พื้นที่ชุ่มรัก
เมื่อได้รับคำขาดจากเหล่าคุณปู่คุณตาว่าต้องการเห็นหน้าหลานเขยหลานสะใภ้ก่อนวันเริ่มศักราชใหม่ซึ่งเหลือเวลาอีกครึ่งปี บรรดาหลานๆจึงปวดหัวหนักเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาหลานเขยหลานสะใภ้ที่จุดไหนของประเทศ และที่สำคัญกว่านั้น...ถ้าหลานคนใดคนหนึ่งทำตามความต้องการของท่านไม่ได้ ทุกคนจะต้องชดใช้ที่ทำให้คุณปู่คุณตาผิดหวังด้วยเงินและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่พอจะทำให้หลานๆสุดที่รักของพวกท่านล้มละลายกันได้ทีเดียว!!
แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
Tags: แผนการ คุณปู่ คุณตา หลาน ความรัก พื้นที่ชุ่มรัก ผลิดอกออกรัก
ตอน: เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 19
เอาตอนต่อไปมาส่งค่ะ พยายามเข็นมากมายสำหรับตอนนี้ เพราะฉะนั้นขอกำลังใจหน่อยนะค้าา อิอิ
ขอบคุณคนอ่านทุกคน คนที่กดไลค์ให้กำลังใจและทิ้งคอมเมนท์ทักทายนะคะ
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ :)
ผิดพลาดตรงไหนน้อมรับคำติค่ะ :)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 21: ยามฟ้าฝนเป็นใจ
“หนูมุกไปเจอคุณปู่พี่ได้ยังไง”
ชิษวัศถามขึ้นมาอย่างสงสัยเพราะตนเองก็ยังไม่เคยพามุกตาภาไปแนะนำให้ท่านทั้งสองรู้จัก ถ้าจะบอกว่าเจอที่บริษัทโดยที่ชิษวัศไม่รู้ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่คุณปู่รันกับคุณปู่รินเข้าบริษัทคือวาระที่มีการประชุมครั้งสำคัญและทุกครั้งที่เจอท่านทั้งสอง เขาเองก็ยังไม่ได้เอื้อนเอ่ยแนะนำอะไรเกี่ยวกับผู้ช่วยสาวที่ควบตำแหน่งคนรู้ใจคนนี้ออกไป คนที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและมุกตาภาก็มีเพียงแค่ บิดา มารดาของทั้งสองฝ่าย อารัทธ์และนิชิตาเท่านั้น
...แล้วคุณปู่แฝดไปรู้ได้ยังไง...
“คุณปู่รันโทรมาหาค่ะ”
“คุณปู่รันเนี่ยนะครับ” ชิษวัศย้อนถามเสียงสูง ยอมรับแล้วว่าการข่าวของคุณปู่รันนั้นยอดเยี่ยมไม่มีอะไรหลุดรอดพ้นสายตาของท่านจริงๆ
“ค่ะ มุกก็ตกใจเหมือนกันไม่คิดว่าท่านจะโทรหามุกโดยตรง”
“แล้วเจอคุณปู่รินหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามต่อ
“เจอค่ะ คุณปู่รันกับคุณปู่รินหน้าเหมือนกันเปี๊ยบเลย มุกยังแอบงงอยู่เลยค่ะว่าใครเป็นใคร” น้ำเสียงใสตอบพร้อมกับบอกความรู้สึกแรกที่ได้เห็นผู้นำของตตินรากรณ์
“เล่าให้พี่ฟังให้หมดเลยนะครับว่าไปไงมาไงคุณปู่พี่ถึงได้โทรตามหนูมุกแล้วจัดการเล่าเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองอย่างนี้”
มุกตาภามองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเมื่อคำพูดของคุณปู่รันนั้นเป็นจริงทุกคำที่ว่าชิษวัศต้องตกใจและคาดคั้นเอาความจริงจากเธอเป็นแน่ว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเป็นอย่างไร ส่วนเธอก็คงมีหน้าที่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไปตามความจริงเพราะไม่มีเหตุจำเป็นใดที่จะต้องปิดบัง
เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดจากผู้พูดมาสู่ผู้ฟังอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่หญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยหากพอถามว่าใครกลับพบว่าเป็นคุณปู่รันแถมท่านยังรู้เสียด้วยว่าวันนั้นชิษวัศให้เธอลาครึ่งวัน ท่านจึงจัดการนัดเธอในตอนบ่ายให้มาพบก่อนจะจัดการเล่าเรื่องภารกิจตามหาหลานเขยหลานสะใภ้เสียละเอียดยิบ ทั้งรางวัลที่บรรดาหลานๆจะได้รับถ้าทำภารกิจสำเร็จและสิ่งที่จะต้องเสียถ้าภารกิจนั้นล้มเหลว รายละเอียดทุกอย่างคุณปู่ทั้งสองเล่าให้เธอฟังหมดเรียบร้อย
แม้ตอนแรกหญิงสาวจะยังงงๆและจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก อีกทั้งยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจคิดว่าชิษวัศเลือกเธอมาด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากพ่ายแพ้ในเกมนี้ทำให้อดไม่ได้ที่จะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา หากก็เป็นผู้อาวุโสทั้งสองที่คอยปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นและถ้อยคำที่ทำให้เธอได้ฉุกคิดว่าที่ชิษวัศเลือกเธอเป็นเพราะมีความรักให้กับเธอด้วยหัวใจที่แท้จริง
‘ฟังปู่นะลูกหนูมุก...เจ้าอาร์มน่ะ ปู่รู้ว่าหลานชายคนนี้มันเป็นคนยังไง ปากไม่ตรงกับใจเป็นที่หนึ่ง แต่สิ่งเดียวที่เจ้าหลานคนนี้มันไม่ยอมเด็ดขาดก็คือผู้หญิงที่จะมาอยู่เคียงข้าง...ถ้ามันไม่รัก ไม่มีทางเสียหรอกที่หลานของปู่คนนี้มันจะเลือก เพราะฉะนั้นหนูวางใจได้ ที่เจ้าอาร์มมันเลือกหนู...ก็เพราะว่ารัก’ คุณปู่รินบอกเธอพร้อมกับมือที่เอื้อมมาลูบบนศีรษะเธอเบาๆ
‘เชื่อพวกปู่เถอะหนูมุก ถึงอาร์มมันจะปากหนักแต่ถ้าเกิดว่าเจ้านี่ตัดสินใจเลือกแล้วแสดงว่ารักจริง ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ถ้าหนูยังกังวล ปู่มีวิธีพิสูจน์ หนูมุกสนใจไหม’ คุณปู่รันออกปากสนับสนุนอีกเสียง มุมปากที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลาแย้มยิ้มเมื่อมุกตาภาพยักหน้ารับข้อเสนอแผนการพิสูจน์ใจหลานชาย
“สรุปว่าพี่โดนคุณปู่รันตลบหลังใช่ไหมนี่” ชิษวัศแทบอยากจะเอามือขึ้นมาก่ายหน้าผากเสียให้รู้แล้วรู้รอด ไม่นึกไม่ฝันว่าคุณปู่รันจะมาไม้นี้
“นิดหน่อยเองค่ะพี่อาร์ม” หญิงสาวตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม ถ้ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คนอย่างชิษวัศจะยอมแพ้คงไม่พ้นคุณปู่คู่แฝดผู้นำของตระกูลตตินรากรณ์
ชิษวัศส่งยิ้มน้อยๆกลับไปให้หญิงสาวข้างตัว ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อความหนักอกหนักใจในตอนแรกเพราะกลัวว่ามุกตาภาจะโกรธเมื่อรู้สึกภารกิจรักของคุณปู่แฝด แต่ไปๆมาๆกลับเป็นตัวเขาเองที่โดนท่านทั้งสองย้อนศรให้เอ่ยปากบอกความในใจทั้งหมดที่มีให้มุกตาภาได้รับรู้ คิดแล้วก็แอบเจ็บใจเล็กๆที่ตามเกมของคุณปู่ไม่ทันแต่ใจหนึ่งชิษวัศก็แทบอยากจะไปขอบคุณท่านทั้งสองเสียเดี๋ยวนี้ที่ช่วยให้เรื่องราวทั้งหมดง่ายขึ้น
“กลับได้แล้วค่ะพี่อาร์ม” เจ้าของบ้านลุกขึ้นยืนพร้อมกลับเอ่ยปากเชิญกลับหากแขกผู้มาเยือนกลับนั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แถมยังทำเป็นหูทวนลมแกล้งไม่ได้ยินที่หญิงสาวพูดอีกต่างหาก
“ไม่ต้องมาเนียนเลยนะคุณชิษวัศ กินอิ่มก็กลับบ้านไปได้แล้วค่ะ” มุกตาภาปรับน้ำตาเสียงและหน้าตาให้ดูจริงจังเพื่อให้อีกคนหนึ่งรู้ตัวว่าเธอก็เอาจริงเป็นเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเมื่อชิษวัศยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมและทำท่าว่าคืนนี้คงจะไม่ยอมลุกออกไปจากเจ้าโซฟาตัวนี้ง่ายๆ
“ดึกแล้วนะครับ” คนที่ยึดโซฟาไว้แน่นพูดพร้อมส่งสายตาอ้อนที่ทำให้อีกคนแทบอยากจะฝากฝ่ามือไว้สักเผียะสองเผียะให้หายหมั่นไส้ซะเหลือเกิน
มุกตาภาลุกยืนขึ้นเต็มความสูงของตัวเอง ดวงตาโตสวยที่มักจะสุกสว่างอยู่เสมอหรี่ตามองคนที่ทอดสายตาอ้อนวอนกะให้เธอสงสาร
“ก็ดึกแล้วน่ะสิคะ กลับไปได้แล้ว”
“ขับรถดึกๆอันตรายนะครับ”
เจอไม้นี้หญิงสาวก็พอจะเดาออกแล้วว่าชิษวัศต้องการที่จะทำอะไร คนเจ้าเล่ห์คงวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นว่าต้องการให้เหตุการณ์ออกมาในผลลัพธ์อย่างนี้
“ไม่ต้องมาอ้างเลยนะพี่อาร์ม ยังไงมุกก็ไม่ให้ค้างค่ะ ไม่...มี...ทาง” หญิงสาวเน้นสามคำหลังช้าๆชัดๆ
“พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้ฝนจะตกนี่นา” ชิษวัศเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาดื้อๆ สายตาคู่คมเปลี่ยนจากใบหน้ามนไปมองท้องฟ้ายามราตรีผ่านประตูกระจกของห้องรับแขก
“มั่วแล้วค่ะ วันนี้แดดแรงทั้งวัน ไม่มีทางหรอกที่ฝนจะตก...” ยังไม่ทันพูดคาดคำ ท้องฟ้าที่มือมิดก็ส่งเสียงร้องและแสงสว่างวาบขึ้นมาพร้อมๆกับสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาราวกับแกล้งกัน
มุกตาภามองสายฝนที่ตกมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาผ่านประตูกระจกที่พราวไปด้วยหยดน้ำ ทั้งวันไม่มีวี่แววว่าฝนจะตก แต่ก็ดันมาตกในเวลาที่ชิษวัศดื้อเพ่งไม่ยอมกลับบ้านตัวเองเสียนี่ แบบนี้ก็ยิ่งเป็นข้ออ้างให้เขาอยู่ต่อโดยไม่ต้องสงสัย แล้วเธอ...จะมีแรงปฏิเสธไปได้อีกกี่น้ำกันเชียว
ชิษวัศมองคนที่จ้องมองสายฝนอย่างเป็นต่อ ความจริงชายหนุ่มไม่มีทางรู้ได้ว่าฝนจะตกมาเวลาไหน แต่ในใจก็ภาวนาให้สายฝนเป็นใจช่วยตกมาในตอนนี้เพื่อจะได้ยืดเวลาในการอยู่ใกล้กับมุกตาภาไปนานๆ ไม่รู้ทำไมยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้สึกผูกพันและไม่อยากเลยที่จะห่างจากเธอไปไหน หนูมุกจะรู้บ้างไหมว่าเวลานี้พี่อาร์มรักเธอไปหมดแล้วทั้งหัวใจ และหัวใจดวงนี้คงแหลกสลายแน่ถ้าเธอเลือกที่จะเดินหันหลังแล้วทิ้งกันไป
“ฝนตกแล้วครับ หนักด้วย พี่ขับรถดึกๆฝนตกๆอย่างนี้ หนูมุกไม่ห่วงกันหรือ”
เมื่อถูกถามด้วยคำถามอย่างนี้...มุกตาภาถึงกลับไม่รู้จะพูดจะตอบไปอย่างไร ถ้าเธอยังคงดึงดันที่จะให้เขากลับไปแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เธอจะรับได้แล้วมีลมหายใจต่อไปได้จริงหรือ หากเธอยอมให้เขาค้างคืนด้วย...คนอื่นจะมองเธออย่างไร แล้วศักดิ์ศรีของเธอเล่า ต่อไปมันจะเหลือแค่ไหนกัน
“ถ้าพี่อาร์มที่นี่ แล้วคนอื่นจะมองมุกยังไง ศักดิ์ศรีของมุกล่ะคะ”
ชิษวัศระบายยิ้มบางๆก่อนจะยืนขึ้นเคียงข้างร่างบาง มือที่ใหญ่กว่าเอื้อมมือไปกุมมือที่เล็กกว่าไว้หลวมๆ
“พี่รู้ว่าทำอย่างนี้มันดูไม่ดี แต่หนูมุกไม่เชื่อใจพี่หรือว่าพี่จะไม่ทำให้หนูมุกเสียหายแน่” ถ้อยคำที่พูดออกมานั้นแทนคำสัญญาที่มาจากหัวใจ มุกตาภาเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง แม้หัวใจจะเชื่อว่าชิษวัศไม่มีทางที่จะผิดคำพูดแต่สมองกลับยังคอยแย้งอยู่ว่าถ้าเธอตัดสินใจให้เขาค้างที่บ้านนั่นคือความคิดที่ไม่ถูกต้อง
“มุกกลัวคนอื่นมองว่ามุกเป็นผู้หญิงไม่ดี ยอมให้ผู้ชายมาค้างที่บ้าน” น้ำเสียงหวานบอกเบาๆ
“แต่เราไม่ได้ทำอะไร แล้วพี่ก็ไม่มีวันที่จะทำเรื่องอย่างนั้นด้วย ถ้าหนูมุกยังลำบากใจ พี่กลับบ้านตอนนี้เลยก็ได้ครับ” ชิษวัศปล่อยมือที่กุมไว้พร้อมกับหันหลังหมุนตัวเดินจากไป
“พี่อาร์ม” หากพอเสียงหวานร้องเรียก ขาที่กำลังจะก้าวเดินก็หยุดทันที รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏนิดหนึ่งที่มุมปากก่อนเจ้าตัวจะปรับสีหน้าให้ดูน่าสงสารให้เจ้าของบ้านเห็นใจ
“ครับ”
“พี่อาร์มค้างที่นี่ก็ได้ค่ะ”
...สำเร็จ!...
ชิษวัศตะโกนก้องในใจ นับว่าคำแนะนำของอารัทธ์นั้นใช้การได้มากทีเดียว เริ่มตั้งแต่ทำหน้าตาน่าสงสาร อ้อนด้วยเสียงเศร้าๆ ถ้ายังไม่ได้ผลก็ตัดพ้อเสียหนึ่งทีแล้วหันหลังเดินจากไป...ตามลำดับ
“หนูมุกไม่ลำบากใจใช่ไหม” ดวงตาคู่คมสีนิลมองไปยังร่างบางตาละห้อย
“ไม่เป็นไรค่ะ มุกเชื่อใจพี่อาร์มว่าพี่อาร์มไม่มีทางที่จะทำเรื่องผิดศีลธรรมอย่างนั้นแน่ แต่ถ้าพี่อาร์มคิดจะทำอย่างนั้นโดยไม่กลัวผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย มุกก็จะคิดว่ามุกมองพี่อาร์มผิดไปมาก” หญิงสาวดักทางไว้ก่อนโดยใช้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นข้ออ้าง
“แค่รู้ว่าหนูมุกมีคุณปู่แฝดเป็นพวกพี่ก็กลัวแล้วนะครับ นี่เล่นเอามาทั้งหมดสองครอบครัว ขืนพี่ทำอะไรไปมีหวังโดนรุมแน่เลย” ชายหนุ่มพูดติดตลกแต่ในใจกลับไม่ตลกด้วยเลยเพราะชายหนุ่มมั่นใจว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาระหว่างตนเองและมุกตาภา ผู้ใหญ่ทางฝ่ายนั้นคงจัดการเอาเรื่องเขาไม่น้อยเชียว
“รู้อย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ จะได้ไม่คิดทำอะไรนอกลู่นอกทาง”
“แล้วหนูมุกจะไปไหน” ถามเมื่อเห็นร่างระหงหมุนตัวทำท่าว่าจะเดินออจากห้องรับแขกไป
“ก็จะไปจัดห้องนอนให้พี่อาร์มไงคะ หรือว่าพี่อาร์มจะนอนห้องนี้”
“พี่นึกว่าหนูมุกจะให้พี่นอนห้องหนูมุกซะอีก” คำพูดสองแง่สองง่ามของชิษวัศทำให้ชายหนุ่มได้รับสายตาและน้ำเสียงเขียวๆของมุกตาภาตอบกลับมา
“จะให้มุกโทรไปรายงานคุณปู่รันคุณปู่รินเลยไหมคะว่าหลานชายของท่านกำลังคิดไม่ดีกับมุก” ไม่พูดเปล่าเพราะหญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องบางสีขาวขึ้นมาขู่เพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นว่าเธอพร้อมที่จะทำตามคำพูดจริงๆ
“ครับๆ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่พี่อาร์มจะทำตัวดีๆตามคำสั่งของน้องหนูมุก ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่เกเรเลยครับ” ชิษวัศชูนิ้วสามนิ้วปฏิญาณเลียนแบบลูกเสือสามัญ มุกตาภาจึงอดไม่ได้ที่จะปล่อยหัวเราะพรืดออกมากับการกระทำเหล่านั้นก่อนที่จะสาวเท้าเดินนำอาคันตุกะหนุ่มเพื่อไปยังห้องนอนที่มักเป็นห้องนอนของพัชรวิษย์เวลาที่พี่ชายของเธอขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯ
เจ้าของบ้านจัดการตระเตรียมเสื้อผ้าให้ชายหนุ่มได้เปลี่ยนซึ่งบังเอิญเหลือเกินที่ชิษวัศใส่เสื้อผ้าของพี่ชายเธอได้พอดิบพอดี โชคดีที่ชิษวัศมีชุดทำงานสำรองไว้ในรถ พรุ่งนี้จึงไม่วุ่นวายถ้าชายหนุ่มจะไปทำงานเลยโดยไม่ต้องวกกลับไปแต่งตัวที่บ้านของตัวเอง และเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยหญิงสาวจึงบอกฝันดีราตรีสวัสดิ์แล้วจึงกลับเข้าห้องนอนของตัวเองที่อยู่ข้างๆกันโดยที่ไม่ลืมปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย
...ก็นะ...กันไว้ดีกว่าแก้แหละน่า...
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับแอ่งน้ำที่เกิดขึ้นเพราะฝนที่ตกลงมาทั้งคืนจนเกิดเป็นแสงระยิบระยับสวยงามไม่น้อย กลิ่นดินหลังจากฝนตกใหม่ๆกับเสียงนกร้องยามเช้าแลดูเข้ากันและสร้างความสดชื่นแก่ยามเช้าของวันใหม่พร้อมๆกับมุกตาภาที่ยืดแขนบิดไปมาอยู่บนเตียงกว้างเมื่อนาฬิกาปลุกเรือนเก่งส่งเสียงร้อง
เพล้ง!!!
ร่างบางแทบจะเด้งตัวลุกขึ้นพรวดเมื่อมีเสียงไม่พึงประสงค์ดังมาจากชั้นล่างของบ้าน อาการง่วงหลังจากที่ตื่นนอนใหม่ๆหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว แล้วไอ้เสียงอย่างนี้คงไม่ใช่ชิษวัศกำลังทำลายล้างบ้านของเธอหรอกนะ!
มุกตาภาคว้าเสื้อคลุมมาสวมใส่ก่อนจะรีบกุลีกุจอออกจากห้องนอนของตัวเอง จากเดินจนกลายเป็นวิ่งลงบันไดมายังต้นเหตุของเสียง
เพล้ง!!!
เสียงกระเบื้องตกแตกดังขึ้นมาอีกครั้งราวกับรู้ว่าเจ้าของบ้านกำลังหาต้นมาของเสียง มุกตาภาสืบเท้าไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วซึ่งตอนนี้หญิงสาวรู้แล้วว่าคือที่ใด...ห้องครัวของเธอนั่นเอง
“ตายแล้ว!” หญิงสาวอุทานเสียงดังเมื่อเห็นสภาพครัวของตนเอง เศษกระเบื้องซึ่งน่าจะเป็นแก้วกาแฟแตกกระจายอยู่เต็มพื้น เคาท์เตอร์เตรียมอาหารที่ตั้งอยู่กลางห้องครัวเลอะไปด้วยกาแฟที่หกแทบจะเต็มโต๊ะแถมยังใจดีพอที่จะไหลลงมาให้เปื้อนถึงพื้นอีกต่างหาก
ชิษวัศที่ยืนเก้ๆกังๆถือตะหลิวอยู่ในมือข้างหนึ่งหันมายิ้มแต้ให้กับเจ้าของบ้านที่ยืนหน้าตาบอกบุญไม่รับ ผ้ากันเปื้อนสีเขียวอ่อนลายน้องเหมียวน่ารักถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติเธอก็คงขำออกอยู่หรอก แต่พออยู่ในสถานการณ์ ‘ครัวขั้นวิกฤต’ ขนาดนี้ เธอก็ขำไม่ออกเลยจริงๆ
“พอดีว่ามันวุ่นวายนิดหน่อยน่ะครับ พี่กำลังเตรียมมื้อเช้า” คนที่ริจะเป็นพ่อครัวจำเป็นบอกยิ้มๆ
มุกตาภาถอนหายใจออกมายาวเหยียด แม้เธอจะบอกแล้วว่าอย่าซนแต่พี่อาร์มก็ยังซนริอยากเป็นพ่อครัวทั้งๆที่หุงข้าวก็ยังไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ นี่ถ้าเธอลงมาช้ากว่านี้อีกนิดสงสัยว่าบ้านเธอคงไหม้เป็นตอตะโก
“หยุดเลยค่ะพี่อาร์ม!” น้ำเสียงหวานรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าชิษวัศกำลังทำท่าจะเปิดเตาซึ่งเป็นเตาไฟฟ้าเพื่อเตรียมจะทอดไข่ดาวที่ชายหนุ่มถือเตรียมไว้อีกมือหนึ่ง
“วางไข่และตะหลิวลง...แล้วออกไปนั่งรอเฉยๆ” มุกตาภาสั่งเสียงเด็ดขาด ขืนปล่อยให้เขาป่วนครัวเธอไปมากกว่านี้มีหวังคงต้องสร้างใหม่กันพอดี
“แต่พี่...” พ่อครัวมือใหม่อิดออดไม่ยอมวางอุปกรณ์และวัตถุดิบประกอบอาหารในมือ
“ไม่มีแต่ค่ะ มุกยังไม่นึกอยากที่จะมีครัวใหม่ตอนนี้นะคะพี่อาร์ม วางตะหลิวกับไข่ลงเลยค่ะ...เดี๋ยวนี้”
เมื่อเจอคำสั่งด้วยน้ำเสียงและสายตาที่เด็ดขาดชิษวัศจึงค่อยๆวางตะหลิวและไข่ไก่ลงก่อนจะเดินคอตกออกจากห้องครัวไปตามคำสั่งของมุกตาภา
...กะจะลงมาทำอาหารเช้าเอาใจเสียหน่อยแต่ทุกอย่างกลับผิดแผนไปเสียหมด รู้อย่างนี้ฝึกเข้าครัวกับป้านิ่มไว้บ้างก็ดี...
ชายหนุ่มได้แต่บ่นในใจ หันไปมองร่างที่ก้มๆเงยๆจัดการกับครัวที่ตนเองได้ทำเละไว้อย่างนึกสงสาร เพราะไม่ใช่น้อยเลยสิ่งที่มุกตาภาต้องเก็บกวาดล้างเช็ด อยากจะเข้าไปช่วยก็อยากอยู่ แต่ก็พอรู้ว่าถ้าเข้าไปคงโดนหญิงสาวไล่ออกมาแน่เพราะเขาคงเข้าไปช่วยให้ยุ่งมากกว่าช่วยให้ดีขึ้น
...ขอโทษนะครับหนูมุก...
มุกตาภาใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการจัดการกับครัวให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมพร้อมกับเตรียมกาแฟและอาหารเช้ามาเสิร์ฟถึงโต๊ะโดยที่ชิษวัศนั้นอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงานเรียบร้อย ผิดกับเธอที่หัวกระเซิงเป็นนางแจ๋วตั้งแต่เช้าเห็นแล้วมันน่านัก!
“เดี๋ยวพี่รอนะครับ” ชิษวัศบอกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ถึงจะรู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้เธอต้องเหนื่อยแต่เช้า
หากสภาพมุกตาภาตอนนี้ก็ทำให้เขาอดไม่ได้จริงๆที่ต้องหัวเราะเบาๆ ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้ามัน แถมคิ้วพาดเฉียงยังขมวดเล็กน้อยเพื่อบอกว่าเจ้าตัวกำลังโมโหอยู่นิดหน่อย
มุกตาภาแกล้งฉีกยิ้มให้อีกฝ่ายนิดหนึ่งก่อนจะสะบัดหน้าแล้วจ้ำออกจากโต๊ะอาหารไป ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะต่ำๆดังตามมายิ่งทำให้อยากจะกลับไปเอาคืนชิษวัศให้หนักนักที่ทำให้เธอต้องเหนื่อยแต่เช้า!
หากหญิงสาวก็ไม่ทำให้ชิษวัศรอนานเมื่อร่างบางลงมาถึงโต๊ะอาหารหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“เร็วจังครับ” ชิษวัศเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเรือนสวยของตัวเอง
“ก็มุกเป็นเจ้าบ้านที่ดีนี่คะ ไม่อยากให้แขกรอนานถึงแขกคนนั้นจะอยู่ไม่สุขจนทำให้เจ้าของบ้านเหนื่อยก็เถอะ” หญิงสาวเหน็บเข้าจังๆเสียหนึ่งทีก่อนจะหันแฮมออกเป็นชิ้นพอดีคำ
“พี่ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษด้วยนะครับ” ชิษวัศขอโทษเสียงอ่อนพร้อมกับส่งสายตาน่าสงสารมายังมุกตาภา เจอแบบนี้จะให้เธอทำอย่างไรนอกจาก...
“ค่ะ” ตอบรับเสียงเบาแล้วก็ก้มตาก้มตากินอาหารเช้าของตัวเองต่อไป
...ใครใช้ให้มาทำสายตาอย่างนี้ใส่กันเล่าพี่อาร์ม เจอแบบนี้มุกจะไม่ยอมยกโทษให้ได้ยังไง...
เวลาอาหารเช้าสิ้นสุดลงเมื่อมุกตาภาจัดการล้างและคว่ำจานทั้งหมดเรียบร้อย ทว่าร่างบางกลับชะงักเมื่อออกจากครัวมาพบกับคนที่ดักรออยู่อย่างไม่ทันตั้งตัว และนั่นทำให้หญิงสาวต้องรีบถอยหลังหลบเป็นพัลวันจนเกือบจะล้มเพราะสะดุดขาตัวเองแต่ดีที่ชิษวัศยังไวพอที่จะคว้าเอวและรั้งร่างเธอไว้ก่อนที่จะล้มลงไป
“ซุ่มซ่ามจังเลยนะเรา” คนตัวโตเอ็ดคนตัวเล็กกว่าเบาๆ
“ใครใช้ให้พี่อาร์มมายืนหลบตรงนี้ล่ะคะ มุกก็ตกใจแย่สิ” คนซุ่มซ่ามแก้ตัวก่อนจะดันตัวเองออกจากอ้อมกอดหลวมของชิษวัศซึ่งชายหนุ่มก็ยอมปล่อยเธอเป็นอิสระโดยดี
“พี่แค่จะมาบอก” เสียงทุ้มเว้นวรรคนิดหนึ่งเพื่อรอให้อีกฝ่ายถาม
“บอกว่าอะไรคะ”
“วันนี้หนูมุกไม่ต้องเอารถไปนะครับ เดี๋ยวไปกับพี่แล้วขากลับพี่จะแวะมาส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากพี่อาร์มเปล่าๆ” หญิงสาวรีบปฏิเสธ เพราะบ้านเขาและบ้านเธอนั้นอยู่คนละทางกว่าจะผจญกับรถติดมาถึงบ้านเธอและผจญรถติดกว่าจะถึงบ้านเขาคงหมดพลังงานไปไม่ใช่น้อย
“ต่อไปอย่าพูดว่าพี่จะลำบากอีกนะมุกตาภา” น้ำเสียงของชิษวัศเปลี่ยนเป็นมั่นคงและจริงจังพอๆกับสายตาที่มองตรงมาที่เธอ “ถ้าเป็นเรื่องของหนูมุก...สำหรับพี่ไม่มีคำว่าลำบาก เข้าใจหรือเปล่า”
ทั้งคำพูดและแววตาของชิษวัศนั้นประทับลงที่กลางหัวใจอีกดวง มุกตาภาพยักหน้ารับ ดวงหน้าน่ารักส่งยิ้มหวานทว่าอบอุ่นไม่ต่างจากไอแดดยามเช้าที่ทำให้ผู้รับรู้สึกสดชื่นไม่น้อยที่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ
“กลางวันนี้หนูมุกอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย ถือว่าขอโทษที่พี่ผิดนัดเมื่อวาน” ชิษวัศถามคนที่เดินเคียงข้างมายังเจ้า Lexus LS460L คันเก่งของตัวเอง
มุกตาภานิ่งคิดไปหนึ่ง แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกจึงเปลี่ยนมาควงท่อนแขนแข็งแรงของชายหนุ่มแทน
“อะไรก็ได้ค่ะ แค่มีพี่อาร์มอยู่ด้วย มุกกินอะไรก็อร่อยทั้งนั้น” หญิงสาวยิ้มประจบพร้อมกับซบศีรษะลงบนท่อนแขนของชายหนุ่ม
ชิษวัศหัวเราะในลำคอ “ทำอย่างนี้เดี๋ยวได้ไปไม่ถึงบริษัทกันพอดี” แล้วก็ได้ผลชะงัดนักเมื่อลูกแมวน้อยที่ออดอ้อนเมื่อครู่รีบปล่อยท่อนแขนแข็งแรงราวกับต้องของร้อนแถมยังถอยห่างร่างสูงอีกนิดหนึ่งเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
มุกตาภาตวัดสายตามองค้อนอีกฝ่ายที่พูดจาทีเล่นทีจริง “มุกจะฟ้องคุณปู่รัน” ก่อนจะยกชื่อคุณปู่แฝดคนพี่มาขู่
“ครับๆ กลัวแล้วครับ ไม่กล้าแล้วครับ” ชิษวัศผงกศีรษะขึ้นลงราวกับว่ากำลังยอมแพ้ มุกตาภายิ้มกว้างกับท่าทีเหล่านั้น ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มยอมรับเสียงหัวใจตัวเองว่ามันดังตรงกันกับหัวใจของเธอ กำแพงน้ำแข็งที่เขามักจะสร้างมันขึ้นมาห่อหุ้มรอบตัวก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลยหลังจากที่ใจทั้งสองดวงตรงกัน
หากเสียงโทรศัพท์ที่ดังมาจากกระเป๋ากางเกงของชิษวัศก็ทำให้รอยยิ้มของมุกตาภาจางลง เพราะลางสังหรณ์ของเธอมันบอกว่าอีกฟากหนึ่งของสัญญาณคือคนที่เธอไม่อยากให้โทรมาทำลายช่วงเวลาแห่งความสุขระหว่างเธอและชิษวัศ
...ทวิดาร์...
“ว่าไงครับเฟลอร์” ชื่อของคนที่ชิษวัศกรอกเสียงตอบกลับไปทำเอาหัวใจดวงน้อยของอีกคนไหววูบขึ้นมาแปลกๆ คงเป็นเพราะลึกๆมุกตาภายังกลัวอยู่ว่าชิษวัศจะผิดนัดเธอไปหาทวิดาร์อีกครั้ง
“กลางวันนี้อาร์มว่างหรือเปล่าคะ”
“กลางวัน?” ชิษวัศย้อนถามกลับไป สายตาพลันเหลือบมองมายังหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างกัน
“ค่ะ คุณหมอให้เฟลอร์กลับบ้านได้แล้ว กลางวันเลยกะจะเลี้ยงขอบคุณอาร์มหน่อย”
“ผมนัดกับหนูมุกแล้ว” ชิษวัศตัดสินใจบอกทวิดาร์ไปตามตรงเมื่อเห็นสีหน้าที่กำลังแสดงท่าทีผิดหวังของมุกตาภา
“งั้นก็ชวนน้องมุกมาด้วยกันสิคะ”
“เฟลอร์” ชิษวัศเรียกชื่อของคนปลายสายเสียงต่ำ “ผมว่าคงไม่สะดวก” ก่อนจะตัดสินใจปฏิเสธอีกครั้ง
“แต่เฟลอร์ตั้งใจไว้แล้วนะคะ ที่สำคัญเฟลอร์บริสุทธิ์ใจด้วย ทำไมอาร์มต้องกันไม่ให้น้องมุกมาเจอกับเฟลอร์ด้วยล่ะคะ”
“ผมไม่ได้กัน” ชิษวัศรีบแก้ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกยาว “โอเค เดี๋ยวผมจะลองถามหนูมุกดู แค่นี้นะ” พูดจบชายหนุ่มก็ตัดสายสนมนาลงทันทีก่อนจะหันมามองมุกตาภาที่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร
“เฟลอร์โทรมาครับ” ชิษวัศเริ่มเรื่อง
“ค่ะ”
“หมอให้เฟลอร์ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เฟลอร์เลยอยากจะเลี้ยงมื้อกลางวันขอบคุณพี่เรื่องเมื่อวาน”
“ค่ะ พี่อาร์มก็ไปสิคะ” แม้จะบอกให้ชายหนุ่มตอบรับคำเชื้อเชิญของทวิดาร์แต่ดวงตาคู่สวยกลับหลบสายตาไม่กล้าสบมองดวงตาอีกคู่หนึ่งที่มองตรงมา
“เฟลอร์ชวนหนูมุกไปด้วยครับ แต่ถ้าหนูมุกไม่ไปพี่ก็ไม่บังคับแล้วพี่ก็จะไม่ไปด้วย นัดของเราจะยังเหมือนเดิม”
“พี่อาร์มกำลังกดดันมุกอยู่นะ” มุกตาภาบอกเสียงเบา แม้จะรู้ว่าชิษวัศไม่ได้คิดที่จะกดดันอะไรเธอ แต่เธอก็ยังต้องคิดหนักเพื่อที่จะตัดสินใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“พี่ไม่ได้กดดัน แต่ถ้าหนูมุกไม่สบายใจที่จะต้องไปเจอเฟลอร์ตอนนี้พี่ก็จะไม่ว่าอะไรเลย เมื่อวานพี่ผิดสัญญากับหนูมุกไปแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้พี่จะไม่ผิดสัญญากับหนูมุกเป็นครั้งที่สอง”
“คือว่ามุก...”
คิ้วเรียวสวยขมวดชิดจนแทบจะผูกเป็นปม จริงอยู่ที่เธอยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะมั่นคงแค่ไหนถ้าเห็นยามที่ชิษวัศอยู่กับทวิดาร์ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เธอกำลังคิดไปเองคนเดียว บางที...ทุกอย่างอาจไม่เป็นอย่างที่เธอคิดก็เป็นได้ บางที...ทวิดาร์อาจจะคิดกับชิษวัศเพียงแค่เพื่อน ไม่ได้คิดจะมาเขี่ยถ่านไฟเก่าให้มันคุขึ้นอย่างที่เธอนึกกลัว และเธอก็ไม่เห็นต้องกลัวที่จะไปเผชิญหน้ากับแฟนเก่าของชิษวัศในเมื่อตอนนี้ เวลานี้เธอต่างหากที่เป็นคนรักของเขา เธอต่างหากที่เป็นคนที่ชิษวัศเลือกที่จะให้เดินเคียงข้างกันไป และเป็นเธอ...ที่ชิษวัศตัดสินใจมอบคำรักให้กัน เพราะฉะนั้นเธอไม่จำเป็นต้องกลัว...ไม่จำเป็น
“ค่ะ...มุกจะไปกับพี่อาร์ม”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
เอาแล้วค่ะ...เฟลอร์เริ่มแล้ว หนูกมุกจะรับมือไหวไหมกับคนที่ไม่ได้ร้ายแบบเปิดเผย มาดูกันค่ะ
ปล. ถ้าตอนต่อไปมาช้าต้องขอโทษด้วยนะค้าาา...ช่วงนี้สมองตีบตันเหลือหลายค่ะ จะพยายามเข็นพี่อาร์มให้มาให้ได้นะคะ ^^"
ปล 2. ปอแก้วได้สิทธิ์ขอไอค่อนให้คนอ่านค่า ไม่ทราบว่ามีใครอยากได้บ้างคะ ขอประกาศผ่านตอนนี้แล้วกันเนอะ ใครอยากได้ลงชื่อไว้นะคะ
ปล (อีกที) : ย้ำเน้นๆ นักอ่านคนใดอยากได้ไอค่อนช่วยลงชื่อไว้ด้วยนะค้าาาาา ปอแก้วได้สิทธิ์ขอให้สองท่าน ถ้ามีคนอยากได้มากกว่าสองปอแก้วจะจับฉลากนะคะ
ตอบเมนท์จ้า...
คุณ nunoi : ตอนนี้เฉลยแล้วนะคะว่าคุณปู่แฝดไปเจอหนูมุกตอนไหน ความจริงพี่อาร์มต้องขอบคุณคุณปู่นะคะที่มองการณ์ไกลเลยชิงช่วยหลานชายซะก่อน
คุณ anOO : ฮ้าาาาา...อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ ฮ่าๆ พี่อาร์มคงจะงงไปเลยทีเดียว อิอิ
คุณ violette : เข้ามาขำพี่อาร์มใช่ไหมคะ?? ฮาาาาา
คุณ หมูบูลิน : เพราะมีหลานๆอย่างนี้ไงคะคุณปู่ถึงต้องลงแรงช่วยไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เห็นหน้าเหลน ดูดู๊...แต่ละคน
คุณ teesaparn : คุณปู่บอกว่าไม่มีแผนไม่ไหวค่ะ รอพวกหลานๆงานนี้ไม่มีหวังจะได้เห็นหน้าเหลน ฮ่าๆ
คุณ Amata : ขอบคุณมากมายสำหรับกำลังใจค่ะ
คุณ tutas : โดนซะมั่งค่ะ แล้วจะโดนอีกไม่ใช่น้อยต่อจากนี้ไป ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณคนอ่านทุกคน คนที่กดไลค์ให้กำลังใจและทิ้งคอมเมนท์ทักทายนะคะ
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ :)
ผิดพลาดตรงไหนน้อมรับคำติค่ะ :)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 21: ยามฟ้าฝนเป็นใจ
“หนูมุกไปเจอคุณปู่พี่ได้ยังไง”
ชิษวัศถามขึ้นมาอย่างสงสัยเพราะตนเองก็ยังไม่เคยพามุกตาภาไปแนะนำให้ท่านทั้งสองรู้จัก ถ้าจะบอกว่าเจอที่บริษัทโดยที่ชิษวัศไม่รู้ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่คุณปู่รันกับคุณปู่รินเข้าบริษัทคือวาระที่มีการประชุมครั้งสำคัญและทุกครั้งที่เจอท่านทั้งสอง เขาเองก็ยังไม่ได้เอื้อนเอ่ยแนะนำอะไรเกี่ยวกับผู้ช่วยสาวที่ควบตำแหน่งคนรู้ใจคนนี้ออกไป คนที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและมุกตาภาก็มีเพียงแค่ บิดา มารดาของทั้งสองฝ่าย อารัทธ์และนิชิตาเท่านั้น
...แล้วคุณปู่แฝดไปรู้ได้ยังไง...
“คุณปู่รันโทรมาหาค่ะ”
“คุณปู่รันเนี่ยนะครับ” ชิษวัศย้อนถามเสียงสูง ยอมรับแล้วว่าการข่าวของคุณปู่รันนั้นยอดเยี่ยมไม่มีอะไรหลุดรอดพ้นสายตาของท่านจริงๆ
“ค่ะ มุกก็ตกใจเหมือนกันไม่คิดว่าท่านจะโทรหามุกโดยตรง”
“แล้วเจอคุณปู่รินหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามต่อ
“เจอค่ะ คุณปู่รันกับคุณปู่รินหน้าเหมือนกันเปี๊ยบเลย มุกยังแอบงงอยู่เลยค่ะว่าใครเป็นใคร” น้ำเสียงใสตอบพร้อมกับบอกความรู้สึกแรกที่ได้เห็นผู้นำของตตินรากรณ์
“เล่าให้พี่ฟังให้หมดเลยนะครับว่าไปไงมาไงคุณปู่พี่ถึงได้โทรตามหนูมุกแล้วจัดการเล่าเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองอย่างนี้”
มุกตาภามองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเมื่อคำพูดของคุณปู่รันนั้นเป็นจริงทุกคำที่ว่าชิษวัศต้องตกใจและคาดคั้นเอาความจริงจากเธอเป็นแน่ว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเป็นอย่างไร ส่วนเธอก็คงมีหน้าที่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไปตามความจริงเพราะไม่มีเหตุจำเป็นใดที่จะต้องปิดบัง
เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดจากผู้พูดมาสู่ผู้ฟังอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่หญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยหากพอถามว่าใครกลับพบว่าเป็นคุณปู่รันแถมท่านยังรู้เสียด้วยว่าวันนั้นชิษวัศให้เธอลาครึ่งวัน ท่านจึงจัดการนัดเธอในตอนบ่ายให้มาพบก่อนจะจัดการเล่าเรื่องภารกิจตามหาหลานเขยหลานสะใภ้เสียละเอียดยิบ ทั้งรางวัลที่บรรดาหลานๆจะได้รับถ้าทำภารกิจสำเร็จและสิ่งที่จะต้องเสียถ้าภารกิจนั้นล้มเหลว รายละเอียดทุกอย่างคุณปู่ทั้งสองเล่าให้เธอฟังหมดเรียบร้อย
แม้ตอนแรกหญิงสาวจะยังงงๆและจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก อีกทั้งยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจคิดว่าชิษวัศเลือกเธอมาด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากพ่ายแพ้ในเกมนี้ทำให้อดไม่ได้ที่จะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา หากก็เป็นผู้อาวุโสทั้งสองที่คอยปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นและถ้อยคำที่ทำให้เธอได้ฉุกคิดว่าที่ชิษวัศเลือกเธอเป็นเพราะมีความรักให้กับเธอด้วยหัวใจที่แท้จริง
‘ฟังปู่นะลูกหนูมุก...เจ้าอาร์มน่ะ ปู่รู้ว่าหลานชายคนนี้มันเป็นคนยังไง ปากไม่ตรงกับใจเป็นที่หนึ่ง แต่สิ่งเดียวที่เจ้าหลานคนนี้มันไม่ยอมเด็ดขาดก็คือผู้หญิงที่จะมาอยู่เคียงข้าง...ถ้ามันไม่รัก ไม่มีทางเสียหรอกที่หลานของปู่คนนี้มันจะเลือก เพราะฉะนั้นหนูวางใจได้ ที่เจ้าอาร์มมันเลือกหนู...ก็เพราะว่ารัก’ คุณปู่รินบอกเธอพร้อมกับมือที่เอื้อมมาลูบบนศีรษะเธอเบาๆ
‘เชื่อพวกปู่เถอะหนูมุก ถึงอาร์มมันจะปากหนักแต่ถ้าเกิดว่าเจ้านี่ตัดสินใจเลือกแล้วแสดงว่ารักจริง ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ถ้าหนูยังกังวล ปู่มีวิธีพิสูจน์ หนูมุกสนใจไหม’ คุณปู่รันออกปากสนับสนุนอีกเสียง มุมปากที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลาแย้มยิ้มเมื่อมุกตาภาพยักหน้ารับข้อเสนอแผนการพิสูจน์ใจหลานชาย
“สรุปว่าพี่โดนคุณปู่รันตลบหลังใช่ไหมนี่” ชิษวัศแทบอยากจะเอามือขึ้นมาก่ายหน้าผากเสียให้รู้แล้วรู้รอด ไม่นึกไม่ฝันว่าคุณปู่รันจะมาไม้นี้
“นิดหน่อยเองค่ะพี่อาร์ม” หญิงสาวตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม ถ้ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คนอย่างชิษวัศจะยอมแพ้คงไม่พ้นคุณปู่คู่แฝดผู้นำของตระกูลตตินรากรณ์
ชิษวัศส่งยิ้มน้อยๆกลับไปให้หญิงสาวข้างตัว ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อความหนักอกหนักใจในตอนแรกเพราะกลัวว่ามุกตาภาจะโกรธเมื่อรู้สึกภารกิจรักของคุณปู่แฝด แต่ไปๆมาๆกลับเป็นตัวเขาเองที่โดนท่านทั้งสองย้อนศรให้เอ่ยปากบอกความในใจทั้งหมดที่มีให้มุกตาภาได้รับรู้ คิดแล้วก็แอบเจ็บใจเล็กๆที่ตามเกมของคุณปู่ไม่ทันแต่ใจหนึ่งชิษวัศก็แทบอยากจะไปขอบคุณท่านทั้งสองเสียเดี๋ยวนี้ที่ช่วยให้เรื่องราวทั้งหมดง่ายขึ้น
“กลับได้แล้วค่ะพี่อาร์ม” เจ้าของบ้านลุกขึ้นยืนพร้อมกลับเอ่ยปากเชิญกลับหากแขกผู้มาเยือนกลับนั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แถมยังทำเป็นหูทวนลมแกล้งไม่ได้ยินที่หญิงสาวพูดอีกต่างหาก
“ไม่ต้องมาเนียนเลยนะคุณชิษวัศ กินอิ่มก็กลับบ้านไปได้แล้วค่ะ” มุกตาภาปรับน้ำตาเสียงและหน้าตาให้ดูจริงจังเพื่อให้อีกคนหนึ่งรู้ตัวว่าเธอก็เอาจริงเป็นเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเมื่อชิษวัศยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมและทำท่าว่าคืนนี้คงจะไม่ยอมลุกออกไปจากเจ้าโซฟาตัวนี้ง่ายๆ
“ดึกแล้วนะครับ” คนที่ยึดโซฟาไว้แน่นพูดพร้อมส่งสายตาอ้อนที่ทำให้อีกคนแทบอยากจะฝากฝ่ามือไว้สักเผียะสองเผียะให้หายหมั่นไส้ซะเหลือเกิน
มุกตาภาลุกยืนขึ้นเต็มความสูงของตัวเอง ดวงตาโตสวยที่มักจะสุกสว่างอยู่เสมอหรี่ตามองคนที่ทอดสายตาอ้อนวอนกะให้เธอสงสาร
“ก็ดึกแล้วน่ะสิคะ กลับไปได้แล้ว”
“ขับรถดึกๆอันตรายนะครับ”
เจอไม้นี้หญิงสาวก็พอจะเดาออกแล้วว่าชิษวัศต้องการที่จะทำอะไร คนเจ้าเล่ห์คงวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นว่าต้องการให้เหตุการณ์ออกมาในผลลัพธ์อย่างนี้
“ไม่ต้องมาอ้างเลยนะพี่อาร์ม ยังไงมุกก็ไม่ให้ค้างค่ะ ไม่...มี...ทาง” หญิงสาวเน้นสามคำหลังช้าๆชัดๆ
“พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้ฝนจะตกนี่นา” ชิษวัศเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาดื้อๆ สายตาคู่คมเปลี่ยนจากใบหน้ามนไปมองท้องฟ้ายามราตรีผ่านประตูกระจกของห้องรับแขก
“มั่วแล้วค่ะ วันนี้แดดแรงทั้งวัน ไม่มีทางหรอกที่ฝนจะตก...” ยังไม่ทันพูดคาดคำ ท้องฟ้าที่มือมิดก็ส่งเสียงร้องและแสงสว่างวาบขึ้นมาพร้อมๆกับสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาราวกับแกล้งกัน
มุกตาภามองสายฝนที่ตกมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาผ่านประตูกระจกที่พราวไปด้วยหยดน้ำ ทั้งวันไม่มีวี่แววว่าฝนจะตก แต่ก็ดันมาตกในเวลาที่ชิษวัศดื้อเพ่งไม่ยอมกลับบ้านตัวเองเสียนี่ แบบนี้ก็ยิ่งเป็นข้ออ้างให้เขาอยู่ต่อโดยไม่ต้องสงสัย แล้วเธอ...จะมีแรงปฏิเสธไปได้อีกกี่น้ำกันเชียว
ชิษวัศมองคนที่จ้องมองสายฝนอย่างเป็นต่อ ความจริงชายหนุ่มไม่มีทางรู้ได้ว่าฝนจะตกมาเวลาไหน แต่ในใจก็ภาวนาให้สายฝนเป็นใจช่วยตกมาในตอนนี้เพื่อจะได้ยืดเวลาในการอยู่ใกล้กับมุกตาภาไปนานๆ ไม่รู้ทำไมยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้สึกผูกพันและไม่อยากเลยที่จะห่างจากเธอไปไหน หนูมุกจะรู้บ้างไหมว่าเวลานี้พี่อาร์มรักเธอไปหมดแล้วทั้งหัวใจ และหัวใจดวงนี้คงแหลกสลายแน่ถ้าเธอเลือกที่จะเดินหันหลังแล้วทิ้งกันไป
“ฝนตกแล้วครับ หนักด้วย พี่ขับรถดึกๆฝนตกๆอย่างนี้ หนูมุกไม่ห่วงกันหรือ”
เมื่อถูกถามด้วยคำถามอย่างนี้...มุกตาภาถึงกลับไม่รู้จะพูดจะตอบไปอย่างไร ถ้าเธอยังคงดึงดันที่จะให้เขากลับไปแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เธอจะรับได้แล้วมีลมหายใจต่อไปได้จริงหรือ หากเธอยอมให้เขาค้างคืนด้วย...คนอื่นจะมองเธออย่างไร แล้วศักดิ์ศรีของเธอเล่า ต่อไปมันจะเหลือแค่ไหนกัน
“ถ้าพี่อาร์มที่นี่ แล้วคนอื่นจะมองมุกยังไง ศักดิ์ศรีของมุกล่ะคะ”
ชิษวัศระบายยิ้มบางๆก่อนจะยืนขึ้นเคียงข้างร่างบาง มือที่ใหญ่กว่าเอื้อมมือไปกุมมือที่เล็กกว่าไว้หลวมๆ
“พี่รู้ว่าทำอย่างนี้มันดูไม่ดี แต่หนูมุกไม่เชื่อใจพี่หรือว่าพี่จะไม่ทำให้หนูมุกเสียหายแน่” ถ้อยคำที่พูดออกมานั้นแทนคำสัญญาที่มาจากหัวใจ มุกตาภาเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง แม้หัวใจจะเชื่อว่าชิษวัศไม่มีทางที่จะผิดคำพูดแต่สมองกลับยังคอยแย้งอยู่ว่าถ้าเธอตัดสินใจให้เขาค้างที่บ้านนั่นคือความคิดที่ไม่ถูกต้อง
“มุกกลัวคนอื่นมองว่ามุกเป็นผู้หญิงไม่ดี ยอมให้ผู้ชายมาค้างที่บ้าน” น้ำเสียงหวานบอกเบาๆ
“แต่เราไม่ได้ทำอะไร แล้วพี่ก็ไม่มีวันที่จะทำเรื่องอย่างนั้นด้วย ถ้าหนูมุกยังลำบากใจ พี่กลับบ้านตอนนี้เลยก็ได้ครับ” ชิษวัศปล่อยมือที่กุมไว้พร้อมกับหันหลังหมุนตัวเดินจากไป
“พี่อาร์ม” หากพอเสียงหวานร้องเรียก ขาที่กำลังจะก้าวเดินก็หยุดทันที รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏนิดหนึ่งที่มุมปากก่อนเจ้าตัวจะปรับสีหน้าให้ดูน่าสงสารให้เจ้าของบ้านเห็นใจ
“ครับ”
“พี่อาร์มค้างที่นี่ก็ได้ค่ะ”
...สำเร็จ!...
ชิษวัศตะโกนก้องในใจ นับว่าคำแนะนำของอารัทธ์นั้นใช้การได้มากทีเดียว เริ่มตั้งแต่ทำหน้าตาน่าสงสาร อ้อนด้วยเสียงเศร้าๆ ถ้ายังไม่ได้ผลก็ตัดพ้อเสียหนึ่งทีแล้วหันหลังเดินจากไป...ตามลำดับ
“หนูมุกไม่ลำบากใจใช่ไหม” ดวงตาคู่คมสีนิลมองไปยังร่างบางตาละห้อย
“ไม่เป็นไรค่ะ มุกเชื่อใจพี่อาร์มว่าพี่อาร์มไม่มีทางที่จะทำเรื่องผิดศีลธรรมอย่างนั้นแน่ แต่ถ้าพี่อาร์มคิดจะทำอย่างนั้นโดยไม่กลัวผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย มุกก็จะคิดว่ามุกมองพี่อาร์มผิดไปมาก” หญิงสาวดักทางไว้ก่อนโดยใช้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นข้ออ้าง
“แค่รู้ว่าหนูมุกมีคุณปู่แฝดเป็นพวกพี่ก็กลัวแล้วนะครับ นี่เล่นเอามาทั้งหมดสองครอบครัว ขืนพี่ทำอะไรไปมีหวังโดนรุมแน่เลย” ชายหนุ่มพูดติดตลกแต่ในใจกลับไม่ตลกด้วยเลยเพราะชายหนุ่มมั่นใจว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาระหว่างตนเองและมุกตาภา ผู้ใหญ่ทางฝ่ายนั้นคงจัดการเอาเรื่องเขาไม่น้อยเชียว
“รู้อย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ จะได้ไม่คิดทำอะไรนอกลู่นอกทาง”
“แล้วหนูมุกจะไปไหน” ถามเมื่อเห็นร่างระหงหมุนตัวทำท่าว่าจะเดินออจากห้องรับแขกไป
“ก็จะไปจัดห้องนอนให้พี่อาร์มไงคะ หรือว่าพี่อาร์มจะนอนห้องนี้”
“พี่นึกว่าหนูมุกจะให้พี่นอนห้องหนูมุกซะอีก” คำพูดสองแง่สองง่ามของชิษวัศทำให้ชายหนุ่มได้รับสายตาและน้ำเสียงเขียวๆของมุกตาภาตอบกลับมา
“จะให้มุกโทรไปรายงานคุณปู่รันคุณปู่รินเลยไหมคะว่าหลานชายของท่านกำลังคิดไม่ดีกับมุก” ไม่พูดเปล่าเพราะหญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องบางสีขาวขึ้นมาขู่เพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นว่าเธอพร้อมที่จะทำตามคำพูดจริงๆ
“ครับๆ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่พี่อาร์มจะทำตัวดีๆตามคำสั่งของน้องหนูมุก ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่เกเรเลยครับ” ชิษวัศชูนิ้วสามนิ้วปฏิญาณเลียนแบบลูกเสือสามัญ มุกตาภาจึงอดไม่ได้ที่จะปล่อยหัวเราะพรืดออกมากับการกระทำเหล่านั้นก่อนที่จะสาวเท้าเดินนำอาคันตุกะหนุ่มเพื่อไปยังห้องนอนที่มักเป็นห้องนอนของพัชรวิษย์เวลาที่พี่ชายของเธอขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯ
เจ้าของบ้านจัดการตระเตรียมเสื้อผ้าให้ชายหนุ่มได้เปลี่ยนซึ่งบังเอิญเหลือเกินที่ชิษวัศใส่เสื้อผ้าของพี่ชายเธอได้พอดิบพอดี โชคดีที่ชิษวัศมีชุดทำงานสำรองไว้ในรถ พรุ่งนี้จึงไม่วุ่นวายถ้าชายหนุ่มจะไปทำงานเลยโดยไม่ต้องวกกลับไปแต่งตัวที่บ้านของตัวเอง และเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยหญิงสาวจึงบอกฝันดีราตรีสวัสดิ์แล้วจึงกลับเข้าห้องนอนของตัวเองที่อยู่ข้างๆกันโดยที่ไม่ลืมปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย
...ก็นะ...กันไว้ดีกว่าแก้แหละน่า...
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับแอ่งน้ำที่เกิดขึ้นเพราะฝนที่ตกลงมาทั้งคืนจนเกิดเป็นแสงระยิบระยับสวยงามไม่น้อย กลิ่นดินหลังจากฝนตกใหม่ๆกับเสียงนกร้องยามเช้าแลดูเข้ากันและสร้างความสดชื่นแก่ยามเช้าของวันใหม่พร้อมๆกับมุกตาภาที่ยืดแขนบิดไปมาอยู่บนเตียงกว้างเมื่อนาฬิกาปลุกเรือนเก่งส่งเสียงร้อง
เพล้ง!!!
ร่างบางแทบจะเด้งตัวลุกขึ้นพรวดเมื่อมีเสียงไม่พึงประสงค์ดังมาจากชั้นล่างของบ้าน อาการง่วงหลังจากที่ตื่นนอนใหม่ๆหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว แล้วไอ้เสียงอย่างนี้คงไม่ใช่ชิษวัศกำลังทำลายล้างบ้านของเธอหรอกนะ!
มุกตาภาคว้าเสื้อคลุมมาสวมใส่ก่อนจะรีบกุลีกุจอออกจากห้องนอนของตัวเอง จากเดินจนกลายเป็นวิ่งลงบันไดมายังต้นเหตุของเสียง
เพล้ง!!!
เสียงกระเบื้องตกแตกดังขึ้นมาอีกครั้งราวกับรู้ว่าเจ้าของบ้านกำลังหาต้นมาของเสียง มุกตาภาสืบเท้าไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วซึ่งตอนนี้หญิงสาวรู้แล้วว่าคือที่ใด...ห้องครัวของเธอนั่นเอง
“ตายแล้ว!” หญิงสาวอุทานเสียงดังเมื่อเห็นสภาพครัวของตนเอง เศษกระเบื้องซึ่งน่าจะเป็นแก้วกาแฟแตกกระจายอยู่เต็มพื้น เคาท์เตอร์เตรียมอาหารที่ตั้งอยู่กลางห้องครัวเลอะไปด้วยกาแฟที่หกแทบจะเต็มโต๊ะแถมยังใจดีพอที่จะไหลลงมาให้เปื้อนถึงพื้นอีกต่างหาก
ชิษวัศที่ยืนเก้ๆกังๆถือตะหลิวอยู่ในมือข้างหนึ่งหันมายิ้มแต้ให้กับเจ้าของบ้านที่ยืนหน้าตาบอกบุญไม่รับ ผ้ากันเปื้อนสีเขียวอ่อนลายน้องเหมียวน่ารักถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติเธอก็คงขำออกอยู่หรอก แต่พออยู่ในสถานการณ์ ‘ครัวขั้นวิกฤต’ ขนาดนี้ เธอก็ขำไม่ออกเลยจริงๆ
“พอดีว่ามันวุ่นวายนิดหน่อยน่ะครับ พี่กำลังเตรียมมื้อเช้า” คนที่ริจะเป็นพ่อครัวจำเป็นบอกยิ้มๆ
มุกตาภาถอนหายใจออกมายาวเหยียด แม้เธอจะบอกแล้วว่าอย่าซนแต่พี่อาร์มก็ยังซนริอยากเป็นพ่อครัวทั้งๆที่หุงข้าวก็ยังไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ นี่ถ้าเธอลงมาช้ากว่านี้อีกนิดสงสัยว่าบ้านเธอคงไหม้เป็นตอตะโก
“หยุดเลยค่ะพี่อาร์ม!” น้ำเสียงหวานรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าชิษวัศกำลังทำท่าจะเปิดเตาซึ่งเป็นเตาไฟฟ้าเพื่อเตรียมจะทอดไข่ดาวที่ชายหนุ่มถือเตรียมไว้อีกมือหนึ่ง
“วางไข่และตะหลิวลง...แล้วออกไปนั่งรอเฉยๆ” มุกตาภาสั่งเสียงเด็ดขาด ขืนปล่อยให้เขาป่วนครัวเธอไปมากกว่านี้มีหวังคงต้องสร้างใหม่กันพอดี
“แต่พี่...” พ่อครัวมือใหม่อิดออดไม่ยอมวางอุปกรณ์และวัตถุดิบประกอบอาหารในมือ
“ไม่มีแต่ค่ะ มุกยังไม่นึกอยากที่จะมีครัวใหม่ตอนนี้นะคะพี่อาร์ม วางตะหลิวกับไข่ลงเลยค่ะ...เดี๋ยวนี้”
เมื่อเจอคำสั่งด้วยน้ำเสียงและสายตาที่เด็ดขาดชิษวัศจึงค่อยๆวางตะหลิวและไข่ไก่ลงก่อนจะเดินคอตกออกจากห้องครัวไปตามคำสั่งของมุกตาภา
...กะจะลงมาทำอาหารเช้าเอาใจเสียหน่อยแต่ทุกอย่างกลับผิดแผนไปเสียหมด รู้อย่างนี้ฝึกเข้าครัวกับป้านิ่มไว้บ้างก็ดี...
ชายหนุ่มได้แต่บ่นในใจ หันไปมองร่างที่ก้มๆเงยๆจัดการกับครัวที่ตนเองได้ทำเละไว้อย่างนึกสงสาร เพราะไม่ใช่น้อยเลยสิ่งที่มุกตาภาต้องเก็บกวาดล้างเช็ด อยากจะเข้าไปช่วยก็อยากอยู่ แต่ก็พอรู้ว่าถ้าเข้าไปคงโดนหญิงสาวไล่ออกมาแน่เพราะเขาคงเข้าไปช่วยให้ยุ่งมากกว่าช่วยให้ดีขึ้น
...ขอโทษนะครับหนูมุก...
มุกตาภาใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการจัดการกับครัวให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมพร้อมกับเตรียมกาแฟและอาหารเช้ามาเสิร์ฟถึงโต๊ะโดยที่ชิษวัศนั้นอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงานเรียบร้อย ผิดกับเธอที่หัวกระเซิงเป็นนางแจ๋วตั้งแต่เช้าเห็นแล้วมันน่านัก!
“เดี๋ยวพี่รอนะครับ” ชิษวัศบอกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ถึงจะรู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้เธอต้องเหนื่อยแต่เช้า
หากสภาพมุกตาภาตอนนี้ก็ทำให้เขาอดไม่ได้จริงๆที่ต้องหัวเราะเบาๆ ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้ามัน แถมคิ้วพาดเฉียงยังขมวดเล็กน้อยเพื่อบอกว่าเจ้าตัวกำลังโมโหอยู่นิดหน่อย
มุกตาภาแกล้งฉีกยิ้มให้อีกฝ่ายนิดหนึ่งก่อนจะสะบัดหน้าแล้วจ้ำออกจากโต๊ะอาหารไป ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะต่ำๆดังตามมายิ่งทำให้อยากจะกลับไปเอาคืนชิษวัศให้หนักนักที่ทำให้เธอต้องเหนื่อยแต่เช้า!
หากหญิงสาวก็ไม่ทำให้ชิษวัศรอนานเมื่อร่างบางลงมาถึงโต๊ะอาหารหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“เร็วจังครับ” ชิษวัศเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเรือนสวยของตัวเอง
“ก็มุกเป็นเจ้าบ้านที่ดีนี่คะ ไม่อยากให้แขกรอนานถึงแขกคนนั้นจะอยู่ไม่สุขจนทำให้เจ้าของบ้านเหนื่อยก็เถอะ” หญิงสาวเหน็บเข้าจังๆเสียหนึ่งทีก่อนจะหันแฮมออกเป็นชิ้นพอดีคำ
“พี่ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษด้วยนะครับ” ชิษวัศขอโทษเสียงอ่อนพร้อมกับส่งสายตาน่าสงสารมายังมุกตาภา เจอแบบนี้จะให้เธอทำอย่างไรนอกจาก...
“ค่ะ” ตอบรับเสียงเบาแล้วก็ก้มตาก้มตากินอาหารเช้าของตัวเองต่อไป
...ใครใช้ให้มาทำสายตาอย่างนี้ใส่กันเล่าพี่อาร์ม เจอแบบนี้มุกจะไม่ยอมยกโทษให้ได้ยังไง...
เวลาอาหารเช้าสิ้นสุดลงเมื่อมุกตาภาจัดการล้างและคว่ำจานทั้งหมดเรียบร้อย ทว่าร่างบางกลับชะงักเมื่อออกจากครัวมาพบกับคนที่ดักรออยู่อย่างไม่ทันตั้งตัว และนั่นทำให้หญิงสาวต้องรีบถอยหลังหลบเป็นพัลวันจนเกือบจะล้มเพราะสะดุดขาตัวเองแต่ดีที่ชิษวัศยังไวพอที่จะคว้าเอวและรั้งร่างเธอไว้ก่อนที่จะล้มลงไป
“ซุ่มซ่ามจังเลยนะเรา” คนตัวโตเอ็ดคนตัวเล็กกว่าเบาๆ
“ใครใช้ให้พี่อาร์มมายืนหลบตรงนี้ล่ะคะ มุกก็ตกใจแย่สิ” คนซุ่มซ่ามแก้ตัวก่อนจะดันตัวเองออกจากอ้อมกอดหลวมของชิษวัศซึ่งชายหนุ่มก็ยอมปล่อยเธอเป็นอิสระโดยดี
“พี่แค่จะมาบอก” เสียงทุ้มเว้นวรรคนิดหนึ่งเพื่อรอให้อีกฝ่ายถาม
“บอกว่าอะไรคะ”
“วันนี้หนูมุกไม่ต้องเอารถไปนะครับ เดี๋ยวไปกับพี่แล้วขากลับพี่จะแวะมาส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากพี่อาร์มเปล่าๆ” หญิงสาวรีบปฏิเสธ เพราะบ้านเขาและบ้านเธอนั้นอยู่คนละทางกว่าจะผจญกับรถติดมาถึงบ้านเธอและผจญรถติดกว่าจะถึงบ้านเขาคงหมดพลังงานไปไม่ใช่น้อย
“ต่อไปอย่าพูดว่าพี่จะลำบากอีกนะมุกตาภา” น้ำเสียงของชิษวัศเปลี่ยนเป็นมั่นคงและจริงจังพอๆกับสายตาที่มองตรงมาที่เธอ “ถ้าเป็นเรื่องของหนูมุก...สำหรับพี่ไม่มีคำว่าลำบาก เข้าใจหรือเปล่า”
ทั้งคำพูดและแววตาของชิษวัศนั้นประทับลงที่กลางหัวใจอีกดวง มุกตาภาพยักหน้ารับ ดวงหน้าน่ารักส่งยิ้มหวานทว่าอบอุ่นไม่ต่างจากไอแดดยามเช้าที่ทำให้ผู้รับรู้สึกสดชื่นไม่น้อยที่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ
“กลางวันนี้หนูมุกอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย ถือว่าขอโทษที่พี่ผิดนัดเมื่อวาน” ชิษวัศถามคนที่เดินเคียงข้างมายังเจ้า Lexus LS460L คันเก่งของตัวเอง
มุกตาภานิ่งคิดไปหนึ่ง แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกจึงเปลี่ยนมาควงท่อนแขนแข็งแรงของชายหนุ่มแทน
“อะไรก็ได้ค่ะ แค่มีพี่อาร์มอยู่ด้วย มุกกินอะไรก็อร่อยทั้งนั้น” หญิงสาวยิ้มประจบพร้อมกับซบศีรษะลงบนท่อนแขนของชายหนุ่ม
ชิษวัศหัวเราะในลำคอ “ทำอย่างนี้เดี๋ยวได้ไปไม่ถึงบริษัทกันพอดี” แล้วก็ได้ผลชะงัดนักเมื่อลูกแมวน้อยที่ออดอ้อนเมื่อครู่รีบปล่อยท่อนแขนแข็งแรงราวกับต้องของร้อนแถมยังถอยห่างร่างสูงอีกนิดหนึ่งเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
มุกตาภาตวัดสายตามองค้อนอีกฝ่ายที่พูดจาทีเล่นทีจริง “มุกจะฟ้องคุณปู่รัน” ก่อนจะยกชื่อคุณปู่แฝดคนพี่มาขู่
“ครับๆ กลัวแล้วครับ ไม่กล้าแล้วครับ” ชิษวัศผงกศีรษะขึ้นลงราวกับว่ากำลังยอมแพ้ มุกตาภายิ้มกว้างกับท่าทีเหล่านั้น ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มยอมรับเสียงหัวใจตัวเองว่ามันดังตรงกันกับหัวใจของเธอ กำแพงน้ำแข็งที่เขามักจะสร้างมันขึ้นมาห่อหุ้มรอบตัวก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลยหลังจากที่ใจทั้งสองดวงตรงกัน
หากเสียงโทรศัพท์ที่ดังมาจากกระเป๋ากางเกงของชิษวัศก็ทำให้รอยยิ้มของมุกตาภาจางลง เพราะลางสังหรณ์ของเธอมันบอกว่าอีกฟากหนึ่งของสัญญาณคือคนที่เธอไม่อยากให้โทรมาทำลายช่วงเวลาแห่งความสุขระหว่างเธอและชิษวัศ
...ทวิดาร์...
“ว่าไงครับเฟลอร์” ชื่อของคนที่ชิษวัศกรอกเสียงตอบกลับไปทำเอาหัวใจดวงน้อยของอีกคนไหววูบขึ้นมาแปลกๆ คงเป็นเพราะลึกๆมุกตาภายังกลัวอยู่ว่าชิษวัศจะผิดนัดเธอไปหาทวิดาร์อีกครั้ง
“กลางวันนี้อาร์มว่างหรือเปล่าคะ”
“กลางวัน?” ชิษวัศย้อนถามกลับไป สายตาพลันเหลือบมองมายังหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างกัน
“ค่ะ คุณหมอให้เฟลอร์กลับบ้านได้แล้ว กลางวันเลยกะจะเลี้ยงขอบคุณอาร์มหน่อย”
“ผมนัดกับหนูมุกแล้ว” ชิษวัศตัดสินใจบอกทวิดาร์ไปตามตรงเมื่อเห็นสีหน้าที่กำลังแสดงท่าทีผิดหวังของมุกตาภา
“งั้นก็ชวนน้องมุกมาด้วยกันสิคะ”
“เฟลอร์” ชิษวัศเรียกชื่อของคนปลายสายเสียงต่ำ “ผมว่าคงไม่สะดวก” ก่อนจะตัดสินใจปฏิเสธอีกครั้ง
“แต่เฟลอร์ตั้งใจไว้แล้วนะคะ ที่สำคัญเฟลอร์บริสุทธิ์ใจด้วย ทำไมอาร์มต้องกันไม่ให้น้องมุกมาเจอกับเฟลอร์ด้วยล่ะคะ”
“ผมไม่ได้กัน” ชิษวัศรีบแก้ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกยาว “โอเค เดี๋ยวผมจะลองถามหนูมุกดู แค่นี้นะ” พูดจบชายหนุ่มก็ตัดสายสนมนาลงทันทีก่อนจะหันมามองมุกตาภาที่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร
“เฟลอร์โทรมาครับ” ชิษวัศเริ่มเรื่อง
“ค่ะ”
“หมอให้เฟลอร์ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เฟลอร์เลยอยากจะเลี้ยงมื้อกลางวันขอบคุณพี่เรื่องเมื่อวาน”
“ค่ะ พี่อาร์มก็ไปสิคะ” แม้จะบอกให้ชายหนุ่มตอบรับคำเชื้อเชิญของทวิดาร์แต่ดวงตาคู่สวยกลับหลบสายตาไม่กล้าสบมองดวงตาอีกคู่หนึ่งที่มองตรงมา
“เฟลอร์ชวนหนูมุกไปด้วยครับ แต่ถ้าหนูมุกไม่ไปพี่ก็ไม่บังคับแล้วพี่ก็จะไม่ไปด้วย นัดของเราจะยังเหมือนเดิม”
“พี่อาร์มกำลังกดดันมุกอยู่นะ” มุกตาภาบอกเสียงเบา แม้จะรู้ว่าชิษวัศไม่ได้คิดที่จะกดดันอะไรเธอ แต่เธอก็ยังต้องคิดหนักเพื่อที่จะตัดสินใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“พี่ไม่ได้กดดัน แต่ถ้าหนูมุกไม่สบายใจที่จะต้องไปเจอเฟลอร์ตอนนี้พี่ก็จะไม่ว่าอะไรเลย เมื่อวานพี่ผิดสัญญากับหนูมุกไปแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้พี่จะไม่ผิดสัญญากับหนูมุกเป็นครั้งที่สอง”
“คือว่ามุก...”
คิ้วเรียวสวยขมวดชิดจนแทบจะผูกเป็นปม จริงอยู่ที่เธอยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะมั่นคงแค่ไหนถ้าเห็นยามที่ชิษวัศอยู่กับทวิดาร์ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เธอกำลังคิดไปเองคนเดียว บางที...ทุกอย่างอาจไม่เป็นอย่างที่เธอคิดก็เป็นได้ บางที...ทวิดาร์อาจจะคิดกับชิษวัศเพียงแค่เพื่อน ไม่ได้คิดจะมาเขี่ยถ่านไฟเก่าให้มันคุขึ้นอย่างที่เธอนึกกลัว และเธอก็ไม่เห็นต้องกลัวที่จะไปเผชิญหน้ากับแฟนเก่าของชิษวัศในเมื่อตอนนี้ เวลานี้เธอต่างหากที่เป็นคนรักของเขา เธอต่างหากที่เป็นคนที่ชิษวัศเลือกที่จะให้เดินเคียงข้างกันไป และเป็นเธอ...ที่ชิษวัศตัดสินใจมอบคำรักให้กัน เพราะฉะนั้นเธอไม่จำเป็นต้องกลัว...ไม่จำเป็น
“ค่ะ...มุกจะไปกับพี่อาร์ม”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
เอาแล้วค่ะ...เฟลอร์เริ่มแล้ว หนูกมุกจะรับมือไหวไหมกับคนที่ไม่ได้ร้ายแบบเปิดเผย มาดูกันค่ะ
ปล. ถ้าตอนต่อไปมาช้าต้องขอโทษด้วยนะค้าาา...ช่วงนี้สมองตีบตันเหลือหลายค่ะ จะพยายามเข็นพี่อาร์มให้มาให้ได้นะคะ ^^"
ปล 2. ปอแก้วได้สิทธิ์ขอไอค่อนให้คนอ่านค่า ไม่ทราบว่ามีใครอยากได้บ้างคะ ขอประกาศผ่านตอนนี้แล้วกันเนอะ ใครอยากได้ลงชื่อไว้นะคะ
ปล (อีกที) : ย้ำเน้นๆ นักอ่านคนใดอยากได้ไอค่อนช่วยลงชื่อไว้ด้วยนะค้าาาาา ปอแก้วได้สิทธิ์ขอให้สองท่าน ถ้ามีคนอยากได้มากกว่าสองปอแก้วจะจับฉลากนะคะ
ตอบเมนท์จ้า...
คุณ nunoi : ตอนนี้เฉลยแล้วนะคะว่าคุณปู่แฝดไปเจอหนูมุกตอนไหน ความจริงพี่อาร์มต้องขอบคุณคุณปู่นะคะที่มองการณ์ไกลเลยชิงช่วยหลานชายซะก่อน
คุณ anOO : ฮ้าาาาา...อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ ฮ่าๆ พี่อาร์มคงจะงงไปเลยทีเดียว อิอิ
คุณ violette : เข้ามาขำพี่อาร์มใช่ไหมคะ?? ฮาาาาา
คุณ หมูบูลิน : เพราะมีหลานๆอย่างนี้ไงคะคุณปู่ถึงต้องลงแรงช่วยไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เห็นหน้าเหลน ดูดู๊...แต่ละคน
คุณ teesaparn : คุณปู่บอกว่าไม่มีแผนไม่ไหวค่ะ รอพวกหลานๆงานนี้ไม่มีหวังจะได้เห็นหน้าเหลน ฮ่าๆ
คุณ Amata : ขอบคุณมากมายสำหรับกำลังใจค่ะ
คุณ tutas : โดนซะมั่งค่ะ แล้วจะโดนอีกไม่ใช่น้อยต่อจากนี้ไป ฮ่าๆๆๆ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มี.ค. 2555, 21:17:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มี.ค. 2555, 11:36:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 1925
<< เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 18 | เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 20 >> |

violette 4 มี.ค. 2555, 21:35:08 น.
ร้ายเงียบๆๆแบบพี่เฟลอร์น่ากลัวที่สุดดดดด เอื๊อก แต่หนูมุกรับมือไหวอยู่แล้วเนอะ อิอิ
ปล. ขอบคุณคุณปอแก้วอีกรอบนะคะ :)
ร้ายเงียบๆๆแบบพี่เฟลอร์น่ากลัวที่สุดดดดด เอื๊อก แต่หนูมุกรับมือไหวอยู่แล้วเนอะ อิอิ
ปล. ขอบคุณคุณปอแก้วอีกรอบนะคะ :)

nunoi 5 มี.ค. 2555, 14:06:43 น.
ยัยเฟลอร์จะร้ายมายังไงหนูมุกน่าจะรับมือไหว ขออยากเดียวพี่อาร์มอย่ากินหญ้าแทนข้าว นะคะ
ยัยเฟลอร์จะร้ายมายังไงหนูมุกน่าจะรับมือไหว ขออยากเดียวพี่อาร์มอย่ากินหญ้าแทนข้าว นะคะ

tutas 5 มี.ค. 2555, 14:50:49 น.
โธ่ นึกว่าพี่อาร์มจะเจ้าเล่ห์ที่แท้ก็มาจากพี่อาร์มนี่เอง 5555 แถมโดนคุณปู่ดัดหลังอีก 55
โธ่ นึกว่าพี่อาร์มจะเจ้าเล่ห์ที่แท้ก็มาจากพี่อาร์มนี่เอง 5555 แถมโดนคุณปู่ดัดหลังอีก 55

anOO 5 มี.ค. 2555, 16:49:52 น.
เฟลอร์กะจะร้ายจริงๆ ใช่ไหม หรือว่าแค่แกล้งๆ หนูมุกเล่น
เฟลอร์กะจะร้ายจริงๆ ใช่ไหม หรือว่าแค่แกล้งๆ หนูมุกเล่น

ปอแก้ว 5 มี.ค. 2555, 21:19:28 น.
มาบอกอีกที...สิทธิ์การได้รับไอค่อน 2 สิทธิ์ยังอยู่ครบนะค้าาาา...ใครอยากได้ส่งโปสการ์ดมาบอกหรือโพสบอกไว้ด้วยนะคะ อุตส่าห์ได้แล้วอยากแจกให้เพื่อนๆค่ะ :)
มาบอกอีกที...สิทธิ์การได้รับไอค่อน 2 สิทธิ์ยังอยู่ครบนะค้าาาา...ใครอยากได้ส่งโปสการ์ดมาบอกหรือโพสบอกไว้ด้วยนะคะ อุตส่าห์ได้แล้วอยากแจกให้เพื่อนๆค่ะ :)

Amata 6 มี.ค. 2555, 11:18:07 น.
เฟลอร์มีอะไรซ่อนไว้รึเปล่า แต่เชื่อว่าหนูมุกสู้ได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว
เฟลอร์มีอะไรซ่อนไว้รึเปล่า แต่เชื่อว่าหนูมุกสู้ได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว

teesaparn 6 มี.ค. 2555, 12:18:45 น.
รู้สึกว่าคุณปอแก้วจะทำแปลงหญ้าไว้หื้อพระเอกนัก(เยอะ)ล้ำไปแล้ว รีบฉลาดได้ล่ะ เริ่มรำคาญ
รู้สึกว่าคุณปอแก้วจะทำแปลงหญ้าไว้หื้อพระเอกนัก(เยอะ)ล้ำไปแล้ว รีบฉลาดได้ล่ะ เริ่มรำคาญ

ดาวคันชั่ง 6 มี.ค. 2555, 20:49:42 น.
แอบรู้สึกว่าหนูมุกไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ค่ะ พี่อาร์มมากกว่าที่น่าเป็นห่วงว่าจะตามความร้ายลึกของแฟนเก่าไม่ทัน
แอบรู้สึกว่าหนูมุกไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ค่ะ พี่อาร์มมากกว่าที่น่าเป็นห่วงว่าจะตามความร้ายลึกของแฟนเก่าไม่ทัน

roseolar 18 มี.ค. 2555, 12:51:57 น.
เฮ้อ!!ฟ้าฝนดูจะเข้าข้างพี่อาร์มเสียเหลือเกิน
ตอนที่พี่อาร์มตะโกนคำว่า "สำเร็จ" ในใจ ไอ้เราก็อดคิดไม่ได้ว่า แหมพี่อาร์ม ชักจะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวันๆแล้วนะคะ
พออ่านบรรทัดต่อมา..อ้าว!เฮ้ย แผนพี่อาร์ทนี่หว่า พี่อาร์ทนะพี่อาร์ท แนะนำคนอื่นซะดิบดี เอาชนะใจหมูหวานให้ได้ซะก่อนเถอะ อะโด่เอ๊ย!!!
เฮ้อ!!ฟ้าฝนดูจะเข้าข้างพี่อาร์มเสียเหลือเกิน
ตอนที่พี่อาร์มตะโกนคำว่า "สำเร็จ" ในใจ ไอ้เราก็อดคิดไม่ได้ว่า แหมพี่อาร์ม ชักจะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวันๆแล้วนะคะ
พออ่านบรรทัดต่อมา..อ้าว!เฮ้ย แผนพี่อาร์ทนี่หว่า พี่อาร์ทนะพี่อาร์ท แนะนำคนอื่นซะดิบดี เอาชนะใจหมูหวานให้ได้ซะก่อนเถอะ อะโด่เอ๊ย!!!