขาก็ทำตัวเป็นปกติสลัดผ้าขนหนู สวมเสื้อและกางเกงนอนลายตารางสีน้ำเงินเข้ม แขวนผ้าขนหนูลงบนราวไม้พลางหันไปกล่าว
“เรียบร้อยแล้ว หันมาได้”
ใบหน้ารูปหัวใจนั้นสะบัดไปมาหลังจากที่หันหลังกลับมามอง ราวกับจะพยายามลบภาพวับ ๆ แวม ๆ ที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ วงศ์วรัณไม่เคยเห็น...สลิลาหน้าแดงอย่างนี้มาก่อน และสิ่งที่ได้เห็นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึก....
ถ้าตอนนี้เธอมีร่างกาย สัมผัสแตะต้องได้ เขาจะกล้าพอที่จะเอื้อมไปหยิกแก้มแดง ๆ นั่นไหมนะ
วงศ์วรัณเผลอถอนใจแผ่วเบาโดยไม่รู้ตัว เขากล้า ๆ กลัว ๆ ค่อนไปทางกลัวเสียมากกับการแสดงออกความรู้สึกของตัวเองต่อสลิลา เธอเป็นเพื่อนในกลุ่ม เพื่อนสนิทมานานปี แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวใบหน้ารูปหัวใจคนนี้เป็นคนละแบบกับที่รู้สึกกับจริณพรและอภิรดี
เพราะความรู้สึกนั้นไม่ใช่หรือที่ทำให้เขาเกาะติดกลุ่มที่เล่นชอบมุก อำกันแกล้งกันสนุกสนานกลุ่มนี้ทั้งที่รู้ตัวดีกว่าเขาตามไม่ทันใครในกลุ่มเลยแม้แต่คนเดียว ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเลือกที่จะถามเรื่องที่เขาไม่เข้าใจกับสลิลามากกว่าที่จะถามจากคนอื่น
ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดคือทำให้เขาปฏิเสธความเชื่อลึก ๆ ในใจว่าสลิลาอาจจะหมดอายุขัยไปแล้วก็ได้ แม้จะไม่มีใครรู้ว่าคนที่อยู่ในร่างอวิกาเป็นใคร แต่คนที่รู้เรื่องนี้อย่างเขา อวิกาและสลิลาต่างก็รู้แก่ใจว่า สลิลาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่มีร่างกาย เป็นเพียงดวงจิตหรือดวงวิญญาณที่คนทั่วไปมองไม่เห็น
“เป็นยังไงบ้าง ได้ลองดูรึยังว่าคนอื่นเขามองเห็นฝนรึเปล่า”
ริมฝีปากนั้นเหมือนขยับจะตอบแต่แล้วกับนิ่งไป ก่อนจะเอ่ยอย่างหงุดหงิด
“ยังอ่ะ...แม่ยังคอยดูแลคุณเพชร” เธอชะงักเมื่อเห็นว่าเขามองอย่างแคลงใจ “คุณเพชร ทำไมล่ะ ถึงจะไม่เชื่อเต็มร้อยว่าเป็นเขาจริง ๆ ก็เรียกไปก่อน เพราะไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ดี แม่น่ะคอยดูแลอยู่ไม่ห่างเลย จะลองทำให้เขามองเห็นดูก็ไม่กล้าเดี๋ยวเขาหลุดอะไรออกมา แม่จะตกใจเปล่า ๆ”
“แต่เราคงคุยกับฝนไม่ไหวนะ วันนี้เหนื่อยมากอยากพักผ่อน เมื่อคืนนอนดึกเอาเรื่อง”
“ก็นอนไปสิใครจะว่าอะไร” หญิงสาวยกไหล่ เดินไปนั่งที่ชุดรับแขกซึ่งสามารถมองผ่านมายังส่วนห้องนอนได้และคนที่นอนอยู่ก็สามารถมองไปเห็นคนที่นั่งอยู่ได้เช่นกัน “ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ อย่างน้อยก็ยังดีที่มีคนเห็นฉันบ้าง หรือเกิดนายนอนไม่หลับขึ้นมาจะชวนคุยก็ไม่ว่ากัน”
“งั้นเราขอนอนนะ”
วงศ์วรัณพูดจบก็เดินไปที่เตียงดึงสอดตัวลงไปใต้ผ้าห่ม นอนตะแคงหันมองไปทางที่สลิลานั่งอยู่ เอาเข้าจริงการมีสลิลานั่งอยู่ในห้องนอนอย่างนี้ก็ทำให้เขาหลับไม่ลง
“ทำอะไรอยู่น่ะฝน”
เสียงทักของคนที่นอนอยู่บนเตียงทำให้ร่างไร้น้ำหนักของสลิลาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมต้องลืมตาขึ้น ส่งเสียงจุปากเบา ๆ อย่างขัดใจ เพราะเธอกำลังหลับตาเพ่งสมาธิไม่ให้วงศ์วรัณเห็นตนเองอยู่
“นั่งหลับตาน่ะสิ”
“แล้วจะหลับทำไมล่ะ ปกติฝนต้องหลับด้วยเหรอ”
นั่นสิ...เธอเคยหลับด้วยเหรอ หญิงสาวแทบไม่รู้ตัว ไม่รู้วันคืนเสียด้วยซ้ำ ตั้งแต่ระเหเร่ร่อนไม่มีร่างเป็นของตัวเอง สลิลาไม่รู้จักคำว่านอนหลับ เธอเพียงอยู่ที่โน่นที่นี่ไปเรื่อย และเมื่อไหร่ที่ใคร ๆ พากันนอนหลับพักผ่อนไปแล้ว เธอก็รู้สึก...ว่างเปล่า ใช่...ช่วงเวลาที่เธอไม่คิดอยากจะไปไหน เหมือนเป็นช่วงที่หายไปในชีวิต...ถ้าสิ่งที่เธอเป็นอยู่จะเรียกว่าชีวิตได้นะ
ทำไมใช้สมาธิทำให้คุณเพชรมองเห็นได้ แต่ทำให้นายว่านมองไม่เห็นเราไม่ได้ล่ะ
“ไม่รู้สิ ไม่ต้องนอนมั้ง ไม่ได้เหนื่อย ไม่ได้ง่วงนี่นา”
คนที่นอนอยู่บนเตียงสลัดผ้าห่มให้พ้นตัวก้าวลงจากที่นอนหนานุ่ม เดินมานั่งสมทบกับสลิลาที่เก้าอี้รับแขก หาวหวอดโดยไม่ยกมือขึ้นปิดปาก
“ง่วงก็นอนไปสิ ลุกขึ้นมาทำไม”
“มันก็ง่วงนะ แต่เหมือนจะนอนไม่ค่อยหลับ เลยมานั่งคุยกับฝนดีกว่า”
“เรื่องสมาธิ สติ ปัญญา หาทางกลับร่างอะไรไม่เอาแล้วนะ ขี้เกียจจะคิดแล้ว”
“งั้นก็คุยเรื่องสมัยเรียน คุยเรื่องเพื่อน ๆ ดีไหม”
หญิงสาวพยักหน้ารับคำ ตอนแรกไม่คิดว่าการพูดคุยกันเรื่องของเพื่อนในกลุ่มจะมีอะไรน่าสนใจแต่เอาเข้าจริงพอได้เริ่มแล้ว ทั้งสองต่างนึกถึงช่วงเวลาสนุกสนานของชีวิตนักศึกษา วีรกรรมของเพื่อนในกลุ่มทั้งในชั้นเรียน ในห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่กระทั่งตอนที่พากันไปเที่ยวรีสอร์ทของครอบครัวสลิลา
เรื่องราวในอดีตกลับสร้างเสียงหัวเราะและความเพลิดเพลินใจให้กับสลิลาอย่างประหลาด เธอเล่าเรื่องขำขันเรื่องหนึ่งที่นึกได้ขณะที่กลุ่มเพื่อน ใช้ให้วงศ์วรัณเป็นคนถือแก้วกดน้ำปั่นแบบกดจากตู้ในร้านสะดวกซื้อ เพราะไม่มีใครกล้าถือยืนชำระเงิน สุดท้ายจึงตกลงกันให้ชายหนุ่มรีบเดินออกจากร้านขณะที่เธอจะเป็นคนเดินไปจ่ายเงินหากไม่ทันจะพ้นประตู ก้อนน้ำแข็งที่เกาะตัวกันเป็นกองสูงอยู่ในแก้วส่วนหนึ่งก็พังลง หล่นกระจายทั่วพื้น สลิลากลับลำรีบเดินผ่านวงศ์วรัณออกจากร้านทันที โดยมีเพื่อนคนอื่นในกลุ่มที่รออยู่นอกร้านพากันหัวเราะขำ
“ตอนนั้นฉันบอกให้นายเดินกลับไปจ่ายตังค์เอง ทำเหมือนเราไม่รู้จักกันเพราะอายมาก” สลิลาเอ่ยยิ้ม ๆ “นายไม่โกรธพวกเราสักนิด แถมออกมาขอโทษขอโพยใหญ่ที่ทำให้เหลือน้ำปั่นให้เพื่อน ๆ กินกันนิดเดียว จะว่าไปนายนี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ”
ไม่มีคำตอบใดจากวงศ์วรัณ มีเพียงเสียงที่ไร้ความหมาย....เสียงกรนเบา ๆ
“นายว่าน”
สลิลาเอ่ยเรียกคนที่นั่งกอดเบาะรองหลัง พิงกายหลับอยู่บนเก้าอี้นวมตัวเล็ก ร่างสูงคุดคู้ดูไม่น่าจะนอนสบายนัก แต่หญิงสาวก็ไม่กล้าจะปลุกเพราะดูท่าทางวงศ์วรัณจะเหนื่อยและง่วงเอาจริง ๆ
“หลับตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ปล่อยให้เราพูดคนเดียวอยู่ตั้งนาน”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมา เธอไม่ต้องนอนหลับ ไม่ต้องพัก และบางทีก็รู้สึกว่าอยู่ในพื้นที่สีขาวว่างเปล่าเมื่อไม่ได้นึกถึงใคร ไม่ได้อยากไปไหน
ตอนนี้เธอเพียงแต่นั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้นวมตัวยาวนั่งมองวงศ์วรัณอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน
อวิกาในร่างของสลิลามองไปรอบห้องนอนของตัวเองอย่างไม่ค่อยคุ้นชินนัก บ้านหลังนี้ใหญ่โตกว่าบ้านทาวน์เฮ้าส์ที่เธออยู่มาตั้งแต่จำความได้ ห้องนอนของสลิลาก็กว้างกว่าห้องนอนของเธอมาก
หลังจากรับประทานอาหารเย็นและนั่งพัก พูดคุยกับครอบครัวของสลิลาอยู่พักใหญ่ วิจิตรซึ่งเห็นว่าเริ่มจะดึกแล้วสำหรับสลิลาที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ก็พาลูกสาวขึ้นมาพักผ่อน
“ต้องให้แม่อยู่คอยดูแลไหมฝน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวสักพักฝนคงอาบน้ำนอนแล้ว ฝันดีนะคะแม่”
วิจิตรดูยังไม่วางใจนักหากสุดท้ายก็ทำเพียงกอดลูกสาวเบา ๆ กล่าวอวยพรให้ฝันดีแล้วผละออกจากห้องนอนของสลิลาไป
หลังจากสำรวจไปรอบห้องสักพัก หญิงสาวก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้ามองไปไม่พบชุดนอนแบบเสื้อกางเกงแบบที่เธอชอบสวมใส่ มีเพียงเสื้อยืดและกางเกงวอร์มหลากสีเท่านั้นที่ดูน่าจะเป็นชุดสำหรับใส่นอนได้
หญิงสาวหยิบเอาเสื้อผ้าและชุดชั้นในรวมถึงผ้าเช็ดตัว เดินไปที่ห้องน้ำซึ่งเปิดประตูเพื่อระบายอากาศเอาไว้ บ้านหลังนี้สะดวกสบายกว่าบ้านของเธอจริง ๆ แต่หากเลือกได้อวิกาขอกลับไปใช้ห้องน้ำร่วมกับพ่อ แม่ และน้องชายในบ้านหลังเล็กที่ตนเคยอยู่มากกว่า
ความเย็นจากสายน้ำทำให้รู้สึกปลอดโปร่งสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง เธอจึงออกจากห้องน้ำด้วยอารมณ์ที่แช่มชื่น ผิดกับเจ้าของห้องที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเตียง คิ้วขมวดราวกับคิดอะไรอยู่
“คุณฝน”
อวิกายกผ้าขึ้นซับน้ำจากเรือนผมหยักศก รู้สึกแปลกอยู่ไม่น้อยที่ได้เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า ผู้หญิงที่เหมือนกับภาพสะท้อนจากกระจกตู้เสื้อผ้าเมื่ออวิกาหันไปมอง ภาพภายในกรอบกระจกนั้นเห็นเพียงแต่สลิลาที่ยืนอยู่เท่านั้น
“ฉันขอมาอยู่ที่นี่นะคุณเพชร”
หญิงสาวยิ้มกับคำพูดของเจ้าของร่างเดินไปหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ
“ทำไมจะไม่ได้ละคะ นี่ก็เป็นห้องของคุณฝน”
ปฏิกิริยาตอบสนองของสลิลาคือถอนใจ เธอเดินหลบไปนั่งที่เก้าอี้หน้าขาตั้งไม้สำหรับวางกรอบผ้าใบวาดรูป
“ฉันชอบนั่งวาดรูปตรงนี้ เวลานอนไม่ค่อยหลับ ตอนนี้ฉันไม่รู้จะไปไหนเลยอยากมานั่งตรงนี้ อยากวาดรูปได้อีกสักครั้งจริง ๆ”
บางอย่างในดวงตาของสลิลาทำให้อวิการู้สึกว่าเธอกำลังวุ่นวายใจอะไรอยู่ ขยับจะถามแต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ นำผ้าเช็ดตัวไปแขวนที่ราวข้างผนังห้องน้ำ ก่อนจะกลับมานั่งบนเตียงอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอนอนพักนะคะคุณฝน รู้สึกง่วงขึ้นมาเหมือนกัน คงเพราะยาออกฤทธิ์”
สลิลาไม่ตอบหากพยักหน้าเบา ๆ ขณะที่ไล้มือไปบนผืนผ้าใบสีขาว ที่ยังไม่ได้รับการวาดเส้นใด ๆ ลงไป อวิกานอนตะแคงมองอาการนั้นได้ไม่นานก็เปลือกตาก็หนักมากขึ้นจนไม่สามารถจะฝืนได้อีก
ทุกอย่างมืดสนิทไปครู่หนึ่งในห้วงความนิทรานั้น ก่อนที่แสงไฟจากเสาข้างทางจะส่องผ่านเข้ามาเป็นระยะ ไฟท้ายรถคันหน้าแล่นทิ้งระยะอยู่พอสมควร
อวิกากำลังนั่งอยู่หลังพวงมาลัยภายในห้องโดยสารรถยนต์ของเธอเอง หญิงสาวกำลังขับรถกลับบ้านหลังจากที่เตรียมเอกสารให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทคำโภคา
หญิงสาวรู้สึกตัวว่ากำลังฝัน หากฝันนั้นเหมือนจริงราวกับว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นกับเธออีกครั้ง
ชั่วแวบที่ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งยืนขวางอยู่หน้ารถ ด้วยดวงตาที่วาวโรจน์ราวกับโกรธเคืองอะไรอวิกา ก่อนที่การตัดสินใจผิดพลาดจะทำให้พาหนะคู่ใจของเธอพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนกับรถของสลิลาเข้า
ร่างของสลิลาสะดุ้งเฮือกขึ้นเมื่อภาพเหตุการณ์ในฝันดำเนินไปถึงตอนที่เสียงโครมสนั่นดังขึ้น ตามมาด้วยอาการวูบ...เหมือน...เธอเคยเห็นมาเพียงแค่ในหนัง ในละคร แต่ตอนที่วิญญาณเหมือนหลุดออกจากร่างคงจะเป็นอย่างนี้ล่ะมั้ง หญิงสาวมองเห็นร่างของตนอยู่ตรงหน้าก็หมายใจจะกลับเข้าไปแต่แล้วกลับมีแรงผลักบางอย่างผลักเธอจนกระเด็น ทุกอย่างมืดสนิทไปในความรู้สึกของอวิกาจนกระทั่งเธอตื่นขึ้นมาในอีกร่างหนึ่ง
ร่างที่ตอนนี้ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงในห้องนอนที่ไม่คุ้นเคย
เจ้าของห้องอย่างแท้จริงซึ่งยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้ากรอบผ้าใบวาดรูป หันมาเอ่ยถาม
“ฝันร้ายเหรอคะ”
“ค่ะ”
อวิกาตอบสั้น ๆ กลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ชุ่มเสื้อผ้า เธอหันไปมองสบตากับเจ้าของร่างก่อนรวบรวมสติบอกสิ่งที่เพิ่งนึกขึ้นได้จากสิ่งที่เห็นในฝัน
“ผู้หญิงค่ะคุณฝน วันนั้นที่ฉันหักรถพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไป เพราะมีผู้หญิงคนนึงยืนขวางหน้ารถเอาไว้”
สลิลาขมวดคิ้ว “ผู้หญิง...ทำไมไม่เห็นมีใครพูดอะไรเลยล่ะคะ แล้วถนนช่วงนั้น รถวิ่งค่อนข้างเร็ว ไม่น่าจะมีใครมาหยุดยืนอยู่บนถนนได้เลยนะคะ”
“ฉันก็ว่ามันแปลกค่ะ ดูเหมือนเขาไม่ใช่...เอ่อ...” อวิกาไม่กล้ามองสบตาสลิลาขณะที่เอ่ยสิ่งที่คิด “เหมือนผู้หญิงคนนั้นไม่...ฉันคิดว่าเขาเหมือน...เหมือนคุณฝนตอนนี้”
ดวงตาสีน้ำตาลใสมีแววตกใจก่อนที่สลิลาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้มานั่งข้างร่างของตนเองบนเตียง
“หรือว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นพวกวิญญาณแค้น ข้ามภพข้ามชาติอะไรแบบนั้นรึเปล่าคะ”
อวิกาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนอธิบาย “ดูจากการแต่งกาย เสื้อผ้าแล้วเขาก็เหมือนพนักงานบริษัททั่วไปที่เราเห็น ๆ อยู่ในปัจจุบันนี่แหละค่ะคุณฝน”
“เขาต้องการร่างคุณเพชรแน่ ๆ ถึงทำแบบนี้” สลิลาคาดการณ์ “เลยต้องเดือดร้อนคนอื่นด้วยเลย แย่จริง ๆ”
คนได้ฟังนิ่งงันไปเล็กน้อย เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอโดยตรงหากมีผลกระทบถึงสลิลาทางอ้อม ซ้ำอวิกายังไม่สามารถบอกที่มาที่ไปได้ด้วยว่าทำไมจู่ ๆ จึงมีคนหรือวิญญาณที่ต้องการร่างของตน
สีหน้าที่สลดลงนั้นคงทำให้เจ้าของร่างที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สัมผัสได้
“แต่ฉันไม่ได้โทษคุณนะคะ คุณเพชร ถ้าเรื่องที่คุณเพชรเล่ามาเป็นความจริง ก็ต้องโทษวิญญาณผู้หญิงคนนั้น” สลิลาใช้คำพูดว่าวิญญาณคล่องปากเมื่อพูดถึงคนอื่น แต่หากตอนนี้มีใครมาเรียกเธอในตอนนี้ว่าวิญญาณ หญิงสาวคงจะกรี๊ดใส่ให้น่าดู “ถ้าเรารู้ว่าเขาเป็นใครก็ดีสินะคะ คุณเพชรแน่ใจนะคะ ว่าไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักเขาก่อนหน้าที่เขาจะมายืนขวางหน้ารถคุณเพชรคืนนั้น”
อวิกานึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้าปฏิเสธ นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเคยเห็นหรือเคยรู้จักผู้หญิงคนนั้นที่ไหน
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นพวกแม่มด หมอผี หรือปิศาจรึเปล่านะคุณเพชร”
ผู้ที่อยู่ในร่างของสลิลาจนปัญญาจะตอบ ขณะที่เจ้าของร่างลุกขึ้นยืน เดินไปมายกมือขึ้นจับคางเหมือนกับครุ่นคิดแผนอะไรอยู่
“คุณเพชร ถ้าเกิดร่างของคุณเพชรกลับไปอยู่บ้านเมื่อไหร่ เราไปบ้านคุณเพชรกันนะคะ ถ้าเป็นฉันล่ะก็คงเข้าไปใกล้ผู้หญิงคนนั้นได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว”
“คุณฝนจะทำอะไรคะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะช่วยอะไรได้ไหม แต่ถ้าเรารู้ว่าคนที่อยู่ในร่างคุณเพชรมีเจตนาอะไรกันแน่ อย่างน้อยเราก็จะได้คิดหาทางกันต่อไปได้ว่าจะทำยังไงดี”
อวิกาพยักหน้ากับตัวเองมากกว่าที่จะยอมรับในคำพูดของสลิลา เพราะเธอมองไม่เห็นทางเลยว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ถัดจากวันที่ออกจากโรงพยาบาลอวิกายังคงไม่มีโอกาสไปไหน เพราะวิจิตรยังห่วงลูกสาวเกรงว่าร่างกายจะยังไม่แข็งแรงพอที่จะออกไปนอกบ้าน หญิงสาวจึงจับเจ่าอยู่กับบ้านตลอดช่วงเช้าหลังจากกินข้าวเช้าเป็นข้าวต้มปลาฝีมือของวิจิตร สลิลาที่เคยพูดเอาไว้ว่าจะมาคอยเฝ้าร่างของตนเองเอาเข้าจริงอวิกาก็มองไม่เห็นตั้งแต่เช้า จะเพราะสลิลาไปที่อื่นหรือไม่ได้ตั้งสมาธิให้อวิกามองเห็นได้ก็สุดจะคาดเดา
การที่ยังต้องกินยาลดอาการปวดทำให้อวิการู้สึกง่วงในตอนสาย ๆ ขึ้นห้องนอนงีบหลับไปพักใหญ่ก็ตื่นขึ้นมาพบกับห้องว่างเปล่าเช่นเดิม ไม่มีวี่แววของเจ้าของห้อง
“คุณฝนคะ คุณฝนอยู่ไหมคะ”
ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ไม่มีปฏิกิริยาของสลิลา
อวิกาถอนใจเบา ๆ ก้าวลงจากเตียง จัดแจงล้างหน้าล้างตาก่อนออกจากห้องเดินลงบันไดบ้านไปก็ได้กลิ่นน้ำซุปไก่หอมหวน เธอจึงเดินไปที่ครัวพบว่าวิจิตรกำลังง่วนตักน้ำซุปในหม้อขึ้นชิม
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะแม่”
“อ้อ...ฝนมาพอดี มาลองชิมดูสิลูกว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง”
หญิงสาวเดินไปมองอาหารที่อยู่ในหม้อต้มซึ่งเป็นซุปมะกะโรนีใส่ปีกบนไก่ มันฝรั่ง หัวหอมและมะเขือเทศ วิจิตรใช้ทัพพีตักน้ำซุปใส่ช้อนส่งให้ลูกสาวชิม
“อร่อยค่ะ รสชาติกำลังดีเลย”
“งั้นฝนออกไปรอเป็นเพื่อนพ่อเขาเถอะลูก เดี๋ยวแม่ยกไปให้”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฝนสบายดีแล้วนะคะ เดี๋ยวช่วยแม่ตักใส่ถ้วยแล้วยกไปให้พ่อดีกว่า”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิคะ”
อวิกาพูดจบก็เดินไปเปิดตู้หยิบเอาภาชนะออกมา หญิงสาวคงจะหยิบจับอะไรไม่ถูกหากไม่อาศัยขอเข้ามานั่งดูวิจิตรทำครัวตั้งแต่มื้อเย็นวาน
“แม่ออกไปรอกับพอก็ได้นะคะ เดี๋ยวฝนยกไปให้เอง”
“รอออกไปพร้อมกันเถอะจ๊ะ รายนั้นน่ะ ถ้ายังอ่านหนังสือพิมพ์ไม่หมดเล่มก็ไม่เงยหน้ามองใครอยู่แล้ว”
หญิงสาวในร่างสลิลายิ้มรับคำ ไม่นานสองแม่ลูกก็เดินออกจากห้องครัวโดยที่อวิกาเป็นฝ่ายถือถาดใส่ชามซุปมะกะโรนีออกไปที่ห้องอาหาร
“มากินมื้อเที่ยงได้แล้วค่ะ”
ฐิติพับหนังสือพิมพ์วางลงบนโต๊ะกลางของชุดเก้าอี้รับแขกหรู ก่อนจะเดินมาสมทบกับภรรยาและลูกสาวที่โต๊ะอาหาร อวิกาวางถ้วยลงบนโต๊ะด้วยท่าทางปกติ แต่ดูเหมือนว่ากิริยานั้นจะเริ่มสะดุดใจฐิติเข้า
“ดูฝนใจเย็น เรียบร้อยขึ้นเยอะนะ ทุกทีถ้าลองได้ถือถาด ถือชามล่ะ ได้ทำหกทำคว่ำตลอด”
“แหม...ลูกเพิ่งจะฟื้นจากเจ็บนี่คะ จะให้ทำอะไรปรูดปราดเหมือนทุกทีคงไม่ได้”
วิจิตรคิดไปอีกทางหนึ่งทำให้อวิกาลอบถอนใจอย่างโล่งอก ก่อนจะนั่งลงกินมื้อกลางวันร่วมกับสองสามีภรรยา หลังจากเริ่มต้นไปได้สักพักฐิติก็ส่งเสียงเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้
“เออจริงสิ...เมื่อกี้ตาเมฆโทร.มา บอกว่าคืนนี้จะกลับค่ำหน่อยนะ”
วิจิตรพยักหน้ารับเหมือนไม่ใส่ใจหากไม่วายบ่น “ลูกคนนี้ ลอยไปลอยมาไม่รู้เมื่อไหร่จะลงหลักปักฐานสักที ถ้ามีหลานให้เลี้ยงฉันจะได้หาข้ออ้างกับครอบครัวคุณขอมาเลี้ยงหลานได้”
“อ้าว...คุณ นี่ใจคอจะให้ผมรับมือกับพี่น้องคนเดียวเหรอ”
“โอ๊ย! ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละค่ะ ตาเมฆดูท่าทางจะยังเพลินกับชีวิตหนุ่มโสดแบบนี้ ฉันคงต้องช่วยคุณรับมือพี่ทิพย์ ตาทัศน์แล้วก็หลาน ๆ ไปอีกนาน”
อวิกาได้แต่ฟังสองสามีภรรยาคุยกันเงียบ ๆ พารินธรเป็นผู้ชายที่จัดว่าดูดีคนหนึ่งถ้าหากเขาจะทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมา และมีผู้หญิงมาติดพันมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำหน้าที่ เขาอาจจะเป็นสามีและเป็นพ่อที่ดีก็ได้
ความเย็นของเครื่องปรับอากาศในห้องหรูดูจะไม่ช่วยอะไรสองหนุ่มสาวที่เพิ่งจะผละออกจากกันหลังจากที่ทั้งคู่ไปถึงจุดหมายร่วมกันได้ พารินธรยกมือขึ้นปาดหน้าผากและเรือนผมของตน หอบหายใจหนักหน่วง หญิงสาวที่ร่างกายเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อเช่นกัน พลิกตัวขึ้นมาอกอิ่มเข้ากับผิวกายของชายหนุ่ม
“อย่างนี้...คงจะเรียกว่ามินตอบแทนคุณเมฆไม่ได้แล้วนะคะ เพราะคุณเมฆทำให้มินมีความสุขมาก” เหมือนฝันเอ่ย นิ้วเรียวไล้ลงบนแผงอกแกร่งของหนุ่มผิวขาว “กลายเป็นว่ามินติดค้างคุณเมฆอีกแล้ว”
ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ โอบแขนกระชับร่างหญิงสาวเข้ากับตัว
“แล้วคุณมินจะตอบแทนผมยังไงอีกล่ะครับคราวนี้”
หญิงสาวมองตอบสายตาของพารินธร ก่อนตอบคำถามด้วยการโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากกับเขา...แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามอารมณ์ของหนุ่มสาวที่ยังมีความปรารถนาอยู่เต็มเปี่ยมในอกทั้งคู่
เหมือนฝันดูเป็นผู้หญิงที่คล่องและเป็นงานสำหรับพารินธร เขาพิจารณาจาก ‘การตอบแทน’ ของเหมือนฝันในวันนี้ที่เริ่มต้นด้วยมื้อค่ำในห้องอาหารหรูภายในโรงแรมย่านธุรกิจแห่งนี้ ก่อนที่จะมาจบที่ห้องพักซึ่งเธอเปิดเตรียมเอาไว้แล้ว ราวกับรู้ว่าสุดท้ายแล้วคืนนี้ของเขาและเธอจะจบลงเช่นนี้
ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างจากทุกครั้ง ต่างฝ่ายก็ต่างให้และรับในสิ่งที่ตนเองต้องการ และทุกอย่างก็จะจบลงในที่สุด

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ม.ค. 2555, 00:39:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ม.ค. 2555, 00:39:52 น.
จำนวนการเข้าชม : 2053
<< ตอนที่ 7 | ตอนที่ 9 >> |

กมลภัทร 29 ม.ค. 2555, 00:46:50 น.
pseudolife >>>> ขำ ๆ เบาะ ๆ ครับ นายพีทช่างแหย่แต่ก็ไม่ถึงกับไม่ระวัง
sai >>>> ที่ไม่ชอบเพชรในร่างฝนเพราะไปจุ้นจ้านถามเรื่องอาการครับ
lovemuay >>>> เกือบ ๆ ถูกนะครับ
wane >>>> มีอธิบายในตอนนี้นิดหน่อยครับ (ยังมีอธิบายเรื่องนี้อีกตอนหลัง ๆ) ที่จริงวิญญาณในร่างเพชรทำการบ้านมาดีนะครับ ตั้งใจสวมรอยเลยไม่หลุดอะไร ส่วนนิสัยการพูดจาของฝนกับเพชรค่อนข้างต่าง แต่พี่ชายรู้สึกได้มากกว่าเพราะน้องพูดกับพ่อแม่เพราะกว่าพูดกับพี่อยู่แล้ว
lookpud >>>> หมายถึงเพชร? รึเปล่าครับ
ของขวัญ >>>> แหย่นิดหน่อยพอให้มั่นใจมากขึ้นอ่ะครับ
น้องอุด้ง >>>> ตามต่อนะครับ
เพียงพลอย >>>> มาเดากันต่อไหม ^^
panon >>>> เดี๋ยวเขาก็เผยตัวครับใจเย็น ๆ
นกอุมาพร >>>> อืม...แก้ไงดี รออ่านนะครับ
pseudolife >>>> ขำ ๆ เบาะ ๆ ครับ นายพีทช่างแหย่แต่ก็ไม่ถึงกับไม่ระวัง
sai >>>> ที่ไม่ชอบเพชรในร่างฝนเพราะไปจุ้นจ้านถามเรื่องอาการครับ
lovemuay >>>> เกือบ ๆ ถูกนะครับ
wane >>>> มีอธิบายในตอนนี้นิดหน่อยครับ (ยังมีอธิบายเรื่องนี้อีกตอนหลัง ๆ) ที่จริงวิญญาณในร่างเพชรทำการบ้านมาดีนะครับ ตั้งใจสวมรอยเลยไม่หลุดอะไร ส่วนนิสัยการพูดจาของฝนกับเพชรค่อนข้างต่าง แต่พี่ชายรู้สึกได้มากกว่าเพราะน้องพูดกับพ่อแม่เพราะกว่าพูดกับพี่อยู่แล้ว
lookpud >>>> หมายถึงเพชร? รึเปล่าครับ
ของขวัญ >>>> แหย่นิดหน่อยพอให้มั่นใจมากขึ้นอ่ะครับ
น้องอุด้ง >>>> ตามต่อนะครับ
เพียงพลอย >>>> มาเดากันต่อไหม ^^
panon >>>> เดี๋ยวเขาก็เผยตัวครับใจเย็น ๆ
นกอุมาพร >>>> อืม...แก้ไงดี รออ่านนะครับ

sai 29 ม.ค. 2555, 01:12:23 น.
ตามติด ติดตาม ค่ะ
รู้สึกว่า สิ่งที่พี่เมฆ คิด อาจจะต่างจากทุกครั้งแน่ๆเลย
ตามติด ติดตาม ค่ะ
รู้สึกว่า สิ่งที่พี่เมฆ คิด อาจจะต่างจากทุกครั้งแน่ๆเลย

pseudolife 29 ม.ค. 2555, 01:43:21 น.
นั่นสิทิ้งท้ายให้คิด ดูท่าจะไม่เหมือนทุกครั้งแล้วล่ะคุณเมฆ
นั่นสิทิ้งท้ายให้คิด ดูท่าจะไม่เหมือนทุกครั้งแล้วล่ะคุณเมฆ

wane 29 ม.ค. 2555, 04:35:35 น.
ในเมื่อฝนไม่มีร่าง ทำไมไม่ไปบ้านเพชรเลยหล่ะ จะได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำอะไรบ้าง ไม่เห็นต้องรอเลยนินา
ในเมื่อฝนไม่มีร่าง ทำไมไม่ไปบ้านเพชรเลยหล่ะ จะได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำอะไรบ้าง ไม่เห็นต้องรอเลยนินา

lovemuay 29 ม.ค. 2555, 09:58:42 น.
อ้าว..พี่เมฆ แอบเจ้าชู้นะเนี่ย อิอิ
อ้าว..พี่เมฆ แอบเจ้าชู้นะเนี่ย อิอิ

ของขวัญ 29 ม.ค. 2555, 17:19:45 น.
อยากรู้ว่าใครกันหนอที่อยู่ในร่างของเพชร
อยากรู้ว่าใครกันหนอที่อยู่ในร่างของเพชร

panon 30 ม.ค. 2555, 09:11:50 น.
ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆทิ้งท้ายให้คิดเยอะนะเนี่ยยยยยยยยยย
ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆทิ้งท้ายให้คิดเยอะนะเนี่ยยยยยยยยยย

XaWarZd 30 ม.ค. 2555, 11:02:52 น.
คิดหนักนะเนี่ย สลับซับซ้อน
คิดหนักนะเนี่ย สลับซับซ้อน

เพียงพลอย 30 ม.ค. 2555, 22:09:28 น.
555 จะตามมาเดาต่อไปจนจบเรื่องเลยค่ะ
555 จะตามมาเดาต่อไปจนจบเรื่องเลยค่ะ

นกอุมาพร 31 ม.ค. 2555, 23:46:31 น.
อุ้ย....พี่เมฆอะไรกันค่ะเนี้ย
อุ้ย....พี่เมฆอะไรกันค่ะเนี้ย