อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 5 งาน y+ ศาสนา (อย่างแรง ๆ))

5.

น้ำใสสายเล็ก ๆ ที่ไหลรินลงสู่โตรกหินด้านล่าง เรียกว่าน้ำตกเห็นจะไม่ได้ ถ้าเป็นคำว่าน้ำริน ใคร ๆ ก็ไม่อาจเถียง แต่เวลานี้มัวเลือกสิ่งใดได้ ในช่วงที่ใกล้ฤดูร้อน เป็นธรรมดาที่สายน้ำต่าง ๆ บนยอดภูจะหยุดไหล

ในที่สุดความปรารถนาแห่งใจก็สำเร็จเป็นอัศจรรย์ คำว่ายากของคนอื่น คือคำว่าง่ายของตน สุริยานึกถึงเมื่อครั้ง ได้ข่าวพระพุทธบาทสี่รอยที่อำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่..รูปจากอินเตอร์เน็ตส่งผลให้ใจปรารถนา ต่อจากนั้นไม่นานจิตที่ตั้งไว้ด้วยศรัทธาก็มีช่องทางไปถึง.. เมื่อได้จัดทัวร์ไปไหว้พระในคูเมืองเชียงใหม่ จึงเลือกให้พระพุทธบาทสี่รอย พระพุทธบาทรังกาบนยอดเขาอันไกลโพ้นแต่รถเข้าถึงได้เป็นของแถมที่ลูกทัวร์ทั้งหลายรู้สึกยินดีและปลาบปลื้มใจที่เขาได้นำทางท่องเที่ยว นำทางบุญมาสู่..

“ดูมีความสุข” แสงทองร้องถามเมื่อเห็นใบหน้าของสุริยาสดชื่นแจ่มใส..

“สมความปรารถนาของคุณแล้ว ผมดีใจด้วย” รุ่งโรจน์เอ่ยขึ้นขณะพากันเดินกลับมาจากสายน้ำรินทางด้านหลังเลยรอยพระพุทธบาทไป..

อาหารมื้อเช้าในวันนั้นเป็นข้าวเหนียวที่เย็นชืด แต่แสงทองไปหาใบไม้มาห่อและเสียบไม้ปิ้ง..เพื่อให้ได้ความร้อนได้กลิ่นเรียกน้ำลาย

“เก่งกว่าที่ผมคิดไว้นะสาวน้อยคนนี้” รุ่งโรจน์ชม

“อยู่แล้วเจ้าคะ...ผู้หญิงคนนี้ยังมีดีอีกหลายอย่าง หากวันหลังอยากได้ร่วมทาง...อย่าลืมโทรชวน”

“ไปภูกระดึงด้วยกันไหม” รุ่งโรจน์ถามขึ้น..สายตาเป็นประกาย ขณะมองสุริยาและแสงทองที่นั่งเคียงกันบิข้าวเหนียวฉีกเนื้อทอดแบ่งปันกันกิน..

“รู้สึกเฮียจะมีความหลังที่ภูกระดึงนี่เหลือเกินนะ มันดีอย่างไร บอกหน่อยได้ไหม”..

“เคยไปกับพี่ชายตอนอายุสิบสามได้มั้ง เป็นครั้งแรกที่ผมไปเที่ยวแล้วรู้สึกว่ามันลำบากมาก ต้องเดินไต่เขาประมาณนี้แหละ ยากกว่านี้ซิ มีหลายซำ แต่เสน่ห์ของที่นั่น..สมชื่อภูรูปหัวใจ..มีหนุ่มสาวคลอเคลีย มีการช่วยเหลือกัน โรแมนติกซะ บ้างก็รักกันที่นั่น บ้างก็เลิกกันที่นั่น..”

“อยากหาคนไปลองใจว่างั้นเถอะ”

“ก็ประมาณนั้น” เจ้าตัวยอมรับหน้าตาเฉย

“แล้วนึกอย่างไรชวนพวกหนู”

“ก็เราเพื่อนกันไง ก็อยากไปกับเพื่อน แบบชอบลุย บอกตามตรงนะ ผมรู้สึกดีกับคุณสองคนจังเลย..คงเป็นเพราะ..คุณคบผมเหมือนผมเป็นคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งมั้ง..”

“ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาหาคุณเป็นอย่างไร” สุริยาถามบ้าง

“มองคุณเป็นเทวดาว่างั้นเถอะ” แสงทองชิงตอบเสียเอง...

“ประมาณนั้น..”

“แต่บอกตามตรงนะคุณรุ่งโรจน์..”

“เรียกผมพี่รุ่งเหมือนกับที่เรียกพี่ยาของคุณก็ได้” รุ่งโรจน์แซวส่งผลให้แสงทองหน้าแดงระเรื่อ

“ค่ะ..จริง ๆ กลับไปนี่ หนูก็ไม่แน่ใจว่าอยากจะคบกับพี่อยู่อีกหรือเปล่า ณ ปางจันทร์ พี่คือเพื่อนหนูสองคน คนธรรมดา แต่กลับไปแล้ว ไปสู่ถิ่นของพี่ เราย่อมมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน คนในเมืองรู้จักพี่ ทั้งที่ จริง ๆ ไม่อยากรู้จัก พี่ไม่ใช่ดารา แต่พี่ก็คือคนที่อยู่ในแวดวงนั้น คือคนของสื่อ เราสองคน หนูกับพี่สุริยา เดินดินกินข้าวแกง..จะให้ปรับตัวแต่งตัวหรูหราไปนั่งทานเลี้ยงกับคุณพี่ก็เห็นจะไม่ได้”

“ทำไมเธอดูคิดมากจัง ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับผม..คุณสุริยา เขายังลิขิตชีวิตที่จะเป็นของตัวเองได้ แล้วทำไมผมจะลิขิตชีวิตตัวเองบ้างไม่ได้..”

“หนูจะเป็นกำลังใจให้คุณพี่นะคะ..” แสงทองคงแกล้งดักคอ

“ปีหน้านะ ผมสัญญาว่าเราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่ภูกระดึงด้วยกัน”

“อย่าสัญญาเลยคุณรุ่ง ชีวิตคนเราเอาแน่ไม่ได้..” สุริยารีบห้าม..

“เอาแค่กลับไปส่งเงินมาใช้คืนพี่สุริยาของหนูก็พอแล้ว..” แสงทองแกล้งเย้า..ส่งให้อีกคนยิ้มอย่างอาย ๆ ..

“ถ้าผมไม่เจอคุณสุริยามีหวัง ตายกับตายเป็นแน่ เพราะดูแล้วเจ้าของเกสเฮ้าส์อย่างแสงทองนี่ คงไม่ยอมให้ลูกค้าเอาเปรียบแม้เพียงเล็กน้อย”

“ไม่ใช่ของหนู หนูเป็นลูกกระจ๊อกเขา ก็ต้องทำตามนโยบาย..แต่ถ้าหนูมีเกสเฮ้าส์เป็นของตัวเองเมื่อไหร่ หนูสัญญาเลย อีกกี่สิบปีก็ตามพี่รุ่ง พี่สุริยา พักฟรีกินฟรีตลอดรายการ”

“สาธุ..ขอให้ความฝันของเธอเป็นจริง” สุริยาว่าให้

“แล้วนี่สวดมนต์อธิษฐานจิตเป็นวัน ๆ บอกหน่อยได้ป่ะเรื่องอะไร” แสงทองถามด้วยความข้องใจ

“จะเรื่องอะไร คนหาเงิน ก็พูดถึงเรื่องงาน เรื่องทัวร์เถื่อนของผม ก็ปรารถนาจะให้เป็นทัวร์ถูกกฎหมาย..ปรารถนามีลูกทัวร์เต็มทุกเที่ยว ได้กำไร ลูกทัวร์ปลอดภัย..คนจัดไม่ถูกตำรวจจับ และที่สำคัญ ให้ได้มีโอกาสเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ในอินเดียโดยเร็วพลันด้วยเทอญ”

“ความปรารถนาของพี่นี่แต่ละเรื่อง ผิดจากที่เคยได้ยิน”

“เคยสำเร็จสักเรื่องไหม” ดูรุ่งโรจน์จะสนใจเรื่องพวกนี้อยู่ไม่น้อย..

“การอธิษฐานกับบนบานมันต่างกัน ผมก็ใช้บุญต่อบุญ ปรารถนาแห่งใจ คุณอยากเป็นอะไรคุณก็คิดและทำเช่นนั้นปล่อย ๆ ใจมีพลังเดี๋ยวมันก็มีช่องทาง..เพียงแต่ช่องทางของผมใช้บุญช่วยเปิดด้วย”

“เป็นไปได้จริงรึ” รุ่งโรจน์ยังคงซัก

“ผมเดินมาถึงวันนี้ผมก็ยังงง ๆ ด้วยซ้ำ จะเรียกว่าจับเสือมือเปล่าก็ได้ ผมสึกออกมาไปทำงานบริษัทเป็นเซลแมนขายตรงอยู่พักใหญ่ รู้สึกว่าไม่ใช่ เราไม่ชอบคุยและตามตื๊อคน จึงลาออก ช่วงตกงานผมก็ไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ร้านอาหาร รู้สึกว่าชีวิตทำไมต้องมาคอยส่งเสริมให้คนอื่นทำไม่ดีด้วย”

“เรื่องเหล้า บุหรี่อีกซิ”

“หลาย ๆ เรื่อง มีทั้งเรื่องคนเจ้าชู้ ปั้นหน้าเข้าหากัน โกหกโกว่าย รู้สึกอึดอัดคิดว่าเงินไม่ใช่ที่สุดของความสุข ผมก็เลยลาออก แล้วกลับไปหาพระอาจารย์ ท่านบอกว่าเห็นมีคนทำทัวร์แบบนี้ ที่กรุงเทพฯ น่าจะทำได้ ผมก็เริ่ม ๆ ทำ โดยเริ่มชวนคณะญาติโยมที่ศาลาวัดที่ผมไปทำบุญเป็นประจำในวันพระไปไหว้พระ 9 วัดที่อยุธยา ในตอนนั้นผมซื้อหนังสือมาอ่าน มันก็ไม่เหมือนเห็นกับตา ตัดสินใจนั่งรถโดยสารไปหาเช่าจักรยานปั่นรอบเมือง เพื่อสำรวจโดยความรู้สึกของตัวว่าวัดไหนน่าสนใจกว่ากัน”

“แล้วเป็นอย่างไรจัดครั้งแรก”

“ผมจัดราคาไม่แพงหรอก นึกสนุก นึกอยากเห็นคนแก่ไปเที่ยวกันบ้าง สังเกตดูคนเหล่านั้น มีเงินแต่ไม่มีใครพาไป พอไปด้วยกันบ่อย ๆ ก็กลายเป็นญาติกันไป เป็นป้าเป็นย่าเป็นยาย ครั้งแรกที่จัดได้กำไรหักจากค่ารถบัสหกล้อ ค่าอาหารเช้าแล้ว เหลือประมาณสองพันบาท ผมก็อาศัยอยู่กับป้าพี่สาวแม่ ป้าแกมาอยู่กรุงเทพฯ นานแล้ว มีบ้านหลังเล็ก ๆ ในชุมชนเกือบจะเรียกว่าสลัมก็ได้ อาศัยซุกหัวนอนไม่เสียค่าเช่า มีก็ช่วยค่าน้ำค่าไฟแก ไม่มีแกก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็อยู่มาได้สองสัปดาห์ หลังจากนั้นก็มานั่งคิดทำเป็นเรื่องเป็นราว..เริ่มหาหนังสือมาอ่าน เริ่มนั่งสมาธิ”

“นั่งสมาธิ” แสงทองอุทาน

“ไม่น่าเชื่อ ใช่ไหม บางทีเราก็คิดอะไรดี ๆ ออกมาได้ บางทีสิ่งที่เราคิดได้มันอาจจะไม่ราบรื่นแต่พอเราสวดมนต์และนั่งสมาธิแล้ว ปัญญามันเกิด ปัญหามันก็น้อยลง กำลังใจที่จะสู้มันก็มีมากขึ้น”

“นับถือ”

“เมื่อเราไม่ปรารถนาจะเป็นลูกน้องใคร เราปรารถนาเป็นนายตน เราก็ต้องสู้ สู้ยิบตา ..ผมจึงบอกว่าอธิษฐานจิต ถ้าทำเป็นมันก็มีจริง ๆ จากลูกทัวร์หนึ่งศาลาวัด ผมเริ่มทำใบปลิว ไปยืนแจกที่หน้านิคมอุตสาหกรรมประมาณบนสะพานลอยคนผ่านไปมาก็จัดแค่ไหว้พระอยุธยากับอ่างทองนั่นแหละสัปดาห์เว้นสัปดาห์รับลูกทัวร์จำนวนจำกัดแค่รถบัสเดียวเพราะทำคนเดียว”

“หัวละเท่าไหร่”

“400 บาท ถูกไหมล่ะ อาหารเช้าอีกมื้อ”

“แล้วใครบรรยาย คุณเป็นไกด์ด้วยซิ”

“ครับ เป็นไกด์ ตอนอยู่วัดเคยเป็นอาจารย์สอนนักธรรมตรี โท เอก เคยเทศน์ก็หยิบบุญเก่าตรงนั้นมาใช้ ประวัติศาสตร์บวกพิธีกรรมทางศาสนาบวกกับวิวัฒนาการของสถาปัตยกรรม..ทำให้ผมมีงานคือการค้นหาข้อมูลใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ เงินทองที่ได้มาส่วนใหญ่จึงหมดไปกับค่าหนังสือและค่าสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวบนผืนแผ่นดินนี้”

“แล้วทางบ้านคุณไม่ว่าอะไรรึ”

“บุญของผมมั้ง ป้าแกเข้าใจ ว่าชอบอะไรก็ทำตามนั้น”

“ถ้ากลับไปผมขอไปเที่ยวด้วยคนได้ไหม” รุ่งโรจน์ถาม

“ได้สิ แต่จริง ๆ ถ้ามีคนสนิทกันจริง ๆ ขึ้นทัวร์มาด้วย ผมก็เขินเหมือนกันนะ เพราะบางทีความเงียบนี่คือเรา แต่ขึ้นไปทำหน้าที่ตรงนั้นแล้ว มีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ อารมณ์นั้นก็ต้องเฟ้นปัญญากลั่นถ้อยคำเรื่องบุญผสมกับเรื่องประวัติศาสตร์ให้มันสนุกสนาน เรื่องนี้ผมก็อธิษฐานจิต ขอบุญบารมีของพระพุทธเจ้าช่วยให้ดวงปัญญาเกิด เพราะเจตนาของเราดี ปรารถนาเผยแผ่ธรรม อาชีพเกื้อกูลกับพระศาสนา”

สุริยาเล่าเรื่องของตนอย่างไม่ปิดบัง โดยมีคนสองคนที่มาจากคนละที่ตั้งใจฟังประหนึ่งว่า ฟังพระเทศนาเรื่องอานิสงส์แห่งอธิษฐานจิต

“ถ้างั้น เดี๋ยวหนูขอกลับไปที่รอยพระบาทอีกครั้งนะ ขออธิษฐานใหม่”

“เมื่อเช้าอธิษฐานว่าอะไร” สุริยาถาม

“ก็ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีแต่คนรัก มีเงินใช้ มีการงานดี ๆ มั่นคง”

“ทำอะไรถึงจะเรียกว่ามั่นคง”

“เรียนจบสื่อสารมวลชนก็ปรารถนาจะทำงานด้านขีด ๆ เขียน ๆ แต่จริง ๆ ก็ไม่ค่อยชอบไปสาระแนเรื่องชาวบ้านหรอก อยากแค่เป็นคนเขียนหนังสือ บรรยายความรู้สึกนึกคิดผสมจินตนาการสะเปะสะปะ”

“แล้วฝึกบ้างหรือยัง”

“ฝึกซิ เขียนไดอารี่ทุกวัน เมื่อคืนก็เขียนนะ เขียนว่า วันนี้เหนื่อยจังเลย เพราะพี่สุริยาแท้ ๆ เชียว ฉันถึงได้ขึ้นมาบนนี้อีกรอบ”

“แล้วทำไมต้องสุริยาด้วย” รุ่งโรจน์ยังซัก

“ไม่มีใครปรารถนาจะมาบนนี้หรอก คนแรกในรอบที่เกิดแล้วย้ายมาอยู่ที่ปางจันทร์ ก็เลยอยากจะทำให้ความฝันเขาเป็นจริง”

“อนุโมทนาบุญกับเธอด้วยแล้วกัน” สุริยายกมือพนม..

“หมายความว่าไง” รุ่งโรจน์ทำหน้าสงสัย

“ถ้าผมไม่ได้แสงทองช่วย ผมก็ขึ้นมาทำบุญบนนี้ไม่ได้ ผมคิดว่าผมมาที่นี่ผมได้บุญ แสงทองก็ได้บุญที่ช่วยผม ผมก็ปลื้มกับผลบุญอันนั้นของเธอ..ก็บอกว่าขออนุโมทนาบุญด้วยนะ คือรู้ว่าเธอทำบุญ ยินดีด้วยประมาณนั้น”

“งั้นผมก็พูดคำนั้นได้ใช่ไหม..อนุโมทนาบุญกับคุณทั้งสองคนด้วยนะ ที่พาผมขึ้นมาบนนี้ได้”

“สาธุ..สาธุ”

“อย่ามัวบุญบาปกันอยู่เลย รีบเก็บของเถอะ เดี๋ยวจะมืดระหว่างทาง ขี้เกียจนอนหนาวอีกคืน”

พอแสงทองพูดเช่นนั้น วงสนทนาจึงยุติลง ต่างคนต่างเก็บสัมภาระของตนเงียบ ๆ จนกระทั่งสุริยาเอ่ยขึ้นว่า

“แสงทอง พรุ่งนี้ พี่กับพี่รุ่งโรจน์คงต้องกลับกรุงเทพฯ กันแล้วนะ เธอจะกลับด้วยกันไหม”

พอสุริยาพูดจบ ดูมือไม้ของแสงทองอ่อนในทันที หน่วยตามีน้ำตาคลอ หญิงสาวตอบว่า “จ้ะ” คำเดียวแล้วหันหลังเก็บของเงียบ ๆ

“เป็นอะไรตัวดี” เหมือนรุ่งโรจน์จะรู้ว่าอีกคนมีน้ำหูน้ำตา

“เปล่า..ก็แค่”

“เดี๋ยวเราก็เจอกันอีก พี่สัญญาว่าจะพาเธอทั้งสองคนไปเที่ยวในป่าคอนกรีตบ้าง”...

“จริง ๆ นะ” ว่าแล้วคนเก่ง ก็มีน้ำหูน้ำตาไหลพราก ๆ ทีนี้ร้อนถึงรุ่งโรจน์ที่ต้องเดินเข้าไปใช้ฝ่ามือลูบไปที่เรือนผมดำขลับ สาวเจ้าเช็ดน้ำตาก่อนจะบอกว่า

“หนูก็เป็นอย่างนี้ทุกที อยู่ใกล้ใครนาน ๆ ไม่ค่อยได้ มันจ้องแต่จะผูกพัน เด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่นก็งี้แหละ อย่าถือสาหนูนะ”

รุ่งโรจน์ไม่ตอบได้แต่ยิ้ม ๆ แล้วมองมาทางสุริยาแล้วยิ้มน้อย ๆ สื่อให้รู้ว่าเขาก็รู้สึกใจหายไม่ต่างกับแสงทองเหมือนกัน



พระอาทิตย์ที่ทอแสงเจิดจ้าขับไล่ความหนาวเหน็บในค่ำคืนไปจนหมดสิ้น ความอบอ้าวในราวป่าทวีความรุนแรงจนเหงื่อของคนทั้งสามโทรมกาย เมื่อครั้งเดินขึ้นรู้ว่าเหนื่อยที่หัวอก แต่เมื่อเดินลงอาการกลับเป็นว่าเจ็บที่น่อง หัวเข่าและปลายเท้า..เพราะรองเท้า ซึ่งเวลาเดินลงปลายนิ้วเท้าจะไปกระแทกกับขอบยางด้านใน..

“ถอดออกแล้วถือเอาซิพี่รุ่ง” แสงทองร้องบอก

“กลัวหนาม”

“งั้นพี่ก็ใส่ถุงเท้าเดินเอาแล้วกัน ไปถึงบ้านก็ทิ้งซะ ตอนนี้เอาชีวิตให้รอดก่อน” รุ่งโรจน์ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น เพียงฝืนสังขารเดินโขยกเขยกเกาะแขนสุริยาไปเรื่อย ๆ

“นี่ถ้าพี่รุ่งเป็นผู้หญิงหนูคงได้เข้าไปตบเพราะทำท่าสำออยเหลือเกิน” น้ำเสียงแสงทองหยอกเย้าส่งผลให้สุริยาส่งสายตามาปราม เจ้าคนปากไม่มีหูรูด

ระยะทางจากยอดภูถึงหลังวัดเท่ากับทางเดินขึ้นไป แต่เวลาที่ใช้น้อยกว่า ด้วยกะย่องกะแย่งไต่หินลงมาบ้าง วิ่งพรวดพราดไถลจากเขาลงมาบ้าง ที่กะไว้ว่าจะถึงราวบ่ายสี่ถึงห้าโมงเย็นก็เหลือเพียงบ่ายสาม พอมาถึงวัด สองหนุ่มก็นั่งหอบแฮ่ก ๆ ส่วนสาวแสงทองขอไปพบเจ้าอาวาสเพื่อขอยืมโทรศัพท์กลับไปหาคนที่บ้าน

สักพัก หญิงสาวก็เดินหน้าเสียกลับมา

“ลุงกับป้ากลับจากฮ่องกงก่อนกำหนด ตายห่าแล้วหนู ทำไงดีล่ะ โอ๊ย..อยากตาย”

ดูเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหญิงสาว

“เธอจะแก้ตัวว่าอย่างไร”

“ก็คงบอกว่า พี่สองคนว่าจ้างหนู ให้หนูพาขึ้นไปไหว้รอยพระบาทแล้วกัน”

“แต่ความจริง เธอพาไปฟรีไม่ใช่รึ” รุ่งโรจน์ได้ทีแกล้งรวน

“สมมุติเอาตัวรอดเจ้าค่ะ ถ้าไม่บอกอย่างนี้ รับรองหนูโดนแน่”

เมื่อรถมอเตอร์ไซค์จากที่บ้านมารับ แสงทองจึงถือเฉพาะกระเป๋าตนไป ส่วนของสองหนุ่มให้หิ้วกันไปเอง..สุริยาหันมาหัวเราะกับรุ่งโรจน์

“ดูมันเหอะ ตอนมาเป็นอีกอย่างตอนกลับเป็นอีกอย่าง”

ว่าแล้วสองหนุ่มก็เดินขากระเผลก ๆ กลับที่ทิพย์อาภาเกสเฮ้าส์โดยไร้เสียงเจรจา เพราะใจก็จดจ่ออยู่ว่า แสงทองจะถูกตำหนิเรื่องอะไรบ้าง

พอเดินถึงบ้าน รีบผลุบเข้าห้องพัก ปิดประตูแต่ก็ได้ยินเสียงของคนเป็นป้าเป็นแน่ ที่บ่นหลานสาวตัวดี..

“ป้าบอกแล้วใช่ไหมว่ารถไม่ให้ใครเช่า มันเคยมีฝรั่งมาทำล้มไปทีหนึ่งแล้ว เพราะถนนที่นี่ไม่ค่อยดี..แล้วเรื่องขึ้นเขานี่งามหน้าไหมล่ะ..ไปกับผู้ชายถึงสองคน นี่ถ้าชาวบ้านเขารู้ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน..”

ไม่มีเสียงต่อปากต่อคำ เจ้าตัวคงจะใช้ความนิ่งสยบอารมณ์หงุดหงิด..

“ถ้าป่าไม้จับพวกเธอฐานละเมิดกฎหมายอีก ฉันไม่ต้องไปประกันตัวออกมาอีกรึ..ทีหลังอย่าเด็ดขาดนะเรื่องพาคนขึ้นไปข้างบนยอดเขา ทั้งสัตว์ป่า ทั้งไข้ป่า เดี๋ยวได้หามศพลงมากันหรอก..เธอนี่เสียแรงที่ไว้ใจ เห็นโตเป็นสาว บ้านช่องก็ปล่อยให้อีพวกนี้ดูแล มันจะไปรู้เรื่องอะไร มีแขกมาพัก มันคงได้เจรจาไล่ออกจากบ้านไปหมด”

สองหนุ่มมองหน้ากัน รู้สึกสงสารสาวแสงทองอยู่ไม่น้อย

รุ่งโรจน์ถอนหายใจออกมา

“ผมโชคดีนะ เกิดมามีแต่คนมาพินอบพิเทาอยากได้อะไรบางทีเพียงแค่คิด สิ่งเหล่านั้นก็ลอยมาตรงหน้า ส่วนพวกคุณต้องลำบากลำบน”

“คุณเป็นคนมีบุญ สร้างบุญเก่าไว้ดี มาชาตินี้จึงสบาย”

รุ่งโรจน์ถอดรองเท้าถุงเท้าถอดเสื้อและกางเกงเหลือเพียงกางเกงในตัวจิ๋ว ก่อนจะดึงผ้าขนหนูผืนเล็กมานุ่งหลวม ๆ ขณะนั่งคุยกับอีกคนที่กำลังรื้อสัมภาระจากเป้ใบที่หิ้วไปบนภู มาจัดเรียงใหม่

“ใคร ๆ ก็บอกผมอย่างนั้นคุณสุริยา แต่ความทุกข์ของคนมีเงินมันก็มีเหมือนกันนะ วัน ๆ คุณพ่อคุณแม่คิดแต่จะทำอย่างไรให้มีทรัพย์สมบัติเพิ่มพูนกว่าที่มี ทำอย่างไรจึงจะอยู่อย่างมีหน้า มีตา มีชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นที่กล่าวขานในวงสังคม พยายามผลักลูก ๆ ให้เป็นข่าว เป็นคนในแวดวงไฮโซ โดยเฉพาะผม ลูกชายคนเล็ก คุณแม่พยายามที่จะปลุกปั้นให้เข้าสู่วงการมายา แต่ผมไม่ปรารถนาชีวิตแบบนั้น ผมอยากเป็นคนธรรมดา..เดินไปไหนมาไหนคิดจะทำอะไรโดยไม่มีสายตาใคร ๆ มาจ้องมอง”

“วันนี้เห็นคุณจะทำอย่างนั้นได้ยาก”

“เมื่อผมทำแบบนั้นในสังคมที่พวกคุณเป็นอยู่ไม่ได้ ผมก็ต้องหันไปคบกับเพื่อนที่มีความคิดเหมือนกัน อยู่ในวงสังคมเดียวกัน หรูหรา ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อกับความทันสมัยของโลก ที่ผมโยนโทรศัพท์ทิ้ง ผมอยากจะบอกให้โลกรู้เหมือนกันว่า บางทีมันก็ทำให้เราเป็นทุกข์ได้ จริง ๆ กับน้องแอนนี่ ผมไม่ได้รักใคร่ใยดีอะไรเจ้าหล่อนหรอก คบหากันก็เพราะ คุณแม่ท่านขอร้อง จ้างแม่แอนนี่ให้มาควงกับผมด้วยซ้ำและจุดจบมันก็เป็นอย่างที่คุณรู้ ตามข่าวเลิกรักกัน ทั้งที่ความจริง ผมไม่ได้ชอบผู้หญิงลักษณะนั้น เธอก็ดีในแบบของเธอ ในแบบคนในวงการมายา”

เป็นครั้งแรกที่รุ่งโรจน์หลุดปากบอกเล่าความในใจตน

“กลับไปนี่คุณพ่อคุณแม่ของคุณจะทำอย่างไรกับคุณอีก”

“บางเรื่องท่านก็ตามใจ ผมไม่ต้องทำงานอะไรหรอก มีหน้าที่เพียงไปเข้าหุ้นกับลูก ๆ นักธุรกิจไฮโซด้วยกัน เปิดร้าน เปิดบริษัทเล็ก ๆ พอให้เป็นข่าวก็เท่านั้น เรื่องกำไรขาดทุนไม่เห็นท่านสนใจ จริง ๆ บางทีพวกเราเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องกำไรขาดทุน ทำแค่ให้คนพอรู้ว่า มีอาชีพนะใช้มันสมองที่ร่ำเรียนมานะ ไม่ได้แบมือขอเงินพ่อแม่เที่ยวกินใช้เล่นไปวัน ๆ ..แต่จริง ๆ ก็เป็นเช่นนั้น ส่วนน้อยที่ขยันทำมาหากินเป็นเรื่องเป็นราว”

“อิจฉาชีวิตคุณจัง” พูดพลางเปิดหนังสือคู่มือท่องเที่ยวไทยไปกับนายรอบรู้ของสำนักพิมพ์สารคดีเรื่องจังหวัดเชียงใหม่ไปด้วย

“คุณสุริยา” รุ่งโรจน์ลุกจากเตียงลงมานั่งขัดสมาธิอยู่เคียงกันก่อนดึงหนังสือจากในมืออีกคนมาถือไว้ สุริยาหันมาสบตา เห็นประกายแห่งความมุ่งมั่นของอีกคน

“ผมจะช่วยคุณ ผมจะทำให้ความปรารถนาของคุณสำเร็จ ผมชอบนิสัยคุณ”

สุริยาหน้าแดง เมื่ออีกคนชมซึ่ง ๆ หน้า

“ขอบคุณครับ..แต่ผมคงไม่เก็บมาใส่ใจจนกว่าคุณจะได้ลงมือทำเช่นนั้นแล้ว”

“คุณกับแสงทองนี่ มีอะไรบางอย่างที่เหมือนกันนะ เนื้อคู่กันละมั้ง”

สุริยาไม่ตอบเพียงลุกขึ้นแล้วดึงมืออีกคนให้ลุกขึ้นตาม หลังจากนั้นก็ส่งถุงสบู่ แชมพู ยาและแปรงสีฟันให้

“รีบไปอาบน้ำเถอะ..เดี๋ยวเย็นกว่านี้อากาศจะหนาว”

“หนาวก็ไม่เป็นไรเพราะผมมีคุณเอาไว้นอนกอดทั้งคน”

ว่าแล้ว รุ่งโรจน์ก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้สุริยางุนงงกับคำพูดนั้น



ค่ำวันนั้นสุริยาเดินไปที่เคาน์เตอร์ทิพย์อาภาเกสเฮ้าส์ เคลียร์ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งของตนและของรุ่งโรจน์ ด้วยมีสายตาของคนเป็นป้า มองอยู่ใกล้ ๆ คนที่ทำหน้าที่ตรงนั้น หน้าเรียบเฉยคล้ายคนไม่รู้จักกัน หลังจากคิดค่าใช้จ่าย สุริยาก็ส่งแบงก์พันไปให้ แต่เงินทอนที่ได้รับกลับมามีโน้ตสั้น ๆ บอกว่า ไม่สะดวกคุยด้วย และมีเบอร์โทรมือถือของเจ้าตัว อยู่ตรงตอนท้าย

“ขอบใจเธอมากนะ มีอะไรโทรไปหาแล้วกัน” สุริยาควักนามบัตรส่งให้อีกคน ขณะจะหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้อง เขาก็ได้ยินเสียงคนเป็นป้าหญิงสาวพูดว่า

“ถ้าเธอท้องขึ้นมา หนึ่งในสองคนนี่แหละต้องรับผิดชอบ”

“โธ่ ป้าเชื่อใจหนูเถอะ ไม่มีอะไรจริง ๆ เขาเป็นแค่ลูกทัวร์เท่านั้น”

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา เกือบไปแล้วไหมล่ะ เรื่องพวกนี้ ถ้าเป็นบ้านนอก หากผู้ใหญ่ต้องการอะไรจะเกิดขึ้นก็ได้ บางทีอาจถึงผูกข้อไม้ข้อมืออยู่กินเป็นผัวเมีย เพราะถือว่าหนีตามกันไป โชคดีที่มีรุ่งโรจน์ไปด้วย ไม่งั้น เขาคงได้พาสาวแสงทองกลับไปแนะนำให้ป้ารับรู้ว่านี่เป็นหลานสะใภ้ จะว่าไปหน่วยก้านของสาวเจ้าก็ใช่จะมีที่ติ หากได้เป็นคู่ตุนาหงัน คงไม่ขายหน้าใคร แต่สัมพันธ์ที่มีให้กันวันนี้มันแค่คนเพิ่งรู้จัก

เมื่อกลับถึงห้อง พบอีกคนนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ช่วงตั้งแต่ลงจากยอดภู สุริยาไม่เห็นว่ารุ่งโรจน์สูบบุหรี่อีกเลย ครั้นจะถาม ก็คงไปกระตุ้น ให้รู้สึกอยาก จึงได้สงบปากและนั่งลงตรงปลายเตียง ก่อนจะยื่น เบอร์โทรของแสงทองให้

“ผมบันทึกไว้ในเครื่องแล้ว คุณจะเอาไปไหม เผื่อคิดถึงสาวน้อยร้อยชั่งนามแสงทองจะได้โทรหา”

รุ่งโรจน์รับมาถือไว้..

“จริง ๆ เธอสวยน่ารักนะ ถ้าแต่งเติมอีกนิดเดียว เธอเป็นดาราได้เชียว แต่สำคัญเสียตรงปากนี่แหละ คิดอะไรคงไม่เคยเก็บไว้หรอก พูดออกมาทั้งหมด เป็นแบบนี้ก็ดีไม่มีเรื่องอึดอัดใจ แต่ที่สำคัญนะ เธอพูดแต่เรื่องจริงด้วยซิ”

“เมื่อกี้ คุณป้าเธอเปรยมาว่า ถ้าแสงทองท้องขึ้นมา เราสองคนนี่แหละ หนึ่งในสองที่ต้องรับผิดชอบ”

รุ่งโรจน์เบ้หน้าเมื่อได้ยินประโยคนั้น

“เธอคงไม่ได้ท้องหรอก เพราะเรานอนอยู่ด้วยกันทั้งคืน”

น้ำเสียงคล้ายจะแหย่เย้าให้อีกคนได้อาย และยังไม่ทันที่สุริยาจะลุกขึ้นสุดตัว รุ่งโรจน์ก็ดึงแขนข้างหนึ่งไว้จนกระทั่งเสียหลักล้มลงมาทับที่ยอดอก

“มีอะไรอีก” น้ำเสียงบอกให้รู้ว่า อย่าเล่นแบบนี้

“คืนนี้ไม่ต้องนอนที่พื้นหรอก นอนบนเตียงด้วยกันนะ อุ่นดี”

สุริยาไม่ตอบว่าอะไร เพียงแต่ดันตัวลุกขึ้นด้วยรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นไม่เป็นปกติอีกแล้ว



เสียงสัญญาณปลุกในโทรศัพท์มือถือบอกเวลาว่าตีห้าแล้ว สุริยาตื่นขึ้นมากดปุ่มปิดเสียงแล้วก็หลับตานอนฝันหวานต่อ สักพัก มันก็แผดเสียงรบกวนอีกรอบ คราวนี้ต้องสะดุ้งโหยง เพราะใกล้เวลาที่รถจากปางจันทร์ไปฮอดเที่ยวเช้าจะออก ถ้าพลาดจากเที่ยวนี้มีอีกทีก็เกือบสี่โมงเช้า เสียเวลาอย่างแน่นอน

เมื่อเป็นดังนั้นจึงหันไปปลุกคนคล้ายกับว่าหลับฝันดี ซึ่งนุ่งกางเกงในตัวจิ๋วขดตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่น

“คุณรุ่งตื่นเถอะ ใกล้เวลารถออกแล้ว ต้องรีบไปนะครับ”

พูดจบก็รีบกระโดดลงจากเตียง บิดกายยืดเส้นไล่ความง่วง

รุ่งโรจน์มีอาการงัวเงีย และก็เป็นดั่งเช้าวันก่อน คือชูมือขึ้นมาให้อีกคนดึงให้ลุกนั่ง พอลุกนั่งได้ก็ โผเขากอดที่เอวของสุริยาแถมมีใบหน้าถูไปที่เนินท้องราบ จนคนยืนข้างเตียงอยู่รู้สึกเสียวซ่าน แต่ก็แข็งใจพูดออกไปว่า

“อย่ามัวเล่น.. เร็ว..ลุกขึ้น” แกะมืออีกคนหนึ่งออก รีบเปิดประตูไปเข้าห้องน้ำ นั่งทำธุระอยู่ได้ยินเสียงอีกคนเดินออกมาล้างหน้ากับอ่างด้านนอกก็สบายใจว่าถึงฮอดทันเวลาต่อรถไปกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน

นึก ๆ ไปแล้วก็ใจหายอย่างที่แสงทองเป็น..

มีพบ มีผูกพัน มีพลัดพราก..
ท่านว่าเป็นทุกข์...เป็นทุกข์จริง ๆ



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 เม.ย. 2554, 22:42:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 เม.ย. 2554, 22:44:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1758





<< 4 งาน y+ ศาสนา (อย่างแรง ๆ))   6. >>
หมูบิน 19 เม.ย. 2554, 23:47:31 น.
เยี่ยม สยิวกิ๊ว แทนชายหนุ่มทั้งสองเลย แว๊กกเลือดกำเดาไหล


manida 22 เม.ย. 2554, 13:16:14 น.
รุ่งโรจน์ ทำอะรายยยยย แอร๊ยยย อร๊ายยยยยยยยยย
คนอ่านคิดไปไกลแล้วววววว


อมลลดาOWOอมรรัตน์ 30 พ.ค. 2554, 14:29:18 น.
หนุก ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account