สุดฝั่งฝัน
ความฝันของเขาคือการได้พบกับน้องชายที่พลัดพราก หากเมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดุจท้องทะเลลึกของเด็กชายตัวน้อยในอดีต บัดนี้กลับระอุไปด้วยเพลิงแค้น สุดปลายทางความฝันของเขาจะเป็นเช่นไร จะมีทางหรือไม่ที่จะได้น้องชายคนเดิมกลับมา
Tags: ซึ้ง ดราม่าเล็ก ๆ

ตอน: ตอนที่ 6

6...

แอนดรูว์ส่งยิ้มซีดเซียวมาจากเตียงผู้ป่วย จิตแพทย์สาวยิ้มตอบและก้าวเข้าไปหา ก่อนหน้านี้เธอแอบไปคุยกับแพทย์ผู้รักษามาแล้ว คุณหมอบอกว่าโชคดีมากที่อาการบาดเจ็บของชายหนุ่มไม่รุนแรงอย่างที่คิด กระดูกไม่หักจึงไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่ต้องเข้าเฝือกไว้สักช่วงระยะหนึ่ง

“รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ” ถามพร้อมกับลูบแขนแข็งแรงนั้นเบา ๆ

“ก็เจ็บนิดหน่อย แต่หมอบอกไม่เป็นอะไรมาก” คนเจ็บตอบ

เกเบรียลลาหลุบสายตาลงมองมือตัวเองที่ยังวางทาบอยู่บนท่อนแขนของเขา รู้สึกสงสารและเห็นใจชายหนุ่มมากเหลือเกิน แอนดรูว์เป็นคนจิตใจดี ไม่เคยคิดร้ายกับใครเลย หากเพราะอะไรกัน เขาจึงต้องมาเจอะเจอเหตุการณ์แบบนี้

“ผมไม่เป็นอะไร จริง ๆ นะ” แอนดรูว์ขยับมืออีกข้างมากุมมือบาง เมื่อเห็นความเงียบของอีกฝ่าย

เกเบรียลลาเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม “ฉันนี่เป็นนางฟ้านำโชคที่แย่จริง ๆ เลยนะคะ”

แอนดรูว์ยิ้มตอบ “ใครว่าล่ะ ถือเป็นวันโชคดีที่สุดของผมต่างหาก คุณรู้หรือเปล่า นิโคลัส เขาอยู่ในสนามด้วย นิคน้อยของผม ตอนนี้โตเป็นหนุ่มหล่อแล้ว”

ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภูมิใจราวกับพ่อกำลังอวดลูกชายคนโปรด ใบหน้างามบึ้งตึงขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินชื่อของผู้ชายร้ายกาจคนนั้น

“รู้สิคะ ก็เขาเป็นคนทำให้คุณบาดเจ็บอยู่นี่ไง” นอกจากสีหน้าจะเปลี่ยนแล้ว น้ำเสียงยังขุ่นเคืองจนเห็นได้ชัด

“ผมรู้ว่าคุณโกรธที่ผมบาดเจ็บ แต่นิคกี้ไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ”

เกเบรียลลาขบริมฝีปากแน่น ดูเอาเถอะ นิโคลัสร้ายกาจออกปานนั้น แอนดรูว์ยังจะมาแก้ตัวแทนอยู่ได้

“คุณไม่คิดบ้างเหรอคะว่า บางทีน้องชายของคุณอาจจะไม่ใช่นิคน้อยคนเดิมอีกแล้วก็ได้” หญิงสาวยังคงเถียงอย่างดื้อดึง เธออยากให้แอนดรูว์ตาสว่างเสียที เขาจะได้รู้จักระวังตัว ไม่ถูกน้องชายทำร้ายเอาอีก

ดวงตาสีเทาอ่อนแสงลง เขารู้ดีกว่าใครเชียวล่ะ นิโคลัสเปลี่ยนไปมาก ตอนอยู่ในสนาม นิคจงใจควบม้าเบียดเข้ามาอย่างอันตราย หากก่อนที่ตนเองจะตกจากหลังม้า เขายังทันได้เห็น น้องชายพยายามชักม้าให้หยุดในวินาทีสุดท้าย ไม่อย่างนั้นเขาคงบาดเจ็บรุนแรงยิ่งกว่านี้ ลึกลงไปแล้ว แอนดรูว์ก็เชื่อเหลือเกินว่านิคกี้น้อยคนเดิมยังคงอยู่

“ไม่หรอกครับ นิคกี้ก็ยังเป็นนิคกี้คนเดิม”

เกเบรียลลาได้แต่อ่อนใจ คนหนึ่งจงรัก หากอีกคนกลับจงชัง สุดสายความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นเช่นไร หญิงสาวไม่อาจคาดเดาได้เลยจริง ๆ

....................................................


นิโคลัสกำลังนั่งอ่านรายงานความเคลื่อนไหวของชาร์ลี ผ่านไปเกือบสามเดือนแล้ว ใกล้กำหนดเส้นตายที่เขาขีดเอาไว้ หากดูเหมือนงบการเงินที่เห็นอยู่ในมือตอนนี้ ไม่มีอะไรกระเตื้องไปในทางที่ดีขึ้นนัก ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ ก่อนที่ไซม่อนจะเดินเข้ามา

“มิสเตอร์โรเจอร์มาขอพบครับ” ไซม่อนรายงาน

นิโคลัสพยักหน้า “ให้เข้ามาเลย”

ไซม่อนกลับออกไปครู่เดียว โรเจอร์ก็เดินเข้ามา รอยยิ้มทักของผู้เป็นน้าดูจืดเจื่อนเต็มที

“สวัสดีครับน้าโรเจอร์ เชิญตามสบายเลยครับ” ชายหนุ่มผายมือไปที่เก้าอี้ตรงหน้า ก่อนจะพูดต่อเมื่อน้าชายนั่งลงแล้ว

“วันนี้มาแต่เช้าเชียว มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า” ถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมาด้วยเรื่องใด

“เอ้อ...คือ” คนถูกถามอึกอัก

“ว่าไงครับ มีอะไรก็ว่ามาเลย ไม่ต้องเกรงใจ” นิโคลัสถามซ้ำ จงใจแสดงความเอื้อเฟื้อเต็มที่

“เอ้อ...น้ามีเรื่องจะรบกวนนิคนิดหน่อย”

“เรื่องอะไรครับ” ชายหนุ่มยังทำเป็นไม่รู้เรื่องอย่างแนบเนียน

“น้าอยากจะขอยืมเงินนิคสักหน่อย”

โรเจอร์บอกจำนวนเงินหกหลัก เมื่อเห็นคิ้วเข้มของหลานชายขมวดขึ้นกับจำนวนเงินก้อนโต โรเจอร์จึงรีบพูดต่อ

“คือ น้าก็รู้ว่าคราวก่อนที่นิคออกให้ น้ายังไม่ได้ใช้คืนเลย แต่คราวนี้น้ามีเรื่องเดือดร้อนจริง ๆ”

นิโคลัสลอบยิ้ม ก่อนจะปั้นหน้าเห็นใจ “คราวก่อนผมไม่คิดจะเอาคืนอยู่แล้วครับ แต่ว่าคราวนี้”

โรเจอร์จ้องหน้าหลานชายเขม็งอย่างสุดลุ้น เมื่อได้ยินคำว่า ‘แต่’ ของอีกฝ่าย และราวกับจะแกล้งกัน เมื่อนิโคลัสนิ่งไปนานกว่าจะพูดขึ้น

“แย่จริง ๆ เมื่อวานผมเพิ่งเอาเงินไปช้อนซื้อหุ้นตัวใหม่น่ะครับ ตัวนี้น่าสนใจมาก อีกไม่กี่วันขึ้นแน่ ๆ น้ารออีกนิดได้ไหมครับ” ชายหนุ่มบอกโรเจอร์ด้วยสีหน้าใสซื่อ หากเล่นเอาคนฟังถึงกับหน้าถอดสี

“น้ารอไม่ได้จริง ๆ นิค พวกนั้นเอาน้าตายแน่” โรเจอร์จำใจต้องเล่าความจริงทั้งหมดให้หลานชายฟัง เรื่องที่ตนเสียพนันที่คลับคาสิโนจนเป็นหนี้ก้อนใหญ่ แล้วตอนนี้เจ้าของคาสิโนก็ตามทวงและข่มขู่อย่างหนัก โดยที่ไม่รู้เลยว่าทั้งหมดเป็นแผนการของหลานชายตัวเอง

นิโคลัสทำสีหน้าครุ่นคิดและเป็นกังวลไปด้วย “น้าลองถามดรูว์รึยังครับ เผื่อเขาจะช่วยได้”

“น้าไม่กล้า ตอนนี้แอนดรูว์ก็ยังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย”

“ถ้าอย่างนั้น น้าเอาเงินที่บริษัทของดรูว์ไปใช้หนี้ก่อนสิครับ เดี๋ยวอีกสองสามวัน ผมขายหุ้นได้ ผมค่อยให้เงินน้าเอาไปคืน แค่ไม่กี่วัน คงยังไม่ทันมีใครรู้” นิโคลัสเสนอ

หากโรเจอร์ส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก ถ้าจะเบิกเงินของบริษัทต้องให้แอนดรูว์เซ็นอนุมัติ เขาไม่ยอมเซ็นแน่”

“แหม ผมก็คิดออกแค่วิธีนี้วิธีเดียว” ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงกลัดกลุ้ม

เมื่อหมดหวังจะได้ความช่วยเหลือจากนิโคลัส โรเจอร์จึงเดินคอตกกลับไป ดวงตาสีน้ำเงินคมปลาบมองตามอย่างสมใจ ยิ้มเย็นผุดขึ้นที่มุมปากอีกครั้ง ก่อนจะหันไปสั่งการกับไซม่อน

“ขู่ให้หนักขึ้นอีก”

................................................

ดวงตาสีน้ำตาลคมหวานละจากบันทึกตรงหน้า จิตแพทย์สาวคนสวยเงยหน้าเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวส่งยิ้มทักเมื่อเจ้าหน้าที่ผู้มีนามว่าซูซานเดินเข้ามา หากรอยยิ้มหวานนั้นหุบลงทันควันเมื่อเห็นผู้ที่เดินตามหลังมา

“ฝากคุณเกรแฮมไว้ที่ห้องคุณหมอแป๊บนึงนะคะ พอดีท่าน ผอ. ติดประชุมอยู่ค่ะ”

ซูซานบอกกับเกเบรียลลาแล้วหันไปยิ้มให้คนตัวโตที่อยู่ข้างหลัง

“ซูซาน เดี๋ยว” เจ้าของห้องผุดขึ้นยืน รีบเรียกอีกฝ่ายเอาไว้แต่ไม่ทัน เจ้าหน้าที่สาวเดินออกไปแล้วอย่างรีบร้อน เพราะต้องกลับไปช่วยดูแลเด็ก ๆ เมื่อวันนี้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเกิดลาป่วยกะทันหัน

“จะไม่เชิญผมนั่งเลยเหรอครับ” คนตัวสูงเอ่ยด้วยดวงตายิ้มพราย เมื่อเห็นร่างโปร่งบางยังคงยืนนิ่ง คุณหมอสาวไม่สนใจกับคำถามนั้น เธอนั่งลงแล้วอ่านบันทึกเรื่องพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของเด็กคนหนึ่งในศูนย์ต่อ ถ้านิโคลัสอยากนั่งอยู่ในห้องนี้ก็ช่าง เธอจะไม่สนใจ เขาทนได้ก็ทนไป

ชายหนุ่มมองใบหน้างามที่ก้มหน้าก้มตาอ่านอะไรก็ไม่รู้อย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อหญิงสาวไม่พูดอะไร แถมไม่มีทีท่าจะเชื้อเชิญแขกให้นั่งด้วย เขาจึงยักไหล่แล้วนั่งลงเอง ก่อนจะยกเท้าขึ้นไขว่ห้างแล้วเคาะนิ้วบนโต๊ะของอีกฝ่ายอย่างสบายอารมณ์

เกเบรียลลาเหลือบสายตาไปยังนิ้วเรียวสวยที่อยู่ไม่เป็นสุขนั้น ตอนนี้ต่อให้เป็นการ์ตูนเบาสมองเธอก็คงจะอ่านไม่รู้เรื่อง หญิงสาวรู้ดีว่านิโคลัสต้องการมาป่วน เธอสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพยายามนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ

นิโคลัสยิ้มกับท่าทางอดกลั้นของอีกฝ่าย หญิงสาวควบคุมอารมณ์ได้ดีสมกับเป็นจิตแพทย์ทีเดียว หากเขาเองก็จอมยั่วโทสะอับดับหนึ่งเหมือนกัน ต่อให้เป็นจิตแพทย์ขั้นปรมาจารย์ก็เถอะ จะทนได้สักกี่น้ำ ชายหนุ่มเคาะนิ้วถี่ขึ้น

“พอที โรคจิตหรือไงคุณ เคาะอยู่ได้” เสียงใสแหว พร้อมกับดวงตาเขียวปั้ดที่จ้องมองอีกฝ่ายอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

“นั่นน่ะสิ ผมมันโรคจิตรึเปล่านะ” ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “เอ..ผมโรคจิต ส่วนคุณก็จิตแพทย์ เหมาะกันดีนะ คุณว่ามั้ย”

เกเบรียลลาถอนหายใจอย่างแรง “ถามจริงเถอะ คุณมาป่วนฉันทำไม”

“ก็คิดถึงนี่นา ไม่เห็นหน้าตั้งหลายวัน” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับคว้ามือนุ่มบาง

หญิงสาวรีบกระตุกมือกลับแล้วถลึงตาใส่อีกฝ่าย “นี่ ฉันเป็นคู่หมั้นพี่ชายคุณนะ”

นิโคลัสหัวเราะ “นั่นแหละ ผมยิ่งชอบเลย” ดวงตาพราวเข้มขึ้นเมื่อจ้องดวงหน้างามก่อนจะพูดต่อ “รู้ไหม ตอนเด็ก ๆ เวลาที่ผมขออะไรจากเขา เขาไม่เคยปฏิเสธสักอย่าง แม้มันจะเป็นของที่เขารักมากแค่ไหนก็ตาม” ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปใกล้อีกฝ่าย “บางที ผมน่าจะลองขอคุณจากเขาดู”

เกเบรียลลาจ้องตอบอย่างโกรธจัด แต่ก็ยังพยายามควบคุมความโกรธของตัวเอง นิโคลัสเห็นเธอเป็นอะไร เธอไม่ใช่สิ่งของที่ใครจะมาขอ หรือใครจะมายกให้กันได้

ชายหนุ่มมองริมฝีปากที่ขบแน่นด้วยความโมโหของหญิงสาวอย่างเผลอไผล หากพอรู้ตัวรอยยิ้มก็ผุดขึ้นที่มุมปากได้รูป วันนี้เขาสนุกมากพอแล้ว ตอนนี้หมดเวลาสำหรับเกเบรียลลาคนสวย เพราะต่อไปคือคิวของโรเจอร์และแอนดรูว์บ้าง

“ผอ. คงเลิกประชุมแล้ว” นิโคลัสลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้าน

เมื่อชายหนุ่มไปแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่สาบานกับตัวเองอีกครั้ง คราวหน้าถ้าเจอกัน ไม่ว่าเขาจะมาป่วนหรือก่อกวนอย่างไร เธอจะต้องต้านให้ได้ ยิ่งถ้าเธอโมโห เขาก็จะยิ่งพอใจ ตามที่เธอร่ำเรียนมา พฤติกรรมทุกอย่างเกิดจากแรงจูงใจ หากที่เธอไม่รู้คืออะไรคือแรงจูงใจให้เขามาตามตอแยเธอแบบนี้ หญิงสาวพยายามใจเย็นแล้ว หากดูเหมือนเธอจะพลิกตำราแทบไม่ทันเมื่อต้องรับมือกับอารมณ์ของนิโคลัส


ถึงเวลาเลิกงาน เกเบรียลลาเก็บของที่โต๊ะเรียบร้อย เธอเดินไปกล่าวลากับเด็ก ๆ แล้วจึงขับรถไปยังโรงพยาบาล หญิงสาวหอบหนังสือน่าสนใจหลายเล่มไปฝากคนป่วยด้วย เมื่อโผล่เข้าไปในห้อง คนตัวโตที่ยังต้องใส่เฝือกเอาไว้ก็รีบส่งยิ้มทักทายมาให้

“แก๊บบี้ มาแล้วเหรอครับ ผมเหงาจะแย่” คนเหงาเอ่ยเสียงใส

“งอแงเป็นเด็ก ๆ เชียวนะคะ” เกเบรียลลาหัวเราะแล้วเดินไปวางหนังสือไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ คนเจ็บ

“เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหมคะ” ถามพลางมองเฝือกหนาที่ขาข้างขวาของคู่หมั้นหนุ่ม

“ครับ อีกไม่นานก็ถอดเฝือกได้แล้ว” แอนดรูว์ตอบพร้อมกับหยิบหนังสือมาพลิกดูแล้วยื่นให้หญิงสาว

“อ่านให้ฟังหน่อยสิครับ”

“อะไร คุณแค่เจ็บขานะคะ อ่านเองก็ได้” เกเบรียลลาย่นจมูกใส่คนป่วยขี้อ้อน

“น่า นะ ผมอยากฟังเสียงคุณนี่” ชายหนุ่มยังตื๊อ

“ก็ได้ค่ะ แต่แค่วันนี้นะ”

คุณหมอสาวรับหนังสือมา แล้วเริ่มลงมืออ่าน เล่มที่ชายหนุ่มส่งมาให้เป็นเรื่องราวชีวประวัติของเหล่าคนดังผู้มีเรื่องราวเป็นตำนาน แอนดรูว์เพลินไปกับเสียงใส ๆ จนเผลอยิ้มออกมา เขามองแก้มนวลที่ยังก้มหน้าอ่านอยู่นั้นไม่วางตา กระทั่งคนถูกมองรู้สึกตัว หญิงสาวเงยหน้าขึ้น เห็นดวงตาสีเทาสวยกำลังมองมาด้วยประกายลึกซึ้ง

“ผมขอคุณแต่งงานตั้งหลายหนแล้วนะ จนป่านนี้แล้วคุณยังไม่มั่นใจในตัวผมอีกเหรอ”

หญิงสาวปิดหนังสือลง นิ่งงันไปกับคำทวงถามของอีกฝ่าย เธอมั่นใจในตัวเขาแน่นอน หากเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงยังลังเล ตลอดมาแอนดรูว์ไม่เคยเร่งรัด ซึ่งเธอก็รู้สึกขอบคุณเขามากในเรื่องนี้ เธอดึงเวลามานานตั้งแต่ตอบตกลงรับหมั้น มาถึงตอนนี้เธอควรจะให้คำตอบกับเขาได้แล้วใช่ไหม

“ฉันเกือบจะมั่นใจแล้วล่ะค่ะ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ คุณรักฉันเท่ากับน้องชายคุณแล้วหรือยัง” แม้จะมั่นใจในตัวคู่หมั้นหนุ่ม หากคำพูดของนิโคลัสก็ยังผ่านเข้ามากวนใจ ถ้านิโคลัสขอจริง แอนดรูว์จะยอมยกเธอให้น้องชายไหม

แอนดรูว์จับมือนุ่มบางจรดที่ริมฝีปากอุ่นอย่างแผ่วเบา ประกายตาของชายหนุ่มคมซึ้งมากยิ่งขึ้นเมื่อจ้องมองกลับมา

“ผมรักคุณมาก แต่ก็รักนิคกี้ด้วยเหมือนกัน” สายตาอบอุ่นมองตรงมาอย่างแน่วแน่ จริงใจ ก่อนจะเอ่ยต่อ “ในชีวิตของผม ผมต้องการคุณทั้งคู่ อย่าให้ผมต้องเลือกเลยนะครับคนดี”

เกเบรียลลามองคู่หมั้นหนุ่ม เธอรู้สึกได้ถึงความรักที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาของเขา เธอปล่อยให้แอนดรูว์รอมานาน หญิงสาวตัดสินใจแล้ว ต่อไปนี้เธอจะยืนเคียงข้างเขาและก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน แม้ว่ามันจะหมายถึงการที่เธอต้องคอยรับมือกับปีศาจร้ายอย่างนิโคลัสก็ตาม

“ค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ”

แอนดรูว์อ้าปากค้าง หลังจากที่เพียรพยายามขอหญิงสาวแต่งงานมานาน ครั้งนี้เธอกลับตอบตกลงอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“หัวเราะอะไรคะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่น

“สมกับเป็นคุณหมอจริง ๆ นะครับ โรแมนติกมาก ตอบตกลงแต่งงานในโรงพยาบาล รู้งี้ผมขอคุณแต่งงานที่โรงพยาบาลซะตั้งนานแล้ว”

เกเบรียลลาหัวเราะตาม เมื่อนึกถึงครั้งก่อน ๆ ที่เขาพยายามขอเธอแต่งงานด้วยบรรยากาศที่โรแมนติกเพียงใด ทั้งดินเน่อร์ใต้แสงเทียน หรือริมทะเลยามตะวันตกดิน หากเธอกลับบ่ายเบี่ยงไปเสียทุกครั้ง

ขณะที่ทั้งคู่กำลังหัวเราะกันอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผู้ที่โผล่เข้ามาคือโรเจอร์ เขาหอบตะกร้าผลไม้และแฟ้มเอกสารเข้ามาด้วย เกเบรียลลารีบลุกขึ้นไปช่วยรับตะกร้าผลไม้จากมือของผู้มาใหม่

“ขอบใจจ้ะ หนูแก๊บบี้” โรเจอร์เอ่ยพร้อมกับยิ้มให้หญิงสาว

“ไม่เจอกันนานเลย น้าสบายดีนะคะ” เกเบรียลลาทักตอบ

“ก็ดี แต่ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อย น้าต้องดูแลงานแทนแอนดรูว์เขา” โรเจอร์พยักเพยิดไปทางหลานชายที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ก่อนจะเดินเข้าไปหา

เกเบรียลลาเห็นว่าคู่หมั้นหนุ่มมีน้าชายมาเยี่ยม เธอจึงถือโอกาสนี้ขอตัวไปหาผู้เป็นบิดา เพราะนายแพทย์โทมัสเองก็ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลนี้เช่นกัน

“แอนดรูว์ หลานเป็นยังไงบ้าง” โรเจอร์ถามขึ้นเมื่อคู่หมั้นของหลานชายออกไปแล้ว

“ดีขึ้นมากแล้วครับ ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง” คนเจ็บไม่วายห่วงงาน

ผู้เป็นน้าหลุบตาลง ไม่ยอมสบตากับหลานชาย จริง ๆ แล้วที่มาวันนี้ เพราะนิโคลัสยังขายหุ้นไม่ได้ เขาเองถูกตามทวงหนี้พนันอย่างหนักจนทนไม่ไหวแล้ว ยังไงเขาต้องทำให้แอนดรูว์ยอมเซ็นต์อนุมัติเบิกเงินจากบริษัทให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาตายแน่

“ที่บริษัทเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรต้องห่วง” โรเจอร์ตอบเสียงอุบอิบ

“นั่น ไปโดนอะไรมาครับ” แอนดรูว์จ้องไปที่แนวกรามที่มีรอยช้ำของน้าชาย

คนถูกถามรีบยกมือขึ้นลูบไปที่รอยช้ำนั้นก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อน “ไม่มีอะไร น้าแค่ลื่นหกล้มน่ะ จริงสิ น้าเอางานมาให้หลานเซ็นด้วยนะ”

โรเจอร์ส่งแฟ้มเอกสารให้หลานชาย หากพอแอนดรูว์ยื่นมือไปรับ เขากลับชักแฟ้มนั้นกลับ

“น้าอ่านเอกสารหมดแล้ว แค่คำสั่งซื้อวัตถุดิบล็อตใหม่น่ะ”

“ขอผมอ่านรายละเอียดก่อนแล้วกันครับ เดี๋ยวผมรีบเซ็นให้” ชายหนุ่มไม่ได้เอะใจอะไร หากเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องอ่านเอกสารทุกครั้งก่อนลงนาม

“เอ่อ จริง ๆ น้าก็อ่านมาให้หมดแล้ว หลานแค่เซ็นก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลาพักผ่อน”

แอนดรูว์เลิกคิ้วกับอาการอึกอักของโรเจอร์ ผู้เป็นน้ายังไม่ยอมยื่นแฟ้มเอกสารนั้นกลับมาให้ ดูท่าทางน้าชายแปลกไปจริง ๆ

“ไม่เสียเวลาหรอกครับ เอามาเถอะ ผมอ่านแป๊บเดียว”

“เอ่อ...”

ท่าทางของโรเจอร์ลุกลี้ลุกลนมากขึ้น เขาไม่กล้าสบตาหลานชายเพราะยังคิดหาคำแก้ตัวที่พอฟังขึ้นไม่ออก หากอยู่ดี ๆ แอนดรูว์ก็มองเลยไปด้านหลัง โรเจอร์หันไปมองตาม ดวงตาของหนุ่มใหญ่เป็นประกายขึ้นอย่างยินดีแกมโล่งอก

ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู เขาถอดแว่นกันแดดออกเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่กำลังมองตรงมายังคนที่อยู่บนเตียง แล้วรอยยิ้มที่มุมปากจึงผุดขึ้น

แอนดรูว์รีบลุกขึ้นนั่งตัวตรง ถ้าไม่ติดว่ายังเข้าเฝือกที่ขาอยู่ล่ะก็ เขาคงจะถลาไปถึงตัวผู้ที่เพิ่งมาใหม่ไปแล้ว

“นิคกี้” คนเจ็บเรียกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

นิโคลัสเดินเข้าไปหาอย่างเชื่องช้า ก่อนจะหยุดห่างจากเตียงผู้ป่วยเล็กน้อย

“ฉันมาเยี่ยม” เสียงเรียบเรื่อยเอ่ยออกมา เขาปรายตาไปทางแฟ้มเอกสาร “แต่ถ้านายยังยุ่งอยู่ ไว้เดี๋ยวฉันค่อยมาใหม่ดีกว่า”

“ไม่เลย ไม่ยุ่งเลย” แอนดรูว์รีบบอกน้องชายแล้วหันไปทางโรเจอร์ “อ่านเรียบร้อยหมดแล้วใช่ไหมครับ”

โรเจอร์พยักหน้าและรีบส่งแฟ้มเอกสารให้หลานชายทันที แอนดรูว์รับไปลงชื่อแล้วส่งคืน ก่อนจะรีบหันกลับไปทางนิโคลัส ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าน้องชายของเขาจะหายตัวไปทันทีที่คลาดสายตา

“เอ้อ งั้นน้าไปก่อนนะ ยังมีงานค้างที่บริษัทอยู่อีกเยอะ”

เมื่อแอนดรูว์พยักหน้ารับรู้ โรเจอร์ก็รีบกลับออกไปทันที ในห้องจึงเหลือเพียงแค่สองพี่น้องที่ยังคงเงียบงันกันไปทั้งคู่ ก่อนที่คนเป็นพี่จะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน

“นิคกี้” มีหลายสิ่งที่แอนดรูว์เคยคิดอยากจะพูด อยากจะถามหากว่าได้พบกับนิคน้อย แต่พอได้เจอนิโคลัสจริง ๆ เขากลับพูดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มนึกถึงเมื่อตอนเป็นเด็กที่น้องชายมักจะวิ่งเข้ามาหาด้วยสภาพมอมแมม แล้วเขาก็จะลูบเส้นผมสีดำยุ่งชี้นั้นเบา ๆ อย่างรักใคร่

แอนดรูว์เอื้อมมือออกไปหาศีรษะทุยสวยได้รูป ที่วันนี้เส้นผมสีดำสนิทนั้นไม่ได้ยุ่งชี้อีกต่อไป หากอีกฝ่ายกลับเบี่ยงศีรษะหลบวูบ มือของชายหนุ่มจึงชะงักค้าง เขาหดมือกลับมาที่เดิม

“ฉันมาเยี่ยม นายเป็นยังไงบ้าง” นิโคสัสถามไปอย่างนั้น จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาเลย หากเขาก็รู้จักโรเจอร์ดี น้าชายไม่มีวันทำงานสำเร็จถ้าเขาไม่เข้ามาช่วย

“ขอบใจ พี่ดีใจที่นายมา” แอนดรูว์ยิ้มให้น้องชาย คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าที่นิโคลัสจะกลับมาเป็นนิคน้อยคนเดิม

หากนิโคลัสกลับมองขาข้างที่ใส่เฝือกด้วยฝีมือตัวเองนั้นอย่างสะใจ เขายังไม่ลืมความรู้สึกยามเมื่อถูกทอดทิ้ง ตั้งแต่ถูกแยกจากพี่ชาย กี่ครั้งแล้วที่เขาหวังว่าแอนดรูว์จะมาพาเขากลับไปอยู่ด้วย หรือแม้แต่แค่มาหา มาเยี่ยมเยียนกันบ้างก็ยังดี แต่กลับไม่มีเลยสักครั้ง

“ฉันก็ดีใจ” นิโคลัสตอบด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา เมื่อประกายตาสีน้ำเงินเข้มนั้นคมกล้าขึ้นอย่างน่ากลัว

ไม่ทันที่แอนดรูว์จะกล่าวอะไรต่อ เสียงใสของคู่หมั้นสาวก็แทรกเข้ามาก่อน

“มาแล้วค่ะ” คุณหมอสาวรีบหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าผู้ที่อยู่กับแอนดรูว์นั้นไม่ใช่น้าโรเจอร์อย่างที่เข้าใจ

“แก๊บบี้ มารู้จักกับนิคกี้น้องชายผมสิครับ” ชายหนุ่มยิ้มสดใสให้เกเบรียลลา แล้วหันไปทางน้องชาย “นิคกี้ นั่นแก๊บบี้ คู่หมั้นของพี่เอง”

“สวัสดีครับแก๊บบี้” นิโคลัสเอ่ยทักด้วยแววตาพราวเหมือนคนกลั้นหัวเราะ

เกเบรียลลาไม่ทักตอบ หญิงสาวรีบเดินเข้าไปอยู่ข้างคู่หมั้นหนุ่มด้วยอาการปกป้องเต็มที่ ภาพนั้นทำให้ริมฝีปากของนิโคลัสกระตุกยิ้มขึ้นอย่างขบขัน อยากรู้นักว่าถ้าเขาคิดจะทำร้ายพี่ชายขึ้นมาจริง ๆ ตัวเล็กบางแค่นั้นจะทำอะไรได้

หากแววขบขันในดวงตากลับจางหายไปเสียสิ้น เมื่อเห็นผู้เป็นพี่โอบแขนไปรอบเอวบางอย่างสนิทสนม แถมหญิงสาวยังหันไปส่งยิ้มให้พี่ชายเขาอย่างอ่อนโยนอีกด้วย

“จริงสิ เรามีข่าวดีจะบอกนายด้วยนะนิคกี้ นายเป็นคนแรกเลยที่ได้รู้” แอนดรูว์หันไปพูดกับน้องชายโดยที่ยังไม่ปล่อยแขนออกจากเอวของคู่หมั้น

นิโคลัสเลิกคิ้วแล้วเหลือบตามองใบยังใบหน้านวล ขณะที่อีกฝ่ายมองตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“แก๊บบี้ตอบตกลงแต่งงานกับพี่แล้วนะ นายกำลังจะมีพี่สะใภ้แล้ว” แอนดรูว์บอกน้องชายอย่างร่าเริง

“งั้นเหรอ ยินดีด้วยนะ” ปากก็พูดตอบคนเป็นพี่ แต่ดวงตากลับมองไปยังว่าที่พี่สะใภ้ กรามแข็งแรงนั้นขบแน่นขึ้นโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันรู้ตัว

“นายต้องมางานแต่งงานของเราให้ได้นะนิคกี้” แอนดรูว์รีบชวน ตอนนี้มีนิโคลัสคนเดียวที่เขาต้องการให้มาร่วมงานมากที่สุด

“แน่นอน ฉันไปแน่” นิโคลัสตอบด้วยแววตาเยียบเย็น

น้ำเสียงของชายหนุ่มเกือบทำให้เกเบรียลลาขนลุก คู่หมั้นของเธอดูจะไม่รู้สึกอะไรเลย หากเธอไม่ไว้ใจน้องชายเขาเลยสักนิด

“ฉันคงต้องกลับแล้ว” นิโคลัสเอ่ยขึ้น เมื่อไม่เห็นประโยชน์ที่เขาจะฝืนอยู่ต่อไป

“แก๊บบี้จะกลับเลยไหมครับ ผมไปส่ง” ตอนหลังยังหันไปถามว่าที่พี่สะใภ้อีกด้วย

“แก๊บบี้อยากจะกลับเลยไหม” แอนดรูว์เห็นด้วยที่นิโคลัสจะไปส่งหญิงสาว

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเอารถมา” เกเบรียลลารีบตอบ

“งั้นช่วยเดินไปส่งผมหน่อย” นิโคลัสยังสนุกกับการได้แกล้งอีกฝ่าย ทั้งแอนดรูว์ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย กลับมาไว้ใจให้เขาเข้าใกล้คู่หมั้นสาวคนสวย และทั้งเกเบรียลลาเองที่พยายามหลบเลี่ยง

“ฉันว่าคุณเดินไปเองได้” คุณหมอสาวตอบอย่างอดทน

นิโคลัสยิ้ม เขายิ่งรู้สึกสนุกมากขึ้น ชายหนุ่มขยับเข้าไปชิดร่างบาง แล้วกระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคน “หรือจะให้ผมจูบคุณโชว์พี่ชาย”

เกเบรียลลาหันขวับไปถลึงตาใส่อีกฝ่าย เขาไม่กล้าแน่ หากพอเห็นแววหัวเราะในดวงตาของอีกฝ่ายแล้ว เธอก็ชักไม่แน่ใจ ถ้าเขาทำจริง เธอมั่นใจเหลือเกินว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาจะต้องหาเหตุเอาตัวรอดได้แน่

หญิงสาวหันไปปั้นยิ้มให้คู่หมั้นหนุ่ม “ฉันเดินไปส่งน้องชายคุณก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันกลับมา”

แอนดรูว์พยักหน้า หากก็ยังมองตามสองร่างที่เพิ่งลับกายออกไปอย่างสงสัย ทั้งคู่ทำราวกับเคยรู้จักกันมาก่อน หรืออาจเป็นเพราะน้องชายของเขาคือผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของศูนย์คุ้มครองเด็กที่หญิงสาวทำงานอยู่ก็เป็นได้ ชายหนุ่มสรุปเอาเองอยู่ในใจ


เกเบรียลลาเดินฉับ ๆ ไปข้างหน้าอย่างเร็ว คนตัวสูงที่เดินตามหลังกลับเดินเอื่อยเฉื่อยตามหญิงสาวไปเรื่อย ๆ เพราะเพียงก้าวยาว ๆ ของเขาก็ทำให้เดินตามทันได้ไม่ยาก ชายหนุ่มกำลังเพลิดเพลินกับการจ้ำอ้าวของคนตรงหน้า เมื่อคุณหมอสาวหันกลับมา ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ข้างอาคารของโรงพยาบาล เกือบถึงลานจอดรถ

“โน่น ลานจอดรถ หวังว่าคราวนี้คงเดินไปเองได้แล้วนะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงแข็ง

“นี่คิดจริง ๆ เหรอ ว่าผมอยากให้แค่เดินมาส่ง ไร้เดียงสาชะมัด” ชายหนุ่มหัวเราะแล้วก้าวเข้าหาร่างบาง

เกเบรียลลาถอยกรูด กระทั่งรู้สึกถึงความแข็งของกำแพงอาคารที่แผ่นหลัง ดวงตากลมโตจ้องอีกฝ่ายเขม็งเมื่อชายหนุ่มยกมือทั้งสองขึ้นยันกำแพง กักตัวเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา หญิงสาวรีบเบี่ยงหน้าหลบเมื่อใบหน้าคมสันนั้นก้มลงมาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าว

“หยุดนะ!” เกเบรียลลาหันกลับมา แม้ว่าใบหน้าของทั้งคู่แทบจะสัมผัสกันหากเธอไม่สน หญิงสาวกำหมัดแน่นแล้วเล็งไปที่ปลายคาง

นิโคลัสรีบรวบข้อมือบางไว้มั่นก่อนที่กำปั้นน้อยจะกระแทกเข้าที่ใบหน้า “คราวที่แล้วที่คุณตบผมก็มากพอแล้วนะ คิดว่าผมจะยอมให้มีครั้งสองอีกงั้นเหรอ”

ชายหนุ่มบิดข้อมือของหญิงสาว กระทั่งเกเบรียลลาเผลอครางออกมาด้วยความเจ็บ หากนิโคลัสก็ยังไม่ยอมปล่อย หญิงสาวจึงยกเข่าขึ้นหมายให้มันกระแทกกล่องดวงใจของเขาพอดี ถึงจะพลาดเป้าเพราะอีกฝ่ายรู้ตัวและรีบหลบ แต่มันก็ได้ผลเมื่อเขาปล่อยมือเธอ

“มากไปแล้วนะเกเบรียลลา” ชายหนุ่มคำรามพร้อมกับดันร่างบางติดผนัง ก่อนจะบดเบียดริมฝีปากลงไปยังกลีบปากของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง เขาไม่สนใจสักนิดว่าทั้งคู่อยู่ในที่รโหฐาน เกเบรียลลาต้องได้บทเรียนที่กล้าท้าทายเขา

เกเบรียลลาหายใจไม่ออก หัวสมองอื้ออึงไปด้วยจูบรุกรานของชายหนุ่ม แม้ตอนนี้ร่างกายของเธอแทบจะไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน แต่เธอจะไม่ยอมให้เขารังแกเธอฝ่ายเดียว หญิงสาวฉวยจังหวะที่เขาขยับปากกัดไปที่ริมฝีปากนุ่มนั้นเต็มแรงจนรู้สึกได้ถึงรสปร่าของเลือด

“คุณมันเลวที่สุด รู้ไว้ด้วยนะ ฉันจะไม่ยอมให้คุณทำร้ายฉันหรือว่าคู่หมั้นของฉันอีก” ดวงตาคมสวยจ้องใบหน้าที่หล่อเหลาเกินไปนั้นอย่างเอาเรื่อง หลังคำประกาศหญิงสาวก็วิ่งกลับไปทางเดิม

นิโคลัสยกมือขึ้นแตะรอยเลือดที่ริมฝีปากแล้วแค่นยิ้ม “รู้จักตอบโต้แล้วเหรอเกเบรียลลา” ชายหนุ่มหันไปยังทางที่เกเบรียลลาเพิ่งวิ่งหายไป “ก็ดี อย่างนี้ค่อยสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย”

ยิ่งหญิงสาวพยายามสู้กับเขามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลง เมื่อจริง ๆ แล้วคนที่เขาต้องการทำลายคือพี่ชายร่วมมารดาของเขาเองต่างหาก ส่วนเธอเป็นเพียงเครื่องมือที่จะสร้างความเจ็บปวดให้แก่แอนดรูว์เท่านั้น

........................................................................



ปุญณิศา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ม.ค. 2555, 00:42:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ม.ค. 2555, 00:59:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1279





<< ตอนที่ 5   ตอนที่ 7 >>
Auuuu 21 ก.พ. 2555, 01:32:50 น.
โอยๆๆ อะไรกันนี่ เรื่องราวซับซ้อนมากมาย เฮ้ออออ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account